ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
18-05-2025, 23:47
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เกร็ดการเมือง - ความเข้าใจ ความประทับใจ.... 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เกร็ดการเมือง - ความเข้าใจ ความประทับใจ....  (อ่าน 971 ครั้ง)
taworn09220
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 302


« เมื่อ: 06-03-2007, 11:14 »

เกร็ดการเมือง - ความเข้าใจ ความประทับใจ....


คิดว่าตอนนี้ (กลางปี ๒๕๔๙) ประเทศไทยต้องการอะไรมากที่สุด
ผมว่านาทีนี้สิ่งที่ต้องเรียกกลับมาให้เร็วที่สุดก็คือ ความมีจริยธรรม ถ้าเรายังไม่ส่งเสริมหรือปล่อยปละละเลย เราก็จะหลงทางมากขึ้น

หมายถึงนักการเมืองหรือว่าโดยส่วนรวม
ส่วนรวมครับ คือไม่มีประโยชน์อะไร ถ้านักการเมืองดี ีแต่ว่าคนทั่วๆไปไม่ยึดถือคุณธรรม จริยธรรม

แล้วจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
ก็หลายส่วนประกอบกัน แต่ว่านโยบายในเรื่องการพัฒนาคน ไม่อยากไปเจาะจงใช้คำว่าการศึกษา คนทุกคนมีดีอยู่ในตัว แต่เวลานี้เราไม่สามารถทำให้เค้าดึงความดีออกมาใช้ได้


แล้วจะทำยังไง
การศึกษาในความหมายที่กว้าง โดยเฉพาะในเรื่องระบบโรงเรียนและสื่อสารมวลชน มันก็อยู่ที่ผู้นำ แล้วก็นโยบาย ซึ่งถ้าเราปล่อยมันไปเฉยๆ ก็จะอยู่ในสภาพเดิม แต่ถ้าเราไปพยายามส่งเสริมให้มีการเปลี่ยนแปลงจากข้างล่างไปข้างบนจะดีที่สุด เพราะว่ากระบวนการที่จะพัฒนาคนที่ดีที่สุดคือให้คนคิดเอง

- - - -
ที่มาเป็นนักการเมืองอาชีพ โดยที่ไม่ได้โตเมืองไทย คิดว่ามีผลยังไง
ผมคิดว่าใครจะไปเติบโตที่ไหน แต่ว่ามีใจที่จะทำงานให้การเมืองเนี่ย ผมว่าเหมาะสมทั้งนั้น เพียงแต่ว่าถามว่ามีข้อได้เปรียบเสียเปรียบไหม ก็ตอบว่ามีทั้ง 2 ด้าน ข้อได้เปรียบก็คือเวลาที่เราได้มีโอกาสใช้ชีวิตในสังคมอื่น เราก็จะสามารถเห็นความแตกต่าง เปรียบเทียบบางสิ่ง บางอย่างในมุมมองที่มันแตกต่างไปได้ ข้อเสียเปรียบก็ในสังคมไทยเนี่ย เราก็ค่อนข้างที่จะยึดถือกันในเรื่องของสถาบันในเรื่องของรุ่น เพราะว่าเราก็ผ่านตรงนี้มา สมมติว่าเราเป็นฝ่ายปกครองเราก็ไม่มีทั้งสิงห์ดำ สิงห์แดง สิงห์อะไรทั้งนั้น เราก็ไม่ได้มีสถาบันที่มีรุ่น มีเพื่อนฝูงที่อาจจะเป็นเครือข่าย กว้างขวางเท่ากับถ้าเราเรียนที่นี่

- - - - -
ในชีวิตการเมือง มีช่วงไหนที่รู้สึกว่าพลังน้อย เจอความกดดันหนักๆ
ไม่หรอกครับ เราทำบนแนวทางความเชื่อ ลักษณะการเมืองแบบประชาธิปไตย ไม่เคยยึดตัวเองเป็นใหญ่ มันก็ไม่มีปัญหาที่จะต้องมาคิดกังวลอะไร แต่ถ้าถามว่ามีอะไรที่ไม่ชอบ ก็เช่นเรื่องของค่านิยม การไม่มีโอกาสที่จะสื่อสาร

อะไรที่ไม่ชอบในการเมือง
การทำงานการเมือง มีความรู้สึกว่าคนส่วนใหญ่จะไม่มีโอกาสเข้าใจสิ่งที่เราคิด หรือสิ่งที่เราพยายามทำ เพราะปัญหาหลายเรื่องมันซับซ้อนมาก ต้องเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่อาจจะรับรู้หรือติดตามการเมืองแค่ระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นปัญหาที่เราต้องพยายามเรียนรู้ว่าจะแก้ยังไง เช่น ปัญหา ๓จังหวัดชายแดนภาคใต้ การจะแก้ปัญหาเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมาก ใช้เวลามาก แต่ว่าถ้าเราสัมผัสกับปัญหาแบบผ่านๆไป ก็จะคิดว่าเป็นเรื่องความเกลียด ความโกรธแค้น ถ้านักการเมืองอยากฉกฉวยก็ใช้ตรงนี้ง่ายที่สุด

ค่านิยมที่คิดว่าเป็นปัญหาในกรณีนี้หมายถึงอะไร
ความฉาบฉวย มันอาจจะเป็นสังคมหรือธรรมชาติของมนุษย์ส่วนใหญ่ก็ได้ คือถ้าเราไปถามคนว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง ถ้าคิดง่ายๆก็จะบอกว่าใช้กำลัง ถ้าเริ่มอธิบายเรื่องความหลากหลายศาสนา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ก็ไม่สามารถหรือไม่สนใจเรื่องนี้

- - - - -
เป็นคนที่มีความอดทนในการพยามยามทำความเข้าใจแค่ไหน
ผมพยามยามจะเข้าใจคนอื่น โดยเฉพาะใครที่เห็นไม่เหมือนเรา เพราะผมคิดว่าวิธีที่จะทำให้คนเชื่อว่าสิ่งที่เราคิดนั้นถูกต้อง เราจะต้องสามารถเข้าใจว่า ที่เขาไม่เห็นด้วยเพราะอะไร แล้วเราหักล้างเค้าได้ยังไง แต่ถ้าเราไม่เข้าใจคนที่คิดไม่เหมือนเราเลย ก็เท่ากับเราพูดอยู่ฝ่ายเดียว แล้วก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เราพูดเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราคิดหรือไม่

- - - - -
๑๐ กว่าปีที่อยู่ในวงการเมืองได้เจอผู้คนมาหลายแบบ ประทับใจอะไรมากที่สุด
ผมประทับใจคนที่คิดถึงส่วนรวม เช่นเวลาไปเยี่ยมน้ำท่วมที่ปัตตานี มีของไป ทุกคนก็จะกลัวว่าพอ ชาวบ้านเห็นของมาแจกก็จะรุมเข้ามา แต่เราเจอชาวบ้านบอกว่า ไม่เป็นไรมาเยี่ยมก็พอใจแล้ว ข้างในซอยลำบากกว่าไปให้ที่นู่นก่อน

ความประทับใจในกับคนแก่
คนสูงอายุเราจะมองเป็นลูกเป็นหลาน เวลาจับเนื้อตัวก็จะรู้สึกได้ถึงความเมตตาที่มีให้

แล้วเด็กๆ มีบ้างไหม
มีครับ จะเจอเด็กที่สนใจการเมืองเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงที่การเมืองมีปัญหา เป็นประเด็นสังคม เช่นหลังเหตุการณ์พฤษภา เด็กจะสนใจการเมืองมาก ทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

- - - - -
แล้วเจออะไร เหตุการณ์แบบไหนที่ทำให้หงุดหงิดไหม
คือไปหงุดหงิดคงไม่ได้หรอกครับ แต่ว่าไม่ชอบก็มีธรรมดา
เช่น ถูกตีหัวที่เชียงใหม่ก็ไม่สนุกเท่าไหร่หรอกครับ

แล้วตอนนั้นรู้สึกเป็นยังไง มีความกลัวไหม
ไม่ครับ ตัดสินใจจะขึ้นเวทีแล้ว เพราะเห็นแก่คนที่มาฟังเรา นั่งอยู่ทั้งๆที่ถูกก่อกวนเป็นเวลาหลายชั่วโมง อย่างน้อยที่สุดต้องขึ้นไปขอบคุณ ขึ้นไปบอกด้วยว่าคงไม่เหมาะสมที่จะปราศรัย เพราะเดี๋ยวจะมีปัญหา แล้วก็ลงเวทีมา หลังจากนั้นเริ่มมีการขว้างปาสิ่งของ ก็เดินขึ้นรถไป

- - - - -
แล้วเจออะไรที่คิดว่าตลกที่สุดเวลาไปพบปะประชาชน
มีอยู่เสมอครับ อย่างน้อยก็เวลาเจอคนบ้า คนเมา

- - - - -
ปราศรัยครั้งแรกเป็นอย่างไรบ้าง จำได้ไหม
ได้ครับ คือเริ่มปราศรัยจากเวทีเล็กๆ จึงไม่น่ากลัวมาก ริมน้ำเจ้าพระยา
ตื่นเต้นไหม เพราะบอกว่าขี้อาย
ไม่หรอกครับ เพราะตอนที่เราไปสอนหนังสือก็ช่วยเราได้

แล้วเวลาสอนหนังสือครั้งแรกเป็นยังไง
ไม่กลัวหรอก เพราะเวลาสอนหนังสือเด็กจะกลัวเรา คือถ้าเป็นการทำงานตามหน้าที่จะไม่เป็นไร
- - - - -
มีอะไรเกี่ยวกับตัวเราที่คนมักจะเข้าใจผิดบ้างไหม
คนจะมีความเข้าใจว่าเราหยิ่ง ซึ่งหลายเรื่องมาจากสองอย่าง หนึ่งคือ ตัวเองจะเป็นคนขี้อาย จะไม่ใช่ประเภทที่ไปไหนมาไหนจะรีบคุยทักทาย ทุกครั้งที่เราเข้าไปที่ๆมีคนจำนวนมากจะรู้สึกอาย สอง จะเป็นคนไม่ค่อยสังเกต เดินไปไหนมาไหนก็จะคิดอะไรไปเรื่อย คนก็จะไม่รู้ว่าเราไม่เห็น

- - - - -
เวลาเป็นฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลไป ประชาชนมองต่างกันไหม
ต้องยอมรับว่าชาวบ้านมีความคาดหวังกับฝ่ายรัฐบาลว่าไปแล้วสามารถทำอะไรได้ แต่ความเข้าใจเรื่องบทบาทของฝ่ายค้านยังไม่ดี ซึ่งก็เป็นเหมือนกันทุกภาค พอขึ้นชื่อว่าค้านก็เป็นเรื่องไม่ดี ไม่สร้างสรรค์ มีลักษณะเฉพาะทางสังคมไทยอยู่ เช่นการอ้างเรื่องความเป็นกลาง ทั้งที่ความจริงประเด็นส่วนใหญ่ทางการเมืองไม่มีความเป็นกลาง

- - - - -
คิดยังไงกับมุมมองที่ว่า การเมืองน่ารังเกียจเพราะเป็นการแย่งชิงอำนาจ
การเมืองที่ดี มันเป็นการแข่งขัน แข่งขันแล้ว เรื่องอำนาจมีไหมต้องแข่งขัน มี แล้วก็อำนาจเนี่ยต้องเป็นเครื่องมือที่จะไปใช้แก้ปัญหาให้ตรงจุด แต่ว่าการแย่งชิงอำนาจให้อยู่ในกรอบของการแข่งขัน ที่เป็นธรรม เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ และสำคัญคือพอแย่งชิงอำนาจนั้นมาแล้วเนี่ย ใช้อำนาจนั้นอย่างไร

 
 
 
 

 FM101 - ๒ มี.ค.
 รวมภาพ /VDO คลิป
 ENGLISH


 
 คุยกับอภิสิทธิ์   
 Dealing with Money Politics, the scourge of Thai democracy
   
ถาวร
แก้ไขข้อมูลส่วนตัว
 
 
 
 
แผนผังเว็บไซต์ / Site Map 
 
 
 
 
 
 
[/b]
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: