ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-06-2025, 05:24
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  TITV จะทำสกุ๊ปเรื่องถูกยึด เมื่อไหร่ครับ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
TITV จะทำสกุ๊ปเรื่องถูกยึด เมื่อไหร่ครับ  (อ่าน 1674 ครั้ง)
สมชายสายชม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,048


« เมื่อ: 08-03-2007, 13:26 »

ตอนนี้ เชื่อว่า คนค่อนประเทศรวมทั้งพนักงานของไอทีวีเอง

ยังไม่รู้ว่า ไอทีวีถูกยึดเพราะเหตุใด   

ไอทีวี เคยทำสกรุ๊ปเจาะลึกเรื่องของคนอื่นมามากหลายร้อยเรื่องแล้ว

อยากจะรู้ว่า เมื่อไหร่ที่จะทำสกรุ๊ปเรื่องนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ความจริง

และเพื่อให้น้องๆและนักศึกษารุ่นหลังที่เรียนนิเทศฯและวารสารศาสตร์

ให้ใช้เป็น case study   

...
บันทึกการเข้า
lucky@winter
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 90



« ตอบ #1 เมื่อ: 08-03-2007, 13:42 »

เจาะลึก วันที่ปลุกระดมชาวบ้านสู้รัฐด้วย

ช่วยแฉวิธีคัดกรอง SMS อย่างทันท่วงที ทำอย่างไร คนที่ SMS ด่าจึงไม่หลุดรอดขึ่นหน้าจอ  ให้เหลือแต่ที่ชื่นชมเท่านั้น 
ต้องใช้คนกี่คนช่วยส่ง SMS เผื่อว่าจะได้เป็นประโยชน์ให้กับ วอร์รูมของรัฐบาล 
บันทึกการเข้า
อมพระมาพูด
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


สนิมเกิดแต่เนื้อในตน


« ตอบ #2 เมื่อ: 08-03-2007, 13:44 »

 

ให้ "กบนอกกะลา" ทำสิ ท่าทางจะมันส์กว่า
บันทึกการเข้า

พึงทำความเพียรในวันนี้ ใครเล่าจะรู้วันตายในวันพรุ่ง
irq5
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,149



« ตอบ #3 เมื่อ: 08-03-2007, 13:49 »

 

ของ คห2 ง่ายๆ ครับ จ้างคนเลือก 1 คน

บันทึกการเข้า

.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMddMMMs..
.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMssMMMMs..
.:Mddddddddddddddddddddddddddo+ddddNs..
.:M................................................hs..
.:M.............//:................//:.............hs..
.:M...........:MMs.............NMd............hs..
.:M................................................hs..
.:M................................................hs..
.:M.............yNNNNNNNNNN................hs..
.:M.................................................hs..
.:dyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyho..

....W..W::W:...AAA...NN...N...TTTTT..EEEEE...DDD..........
.....Ww.wW...AAAA..N..N..N......T.....EEE......D....D.......
.....-W...W...A......A N....NN......T.....EEEEE...DDD..........
. . . . . . . . . . . . thaksin shinawatra
MueKZerO
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 111



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 08-03-2007, 13:58 »

    ผมว่าให้กบฎไอทีวีทำให้แล้วเอาไปฉายในไอทีวีท่าจะดี
บันทึกการเข้า

ขอไว้อาลัยแด่น้องโบ อังคณา...
จุดหมายปลายทางนั่นอยู่ที่ไหน จุดหมายปลายทางนั่นเพื่ออะไร?
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 08-03-2007, 14:06 »

    ผมว่าให้กบฎไอทีวีทำให้แล้วเอาไปฉายในไอทีวีท่าจะดี

555

ชักอยากเห็นแล้วซิ

ว่าแต่ว่ามันจะกล้าทำเร้อออออ
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
lucky@winter
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 90



« ตอบ #6 เมื่อ: 08-03-2007, 14:23 »

ให้กบนอกกะลาทำก็ดีสิ 

กบนอกกะลา ทำเรื่องเจาะลึก กบในกะลา

น่าจะหนุกดี 
บันทึกการเข้า
สมชายสายชม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,048


« ตอบ #7 เมื่อ: 08-03-2007, 14:32 »

นอกจากเรื่องนี้แล้ว อยากจะให้ TITV ส่วนของฝ่ายข่าวที่เคยยืนยันว่า

"รัฐบาลทักษิณไม่เคยแทรกแซงสื่อ" ให้ข่วยทำสกรุ๊ปเจาะลึก

เรื่องของ คุณฟองสนาน จามรจันทร์ และ คุณ อัญชลี ไพรีรักษ์


 
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 08-03-2007, 15:21 »

ชอบฝันลมๆแล้งๆกันจัง 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 08-03-2007, 21:26 »

iTV ไม่เคยคิดว่าตัวเองถูกแทรกแซง หรือคิดว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติใดๆ

เขาถึงพูดแต่คำว่า "ทีวีเสรี" อยู่ตลอดเวลา เมื่อ 2 วันก่อน

ยากครับ ที่จะได้เห็น สกุ๊ปเรื่องนี้

 Money in mouth
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #10 เมื่อ: 08-03-2007, 23:11 »

ย้อนรอย"ไอทีวี"(1)
"ชินคอร์ป"ปฐมเหตุแห่ง"จอมืด"




 ไม่ว่าคำสั่งของศาลปกครองเกี่ยวกับปัญหาข้อพิพาทระหว่างสถานีโทรทัศน์ "ไอทีวี" กับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ "สปน." จะออกมาในแนวทางใด แต่สิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนจากมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2550 ที่ให้ "ไอทีวี" ระงับการออก อากาศชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม เป็นต้นไป จนกว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาจะวินิจฉัยว่า กรมประชาสัมพันธ์สามารถเข้ามาดำเนินงานแทน สปน. ได้หรือไม่ ก็คือบ้านเราจะไม่มีสถานีโทรทัศน์ที่ชื่อ "ไอทีวี".....

ไม่มี "สื่อเสรี เพื่อการเมือง" อีกแล้ว!!!
 "พฤษภาทมิฬ"ทำคลอด"ไอทีวี"
แนวคิดการก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ "ไอทีวี" เกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ" พ.ศ. 2535 ในรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน อันเนื่องมาจากความต้องการที่จะมี "สื่อเสรี" ขึ้นมาช่องหนึ่งด้วยเหตุผลที่ว่าในเหตุการณ์ดังกล่าวสื่อโทรทัศน์ 5 ช่องในขณะนั้นมิได้รายงานข่าวเหตุการณ์ นองเลือดตามความเป็นจริงสักเท่าไร

จากนั้น สปน. โดยนายมีชัย วีระไวทยะ ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแล ได้เปิดให้มีการประมูลสัมปทาน สถานีโทรทัศน์ช่องใหม่ด้วยเงื่อนไขของผู้รับสัมปทานว่าจะต้องมีผู้ถือหุ้น 10 ราย แต่ละรายต้องมีสัด ส่วนหุ้นที่เท่ากัน พร้อมกับแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน เพื่อป้องกันการผูกขาด และมีสัดส่วนเนื้อหา รายการข่าวและสาระไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 และรายการบันเทิงไม่เกินร้อยละ 30

ผลการประมูลในปี 2538 สรุปว่ากลุ่มบริษัท สยามทีวีแอนด์คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ ได้รับอนุมัติให้เป็นผู้ดำเนินงานบริหารสถานีฯ เป็นเวลา 30 ปี(สิ้นสุดวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2568) ค่าสัมปทาน 25,200 ล้านบาท จากราคากลาง 10,000 ล้านบาท พร้อมกับตั้งชื่อสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ว่า "สถานีโทรทัศน์ไอทีวี"





"ไอทีวี" เริ่มออกอากาศอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2539 และได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมาก จนถือได้ว่าเป็น "สถานีข่าว" อย่างแท้จริง!!!

ต่อมาในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ได้มีการแก้ไขข้อกำหนดใหม่ ประกอบกับการเกิด "วิกฤติเศรษฐกิจ" ใน พ.ศ.2540 บริษัทฯ จึงขาดทุนอย่างหนักทางธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จึงติดต่อให้ "กลุ่มชินคอร์ปอเรชั่น" หรือ "ชินคอร์ป" เข้ามาถือหุ้นแทนในเดือนพฤศจิ กายน พ.ศ.2543.....

ตั้งแต่นั้นมาเรื่องวุ่นๆก็เกิดขึ้นทันที เพราะ "ไอทีวี" เริ่มเปลี่ยนไป!!!
ในระยะนั้น "ไอทีวี" เริ่มถูกผู้คนบางส่วนมองว่ามุ่งไปถึงเรื่องของผลกำไรเป็นที่ตั้ง มีเรื่องของ "กบฏไอทีวี" มีเรื่องของการขอแก้ไขสัญญา-การขอลดค่าสัมปทานที่ทำให้รัฐต้องสูญเสียผลประ โยชน์ที่พึงจะได้.....กระทั่งวันที่ 23 มกราคม 2549 "ตระกูลชินวัตร-ดามาพงศ์" ได้ประกาศขายหุ้นกลุ่มบริษัทชินคอร์ปทั้งหมดให้กับ "กองทุนเทมาเส็ก" ของประเทศสิงคโปร์ ทำให้ไอทีวีต้องตกไปเป็นของต่างชาติในทันที

 "ชินคอร์ป"ปฐมเหตุแห่ง"จอมืด"
ภายหลังการเข้ามาถือหุ้นใหญ่ใน "ไอทีวี" โดย "ชินคอร์ป" ของ "ตระกูลชินวัตร-ดามาพงศ์" ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2543 ไอทีวีก็เหมือนเริ่มนับสู่วันถอยหลัง และก็มาถึงวัน "จอมืด" ในที่สุด โดยปัญหาครั้งสำคัญที่ "ไอทีวี" ต้องเผชิญมาก่อนหน้านี้ เป็นที่รับรู้ของสังคมทั่วไปในชื่อเรียกขานว่า.....



 

"กบฏไอทีวี"!!!
ทั้งนี้ "ไอทีวี" ได้ดำเนินแนวทางตามเจตนารมณ์มาได้ระยะหนึ่ง จนมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำ คัญเมื่อ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" เจ้าของพรรคไทยรักไทยและธุรกิจในเครือชินคอร์ป ตัดสินใจเข้าซื้อกิจการไอทีวี และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทันที ภายหลังพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง 6 มก ราคม 2544 .....

ถือเป็นครั้งแรกของวงการ "สื่อโทรทัศน์" ที่สื่อสารมวลชนตกอยู่ในมือ "นักธุรกิจในคราบนักการเมือง" ส่งผลให้ทิศทางการนำเสนอข่าวสารของ "ไอทีวี" เป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้น และเป็นกระบอกเสียงอย่างดีให้แก่พรรคไทยรักไทย และนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร"

แม้ว่าในระยะเริ่มต้น "ทักษิณ" จะการันตีว่า ไม่เข้าไปแทรกแซงการทำงานของ "ไอทีวี" แต่กาลเวลาได้พิสูจน์ในเวลาต่อมาว่า "ไอทีวี" ไม่อาจสลัด "พันธนาการทางการเมือง" ได้อย่างแท้ จริง!!!

"จุดเริ่มต้น" ของ "กบฏไอทีวี" เกิดขึ้นจากกรณีการออกมาของนักข่าวกลุ่มหนึ่งเพื่อต่อ ต้านการเข้ามาของกลุ่มชินคอร์ป หลังมีข่าวกลุ่มทุนนี้จะเข้ามาถือหุ้นในไอทีวีที่กำลังประสบปัญหาทางการเงิน แต่เดือนพฤศจิกายน 2543 กลุ่มชินคอร์ปก็ได้เข้ามาถือหุ้นไอทีวีจนได้ ท่ามกลางการต่อต้านอย่างหนักจากพนักงานฝ่ายข่าว เพราะไม่พอใจที่ถูกผู้บริหารตัวแทนจากชินฯ แทรกแซง ห้ามทำข่าวที่มีผลด้านลบต่อตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นตัวเก็งนายก รัฐมนตรีในขณะนั้น

โดยเฉพาะเรื่อง "ซุกหุ้น" และปัญหาที่ดิน "สนามกอล์ฟอัลไพน์"!!!
การเข้าแทรกแซงของฝ่ายผู้บริหาร ส่งผลให้นักข่าวกลุ่มหนึ่งไม่พอใจ ถึงขั้นออกมาแถลง การณ์ต่อต้าน แต่สุดท้ายนักข่าวกลุ่มนี้ก็ถูกสอบสวน จนนำมาซึ่งการรวมตัวกันจัดตั้งสหภาพแรง งานขึ้นมาและจัดการประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2544 ก่อนที่พวกเขาจะถูกกล่าวหาว่าเป็น "กบฏ" และถูก "เลิกจ้าง" ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2544 จำนวน 23 คน

"กลุ่มแรก" จำนวน 8 คน ถูกเลิกจ้างด้วยเหตุผลว่าไปร่วมแถลงข่าวต่อสาธารณชนทำให้บริ ษัทเสื่อมเสีย และกลุ่มหลังเป็นกรรมการสหภาพจำนวน 15 คน ด้วยสาเหตุว่าบริษัทมีนโยบายปรับลดพนักงานเพราะประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง ต่อมากลุ่มนักข่าวจำนวน 21 คน ได้นำเรื่องการเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรมฟ้องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์(ครส.)

เมื่อ ครส. มีคำสั่งให้บริษัทไอทีวี รับพนักงานทุกคนกลับเข้าทำงาน แต่บริษัทกลับปฏิเสธ "กบฏไอทีวี" จึงได้ฟ้องคดีต่อศาลแรงงานเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงาน กระทั่งปี 2546 ศาลแรงงานวินิจฉัยให้ฝ่ายโจทก์เป็นฝ่ายชนะคดี และให้บริษัทรับพนักงานกลับเข้าทำงานพร้อมทั้งจ่ายเงินเดือนในระหว่างที่ถูกเลิกจ้างชดเชยด้วย ขณะที่ทางบริษัทไอทีวี ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ทว่าศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ทำให้กลุ่ม "กบฏไอทีวี" เป็นฝ่ายชนะคดีในที่สุด!!!

เรื่องราวข้างต้นบ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า "ไอทีวี" ไม่อาจสลัดพันธนาการทางการเมืองไปได้อย่างแท้จริง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดของพนักงานไอทีวีที่เห็นด้วยกับการเข้ามาของ "นักธุรกิจการ เมือง" จนได้กลายมาเป็น....."ตำนาน 23 กบฏไอทีวี" ที่ได้รับการยกย่องในความกล้าหาญที่รักษาอุ ดมการณ์ของวิชาชีพสื่อสารมวลชน!!!
เรื่องราวของ "ไอทีวี" ก่อนที่จะเดินมาถึงวัน "จอมืด" มิได้มีเพียงเท่านี้ โปรดติดตามตอนต่อไป.....

http://www.naewna.com/news.asp?ID=51329
***********

โปรดติดตามตอนต่อไป.....
บันทึกการเข้า
soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #11 เมื่อ: 09-03-2007, 09:55 »

ย้อนรอย"ไอทีวี"(2)
จากยุคทองสู่วัน"หายนะ"!!!




แม้การตีความของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จะระบุว่ากรมประชาสัมพันธ์ สามารถเข้ามาบริหาร "ไอทีวี" ได้ โดยไม่ขัดข้อกฎหมาย ซึ่งทำให้ไอทีวีกลับมาออกอากาศได้อย่างต่อเนื่อง แต่นั่นมิได้หมายความว่าไอทีวีจะยังคงสถานะเช่นเดิม อย่างน้อยที่สุดการออกอากาศต่อไปหลังจากนี้ก็มิได้ใช้ชื่อไอทีวีที่อยู่ภายใต้การบริหารของ "บริษัทไอทีวี จำกัด(มหาชน)" ในเครือชินคอร์ป หากแต่เป็นการออกอากาศภายใต้ชื่อใหม่ว่า.....
"ทีไอทีวี"!!!
อันหมายถึงไอทีวี ภายใต้ร่มปีก "ชินคอร์ป" ได้ถึงกาลอวสานกลายเป็น "จอมืด" ไปแล้วอย่างถาวร ซึ่งปรากฏการณ์ "จอมืด" ของ "ไอทีวี ณ ชินคอร์ป" ย่อมมีที่มาที่ไป.....

ยุคทองของ "ไอทีวี ณ ชินคอร์ป"

นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2546 ในห้วงที่ประเทศไทยตกอยู่ใต้อาณัติของ "ระบอบทักษิณ" ถือเป็น "ยุคทอง" ของ "ไอทีวี ณ ชินคอร์ป" ก็ว่าได้ โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มชินคอร์ป ได้นำบริษัท ไอทีวีฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเดือนมีนาคม 2545 กับการเข้ามาของ "ต๋อย-ไตรภพ ลิมปพัทธ์" และ "บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด(มหาชน)" ในปี 2546 จนมาถึงมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกครั้งเป็น 7,800 ล้านบาท และออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 300 ล้านหุ้น เป็นเงิน 1,500 ล้านบาท เพื่อจัดสรรให้กับพันธมิตรทั้งสองโดยเฉพาะ
การเข้ามาของ "ไตรภพ" สร้างความคึกคักให้กับไอทีวี เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขค่าหุ้นที่เคยถีบตัวขึ้นไปสูงถึงหุ้นละ 30 บาท การปรับเปลี่ยนผังรายการ การดึง "ดูด" คนใหม่ๆเข้ามา..... ช่วงนั้นใครๆก็มองเห็นแต่อนาคตที่สดใสที่ไอทีวี!!!
"ไตรภพ" เคยให้สัมภาษณ์ถึงการปรับเปลี่ยนผังรายการข่าวภาคเช้าเอาไว้ว่า เมื่อตอนที่ตนปรับข่าวภาคค่ำมาเป็น 18.00 น. เขาก็พูดกันทั้งประเทศว่าเร็วเกินไป แต่หลังจากนั้น 1 เดือน สถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆก็ปรับข่าวเร็วขึ้น ก็ชัดเจนว่าตรงนี้เราเป็นผู้นำ เราสามารถสร้างความเปลี่ยน แปลงได้ ครั้งนี้ก็เหมือนกันถ้าจะมีใครมาลอกเลียนแบบเรา เราก็ไม่ว่าอะไร

 

"8-9 เดือนที่ทำงานมา เรตติ้งจากที่อยู่อันดับ 5-6 ปัจจุบันเราอยู่ในอันดับ 3 ถือว่าดีขึ้นมากน่าพอใจ ความเป็นอยู่ของสถานี ความรับรู้ของผู้คนต่อสถานีดีขึ้นมาก ทั้งข่าวและบันเทิงเปลี่ยนไปเลย ผมเคยพูดไปแล้วว่าไอทีวี มีลู่วิ่งของตัวเองและมาถึงวันนี้เราก็ไปถูกทางแล้ว" เขาให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังปรับผังรายการผ่านไปได้ 4 เดือน
จวบจนการที่เจ้าตัวและบริษัทกันตนา ออกมายืนยันไม่ตัดสินใจซื้อหุ้นไอทีวีนั่นเองที่ทำให้มีการหยิบยกเอาเรื่องของการ "ปั่นหุ้น" ขึ้นมาเป็นหัวข้อสนทนา

แล้วก็มาถึงวัน "จอมืด"

หลังหลงระเริงกับ "ยุคทอง" อยู่ได้สักระยะ ในที่สุด "ไอทีวี ณ ชินคอร์ป" ก็เดินเข้าสู่วันแห่ง "หายนะ" ที่นำมาสู่วัน "จอมืด"....."จุดเริ่มต้น" ของมูลเหตุกรณีพิพาทกันระหว่างไอทีวีกับสำนัก งานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ "สปน." กระทั่งนำมาซึ่งการยกเลิกสัมปทานในครั้งนี้เกิดขึ้นใน ช่วงปี 2547 ระหว่างที่ไอทีวีบริหารงานโดยกลุ่มบริษัทชินคอร์ป ที่ได้ยื่นเรื่องต่อ "อนุญาโตตุลาการ" ขอแก้ไขสัญญาสัมปทานและขอลดค่าสัมปทานที่ต้องจ่ายให้รัฐปีละ 1,000 ล้านบาท
"ชินคอร์ป" อ้างว่าเอกชนรายอื่นจ่ายต่ำกว่า อย่างช่อง 3 สัมปทาน 30 ปี(2533-2563) 3,207 ล้านบาท ปีละ 107 ล้านบาท , ช่อง 7 สัมปทาน 25 ปี(2541-2566) 4,670 ล้านบาท ปีละ 187 ล้านบาท , ช่อง 5 และโมเดิร์นไนน์ ทีวี ไม่ต้องเสียค่าสัมปทาน เนื่องจากเจ้าของคลื่นความถี่ดำเนินการออกอา กาศเอง
สุดท้าย "ไอทีวี" ภายใต้การบริหารอย่างย่ามใจของ "ชินคอร์ป" ก็ฝืนเจตนารมณ์ของการก่อ ตั้งสถานี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาสัมปทาน อันเป็นอานิสงส์ที่ได้มาจากการ "เอื้ออาทร" ของ "อนุ ญาโตตุลาการ" ซึ่งได้วินิจฉัยชี้ขาดลดค่าสัมปทานให้สถานีฯลง เป็นปีละ 230 ล้านบาท พร้อมทั้ง อนุ ญาตให้สถานีฯ แก้ไขสัดส่วนการออกอากาศ รายการสาระต่อรายการบันเทิง จากร้อยละ 70 ต่อ 30 เป็นร้อยละ 50 ต่อ 50 รวมถึงให้รัฐฯ จ่ายค่าชดเชยแก่บริษัทฯ เป็นเงิน 20 ล้านบาท.....
ในเวลาต่อมาทาง สปน. ได้ยื่นเรื่องดังกล่าวต่อ "ศาลปกครองกลาง" กระทั่งวันที่ 9 พฤษภา คม 2549 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้ "เพิกถอน" คำสั่งของอนุญาโตตุลาการ ที่ชี้ขาดออก มาส่งผลให้สถานีฯ ต้องจ่ายค่าสัมปทานปีละ 1,000 ล้านบาทเช่นเดิม และต้องปรับสัดส่วนรายการข่าวและสาระ ต่อรายการบันเทิง กลับไปเป็น ร้อยละ 70 ต่อ 30
 นอกจากนี้บริษัทฯ ยังต้องเสียค่าปรับจากการผิดสัญญาสัมปทาน จากการเปลี่ยนแปลงผังราย การที่ไม่เป็นไปตามสัญญาสัมปทาน คิดเป็นร้อยละ 10 ของค่าสัมปทานในแต่ละปี โดยคิดเป็นรายวัน วันละ 100 ล้านบาท นับตั้งแต่เริ่มมีการปรับผังรายการ รวมระยะเวลา 2 ปี เป็นค่าปรับทั้งสิ้น ประมาณ 9.4 หมื่นล้านบาท ในขณะนั้นรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้พยายามที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วยการแต่งตั้งให้นายเนวิน ชิดชอบ เข้ามาดูแล.....
ทว่ายังมิได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็เกิดการ "ปฏิวัติ" ในเดือนกันยายน 2549 ขึ้นเสียก่อน!!!
ต่อมาวันที่ 13 ธันวาคม 2549 "ศาลปกครองสูงสุด" ได้พิพากษายืนตามคำตัดสินของศาลปก ครองกลาง กระทั่ง 27 กุมภาพันธ์ 2550 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ก็มีมีมติออกมาว่าหากไอทีวีไม่สามารถจ่ายค่าปรับและค่าสัมปทานค้างจ่ายได้ภายในวันที่ 6 มีนาคม ก็จะให้ สปน. บอกเลิกสัมปทานกับไอทีวี และนำมาซึ่งการปิดไอทีวีในที่สุด
ผลจากคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลางและคำตัดสินแบบ "ย้ำหัวตะปู" ของศาลปกครองสูง สุดนี่เองที่นำมาสู่ความ "ล้มละลาย" ของ "ไอทีวี" ในวันนี้!!!
หาก "ไอทีวี" ยอมรับคำตัดสินตั้งแต่ชั้นศาลปกครองกลาง ตัวเลขค่าปรับบวกด้วยค่าสัมป ทานค้างจ่ายคงไม่ทะลุแสนล้าน แต่เป็นเพราะ "ความย่ามใจ" ในอำนาจที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดของ "ระ บอบทักษิณ" ในยามนั้น จึงนำมาซึ่งสถานีโทรทัศน์ "ทีไอทีวี" ที่ก่อกำเนิดขึ้นจาก.....
หายนะของ "สื่อเสรี"!!!

http://www.naewna.com/news.asp?ID=51523
***********
บันทึกการเข้า
ชามู
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 536


ชามู ปลาวาฬตัวใหญ่ใจดี


« ตอบ #12 เมื่อ: 09-03-2007, 10:10 »

ถ้าตั้ง จิระ ห้องสำเริง กลับมาเป็นบรรณาธิการบริหารอีก ก็มีความเป็นไปได้นะครับ ที่จะมีการขุดคุ้ยขึ้นมาหาเหตุแห่ง "จอมืด"

บันทึกการเข้า

สมาชิกหมายเลข #348

ชามู ปลาวาฬตัวใหญ่ใจดี
MueKZerO
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 111



เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 09-03-2007, 10:40 »

'บุญคลี' ยังยืนยันคำพูดเดิมที่บอกว่า ไอทีวี..ทีวีเสรี มันตายไปแล้ว?
"วันนี้เป็นไอทีวีหน้าใหม่แล้ว ถามว่าถ้าผมทำตามสัญญาแบบเก่า ตามเจตนารมณ์พฤษภาทมิฬ พอผ่านไปอีก 4 ปี ผมจะมีหนี้สิน 5,000 ล้านบาท มันก็ซ้ำรอยเดิม เพราะผลประโยชน์ตอบแทนมันเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ทางออกเดียวคือ มันต้องเป็นไอทีวีแบบนี้แหละ"
เมื่อผู้บริหารชินคอร์ป คิดอย่างนี้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาบริหารไอทีวี มันจึงนำไปสู่จุดจบของ 'ทีวีเสรี' ในวันนี้ อย่างมิต้องสงสัย!
บันทึกการเข้า

ขอไว้อาลัยแด่น้องโบ อังคณา...
จุดหมายปลายทางนั่นอยู่ที่ไหน จุดหมายปลายทางนั่นเพื่ออะไร?
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 09-03-2007, 11:27 »

ในขณะนั้นรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้พยายามที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วยการแต่งตั้งให้นายเนวิน ชิดชอบ เข้ามาดูแล.....
ทว่ายังมิได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็เกิดการ "ปฏิวัติ" ในเดือนกันยายน 2549 ขึ้นเสียก่อน!!!


นสพแนวหน้าแบ่งเป็นยุคทำให้มองเห็นภาพ รวบรวมเหตุการณ์ละเอียดดี

ธุรกิจที่เอื้อผลประโยชน์ แบบ 2 ทาง กับการเมือง

หนึ่งในธุรกิจระบอบทักษิณ  Cool


...

กลุ่มเนชั่นและบีอีซีอ้างไม่สนใจ TITV

          นายธนาชัย สันติชัยกุล ประธานกลุ่มเนชั่นมัลติมีเดีย อ้างว่ากลุ่มไม่สนใจเข้าไปบริหารสถานีโทรทัศน์ TITV เพราะยังไม่แน่ใจประเด็นทางกฎหมายหลังจาก TITV อยู่ใต้การดูแลของกรมประชาสัมพันธ์ แต่เนชั่นต้องการเข้าไปเป็นผู้ผลิตรายการให้กับ TITV มากกว่าเข้าไปบริหารงานโดยตรง

          ส่วนนายฉัตรชัย เทียมทอง รองประธานด้านการเงินของ BEC World ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ก็อ้างว่าไม่เป็นการเหมาะที่ช่อง 3 จะเข้าไปดำเนินการในช่อง TITV เพราะเกรงว่าจะถูกสังคมวิจารณ์ว่าเข้าไปครอบงำสื่อโทรทัศน์หลายช่อง

http://www.naewna.com/news.asp?ID=51535

กลายเป็นเผือกร้อนไปแล้ว iTV
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2007, 11:33 โดย นทร์ » บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
lucky@winter
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 90



« ตอบ #15 เมื่อ: 09-03-2007, 11:48 »

ความคาดหวัง ที่จะให้ TITV ขุดคุ้ยเรื่องเกี่ยวข้องกับผู้มีอุปการะคุณต่อการเลี้ยงชีพเดิม คงยาก

เมื่อวานดูการเสนอข่าวการให้สัมภาษณ์ของอาจารย์จอน จาก ASTV และ TITV
ในการนำเสนอข่าวเดียวกัน แล้วปลง

ASTV เสนอข่าวทั้งที่อาจารย์จอน ทั้ง 2 ด้าน คืออาจารย์จอนโจมตี ASTV และทั้งโจมตี ITV (ชื่อเดิม)

TITV เสนอข่าวด้านเดียว คือถ่ายทอดคำพูดอาจารย์จอนโจมตี ASTV แต่ไม่ถ่ายทอดคำพูดที่อาจารย์จอนโจมตีสถานีตัวเอง

ผ่านวิกฤติมาก็แล้ว เริ่มกินภาษีของประชาชนแล้ว ยังเสนอข่าวแบบนี้อีก ไม่พัฒนาเลย มีเจตนาแอบแฝง
ทำให้คนที่รับข้อมูลด้านเดียวเกิดความเกลียดชัง

ไปอยู่กับนายทุนเหมือนเดิมนั่นแหละดีแล้ว เสียดายภาษี

 

 
 
บันทึกการเข้า
skl98
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 227


เป็นเสือในป่า ดีกว่าเป็นหมาในกรุง


« ตอบ #16 เมื่อ: 09-03-2007, 12:04 »

สกุ๊ปเรื่องนี้ itv ต้องทำแน่นอน คงอยู่ระหว่างรวบรวม

ผมค่อนข้างมั่นใจ แต่ยังไม่พร้อมนำออกอากาศ ขณะนี้

ไว้อ้ายเหลี่ยมกลับมามีอำนาจเมื่อไหร่ พร้อมออกอากาศแน่

และจะเป็นหลักฐานเด็ดในการส่งคืนสัปทานให้นายใหญ่ด้วย

ผลงานชิ้นโบว์แดง ขนาดนี้ ไม่เอาไปขึ้นเงินได้ยังไง
บันทึกการเข้า

บรรพบุรุษ ของไทย แต่โบราณ          ปกบ้าน ป้องเมือง คุ้มเหย้า          เสียเลือด เสียเนื้อ มิใช่เบา             หน้าที่เรา รักษา สืบไป         
ลูกหลาน เหลนโหลน ภายหน้า          จะได้มี พสุธา อาศัย                   อนาคต จะต้องมี ประเทศไทย         มิยอมให้ ผู้ใด มาทำลาย         
ถึงขู่ฆ่า ล้างโคตร ก็ไม่หวั่น                จะสู้กัน ไม่หลบ หนีหาย             สู้ตรงนี้ สู้ที่นี่ สู้จนตาย                     ถึงเป็นคน สุดท้าย ก็ลองดู         
บ้านเมืองเรา เราต้อง รักษา               อยากทำลาย เชิญมา เราสู้         เกียรติศักดิ์ ของเรา เราเชิดชู           เราสู้ ไม่ถอย จนก้าวเดียว.....
                                                                     
หน้า: [1]
    กระโดดไป: