มทภ.4 ประกาศเคอร์ฟิวส์ พื้นที่อ.ยะหา-บันนังสตา [15 มี.ค. 50 - 15:34]
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 มี.ค.) พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้อาศัยกฎอัยการศึกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือเคอร์ฟิว ในพื้นที่ อ.ยะหา และ อ.บันนังสตา จ.ยะลา หลังเกิดเหตุรุนแรงในพื้นที่
โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ประกาศว่า ขอให้ประชาชนห้ามแต่งกายเลียนแบบหรือคล้ายคลึงเครื่องแบบทหาร ห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถานในช่วงเวลา 20.00 น. จนถึง 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น (16 มี.ค.) ห้ามใช้คลื่นวิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และขอให้ประชาชนช่วยแจ้งเบาะแสกับทางราชการด้วยด้านนายกฤษฏา บุญราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีกลุ่มชาวบ้านรวมตัวชุมนุมปิดถนนประท้วงเหตุคนร้ายยิงถล่มรถโดยสาร บริเวณหน้ามัสยิด ม.4 ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จนเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ทางคณะกรรมการที่ปรึกษาระดับอำเภอ ได้ส่งตัวแทนอำเภอ และผู้นำศาสนาระดับท้องถิ่น เข้าเจรจาเพื่อสร้างความเข้าใจกับกลุ่มชาวบ้านที่ชุมนุม พร้อมยืนยันจะให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ก่อความไม่สงบทั้งหมด ซึ่งก็สร้างความพอใจให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมจนได้สลายตัวในที่สุด
นายกฤษฎา กล่าวว่า ได้ทราบจากผู้นำท้องถิ่นว่า พื้นที่ ม.4 บ้านบาโร๊ะ ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ ชาวบ้านอยู่กันอย่างเข้มแข็ง และเคยถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบขมขู่และผลักดันให้ร่วมมือในการก่อความไม่สงบ แต่ชาวบ้านไม่ให้ความร่วมมือ จึงถูกคนร้ายก่อเหตุสร้างสถานการณ์ให้เกิดความแตกแยกในพื้นที่ แต่สามารถเจรจาจนทำความเข้าใจกันได้
ทั้งนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้กล่าวขอบคุณคนไทยทั้งประเทศที่ได้ส่งกำลังใจ และ ร่วมกันประณามการกระทำการอันโหด***มของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบโดยเฉพาะเหตุคนร้ายลอบยิงรถตู้โดยสารสาย เบตงหาดใหญ่ จนส่งผลให้ผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตถึง 8 คน
ขณะที่นายชัชวาลย์ งามทัพ ขนส่งจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า จากกรณีกลุ่มก่อความไม่สงบลอบโจมตีรถตู้โดยสารที่ จ.ยะลา ประกอบกับมีเหตุไม่สงบในพื้นที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขนส่งจังหวัดนราธิวาส จึงได้เน้นย้ำกับผู้ประกอบการรถโดยสารทุกชนิดในพื้นที่ ไม่ให้รับผู้โดยสารนอกเส้นทาง และไม่อนุญาตให้วิ่งเส้นทางลัด ซึ่งไม่ใช่เส้นทางหลัก เพราะอาจเกิดเหตุร้ายขณะเดินทางได้ หากผู้ประกอบการรายใดรู้สึกไม่มั่นใจในความปลอดภัย สามารถแจ้งมายังขนส่งจังหวัด เพื่อขอหยุดวิ่งรถชั่วคราวได้ แต่ทั้งนี้ ทางขนส่งฯ จะต้องมีการเข้าไปตรวจสอบก่อนว่า จะมีผลกระทบกับประชาชนที่ใช้รถโดยสารหรือไม่ ซึ่งหากพบว่ามีผลกระทบ ก็จำเป็นที่จะต้องให้ผู้ประกอบการวิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารต่อไป โดยอาจจะลดเที่ยวเดินรถลง และวิ่งรถในเวลาที่มีความปลอดภัยเท่านั้น โดยในวันที่ 28 มี.ค.นี้ ขนส่งจังหวัดนราธิวาส จะเรียกผู้ประกอบการรถโดยสารทุกประเภทในพื้นที่ มาประชุมเพื่อรับทราบปัญหาร่วมกัน และหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป
http://www.thairath.co.th/onlineheadnews.html?id=40198