เปลวสีเงิน
'เสรีพิศุทธ์'กับแผ่นดินตำรวจ
6 กุมภาพันธ์ 2550 กองบรรณาธิการ
๔ เดือนนับจากปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน มีเมื่อวานนี้แหละครับที่ "รัฐบาล คมช." ย้ายข้าราชการ "ถูกคน-ถูกใจ" ชาวบ้านมากที่สุด ถึงแม้ว่าจะยืดเป็นตังเมเกือบเข้าตำรา
"กว่าถั่วจะสุก-งาก็ไหม้" ไปหน่อยก็ตาม!
ครับ..พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ มีคำสั่งย้าย "พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ" จากตำแหน่ง ผบ.ตร.
ไปปฏิบัติราชการอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ เป็นต้นไป
ที่สำนักนายกฯ นี้ มีนายตำรวจคนหนึ่งไปนั่งรออยู่ก่อนแล้ว อย่าเพิ่งลืมกันนะครับ ท่านนั้นก็คือ "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์" พี่เมียอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ถูกวางตัวเป็น "ผบ.ตร." ต่อจาก พล.ต.อ.โกวิทนั่นแหละ
ตอนนี้ ทั้งอดีต ผบ.ตร.หมาดๆ และอดีตว่าที่ ผบ.ตร.ในฝัน ต้องไปนั่งทำงานอยู่ที่เดียวกัน คือที่สำนักนายกฯ! เรียกว่าได้ "รับใช้ชาติ" ด้วยการมาทำงานอยู่ "ใกล้ชิด" นายกรัฐมนตรีมากขึ้น ถือเป็นการเหมาะสมกับความสามารถเพื่อราชการอย่างหนึ่ง
ถ้าถามความเห็นผมต่อการย้าย พล.ต.อ.โกวิทครั้งนี้ ก็พูดได้คำว่าเดียวว่า
"ทำไมช้าจัง!"
ใครไม่รู้ว่า การทำงานแบบ "เกียร์ว่าง" ของข้าราชการเป็นอย่างไร ก็ดูตัวอย่างจากตำรวจในยุค "ระบอบทักษิณ" ที่มี พล.ต.อ.โกวิทเป็นนายใหญ่นี่แหละ
ไม่ใช่แค่เกียร์ว่างเฉยๆ ยัง "วางยา" เพื่อชาติอีกด้วย!ก็ดูซี ๑ เดือนที่ให้คลี่คลายคดีลอบวางระเบิดกรุงเทพฯ เมื่อ ๓๑ ธันวา. เที่ยวไล่ตอนแพะ-จับแกะมาเป็นฝูง สุดท้ายก็ต้องปล่อยยกคอก
แต่พอให้ DSI และฝ่ายทหารเข้ามาทำงานร่วมวันแรกเท่านั้นแหละ มีรูป "ผู้ต้องสงสัย" ที่กบไต๋เอาไว้ โดยไม่ยอมทำอะไร หลุดออกมาสู่มือสื่อมวลชน
เผยแพร่หรา "ดักหน้า DSI" ไปทั่วบ้าน-ทั่วเมือง!
จงใจหักหน้า-ขัดขาในการทำงานของ DSI จากฝ่ายใด-ฝ่ายหนึ่งหรือไม่ อันนี้ไม่จำเป็นต้องตอบ
เพราะนี่คือลีลา "หักเหลี่ยมนักเลง" ชัดๆ!
ฝีมือตำรวจไทย ไม่น้อยหน้าตำรวจประเทศไหนในโลก ขนาด "นายฮัมบาลี" มือขวาบินลาดิน หลบมาพักผ่อนอยู่ในเมืองไทย ตำรวจไทยยังแกะรอยตามจับเอาตัวมาได้
ใส่พานให้ทักษิณคลานนำเข้าไปมอบให้ "ประธานาธิบดีบุช" ถึงสหรัฐอเมริกาโน่น!
ตรงนี้แหละ เป็นจุดหนึ่งของชนวน "ไฟใต้" ลามใหญ่-ไม่เลิกรา!?
แต่ทีโรงเรียนในภาคเหนือ ภาคอีสาน ถูกคลื่นใต้น้ำ "เผา" หลังแล้ว-หลังเล่า ๓๐-๔๐ หลัง จนบัดป่านนี้ไม่ปรากฏว่าตำรวจภายใต้การบริหารของ พล.ต.อ.โกวิท จะจับตัวการได้ซักราย!
คำว่า "คนดี" กับการทำงานในหน้าที่อย่างมี "ประสิทธิผล" มันคนละเรื่องกัน
เมื่อคณะปฏิรูปฯ ให้สัตยาบันกับประชาชนในการ "ยึดอำนาจการปกครอง" ว่า "จะนำสิ่งที่ดีกว่ามาสู่ชาติ-ประชาชน"
ฉะนั้น อะไร-ใคร ที่เป็นปัญหา-อุปสรรคในการฟันฝ่าไปสู่เป้าหมายตามสัญญาประชาคม ก็สมควรหาตำแหน่งแห่งที่อันเหมาะสม ให้กับคนที่เหมาะสมกับกิจการนั้นๆ ไปอยู่ และไปทำ
พล.ต.อ.โกวิท คนดีลักษณะท่าน ก็เหมาะสมแล้วกับตำแหน่งแห่งที่ที่สำนักนายกฯ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ท่านก็เหมาะสมแล้วกับการรักษาการในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถมเป็นที่คาดหมาย-คาดหวังของประชาชนส่วนใหญ่ว่า
"พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์" นี่แหละ..ตำรวจที่ประชาชนพึ่งได้!
แต่อย่าลืมว่า พล.ต.อ.โกวิท นั้น ท่านยังมีตำแหน่งสำคัญอยู่อีกตำแหน่งคือ รองหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คนที่ ๓
ถ้าประธาน คมช.และรองประธาน คมช.คนที่ ๑ คนที่ ๒ ไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ได้
พล.ต.อ.โกวิท ในฐานะรองประธาน คมช. คนที่ ๓ นี่แหละจะทำหน้าที่ "ประธาน คมช."
จะปลด-จะย้าย นายกฯ หรือ ผบ.ตร.อำนาจก็อยู่ในมือท่านละ!
เช้าวาน ผมอ่านหนังสือพิมพ์แล้วยังนึกขำว่า "เออหนอ..คนเราช่างคิดกันไปได้ร้อยแปด..เนอะ"
คือผมอ่าน "สยามรัฐ" ของ "คุณชัช เตาปูน" เพื่อนรักผม เขาลงข่าวว่า พล.ต.อ.โกวิทไปทำบุญที่วัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร บ้านเกิดของคุณสุริยะใส กตะศิลา นั่นแหละ
ท่านทำพิธีชักรอกสายสิญจน์ขนาดใหญ่ เพื่ออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นสู่ยอดเจดีย์ ปรากฏว่า "สายสิญจน์ขาด" ซะนี่
เล่นเอาหลายคน "หน้าเสีย" ซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา!
กลับมากรุงเทพฯ รุ่งขึ้นเช้า ปรากฏว่า มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ๒๕/๒๕๕๐ ย้ายจาก ผบ.ตร.ไปช่วยราชการที่ทำเนียบฯ โดยไม่กระโตกกระตากมาก่อน!!
ผมว่า "ใครก็ตาม" มาเป็น ผบ.ตร.ตอนนี้
ก็ไม่ต่างจาก "ใครก็ตาม" ที่มาเป็น "นายกรัฐมนตรี" ต่อจากทักษิณ!
เหนื่อยรากเลือดไม่สำคัญ ถ้างานสามารถเดินไปได้ตามเป้าหมาย แต่ด้วย "ระบอบทักษิณ" ที่ยังครอบงำระบบราชการ และระบบสังคมประชานิยม การจะโน้มน้าวให้ได้ใจคนส่วนนั้น "ตื่นจากศรัทธาอามิส" แล้วหันมาร่วมกัน "สร้างสรรค์" สิ่งดีใหม่ๆ เพื่อชาติและสังคม นั้น
ถึงรากเลือด...ก็ใช่ว่าจะได้ "ความเข้าใจร่วมกัน" มาง่ายๆ อย่างที่คิด!
ได้ตำแหน่ง-ได้อำนาจ มันอาจไม่ยาก
แต่การจะเอาตำแหน่ง เอาอำนาจไปเพื่อการ "ได้ใจ" คนมาร่วมงานนั้น มันต้องมีอะไรที่เรียกว่า "มากกว่า" อำนาจเพื่อการบังคับขับไส!?
ใจที่หนัก และนิ่ง "เหนือกว่า" มันจะค่อยๆ นำมาในสิ่งที่เรียกว่า "บารมี"
ผมประเมินว่า หลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ "ผลัดแผ่นดิน" ปฏิบัติการลองของ-ลดความน่าเชื่อถือในตัว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์..อาจเกิดขึ้น?
ขนาดยังไม่ข้ามวัน คนระดับพลตำรวจเอก ระดับรอง ผบ.ตร.ที่ชื่อ "อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช" ยังประกาศ "ตบเท้า-ลาออก" เป็นนัยแห่งอารยะขัดขืนต่อคำสั่งย้าย พล.ต.อ.โกวิท
พล.ต.อ.อชิรวิทย์พูดชัดเจนว่า ที่อยู่-ทั้งที่เคยประกาศลาออก เพราะ พล.ต.อ.โกวิทให้อยู่ช่วยงาน!?
คิดดูแล้วกัน นายตำรวจระดับสูงขนาดนี้ ยังมีจิตสำนึกได้เท่านี้ ยศพระราชทาน กินเงินเดือนประชาชน
แต่กลับบอกว่า..อยู่เพื่อ พล.ต.อ.โกวิทคนเดียวเมื่อไม่มี พล.ต.อ.โกวิท ก็ไม่อยู่!
แล้วตำรวจทั้งระดับใหญ่ ระดับเล็ก ซึ่งอยู่ใน "ระบอบทักษิณ" ร่วมกับ พล.ต.อ.โกวิทนี่ซี เขาเหล่านั้น จะกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ?
ลาออกตามเหมือนอย่างที่ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ทำน่ะ ไม่มีหรอก เพราะ พล.ต.อ.อชิรวิทย์นั้น ถึงไม่ออกวันนี้ ตุลา.นี้ท่านก็เกษียณอยู่ดี ฉะนั้น ค่าไม่ต่างกัน
แต่วัฒนธรรมของ "ลัทธิตำรวจไทย" นั้น แต่ละคนต้องมี "นาย" เป็นเครือข่ายสังกัดครับ ที่จะอยู่และโตขึ้นมาได้อย่าง "ม้าป่า" นั้น ร้อยจะมีซัก ๑ หรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ?
วัฒนธรรมตำรวจนี่ "เจ้าขุนมูลนาย" ตัวจริงเลยแหละ ยิ่งกว่าข้าราชการหน่วยไหนทั้งสิ้น
ลูกพี่ หรือเจ้านาย จะไปไหนที ลูกน้องจะขี่รถเคลียร์เส้นทาง มีประกบหน้า-หลังตามลูกพี่อีกหน่วยตะหาก เรียกว่าไปเป็นกองเกียรติยศตำรวจย่อยๆ ชาวบ้านร้านตลาดรู้หมดและว่า
นั่นแหละ..ตำรวจใหญ่เค้ามาแล้วหละ!
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เท่าที่ผมสังเกต ท่านไม่ใช่ตำรวจลักษณะนั้น จริงอยู่ ตำรวจประเภท "ม้าป่า" ยึดมั่นงานพิทักษ์ประชาชนตามหน้าที่ ไม่ต้องคอยตามประจี๋-ประจ๋อเจ้านาย
อาจจะชอบ และทำงานด้วยความสบายใจ แต่อีกประเภท และมีเป็นส่วนมากนี่ซีครับ เขาจะใช้เวลาปรับตัว-ปรับทัศนคติอีกนานซักเท่าไหร่ นั่นก็ยังไม่สำคัญเท่ากับว่า "พร้อมจะปรับตัว-ปรับทัศนคติหรือไม่?"
แต่มองอีกมุมก็ไม่น่ายาก โบราณมีคำว่า "โจรจับโจร" ก็ในทำนองเดียวกับ "ตำรวจจับตำรวจ"กับตำรวจที่สวมเครื่องแบบปกปิดร่างกายรัดกุมนั้น คนที่จะรู้ว่า "ตำรวจคนไหนหลังลายหรือไม่?" ก็มีคนเดียวคือ "ตำรวจด้วยกัน" ฉะนั้น การที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มาบริหารตำรวจวันนี้ ทางหนึ่งก็ดูเหมือนยาก แต่อีกทางก็ดูเหมือนง่าย อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า "หัวไม่ส่าย" เสียอย่าง หางมันก็ "จุกตูด" เองแหละ.
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=6/Feb/2550&news_id=137566&cat_id=200บทความนี้ของ คุณเปลว เขียนน่าอ่านดี
* เสธแดง กู่ไม่กลับแล้วงานนี้ อดดูหนังสือภาคต่อไปของแกเลย