คุณ นทร์ ว่าหากมีการประชุมวันพรุ่งนี้ จะเฉพาะประธานแต่ละศาลหรือทั่งคณะ แล้วรายงานการประชุมจะเป็นความลับ หรือเปิดเผย ถ้าลับนิจะมีอินไซร์ไปทางรัฐบาลไหม ผมหวั่นๆบทบาทศาลรัดทำนูล ผมเห็นจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต (จากคำให้การกรณีคดีคุณประสงค์) แต่ผมก็อุ่นใจ อย่างน้อยก็ 2:1
ผมอ่านเอาตามข่าวครับ แต่ไม่มีอะไรเป็นความลับแน่
กกต ตีความไปทางหนึ่งแล้ว
คอยดูศาล ต่อไป
....
ประธานศาลฎีกาสนองพระราชดำรัสช่วยชาติให้พ้นวิกฤต โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 26 เมษายน 2549 13:12 น.
ประธานศาลฎีกาน้อมรับพระราชดำรัสใส่เกล้าฯ เดินหน้าหาแนวทางยุติวิกฤตของบ้านเมือง นัดประชุมผู้พิพากษา-ผู้บริหารศาลฎีกา พรุ่งนี้ สรุปความเห็นนำเสนอที่ประชุมร่วมศาลฎีกา ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ 28 เมษายน จรัญ ภักดีธนากุล เชื่อได้ทางออกที่ถูกที่ควร
วันนี้ (26 เม.ย.) นายจรัญ ภักดีธนากุล เลขาธิการประธานศาลฎีกา เปิดเผยว่า นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกา น้อมรับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานเมื่อเย็นวานนี้ (25 เม.ย.) ใส่เกล้าฯ มาแล้ว และเตรียมรับฟังความคิดเห็นของผู้พิพากษาศาลฎีกา และคณะผู้บริหารศาล ในวันพรุ่งนี้ (27 เม.ย.) เวลา 14.00 น.ที่ห้องประชุมใหญ่ศาลฎีกา สนามหลวง เมื่อได้รับฟังความคิดเห็นแล้วก็จะหาทางออก และนำเสนอในการหารือระหว่างประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานศาลฎีกา ที่จะประชุมเวลา 12.00 น.วันที่ 28 เมษายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก
เวลานี้ทำหนังสือไปยังศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เพื่อหาทางออกตามแนวพระราชดำรัส นายจรัญ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การหารือระหว่าง 3 ศาลจะเป็นในรูปแบบใด นายจรัญ กล่าวว่า ในแง่มุมของกฎหมายไม่ยาก อยู่ที่จะต้องกำหนดทิศทางที่แม่นยำ และคำนึงประโยชน์ของชาติให้มากที่สุด ทำให้เกิดการยอมรับ นำพาชาติพ้นวิกฤตครั้งนี้ให้ได้ เพราะถ้ามองด้านใดด้านหนึ่งก็จะไม่รอบคอบ จึงต้องให้เกิดความแม่นยำและรับฟังความคิดเห็นจากคนเป็นกลาง ซึ่งวันที่ 28 เมษายนนี้ อาจจะได้ข้อสรุปอะไรออกมาเพื่อกำหนดเป็นทิศทางในการแก้ไขปัญหา
ต่อข้อถามที่ว่า ทิศทางการทำงานที่ออกมาจะต้องสอดคล้องกับการเลือกตั้งวันที่ 29 เมษายนนี้หรือไม่ นายจรัญ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการลงมติและการหาความเห็นร่วมกันของ 3 ศาล เมื่อกำหนดทิศทางออกมาอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว จะต้องมีอะไรไปดำเนินการให้สอดคล้องหรือให้เกิดความแตกต่างอย่างไร ขึ้นอยู่กับผลประชุม ขอยืนยันว่า สิ่งที่ออกมาจะเป็นสิ่งที่ถูกที่ควร แต่เป็นรูปแบบไหนจะต้องมาช่วยกันคิดก่อน
ส่วนระหว่างที่ฝ่ายตุลาการกำลังหาทางออกให้กับชาติ ฝ่ายอื่นๆ ควรจะยุติการเคลื่อนไหวหรือไม่ เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสน นายจรัญ กล่าวว่า ไม่สามารถให้ความเห็นที่ล่วงเกินสิทธิเสรีภาพของคนอื่นได้ เพียงแต่เห็นว่าเวลานี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าบ้านเมืองมีปัญหา ถ้าเปิดโอกาสให้ฝ่ายตุลาการที่เป็นกลางทางการเมืองเข้ามาเป็นผู้ร่วมคิด ร่วมหาทางแก้ไข กระบวนการที่จะใช้ความรุนแรง หรือการโต้แย้งอะไรที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งมากกว่าเดิม น่าจะยั้งๆ หยุดก่อน ไม่เช่นนั้นก็แทบจะหมดคนเป็นกลางในเวลานี้ ดังนั้น ทุกฝ่ายควรรอแล้วมาช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปจะดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะหารือประเด็นการเปิดประชุมรัฐสภานัดแรกหลังการเลือกตั้ง 30 วันได้หรือไม่ ด้วยหรือไม่ นายจรัญ กล่าวว่า ประธานศาลทั้ง 3 ศาล คงใช้ความคิดและความเห็นในทุกด้าน แต่วาระใหญ่จริงๆ ครั้งแรก คือจะมีทิศทางอย่างไรที่จะนำพาบ้านเมืองขณะนี้ไปให้ได้ ส่วนความเป็นอิสระของ 3 ศาล คิดว่าไม่มีอุปสรรคต่อการทำงาน เพราะทุกฝ่ายเป็นองค์กรตุลาการของบ้านเมือง และทิศทางการทำงานก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือต้องการให้ชาติพ้นวิกฤต
ต่อมาเวลา 11.30 น.นายชัช ชลวร เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม พร้อมด้วยคณะผู้พิพากษาประจำสำนักประธานศาลฎีกา รวม 9 คน ร่วมกันแถลงข่าวว่า วันพรุ่งนี้ (27 เม.ย.2549) เวลา 14.00 น.จะมีการจัดประชุมผู้บริหารศาลยุติธรรมทั่วประเทศ ที่ห้องประชุมใหญ่ ศาลฎีกา และเวลา 10.00 น.ของวันที่ 28 เม.ย.2549 จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างตุลาการศาลยุติธรรม ศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ ที่ห้องรับรอง สำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อหารือข้อกฎหมายให้เกิดความสงบสุขในประเทศ และสนองกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าศาลยุติธรรมไม่ได้นิ่งนอนใจ คอยติดตามวิกฤตบ้านเมืองตลอดมาและรู้สึกร้อนใจเช่นเดียวกับประชาชน จึงอยากขอร้องทุกฝ่ายหันมาใช้ช่องทางศาลยุติธรรม เพื่อยุติความขัดแย้งโดยเร็วที่สุด ซึ่งหลังจากตุลาการทั้ง 3 ฝ่ายได้หารือกันจะมีทางออกให้บ้านเมืองได้ในระดับหนึ่ง และเชื่อว่าทุกฝ่ายกำลังปรับตัวเข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้องมากขึ้น หลังได้ฟังกระแสพระราชดำรัส
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9490000055226