ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
01-07-2025, 13:56
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ถ้าจะลงโทษนักการเมือง ข้าราชการ และ ลูกจ้าง คดี CTX9000 อย่าลืม"นิติกรบริการ"... 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ถ้าจะลงโทษนักการเมือง ข้าราชการ และ ลูกจ้าง คดี CTX9000 อย่าลืม"นิติกรบริการ"...  (อ่าน 2144 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 03-01-2007, 22:29 »

การตรวจสอบ สอบสวนคดีทุจริตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทักษิณ ครอบครัว และหุ้นส่วนในบริษัทไทยรักไทยจำกัดนั้น....

คณะกรรมการ คตส.และ คณะกรรมการ ปปช. อย่าลืม "นิติกรบริการ" ด้วยนะครับ....

เช่นการซื้อขายเครื่องตรวจสอบระเบิด CTX9000 จากบริษัท InVision ที่ปรากฎในเอกสารของ
คณะกรรมการ กลต. กระทรวงยุติธรรม สหรัฐว่า มีนักการเมืองไทยและเจ้าหน้าที่ฯ โครงการสนามบินสุวรรณภูมิได้รับสินบลอย่างชัดเจน.....

หนึ่งใน"นิติกรบริการ" คือ วิษณุ ที่พูดเอง เออเองว่า ได้ตรวจสอบแล้ว ได้ชี้แจงว่า ไม่มีการทุจริตใด ๆ ในโครงการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ รวมทั้งการจัดซื้อเครื่องตรวจสอบ CTX9000 ด้วย....
Exclamation

ปล. อย่าลืมประธานคณะกรรมการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ คือ อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรที่อนุมัติการจัดซื้อ การดำเนินการก่อสร้าง ต่าง ๆ ด้วย......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2007, 22:30 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #1 เมื่อ: 03-01-2007, 22:46 »

คนที่ผ่านสนามบินนานาชาติระดับใกล้เคียงสนามบินสุวรรณภูมิ
มีแห่งใดที่"ห่วย"กว่าสนามบินสุวรรณภูมิ.......
Question

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #2 เมื่อ: 03-01-2007, 22:53 »

คตส.ฟันอาญา"สุริยะ-ศรีสุข”แล้ว"อ้อ-บรรณพจน์”รับข้อกล่าวหาพรุ่งนี้

คตส.ฉลองปีหมูไฟฟันอาญา “สุริยะ-ศรีสุข” พร้อมพวกรวม 14 คน ฐานล็อคสเปคท่อร้อยสาย ทำบทม.เสียหายกว่า 1.9 พันล้าน จี้บทม. - คมนาคมร้องทุกข์กล่าวโทษ ด้านเอ็กซิมแบ็งค์ พบรัฐปล่อยกู้ต่ำกว่าต้นทุน เอื้อบริษัทใกล้ชิดนักการเมือง ขณะที่อนุไต่สวนหุ้นชินฯรอ “พจมาน - บรรณพจน์” รับข้อกล่าวหาพรุ่งนี้

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 3 มกราคม มีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยมีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคตส. เป็นประธานในที่ประชุมภายหลังใช้เวลาประชุมนานประมาณ 5 ชั่วโมง นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคตส.แถลงว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่คณะอนุกรรมการเสนอ คือให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องการทุจริตงานก่อสร้างระบบจ่ายไฟฟ้าและเครือข่ายท่อร้อยสายไฟฟ้า โครงการท่าอาอาศยานสุวรรณภูมิ

โดยมีผู้ที่อยู่ในข่ายต้องรับผิดชอบจำนวน 14 ราย ประกอบด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะรมว.คมนาคม นายศรีสุข จันทรางศุ ในฐานะปลัดกระทรวงคมนาคม พล.อ.สมชัย สมประสงค์ ในฐานะกรรมการผุ้จัดการใหญ่ บทม. คณะกรรมการตรวจการจ้างตามสัญญาจ้างออกแบบและจัดทำเอกสารประกวด และคณะกรรมการกำหนดราคากลาง นายสักกล่าวว่า ทั้งหมดมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติหน้าที่ก่อให้เกิดการทุจริตมิชอบ ตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา และมีความผิดในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ ตามกฎหมายอาญาพ.ศ.2502 ซึ่งพบว่าคดีดังกล่าวมีหลักฐานเชื่อได้ว่ามีความผิดทางอาญา จึงต้องมีการใต่สวนความผิดทางอาญาด้วย แต่ทั้งนี้นายสุริยะ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงต้องให้บทม.และกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อคตส.ตามมาตรา 66 และ 67 ของพ.ร.บ.ป.ป.ช.ก่อน

ส่วนคณะอนุกรรมการไต่สวนขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนการชดใช้ทางแพ่งต้องขึ้นอยู่กับผลการไต่สวนต่อไป โฆษกคตส. กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า คณะกรรมการตรวจการจ้างออกแบบระบบจ่างไฟฟ้า และเครือข่ายท่อร้อยสายไฟใต้ดิน ร่วมกับบริษัทอีเลคโทรวัตต์ คอนซัลติ้ง เซอร์วิส เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมกันออกแบบ และกำหนดเงื่อนไขเพื่อประกวดราคางานก่อสร้างระบบจ่ายไฟฟ้าและเครือข่ายท่อร้อยสาย

โดยใช้ชนิดไฟเบอร์เสริม อีฟ๊อกซ์ซี่ และกำหนดต้องเป็นผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตเพียงรายเดียว ซึ่งตรงกับคุณสมบัติของยี่ห้อเอฟอาร์อี หรือ จีอาร์อี และสตง.ได้ทักท้วงว่าไม่เปิดกว้าง ต่อมามีการแก้ไขแบบให้สามารรถเข้าได้หลายแบบ แต่มีการเปิดซองประกวดราคาในวันถัดไป โดยไม่ให้ผู้เสนอราคามีเวลาสอบราคา หรือปรับราคาเพื่อใช้แบบอื่น

"ทั้งนี้คณะกรรมการกำหนดราคา ไม่ได้ทบทวนราคากลางให้สอดคล้องกับแบบที่ได้กำหนดใหม่ เป็นเหตุให้รับราคาผู้รับจ้างงานก่อสร้าง จากบริษัทไอทีดี-เอ็นซีซี จอยท์เวนเจอร์ ทำให้บทม.เสียหายกว่า 1,910 ล้านบาท แพงกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งที่สตง.ได้ทักท้วงไปยังกระทรวงคมนาคม แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการเพื่อรักษาประโยชน์ของทางราชการ" นายสัก กล่าวว่าและว่า

นอกจากนี้อนุกรรมการยังได้รายงานความคืบหน้าการตรวจสอบการให้เงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรเพื่อพัฒนาประเทศแก่รัฐบาลสหภาพพม่า ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าประเทศไทย ซึ่งได้ตรวจสอบการใช้เงิน พบว่าเป็นรายแรกที่รัฐให้กู้ต่ำกว่าทุน และกระทรวงการคลังต้องเป็นผู้ชดเชยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ โดยที่ไม่เคยให้ใครกู้อย่างนี้มาก่อนในลักษณะไม่คำนึงถึงผลกำไรและอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเอ็กซิมแบ็งค์อ้างว่าเป็นโครงการให้เงินช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้าน และขณะนี้เงินก็ได้ไหลไปแล้ว โดยไม่สามารถสรุปวงเงินได้

เพราะมีการดำเนินโครงการซึ่งเกี่ยกับสาธารณูปโภคในพม่าอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่เงินที่ไหลไปจะอยู่ผู้ประกอบการที่เป็นคนไทย จึงถือว่าเงินอยู่ในประเทศไทย และพบว่าผู้ประกอบการบางส่วนมีความใกล้ชิดกับนักการเมือง จากการตรวจสอบการขอรับและจ่ายเงินพบว่า มีส่วนที่ทับซ้อนกันอยู่ในบางบริษัทที่รับงานเองก็มีและรับงานในชื่อบริษัทอื่นก็มี ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่

โฆษกคตส.กล่าวว่า คณะอนุกรรมการตรวจสอบการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2-3 ตัว ได้รายงานว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบมติครม.พบว่ามีหลายส่วนที่ก่อให้เกิดความเสียหาย คือ 1. การไม่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ของเงินได้ 2 แสนกว่าล้านบาท และไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย ทั้งที่ไม่มีพรฎ.ยกเว้น 2. ไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย
 
ส่วนลดของผู้จำหน่ายสลาก และไม่เก็บภาษีพ.ร.บ.การพนัน 10% นายสัก กล่าวว่า สำหรับการทำงานของคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร และพวกรวม 6 คน หลีกเลี่ยงการเสียภาษีการซื้อขายหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์แอนด์คอมมิวนิเคชั่นจำกัด ในวันที่ 4 ม.ค. นี้ ทั้งช่วงเช้าและบ่ายจะเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 6 คน มารับทราบข้อกล่าวหา โดยแบ่งเป็นช่วงเช้า 10.30 น. และบ่ายเวลา 13.30 น. ช่วงละ 3 คน ส่วนกรณีที่นายบรรณพจน์ และคุณหญิงพจมานจะไม่มานั้น คงต้องรอให้ผ่านวันที่ 4 ม.ค.ไปก่อน

คตส.ไม่รอกองทุนฟื้นฟูพร้อมกล่าวโทษ"อ้อ-สามี"

นายอุดม  เฟื่องฟุ้ง  ประธานอนุกรรมการสอบสวนกรณีการซื้อที่ดินบริเวณรัชดาภิเษกของคุณหญิงพจมาน เปิดเผยว่าล่าสุดจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินว่าจะมากล่าวโทษคุณหญิงพจมานกับ พ.ต.ท.ทักษิณเมื่อใด แต่ได้มีการติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ซึ่งรับผิดชอบแล้วแต่กองทุนฯก็ยังไม่ได้ระบุวันมา

อย่างไรก็ตามหากไม่มาร้องทุกข์กล่าวโทษ คตส.ก็จะดำเนินการต่อไปในส่วนการสอบสวนโดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ

นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคตส.กล่าวว่า ในส่วนของการร้องทุกข์กล่าวโทษ 22 รายชื่อที่ถูก คตส.ชี้มูลว่ามีความผิดในกรณีการจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ทราบว่าพล.อ.สะพรั่ง กัลยาณมิตร ผช.ผบ.ทบ.ในฐานะประธานบอร์ดทอท.ได้บอกกับคุณหญิงจารุวรรณ  เมณฑกา  ผู้ว่าสตง.แล้วว่าเรื่องการกล่าวโทษนั้นไม่ต้องเป็นห่วง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการประชุมกรรมการคตส.แต่ละคนเช่นนายนาม  ยิ้มแย้ม  นายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ นายแก้วสรร อติโพธิ ได้มีการพูดคุยกับสื่อมวลชนถึงกรณีเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครขณะนี้ โดยกรรมการหลายคนต่างพูดเหมือนกันว่าไม่รู้สึกหวาดกลัวต่อกรณีการวางระเบิดหรือข่มขู่กรรมการคตส.เพราะชินแล้วกับเหตุการณ์แบบนี้และไม่ได้มีการกำลังทหารหรือตำรวจคุ้มครองความปลอดภัยเป็นการส่วนตัวกับทางคมช.แต่อย่างใด
 
 
http://www.komchadluek.net/2007/01/03/a001_79502.php?news_id=79502

นับคดีไม่หวาดไม่ไหว "คตส.รุ่นไม่กลัวระเบิด" 
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 03-01-2007, 23:00 »

เออ....

เนติบริกร

เอาตัวมาทำความดีชดใช้โทษอยู่ มั้งครับ 
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
sleepless
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 525


Sleepless


« ตอบ #4 เมื่อ: 03-01-2007, 23:03 »

คนที่ผ่านสนามบินนานาชาติระดับใกล้เคียงสนามบินสุวรรณภูมิ
มีแห่งใดที่"ห่วย"กว่าสนามบินสุวรรณภูมิ.......
Question


มี...อ้า...เอ่อ ... นึกไม่ออกแฮะ
วันก่อนไปเห็นกระเบื้องที่สุวรรณภูมิมา กลับมาบ้านภูมิใจกระเบื้องที่บ้านมากๆ เลย
เห็นแล้วเสียดายตังค์ตั้งแสนล้านจิ๋บเป๋ง
บันทึกการเข้า
นิรนาม
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 554



« ตอบ #5 เมื่อ: 03-01-2007, 23:05 »

เก็บของเก่ามาฝาก
จาก http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9480000085109

 ภาค 1 CTX หนองงูเห่า ยุทธการโกงชาติ

       1. ความผิดปรกติของงานเริ่มจากการเพิ่มงานเพื่อให้สนามบินรองรับผู้โดยสารได้จาก 30 ล้านคน เป็น 45 ล้านคน โดยมอบหมายให้ MJTA ออกแบบ ปรับปรุงเพิ่มจำนวน Check-in Counter แล%เครื่องตรวจวัตถุระเบิด โดยเฉพาะไม่นำผลการศึกษาจำนวนเครื่องตรวจวัตถุระเบิด ของ MJTA และของ ASI มาใช้ ซึ่งออกแบบระบบที่สมเหตุผล สำหรับประเทศไทยมากที่สุดไม่ใช่ระบบตรวจกระเป๋า 100% แต่ตรวจเฉพาะผู้โดยสารที่มีความเสี่ยงเท่านั้น
       
       2. บทม.มอบหมายการออกแบบระบบตรวจวัตถุระเบิดให้ ITO ดำเนินการพร้อมงานก่อสร้างโดยไม่มีการประมูลใหม่โดย บทม.เป็นผู้กำหนดงบประมาณวงเงิน 4,500 ล้านบาท ให้ คณะกรรมการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (กทภ.) อนุมัติ ซึ่งต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติรับรองในภายหลัง
       
       3. แต่ก่อนหน้านั้นได้มีการหารือและบันทึกเป็นผลการประชุมว่า สตง. ป็นหน่วยงานที่มีการปฏิบัติงานที่เป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มงานเพื่อให้สนามบินรองรับผู้โดยสารได้จาก 30 ล้านคน เป็น 45 ล้านคน และต่อมาไม่นานพบว่า นายกรัฐมนตรีได้ออกคำสั่งพิเศษเรียกว่า คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 2/2546 ยกเว้น ไม่ต้องนำคำสั่ง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และ มติ ครม. มาใช้บังคับกับ บทม.สำหรับงานก่อสร้าง การบริหาร พัสดุ การเงิน การทำสัญญา การควบคุมแผนงาน ฯลฯ เท่ากับเป็นการรองรับให้ บทม.สามารถดำเนินการว่าจ้างและทำสัญญากับ ITO หรือที่ปรึกษาอื่นๆ ได้โดยสามารถอ้างได้ว่าเพื่อเป็นความสะดวกให้สามารถก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้แล้วเสร็จ ภายในกันยายน 2548
       
       4. บทม.อ้างเหตุผลยกเลิกไม่ให้ MJTA เป็นผู้ออกแบบระบบตรวจวัตถุระเบิด โดยอ้างว่าจะใช้เวลาถึง 6 เดือน ตั้งวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2546 แต่ บทม.ได้ให้ ITO เริ่มงานออกแบบเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2546 และเห็นชอบรับงานออกแบบของ ITO วันที่ 15 มกราคม 2547 รวมแล้วระยะเวลาการดำเนินการตั้งแต่ยกเลิก MJTA จนถึงออกแบบเสร็จประมาณ 11 เดือน ซึ่งใช้ระยะเวลามากกว่าที่ให้ MJTA ออกแบบ ถึง 5 เดือน การกระทำดังกล่าวแสดงความไม่ชอบมาพากลของ บทม. ที่ต้องการ ให้ ITO รับงานโดยไม่มีการประมูล ซึ่ง บทม.สามารถควบคุมการทำงานของ ITO และล็อกเสปกอุปกรณ์ได้ง่าย
       
       5. ภายหลัง บทม.ยกเลิกไม่ให้ MJTA เป็นผู้ออกแบบระบบตรวจวัตถุระเบิด ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2546 มีบริษัท System Design &Develop Inc เกิดขึ้นโดยจดทะเบียนที่เมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทุนจดทะเบียน 25,000 เหรียญ (ประมาณ 1 ล้านบาท) เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2546 และต่อมาบริษัท System Design &Develop Inc เปลี่ยนชื่อเป็น Quatrotec โดยย้ายมาอยู่ที่เมือง Los Angelis California และได้เข้ามารับงานเป็นที่ปรึกษาให้ บทม. ด้วยความไม่ปกติของการว่าจ้างที่ปรึกษาทั่วไป
       
       6. บทม.ก็ทราบอยู่แล้วว่าการออกแบบระบบตรวจสอบวัตถุระเบิดเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะและผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ITO ไม่สามารถทำงานดังกล่าวด้วยตัวเอง จึงได้ว่าจ้างบริษัท Cage เป็นผู้ออกแบบ ซึ่งปรากฏว่าบริษัท Cage ก็มิได้มีประสบการณ์การออกแบบระบบตรวจสอบวัตถุระเบิดโดยตรงจึงเป็นช่องว่างที่ บทม.และ ITO จะต้องหาบริษัทที่ทำหน้าที่รับรองการออกแบบและการทำงานของระบบ(IDCE) แยกต่างหากจากบริษัท Cage โดยในครั้งแรกตามเอกสารของ บทม.ที่ NBIA/ITO/TB/4465 ลว. 2 กรกฎาคม 2546 ITO จะต้องเป็นผู้จัดหา IDCE เอง แต่ปรากฏว่าภายหลัง บริษัท Quatrotec ได้เข้ามามีบทบาท เป็น IDCE โดย บทม.เป็นผู้ว่าจ้างซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ ITO โยนให้ บทม.รับภาระค่าจ้างและรับผิดชอบ และโดยที่สัญญาได้ออกแบบไว้ได้กำหนดให้ IDCE จะต้องอนุมัติแบบให้ ITO ภายใน 7 วันหาก IDCE ไม่สามารถทำได้ทันภายใน 7 วัน ก็ถือว่าแบบของ ITO ได้รับอนุมัติโดยอัตโนมัติ สัญญาดังกล่าวเป็นฝ่ายที่ บทม.เสียเปรียบ ITO ทุกประการ และหากพบว่ามีความบกพร่องต่อระบบไม่ว่าจะเกิดเนื่องจากการออกแบบหรือการควบคุมงานที่ได้รับรองโดย IDCE เอง บริษัท Quatrotec ซึ่งจดทะเบียนในต่างประเทศจะรับผิดชอบได้หรือไม่
       
       7. บริษัท Quatrotec เริ่มมีบทบาทเป็นผู้ตรวจสอบงานออกแบบระบบดังกล่าวให้แก่ บทม.ทั้งๆที่ยังไม่มีสัญญาว่าจ้างโดย บทม.ได้นำรายงานการศึกษาของ Quatrotec ส่งให้ ITO สองครั้ง คือครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2546 และรายงานครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2546 แต่ บทม.ได้ลงนามในสัญญาว่าจ้างบริษัท Quatrotec เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2547 ดังนั้น การที่ บทม.ใช้รายงานของ Quatrotec จึงถือว่าเป็นรายงานเถื่อนที่ บทม.ยอมรับ การที่ บทม.กล้ากระทำเช่นนี้ได้จึงน่าเชื่อได้ว่าต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังบริษัท Quatrotec ที่มีเส้นสายใหญ่โต การกระทำของ บทม. ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่มีระเบียบใดรองรับแต่มีผลกับสัญญาโดยตรง เพราะมูลค่าสัญญางานนี้สูงถึง 4,400 ล้านบาท เลือกใช้เครื่อง CTX 9000 ตามความเห็นของ Quatrotec ที่เป็น ผู้ล็อกเสปก
       
       8. ผู้ออกแบบทั้ง ASI และ Cage ต่างศึกษาเครื่องตรวจวัตถุระเบิด สองยี่ห้อ คือ CTX9000 และ L-3 eXaminer แต่ Quatrotec ซึ่งไม่มีหน้าที่ออกแบบกลับล็อกเสปกให้ใช้เฉพาะเครื่อง CTX9000 เท่านั้น โดยไม่ปรากฏว่า บทม.ได้สั่งให้ที่ปรึกษาทำการเปรียบเทียบคุณสมบัติและประวัติการทำงานเครื่องตรวจระเบิดที่เกี่ยวกับสมรรถนะและความสามารถเครื่องที่ดีที่สุด โดยควรศึกษาอ้างอิงกับเครื่องและระบบที่คล้ายกันที่ได้รับการติดตั้งในสนามบินต่างๆของสหรัฐอเมริกาอย่างละเอียดรอบครอบ จึงเป็นไปได้ว่าการที่ Quatrotec สามารถกระทำดังกล่าวได้และ บทม. ยอมรับโดยไม่มีเงื่อนไขก็เพื่อตอบสนองใบสั่งของผู้อยู่เบื้องหลัง
       
       9. บทม.ได้ทำการลงนามในสัญญากับ ITO เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547 โดยใช้หลักเกณฑ์การเพิ่มงานโดยไม่มีการประมูลใหม่ ไม่มีราคากลางเพียงแต่นำวงเงินที่ ครม.ให้ความเห็นชอบ 4,500 ล้านบาท ลดลงเหลือ 4,400 ล้านบาท และในการทำสัญญาปรากฏว่ามีชื่อบริษัท Patriot Business Consultant Co.Ltd ซึ่งเป็นตัวแทนของ Invision Inc. ผู้ผลิต CTX9000 เป็นผู้รับเหมาช่วงของ ITO
       
       10. บทม.ได้ทำการว่าจ้างบริษัท Quatrotec เป็น IDCE เมื่อ 30 กันยนยน 2547 โดย บริษัท Quatrotec อ้างอิงผลงานสนามบิน San Francisco International Airport เมื่อปี 2545 แต่บริษัท Quatrotec จดทะเบียนเมื่อปี 2546 ดังนั้น จึงถือว่าบริษัท Quatrotec กระทำการทุจริตใช้เอกสารเท็จ จึงถือได้ว่าบริษัท Quatrotec กระทำการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ผิดระเบียบ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่ง จะต้องถูกเลิกสัญญาว่าจ้างและถูกขึ้นบัญชี เป็นผู้ทิ้งงานของทางราชการ ในกรณีนี้ บริษัท Quatrotec ถือว่าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐแล้ว การยกเลิกสัญญาจะกระทำได้เมื่อ บทม.ส่งเรื่องพร้อมแสดงความเห็นไปยังปลัดกระทรวงคมนาคม เพื่อแจ้งให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้รักษาการตามระเบียบฯ เพื่อแจ้งให้บริษัท Quatrotec เข้ามาชี้แจงภายใน 15 วัน หลังจากได้รับคำชี้แจงแล้วปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จึงจะวินิจฉัยและขึ้นบัญชี บริษัท Quatrotec เป็นผู้ทิ้งงานอย่างเป็นทางการต่อไป
       
       11. เงื่อนไขการจ่ายเงิน ได้แบ่งออกเป็น 25 งวด รวม 4,404 ล้านบาท (1 บาท = 2.67 yen ) แยกออกเป็นหมวดๆ ได้ดังนี้ (1) งานออกแบบ 220 ล้านบาท (2) งานจัดซื้อเครื่อง CTX9000 2,290 ล้านบาท (3) เมื่อส่งของ 528 ล้านบาท (4) งานติดตั้ง 1,101 ล้านบาท (5) งานทดสอบ 264 ล้านบาท ได้ตรวจพบความผิดปรกติหลายประการ ดังนี้
       
       11.1 ตามรายการปริมาณงาน Detailed BOQ ปรากฏงานตามสัญญามีค่าออกแบบ 110 ล้านบาท แต่เมื่อเบิกจ่ายจริง ITOได้ทำการเบิกเงิน ค่าออกแบบไปถึง 220 ล้านบาท ค่าอุปกรณ์ตรวจระเบิด 1,831 ล้านบาท แต่เบิกจริงถึง 2,290 ล้านบาท ค่าส่งของและอุปกรณ์พร้อมส่งคิดเป็นเงิน 528 ล้านบาทไม่มีเอกสารการส่งของลงเรือ เช่น Invoice และ B/Lแต่ บทม.อนุมีติจ่ายเงิน ซึ่งถือว่าเป็นการเบิกเงินเกินปริมาณงาน
       
       11.2 ตามรายการปริมาณงาน Detailed BOQ ได้แสดงเนื้องานการติดตั้งระบบสายพานเพิ่มขึ้นซึ่งประกอบด้วยค่าวัสดุเป็นส่วนใหญ่แต่ในรายการ การเบิกเงินไม่ได้แสดงเนื้องานค่าวัสดุแต่ประการใด จึงเปิดช่องให้ ITO สามารถเบิกเงินได้ถึงงวดที่ 15 คิดเป็นเงินของหมวดงาน ที่ (1) (2) (3) เป็นเงิน 3,039 ล้านบาท และเงินล่วงหน้าอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงิน 440 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 3,479 ล้านบาท โดยเฉพาะหมวดงานที่ (2) และ (3) รวมเป็นเงิน 2,819 ล้านบาท จากการให้การของ บทม.อ้างว่า Invision Inc ยังไม่ได้รับเงิน รวมทั้งมีคำตัดสินของศาลยุติธรรมประเทศ สหรัฐอเมริกาว่า Invision Inc กระทำผิดกฎหมาย FCPA ที่น่าเชื่อได้ว่ามีการจ่ายสินบนให้แก่กิจกรรมทางการเมืองของประเทศไทย การกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้บริษัทแม่ของ Invision Inc คือ GE - Invision Inc ประกาศว่าจะขายเครื่อง CTX9000 ให้แก่ บทม โดยตรง ไม่ผ่านตัวแทน หรือ ITO การกระทำดังกล่าวจึงถือว่ายังไม่มีการสั่งซื้อระหว่าง ITO กับ ผู้ขาย ตามสัญญาในหมวด (2) ถึงแม้ว่า ITO จะอ้างว่ามีสัญญากับ Patriot Business Consultant Co.,Ltd ก็ถือว่าเป็นนิติกรรมอำพราง ดังนั้นงวดงานทั้งสิ้นจึงถือว่ายังมิได้ดำเนินการและส่งมอบงานแต่ประการใด แต่ในขณะนี้ ITO ได้เบิกเงินเกินปริมาณ เฉพาะหมวด (2) และ (3) สูงถึง 2,819 ล้านบาท เป็นการกระทำที่ผิดระเบียบเป็นเหตุให้ทางราชการเสียหาย และถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ ITO
       
       11.3 ปริมาณเงินที่เหลือตามสัญญาในหมวดที่ (4) และ (5) เหลืออีก 1,365 ล้านบาท เมื่อหักเงินล่วงหน้าที่เบิกไปแล้ว 440 ล้านบาท จึงเหลือ เงินที่ ITO สามารถเบิกได้อีก 925 ล้านบาท หากเกิดความเสียหายไม่นับรวมถึงการไม่สามารถส่งเครื่องตรวจวัตถุระเบิด 26 ชุด ปริมาณเนื้องานติดตั้งจริง ที่ ITO จะต้องดำเนินการคืองานระบบสายพาน งานก่อสร้าง ห้องควบคุมและตรวจกระเป๋า และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมแล้วเป็นเนื้องานที่สูงกว่าจำนวนเงิน 925 ล้านบาท ซึ่ง บทม.เป็นฝ่ายเสียเปรียบที่ไม่สามารถ นำเงินส่วนที่เหลือนี้ไปว่าจ้างผู้รับเหมารายอื่นให้ทำงานแล้วเสร็จ
       
       12. เทคนิคและวิธีการติดตั้งเครื่องตรวจวัตถุระเบิดที่ ITO เสนอและ Quatrotec รับรองว่าเป็น100% In-Lind System นั้น ขัดแย้งกับมาตรฐานการติดตั้งในสนามบิน 8 แห่ง ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเฉลี่ยใช้เครื่องตรวจระเบิด 1 เครื่องต่อจำนวนผู้โดยสาร 930 คนต่อวัน แต่ท่าอากาศสุวรรณภูมิเฉลี่ยใช้เครื่องตรวจระเบิด 1 เครื่อง ต่อผู้โดยสาร 4,740 คนต่อวัน จะเป็นระบบ 100% In-Lind System หรือไม่ เพราะในขณะที่ท่าอากาศยานซานฟรานซิสโก มีผู้โดยสารประมาณ 14 ล้านคน ใช้ 45 เครื่องและท่าอากาศยานบอสตันโลแกน มีผู้โดยสารประมาณ 11 ล้านคน ใช้ 38 เครื่อง แต่ของสนามบินสุวรรณภูมิ มีผู้โดยสาร 45 ล้านคน ใช้เพียง 26 เครื่อง จากความแตกต่างของจำนวนเครื่องดังกล่าวจึงมีความเป็นไปได้อย่างมากที่ระบบการออกแบบของเรามีความสามารถในการตรวจกระเป๋าได้ไม่เกิน 15%
       
       นอกจากนี้ ที่ท่าอากาศสุวรรณภูมิ ติดตั้งเครื่องตรวจระเบิดไว้ที่ชั้นล่างที่ระดับ 1.50 เมตร ในขณะที่ Check-in counter อยู่ที่ระดับ 16.25 เมตร และ Check-in counter ตัวที่ไกลที่สุดมีระยะห่างจากเครื่องตรวจระเบิดประมาณ 150 เมตร จึงไม่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยเนื่องจากระบบดังกล่าวไม่มีการเครื่องเอกซเรย์ ที่ทำหน้าที่ตรวจหาวัตถุระเบิด ชั้นที่ 1 ที่ Check-in counter จึงเป็นจุดอ่อนที่สุดของระบบ การออกแบบดังกล่าวจึงเป็นความบกพร่องของผู้ออกแบบ และ IDCE และ บทม. ต้องเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบโดยตรง
       
       ข้อ ๑๔๕ จัตวา ในการจัดหาพัสดุ ตามระเบียบนี้ หากมีเหตุอันควรสงสัย ปรากฏในภายหลังว่า ผู้เสนอราคา หรือผู้เสนองาน รายหนึ่งหรือหลายราย ไม่ว่าจะเป็น ผู้เสนอราคาหรือผู้เสนองาน ที่ได้รับการคัดเลือก หรือไม่ก็ตาม กระทำการ อันเป็นการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือกระทำการ โดยไม่สุจริต เช่น การเสนอเอกสารอันเป็นเท็จ หรือใช้ชื่อบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลอื่น มาเสนอราคาแทน ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าบุคคลดังกล่าว สมควรเป็นผู้ทิ้งงานหรือไม่ โดยมีหนังสือแจ้งเหตุ ที่ทางราชการสงสัย ไปยังผู้เสนอราคา หรือผู้เสนองาน ที่ถูกสงสัยทราบ พร้อมทั้งให้ชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริง ภายในเวลา ที่ทางราชการกำหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่า 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากส่วนราชการ
       
       เมื่อส่วนราชการได้รับคำชี้แจงจากผู้เสนอราคา หรือผู้เสนองานที่ถูกสงสัยตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้หัวหน้าส่วนราชการทำรายงานไปยังปลัดกระทรวง พร้อมทั้งเสนอความเห็นของตนเพื่อประกอบการพิจารณาของปลัดกระทรวง ว่าบุคคลดังกล่าวสมควรเป็นผู้ทิ้งงานหรือไม่
       
       หากผู้เสนอราคา หรือผู้เสนองานที่ถูกสงสัยไม่ชี้แจงภายในกำหนดเวลา ตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่ามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำอันเป็นการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือมีการกระทำโดยไม่สุจริต ให้หัวหน้าส่วนราชการเสนอปลัดกระทรวง พร้อมทั้งเสนอความเห็น เพื่อพิจารณาให้ผู้นั้นเป็นผู้ทิ้งงาน การพิจารณาให้ผู้เสนอราคา หรือผู้เสนองานเป็นผู้ทิ้งงาน ตามวรรคสองและวรรคสาม ให้นำความในข้อ ๑๔๕ ทวิ วรรคสาม วรรคสี่ วรรคห้า และวรรคหก มาใช้บังคับ โดยอนุโลม
       
       ข้อ ๑๔๕ เบญจ ในกรณีที่ผู้เสนอราคา หรือผู้เสนองาน ที่ร่วมกระทำการอันเป็นการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือกระทำการโดยไม่สุจริตรายใด ซึ่งมิใช่เป็นผู้ริเริ่ม ให้มีการกระทำดังกล่าวได้ ให้ความร่วมมือเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของทางราชการ ให้หัวหน้าส่วนราชการ หรือปลัดกระทรวง หรือผู้รักษาการตามระเบียบ พิจารณาให้ ผู้เสนอราคาหรือผู้เสนองานรายนั้น ได้รับการยกเว้น ที่จะไม่เป็นผู้ทิ้งงานได้ โดยแสดงเหตุผล หรือระบุเหตุผลไว้ ในการเสนอความเห็น หรือในการสั่งการแล้วแต่กรณี
       
       ข้อ ๑๔๕ ฉ ในกรณีที่นิติบุคคลใด ถูกสั่งให้เป็นผู้ทิ้งงาน ตามข้อ ๑๔๕ ทวิ ข้อ ๑๔๕ ตรี หรือข้อ ๑๔๕ จัตวา ถ้าการกระทำดังกล่าว เกิดจากหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจในการดำเนินงาน ในกิจการของนิติบุคคลนั้น ให้ผู้รักษาการตามระเบียบนี้ สั่งให้บุคคลดังกล่าว เป็นผู้ทิ้งงานด้วย
       
       ในกรณีที่ นิติบุคคลรายใดถูกสั่งให้เป็นผู้ทิ้งงาน ตามข้อ ๑๔๕ ทวิ ข้อ ๑๔๕ ตรี หรือข้อ ๑๔๕ จัตวา ให้คำสั่งดังกล่าว มีผลไปถึง นิติบุคคลอื่น ที่ดำเนินธุรกิจประเภทเดียวกัน ซึ่งมีหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจในการดำเนินงาน ในกิจการของนิติบุคคลนั้น เป็นบุคคลเดียวกัน กับหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจในการดำเนินงาน ในกิจการของนิติบุคคลที่ถูกพิจารณาให้เป็นผู้ทิ้งงานด้วย
       
       ในกรณีที่ บุคคลธรรมดารายใดถูกสั่งให้เป็นผู้ทิ้งงาน ตามข้อ ๑๔๕ ทวิ ข้อ ๑๔๕ ตรี หรือข้อ ๑๔๕ จัตวา ให้คำสั่งดังกล่าว มีผลไปถึง นิติบุคคลอื่น ที่เข้าเสนอราคาหรือเสนองาน ซึ่งมีบุคคลดังกล่าว เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจ ในการดำเนินงาน ในกิจการของนิติบุคคลนั้นด้วย
       
       ข้อ ๑๔๕ สัตต เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการ ให้เป็นไปตามระเบียบนี้ เมื่อปรากฏข้อเท็จจริง อันควรสงสัยว่า มีการกระทำ ตามข้อ ๑๔๕ ทวิ ข้อ ๑๔๕ ตรี หรือข้อ ๑๔๕ จัตวา และปลัดกระทรวงยังไม่ได้รายงาน ไปยังผู้รักษาการตามระเบียบ ผู้รักษาการตามระเบียบ อาจเรียกให้ ผู้ได้รับการคัดเลือก ผู้จำหน่าย ผู้รับจ้าง คู่สัญญา ผู้เสนอราคา หรือผู้เสนองาน ที่มีข้อเท็จจริง อันควรสงสัย ว่ามีการกระทำ อันเป็นการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือกระทำการ โดยไม่สุจริต มาชี้แจงข้อเท็จจริง ต่อผู้รักษาการตามระเบียบ ทั้งนี้ โดยมีหนังสือแจ้งเหตุ ที่ผู้รักษาการตามระเบียบสงสัย ไปยังบุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งแจ้งให้บุคคลนั้นชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงภายในเวลาที่ผู้รักษาการตามระเบียบกำหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน นับแต่ วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากผู้รักษาการตามระเบียบ เมื่อผู้รักษาการตามระเบียบได้รับคำชี้แจงจากผู้ได้รับการคัดเลือก ผู้จำหน่าย ผู้รับจ้าง คู่สัญญา ผู้เสนอราคา หรือผู้เสนองาน ที่ถูกสงสัย ตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้ผู้รักษาการตามระเบียบ พิจารณาคำชี้แจงดังกล่าว หากคำชี้แจง ไม่มีเหตุผลรับฟังได้ ให้ผู้รักษาการตามระเบียบ พิจารณาให้บุคคลดังกล่าวเป็นผู้ทิ้งงาน พร้อมทั้งแจ้งผลการพิจารณาไปให้ปลัดกระทรวงทราบด้วย
       
       หากผู้ได้รับการคัดเลือก ผู้จำหน่าย ผู้รับจ้าง คู่สัญญา ผู้เสนอราคา หรือผู้เสนองาน ที่ถูกสงสัย ตามวรรคหนึ่ง ไม่ชี้แจง ภายในกำหนดเวลา ที่ผู้รักษาการตามระเบียบ จะได้กำหนดไว้ ให้ถือว่า มีเหตุอันควรเชื่อได้ ว่ามีการกระทำ อันเป็นการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือมีการกระทำ โดยไม่สุจริต ให้ผู้รักษาการตามระเบียบ พิจารณาให้บุคคลดังกล่าว เป็นผู้ทิ้งงาน พร้อมทั้งแจ้งผลการพิจารณา ไปให้ปลัดกระทรวงทราบด้วย
บันทึกการเข้า

"คืนที่ดำทะมึนมืดสนิท ยังรอแสงอาทิตย์ส่องสว่าง มีที่ไหนถูกปิดทุกทิศทาง เพียงม่านควันหมอกบางมันพรางตา"ถ้อยวลีของ..ประเสริฐ  จันดำ
ถ้อยวลี - จาก; "บันทึกจากกองร้อย ทหารปลดแอก" โดย..เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
      นักรบจรยุทธอย่างพวกเราไม่รู้ว่าบ้านของตัวเองอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเรามีปิตุภูมิเป็นของพวกเรา ทุกหนทุกแห่งที่เราล้มตัวลงนอนที่นั่นก็คือบ้าน
“บ้านของเราก็คือประเทศชาติ พ่อแม่ของเราก็คือประชาชน และเราจะไปทุกหนทุกแห่งเพื่อจัดการกับเจ้าคนที่มันเหยียบย่ำบ้านกับพ่อแม่ของเรา”
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #6 เมื่อ: 03-01-2007, 23:05 »

ฝรั่ง/บริษัทที่ออกแบบก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ได้มาเยี่ยมเยียนสนามบินสุวรรณภูมิ หลังจาก"รับทรัพย์"ไปแล้วหรือไม่.....

อาจจะไม่กล้าบินตรง ๆ มาสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะกลัว"คุณภาพ"ของสนามบินฯ อาจจะเป็นอันตรายต่อเขา....

เขาจะได้รับงานก่อสร้างสนามบินใหญ่ขนาดนี้จากประเทศอื่น ๆ อีกหรือ....
Question



ขอแก้ไขเพิ่มเติม "สนาม"บินใหญ่...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2007, 12:40 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #7 เมื่อ: 03-01-2007, 23:10 »

คนที่ใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิที่ผ่านมา
คิดว่า สนามบินสุวรรณภูมิ จะเสร็จสมบูรณ์ คงต้องใช้เวลาอีกนาน
หรือไม่มีวันสิ้นสุด  เพราะปัญหามากมาย....



อยากให้คนรักทักษิณ สาวกฯ หวอรูม และลูกจ้างบริษัทเทียมรักเทียมจำกัด ที่เห็น"ส่วนดี"ของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่เป็น"รูปธรรม" จับต้องได้ ช่วยบอกให้ผมเห็นหน่อยได้หรือไม่....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
นิรนาม
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 554



« ตอบ #8 เมื่อ: 03-01-2007, 23:12 »

ต่ออีกนะครับ

ภาค 2 จับผิดฟอก CTX9000

       ในการแถลงข่าวของรองนายก วิษณุฯ แสดงเหตุผลที่ บทม.เลือกเครื่อง CTX9000 ของบริษัท อินวิสชั่น เพราะ เครื่อง CTX9000 มีสมรรถนะ เหนือกว่า เครื่อง 3DX6000 ของบริษัท L-3 มีข้อพิรุธหลายประการดังนี้
      
       1. จากการรายงานของ CAA (California Aviation Alliance) ในบทความชื่อ In-line Screening Systems See Operation Progress, March 25, 2004 (http://archives.californiaaviation.org/airport/msg29734.html)
       ซึ่งทำการรวบรวมข้อมูลสถิติตัวเลขการทำงานจริงของระบบการตรวจสอบกระเป๋าในระบบ In-line ของสนามบิน 8 แห่ง รวม สนามบินซานฟรานซิสโก (SFO) และสนามบอสตัน (BOS) ไว้อย่างชัดเจน เปิดเผย และ ตรงไปตรงมา เมื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาทำการวิเคราะห์พบว่า เครื่อง CTX9000 สามารถทำการตรวจกระเป๋าได้ เฉลี่ยประมาณ 186 ใบต่อชั่วโมงเท่านั้น ในขณะที่ L-3 สามารถทำการตรวจกระเป๋าได้ เฉลี่ยประมาณ 288 ใบต่อชั่วโมง ดังนั้นข้อมูลของรองนายก วิษณุฯ และคณะที่แถลงโดยให้เหตุผลว่า เครื่อง CTX9000 มีความเร็วกว่าเครื่องของ L-3 จึงเป็นข้อมูลเท็จ
      
       2. รองนายก วิษณุฯ มอบหมายให้ ดร.ถวิล พึ่งพา เป็นผู้แถลง และ แสดงวิธีการคำนวณโดยใช้สมมุติฐาน ผู้โดยสาร 45 ล้านคนมีกระเป๋าเดินทางคนละ 2 ใบ รวมเป็นกระเป๋า 90 ล้านใบ ใช้ค่าความเร็วในการตรวจกระเป๋าของเครื่อง CTX9000 เท่ากับ 800 ใบ/ชั่วโมง นอกจากการนำตัวเลข ความเร็วตรวจกระเป๋า 800 ใบต่อชั่วโมงเพื่อมาคำนวณให้ได้จำนวนเครื่องตรวจระเบิด 26 เครื่อง ซึ่งเร็วกว่า และใช้จำนวนน้อยกว่า เพราะหากใช้ เครื่อง 3DX6000 จะต้องใช้ถึง 41 เครื่อง เหมือนรู้คำตอบล่วงหน้าแล้ว ก็ต้องช่วยกันผลัก ช่วยกันเข็น ช่วยกันฟอกให้ขาวสะอาดหมดจดให้ได้ จึงขอถามว่า ดร.ถวิล พึ่งพา ในฐานะวิศวกร นำตัวเลข 800 ใบต่อชั่วโมง มาจากไหน
      
       3. ในการแถลงข่าวและรายงานผลการตรวจสอบ เป็นการตบตาประชานชนในประเด็นการออกแบบระบบตรวจวัตถุระเบิด 100 % ที่อ้างว่าสามารถตรวจสอบกระเป๋าผู้โดยสาร 45 ล้านคน ไม่เป็นความจริง เราพบว่า ITO ใช้อัตราการการออกแบบความเร็วกระเป๋าที่ 5.9 ใบต่อนาที เมื่อวิเคราะห์จากข้อมูลของ CAA พบว่าค่าเฉลี่ยของความความสามารถในการตรวจกระเป๋าอยู่ที่ประมาณ 0.93 ใบต่อนาทีเท่านั้น และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ใช้เครื่องตรวจระเบิด 1 เครื่อง ต่อผู้โดยสารสูงถึง 4,742 คน ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของสนามบินในสหรัฐอเมริกาใช้เครื่องตรวจระเบิด 1 เครื่อง ต่อผู้โดยสาร 913 คน (สนามบินซานฟรานซิสโก (SFO) ใช้เครื่องตรวจระเบิด 1 เครื่อง ต่อผู้โดยสาร 878 คน และสนามบอสตัน (BOS) ใช้เครื่องตรวจระเบิด 1 เครื่อง ต่อผู้โดยสาร 815 คน ) จึงไม่น่าเชื่อได้ว่าระบบของ ITO ที่ บทม. อนุมัติให้สร้างโดยอ้างว่าเป็นระบบตรวจกระเป๋า In-line ที่สามารถตรวจกระเป๋าของผู้โดยสาร 45 ล้านคน ได้ 100 % เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับสนามบินซานฟรานซิสโก (SFO) ใช้เครื่องตรวจระเบิด 45 เครื่อง ต่อผู้โดยสาร 14.4 ล้านคน และสนามบอสตัน (BOS) ใช้เครื่องตรวจระเบิด 38 เครื่อง ต่อผู้โดยสาร 11.3 ล้านคน แต่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิใช้เพียง 26 เครื่อง ต่อ ผู้โดยสาร 45 ล้านคน ถามว่าทำไมมาตรฐานการออกแบบจึงแตกต่างกันมาก จะต้องมีข้อมูลของใครผิดปรกติ อย่างแน่นอน รองนายก วิษณุ ฯ ดร.ถวิล พึ่งพา และคณะจะต้องแถลงให้กระจ่าง
      
       ในเมื่อไม่สามารถสร้างระบบตรวจสอบวัตถุระเบิดสำหรับกระเป๋าของผู้โดยสารได้ 100 % ที่เป็นต้นเหตุของการตบตาประชาชนครั้งมโหฬาร ตามที่กล่าวซึ่งจะต้องมีผู้รับผิดชอบ ต่อไป เราก็มิได้หวังให้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต้องแห่ตาม สนามบินในสหรัฐอมริกา เพราะขืนทำต่อไประบบก็ไม่สามารถทำงานได้ตามที่ออกแบบตามที่กล่าว ซึ่งจะเกิดความโกลาหลครั้งยิ่งใหญ่ตอนเปิดใช้งาน เมื่อถึงเวลานั้นก็สายไปเสียแล้ว เพราะการจะแก้ไขก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ เพราะมีข้อจำกัดมากมาย เช่น สถานที่และระบบสายพานซึ่งไม่ได้ออกแบบเตรียมไว้ และเราไม่ควรเชื่อ ICAEO สหรัฐอมริกามากเกินไป เพราะหากเป็นความต้องการจริงสนามบินทั่วโลกโดยเฉพาะในประเทศโลกที่สาม มิต้องติดตั้งติดเครื่อง CTX เป็นระบบ In-line 100% หรอกหรือ เราต้องไม่ลืมว่า การเหตุการณ์ของ 9/11 ส่วนหนึ่งมาจากนโยบายของประเทศสหรัฐอมริกาเอง ซึ่งเป็นผู้ก่อ ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าเป็นการเกิดเหตุจาก สนามบินในประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งสิ้น แต่ทำไมเราต้องรับเคราะห์ในการติดตั้งระบบเดียวกับสหรัฐอมริกาด้วย แต่ สิ่งที่บทม.ควรรีบทำคือ แก้ไขระบบใหม่ให้เป็นระบบที่แบ่งกลุ่มผู้โดยสารที่มีความเสี่ยง ต่างกันตาม ตามที่ สถาบัน RPPI ได้วิเคราะห์ วิจารณ์ นโยบายของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไว้ตาม ที่ได้นำเสนอโดยรายละเอียดในภาค 3 เพราะระบบดังกล่าวน่าจะเหมาะสมกับประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่ประเทศที่ร่ำรวย และมีความเสี่ยงสูงเท่ากับสหรัฐอเมริกา กล่าวคือเมื่อนำตัวเลขที่ นสพ.มติชนได้นำเสนอไปแล้วคือระบบดังกล่าวได้จัดให้มีการตรวจสอบผู้โดยสารกลุ่มเสี่ยงสูง 5.98 ล้านคน กระเป๋า 1.5 ใบต่อคน ใช้เครื่องตรวจระเบิด 18 เครื่อง อัตราความเร็วการตรวจ 150 ใบต่อชั่วโมง เมื่อนำมาวิเคราะห์ เปรียบเทียบกับสนามบินในสหรัฐอเมริกาตามรายงานของ CAA ก็จะพบว่ามีมาตรฐานความเร็วและจำนวนเครื่องตรวจระเบิด ใกล้เคียงกันกล่าวคือระบบสามารถตรวจสอบตรวจกระเป๋าของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 0.95 ใบต่อนาที และใช้เครื่องตรวจระเบิด 1 เครื่อง ต่อผู้โดยสาร 910 คนในขณะที่ค่าเฉลี่ยของสนามบินในสหรัฐอเมริกายู่ที่ 0.93 ใบต่อนาที และ ใช้เครื่องตรวจระเบิด 1 เครื่อง ต่อผู้โดยสาร 913 คน ตามลำดับ (ดูตารางแสดงการคำนวณเปรียบเทียบ)
      
       4.ในรายงานของ CAA พบว่าการลงทุนที่สนามบิน สนามบินซานฟรานซิสโก (SFO) ใช้เครื่อง CTX 9000 จำนวน 45 เครื่อง จะใช้เงินลงทุน 91 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 3822 ล้านบาท หรือ 85 ล้านบาทต่อชุด ขณะที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ใช้เครื่อง CTX 9000 จำนวน 26 เครื่อง จะใช้เงินลงทุน 4300 ล้านบาท หรือ 165 ล้านบาทต่อชุด แพงกว่าเกือบ 2 เท่า น่าจะมีความผิดปรกติ หรือการทุจริตเกิดขึ้นเพราะทั้ง สนามบินซานฟรานซิสโก และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต่างก็เป็นสนามบินใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จพร้อมกัน เป็นไปได้หรือไม่ว่าสาเหตุที่แพงเพราะ เป็นงาน Turnkey ที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ (ตามสัญญาเพิ่มเติม ITO ให้โอกาส บทม. อนุมัติแบบ ภายใน 7 วัน หาก ไม่สามารถอนุมัติ ก็ถือว่า แบบได้รับการอนุมัติโดยปริยาย) เงื่อนไขของสัญญาดังกล่าวไม่เคยมาก่อนในระบบการจัดซื้อจัดจ้างงานกว่าสี่พันล้านบาท ที่มาจากภาษีของประชาชน เป็นงานเพิ่มเติม ไม่มีการประมูลแข่งขัน ไม่มีราคากลาง ไม่มีการตรวจสอบด้านเทคนิคอย่างรอบด้าน และ ไม่มีการเทียบสอบราคา จึงเปิดช่องให้มีการทุจริตเกิดขึ้น
      
       จากเหคุผลที่กล่าวมาทั้ง รองนายก วิษณุฯ และ ดร.ถวิล พึ่งพา ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้กระจ่าง มิฉะนั้นจะต้องถูกตั้งข้อหาว่าการแถลงดังกล่าวนอกจากไม่สามารถฟอกความผิดให้ผู้ทุจริตได้แล้วยังเป็นโกหกหลอกลวงประชาชน ครั้งมโหฬารที่สุดเท่าที่เคยผ่านมา
บันทึกการเข้า

"คืนที่ดำทะมึนมืดสนิท ยังรอแสงอาทิตย์ส่องสว่าง มีที่ไหนถูกปิดทุกทิศทาง เพียงม่านควันหมอกบางมันพรางตา"ถ้อยวลีของ..ประเสริฐ  จันดำ
ถ้อยวลี - จาก; "บันทึกจากกองร้อย ทหารปลดแอก" โดย..เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
      นักรบจรยุทธอย่างพวกเราไม่รู้ว่าบ้านของตัวเองอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเรามีปิตุภูมิเป็นของพวกเรา ทุกหนทุกแห่งที่เราล้มตัวลงนอนที่นั่นก็คือบ้าน
“บ้านของเราก็คือประเทศชาติ พ่อแม่ของเราก็คือประชาชน และเราจะไปทุกหนทุกแห่งเพื่อจัดการกับเจ้าคนที่มันเหยียบย่ำบ้านกับพ่อแม่ของเรา”
นิรนาม
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 554



« ตอบ #9 เมื่อ: 03-01-2007, 23:18 »

คนเหล่านี้(ที่เน้นแดง) น่าจะโดนด้วยทั้งหมดถึงจะสาสม

ข่าวจาก http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9480000076868

วันนี้ (9 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.00 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีจัดซื้อเครื่องตรวจซีทีเอ็กซ์ อาทิ นายบุญศักดิ์ เจียมปรีชา อธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะประธานคณะกรรมการ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมแถลงด้วย โดยใช้เวลาแถลงยาวนานกว่า 3 ชั่วโมง
       
      นายวิษณุกล่าวว่า ในการตรวจสอบหากพบว่าเข้าข่ายความผิดมูลฐาน จึงค่อยให้ทาง ปปง.ไปตรวจสอบต่างหากจะดีกว่ามาเริ่มต้นคิดกันตั้งแต่แรก ค้นหาข้อเท็จจริงตั้งแต่แรก ก็ได้ท่านอธิบดีสมบัติมา ขณะเดียวกันก็นึกถึงผู้ที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีทางเทคนิควิศวกรรม ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลายคนทาบทามไปท่านบอกว่าท่านเป็นที่ปรึกษาอยู่ หรือมิเช่นนั้นท่านก็เกี่ยวข้องเราก็ต้องตัดออกไป จนในที่สุดก็คิดถึงสถาบัน เมื่อตรวจสอบไปทางสถาบัน ก็คือสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ก็ได้ชื่อ รศ.ถวิล พึ่งมา คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ เข้ามาเป็นกรรมการ และทางฝ่ายเลขานุการ ก็เป็นธรรมดาซึ่งจะต้องใช้เจ้าหน้าที่ที่จะไปตรวจสอบ ประสานขอเอกสารได้ ติดต่อท่านปลัดกระทรวงคมนาคม ท่านให้คุณสร้อยทิพย์ ไตรสุข ซึ่งเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ระดับ 10 เข้ามาเป็นเลขานุการ และมือสอบสวนของทำเนียบ คือ คุณพุฒิศักดิ์ นามเดช ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและระเบียบกลาง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เข้ามาเป็นผู้ช่วยเลขานุการ ซึ่งทั้ง 2 ท่านทำงานด้านเอกสาร ผมได้ทราบว่าแต่ละท่าน ท่านได้ขนลูกน้องท่านมาช่วยงานเยอะ อย่างท่านอธิบดีกรมบัญชีกลางท่านก็ใช้เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง ทางตำรวจก็ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคน ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษใช้เจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
       
       ผมคิดว่าในการที่จะชี้แจงเรื่องการจัดซื้อจัดหาเครื่องตรวจวัตถุระเบิด หรือที่จะเรียกกันต่อไปนี้สั้นๆ ว่า ซีทีเอ็กซ์ 9000 หรือ ซีทีเอ็กซ์ อย่าเพิ่งกระโดดไปถึงสุดท้ายและสลายตัวในวันเลยว่าใครถูกใครผิด จำเป็นจะต้องลำดับความเป็นมาให้ท่านทราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการถ่ายทอดออกไป พี่น้องประชาชนทั้งหลายท่านควรจะได้รับทราบว่าก่อนจะมาถึงเรื่องที่เป็นข่าวอื้อฉาวมันมีอะไรเกิดขึ้น และมันมีลำดับความเป็นมาอย่างไร ส่วนเมื่อไปถึงประเด็นใดผมจะขอให้ท่านผู้เป็นกรรมการที่ท่านรับผิดชอบในการสอบสวนเฉพาะประเด็นนั้นเป็นผู้ชี้แจง และผมอาจจะสรุปเสริมอีกครั้งหนึ่งท้ายประเด็นนั้นเป็นประเด็นๆ ไปจนกระทั่งจบเรื่อง เจ้าหน้าที่ครับช่วยกรุณาเพื่อความเข้าใจช่วยฉายพาวเวอร์พอยน์ให้เห็น เพื่อว่าจะได้ไม่ต้องดูหน้ากรรมการนานเกินไปนัก
................................
บันทึกการเข้า

"คืนที่ดำทะมึนมืดสนิท ยังรอแสงอาทิตย์ส่องสว่าง มีที่ไหนถูกปิดทุกทิศทาง เพียงม่านควันหมอกบางมันพรางตา"ถ้อยวลีของ..ประเสริฐ  จันดำ
ถ้อยวลี - จาก; "บันทึกจากกองร้อย ทหารปลดแอก" โดย..เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
      นักรบจรยุทธอย่างพวกเราไม่รู้ว่าบ้านของตัวเองอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเรามีปิตุภูมิเป็นของพวกเรา ทุกหนทุกแห่งที่เราล้มตัวลงนอนที่นั่นก็คือบ้าน
“บ้านของเราก็คือประเทศชาติ พ่อแม่ของเราก็คือประชาชน และเราจะไปทุกหนทุกแห่งเพื่อจัดการกับเจ้าคนที่มันเหยียบย่ำบ้านกับพ่อแม่ของเรา”
สมชายสายชม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,048


« ตอบ #10 เมื่อ: 03-01-2007, 23:40 »

หลังจากที่ยกเลิกหวยบนดินแล้ว

ประชาชนจำนวนมากที่เกิดมีอาการลงแดงเนื่องจากเสพติดการพนัน

รัฐบาลน่าจะออกกฏหมายอนุญาตให้ตั้งโต๊ะรับแทงม้าโต๊ด/เต็ง

โดยรับแทงว่า ข้าราชการและนักการเมืองชื่ออะไรบ้างที่จะถูกยึดทรัพย์

ชื่ออไรบ้างที่จะติดคุก

และคนไหนที่ติดคุก โดนคนละกี่เดือน กี่ปี ... ฯลฯ 


ถ้าจับข้าราชการและนักการเมืองเข้าคุกได้มากกว่า ๕๐ คน

เมืองไทยอาจจะได้เลื่อนขั้นตัวเลขคอร์รัปชั่นจาก ๓.๕ ไปเป็น ๕.๐ (เต็ม ๑๐)

และเสี่ยรักเกียรติ จะได้มีเพื่อนแก้เหงา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2007, 23:50 โดย สมชายสายชม » บันทึกการเข้า
นิรนาม
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 554



« ตอบ #11 เมื่อ: 04-01-2007, 17:27 »

หลังจากที่ยกเลิกหวยบนดินแล้ว

ประชาชนจำนวนมากที่เกิดมีอาการลงแดงเนื่องจากเสพติดการพนัน

รัฐบาลน่าจะออกกฏหมายอนุญาตให้ตั้งโต๊ะรับแทงม้าโต๊ด/เต็ง

โดยรับแทงว่า ข้าราชการและนักการเมืองชื่ออะไรบ้างที่จะถูกยึดทรัพย์

ชื่ออไรบ้างที่จะติดคุก

และคนไหนที่ติดคุก โดนคนละกี่เดือน กี่ปี ... ฯลฯ 


ถ้าจับข้าราชการและนักการเมืองเข้าคุกได้มากกว่า ๕๐ คน

เมืองไทยอาจจะได้เลื่อนขั้นตัวเลขคอร์รัปชั่นจาก ๓.๕ ไปเป็น ๕.๐ (เต็ม ๑๐)

และเสี่ยรักเกียรติ จะได้มีเพื่อนแก้เหงา

เอางี้เลยนะ..คุณสมชายฯ ผมว่าเข้าท่าดีเหมือนกันนะ 
บันทึกการเข้า

"คืนที่ดำทะมึนมืดสนิท ยังรอแสงอาทิตย์ส่องสว่าง มีที่ไหนถูกปิดทุกทิศทาง เพียงม่านควันหมอกบางมันพรางตา"ถ้อยวลีของ..ประเสริฐ  จันดำ
ถ้อยวลี - จาก; "บันทึกจากกองร้อย ทหารปลดแอก" โดย..เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
      นักรบจรยุทธอย่างพวกเราไม่รู้ว่าบ้านของตัวเองอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเรามีปิตุภูมิเป็นของพวกเรา ทุกหนทุกแห่งที่เราล้มตัวลงนอนที่นั่นก็คือบ้าน
“บ้านของเราก็คือประเทศชาติ พ่อแม่ของเราก็คือประชาชน และเราจะไปทุกหนทุกแห่งเพื่อจัดการกับเจ้าคนที่มันเหยียบย่ำบ้านกับพ่อแม่ของเรา”
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #12 เมื่อ: 06-01-2007, 00:25 »

5-6 ปีที่ทักษิณ เป็นผู้นำทางการเมืองนั้น นักการเมือง ข้าราชการประจำ และนักธุรกิจการเมืองที่ร่วมตั้งบริษัทเทียมรักเทียมจำกัดนั้น มีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวงมากมาย คงไม่สามารถจำนำตัวมาลงโทษในเวลาหนึ่งปีนี้.............

จึงสมควรนำคนที่ทำ"หายนะ"ให้ประเทศไทยมากที่สุด มาลงโทษก่อน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับ นักการเมือง ข้าราชการประจำ นักธุรกิจการเมือง และครอบครัวอื่น ๆ....


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #13 เมื่อ: 06-01-2007, 10:23 »

ได้เวลา ..ทำดีเพื่อพ่อ

ใครที่ผิดพลาดไปแล้ว ก็ กลับตัวเสียใหม่เถอะ
คนดู .. ก็ให้โอกาสพวกโจรกลับใจ ..ด้วยนะ
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
THE THIRD WAY
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,821


Love looks not with eyes, but with the mind.


« ตอบ #14 เมื่อ: 06-01-2007, 11:10 »

คุณนิรนามครับ
ผมไม่แน่ใจว่า
ที่เน้นสีแดงนั้น
ยังจำสิ่งที่ตนทำลงไปได้หรือไม่

พวกนี้ช่วงความจำสั้นครับ
ต้องให้คตส.มาฟื้นความจำ
น่าจะดีครับ
บันทึกการเข้า

ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้
************************
การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #15 เมื่อ: 06-01-2007, 13:29 »

สัมภาษณ์พิเศษ : กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ

14 พฤศจิกายน 2549 09:52 น.
ชำแหละเทมาเส็ก"ซูเปอร์นอมินี"ชินคอร์ป
 

คมช.ต้องตรวจสอบ"สัญญาลับ"ชิน-เทมาเส็กเพื่อหาความจริงว่าตระกูลชินวัตร-ดามาพงษ์ ใช้เทมาเส็กเป็นนอมินีให้แค่ช่วงระยะหนึ่งเท่านั้น

การชำระสะสางคดีซุกหุ้นภาค 2 กรณีการเลี่ยงภาษีการขายหุ้นกลุ่มชินคอร์ปอเรชั่น ทั้งหมดของ"ตระกูลชินวัตร"และ"ดามาพงศ์"ให้กับเทมาเส็กของรัฐบาลสิงคโปร์ อาจแค่เป็นการเริ่มต้นสำหรับรัฐบาลชั่วคราวที่มีเป้าหมายปราบทุจริตคอรัปชั่น แต่สำหรับ กอร์ปศักดิ์สภาวสุ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์เกาะติดและแกะรอยคดีซุกหุ้นมาตั้งแต่ภาคแรกต่อเนื่องมาจนถึงภาค 2 จนได้ค้นพบความไม่ปกติต่างๆ ที่เป็นการทำธุรกิจเชิงนโยบายอันแยบยล

วันนี้กอร์ปศักดิ์ยังคงเดินหน้าตรวจสอบเมกกะโปรเจคฉาวหลายเรื่อง คู่ขนานไปกับองค์กรที่รัฐบาลชั่วคราวนี้ตั้งขึ้นมาสะสางการทุจริตอย่าง และที่น่าสนใจคือข้อมูลการซุกหุ้นภาค 2 ที่เขาย้อนรอยกลับไปหาหลักฐานที่ชี้ให้เห็นถึงกระบวนการซุกหุ้นในนอมินีที่ชัดเจน

กอร์ปศักดิ์เริ่มต้นว่า "ถ้าอยากจะค้นหาความจริงก็ต้องตามเส้นทางเดินของเงินให้ถูก ความลับและข้อมูลทั้งหลายจะไหลเข้ามา อย่างเช่น กรณีซุกหุ้นภาคแรก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ตรวจเส้นทางเดินของเงิน พบว่าเงินปันผลที่บรรดาคนรับใช้ในบ้านของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้รับจากการถือครองหุ้นชินแทนเจ้านาย มีการนำเข้าบัญชีส่วนตัวของของหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยาพ.ต.ท.ทักษิณทั้งหมด เรื่องถึงได้ถูกเปิดโปงออกมา จึงมีคำว่าบกพร่องโดยสุจริต ออกจากปากพ.ต.ท.ทักษิณในสมัยนั้น

  "มาถึงวันนี้ ถ้าอยากรู้ว่า ใครคือเจ้าของบริษัท Ample Rich ตัวจริงไม่ยาก  แค่ตรวจสอบว่า เงินปันผลที่บริษัท Ample Rich ได้รับตลอด 4 ปี เป็นเงินรวมแล้วกว่า 1,700 ล้านบาท เข้ากระเป๋าใคร เข้าบัญชีใคร คนนั้นคือเจ้าของบริษัทตัวจริง และถ้าอยากจะรู้ว่าใครเป็นเจ้าของบริษัทชิน(คอปอเรชั่น)ตัวจริง ต้องดูที่เส้นทางเดินของเม็ดเงินที่ใช้ในการซื้อหุ้น เพราะหากวิเคราะห์เฉพาะโครงสร้างของการถือหุ้นบริษัทกุหลาบแก้ว ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเข้ามาซื้อหุ้น จะมองไม่ออกว่าเจ้าของตัวจริงเป็นใคร ไทยแท้หรือไทยเทียม เนื่องจากเป็นการจัดโครงสร้างเพื่อให้สอดคล้องตามที่กฎหมายไทยได้กำหนดไว้เท่านั้น"

กอร์ปศักดิ์อธิบายต่อว่า เริ่มต้นกันที่สถานะภาพของบริษัท ชิน ในปัจจุบัน ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2549 ผู้ถือหุ้นชินรายใหญ่ มีเพียง 3 ราย คือ 1. บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด 1,742,407,239 หุ้น (54.53 %) 2. บริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด 1,334,354,825 หุ้น(41.76 %) 3. UBS AG สาขาสิงคโปร์ 35,600,300 หุ้น (1.11%)

บริษัทซีดาร์ โฮลดิ้งส์ นั้นเป็นบริษัทไทย บริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ เจ้าของคือ เทมาเส็ก รัฐบาลสิงคโปร์ ส่วนรายที่ 3 เจ้าของเป็นบุคคลนิรนาม ฝากหุ้นให้ธนาคาร UBS ถือแทน วันนี้เรายังไม่พูดถึงบุคคลนิรนาม รายที่ 3  แต่เราจะดูเม็ดเงินที่บริษัทซีดาร์ และบริษัท แอสเพน ใช้ในการไล่ซื้อหุ้น ซึ่งได้ใช้เงินทั้งหมดไปแล้วกว่า 151,000 ล้านบาท เพื่อเข้าครอบครองกิจการของบริษัท ชิน โดยถือหุ้นรวมกันสูงถึง 96.29 เปอร์เซ็นต์ เงินจำนวนมากกว่า 151,000 ล้านบาทที่ใช้ซื้อหุ้นนี้ เป็นเงินสดทั้งหมด
เวลานี้กองทุนเทมาเสคยอมรับว่าถือหุ้นในชินคอร์ป ถึง 96.29 % ซึ่งก่อนหน้านั้น กองทุนฯ ทักษิณ แกนนำพรรคฯ ปฏิเสธ
บริษัทแอสเพน ใช้เงินไปประมาณ 65,000 ล้านบาทเศษ ส่วนบริษัท ซีดาร์ใช้ไปกว่า 85,000 ล้านบาท บริษัท แอสเพน เป็นของรัฐบาลสิงคโปร์ มีเงินซื้อหุ้นแน่นอน ส่วนของบริษัท ซีดาร์ ที่ควรตรวจสอบให้ชัดว่า จะหาเงินกว่า 85,000 ล้านบาทมาจากไหน อย่าลืมว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทไทย

กอร์ปศักดิ์ลงรายละเอียดว่า บริษัทซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จดทะเบียน เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2549 มีทุนจดทะเบียน 8,000 ล้านบาท กรรมการตอนนี้มี 3 คน คือ 1.นาย ฟูน ชิวเฮง 2. นาง สาง ทาน ไอซิง 3.นาย สุรินทร์ อุปพัทธกุล โดย 2 ใน 3 ของกรรมการลงลายมือชื่อผูกพันบริษัทได้เท่านั้น เห็นได้ชัดว่ากรรมการจากสิงคโปร์ 2 คือตัวจริงที่มีอำนาจในบริษัทนี้ การจัดทำโครงสร้างให้บริษัท ซีดาร์ เป็นบริษัทไทย เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย เทมาเส็ก ที่ใช้โครงสร้างการถือหุ้น 3 ลำดับชั้น

เขายังชี้ให้เห็นถึงฝ่ายที่ควรรับภาระส่วนของเม็ดเงินที่ใช้ในการซื้อหุ้นชินที่แบ่งตามสัดส่วนของความเป็นเจ้าของ โดยเงินที่ฝ่ายไทยควรรับผิดชอบคือ1.ธนาคารไทยพาณิชย์ 8,581ล้านบาท 2. พงส์ สารสิน ศุภเดช พูนพิพัทธ 700 ล้านบาท 3.สุรินทร์ อุปพันธกุล 24,000 ล้านบาท จะเห็นได้ว่า ผู้ถือหุ้นฝ่ายไทยต้องหาเงินมาลงขันทั้งหมดประมาณ 40,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ คือ 110,000 ล้านบาทเศษ เป็นเงินจากเทมาเส็กทั้งสิ้น ในนามบริษัทแอสเพน บริษัทซีดาร์ และบริษัทไซเปรส

เมื่อถามว่าเหตุใดจึงวิเคราะห์แบบนี้กอร์ปศักดิ์ บอกว่า เขาอาจจะมองต่างมุม เพราะเห็นว่าตัวเลขนี้บอกให้ได้รู้อะไรบางอย่าง เช่น เทมาเส็ก หรือรัฐบาลสิงคโปร์ ทุ่มเงินไปแล้วกว่า 110,000 ล้านบาทเพื่อซื้อหุ้นชินฝ่ายไทย และต้องรับผิดชอบเม็ดเงินส่วนที่เหลือประมาณ 40,000 ล้านบาท ส่วนของธนาคารไทยพาณิชย์ 8,500 ล้านบาท ไม่น่าเป็นปัญหาเพราะเป็นธนาคาร แต่ส่วนของบุคคลนั้นน่าสงสัย โดยเฉพาะของนายสุรินทร์ ที่ต้องใช้เงินถึง 24,000 ล้านบาท ส่วนอีกสองคน จะไม่พูดถึง เพราะถือหุ้นแบบบุริมสิทธิไม่ต้องรับผิดชอบมากเหมือนผู้ถือหุ้นสามัญ

บริษัทซีดาร์ มีทุนจดทะเบียนเพียง 8,000 ล้านบาท เชื่อได้ว่าต้องใช้เงินกู้อย่างน้อยก็ 40,000 ล้านบาท ในสัดส่วนของฝ่ายไทย อย่างแน่นอน สำหรับหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ คงหนีไม่พ้น กองทุนเทมาเส็ก รัฐบาลสิงคโปร์ นักลงทุนฝ่ายไทยคงไม่สามารถ ไม่ใช่ดูถูกกัน แต่เท่าที่ทราบจากผลการตรวจสอบของกระทรวงพาณิชย์ พบว่าแค่เงินของฝ่ายไทยที่ต้องใช้ในการลงทุนในบริษัทกุหลาบแก้ว ยังต้องยืมเงินจากเทมาเส็กบ้าง หรือขอให้เทมาเส็กค้ำประกันให้บ้าง

"ส่วนของคุณสุรินทร์ ที่ต้องจ่ายกุหลาบแก้วถึง 2,700 ล้านบาทนั้น ก็ไม่ได้มาจากบัญชีเงินฝากของตัวเอง แต่กลายเป็นเงินจากบัญชีของบริษัท Fairmont ตั้งอยู่ที่หมู่เกาะบริติช เวอร์จิน มาจากไหนไม่ทราบ แถมการจ่ายเงินก็สั่งจ่ายโดยบริษัท GreenLand ซึ่งเป็นเจ้าของ บริษัท Fairmont อีกทอดหนึ่ง ยุ่งกันไปหมด สรุปแล้วไม่รู้ว่าใครเป็นคนออกเงินค่าทุนจดทะเบียนของกุหลาบแก้วให้คุณสุรินทร์ เห็นแต่ชื่อนอมินีเต็มไปหมด ชัดแล้วว่าแท้ที่จริงแล้วเทมาเส็กเป็นเจ้าของบริษัท ชิน เกือบทั้งหมด"

เขายังกล่าวต่อว่าดังนั้นจึงอยากให้ช่วยกันหาเหตุผลด้วยว่า ทำไมเทมาเส็กต้องการเป็นเจ้าของบริษัท ชิน แต่เพียงผู้เดียว เพราะอีกไม่กี่เดือนบริษัท ชิน ก็จะถูกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว เนื่องจากมีหุ้นหมุนเวียนในตลาดหลักทรัพย์ไม่ถึงร้อยละ 15 และบริษัท ชิน จะกลายเป็นนิติบุคคลทั่วไป ไม่ใช่บริษัทมหาชนอีกต่อไป

"วันนี้บริษัท ชิน ไม่ใช่บริษัทของคนไทยอีกต่อไปแล้ว บริษัทลูกๆ ของบริษัท ชิน ไม่ว่าจะเป็น AIS Shin Satellite ITV หรือ Air Asia ถ้ามีโครงสร้างการถือหุ้นที่ปรากฏได้ว่าบริษัทเหล่านี้ไม่ใช่บริษัทไทย สัญญาสัมปทานที่บริษัทเหล่านี้มีกับหน่วยงานของรัฐบาลไทย ต้องถูกยกเลิก"

พร้อมกันนี้เขายังเรียกร้องให้ ประธานรัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่ ทำตามที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติหรือคมช.บอกว่าส่งท่าน"นายพล"มาปราบคอร์รับชั่นนั้น ขอให้จับงานชิ้นนี้เป็นชิ้นแรก

"เรียกบริษัทคู่สัญญาสัมปทานทั้งหมดให้นำข้อมูลโครงสร้างการถือหุ้นว่ายังคงความเป็นบริษัทไทยหรือไม่ มาตรวจสอบทันที เชื่อว่า ถ้าเริ่มงานนี้อย่างจริงจังเมื่อไหร่ เทมาเส็ก กองทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ต้องขอพบแน่ ถึงวันนั้นเทมาเส็กคงจะบอกให้พวกเราได้รับรู้ว่าบริษัท ชิน ยังเป็นบริษัทไทยอยู่ ไม่มีเหตุผลใดที่เทมาเส็กจะมาฮุบบริษัท ชิน ทั้งหมด ยิ่งเหตุผลทางธุรกิจ ยิ่งเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะบริษัทต่างชาติ ไม่ว่าชาติใด เวลามาลงทุนในไทยก็ต้องการมีหุ้นส่วนฝ่ายไทยที่เก่ง ที่มีเส้นสายดีทั้งนั้น

ในกรณีนี้เทมาเส็กคงจะเปิดเผยข้อตกลงลับ ที่มีไว้กับผู้ขายตอนซื้อหุ้นชิน เมื่อต้นปีนี้ให้ประธาน คมช.ได้ทราบ ท่านจะได้ไม่ยกเลิกสัญญาสัมปทาน สัญญาลับนี้ น่าจะเป็นข้อตกลงว่า แท้ที่จริงแล้วคนในตระกูลชินวัตรและดามาพงษ์ ไม่ได้ขายหุ้นให้เทมาเส็ก เป็นเพียงขอให้เทมาเส็ก เป็นนอมินีให้ช่วงระยะหนึ่งเท่านั้นเอง" กอร์ปศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
 
 

 
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หน้า: [1]
    กระโดดไป: