ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
17-05-2025, 11:07
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เศรษฐกิจเน่าแน่ เตรียม ฉลองพบ สุสานกัน ได้แล้ว 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เศรษฐกิจเน่าแน่ เตรียม ฉลองพบ สุสานกัน ได้แล้ว  (อ่าน 2217 ครั้ง)
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« เมื่อ: 08-03-2007, 19:37 »

แห่เทขาย 'ดอลลาร์' ดันบาทแข็งปั๋ง
 
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวในตลาดเงินตลาดทุนว่า หลังจากที่มีข่าวเป็นที่แน่นอนว่า นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บรรดานักค้าเงิน โดยเฉพาะผู้ส่งออกไทยก็ได้เทขายเงินดอลลาร์เพื่อซื้อเงินบาทกันเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุผลเพราะเชื่อว่า นายฉลองภพจะต้องมีคำสั่งให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% แน่นอน

การเทขายเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเนื่องกันเป็นวันที่สอง ทำให้ค่าเงินบาทในตลาดออฟชอร์ แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วไปถึง32 บาทต่อดอลลาร์ นับแต่เปิดตลาดวันที่ 7 มี.ค. และด้วยเหตุผลเดียวกัน ผู้มีถิ่นฐานอยู่นอกประเทศ (NR) ก็เริ่มหันมาทยอยเก็บบาทในตลาดออนชอร์ด้วย เนื่องจากเห็นว่า หากมีการยกเลิกมาตรการ 30% จริง ตลาดออฟชอร์กับออนชอร์จะกลายมาเป็นตลาดเดียวกัน และค่าเงินบาทในตลาดออนชอร์จะแข็งค่าขึ้นในระดับเดียวกับออฟชอร์

ทั้งนี้ บรรยากาศของตลาดเงินที่จะเห็นทันที เมื่อยกเลิกมาตรการ 30% คือ เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอยู่ที่ 34 บาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 35.19 บาท โดยเงินบาทในตลาดออฟชอร์และออนชอร์จะปรับตัวเข้าหากันเมื่อไม่มีเพดาน 30% ปิดกั้นอยู่ หลังจากนั้น ค่าเงินบาท หลายฝ่ายเชื่อว่า นักลงทุนต่างชาติ จะพิจารณาตามพื้นฐานเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย การค้าการลงทุน และการเมืองภายในประเทศ ซึ่งอาจเป็นเหตุผลให้มีการนำเงินดอลลาร์กลับออกไปในระยะ 3-6 เดือนจากนี้ และมีผลให้เงินบาทอ่อนค่าไปอยู่ที่ 37-38 บาทต่อดอลลาร์ในที่สุด

ด้าน น.ส.นิตยา พิบูลย์รัตนกิจ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท. คาดว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวไม่หลุด 35 บาทต่อดอลลาร์แล้ว เนื่องจากขณะนี้ผู้ส่งออกได้เริ่มชะลอการเทขายเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯแล้ว และอัตราแลกเปลี่ยนในวันพรุ่งนี้จะเคลื่อนไหวในระดับใกล้เคียงวันก่อน.
http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=39373


แข็งเป๊ก รอวันแตกระเบิด เตรียมตัวไว้ให้ดีกันหรือยัง อีกไม่นานหรอก
บันทึกการเข้า
skidato
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 348



« ตอบ #1 เมื่อ: 08-03-2007, 19:50 »

แถเอ้ย ภายใต้การนำของนายกซื่อบื้อคนนี้หมดหวังกับประเทศนี้แล้วว่ะ
อะไรจะเกิดก็ช่างแม่งเถอะว่ะกูขอมีข้าวกินครบ 3 มื้อก็พอ
ใครจะเป็นจะตายก็ช่างแม่งมันแต่ก่อนกูตายขอให้ได้ไล่นายกซื่อบื้อคนนี้ไปให้ไกลๆหน่อยก็พอ
ส่วนจะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่แถจะมาช่วยกันหรือเปล่า 
บันทึกการเข้า
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #2 เมื่อ: 08-03-2007, 19:53 »

แถเอ้ย ภายใต้การนำของนายกซื่อบื้อคนนี้หมดหวังกับประเทศนี้แล้วว่ะ
อะไรจะเกิดก็ช่างแม่งเถอะว่ะกูขอมีข้าวกินครบ 3 มื้อก็พอ
ใครจะเป็นจะตายก็ช่างแม่งมันแต่ก่อนกูตายขอให้ได้ไล่นายกซื่อบื้อคนนี้ไปให้ไกลๆหน่อยก็พอ
ส่วนจะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่แถจะมาช่วยกันหรือเปล่า 

อ้าวคู้นน.........ไหงเปลี่ยนข้างเร็วจัง
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
skidato
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 348



« ตอบ #3 เมื่อ: 08-03-2007, 19:56 »

แถเอ้ย ภายใต้การนำของนายกซื่อบื้อคนนี้หมดหวังกับประเทศนี้แล้วว่ะ
อะไรจะเกิดก็ช่างแม่งเถอะว่ะกูขอมีข้าวกินครบ 3 มื้อก็พอ
ใครจะเป็นจะตายก็ช่างแม่งมันแต่ก่อนกูตายขอให้ได้ไล่นายกซื่อบื้อคนนี้ไปให้ไกลๆหน่อยก็พอ
ส่วนจะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่แถจะมาช่วยกันหรือเปล่า 

อ้าวคู้นน.........ไหงเปลี่ยนข้างเร็วจัง


จุดยืนผมคือไล่คนโกงชาติแต่ก็ไม่สนับสนุนให้คนซื่อบื้อมาบริหารบ้านเมือง
บันทึกการเข้า
samepong(ยุ่งแฮะ)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,402



« ตอบ #4 เมื่อ: 08-03-2007, 19:58 »

เท่าที่อ่านมา ก็ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉลองภพไม่ดี นี่น้า (ยังไม่ได้ลองทำงานเลย)
มันเป้นการคาดเดา ทิศทางราคาเงินบาทของนักลงทุน และผู้ส่งออก สมมุติว่า อ.ฉลองภพไม่สั่งยกเลิก30% แล้วจะเกิดอะไรขึ้น อย่าเอาข่าวที่เป้นการคาดเดามาเสนอเพื่อชักนำความรู้สึกซิครับ แถไปได้ คนเรา
บันทึกการเข้า

เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #5 เมื่อ: 08-03-2007, 20:02 »

แถเอ้ย ภายใต้การนำของนายกซื่อบื้อคนนี้หมดหวังกับประเทศนี้แล้วว่ะ
อะไรจะเกิดก็ช่างแม่งเถอะว่ะกูขอมีข้าวกินครบ 3 มื้อก็พอ
ใครจะเป็นจะตายก็ช่างแม่งมันแต่ก่อนกูตายขอให้ได้ไล่นายกซื่อบื้อคนนี้ไปให้ไกลๆหน่อยก็พอ
ส่วนจะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่แถจะมาช่วยกันหรือเปล่า 

อ้าวคู้นน.........ไหงเปลี่ยนข้างเร็วจัง


จุดยืนผมคือไล่คนโกงชาติแต่ก็ไม่สนับสนุนให้คนซื่อบื้อมาบริหารบ้านเมือง


งั้นขอถาม นายกฯในจินตนาการและในความฝันของคุณ มีคุณสมบัติเลิศเลอขนาดไหน

อยากรู้จิงๆ ช่วยยกตัวอย่างให้สักคน จะขอบคุณอย่างยิ่ง
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
skidato
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 348



« ตอบ #6 เมื่อ: 08-03-2007, 20:15 »

1. เด็ดขาดกล้าตัดสินใจโดยอยู่ภายใต้ของความถูกต้อง =นายกซื่อบื้อคนนี้ไม่มีโลเลฉิบหาย
2. รู้บทบาทของตัวเองว่าเข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อทำอะไร = 4 ข้อที่ไอ้พวกเวร คมช หน้าโง่มันอ้างเหตุในการยึดอำนาจนายกซื่อบื้อคนนี้บอกไม่จำเป็นต้องทำ ดูมันพูดสิ
3. ให้ความคุ้มครองความปลอดภัยต่อประชาชนอย่างทั่วถึง =นายกคนนี้วันๆไม่ทำห่าอะไรเอาแต่ไหว้โจรขอโทษคนนั้นคนนี้นี่หรือคือการคุ้มครองความปลอดภัยของท่าน


สถานการณ์ในขณะนี้ขอเพียงนายกที่มีคุณสมบัติแค่นี้พอไม่ต้องเก่งมากมายอะไรหรอก
บันทึกการเข้า
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #7 เมื่อ: 08-03-2007, 20:21 »

1. เด็ดขาดกล้าตัดสินใจโดยอยู่ภายใต้ของความถูกต้อง =นายกซื่อบื้อคนนี้ไม่มีโลเลฉิบหาย
2. รู้บทบาทของตัวเองว่าเข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อทำอะไร = 4 ข้อที่ไอ้พวกเวร คมช หน้าโง่มันอ้างเหตุในการยึดอำนาจนายกซื่อบื้อคนนี้บอกไม่จำเป็นต้องทำ ดูมันพูดสิ
3. ให้ความคุ้มครองความปลอดภัยต่อประชาชนอย่างทั่วถึง =นายกคนนี้วันๆไม่ทำห่าอะไรเอาแต่ไหว้โจรขอโทษคนนั้นคนนี้นี่หรือคือการคุ้มครองความปลอดภัยของท่าน


สถานการณ์ในขณะนี้ขอเพียงนายกที่มีคุณสมบัติแค่นี้พอไม่ต้องเก่งมากมายอะไรหรอก


ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีมา 24 คน ขอถามว่าคุณถูกใจใครเป็นที่สุด

และคิดว่าท่านไหนทำได้ใกล้เคียงกับความต้องการของคุณที่สุด
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
skidato
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 348



« ตอบ #8 เมื่อ: 08-03-2007, 20:35 »

1. เด็ดขาดกล้าตัดสินใจโดยอยู่ภายใต้ของความถูกต้อง =นายกซื่อบื้อคนนี้ไม่มีโลเลฉิบหาย
2. รู้บทบาทของตัวเองว่าเข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อทำอะไร = 4 ข้อที่ไอ้พวกเวร คมช หน้าโง่มันอ้างเหตุในการยึดอำนาจนายกซื่อบื้อคนนี้บอกไม่จำเป็นต้องทำ ดูมันพูดสิ
3. ให้ความคุ้มครองความปลอดภัยต่อประชาชนอย่างทั่วถึง =นายกคนนี้วันๆไม่ทำห่าอะไรเอาแต่ไหว้โจรขอโทษคนนั้นคนนี้นี่หรือคือการคุ้มครองความปลอดภัยของท่าน


สถานการณ์ในขณะนี้ขอเพียงนายกที่มีคุณสมบัติแค่นี้พอไม่ต้องเก่งมากมายอะไรหรอก





ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีมา 24 คน ขอถามว่าคุณถูกใจใครเป็นที่สุด

และคิดว่าท่านไหนทำได้ใกล้เคียงกับความต้องการของคุณที่สุด



ในชั่วชีวิตของผมเพิ่งมีโอกาสได้สัมผัสจากการปกครองของนายกดังนี้

1. พล.เอก ชาติชาย
2. พล.เอก สุจินดา
3. ท่านอานันท์ ปัญยารชุน
4. ท่านนายกชวน
5. ท่านบรรหาร
6. พล.เอก ชวลิต
7. พ.ต.ท ทักษิณ
8 . คนล่าสุดคือนายกซื่อบื้อคนนี้
จากตัวเลือกที่ผมเคยสัมผัสมาคนอื่นๆที่ผมเกิดยังไม่ทันผมไม่ขอเลือกจะเลือกมาจากประสบการโดยตรงที่ได้สัมผัส

ท่านอานันท์ ปัญยารชุน
บันทึกการเข้า
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 08-03-2007, 20:42 »

แถเอ้ย ภายใต้การนำของนายกซื่อบื้อคนนี้หมดหวังกับประเทศนี้แล้วว่ะ
อะไรจะเกิดก็ช่างแม่งเถอะว่ะกูขอมีข้าวกินครบ 3 มื้อก็พอ
ใครจะเป็นจะตายก็ช่างแม่งมันแต่ก่อนกูตายขอให้ได้ไล่นายกซื่อบื้อคนนี้ไปให้ไกลๆหน่อยก็พอ
ส่วนจะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่แถจะมาช่วยกันหรือเปล่า 

เสียใจด้วยครับ แถศรีเปลี่ยนมาเชียร์ฤาษีแล้ว แกแอบเชียร์อยู่ สังเกตให้ดี ส่วนถ้าแถศรีคิดว่าเหลี่ยมจะกลับมาในเร็ววัน อย่าหวังครับ  เพราะถ้าจะกลับมา เหลี่ยมจะกลับมาอีก 3 ปีครับ เรื่องอะไรจะกลับมาตอนวิกฤติสุดให้โดนด่าล่ะ  Question แถศรีเป็นลูกพรรค์ไหนไม่รู้ใจพ่อเหลี่ยมเล้ยยยย

ส่วน อ.ฉลองภพ ก็เป็นคนดีและคนเก่งครับ เพียงแต่ว่า คนดีและเก่งต้องจะต้องมีผู้บังคับบัญชาที่เท่าทันเกม จึงจะกำหนดทิศทางของทั้งคณะได้ เพราะการตัดสินใจในยามวิกฤติอยู่ที่ผู้บังคับบัญชา

ก็เหมือน คุณโฆสิต ก็เป็นคนเก่ง มีความสามารถแน่นอน การันตี แต่เหตุใดจึงไม่สามารถฉายแววได้ Question เพราะอยู่ใต้ผู้บังคับบัญชาที่ลำดับความสำคัญของงานไม่เป็น ใช่หรือไม่ Question
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-03-2007, 20:45 โดย wake up to reality » บันทึกการเข้า

ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #10 เมื่อ: 08-03-2007, 20:45 »

ในชั่วชีวิตของผมเพิ่งมีโอกาสได้สัมผัสจากการปกครองของนายกดังนี้

1. พล.เอก ชาติชาย
2. พล.เอก สุจินดา
3. ท่านอานันท์ ปัญยารชุน
4. ท่านนายกชวน
5. ท่านบรรหาร
6. พล.เอก ชวลิต
7. พ.ต.ท ทักษิณ
8 . คนล่าสุดคือนายกซื่อบื้อคนนี้
จากตัวเลือกที่ผมเคยสัมผัสมาคนอื่นๆที่ผมเกิดยังไม่ทันผมไม่ขอเลือกจะเลือกมาจากประสบการโดยตรงที่ได้สัมผัส

ท่านอานันท์ ปัญยารชุน


.................................................................................


บุคคลที่คุณเอ่ยนามมาทั้งหมดแปดท่านนี่หมายถึงชอบหรือไม่ชอบคะ

ส่วนท่านอานันท์ ปันยารชุน คืออดีตนายกฯที่คุณชื่นชมมากที่สุดใช่รึเปล่า?


ปล.ขออภัยท่านสมาชิกอื่นๆด้วยค่ะ เพียงอยากปุจฉา วิสัชชนากับคุณskidato

เรื่องการเมืองเพื่อเป็นกรณีศึกษาจริงๆค่ะ คุณแบบเพื่อนๆสบายๆ
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
skidato
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 348



« ตอบ #11 เมื่อ: 08-03-2007, 20:50 »

อ้าว เวร จริงเรอะ แถศรี ก็ไหนบอกพวกเรารักนายกทักษิณจะไม่ทอดทิ้งท่าน 
งงฉิบหายมันจะเอาไงแน่วุ้ยสาวกเหลี่ยม 55


อ้างถึง
ส่วนท่านอานันท์ ปันยารชุน คืออดีตนายกฯที่คุณชื่นชมมากที่สุดใช่รึเปล่า?
ใช่ครับ
ตอบตามประสบการณ์ที่เคยสัมผัสมาครับ คนอื่นๆเกิดยังไม่ทันได้อ่านแต่ประวัติไม่อยากเลือก
บันทึกการเข้า
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 08-03-2007, 20:53 »

อ้าว เวร จริงเรอะ แถศรี ก็ไหนบอกพวกเรารักนายกทักษิณจะไม่ทอดทิ้งท่าน 
งงฉิบหายมันจะเอาไงแน่วุ้ยสาวกเหลี่ยม 55
อ้าว ก็เชียร์ให้ฤาษีให้อยู่นานๆ จะได้ทำเรื่องเปิ่นๆออกมาเรื่อยๆ เพราะหวังว่าเหลี่ยมจะได้กลับมาเร็วๆไงครับ แต่ผมมั่นใจว่า เหลี่ยมเห็นเศรษฐกิจแบบนี้ไม่กลับมาตอนนี้หรอกครับ อยู่เมืองนอกเล่นค่าเงินหนุกกว่าเยอะ 555


อ้อ ถ้าแถศรีอยากจะอยู่รอดปลอดภัย จะบอกบุญให้ แนะนำให้ฝากเงิน eur & cad ที่ฮ่องกงครับ  Mr. Green  มาบ่นแบบนี้ไม่มีประโยชน์

อานันท์ ปันยารชุน ท่านเป็นทั้งนายกฯระหว่างรสช. และแม้หลังรสช.แล้ว ยังมีคนไปเชิญท่านกลับมาเป็นเพื่อแก้วิกฤติได้อีก ทั้งสองรอบไม่มีใครปริปากก่นด่าเลย รัฐมนตรีแต่ละคนก็ใช่ว่าจะต่างจากขณะนี้ แต่ท่านอานันท์ทันเกมตลอด เป็นคนรู้รอบ ฉับไว แต่รอบคอบ แค่นี้ก็พอเพียงที่จะพิสูจน์ฝึมือแล้วครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-03-2007, 21:02 โดย wake up to reality » บันทึกการเข้า

อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #13 เมื่อ: 08-03-2007, 21:10 »

วิสัยทัศน์ / ดร. อนุแถณ์ ทำมันเจ๊ง

++ อนาคตได้ ฉลองพบ สุสานกัน แน่

ความผันผวนทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกประเทศ หากเราพิจารณาเหตุปัจจัยและผลต่างๆ
อันซับซ้อนด้วยความเข้าใจที่มีผลต่อความซับซ้อนสับสนต่อเศรษฐกิจ

ปัจจัยภายในคือความโง่ห่วยแตกของรัฐบาลวีรบุรุษส่งมาเกิด ที่มีทีมเศรษฐกิจชักว่าว ช่วยสร้างโอกาสให้
ต่างชาติผู้เก็งกำไร ได้มาตุนเงินบาทในรูปพันธบัตรไว้จำนวนมหาศาลในอัตราแลกเปลี่ยนประมาณสี่สิบบาท

ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของทีมเศรษฐกิจอุ๋ย ได้หยุดการเก็งกำไรอย่างได้ผลทันที แป๊บนึง โดยแลก
กับความเสียหายจิ๊บๆ ของตลาดทุนแค่แปดแสนล้านในหนึ่งวัน ซึ่งไม่กระทบกระเทือนความมั่งคั่งของ
ประเทศวีรบุรุษบินฟรีแห่งนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของประเทศนี้เอง ทำให้ค่าเงินบาทพุ่งขึ้นอย่างไม่หยุด
ยั้ง แม้จะสังเวยด้วยการเจ๊งไปแล้วแปดแสนล้านก็ตาม

ธปท เราก็แอบป้องกันชาติด้วยการสังเวยไปอีกสามแสนล้าน และยังได้ติดต่อสำนักโฆษณาระดับโลกมา
ช่วยแต่งสภาพศพให้ดูดี ปัจจุบันผู้บริหารทั้งหลายต่างกำลังซ้อมบีบน้ำตาให้ได้ระดับไอทีวีเป็นอย่างน้อย

เมื่อหัวหน้าทีมเศรษฐกิจอุ๋ยได้จากไปเพราะแพ้อิทธิฤทธิ์เหรียญจตุคามรามเทพของแท้ ที่ห้อยคอโคตรสื่อ
คนดีแห่งประเทศไทย ก็ได้หัวหน้าทีมเศรษฐกิจชื่อเสียงดี คือ ดร. ฉลองพบ สุสานกาน มาแทน

ขอทำนายไว้เลยว่า หลังจากโละทิ้งนโยบาย 30% เจ๊งทุกหย่อมหญ้าแล้ว ค่าเงินก็จะแข็งตามความแข็งแกร่ง
ของประเทศไปทะลุสามสิบบาท เมื่อเวลาที่เหมาะสมนั้น ต่างชาติก็นำเงินบาทที่ตุนไว้ในรูปอะไรก็ตามมาขาย
โดยใช้จำนวนเงินเพียง 75% ของที่ซื้อไว้เมื่อ 40 บาท ก็เท่าทุนแล้ว ต่อไปที่เหลืออยู่ 25% จะขายได้เท่าไหร่
ก็คือกำไรเท่านั้น เมื่อนั้นบาทก็จะวิ่งไปสู่ดินแดน สุสานวดี เตรียมตัวฉลองได้แล้วคับท่าน

ควรป้องกันความเสี่ยงด้วยการไม่ถือเหรียญดอลล่าร์ให้เปลี่ยนเป็นเหรียญจตุคามรามเทพของแท้แทน เพราะ
มีราคามากไม่มีตก เนื่องจากศาสดาธิดอกทองรับประกันคุณภาพเอง

จบการวิเคราะห์เศรษฐกิจแต่เพียงนี้คับ
บันทึกการเข้า
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #14 เมื่อ: 08-03-2007, 21:15 »

อ้างถึง
ส่วนท่านอานันท์ ปันยารชุน คืออดีตนายกฯที่คุณชื่นชมมากที่สุดใช่รึเปล่า?
ใช่ครับ
ตอบตามประสบการณ์ที่เคยสัมผัสมาครับ คนอื่นๆเกิดยังไม่ทันได้อ่านแต่ประวัติไม่อยากเลือก

...................................................................


เห็นตรงกันค่ะ คนส่วนใหญ่ชื่นชมท่านอานันท์ รวมทั้งดอกฟ้าฯด้วย

หากมีใครเชิญท่านมาเป็นนายกฯอีกรอบท่านจะยอมมั้ยคะ ในสถานการณ์อันจำกัด

และล่อแหลมขนาดนี้ ตอนที่ท่านอานันท์เป็นนายกฯ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากมาย

เท่าที่จำได้ท่านโดนหนักเกี่ยวกับเรื่องเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนอุตสาหกรรม

จนกระทั่งท่านลงจากอำนาจ ใช้เวลาหลายปีกว่าใครๆจะเห็นภาพท่านชัดเจน

แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนที่ไม่ชอบท่าน นานาจิตตังค่ะ ไม่มีใครที่จะทำถูกใจใครได้ทุกคน

ดีมาก ดีน้อย เลวมาก เลวน้อย ขอเพียงว่า ติเพื่อก่อและสร้างสรรค์ อย่าติเรือทั้งโกลน

เชื่อว่ารัฐบาลในปัจจุบันเงี่ยหูฟังเสียงประชาชนอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่เนื่องด้วยข้อจำกัด

ของระยะเวลา กับปัญหาที่หนักหนาสาหัส เหมือนเจอเชื้อโรคร้ายที่ไม่เคยเกิดขึ้น

การรับมือกับปัญหาคงคล้ายกับตาบอดคลำช้าง คลำไปคลำมางุ่มง่ามไม่ทันใจวัยรุ่น

เราเพียงให้เวลารอดูอีกไม่กี่เดือน แล้ววันนั้นจะช่วยร่วมสังฆกรรมด้วยจริงๆ


ด้วยความเคารพในทุกท่านที่เห็นแตกต่างที่ตั้งอยู่บนความบริสุทธิ์ใจ

ยกเว้นนางสาวแอบจิตกับนายแอบแฝง จบข่าวก่อนแค่นี้ค่ะ
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 08-03-2007, 21:21 »


แวะมาทักทาย ท่านแถ เจ้าพ่อกระทู้ "เศรษฐกิจเน่า"  หน่อยครับ   
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #16 เมื่อ: 08-03-2007, 21:29 »

สื่อฯ ในยุคของอดีตนายก ฯ อานันท์ ปันยารชุน ตั้งสมญานามเหน็บแนมท่านไว้ว่า "ผู้ดีรัตนโกสินทร์" ได้รับคำวิพากย์ในเชิงลบว่า ท่านไม่ค่อยเห็นหัวคนยากคนจน เอาใจบรรดาชนชั้นนายทุน และบรรดารัฐมนตรีร่วมคณะ ฯ ก็ครือ ๆ กับรัฐบาลเฉพาะกาลชุดนี้ คือ เต็มไปด้วยอดีตข้าราชการและเทคโนแครตทั้งนั้น

ไม่แน่ใจว่า สนามบินสุวรรณภูมิได้รับอนุมัติให้ทำการก่อสร้างได้ในสมัยท่านหรือเปล่า แต่คุ้น ๆ ว่าใช่

บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 08-03-2007, 21:54 »

สื่อฯ ในยุคของอดีตนายก ฯ อานันท์ ปันยารชุน ตั้งสมญานามเหน็บแนมท่านไว้ว่า "ผู้ดีรัตนโกสินทร์" ได้รับคำวิพากย์ในเชิงลบว่า ท่านไม่ค่อยเห็นหัวคนยากคนจน เอาใจบรรดาชนชั้นนายทุน และบรรดารัฐมนตรีร่วมคณะ ฯ ก็ครือ ๆ กับรัฐบาลเฉพาะกาลชุดนี้ คือ เต็มไปด้วยอดีตข้าราชการและเทคโนแครตทั้งนั้น

ไม่แน่ใจว่า สนามบินสุวรรณภูมิได้รับอนุมัติให้ทำการก่อสร้างได้ในสมัยท่านหรือเปล่า แต่คุ้น ๆ ว่าใช่

อาแจ้แม่นจริงๆ ใช่ครับ  ที่เคยอ่านเจอ กรมการบินฯทยอยทั้งซื้อทั้งเวนที่ดินตรงนั้นมาตลอดเป็นเวลา 40 กว่าปีแล้ว ตอนนั้นรัฐบาลอานันท์น่าจะ (เดาเอาเอง) ตัดสินใจด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่ต้องไปเวนที่ดินที่ไหนแล้ว เพราะมีที่ดินที่เวนมาอยู่แล้ว

กลับมาพูดถึงความรู้สึกในยุคนั้นเทียบกับขณะนี้ ผมรู้สึกว่า มันไม่วุ่นวาย มั่วซั่วเหมือนยุคนี้เลยนะครับ การสนับสนุนของประชาชนต่อรสช.เทียบกับต่อคปค.ในช่วงยึดอำนาจก็ต่างกันสิ้นเชิง  เท่ากับว่าฤาษีได้เปรียบท่านอานันท์ในแง่การสนับสนุนของประชาชนด้วยซ้ำ แต่มาทำเละซะนี่
บันทึกการเข้า

aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #18 เมื่อ: 08-03-2007, 22:19 »


อาแจ้แม่นจริงๆ ใช่ครับ  ที่เคยอ่านเจอ กรมการบินฯทยอยทั้งซื้อทั้งเวนที่ดินตรงนั้นมาตลอดเป็นเวลา 40 กว่าปีแล้ว ตอนนั้นรัฐบาลอานันท์น่าจะ (เดาเอาเอง) ตัดสินใจด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่ต้องไปเวนที่ดินที่ไหนแล้ว เพราะมีที่ดินที่เวนมาอยู่แล้ว


ขอบคุณที่ช่วยคอนเฟิร์มค่ะ  Very Happy



...
กลับมาพูดถึงความรู้สึกในยุคนั้นเทียบกับขณะนี้ ผมรู้สึกว่า มันไม่วุ่นวาย มั่วซั่วเหมือนยุคนี้เลยนะครับ การสนับสนุนของประชาชนต่อรสช.เทียบกับต่อคปค.ในช่วงยึดอำนาจก็ต่างกันสิ้นเชิง  เท่ากับว่าฤาษีได้เปรียบท่านอานันท์ในแง่การสนับสนุนของประชาชนด้วยซ้ำ แต่มาทำเละซะนี่


เข้าใจค่ะ แต่ยุคนั้นได้แต่ตามข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ กับทีวี ถ้ามีเว็บบอร์ดให้ประชาชนทั่วไปได้แสดงความคิดเห็นแบบในยุคนี้ ก็อาจจะได้เห็นชัดเจนว่าประชาชนทั่วไปคิดอย่างไร แต่คิดว่าเป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจได้ว่า ทำไมยุคนี้มันดูวุ่นวายสับสนเละเทะมากกว่ายุคนั้น เพราะผลร้ายที่เกิดขึ้นจากระบอบทักษิณเป็นเวลา 5 ปี นั้นมันรุนแรงและเลวร้ายเน่าเฟะกว่ายุคน้าชาติมากมายนัก การแก้ปัญหาย่อมลำบากยากเข็ญกว่า และเข้าใจว่า ยังมีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่คนทั่วไปยังไม่ทราบ ทำให้ผลของการพยายามแก้ปัญหากลับดูเหมือนว่าสร้างปัญหาทับซ้อนเข้าไปอีก ทำให้รู้สึกน่าผิดหวัง หรือหมดหวังเข้าไปทุกที 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-03-2007, 22:21 โดย aiwen^mei » บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #19 เมื่อ: 09-03-2007, 07:41 »

นักธุรกิจลุ้นบทบาทขุนคลังลุยลดดอกเบี้ยช็อก ตลาด กระตุ้นเศรษฐกิจ
 
นักธุรกิจจำนวนมากต่างเฝ้าจับตาดูบทบาทของ รมว.กระทรวงการคลัง นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ กันด้วยใจระทึก แม้จะมีประวัติสวยงามจากเก้าอี้อดีตประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และปริญญาบัตร Ph.D สาขาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เป็นประกัน แต่หลายคนยังหวั่นว่า การอยู่ในภาคทฤษฎีมานานของนายฉลองภพ จะสามารถสร้างดอกผลงอกเงยในภาคปฏิบัติที่เต็มไปด้วยปัญหาที่ทิ้งค้างไว้จาก รมว.กระทรวงการคลังคนเก่าหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักธุรกิจได้เรียกร้องให้ รมว.คลังคนใหม่ ทบทวนนโยบายเป้าหมายเงินเฟ้อ (Inflation tarketing) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปัจจุบันซึ่งอัตราดอกเบี้ยของ ธปท.ยังจัดอยู่ในอัตราที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อกระทรวงพาณิชย์ประกาศแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อขยายตัวเพียง 2.5-3%  แต่  ธปท.ยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง 4.50% ต่อไป โดยอ้างว่ายังมีความวิตกกังวลต่ออัตราเงินเฟ้ออยู่ 

“สิ่งแรกที่ รมว.คลัง ต้องทำก็คือ กดดันให้ ธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในระดับที่จะสามารถช็อกตลาดได้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกลับขึ้นมาโดยเร็ว ขณะเดียวกันก็เป็นทางเดียวที่จะกระตุกค่าเงินบาทให้กลับมาอยู่ในสถานะปกติที่ไม่หลุดกรอบออกไป เพราะปัจจุบันหรือตั้งแต่เดือน ม.ค.มาจนถึงเดือน มี.ค. เงินบาทแข็งค่ากว่าเงินสกุลอื่นๆในเอเชียแล้วถึง 1.9% จากที่แข็งค่าขึ้นในปี 2549 ถึง 17.9%” 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงทีเดียว 0.50-0.75% อาจเป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ แม้ จะช็อกตลาด แต่ก็อาจได้ผลดีกว่าการค่อยๆทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่ ธปท.ดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความล่าช้าไปมาก จนสร้างปัญหาต่อเนื่องตามมามากมาย โดยเฉพาะทำให้ค่าเงินบาทแข็งกว่าเงินสกุลอื่นๆในเอเชียทั้งหมด กระทั่งต้องไปเลือกใช้มาตรการสกัดกั้นเงินทุนนำเข้า 

“การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 3.75-4.00% ควรจะได้เห็นในช่วง 6 เดือนแรก และก่อนจะประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% โดยแบงก์ชาติควรทำงานร่วมกับ รมว.คลังอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงก่อน ขณะเดียวกันก็ต้องเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้การยกเลิกมาตรการนี้ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นฉับพลัน” 

นอกจากนี้แล้ว บรรดานายธนาคาร และนักการเงินยังขอให้ รมว.คลังคนใหม่หารือกับผู้บริหารระดับสูงของ ธปท.เพื่อทบทวนมาตรฐานบัญชีใหม่ (IAS39) และบาเซิล 2 ซึ่งนำมาใช้กับธนาคารพาณิชย์ไม่ถูกเวลาในขณะที่ตลาดทุน และตลาดพันธบัตรถูกทุบ และบอนไซโดยมาตรการของ ธปท. ซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจเอกชนหมดที่พึ่งในการหาแหล่งเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจ และการลงทุนใหม่ๆ

สำหรับนายฉลองภพมีกำหนดการจะเข้ารับหน้าที่ในวันนี้ (9 มี.ค.) เวลา 09.00 น. พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง และอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 หลังจากนั้น เวลา 10.00 น. จะเรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง และรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง เพื่อมอบนโยบายต่อไป 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้ารับตำแหน่ง รมว.คลัง ของนายฉลองภพดังกล่าว ได้ทำให้บรรยากาศการทำงานของข้าราชการกระทรวงการคลังกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเหตุเพราะข้าราชการส่วนใหญ่รู้สึกดีกับชื่อเสียงของนายฉลองภพซึ่งเป็นที่รับทราบกันในหมู่ข้าราชการว่า เป็นบุคคลที่มีความคิดตรงไปตรงมา และมีผลงานต่างๆทางด้านวิชาการอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะผลงานที่ออกมาจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะข้าราชการระดับสูงของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) หลายคนก็มีความคุ้นเคยกับนายฉลองภพเป็นอย่างดี   

เนื่องจากในช่วงที่นายฉลองภพทำงานอยู่ที่ทีดีอาร์ไอ ได้เคยมาวิจารณ์การทำงานของ สศค.หลายครั้ง ทั้งในด้านที่ดี และด้านลบอย่างตรงไปตรงมาซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าราชการ สศค.ต้องการมากที่สุด อย่างไร ก็ตาม ข้าราชการระดับสูงจำนวนหนึ่งแสดงความเป็นห่วงบทบาท และวิธีการทำงานของนายฉลองภพ ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งทางการเมืองเป็นครั้งแรกในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยนัก อาจทำให้นายฉลองภพไม่มีโอกาสตั้งตัวเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยเฉพาะการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาท

“หลายคนห่วงว่า การทำงานด้านวิชาการมาตลอดชีวิตของนายฉลองภพ อาจจะกลายเป็นอุปสรรค ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องลงมือทำทางด้านปฏิบัติอย่างรวดเร็ว และทันท่วงที ที่สำคัญยังต้องตัดสินใจออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ทันท่วงทีด้วย เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจโลกด้วย ครั้งนี้คงจะเป็นการวัดฝีมือในตำแหน่งขุนคลังที่ชื่อ “ฉลองภพ” ได้เป็นอย่างดีว่า การเป็น รมว.คลัง ไม่ง่ายเหมือนกับการออกบทวิเคราะห์หรือบทวิจารณ์เศรษฐกิจที่นั่งทำงานอยู่แต่ในห้องแอร์อย่างเดียว”.
http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=39488


ลดดอกเบี้ยหรือจะทำอะไรยังไงก็ไม่ได้ผลหรอก ถ้ายังมีวีรบุรุษอยู่ในประเทศมากเกินไปกินฟรีบินฟรีไม่หยุด
"ไม่ชี้แจง ไม่ต้องสงสัย...ไม่ต้องถามว่าผมใช้เงินเท่าไหร่ แต่ต้องถามว่าผมมีสิทธิใช้หรือไม่" นั่นต้องอย่างงั้น
"ผาแน่นทึบไม่กระเทือนลม"
"ผมเป็นนักรบ ซึ่งนักรบต้องมีคุณธรรม"
"น้ำไม่เดือดไปบอกว่าเดือดไม่ได้ ต้องเดือดแล้วจึงรู้ว่าเดือด...การปฏิวัติเกิดขึ้นได้เสมอ ผมไม่ได้พูดเพื่อต้องการปฏิวัติ..."
มีประโยคอย่างงี้เกิดขึ้นทุกวันก็อยู่บ้านนอนเกาไข่ไก่เล่นดีกว่านะคร้าบ ไม่ต้องแก้หรอกปัญหาเศรษฐกิจเสียเวลาคร้าบ
บันทึกการเข้า
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #20 เมื่อ: 09-03-2007, 08:29 »

นักธุรกิจลุ้นบทบาทขุนคลังลุยลดดอกเบี้ยช็อก ตลาด กระตุ้นเศรษฐกิจ
 
นักธุรกิจจำนวนมากต่างเฝ้าจับตาดูบทบาทของ รมว.กระทรวงการคลัง นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ กันด้วยใจระทึก แม้จะมีประวัติสวยงามจากเก้าอี้อดีตประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และปริญญาบัตร Ph.D สาขาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เป็นประกัน แต่หลายคนยังหวั่นว่า การอยู่ในภาคทฤษฎีมานานของนายฉลองภพ จะสามารถสร้างดอกผลงอกเงยในภาคปฏิบัติที่เต็มไปด้วยปัญหาที่ทิ้งค้างไว้จาก รมว.กระทรวงการคลังคนเก่าหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักธุรกิจได้เรียกร้องให้ รมว.คลังคนใหม่ ทบทวนนโยบายเป้าหมายเงินเฟ้อ (Inflation tarketing) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปัจจุบันซึ่งอัตราดอกเบี้ยของ ธปท.ยังจัดอยู่ในอัตราที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อกระทรวงพาณิชย์ประกาศแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อขยายตัวเพียง 2.5-3%  แต่  ธปท.ยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง 4.50% ต่อไป โดยอ้างว่ายังมีความวิตกกังวลต่ออัตราเงินเฟ้ออยู่ 

“สิ่งแรกที่ รมว.คลัง ต้องทำก็คือ กดดันให้ ธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในระดับที่จะสามารถช็อกตลาดได้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกลับขึ้นมาโดยเร็ว ขณะเดียวกันก็เป็นทางเดียวที่จะกระตุกค่าเงินบาทให้กลับมาอยู่ในสถานะปกติที่ไม่หลุดกรอบออกไป เพราะปัจจุบันหรือตั้งแต่เดือน ม.ค.มาจนถึงเดือน มี.ค. เงินบาทแข็งค่ากว่าเงินสกุลอื่นๆในเอเชียแล้วถึง 1.9% จากที่แข็งค่าขึ้นในปี 2549 ถึง 17.9%” 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงทีเดียว 0.50-0.75% อาจเป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ แม้ จะช็อกตลาด แต่ก็อาจได้ผลดีกว่าการค่อยๆทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่ ธปท.ดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความล่าช้าไปมาก จนสร้างปัญหาต่อเนื่องตามมามากมาย โดยเฉพาะทำให้ค่าเงินบาทแข็งกว่าเงินสกุลอื่นๆในเอเชียทั้งหมด กระทั่งต้องไปเลือกใช้มาตรการสกัดกั้นเงินทุนนำเข้า 

“การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 3.75-4.00% ควรจะได้เห็นในช่วง 6 เดือนแรก และก่อนจะประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% โดยแบงก์ชาติควรทำงานร่วมกับ รมว.คลังอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงก่อน ขณะเดียวกันก็ต้องเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้การยกเลิกมาตรการนี้ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นฉับพลัน” 

นอกจากนี้แล้ว บรรดานายธนาคาร และนักการเงินยังขอให้ รมว.คลังคนใหม่หารือกับผู้บริหารระดับสูงของ ธปท.เพื่อทบทวนมาตรฐานบัญชีใหม่ (IAS39) และบาเซิล 2 ซึ่งนำมาใช้กับธนาคารพาณิชย์ไม่ถูกเวลาในขณะที่ตลาดทุน และตลาดพันธบัตรถูกทุบ และบอนไซโดยมาตรการของ ธปท. ซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจเอกชนหมดที่พึ่งในการหาแหล่งเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจ และการลงทุนใหม่ๆ

สำหรับนายฉลองภพมีกำหนดการจะเข้ารับหน้าที่ในวันนี้ (9 มี.ค.) เวลา 09.00 น. พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง และอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 หลังจากนั้น เวลา 10.00 น. จะเรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง และรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง เพื่อมอบนโยบายต่อไป 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้ารับตำแหน่ง รมว.คลัง ของนายฉลองภพดังกล่าว ได้ทำให้บรรยากาศการทำงานของข้าราชการกระทรวงการคลังกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเหตุเพราะข้าราชการส่วนใหญ่รู้สึกดีกับชื่อเสียงของนายฉลองภพซึ่งเป็นที่รับทราบกันในหมู่ข้าราชการว่า เป็นบุคคลที่มีความคิดตรงไปตรงมา และมีผลงานต่างๆทางด้านวิชาการอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะผลงานที่ออกมาจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะข้าราชการระดับสูงของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) หลายคนก็มีความคุ้นเคยกับนายฉลองภพเป็นอย่างดี   

เนื่องจากในช่วงที่นายฉลองภพทำงานอยู่ที่ทีดีอาร์ไอ ได้เคยมาวิจารณ์การทำงานของ สศค.หลายครั้ง ทั้งในด้านที่ดี และด้านลบอย่างตรงไปตรงมาซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าราชการ สศค.ต้องการมากที่สุด อย่างไร ก็ตาม ข้าราชการระดับสูงจำนวนหนึ่งแสดงความเป็นห่วงบทบาท และวิธีการทำงานของนายฉลองภพ ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งทางการเมืองเป็นครั้งแรกในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยนัก อาจทำให้นายฉลองภพไม่มีโอกาสตั้งตัวเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยเฉพาะการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาท

“หลายคนห่วงว่า การทำงานด้านวิชาการมาตลอดชีวิตของนายฉลองภพ อาจจะกลายเป็นอุปสรรค ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องลงมือทำทางด้านปฏิบัติอย่างรวดเร็ว และทันท่วงที ที่สำคัญยังต้องตัดสินใจออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ทันท่วงทีด้วย เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจโลกด้วย ครั้งนี้คงจะเป็นการวัดฝีมือในตำแหน่งขุนคลังที่ชื่อ “ฉลองภพ” ได้เป็นอย่างดีว่า การเป็น รมว.คลัง ไม่ง่ายเหมือนกับการออกบทวิเคราะห์หรือบทวิจารณ์เศรษฐกิจที่นั่งทำงานอยู่แต่ในห้องแอร์อย่างเดียว”.
http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=39488


ลดดอกเบี้ยหรือจะทำอะไรยังไงก็ไม่ได้ผลหรอก ถ้ายังมีวีรบุรุษอยู่ในประเทศมากเกินไปกินฟรีบินฟรีไม่หยุด
"ไม่ชี้แจง ไม่ต้องสงสัย...ไม่ต้องถามว่าผมใช้เงินเท่าไหร่ แต่ต้องถามว่าผมมีสิทธิใช้หรือไม่" นั่นต้องอย่างงั้น
"ผาแน่นทึบไม่กระเทือนลม"
"ผมเป็นนักรบ ซึ่งนักรบต้องมีคุณธรรม"
"น้ำไม่เดือดไปบอกว่าเดือดไม่ได้ ต้องเดือดแล้วจึงรู้ว่าเดือด...การปฏิวัติเกิดขึ้นได้เสมอ ผมไม่ได้พูดเพื่อต้องการปฏิวัติ..."
มีประโยคอย่างงี้เกิดขึ้นทุกวันก็อยู่บ้านนอนเกาไข่ไก่เล่นดีกว่านะคร้าบ ไม่ต้องแก้หรอกปัญหาเศรษฐกิจเสียเวลาคร้าบ


มันมั่วเอามาจากไหนวะ ?
แล้ว/หรือ มันเกี่ยวอะไรกับกระทู้ ??

บันทึกการเข้า

AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 09-03-2007, 08:32 »

แถศรี ไอ้นั่นมันเรื่องของส.โหด   เพราะส.โหดไม่พอใจฤาษีอยู่แต่ทำอะไรไม่ได้

เดี๋ยวเย็นๆกูจะตั้งกระทู้ด่าฤาษีซื่อบื้อเอง 
บันทึกการเข้า

อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #22 เมื่อ: 09-03-2007, 09:02 »

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคถึงวิกฤติ ประชาชนผวาหนัก หยุดใช้จ่าย
 
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย เดือน ก.พ. 50 ว่า ทุกรายการปรับลดต่อเนื่องเป็นเดือน ที่ 4 และเฉลี่ยต่ำสุดในรอบ 5 ปี เพราะราคาน้ำมันสูงขึ้นต่อเนื่อง การเมืองเริ่มขาดเสถียรภาพจากกรณี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ลาออกจากรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ลาออกจากประธานคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เหตุระเบิดในภาคใต้ต่อเนื่อง และการประกาศเตือนการลอบวางระเบิดในกรุงเทพฯ ความวิตกต่อปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นและรายได้ในอนาคต และไม่เห็นความชัดเจนต่อนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล   

โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจเท่ากับ 73.4 ลดจาก 74.2 ในเดือน ม.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำอยู่ที่ 74.4 ลดจาก 75.4 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 89.2 ลดจาก 90.2 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค มีค่าต่ำสุดในรอบ 59 เดือนมาอยู่ที่ 79.0 ลดจาก 79.9 ส่งสัญญาณให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 76.8 ลดจาก 77.7 และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 77.1 จาก 78.0 นอกจากนี้ ประชาชนยังเห็นว่าไม่มีความเหมาะสมต่อการซื้อรถยนต์ บ้าน ไปท่องเที่ยว และลงทุนทางธุรกิจ เห็นได้จากดัชนีปรับลดลงทุกรายการ ขณะที่ดัชนีวัดความสุขในการดำรงชีวิตอยู่ที่ 99.5 ดีขึ้นจาก 97.5 เพราะเดือนนี้มีเทศกาลตรุษจีน และวันแห่งความรัก แต่การคาดหวังความสุขในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ปรับลดลงจาก 103.6 เหลือ 102.8 เพราะเริ่มกังวลสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่แน่นอน 

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์ พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ผลสำรวจชี้ชัดถึงดัชนีความเชื่อมั่นขาลง ซึ่งน่าห่วง ถือว่าเข้าใกล้ขั้นวิกฤติของความเชื่อมั่นผู้บริโภค รัฐบาลควรเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการการเงินและการคลัง โดยเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นการจ้างงาน ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% ไม่เกินไตรมาส 2 ปีนี้ รวมทั้งผ่อนปรนหรือยกเลิกมาตรการดูแลการเก็งกำไร 30% ซึ่งจะช่วยฟื้นความมั่นใจต่อการลงทุนของต่างประเทศ นอกจากนี้ ประชาชนเริ่มนำนโยบายรัฐบาลเก่ามาเปรียบเทียบกับรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะการแก้ปัญหายาเสพติด และการหารายได้ของประชาชน ทั้งนี้ รมว.คลัง คนใหม่ ควรเร่งฟื้นความมั่นใจของนักลงทุน ดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกิน 35-35.50 บาท/เหรียญสหรัฐฯ เร่งลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงอีกรอบ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่า 4%.
http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=39489


เศรษฐกิจจะดีมันขึ้นกับความเชื่อมั่นของประชาชน ถ้ามีวีรบุรุษขู่ปฏิวัติแบบนี้ใครจะไปเชื่อมั่นลงทุน
แถมโคตรสื่อสติแตกด่าได้ทุกวันทุกคนทุกอย่างทุกชนิดโดยไม่มีใครทำอะไรได้ เพราะคิดว่าเป็นผู้
มีพระคุณแก่ประเทศ คงไม่ต้องหาความเชื่อมั่นลงทุนอะไรแล้ว ตุนอาหารไว้ดีกว่า
บันทึกการเข้า
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #23 เมื่อ: 11-03-2007, 10:53 »

"ธาริษา" ชิงเลิกสำรอง 30% หลัง 15 มี.ค.
"ประสาร" จี้ลด ดบ. สกัดบาทแข็ง ติง รมว.คลัง คิดให้ดี
ก่อนรื้อ ธปท.


"ธาริษา"ชิงตัดหน้าขุนคลังคนใหม่ ประกาศเตรียมยกเลิกมาตรการ
กันสำรอง 30% หลัง 15 มี.ค.นี้ ถ้าเกณฑ์ให้ซื้อความเสี่ยงเต็ม 100% ได้ผลดี

"ประสาร" เตือนบาทส่อเค้าแข็งค่าไม่หยุด แนะ ธปท. ถึงเวลาลดดอกเบี้ย
ติงรัฐมนตรีคลังคนใหม่คิดให้รอบคอบก่อนยกเลิก 30% ตีกันเปลี่ยนตัว
ผู้ว่าการ ธปท. ระวังเจอปัญหาความเชื่อมั่น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ธปท.ควรดูแลค่าเงินบาทหรือไม่" จัดโดย
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยระบุว่า ธปท.จะรอดู
ผลจากเกณฑ์ที่ ธปท. ได้เพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนที่นำเงินตราต่างประเทศแลกเงิน
บาทเพื่อลงทุนในตราสารหนี้และกองทุนรวมทุกประเภทสามารถทำสัญญาป้องกันความ
เสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนแบบเต็มจำนวน (Fully Hedge) หรือจะกันสำรอง 30% ตามเดิม
เริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 15 มีนาคมนี้ ซึ่งหากสามารถดูแลการเก็งกำไรค่าเงินบาทระยะสั้น
ทาง ธปท. ก็จะยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ที่บังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม
2549 และให้ทำ Fully Hedge แทน

นางธาริษากล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ ธปท.จะต้องพิจารณาหลังจากวันที่ 15 มีนาคม
ประกอบด้วย 2 ประเด็น คือ

1. สถาบันการเงินมีสภาพคล่องเงินบาทสามารถรองรับความต้องการในการป้องกัน
    ความเสี่ยงได้เพียงพอหรือไม่
    ซึ่ง ธปท. เชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหา เพราะปัจจุบันสถาบันการเงินมีสภาพคล่อง
    เหลือจำนวนมาก ในขณะที่สินเชื่อขยายตัวไม่มากนักโดยปี 2549 สินเชื่อขยายตัว
    ได้เพียง 6-7%

2. นักลงทุนที่นำเงินตราต่างประเทศเข้ามามีช่องทางหลีกเลี่ยงไม่ทำ Fully Hedge
    หรือไม่
    ซึ่งจากการสอบถามสถาบันการเงิน เห็นว่าการใช้วิธีนี้คล่องตัวมากกว่าการกัน
    สำรอง 30%

นางธาริษากล่าวว่า การยกเลิกมาตรการ 30% แต่ให้ทำ Fully Hedge แทนจะไม่มีผล
ต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน โดยมั่นใจว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะไม่ปรับขึ้น
ไปจากระดับปัจจุบันที่ 4.5% แน่นอน แต่ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยจะปรับลดลงหรือไม่เป็น
เรื่องที่คณะกรรมการนโยบายการเงินจะต้องพิจารณาจากข้อมูลและปัจจัยแวดล้อมใน
ช่วงนั้นๆ

อย่างไรก็ตาม นางธาริษากล่าวว่า ตนยังไม่ได้พูดคุยกับนายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ แต่อยู่ระหว่างการติดต่อ ซึ่ง ธปท. จะต้อง
รายงานงานที่ค้างอยู่ รวมถึงนโยบายมาตรการกันสำรอง 30% ด้วย

***
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยว่า การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงนี้ ซึ่งใกล้แตะระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์นั้น
ถือว่าเป็นแนวโน้มที่หลีกเลี่ยงยาก เนื่องจากในช่วงปี 2547-2548 ค่าเงินบาทอยู่ใน
ระดับต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานจริง จึงทำให้นักลงทุนมองว่า มีโอกาสที่จะแข็งค่าสูงกว่า
เงินสกุลอื่น อีกทั้งการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในขณะนี้จะมีผลให้เงินบาทต้องแข็งค่า
ดังนั้น การทำให้เงินบาทอ่อนค่าจะเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ

"เห็นว่า ธปท.ถึงเวลาที่จะต้องใช้นโยบายปรับลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยชะลอการไหลเข้า
ของทุนต่างประเทศ ซึ่งอาจเป็นมาตรการที่ไม่เห็นผลในทันที แต่น่าจะเหมาะสมที่สุด
ในขณะนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของไทยในปัจจุบันก็อยู่ในระดับต่ำ และมีแนวโน้มจะ
ลดลงอีกในเดือนพฤษภาคมนี้"

นายประสารกล่าวว่า ส่วนการจะยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% หรือไม่นั้น ควรจะ
ต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากเหตุผลที่ใช้มาตรการเป็นโจทย์ทางเทคนิค
แต่ปัจจุบันกลายเป็นโจทย์ทางการเมืองไปแล้ว
เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันถึง
ความจำเป็นต้องใช้มาตรการนี้เพื่อดูแลผู้ส่งออก ดังนั้น หากรัฐมนตรีคลังคนใหม่จะ
ยกเลิก ก็ควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลดีผลเสียที่จะได้รับ

"ขณะนี้ ธปท. ผ่อนคลายจนแทบจะยกเลิกมาตรการกันสำรองอยู่แล้ว โดยเปลี่ยนเป็น
การให้ป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวนแทน ซึ่งมีผลให้การทำงานของระบบไม่คล่องตัว
เพิ่มต้นทุนในการนำเข้าทุนต่างประเทศ"

นายประสารกล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวลือว่า จะมีการปรับเปลี่ยนตัวผู้ว่าการ
ธปท. นั้น ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องพิจารณาให้ดี เนื่องจากปัญหาเฉพาะหน้า
ของไทยในขณะนี้คือ ปัญหาความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุนต่างประเทศ ดังนั้น
หากจะดำเนินการอะไร ควรคำนึงถึงเรื่องนี้เป็นอันดับแรก

มติชน วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10591

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01eco01100350&day=2007/03/10&sectionid=0103

ไม่ได้ยกเลิกทันทีนี่นา ให้ลองเลือกดูว่าจะชอบทำอย่างไหน
จากนั้นจึงมาประเมินแล้วค่อยตัดสินใจ ว่าเลิกดีหรือไม่

สงสัยทำไมต้องประกาศตัดหน้าด้วย?
ท่าจะเป็นของดีแน่แท้ ถึงต้องแย่งกันทำ
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
p
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,264


« ตอบ #24 เมื่อ: 11-03-2007, 12:02 »

อ้าว เวร จริงเรอะ แถศรี ก็ไหนบอกพวกเรารักนายกทักษิณจะไม่ทอดทิ้งท่าน 
งงฉิบหายมันจะเอาไงแน่วุ้ยสาวกเหลี่ยม 55



Love you forever!
 
บันทึกการเข้า

ถ้ามัวคิดแต่จะโกงและเอาเปรียบคนอื่น จะสอนลูกหลานให้เป็นคนดีได้อย่างไร
หน้า: [1]
    กระโดดไป: