.........ประการแรก พนักงานกลุ่มนี้อ้างว่าไอทีวีคือ “สถานีโทรทัศน์แห่งนี้เป็นของประชาชน”
นี่คือการโกหกอย่างหน้าด้านๆ เพราะขณะนี้คนไทยทั้งประเทศก็รู้เห็นกระจ่างแจ้งแล้วว่าไอทีวีคือสถานีโทรทัศน์ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งกองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จึงจัดเป็นบริษัทเอกชนของคนต่างชาติ
อย่างนี้ยังจะหน้าไม่อายมาแอบอ้างได้อีกหรือว่าเป็นของประชาชน เพราะประชาชนคนไทยมิได้มีส่วนเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ นอกจากกองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ และนักลงทุนรายย่อยเพียงไม่กี่ราย
เราเรียกร้องให้พนักงานกลุ่มนี้ยุติการแอบอ้างเป็นสื่อมวลชน และยุติการโกหกหลอกลวงแบบนี้ในทันทีเพราะคนไทยเขารู้ความจริงดีกันแล้วเกือบทุกคน
...........ประการที่สอง พนักงานกลุ่มนี้อ้างว่าการหยุดออกอากาศเป็นผลเสียต่อการให้บริการด้านข้อมูลข่าวสาร อันเป็นบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานซึ่งถือเป็นประโยชน์ของชาติและประชาชน
โอ้! นายจอร์จเอ๋ย จนป่านนี้แล้วยังไม่รู้หรือว่าอะไรเป็นบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน ที่ประชาชนจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยอุปโภคบริโภคดังเช่นน้ำประปา หรือไฟฟ้า หรือถนนหนทาง โง่หรือแกล้งโง่กันแน่ ! หรือคิดว่าคนไทยโง่จึงกล่าวคำลวงได้เช่นนี้
สถานีโทรทัศน์ไม่ใช่บริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน ใครที่ไม่เคยดูไอทีวีก็ไม่เคยเจ็บไม่เคยตาย ไม่เคยอดอยากขัดสน หรือลำบนลำบากเลย และยังมีโทรทัศน์ ตลอดจนสื่อสารมวลชนมากมายหลายชนิดที่ยังคงให้บริการข่าวสารอยู่โดยไม่ต้องโกงรัฐโกงหลวง
คิดว่าคนไทยลืมง่ายหรือว่าบทบาทของไอทีวีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ยืนอยู่ข้างสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หรือว่ายืนอยู่ข้างระบอบทักษิณ?
จนถึงวันนี้คนไทยก็รู้เช่นเห็นชาติอยู่ว่าไอทีวียืนอยู่ข้างไหน และมีบทบาทอะไรที่เคยเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนบ้าง การกล่าวอ้างข้อนี้ช่างน่าละอายเต็มที
เราเห็นว่าสื่อมวลชนไหนให้ยาพิษมอมเมาประชาชน สื่อมวลชนไหนให้ธรรมและปัญญาแก่ประชาชน และสื่อมวลชนไหนโกงชาติเป็นแสน ๆ ล้าน คนไทยย่อมรู้ดี โดยไม่จำเป็นต้องชี้แจงอะไรกันอีก
............ประการที่สาม พนักงานกลุ่มนี้อ้างว่าตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม ศกนี้เป็นต้นไป คลื่นความถี่และอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงบุคลากรของไอทีวีจะถูกโอนไปเป็นสมบัติของชาติ หากระงับการออกอากาศจะกระทบต่อรายได้ ความเชื่อถือ และประชาชนที่รับรู้ข่าวสาร
นี่ก็โกหกแบบหน้าด้าน ๆ อีก ! ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม ศกนี้เป็นต้นไปสิ่งที่โอนไปเป็นของรัฐหรือเป็นสมบัติของชาติคือคลื่นความถี่ของชาติซึ่งเป็นอยู่แต่เดิม กับอุปกรณ์เกี่ยวกับการถ่ายทอดโทรทัศน์บางรายการเท่านั้น ซึ่งจำเป็นต้องตรวจสอบถึงความมีอยู่ ถึงความถูกต้องและถึงความสมบูรณ์ไม่ชำรุดบกพร่องเสียก่อนเพื่อทำการรับมอบมาเป็นของชาติ
ส่วนพนักงานทุกคนซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) คือลูกจ้างเอกชน ยังคงเป็นลูกจ้างของเอกชนนั้นอยู่ต่อไป ไม่ได้ “ถูกโอนไปเป็นสมบัติของชาติ” ดังที่มีการโกหกกันหน้าด้าน ๆ
สำนักงานของไอทีวี ตลอดจนเครื่องใช้ไม้สอย ยังเป็นของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) อยู่ ไม่ได้โอนมาเป็นของชาติ และรัฐก็ไม่มีสิทธิ์ไปใช้สอยอีก
เลิกโกหกแบบมั่วๆ แบบนี้เสียทีจะดีไหม? เพราะแผ่นดินประเทศไทยจะได้สูงขึ้น
การเลิกสัมปทานนั้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ย่อมสูญเสียรายได้แน่ ย่อมขาดความเชื่อถือแน่ เพราะไม่ได้รับความเชื่อถืออยู่แล้ว แล้วพนักงานกลุ่มนี้ไปห่วงหาอาทรอะไรกับเจ้านายสิงคโปร์ ถึงต้องมาโกหกกับพี่น้องร่วมชาติของตัวเอง
...............ประการที่สี่ พนักงานกลุ่มนี้อ้างว่ากิจการของไอทีวีมีกำไรปีละ 900 ล้านบาท คือมีรายได้ปีละ 2,100 ล้านบาท ขณะที่มีรายจ่ายเพียง 1,200 ล้านบาท
เป็นการอ้างเอาผลประโยชน์มาหลอกลวงประชาชนคนไทยทั้งประเทศอย่างหน้าด้าน ๆ ไม่ต่างกับเจ้านายขี้ฉ้อของพวกเขาเลย ถึงวันนี้ก็ยังโกหกไม่เลิก
ถ้าหากไอทีวีมีกำไรเช่นนี้จริง หุ้นของไอทีวีคงมีราคาดีในตลาดหุ้นแน่ ! แล้วความจริงเป็นอย่างไร? ขณะนี้ราคาไม่ถึงบาทด้วยซ้ำไป และที่ผ่านมานั้นก็สร้างข่าวคราวโกหกหลอกลวงนักลงทุนจนสิ้นเนื้อประดาตัวไปเป็นจำนวนมาก
อย่าเสียเวลาเถียงกันด้วยเรื่องผลกำไรเลย เราฟันธงให้เปรี้ยงลงตรงนี้ก็ได้ว่าต่อให้ตัวเลขนี้เป็นจริง มันก็เป็นตัวเลขที่เกิดขึ้นจากการโกงชาติโกงแผ่นดิน
เพราะเป็นการคำนวณผลกำไรเอาจากตัวเลขปี 2549 ที่ระบุว่า “เห็นได้จากเดือนมีนาคม ไอทีวีมีรายได้จากการขายโฆษณาเป็นเงิน 130 ล้านบาท และค่าเช่าเวลาอีก 30 ล้านบาท”
ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่โกงค่าสัมปทานที่จะต้องจ่ายให้กับชาติบ้านเมือง ซึ่งโกงไม่เลิก และถึงวันนี้ก็ยังไม่จ่ายเงินที่ติดค้างรัฐอยู่กว่าแสนล้านแม้แต่บาทเดียว
ตัวเลขเป็นของที่แน่นอน เมื่ออ้างกันแบบนี้ย่อมทำให้คนเข้าใจได้ว่าไม่เพียงแต่เจ้านายเป็นพวกขี้โกง แต่ลิ่วล้อที่ไม่สำนึกตัวบางคนก็เป็นคนขี้โกงด้วย
ขอให้เอาเงินที่โกงชาติกว่าแสนล้านมาคืนเสียก่อน แล้วค่อยพูดถึงผลกำไรของไอทีวีจะไม่ดีกว่าหรือ? เพราะมาพูดตอนนี้คนไทยก็ย่อมระลึกได้ในใจว่าไอทีวีติดหนี้ค้างเงินแผ่นดินอยู่กว่าแสนล้านบาท และไม่คิดจะจ่ายแม้แต่บาทเดียวจนกระทั่งถึงวันนี้
..............ประการที่ห้า พนักงานกลุ่มนี้อ้างว่าแนวทางที่สำนักนายกรัฐมนตรีจะให้ อสมท. จ่ายเงินทดรองไปก่อน 400 ล้านบาท ว่า “เปรียบเสมือนการให้ยืมและเมื่อไอทีวีมีรายได้จากการขายโฆษณาและให้เช่าเวลาก็จะคืนดังกล่าวพร้อมค่าจ้างบริหารอีกร้อยละ 10 จากรายได้ทั้งหมด”
ควันเพลิงของเผด็จการทรราชยังไม่ทันจาง สิกล้ามาพูดเช่นนี้ ! ก็ยามที่ระบอบทักษิณเรืองอำนาจ ไอทีวีก็มีปัญหาเรื่องหนี้สินอยู่แล้ว วันนี้สิ้นระบอบทักษิณแล้วยังมาโม้อะไรอีก
เงินหลวงถึง 400 ล้านบาทจะให้ไปปู้ยี้ปู้ยำตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? นี่คือยุครัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่ใช่รัฐบาลของสิงคโปร์ และถึงเป็นรัฐบาลของสิงคโปร์ก็คงทำตามอำเภอใจเช่นนี้ไม่ได้
เอากันแค่ห้าประการนี้ก็เห็นได้ชัดเจนว่าการออกแถลงการณ์ที่โกหกพกลมเช่นนี้มีแต่จะสร้างปัญหาและความเสียหายแก่ชาติบ้านเมือง ไม่จำเป็นต้องไปอธิบายถึงการใส่ร้ายป้ายสีสื่อมวลชนหรือคนอื่น ๆ เพราะแค่ห้าประการนี้ก็รู้เช่นเห็นชาติแล้วว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนชนิดไหน
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9500000025994