ชอบแถ
|
 |
« เมื่อ: 16-12-2006, 21:09 » |
|
เจรจาแก้สัญญาสื่อสารชะงัก ผลพวงคำพิพากษา ไอทีวีทำสัมปทานแสนล้านสะเทือน [ไทยรัฐ 16 ธ.ค. 49 - 04:40] กรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง ให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการเรื่องการปรับผังรายการและเปลี่ยนแปลงค่าสัมปทานของสถานีโทรทัศน์ ไอทีวี ซึ่งมีผลให้ไอทีวีต้องจ่ายค่าสัมปทาน และค่าปรับแก่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เป็นวงเงินสูงถึง 97,000 ล้านบาทนั้น วานนี้ (15 ธ.ค.) ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายให้ความเห็นว่าคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดดังกล่าวอาจส่งผลให้โครงการสัมปทานของรัฐหลายโครงการต้องกลับไปตรวจสอบสัญญาดั้งเดิมที่ทำไว้ อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอส สัมปทานโทรศัพท์พื้นฐาน โทรศัพท์เคลื่อนที่ แม้ แต่สัมปทานทางยกระดับโทลล์เวย์ที่มีการเจรจายืดสัมปทานไปก่อนหน้า
เนื่องจากโครงการสัมปทานเหล่านี้มีการ แก้ไขข้อสัญญาที่เป็นสาระหลักทั้งในเรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น ปรับเปลี่ยนค่าผลประโยชน์ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงขยายอายุสัมปทานในหลายโครงการ โดยไม่ได้นำเสนอขอความเห็นชอบ จากคณะรัฐมนตรีก่อนการลงนามในสัญญาแก้ไข
นอกจากนี้ หากยึดตามนัยคำพิพากษา หน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบร่างสัญญาทั้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานอัยการสูงสุดก็ต้องถูกตรวจสอบด้วยเช่นกัน เพราะทุกสัญญาที่มีการเจรจาแก้ไข จัดทำเป็นภาคผนวกต่างมีการส่งร่างสัญญาแก้ไขเหล่านี้ไปให้ 2 หน่วยงานตรวจ สอบก่อนทั้งสิ้น แม้แต่สัญญาแก้ไขของไอทีวีที่ก่อนลงนามในสัญญาก็มีการส่งร่างให้หน่วยงานดังกล่าวพิจารณาตรวจสอบก่อน ซึ่งหากหน่วยงานเหล่านี้มีการปฏิบัติที่ผิดขั้นตอนของกฎหมายจะต้องพิจารณาไล่เบี้ยผู้บริหารหน่วยงานยกชุดด้วยเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายยังให้ความเห็นต่อเนื้อหาในมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2535 ว่า ไม่ได้ เป็นเรื่องของการแก้ไขสัญญาสัมปทาน แต่เป็นบทบัญญัติที่ว่าด้วยการประมูลคัดเลือกเอกชนผู้รับสัมปทานที่กำหนดให้คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกตามมาตรา 13 ต้องนำผลการพิจารณาคัดเลือกเสนอรัฐมนตรีต้นสังกัด เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายใน 90 วัน และเมื่อมีการลงนามในสัญญาสัมปทานตามมาตรา 22 หน่วยงานเจ้าของสัมปทานต้องจัดตั้งคณะกรรมการประสานการปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งหากจะมีการเจรจาแก้ไขสัญญาใดๆ ก็เป็นเรื่องที่คณะกรรมการกำกับตามมาตรา 22 จะเป็นผู้พิจารณาและนำเสนอต่อรัฐมนตรีต้นสังกัดเท่านั้น จึงทำให้การเจรจาแก้ไขสัญญาสัมปทานในโครงการต่างๆ ไม่ได้มีการนำเสนอขอความเห็นชอบจาก ครม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้ขอเลื่อนการนำเรื่องเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอยกเลิกมติ ครม. ที่ให้จัดเก็บภาษีสรรพสามิตโทรศัพท์ ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2546 เนื่องจากกระทรวงการคลังขอเวลาในการศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ เพราะเกรงจะส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐ ประกอบกับการเจรจาแก้ไขสัญญากับผู้รับสัมปทานระหว่างทีโอทีกับ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส ไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากเอกชนเรียกร้องมากเกินกว่าที่ได้ตกลงกันในเบื้องต้น
แก้ปัญหากันให้ดีนะท่าน ก่อนที่จะกลายเป็นระบบตุลาการถ่วงความเจริญประเทศ ยังมีเรื่องน้องให้พี่ต้องเสียภาษี
นอมินี่ ภาษีมรดกท่านทักษิณรออยู่อีก จะฆ่าปลาตัวเดียวท่านเล่นใช้ระเบิดก็สมควรหละครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
room5
|
 |
« ตอบ #1 เมื่อ: 16-12-2006, 21:30 » |
|
-ของเก่ายังโกงสะสางให้เรียบร้อยเป็นบรรทัดฐานก่อน แล้วของใหม่มาจะได้ไม่มีปัญหา ทำตัวเป็นทักษิณอยากได้อะไรต้องทำทันทีไม่คิดหน้าคิดหลัง สันดาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #2 เมื่อ: 16-12-2006, 21:34 » |
|
อ่านเหตุผลในการตั้งศาลปกครองแล้วถึงกับอึ้งครับ
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้บัญญัติให้จัดตั้งศาลปกครองขึ้น เพื่อให้มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีที่มีข้อพิพาททางกฎหมายปกครอง ระหว่างเอกชนกับหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือระหว่าง หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยกัน เกี่ยวกับการกระทำหรือ การละเว้นการกระทำที่หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องปฏิบัติ ตามกฎหมาย หรือเนื่องจากการกระทำหรือการละเว้นการกระทำที่ หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องรับผิดชอบในการ ปฏิบัติหน้าที่ ตามกฎหมาย ซึ่งตามอำนาจหน้าที่ของศาลปกครองดังกล่าวเป็นเรื่องที่ เกี่ยวข้องกับการออกกฎ หรือคำสั่งทางปกครอง การกระทำละเมิดในทาง ปกครอง หรือการทำสัญญาทางปกครอง อันเป็นเรื่องของ กฎหมายมหาชน และโดยที่ระบบการพิจารณาและพิพากษาคดีจำเป็นต้องมีกระบวนการเป็น พิเศษต่างจากคดีปกติ ทั่ว ๆ ไป เพราะผลแห่งคำพิพากษาอาจกระทบถึง การบริหารราชการแผ่นดิน หรือต้องจ่ายเงินภาษีอากรของ ส่วนรวมเป็น ค่าชดเชยหรือค่าเสียหายแก่เอกชน ในขณะเดียวกันเอกชนจะอยู่ในฐานะ เสียเปรียบที่ไม่อาจ ทราบข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐได้ ในการพิจารณา จึงจำเป็นต้องใช้ระบบไต่สวนเพื่อหาข้อเท็จจริงที่แท้จริง และต้องมีตุลาการ ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และประชาชนทั่วไปซึ่งจะถูกกระทบในทางใดทางหนึ่งจาก คำพิพากษาของศาลปกครองรวมทั้งต้องมีหน่วยงาน ธุรการของศาลปกครอง ที่เป็นอิสระ ฉะนั้น เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
แปลว่าเพื่อช่วยให้หน่วยงานรัฐมากระทืบเอกชนให้จมดิน เพราะจะอยู่ในฐานะ เสียเปรียบที่ไม่อาจทราบข้อมูล จากหน่วยงานของรัฐได้ สัญญาทำเองตรวจเองแท้ๆ ดันผิด มาปรับเอกชนแสนล้าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพนกวินน้อยนักอ่าน
|
 |
« ตอบ #3 เมื่อ: 17-12-2006, 14:19 » |
|
อ้อ พวกไม่ยอมรับผลการตัดสินนี่เอง  บอกไปตั้งนานแล้ว ว่าไอทีวีมันผิด ต้องโดนปรับก็ไม่เชื่อ เลยต้องมาดิ้น มาแถ แก้ตัวเป็นพัลวัน อิอิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
(ก้อนหิน) ละเมอ
|
 |
« ตอบ #4 เมื่อ: 17-12-2006, 14:23 » |
|
อ่านเหตุผลในการตั้งศาลปกครองแล้วถึงกับอึ้งครับ
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้บัญญัติให้จัดตั้งศาลปกครองขึ้น เพื่อให้มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีที่มีข้อพิพาททางกฎหมายปกครอง ระหว่างเอกชนกับหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือระหว่าง หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยกัน เกี่ยวกับการกระทำหรือ การละเว้นการกระทำที่หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องปฏิบัติ ตามกฎหมาย หรือเนื่องจากการกระทำหรือการละเว้นการกระทำที่ หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องรับผิดชอบในการ ปฏิบัติหน้าที่ ตามกฎหมาย ซึ่งตามอำนาจหน้าที่ของศาลปกครองดังกล่าวเป็นเรื่องที่ เกี่ยวข้องกับการออกกฎ หรือคำสั่งทางปกครอง การกระทำละเมิดในทาง ปกครอง หรือการทำสัญญาทางปกครอง อันเป็นเรื่องของ กฎหมายมหาชน และโดยที่ระบบการพิจารณาและพิพากษาคดีจำเป็นต้องมีกระบวนการเป็น พิเศษต่างจากคดีปกติ ทั่ว ๆ ไป เพราะผลแห่งคำพิพากษาอาจกระทบถึง การบริหารราชการแผ่นดิน หรือต้องจ่ายเงินภาษีอากรของ ส่วนรวมเป็น ค่าชดเชยหรือค่าเสียหายแก่เอกชน ในขณะเดียวกันเอกชนจะอยู่ในฐานะ เสียเปรียบที่ไม่อาจ ทราบข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐได้ ในการพิจารณา จึงจำเป็นต้องใช้ระบบไต่สวนเพื่อหาข้อเท็จจริงที่แท้จริง และต้องมีตุลาการ ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และประชาชนทั่วไปซึ่งจะถูกกระทบในทางใดทางหนึ่งจาก คำพิพากษาของศาลปกครองรวมทั้งต้องมีหน่วยงาน ธุรการของศาลปกครอง ที่เป็นอิสระ ฉะนั้น เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
แปลว่าเพื่อช่วยให้หน่วยงานรัฐมากระทืบเอกชนให้จมดิน เพราะจะอยู่ในฐานะ เสียเปรียบที่ไม่อาจทราบข้อมูล จากหน่วยงานของรัฐได้ สัญญาทำเองตรวจเองแท้ๆ ดันผิด มาปรับเอกชนแสนล้าน
น่าจะปรับไอ้หน่วยงานรัฐด้วย ทำไมตอนที่มันทำ มันไม่ดูหน้าดูหลัง ตอนที่แม้วมันยังนั่งในสภาอยู่ แล้วทำไมเพิ่งจะมา "ตื่น" ตอนนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #5 เมื่อ: 17-12-2006, 18:56 » |
|
อ้อ พวกไม่ยอมรับผลการตัดสินนี่เอง  บอกไปตั้งนานแล้ว ว่าไอทีวีมันผิด ต้องโดนปรับก็ไม่เชื่อ เลยต้องมาดิ้น มาแถ แก้ตัวเป็นพัลวัน อิอิ ยังอยู่อีกเหรอ เพนกวินน้อยนักอ่านไม่ออก อ่านได้แตกฉานหรือเปล่า ไม่ได้ผิดที่ไอทีวี ผิดที่ การแก้สัญญาข้อห้าวรรคสี่ ไอทีวีไม่มีปัญญาจะทำได้เองลำพังหรอก มันหน่วย งานรัฐจัดให้ทั้งนั้น เมื่อตัดสินว่าผิดตั้งแต่ตรงนี้เรื่องที่เกิดภายหลังมันก็โมฆะหมด เข้า ใจมั้ยน้อง แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทีหลังไม่มีถูกไม่มีผิดแค่ไม่มีผลเพราะต้นทางผิด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สี่หามสามแห่
|
 |
« ตอบ #6 เมื่อ: 17-12-2006, 19:18 » |
|
แล้วไอ้หน่วยงานรัฐ หน่ะ หน่วยไหนเหรอ แล้วแก้ตอนไหนหล่ะ แถ บอกทีสิ... อยากรู้ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ริวเซย์
|
 |
« ตอบ #7 เมื่อ: 17-12-2006, 21:58 » |
|
แล้วไอ้หน่วยงานรัฐ หน่ะ หน่วยไหนเหรอ แล้วแก้ตอนไหนหล่ะ แถ บอกทีสิ... อยากรู้  นั่นสิ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน แถช่วยตอบทีละกัน อย่าทิ้งกระทู้นะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^  
|
|
|
เพนกวินน้อยนักอ่าน
|
 |
« ตอบ #8 เมื่อ: 18-12-2006, 21:58 » |
|
อ้าวไปไหนแล้วล่ะ ไม่เห็นเถียงเราสักคำ มัวแต่พูดว่า อ่านไม่ออก อ่านไม่แตกฉาน เรียนตรรกะมาหรือเปล่า อย่างนี้มัน แย้งไร้สาระแบบสุดๆ อย่าลืมกลับมาตอบปัญหาด้วยนะ ไม่น่าเชื่อ ว่าไม่เจอนาน ชอบแถก็ไม่ได้พัฒนารอยหยักสมองสักนิด... 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #9 เมื่อ: 18-12-2006, 22:03 » |
|
สปน ปี 38
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
irq5
|
 |
« ตอบ #10 เมื่อ: 18-12-2006, 23:17 » |
|
 หุ้นตัวนี้โดนตัดสินแบบผิดๆ ไม่นานความจริงต้องปรากฎครับ คุณแถ ตอนนี้ดิ่งฟลอแล้ว พรุ่งนี้เตรียมตัวได้เลยครับ มีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถ อะไรจำนำได้จำนำให้หมด ซื้อค้างไว้ไม่เกินเดือน มูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าแน่นอน คุณแถ น่าจะนำความมั่นใจมาสู่เพื่อนๆก่อนนะครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMddMMMs.. .:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMssMMMMs.. .:Mddddddddddddddddddddddddddo+ddddNs.. .:M................................................hs.. .:M.............//:................//:.............hs.. .:M...........:MMs.............NMd............hs.. .:M................................................hs.. .:M................................................hs.. .:M.............yNNNNNNNNNN................hs.. .:M.................................................hs.. .:dyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyho..
....W..W::W:...AAA...NN...N...TTTTT..EEEEE...DDD.......... .....Ww.wW...AAAA..N..N..N......T.....EEE......D....D....... .....-W...W...A......A N....NN......T.....EEEEE...DDD.......... . . . . . . . . . . . . thaksin shinawatra
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #11 เมื่อ: 18-12-2006, 23:40 » |
|
ถ้าตอนจบ ไอทีวี กลับไปสู่อ้อมอกไทยพาณิชย์นอมินี่ สนง ทรัพย์สิน ก็จบข่าวแล้วครับประเทศไทย เชิญไปรับรางวัลออสการ์ได้ทั้งคณะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพนกวินน้อยนักอ่าน
|
 |
« ตอบ #12 เมื่อ: 19-12-2006, 00:07 » |
|
ผมว่า ถ้าทำงั้นจริง ไทยพานิชย์ จะไม่รอดนะสิ กำไรของธนาคาร ผู้ถือหุ้นก็ไม่ค่อยพอใจอยู่แล้ว ไปอุ้หุ้นไอทีวี หุ้นธนาคารตกพอดี ไอทีวีหนี้เยอะขนาดนั้น มีแต่จะแย่งกันกระโดดหนีล่ะไม่ว่า  คิดกว้างๆหน่อยเน้อ อย่ามองแค่กรอบการเมือง ชีวิตจริงมันไม่ใช่หนังที่มีแต่ธรรมะ กับ อธรรม จะได้กะเกณฑ์ได้หมด หรือเข้าใจมันได้ทั้งหมด 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #13 เมื่อ: 19-12-2006, 00:24 » |
|
ผมว่า ถ้าทำงั้นจริง ไทยพานิชย์ จะไม่รอดนะสิ กำไรของธนาคาร ผู้ถือหุ้นก็ไม่ค่อยพอใจอยู่แล้ว ไปอุ้หุ้นไอทีวี หุ้นธนาคารตกพอดี ไอทีวีหนี้เยอะขนาดนั้น มีแต่จะแย่งกันกระโดดหนีล่ะไม่ว่า  คิดกว้างๆหน่อยเน้อ อย่ามองแค่กรอบการเมือง ชีวิตจริงมันไม่ใช่หนังที่มีแต่ธรรมะ กับ อธรรม จะได้กะเกณฑ์ได้หมด หรือเข้าใจมันได้ทั้งหมด  กร๊าก นี่ถามจริงเหอะ มองเค้าเล่นละครอะไรกันไม่ออกเลยเหรอ อะไรมันบังตาไว้หว่า ใครจะยอมเป็นตัวตลกตากหน้าไปบอกว่าต้องปรับแสนล้านให้ได้ในสี่สิบห้าวันเล่า มี เหตุผลหรือเปล่า ต่อให้บริษัทที่ใหญ่สุดในตลาดหลักทรัพย์ยังทำไม่ได้ แล้วคิดว่าคน ที่ไปพูดเค้าจะโง่คิดไม่ออกหรือไง เขี้ยวลากดินปานนั้นกันทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ แล้ว มองซ้ายมองขวาแล้วสูดลมหายใจมองเข้าไปให้ลึกถึงหัวใจทหารมั่งว่ามันอยาก ได้อะไร ไม่ใช่หลับหูหลับตาเลียรองเท้าบู๊ทอย่างเดียว ไม่เหม็นขี้หมาที่มันเหยียบมั่งเหรอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพนกวินน้อยนักอ่าน
|
 |
« ตอบ #14 เมื่อ: 19-12-2006, 01:45 » |
|
อย่าคิดว่าคนอื่นชอบเลีย เหมือนตัวคุณสิครับ เลียรองเท้าหนังทักษิณ แล้วคิดว่าคนอื่นเลียทหารเหรอครับ มุกยัดเยียด แบ่งข้างแบบตื้นๆ ใช้กับพวกตัวเองที่เลียทักษิณเหมือนๆกันเถอะครับ ผมพูดอยู่ในกรอบของไอทีวี ก็เห็นว่ามัน ไม่มีทางที่ใครจะเข้าไปอุ้ม ได้ ก็ว่าไปตามนั้น ใครอุ้มต้องจ่ายค่าปรับให้รัฐ คุณก็ไปอุ้มสิครับ ถ้าอยากได้ไอทีวีนักอ่ะ ทหารมีช่อง 5 ไว้ใช้ มีสัมปทานคลื่นวิทยุทหารสบายๆ จะไปแบกภาระ ไอทีวีทำไม? เอ้าสูด ลมหายใจ แล้วตั้งใจคิดให้ดีๆนะครับ มันสมเหตุสมผลไหม อย่าให้ผมเห็นชื่อคุณ แล้วนึกถึง ดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำเลยครับ เมื่อก่อนทักษิณจะสิ้นบุญวาสนา ผมก็บอกแล้วว่า ไอทีวีมันผิดสัญญา จนวันนี้ศาลท่านตัดสินว่าผิด คุณยังไม่ยอมรับเลย ขนาดผลประโยชน์ประเทศชาติ ยังค้านได้ตลอดศกอย่างนี้ เกินไปหรือเปล่าครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #15 เมื่อ: 19-12-2006, 07:36 » |
|
อ้าวไม่ให้มองแค่กรอบการเมือง ดันมุดไปมองกรอบไอทีวี ไม่คิดจะคิดนอกกรอบบ้างเลยเหรอ ถ้าอยู่ใกล้ๆ ต้องบ้องหูซะที จะได้หลุดกรอบ หนูหัดมองอะไรด้วยเหตุด้วยผลมั่งเหอะ อำนาจ เค้ามีขนาดฉีกรัฐธรรมนูญได้แล้ว เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ เพียงแต่หาความชอบธรรมต่างหาก แล้วคงจะ อยากได้รางวัลออสการ์กันด้วย ก็ต้องอ้างอะไรเป็นไปไม่ได้ไปเรื่อยเปื่อยอย่างเช่นค่าปรับเนี่ย คนมีความคิดหน่อยฟังแล้วเค้าก็หัวเราะก๊ากว่ามันเอาอะไรคิดวะเนี่ย ถ้าคิดไปอีกครึ่่งชั้นก็จะเห็น ว่าเป็นแค่ลูกไม้ตื้นๆ หาความชอบธรรมในการส่งต่อ ไอทีวี ไปให้ผู้รับซึ่งเป็นใครก็ใกล้จะรู้อยู่ แล้ว ทหารมันไม่เอาไว้เองหรอก แค่ของซื้อของขาย นอกจากพวกไม่ค่อยคิดอะไรวันๆ เค้าเขียน ให้อ่านก็อ่าน บอกให้เชื่อก็เชื่อ แบบว่ามีห่วงติดจมูกอ่ะ เป็นไปได้ไม่ได้ก็ตะบี้ตะบันเชื่อไปเรื่อย
แล้วคำพิพากษานี่ไม่ยอมไปอ่านเลยเหรอ ถึงยังบอกอยู่นั่นเองว่าไอทีวีผิดสัญญา อ้าวให้โอกาส กลับไปอ่านใหม่นะ ว่า สัญญาขั้นตอนผิด หรือ ผิดสัญญา กันแน่ ถ้าสัญญาขั้นตอนผิด ทำให้ ผิด สัญญา(ที่ผิดขั้นตอน)โดยสุจริต จะโทษไอทีวีอย่างเดียวแล้วหนูยังคิดว่ายุติธรรมละก็ หนูก็คงใช้ เครื่องประดับคล้องจมูกอย่างงามแบบอินเทรนด์เลยนะ คือ ไอ้นี่มันมีผลกับการพัฒนาสมองนะจ๊ะ บอกให้ ถ้าคิดจะโตอย่างมีคุณภาพก็ถอดๆ ออกเหอะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สี่หามสามแห่
|
 |
« ตอบ #16 เมื่อ: 19-12-2006, 07:47 » |
|
สปน ปี 38
ขอ หลักฐานด้วยคร้าบบบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #17 เมื่อ: 19-12-2006, 08:41 » |
|
สปน ปี 38
ขอ หลักฐานด้วยคร้าบบบ http://forum.serithai.net/index.php?topic=10176.msg144142#msg144142สาเหตุหนึ่งที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของอนุญาโตตุลาการ นั้นก็คือปัญหาของสัญญาเข้าร่วมงานข้อ 5 วรรค 4 ที่ ไอทีวีอ้างว่าสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีต้องหามาตรการชดเชยความเสียหายในกรณีที่มีผลกระทบจากหน่วยงานของรัฐไปให้สัมปทานวิทยุหรือโทรทัศน์กับบุคคลอื่นหรือปล่อยให้โทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกโฆษณานั้น........ไม่สามารถใช้งานได้!!! ที่ไม่สามารถใช้งานได้ก็เพราะเหตุว่า สัญญาเข้าร่วมงานฯข้อ 5 วรรค 4 ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2538 นั้น ปรากฏว่าเป็นสัญญาที่เพิ่มเติมขึ้นมาโดย ไม่ได้ขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรี !!!!
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2006, 08:47 โดย ชอบแถ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
chaidan
|
 |
« ตอบ #18 เมื่อ: 19-12-2006, 08:51 » |
|
ในปี พ.ศ.2547 ชินคอร์ป ได้ยื่นเรื่องต่อ อนุญาโตตุลาการ ขอแก้ไขสัญญาสัมปทาน และขอลดค่าสัมปทาน ที่ต้องจ่ายให้รัฐ ปีละ 1,000 ล้านบาท โดยอ้างว่า เอกชนรายอื่นจ่ายต่ำกว่า (ช่อง 3 สัมปทาน 30 ปี (2533-2563) 3,207 ล้านบาท ปีละ 107 ล้านบาท / ช่อง 7 สัมปทาน 25 ปี (2541-2566) 4,670 ล้านบาท ปีละ 187 ล้านบาท / ช่อง 5 และ โมเดิร์นไนน์ ทีวี ไม่ต้องเสียค่าสัมปทาน เนื่องจากเจ้าของคลื่นความถี่ดำเนินการออกอากาศเอง) [1] คณะอนุญาโตตุลาการ ได้วินิจฉัยชี้ขาด ลดค่าสัมปทานให้สถานีฯ ลง เป็นปีละ 230 ล้านบาท พร้อมทั้ง อนุญาตให้สถานีฯ แก้ไขสัดส่วนการออกอากาศ รายการสาระ ต่อรายการบันเทิง จากร้อยละ 70 ต่อ 30 เป็นร้อยละ 50 ต่อ 50 และวินิจฉัยให้รัฐ จ่ายค่าชดเชยแก่บริษัทฯ เป็นเงิน 20 ล้านบาท เนื่องจาก สปน. ทำผิดสัญญา มิได้ให้ความคุ้มครองแก่บริษัทฯ และสถานีฯ ตามที่ได้ทำสัญญาสัมปทานไว้ ในขณะเดียวกัน กองทัพบกต่อสัญญาฉบับใหม่กับ ช่อง 7, อสมท อนุญาตให้ยูบีซีเคเบิลทีวี มีโฆษณาได้ และกรมประชาสัมพันธ์อนุญาตให้ช่อง 11มีโฆษณาได้ ซึ่งส่งผลกระทบ ต่อฐานะและรายได้ของบริษัทฯ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B5"เพิ่มเติมครับ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #19 เมื่อ: 19-12-2006, 09:02 » |
|
ไอซีทีกุมขมับทุกสัญญาสัมปทานซํ้ารอย ไอทีวี ทรูมูฟ-ดีพีซี แหก กม.ร่วมทุนฯ [ไทยรัฐ 19 ธ.ค. 49 - 04:39] นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสัญญาสัมปทานโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์มือถือทุกสัญญา ที่อยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานของบริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ในเบื้องต้นพบว่าสัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือและพื้นฐานทุกฉบับ รวมถึงการแก้ไขเพิ่มเติม และการขยายอายุสัญญาสัมปทานนับตั้งแต่ปี 2535 ไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมการงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ที่จะต้องเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน
โดยเฉพาะสัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือระหว่าง กสท และบริษัท ทรูมูฟ จำกัด และบริษัทดิจิตอลโฟน จำกัด หรือดีพีซี ที่มีมูลค่าการลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งตามกฎหมายจะต้องเสนอขอความเห็นชอบจาก ครม. แต่ปรากฏว่า กสท ไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ดังนั้นภายใน 1-2 สัปดาห์นี้จะส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อให้เกิดความชัดเจนโดยเร็วที่สุด
เอาไงล่ะเนี่ย ไหนไหนก็ไหนไหนแล้ว สองมาตรฐานไปเลยพี่น้อง บอกไปเล้ยยยยว่าอันนี้ไม่ผิด ไม่งั้นยกเลิกหมดยุ่งนะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
type
|
 |
« ตอบ #20 เมื่อ: 22-12-2006, 11:22 » |
|
สัญญาตอนทำ ชินยังไม่เข้ามาถือหุ้นเลย 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
room5
|
 |
« ตอบ #21 เมื่อ: 23-12-2006, 17:27 » |
|
ในปี พ.ศ.2547 ชินคอร์ป ได้ยื่นเรื่องต่อ อนุญาโตตุลาการ ขอแก้ไขสัญญาสัมปทาน และขอลดค่าสัมปทาน ที่ต้องจ่ายให้รัฐ ปีละ 1,000 ล้านบาท โดยอ้างว่า เอกชนรายอื่นจ่ายต่ำกว่า (ช่อง 3 สัมปทาน 30 ปี (2533-2563) 3,207 ล้านบาท ปีละ 107 ล้านบาท / ช่อง 7 สัมปทาน 25 ปี (2541-2566) 4,670 ล้านบาท ปีละ 187 ล้านบาท / ช่อง 5 และ โมเดิร์นไนน์ ทีวี ไม่ต้องเสียค่าสัมปทาน เนื่องจากเจ้าของคลื่นความถี่ดำเนินการออกอากาศเอง) [1] คณะอนุญาโตตุลาการ ได้วินิจฉัยชี้ขาด ลดค่าสัมปทานให้สถานีฯ ลง เป็นปีละ 230 ล้านบาท พร้อมทั้ง อนุญาตให้สถานีฯ แก้ไขสัดส่วนการออกอากาศ รายการสาระ ต่อรายการบันเทิง จากร้อยละ 70 ต่อ 30 เป็นร้อยละ 50 ต่อ 50 และวินิจฉัยให้รัฐ จ่ายค่าชดเชยแก่บริษัทฯ เป็นเงิน 20 ล้านบาท เนื่องจาก สปน. ทำผิดสัญญา มิได้ให้ความคุ้มครองแก่บริษัทฯ และสถานีฯ ตามที่ได้ทำสัญญาสัมปทานไว้ ในขณะเดียวกัน กองทัพบกต่อสัญญาฉบับใหม่กับ ช่อง 7, อสมท อนุญาตให้ยูบีซีเคเบิลทีวี มีโฆษณาได้ และกรมประชาสัมพันธ์อนุญาตให้ช่อง 11มีโฆษณาได้ ซึ่งส่งผลกระทบ ต่อฐานะและรายได้ของบริษัทฯ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B5"เพิ่มเติมครับ" ชอบแถ กับ type อ่านอีกทีนะเค้าปรับเงินเค้าปรับตรงนี้ไม่ใช่หรอ แล้วรัฐบาลใหนล่ะที่ไปลดค่าสัมปทานให้ แล้วชินเข้าไปหรือยัง ไอ้เหลี่ยมเป็นนายก+หุ้นไอทีวี หรือไม่? แถไปเรื่อยไม่มีน้ำยาเลยนะเนี่ย เสียชื่อหมด(ความจริงก้ไม่มีใครเค้าเชื่อถือซักเท่าไรอยู่เเล้ว อาศัยตั้งกระทู้หวาดเสียวประจานความหน้า มืดของตนเอง)
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2006, 17:30 โดย room5 »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
type
|
 |
« ตอบ #22 เมื่อ: 23-12-2006, 18:35 » |
|
ไอ้หนู ยกประเด็นมาอ้างยังยกไม่ถูก 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
A-NOY
|
 |
« ตอบ #23 เมื่อ: 24-12-2006, 06:43 » |
|
จขกท.นี่มันรักประเทศชาติหรือรักไอ้พวกหลีกเหลี่ยงภาษีวะ ไอ้เหลฃี่ยมหลบภาษีมันก็รัก ไอทีวีหลบค่าสัมปทานมันก็ปกป้อง ถุย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
A-NOY
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #24 เมื่อ: 25-12-2006, 12:37 » |
|
กฎหมายนอมินี:ระเบิดเวลาลูกใหญ่เมื่อฝรั่งกล่าวหาไทยจ้องยึดทรัพย์ต่างชาติ
กรุงเทพธุรกิจ 25 ธันวาคม 2549 12:09 น.
ฝุ่นควันจากเรื่องมาตรการกันสำรอง 30% สำหรับเงินร้อนที่ไหลเข้ามาเก็งกำไรค่าบาท หรือที่เรียกกันว่า "ร้อยชักสามสิบ" ยังไม่ทันจาง ดูเหมือนจะมีเรื่องใหม่เข้ามา ให้รัฐบาลต้องปวดหัวอีกแล้ว และอาจจะปวดหัวหนักกว่าเดิมก็ได้
เมื่อผลการปรับปรุงแก้ไข ร่างก.ม.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว หรือกฎหมายนอมินี กำลังจะเสร็จและจะส่งถึงมือ เกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในสัปดาห์นี้
ปมสำคัญ คือ การแก้นิยามความเป็นบริษัทต่างด้าว จากที่ดูเพียงสัดส่วนหุ้น 49% ถ้าไม่เกินนี้ ไม่ถือเป็นต่างด้าวอย่างเดียว ให้เข้าไปดูสิทธิในการออกเสียง ควบคุมบริษัทด้วย นัยว่าป้องกันการถือหุ้นแอบแฝงทั้งหลาย ทำอะไรให้ถูกต้องตรงไป ตรงมาเสียที อันนี้เป็นเจตนาของฝ่ายแก้
แน่นอน ว่านี่เป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ จากรัฐบาลก่อนวางไว้ ปะเหมาะเข้ากับคนหาช่องหลบเลี่ยงกฎหมาย ตั้งบริษัทขึ้นมาแล้วหาคนไทยเข้ามาถือหุ้นแทน เพื่อให้ดีลประวัติศาสตร์ในธุรกิจสื่อสารสำเร็จ จนกระทั่งอื้อฉาวมาจนถึงทุกวันนี้ กรณีเดียว คนเดียวแท้ๆ ทำให้วุ่นกันไปทั้งประเทศ ทั้งแขก ไทย จีน ฝรั่ง
ระเบิดลูกนี้ต้องรอวันถอดชนวน ถ้าถอดไม่สำเร็จ ก็อาจตูมตามขึ้นมาบาดเจ็บล้มตายกัน หลายคนก็คราวนี้ เป็นระเบิดเวลาที่เริ่มนับถอยหลังกันแล้ว
ข้อหาฉกรรจ์จะถูกยิงเข้าใส่รัฐบาลชุดนี้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากร้อยชักสามสิบเป็นข้อหาที่กีดกันต่างชาติ เรื่องเงินระยะสั้น เงินร้อน อธิบายกันไปก็พอจะฟังได้ ไม่ต้องพึ่งพาเงินระยะสั้นเท่าไหร่ ก็พอจะกล้อมแกล้มกันไปได้
แต่การแก้กฎหมายนอมินีฉบับนี้ กระทบกับเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ หรือที่เรียกกันว่า เอฟดีไอนั่นแหละ หากแก้ไขออกมาแล้วปิดกั้น ปิดช่อง ทำธุรกิจไม่สะดวก ทุนต่างชาติก็ย้ายฐานหนี คราวนี้มันก็เหมือนเลือดไหลออก หนักกว่าร้อยชักสามสิบอีก
ขณะที่ทุนไทยยังไม่แน่ใจว่ามีคุณภาพพอหรือไม่ ในการไล่ซื้อ ไล่ฮุบ จะทำได้สักเท่าไหร่ จะทำได้สักกี่ราย
การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ยังจะเปิดทางให้ต่างชาติที่ใช้นอมินีอยู่ ได้ขายหุ้นออกมา ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายให้เวลา 6เดือนหรือ 3 ปี ยังไม่ชี้ชัด
อันนี้ก็จะถูกข้อหาหนักกว่าเดิม หรือถูกต่อว่าจากต่างชาติเอาได้ เผลอๆหยิบไปฟ้องในองค์กรระหว่างประเทศ ฟ้องประจานชาวโลกให้ได้อายอีก ว่ารัฐบาลไทยออกนโยบาย ออกกฎเพื่อบีบบังคับ ยึดทรัพย์ต่างชาติมาเป็นของคนไทยเสีย "บีบให้ขายหุ้นออกมาในราคาถูกเพื่อทำให้ถูกกฎหมาย แทบไม่ต่างอะไรจากการยึดทรัพย์"
ฝรั่งบอกลงทุนปลุกปล้ำบริษัทกันแทบตาย กว่ามูลค่าหุ้น สินทรัพย์จะเพิ่มขึ้น สุดท้ายคนไทยคนไทยก็ชุบมือเปิบ ฝรั่งหลายรายเริ่มพูดอย่างนี้แล้ว
น่าเห็นใจ ทั้งหม่อมอุ๋ยและ เกริกไกรจริงๆ จะออกซ้าย ก็ลำบาก ออกขวาก็แย่ ยืนนิ่งๆเฉยตรงกลางไม่ทำอะไรเลย ก็ล้วนจะถูกข้อกล่าวหาทั้งสิ้น แต่ลำพัง 2 คนนี้คงจะไม่เพียงพอในการแก้ปัญเสียแล้ว คงต้องถึงมือ"คนดีที่หนึ่ง"อย่างนายกฯ สุรยุทธ์เท่านั้นแหละ ที่นำพาออกจากอุโมงค์ที่มืดมิดได้ มิเช่นนั้นแล้วตายหมู่กันทั้งบาง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพนกวินน้อยนักอ่าน
|
 |
« ตอบ #25 เมื่อ: 26-12-2006, 03:42 » |
|
ถึงกับจะบ้องหูเลยเหรอ ชอบแถ มาสิครับ ผมก็มีมือมีตีน อยากรู้ คนที่ชอบสนับสนุนการขายชาติ อย่างคุณ มันจะแค่ไหนกัน ทำเป็นอวดอ้างเรียกคนอื่นว่าหนู เรียกให้เป็นเด็กเล็กๆ สงสัยที่บ้านไม่มีใครเคารพ ล่ะสิ เลยมาทำใหญ่โต ในเว็บ ถ้าอ่านคำพิพากษาแล้วยัง มั่วๆ สร้างคำพูดแถๆ แบบสัญญาผิดขั้นตอนได้เนี่ย แสดงว่าโง่เกินจะทำให้ตาสว่างแล้วล่ะ เชิญสนับสนุนการขายชาติต่อไปเถอะครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|