ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

น้ำใจช่วยชาวไทยพุทธ
เจ้าหน้าที่มูลนิธิแม่กอเหนี่ยว จ.ยะลา นำอาหารคาวหวาน ข้าวสวย น้ำดื่มมาเลี้ยง ชาวไทยพุทธที่อพยพหนีโจรใต้มาอาศัยอยู่ที่วัดนิโรธสังฆาราม อ.เมือง จ.ยะลา

ก็ดีแล้วนี่ครับ... วัฒนธรรมไทยก็เป็นเช่นนั้น
จะมางอมืองอเท้าขอความช่วยเหลือแบบตอนแม้วไม่ได้แล้วครับ...

รู้จักพึ่งพาตนเอง ไม่ต้องให้ใครจูงจมูกไปกินหญ้า

อายดีมั้ยล่ะ  กะแค่ 2 เดือน ถ้าเทียบกับ 5 ปีแล้ว จิ๊บๆๆ    เอาเป็นว่าถ้า จขกท. สามารถขับรถจาก กรุงเทพฯ มาเชียงใหม่ โดยใช้เวลา 1 นาทีได้ ผมถึงจะคิดว่ามันน่าอาย

แต่ยุคทักษิณ ผมไม่เห็นว่าคนไทยอยากจะอพยพหนีเลย
 นี่หล่ะครับความแตกต่างอีกจุดนึง :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ไม่อพยพ แต่กรณี ตากใบ เกลือแซะ ที่แตกต่างมากเลย ไปอพยพเขาจนตายไงค่ะ ต่างมากเลยนะค่ะ  :slime_o:

   ผมเห็นด้วยกับกระทู้นี้อย่างแรง

มันน่าจะช่วยให้พวกเราคิดถึงไทย

พุทธที่นั่นให้มาก

    อย่าใช้เพียงคำว่าสมานฉันท์แล้ว

เอาอก เอาใจ ใครเป็นพิเศษ จนหลง

ลืมไปว่ายังมีชาวไทยพุทธอยู่ที่นั่นอีก.

เป็นผลร้ายจากการปกครองแบบถ่***ครองเมืองในระยะห้าปีที่ผ่านมาค่ะ  ยังมีเลวร้ายกว่านี้อีกที่กำลังปะทุออกมา

เหมือนคนป่วยนั่นแหละค่ะ ถูกโรคร้ายรุมเร้ามาห้าปี พึ่งได้หมอดี แต่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป

ไม่ต้องห่วงค่ะ ทรราชมันสูญพันธ์ไปแล้ว เหตุการณ์จะค่อยๆดีขึ้นค่ะ ตามกลไกการตลาด  :slime_bigsmile:

131 คนที่หนีไปมาเลล่ะ

นั้นดิ.....ทำเป็นลืมหน้ามึนจริงๆอะไรๆมันก็ไม่พ้นตัวซักที 5555+
 :slime_evil: :slime_evil:

ถ้าจะอายมันต้องอายตั้งแต่ทักษิณเข้ามาแล้วทำให้เกิดความรุนแรงมากกว่านะ

นี่มิใช่ครั้งแรก ที่ชาวพุทธถูกรังแก

* ผลพวงที่เป็นแบบนี้ ....  ก็เป็นเพราะใครที่มันสุมฟืนเติมเชื้อไฟ .. ไว้ก่อนหน้านั้นหล่ะ

   อย่าลืมว่าเหตุการณ์ทางภาคใต้ .... ไม่ได้เพิ่งจะเริ่มต้นแค่เดือนสองเดือน

   มันหมักหมม ... มานานแล้ว

   อย่าเอาแต่โทษคนมาใหม่...เพื่อความมันส์อย่างเดียวเลยค่ะ !!

เค้าช่วยกันมันน่าอายตรงไหน...ไอ้คนที่โดนอัปเปหิไปลอนด้อนกลับบ้านก็ไม่ได้มันน่าอายมากกว่า :slime_p: :slime_p:

มันจะไปอายอะไร ถึงเวลามีคนตายเพิ่มเยอะๆ บอกไม่ได้เปิดปิดสวิทซ์ ไม่ได้แก้ในวันเดียว แล้วก็โทษ
กลับไปรัฐบาลที่แล้ว สมัยรัฐบาลที่แล้วยังไม่มีรายการไล่คนไทยพุทธเหมือนหมูเหมือนหมา เหมือนหลัง
ขอโทษนี่เลย พอรับผลงานตัวเองไม่ได้ว่ามันทำให้แย่ลง แก้ปัญหาเริ่มต้นก็ผิดทางแล้ว ก็พาลโทษไป
ยังคนที่เค้ามาแก้ตัวไม่ได้ ชายชาติทหารชื่อสุรตุ๊ดจริงๆ ครับ ห่วย

เคยได้ยินข่าว ระเบิดวัดช้างไห้ มั๊ย

เคยได้ยินข่าวระเบิดพระออกบิณฑบาต สมัยหน้าเหลี่ยมมั๊ย

หรือตอนนั้น ตาบอด หูหนวก หูตึง เพิ่งมาตื่นเอาตอนนี้

* งั้นเอามาฝาก ...

   คห . นี้ตอบไว้ใน กระทู้ ..." ชาวพุทธอยู่บันนังสตาไม่ไหวแล้วครับ ช่วยด้วย "  ของคุณแถ นะแหละ !!

   ว่าที่โยง กะ รัฐบาลแม้วมันเกี่ยวกันไหม

เค้าคุยกันถึงความเป็นห่วงเป็นไยพี่น้องชาวไทยพุทธ   พี่น้องชาวไทยพุทธ

เข้าใจภาษาไทยหรือไม่ครับ    พี่น้องชาวไทยพุทธ     131คน  ที่คุณทำตัวใหญ่สีแดงน่ะ

คือชาวไทยมุสลิมที่หนีไปมาเลเซีย    ทิ้งประเทศไทยอันเป็นที่รักไปหาประเทศอื่น



อ่านแล้วเสียใจนะครับ   ความเป็นห่วงพี่น้องชาวไทยพุทธของเพื่อนถูกท้าทายกับคำว่าตุ๊ด

ชาวไทยพุทธไม่มีใครใส่ใจ   ก็ได้อาศัยพี่น้องคนไทยด้วยกันช่วยเหลือกันเอง




เศร้าใจจริงๆ   131 คนนั้นหนีไปมาเลย์เซีย   มาเลเซียก็ดูแล   สหประชาชาติก็ดูแล    กรรมการสิทธิก็ตามไปดูแล

ส่วนพี่น้องชาวไทยพุทธของเราออกมาจากบ้านที่ตัวเองอาศัย  ออกจากถิ่นที่ตัวเองเคยอยู่   มาอาศัยวัดอยู่    คนรับผิดชอบอย่าง  มท 1ในรัฐบาลของพลเอกสุรยุทธิ์  กลับกล่าวหาว่า   สร้างสถานการณ์

เมื่อก่อนมีแค่เผาโรงเรียน..พอบักแม้วเข้ามาคนตายเกลื่อน

5ปีีบักแม้วเข้ามาสร้างปัญหาไม่ใช่แ้ก้ปัญหา....อย่ามาอ้างเลยพวกหน้าบางทั้งหลาย

ไปอ่านความคิดเห็นบน ๆ ก็เถอะครับ พอดีมีบางคนบอกว่าในยุคเหลี่ยมไม่เคยมีคนไทยอพยพหนีเลย แล้วไทยมุสลิมนี่ไม่ใช่คนไทยหรือครับ อีกอย่างในเหมือนเขารู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ในประเทศนี้ไม่สามารถให้ความปลอดภัยในชีวิตเขาได้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนในประเทศนี้ก็ไม่ปลอดภัย เผลอๆอาจเป็นแบบทนายสมชายก็ได้ ไปดูเหตุผลที่เขาอพยพหนีก่อน ทำไมถึงหนีไปมาเล เพราะเขาถือว่าชาวมุสลิมด้วยกันเป็นพี่น้องกันทั่วโลกน่าจะให้ความคุ้มครองเขาได้

ความเห็นคุณซิ้วยู้ค่อนข้างสับสนนะครับ คือยกเรื่องศาสนาว่าไม่ควรเอามาแบ่งแยก แต่เรื่องนกนี่มันจะเป็นสัญลักษณ์สากลอยู่แล้วนะ
ที่เอาเรื่องมาจากญี่ปุ่นใช่มั้ย เหมือนรอยตีนนกก็บอกว่าเป็นเสรีภาพอะไรพรรณนี้ ถึงต่างศาสนาเค้าคงไม่เคร่งขนาดไม่รู้ความหมายของ
การพับนกหรอกนะ คุณจะยกจุดนี้ให้ดูแบ่งแยกเองต่างหากมั้ง การขอโทษแล้วผลมันคือการแบ่งชาวพุทธกับมุสลิมในสองอำเภอ
ออกจากกันอย่างชัดแจ้งนะครับ ไม่ต้องเถียง ซึ่งสมัยรัฐบาลก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะมีคำว่าโจรกระจอก หรือพับนก ซึ่งมันเป็น
เหตุผลอ่อนหัดที่จะยกขึ้นมา ถ้าเป็นขบวนการใหญ่เค้าเตรียมแผนมาเป็นขั้นตอนอย่างที่ทหารเคยวิเคราะห์ไว้แล้ว ไม่อยู่ดีๆ มาทำเมื่อ
ได้ยินคำว่าโจรกระจอกหรอก

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ให้ยึดติดกับสัญลักษณ์หรือรุปเคารพหรือครับ

มันไม่ซีเรียสขนาดนั้นหรอก ไม่ใช่เทวรูป ส่วนใหญ่ชาวมุสลิมเค้าก็สบายๆ แต่เคร่งกว่าชาวพุทธ
ที่อิรักตอนแตกยังมีอนุสาวรีย์ซัดดัมเลยจำได้มั้ย มันไม่ใช่วัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ให้เคารพบูชานี่ครับ
อย่างนั้นเค้าถึงจะถือ

แล้วรู้จักพวกนอกรีตที่แอบอ้างศาสนาไหมล่ะครับ พวกนี้มันก็มีเยอะเอาการ :slime_bigsmile:

ผมต้องขอประณามกระทู้นี้ เพราะความจริงแล้วศาสนาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องการช่วยเหลือดังกล่าวเลย
ไม่ว่าคนไทยพุทธหรือไทยมุสลิมก็เป็นพี่น้องชาวไทยเหมือนกัน และเดือดร้อนเช่นเดียวกันกับปัญหา 3 จังหวัดชายแดน
การพยายามใช้คำว่า "ไทยพุทธ" โดยไม่ได้มองความเป็นจริงของเนื้อหา ทำให้เกิดการมองภาพแตกแยกว่าไทยพุทธต้องช่วยไทยพุทธ
และไทยพุทธไม่ต้องช่วยไทยมุสลิม หรือไทยมุสลิมไม่ต้องช่วยไทยพุทธ หรืออะไรก็ตามแต่คนจะคิดไป
ซึ่งความจริงแล้วเขาก็ช่วยเหลือกันทั้งสิ้น ไม่ได้แบ่งแยกอะไรเลย
แต่เรื่องข้าวปลาอาหารนั้นก็ค่อนข้างชัดเจน ว่าชาวพุทธจะรับประทานแตกต่างจากชาวมุสลิม
เป็นเรื่องที่บทบัญญัติของศาสนาแตกต่างกันเท่านั้น การช่วยเหลือด้านอาหารจึงเป็นไปในรูปแบบดังกล่าว

กรุณาอ่านข้างบนก่อนเถอะครับ นาย Type บอกว่าในสมัยทักษิณ ไม่้มีใครหนีออกไปเลย

อ่านไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียไม่ดีครับ  :slime_bigsmile:

ทำไงได้ละจ้ะทหารนักรบฝีมือดีมีมากมายเสือกไม่ยอมให้เขาคุมกำลังหลักแต่ดันเอาทหารนักกอฟที่วันๆนึงแมงไม่ทำไรอยู่แต่ในสนามกอฟไปบัญชาการรบ ไม่แปลกใจเลยที่โดนลูกระเบิดของแขกมันทุกวัน ส่วนกรณีคนพุทธอพยพหนีจากบ้านมาอาศัยอยู่ในวัดก็แสดงให้เห็นว่าคนพุทธนั้นขี้ขลาดตาขาว มือ ตีน ก็มีเหมือนกันกลัวไรว่ะ มันแรงมาเราก็แรงไปบ้างสิตอบโต้แมงบ้างสิเอาแรงๆเลย ก็เพราะทำตัวขี้ขลาดตาขาวให้พวกบ้านั่นมันเห็นนะสิมันถึงได้ใจฆ่าไม่หยุด ลองจับอาวุธขึ้นมาสู้กับพวกมันดูสักครั้งสิพวกมันจะได้ไม่ย่ามใจถึงขนาดนี้

สรุปคือในเมื่อรัฐไม่สามารถช่วยคุ้มครองพวกคุณได้ก็เป็นหน้าที่ของพวกคุณเองแล้วล่ะที่จะต้องจัดตั้งกองกำลังขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวคุณเอง อย่าไปหวังพึ่งทหาร ทหารยุคนี้มันมีแต่นักกอฟตีกอฟเป็นอย่างเดียว  ส่วนทหารนักรบคงต้องรอวันที่ผู้หลักผู้ใหญ่ตาสว่างคงจะได้เกิดแต่เมื่อถึงตอนนั้นชาติก็ฉิบหายวายวอดหมดแล้ว  ประวัติศาสตร์มันบ่งบอกว่าไทยเราจะเสียกรุงทุกๆ200ปี สิ้นชาติสิ้นแผ่นดินก็คราวนี้แหละ

ทำไมท่านนายก ฯ ต้องอายด้วยล่ะคุ๊ณณณ  เข้าใจอะไรผิดหรือป่าว ? ว่าง ๆ กรุณาเช็ดสมองหน่อยนะคะ  :slime_bigsmile:

คนที่สมควรอายแต่หายางอายไม่ได้ ก็คือ จอมมารหน้าเหลี่ยมกับสมุนของมัน รวมทั้งญาติโกโหติกาของมันด้วย ที่ไม่มีหิริโอตตัปปะเอาเสียเลย  :slime_evil:

คุณอย่าปฏิเสธความเป็นจริงของข่าวสารเลย ว่าตั้งแต่ถอนตชด.ออกมาทำให้เกิดการแบ่งแยกอย่างชัดเจนจนถึงกับมีการขับไล่
จำนวนคนที่ต้องไปพึ่งวัดก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นหลายร้อยแล้ว ถึงกับต้องขอความช่วยเหลือจากพระราชินี มันต้องเปลี่ยนวิธี
แก้ปัญหาโดยด่วนแล้วครับ

มันเฮงซวยตั้งแต่ ไปยุบ ศอบต .หล่ะ ว่ะ

ึคนที่ตามข่าว ตามสถานการณ์มานาน เขารู้กันทั้งนั้นแหละ ว่ามันเกิดจากอะไร

มีแต่ไอ้พวก หวอรูม แตกรัง เท่านั้นแหละที่ทำเป็นโง่ แกล้งโง่ หรือโง่จริงก็ไม่รู้

ขอประณามคนพวกนี้ว่าเป็นคนไทยชั้นเลว
เพราะนอกจากมือไม่พายแล้ว ยังเอาเท้าราน้ำอีกด้วย
:slime_evil:

* ไม่แน่ใจค่ะ..คุณ solidus

   ถึงได้เขียนว่า ... ( ขออำภัยถ้าคลาดเคลื่อน ... เท่าที่พอทราบมาประมาณนี้อ่ะคะ )

   เพราะว่า ... เท่าที่เคยคุยกะเพื่อนที่เขานับถือศาสนานี้

   เขาก็พูดมาประมาณที่เขียนไว้อ่ะค่ะ ...

   ถ้าให้ชัวร์แน่นอน ... คงต้องให้คนที่นับถือศาสนานี้เขามายืนยันเองค่ะ
   
   ว่า...โดยทางศาสนาแล้วเขามีความศัทธากันแบบไหน

   และ จะได้เป็นความรู้เพิ่มเติมไปด้วยในตัว

  ( ส่วน .. ดิฉัน .. ถ้าเข้าใจความหมายคลาดเคลื่อนไปขออภัยมา ณ. ที่นี้ด้วยค่ะ )

ความเห็นคุณซิ้วยู้ค่อนข้างสับสนนะครับ คือยกเรื่องศาสนาว่าไม่ควรเอามาแบ่งแยก แต่เรื่องนกนี่มันจะเป็นสัญลักษณ์สากลอยู่แล้วนะ
ที่เอาเรื่องมาจากญี่ปุ่นใช่มั้ย เหมือนรอยตีนนกก็บอกว่าเป็นเสรีภาพอะไรพรรณนี้ ถึงต่างศาสนาเค้าคงไม่เคร่งขนาดไม่รู้ความหมายของ
การพับนกหรอกนะ คุณจะยกจุดนี้ให้ดูแบ่งแยกเองต่างหากมั้ง การขอโทษแล้วผลมันคือการแบ่งชาวพุทธกับมุสลิมในสองอำเภอ
ออกจากกันอย่างชัดแจ้งนะครับ ไม่ต้องเถียง ซึ่งสมัยรัฐบาลก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะมีคำว่าโจรกระจอก หรือพับนก ซึ่งมันเป็น
เหตุผลอ่อนหัดที่จะยกขึ้นมา ถ้าเป็นขบวนการใหญ่เค้าเตรียมแผนมาเป็นขั้นตอนอย่างที่ทหารเคยวิเคราะห์ไว้แล้ว ไม่อยู่ดีๆ มาทำเมื่อ
ได้ยินคำว่าโจรกระจอกหรอก
[/quote]

* ตอบคุณแถก ...

  ไม่ให้เถียงแต่จะขอเถียงค่ะ ...

  จุดประสงค์ที่เขียนไปเรื่องพับนก ... เพราะ  ต้องการบอกว่า

   เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน .. ความเชื่อความศัทธามันต่างกัน

   เพราะงั้น ... บางครั้งเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ก็มีคนเอามาจุดเป็นชนวนได้

   ที่เขียนลงไป เพราะ เพื่อน ดิฉัน ... ที่นับถือศาสนานี้เขาเคยเล่าให้ฟัง

   การยกตัวอย่างเรื่องนี้ ...ไม่ได้คิดที่จะเอามาแบ่งแยกค่ะ .... คุณอย่ามาคิดแทน  ดิฉัน  สิ

   ส่วนเรื่องโจรกระจอกนะ ... ดิฉัน...เขียนว่า
   
  หมา ... ตัวไหนหล่ะที่ไปเห่าเรื่องโจรกระจอก + สมควรตาย + แบ่งแยกธง 3 สี

   ( จนต้องมีคณะกรรมการสมานฉันท์มารับหน้าเสื่อให้มัน !! )
   
   ปัญหามีอยู่แล้ว ... ยังเอาปากพาซวยไปเติมเชื้อไฟอีก
   
   เน้นให้แล้วนะค่ะ ... อ่านชัดขึ้นหรือยัง !!!

ปฏิบัติการทางทหาร 'บ้านสันติ' ท้าทายนายกฯสุรยุทธ์ดับไฟใต้
 
วันนี้ (12 พ.ย.) สถาบันอิศรารายงานข่าวเชิงวิเคราะห์ เรื่อง "บ้านสันติสุข 2 สู่การท้าทายแนวทางการเมือง ดับไฟใต้" ระบุว่า เขตพื้นที่ บ้านสันติ 1 ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา และพื้นที่บ้านสันติ 2 ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา พื้นที่สำคัญในการปฏิบัติการของฝ่ายตรงข้ามขณะนี้  เป็นที่น่าสังเกตว่าก่อนหน้านี้ พื้นที่ดังกล่าวเกิดเหตุร้ายน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเหตุร้ายเลย เมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง   

รายงานระบุว่า ชาวบ้านทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิมหลายร้อยชีวิตในหมู่บ้านทั้งสอง ถูกอพยพย้ายถิ่นมาจากพื้นที่น้ำท่วมใต้เขื่อนบางลางมาตั้งแต่ปี 2521 เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายให้ก่อสร้างเขื่อนดังกล่าวเพื่อกั้นแม่น้ำปัตตานีและผลิตไฟฟ้าพลังน้ำแห่งแรกในพื้นที่ภาคใต้เพื่อตอบสนองการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต ชาวบ้านจึงได้รับการจัดหาพื้นที่ใหม่ในการตั้งรกรากและประกอบอาชีพสวนยางและผลไม้ในพื้นที่เขตป่าที่ดินอุดมสมบูรณ์ จัดตั้งเป็นหมู่บ้านสันติ 1 และหมู่บ้านสันติ 2 ตั้งเรียงรายอยู่ในถนนริมขอบอ่าง ทะลุปลายทางถึงหมู่บ้านจุฬาภรณ์ 7 และหมู่บ้านจุฬาภรณ์ 9  หมู่บ้านยุทธศาสตร์ที่ทางการจัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์มลายา

รายงานระบุต่อว่า  หมู่บ้านสันติ 2 อ.ธารโต  ถือได้ว่าเป็นชุมชนที่ค่อนข้างมีความหลากหลาย เนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่มีทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิมอยู่ร่วมกันมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งหมู่บ้านใหม่ๆ จากข้อมูลของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่งระบุว่าในจำนวนประชากร 174 ครัวเรือน มีครอบครัวชาวไทยพุทธประมาณ 40 ครัวเรือน มีมัสยิดขนาดกลาง 1 หลัง ในขณะที่มีสำนักสงฆ์ 1 แห่ง ตั้งอยู่ในละแวกเดียวกับโรงเรียนประถมศึกษาและสถานีอนามัยประจำหมู่บ้าน เบื้องต้น ชาวบ้านหลายคนทั้งที่เป็นพุทธและมุสลิม ระบุตรงกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนสองอัตลักษณ์ยังคงราบรื่น แม้ว่าจะอยู่ในห้วงเวลาของเหตุความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในเขต อ.บันนังสตาและอำเภอธารโต 

"มันเพิ่งจะเริ่มขึ้นมาเมื่อประมาณ 2 – 3 เดือนที่ผ่านมา ที่ความห่างเหินของชาวไทยพุทธและมุสลิมเกิดขึ้นเพราะมีใบปลิวข่มขู่เจาะจงมายังคนไทยพุทธ" นายพยงค์ วงศ์แย้ม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แกนหลักของชาวไทยพุทธในหมู่บ้านกล่าวและว่า การปล่อยใบปลิวเป็นกลยุทธขั้นพื้นฐานสำหรับงานการเมืองของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่เข้ากดดันพื้นที่ เนื้อหาเน้นหนักในวิถีชีวิตเฉพาะเจาะจงกับชุมชนไทยพุทธ อาทิ  ห้ามเลี้ยงสุนัข ห้ามดื่มเหล้า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการก่อกวนโดยการจุดประทัดโยนใส่หลังคาบ้านในช่วงวันฮารีรายอที่ผ่านมาเพื่อกดดัน จนกระทั่งสัญญาณบอกเหตุร้ายได้คืบเข้าใกล้หมู่บ้าน เหตุการณ์สังหาร นายสุรพล แซ่ชัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านชาวไทยพุทธแห่งหมู่บ้านสันติ 1 เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา  เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นข่าวเล็กๆ แต่สำหรับผู้คนในชุมชนแห่งนี้ โดยเฉพาะชาวไทยพุทธกลับมองเหตุดังกล่าวด้วยสายตาที่หวั่นวิตกยิ่ง  กระทั่งวันที่ 5 พ.ย.  เกิดเหตุบ้านพักของชาวไทยพุทธอย่างน้อย 2 – 3 หลังที่เรียงรายอยู่ริมถนนถูกกราดยิงข่มขู่ จนทำให้ต้องจับปืนลูกซองยิงตอบโต้กลับไป แม้จะไม่มีใครบาดเจ็บจากเหตุปะทะครั้งนี้ แต่ก็ทำให้ตระหนักว่าชีวิตและทรัพย์สินคงจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว

รายงานระบุว่า ฟางเส้นสุดท้ายที่ตอกลิ่มลงไปบนความหวาดระแวง คือ หลังจากเหตุกราดยิงไม่นาน ก็เกิดเหตุสังหารนายบุญมิ่ง ละเอียด หรือ "น้าบุญ" วัย 68 ปี กับลูกสาว นางอารี เอี่ยมหิรัญ วัย 39 ปี 2 พ่อลูกชาวสวนขณะอยู่ในบ้านพักของตัวเอง ก่อนเผาบ้านวอดวายไปพร้อมร่างที่ไร้ชีวิตของทั้งสอง  งานสวดบำเพ็ญกุศลที่วัดนิโรธสังฆารามใน อ.เมืองยะลา จึงเป็นเสมือนสถานที่อันปลอดภัยในการระบายความหวาดหวั่นและปรับทุกข์ซึ่งกันและกัน กระทั่งมีการลงความเห็นร่วมกันว่าจะต้องอพยพออกนอกพื้นที่ชั่วคราว

นายอิสมาแอล ดอเลาะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอีกคน กล่าวว่า บ้านสันติ 2 ไร้การจัดตั้งฐานทหารมาเป็นเวลานานแล้ว หลังจากที่มาตั้งฐานระยะหนึ่งในอดีต ขณะที่ปัจจุบันมีทหารมาลาดตระเวนบ้างเป็นครั้งคราว แต่หลังจากเหตุสังหารเผาบ้านวอดทั้งหลัง มีกองทหารมารักษาการที่โรงเรียนบ้านสันติ 2 ในแทบจะทันที ในขณะที่เจ้าหน้าที่จากอ.ธารโตก็นานๆ ครั้งกว่าจะเข้ามาเยี่ยมเยียนสักครั้ง

รายงานระบุด้วยว่า การเลือกพื้นที่ปฏิบัติการดังกล่าวของฝ่ายผู้ก่อการถือเป็นการตอกลิ่มร้าวสายสัมพันธ์ระหว่างชาวพุทธกับมุสลิมในชุมชนเหล่านี้ เป็นพื้นที่ปฏิบัติการใหม่ ที่ได้รับการเตรียมการไว้ก่อนหน้านี้ระยะหนึ่งแล้ว จังหวะเวลาในการเลือกปฏิบัติการในครั้งนี้จึงดูเหมือนว่า ขณะที่รัฐบาลไทย โดย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เดินหน้ารุกคืบทางการเมือง ก็ถูกฝ่ายตรงกันข้ามตอบโต้ทางการทหารในแทบจะทันที อาจเป็นผลให้เกิดความเพลี่ยงพล้ำทางการเมืองในที่สุด
 
ไทยรัฐ

กระทู้นี้ ไอ้ Type ไม่กล้าตอบ ตุ๊ดหว่ะ 555555

131 คนไทยหนีไปมาเลย ไม่กล้าตอบ


ตุ๊ด Type ตุ๊ด Type ตุ๊ด Type ตุ๊ด Type ตุ๊ด Type ตุ๊ด Type ตุ๊ด Type ตุ๊ด Type

ขอประณามคนพวกนี้ว่าเป็นคนไทยชั้นเลว
เพราะนอกจากมือไม่พายแล้ว ยังเอาเท้าราน้ำอีกด้วย
:slime_evil:
[/quote]

มาประณามผม...ไม่เป็นไรครับ

แต่ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าผมควรถูกประณามด้วยเหตุผลใด

ช่วยอธิบายให้ชัดเจนหน่อยครับ...ถ้าคุณเป็นคนมีเหตุผลพอ...

ไม่รุ้จริงมามาพูดความช่วยเหลือจากทางการมีตั้งแต่วันแรกอยู่แล้ว กะจะบิดเบือนใส่ความอย่างเดียวละดิ เลวชาติแล้วยังโง่อีกต่างหาก

ไม่น่าเอาศาสนาเป็นเป็นข้ออ้างเล๊ย เฮ้อ เฮ้อ.. :slime_worship:

ลุงม้วน ok. ครับ
เหตุผลเอาจากนี้ครับ
ขอเรียนให้ทราบว่าทางผู้เกี่ยวข้องได้ทำและก็กำลังทำทุกอย่างเพื่อปกป้องดูแลชาวไทยพุทธ
แม้แต่เวลาพระท่านออกไปบิณบาตตอนเช้า
ก็มีกำลังทหารออกตามไปให้ความคุ้มกัน
อย่างนี้จะไปว่า "หลงลืมไปว่ายังมีชาวไทยพุทธอยู่ที่นั่น" ได้อย่างไรครับ
:slime_fighto:

เมื่อไหร่ตุึ๊โ Type จะตอบหล่ะ อย่าหนีกันเส่ะ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ที่ต้องอายน่าจะเป็นทักษิณนะ 5 ปีไม่มีปัญญาทำให้ดีขึ้น มีแต่ทำให้แย่ลงเพราะปากตัวเอง ทุกวันนี้ก็ใช่จะอาย สังเกตได้จากลิ่วล้อหน้าโง่ที่ยังมานั่งพล่ามความดีซึ่งไม่มีแม้แต่น้อย....ทำไมไม่หนี่ตามป๊ะป๋ามันไปกันนะ

พี่น้องครับ

ไอ้ Type มันได้แสดงตนแล้วว่ามันเป็นตุ๊ด

เนื่องจากมันไม่สามารถตอบคำถาม 131 คนไทยที่หนีเข้ามาเลในยุคไอ้เหลี่ยม

สมควรถูกประนามว่า

ไอ้ Type มันเป็นตุ๊ด ไม่กล้าตอบคำถามนี้

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

อ้าว ไม่ได้แว้ปมากระทู้นี้เลยแฮะ   
แล้วเป็นไงหล่ะเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ 131คน นั่น กลับมายัง
 :slime_dizzy:

หึหึ  จะหนีไปทำไม ถ้าไม่มีความผิดก็อยู่ในไทยสิ
ใครไปไล่ โจรก็ไม่ได้ไปทำอะไรซักหน่อย 

อันนี้ประชาชนโดน โจรไล่โว้ยยยยยยยยยย
โจร เข้าใจป่าวโจรอ่ะโจรรรรรรร

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:
 

โธ่

ตอบไม่ตรงประเด็นหว่ะ Type มั่วนิ่ม

ในเมื่อคุณบอกสมัยไอ้เหลี่ยมไม่มีการย้ายออกจากพื้นที่

และผมเอา 131 คนไทยมาบอก คุณไม่ตอบประเด็นนี้ แต่ไปตอบกระเด็นอื่น

นี่แหล่ะ สันดานของลิ่วล้อไอ้เหลี่ยมแท้ ไม่รับผิดชอบต่อคำพูดของตนเอง

หน้าด้าน!!!!!

อ้าวๆ  หนีไปเพราะมีความผิดรึเปล่า ทำไมต้องหนีหล่ะจ๊ะ  :slime_v:
ถ้าไม่ได้ผิดอะไรจะหนีทำไม  โจรก็ไม่เห็นว่าจะตามฆ่าอะไรเลยนี่ :slime_whistle:
อันนี้คนไทยที่ไม่ได้ผิดอะไร โดนโจรคุกคามนะๆๆ  :slime_smile2:

เค้าหนีการไล่ล่าจากตำรวจ กลัวอ่ะ...กลัวโดนอุ้ม...เข้าใจยัง...

โหยถ้าไม่ผิดแล้วจะกลัวทำไมครับ
 ขึ้นศาลสู้คดีพิสูจน์ความบริสุทธ์ไปเยย :slime_v:
หนีไปเฉยๆแบบนี้ มัน คาราคาซังนะครับๆๆ

ข่าวเค้าบอกยังงั้นนี่ครับ ทางฝ่ายไทยตามไปเจรจาถึงแดนมาเลย์ เค้าอ้างแบบนั้นผ่านกงศุลไทยด้วยซ้ำ

ขนาด ทนายสมชายหายไป นายกหน้าเหลี่ยมยังบอกทะเลาะกับเมียเดี๋ยวก็กลับ...ป่านนี้หมอพรทิพย์ยังหาซากไม่เจอ

ใครบ้างไม่กลัวครับ...ตำรวจไทยยุคทักษิณ มันทำอะไรที่ชั่ว ๆ ได้ทั้งนั้น

ข่าวเขาอ้างงั้นก็เอางั้นหล่ะครับ  ทนายสมชายก็ไม่รุ้หายไปไหนฝีมือใคร
ก็ยังพิสุจน์ไม่ได้ ดูทีวีหมอพรทิพย์ ไปตรวจ กระดูกก็เห็นว่าไม่ใช่ ของทนายสมชาย
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ข่าวว่า "คำสั่งอุ้ม" ออกไปจากทำเนียบเชียวนะ...รู้แล้วจะเหนียว...

ระวังให้ดีเถอะ...พวกชอบสั่งอุ้ม...ของจะเข้าตัว...บาปกรรมมันมีจริง

ok. ครับ...  สำหรับเหตุผล

แม้ผมเองอาจจะรู้สึกว่าเป็นเหตุผลที่บางมาก

สำหรับการประณามว่าใครสักคนเป็นคนไทยชั้นเลว !

ไม่เป็นไรครับ ไม่ว่ากัน ต่างคน ต่างความคิด...

แต่จะว่าไปแล้วผมแสดงความเห็นออกไปก็เพราะ

เป็นห่วงไทยพุทธที่นั่นจริงๆ  ผมรู้ว่าเรื่องนี้ละเอียดอ่อน

แต่ผมไม่ใช่คนสำคัญในสังคม ไม่จำเป็นต้องระวังคำพูด

มากนัก คิดเห็นอย่างไรก็แสดงไปตามนั้น ...

เอ.....  ธรรมดานะ  ก็เป็นนายกเถื่อนเอาปืนไปแย่งเค้ามา ...ด้วยวลีเด็ด... ปล้นนะย่ะ ...แค่อายน่ะจิ๊บๆ

แถมออกเดินสายโชว์ตัว ต่างประเทศอีก  หนา... ด้านขนาดกระเบื้องโอฬาร+5ห่วง เลย นะครับ

แค่นี่จิ๊บๆ  ถ้าเสีย 3จว ชายแดน มันก็เตรียมแถลงอีกว่าเป็นเพราะ ทักษิณณณณณณณณ

---

แล้วตอนนี้ทนายสมชายอยู่ไหนครับ

อย่ามางี่เง่าเลยน่า  :slime_evil:

โถ .ไอ้ TYPE เ้อ้ย โตมาด้วย alpo หรือไงว่ะเนี่ย

 :slime_evil:

ต้นเหตุมาจากทักสิน  ต้นเหตุมาจากทักสิน  ต้นเหตุมาจากทักสิน อยากจะโชว์ พาว โง่ๆ

มานถึงได้บานปลายคุมไม่ได้ไง !!

โถๆๆ คนที่หนีจากอำนาจรัฐ ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐนี่อ่ะนะ
กับคนที่ต้องหนีจากบ้านเพราะโดนภัยคุกคามจากโจรเนี่ยนะเอามาเปรียบเทียบกัน



ส่วนทนายสมชายอ่ะ  ย้าย DSI ไปแล้วไม่ใช่เหรอ รอดูผลเอาว่าใครอยู่เบื้องหลัง :slime_v:

โห่ แน่จริงว่าแถออกนอกประเด็นสิ

ผมถามคุณประเด็นในยุคทักษิณไม่มีคนไทยหนีออกจากพื้นที่ ในเมื่อคุณบอกว่ไม่ยุคทักษิณไม่มีใครหนีออก แล้ว 131 คนมันเป็นใคร

รับปิดชอบคำพูดตัวเองสิฟร่ะ อย่าแถ

ก็คนไทย 131 คนนี่แหละครับที่อาจจะพาทักกี้ไปพบจุดจบที่ศาลโลกก็ได้นะ type เห็นว่า UN ก็กำลัง
หาช่องทางอยู่นะ ถ้ามาเลฯเอาด้วยนายเอ็งจบเห่แน่ๆ................ type เอ๋ย

 :slime_hitted: :slime_hitted:

หนีนั่นมันหนีหมายจับรึเปล่า มันไม่ใช่เพราะโดนโจรมาไล่ฆ่านะเว้ย :slime_hmm:

เรื่อง  UN จะมาก็มาเถอะครับ  เอาผิดให้ได้หล่ะ  ไปขึ้นศาลโลกก็ไป หึหึ
รีบทำเหอะจะทำไรก็ทำตอนนี้ทักษิณไม่มีอำนาจ ถ้ามีแล้วเดี๋ยวจะ อ้างไปอีก :slime_agreed:

ตอบไม่ตรงเป็นประเด็น ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ผมถามคุณประเด็นในยุคทักษิณไม่มีคนไทยหนีออกจากพื้นที่ ในเมื่อคุณบอกว่าไม่ยุคทักษิณไม่มีใครหนีออก

ตอบให้มันตรงประเด็นหน่อย

อย่าใช้สันดานพ่อเหลี่ยมแถอออกนอกประเด็นสิ

หึหึ จะบอกว่า แถ ก็แถเหอะ คงหมด หนทาง เถียงสู้ต่อไปอ่ะสิถามไงก็ตอบแบบเดิม :slime_smile2:
 :slime_smile2: :slime_smile2:หมดปังยาเถียงเลย หยิบเอา แค่ว่า มีคนหนีไม่ดูเหตุผลที่เขาหนี หึหึ

555 ไม่มีปัญญาตอบหล่ะสิ เลยยอมรับว่าแถครับ

ไปหัดเกรียนมาใหม่นะครับ อย่าเพิ่งพล่านครับ ใจเย็นๆ คุณ Type ผมเป็นกำลังใจให้คุณ

ผมยังแถไม่เก่งเท่าคุณหรอกครับ อิอิ  :slime_smile2:
เรื่องเกรียนก็พอได้บ้างนิดหน่อยพอเป็นกะษัย  :slime_smile2:
เลยไม่ค่อยจะออกนอกเรื่องนอกราวได้เก่งเท่าคุณ  :slime_smile2:

จะสู้ต่อไปครับ ขอบคุณสำหรับกำลังใจ  :slime_v:

ไม่ทราบว่าผมไปแถตรงไหนครับ ผมถามยุคทักษิณมีคนไทยหนีออกไป 131 คนครับ คุณบอกไม่มี

ไม่ทราบผมแถประเด็นไหนครับ อย่ามั่วสิครับ  :slime_v:

บัวแก้วเต้นกดขี่มุสลิมระบุผู้นำ'ปาส'บั่นทอนร่วมมือตอก'แม้ว'ไม่รับผิด-โยนสื่

5 กันยายน 2548    กองบรรณาธิการ

รัฐบาลเต้นถูกหากดขี่มุสลิม โฆษกกระทรวงต่างประเทศแถลงโต้มุขมนตรีแห่งรัฐกลันตันวิจารณ์ไม่สร้างสรรค์ บั่นทอนความร่วมมือของ 2 ประเทศ หลายฝ่ายตอก "แม้ว"

    ปิดปากสื่อเพื่อหนีความเป็นจริง  ปชป.เตือนอย่าผูกขาดรักชาติคนเดียว ส.ส.นราธิวาสแฉกฎหมายติดหนวดแผลงฤทธิ์  หน่วยเหนือกำหนดนโยบายวัดปริมาณผู้หลงผิดเข้ามอบตัว  ลูกน้องสนองนายไล่ต้อนผู้บริสุทธิ์เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ชี้ชาวบ้านหวาดผวาหนีเข้ามาเลย์เพราะเชื่อเจ้าหน้าที่ฆ่าโต๊ะอิหม่าม  ผวจ.นราฯ นำทีมบุกเจรจาเจอต้าน อ้างมือที่สามสร้างสถานการณ์
    นายสีหศักดิ์   พวงเกตุแก้ว  อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ออกคำชี้แจงเมื่อวันที่  4 กันยายนนี้ ถึงท่าทีของรัฐบาลไทยในกรณีที่มีรายงานข่าวการให้สัมภาษณ์ของดาโต๊ะ  นิก อาซิซ  ผู้นำพรรค PAS ในรัฐกลันตันและมุขมนตรีแห่งรัฐกลันตัน มาเลเซีย  วิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ รวมทั้งเรียกร้องให้มีการเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ว่าการแสดงทัศนะของดาโต๊ะ  นิก  อาซิซ  ดังกล่าว แสดงถึงการไม่รับรู้หรือสะท้อนถึงเจตนาที่จะไม่พยายามรับรู้ถึงการดำเนิน การของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในภาคใต้  ซึ่งได้เน้นแนวทางการสร้างความสมานฉันท์   การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ  การยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการเสริมสร้างสันติสุขและความมั่นคงในบริเวณชายแดน
    โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า  การวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว จะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ย่อมสวนทางกับความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลมาเลเซียที่ดำเนินการมา อย่างใกล้ชิด  ในการเสริมสร้างความมั่นคงบริเวณแนวชายแดนระหว่างกัน  และการร่วมกันพัฒนาพื้นที่บริเวณชายแดน เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน  ซึ่งรวมทั้งชายแดนบริเวณด้านรัฐกลันตันด้วย   ทั้งนี้  เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศเป็นสำคัญ  ทั้งนี้ ในกรณีเหตุการณ์คนไทย  131 คน ที่ได้เดินทางเข้าไปในมาเลเซียอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายนั้น  ได้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างไทยและมาเลเซียในทุกระดับ  โดยรัฐบาลทั้ง  2 ฝ่ายมีความเข้าใจที่ดีต่อกัน  และได้กำหนดแนวทางร่วมกันที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นบนพื้นฐานของความเป็น เพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน
    "ในภาวการณ์ปัจจุบันที่รัฐบาลของทั้ง   2  ประเทศกำลังดำเนินความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด จึงมีความจำเป็นที่บุคคลระดับสูงของทั้งสองฝ่ายต้องหลีกเลี่ยงการแสดงทัศนะ ใดๆ   ที่จะส่งผลบั่นทอนต่อความพยายามร่วมกันของรัฐบาลทั้ง   2  ประเทศที่จะร่วมมือกันส่งเสริมความมั่นคงในบริเวณชายแดนทั้ง 2  ประเทศ  และการสร้างการกินดีอยู่ดีของประชาชนทั้ง  2  ฝ่าย ทัศนคติของมุขมนตรีแห่งรัฐกลันตันนอกจากจะส่งผลกระทบข้างต้นแล้ว  ยังจะบั่นทอนต่อความพยายามของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาในภาคใต้บนพื้นฐานแนว ทางสมานฉันท์อีกด้วย" นายสีหศักดิ์ระบุ
    "แม้ว" ป้ายสื่อหวังกลบข่าว
    ช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา   หลายฝ่ายได้ออกมาแสดงความเห็นแย้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้สื่อมวลชนหยุดเสนอข่าวคนไทย  131 คนหนีภัยความรุนแรงใน  3  จังหวัดชายแดนภาคใต้  เข้าไปหลบซ่อนตัวในเขตประเทศมาเลเซียและถูกจับกุม  นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวว่า  จุดประสงค์ของนายกรัฐมนตรีคือต้องการให้เรื่องนี้เงียบหายไปเฉยๆ ซึ่งคิดว่ายิ่งจะสร้างความไม่เข้าใจให้คนที่เกี่ยวข้องและผู้ที่รับรู้ ข่าวสาร รัฐบาลควรออกมาทำความชัดเจนว่าปัญหาเกิดขึ้นจากอะไร ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็มีจุดยืนชัดเจนว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาภายในที่เราจะ ต้องแก้ไขกันเอง รวมทั้งสร้างความเข้าใจกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย
    นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า  หากการอพยพหนีภัยของคนไทย  131 คนเป็นไปตามคำพูดของ รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย   ที่ว่าเกิดความเข้าใจผิด  ชาวบ้านคิดว่าเจ้าหน้าที่จะทำร้าย รัฐบาลก็ยิ่งต้องเร่งทำความเข้าใจ  สร้างความมั่นใจให้ประชาชนในพื้นที่โดยเร็ว หรือหากเป็นการสร้างสถานการณ์ของคนบางกลุ่ม รัฐบาลก็ต้องหาว่าบุคคลนั้นคือใคร
    ในส่วนที่นายกรัฐมนตรีได้เชิญ   ส.ส.ภาคใต้ของฝ่ายค้านเข้าหารือสะท้อน ปัญหาในกลางสัปดาห์นี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า  วันจันทร์และอังคารนี้  พรรคจะสรุปประเด็นข้อเสนอต่างๆ  โดยข้อเสนอที่จะเสนอต่อรัฐบาลนั้น จะมีการเฉพาะเจาะจงเป็นประเด็นๆ ไป โดยเฉพาะเรื่องที่ละเอียดอ่อน
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้นายกฯ ใจเย็นๆ  และมองปัญหาอย่างแยกแยะกรณีคนไทยอพยพเข้ามาเลเซีย  การเสนอข่าวของสื่อมวลชนเป็นไปตามข้อเท็จจริง นายกฯ จึงไม่ควรห้ามสื่อ  เพราะสื่อก็มีเลือดไทยเข้มข้นเช่นเดียวกับนายกฯ จึงไม่อยากให้นายกฯ มองสื่อในแง่ร้าย หรือแม้สื่อไทยไม่เสนอข่าวนี้ เหตุดังกล่าวก็เป็นข่าวแพร่ไปทั่วโลกอยู่แล้ว
    "ที่นายกฯ ระบุว่ามีวิชามารอยู่เบื้องหลังนั้น  ก็เป็นหน้าที่ของนายกฯ ต้องจัดการกับมารดังกล่าวมากกว่าการออกมาพูดด้วยอารมณ์"
    นายองอาจกล่าวว่า ไม่มีคนไทยคนไหนในประเทศอยากย้ายไปประเทศอื่นหากไม่มีเหตุการณ์อะไรมากระทบ ต่อชีวิตของพวกเขา  ส่วนการนัดหารือเพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ระหว่าง ส.ส.ฝ่ายค้านกับนายกฯ นั้น พรรคจะระดมข้อมูลอีกครั้งในวันที่ 6 ก.ย.นี้ ก่อนมอบหมายให้ ส.ส.ของพรรคไปพูดคุยกับนายกฯ ในวันที่  8 ก.ย. โดยจะมี ส.ส.ในจังหวัดนราธิวาส  ปัตตานี ยะลา และสงขลา ภายใต้การนำของนายไตรรงค์  สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรค  โดยมี ส.ส.ภาคใต้ของพรรคชาติไทย 1 คนร่วมด้วย ทั้งนี้ พรรคเชื่อมั่นว่าข้อมูลที่จะนำเสนอต่อนายกฯ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง หากนายกฯ และรัฐบาลจะนำไปแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้
    แฉเหตุชาวบ้านเผ่นเข้ามาเลย์
    นายเจะอามิง  โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พรรคได้ส่งทีมงานไปสอบถามข้อมูลที่เป็นจริงจากคนไทย  131 คนที่อพยพเข้ามาเลเซียแล้ว  พบว่าประชาชนที่อพยพไป  เกิดความกดดันจากนโยบายสร้างภาพของรัฐบาลที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองต้องการ ให้มีคนมามอบตัวจากกรณีความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้  โดยเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงให้นโยบายเจ้าหน้าที่ระดับล่างเป็นทอดๆ   ให้นำประชาชนที่หลงผิดมามอบตัวให้มากที่สุด  จึงทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้น "ลูกน้องต้องการเอาใจนาย   สนองนโยบายนาย  บางพื้นที่ถึงกับมีการร้องขอให้ประชาชนบริสุทธิ์ช่วยเข้ามามอบตัวทั้งที่ ไม่มีความผิด   ซึ่งประชาชนเหล่านี้ไม่ยอมให้ความร่วมมือ เพราะตัวเองไม่มีความผิดและไม่ต้องการให้มีประวัติที่มีปัญหาเกี่ยวกับความ มั่นคง  เมื่อมีแรงกดดันข่มขู่ต่างๆ นานา ทำให้ประชาชนหมดที่พึ่ง เพราะนอกจากกลัวอำนาจมืดแล้วต้องมากลัวอำนาจรัฐอีก และหาทางออกไม่ได้จึงอพยพทิ้งถิ่นฐานไปขออาศัยอยู่กับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้" นายเจะอามิงกล่าว
    ส.ส.นราธิวาสเรียกร้องให้รัฐบาลทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่อย่างเร่ง ด่วน  ให้ความมั่นใจว่าอำนาจรัฐจะไม่รังแกประชาชน และไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีกในอนาคต
    นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า การทำหน้าที่ของสื่อหรือฐานันดรที่ 4 ถือเป็นกระจกเงาบานใหญ่ เป็นตัวตนของสังคมไทย ที่จะสะท้อนภาพความเป็นจริงของสังคมในการนำเสนอปัญหาพื้นที่   3  จังหวัดชายแดนภาคใต้  ซึ่งสื่อก็ต้องตระหนักในเรื่องความมั่นคงและเสถียรภาพของประเทศไทยอยู่แล้ว ข่าวที่ออกมาได้สะท้อนถึงความห่วงใย และต้องการเห็นแนวทางที่ชัดเจนของรัฐบาลในการแก้ปัญหาคนไทย 131 คนที่กำลังทิ้งแผ่นดิน เพราะเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง
    "พรรคฝ่ายค้านอยากเห็นรัฐบาลทำความกระจ่างว่าทั้ง  131  คนอยู่ที่ไหน  ทำอย่างไรจึงจะมาพูดความจริงได้  เพราะต่างพูดกันไปเองว่าเหตุที่หนีไปเนื่องจากไม่สามารถพึ่งอำนาจรัฐได้    อยู่แล้วไม่ปลอดภัย  จะเป็นความจริงหรือไม่ก็ไม่ทราบ" นายสมศักดิ์กล่าว  และว่า ตนเป็นห่วงเรื่องการใช้   พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน  ที่ผ่านมา  1  เดือนแล้ว ทำให้ประชาชนอกสั่นขวัญแขวนไม่มีความเชื่อมั่นและถูกคุกคามจากอำนาจรัฐนั้น จริงหรือไม่ หากเป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่ออำนาจรัฐจะเป็นอันตราย อย่างใหญ่หลวง  เหมือนกับการที่  รมว.ต่างประเทศของมาเลเซีย  ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องรับฟัง และรีบสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับประชาชนว่าสามารถใช้อำนาจรัฐคุ้ม ครองดูแลให้ความสงบสุขแก่ประชาชนได้
    "การที่คนต่างประเทศมองว่ารัฐบาลไม่มีอำนาจแล้วจึงทำให้คนในประเทศต้องหลบ หนีทิ้งแผ่นดินไปอาศัยอำนาจรัฐที่อื่น ถือเป็นเรื่องอันตราย และการที่นายกฯ ออกมาบอกให้ทุกฝ่ายหยุดพูดแล้วคิดว่าจะดีขึ้นนั้น  มันกลับตรงกันข้าม  เพราะถ้าหยุดพูดหรือไม่ให้นำเสนอข้อมูล ไม่มีเสียงสะท้อนใดๆ ออกมาจะยิ่งเกิดความอึมครึมมากขึ้น  ทำให้รู้สึกเคลือบแคลงมากยิ่งขึ้น  ดังนั้นรัฐบาลต้องพูดให้ชัด ต้องกล้าให้คนที่รู้จริงออกมาพูด  เพราะรัฐบาลมีหน้าที่แก้ปัญหา  ไม่ใช่หมกปัญหาหรือซุกปัญหาด้วยการไม่ให้พูด ปิดหูปิดตา ไม่ให้ผู้คนรับรู้หรือมีส่วนร่วมกับการแก้ปัญหาของคนทั้งประเทศ เพราะนี่คือระบอบประชาธิปไตย"
    นายชูวิทย์  กมลวิศิษฏ์  รองหัวหน้าพรรคชาติไทย  กล่าวว่า  การที่นายกฯ ห้ามพูดเรื่องนี้ สร้างความหวาดวิตกให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก  ตนขอถามว่าทำไมสื่อจึงพูดเรื่องนี้ไม่ได้ในเมื่อเป็นความจริง  ถ้านายกฯ อยากให้เรื่องนี้เป็นไปด้วยดี  นายกฯ ก็ควรเริ่มต้นด้วยการขอโทษประชาชนต่อทุกๆ สิ่งที่ได้ทำผิดไป  แต่การที่นายกฯ ห้ามไม่ให้เสนอข่าว  สิ่งที่จะตามมาคือจะมีหน่วยงาน องค์กรอิสระ องค์กรสิทธิมนุษยชนเข้ามายุ่มย่ามกับเรามากขึ้น  เพราะตอนนี้เขากำลังจับตาจ้องมองเราอยู่ว่าสถานการณ์ของไทยจะเหมือน สถานการณ์ของกลุ่มอาเจะห์ในอินโดนีเซียหรือไม่
    เตือนฆ่าโต๊ะอิหม่ามประเด็นเดือด
    นายอับดุลเราะห์มาน  อับดุลซามัด ประธานคณะกรรมการกลางอิสลามจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า  ชาวบ้านจากอำเภอสุไหงปาดี  จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นญาติของคนไทยมุสลิม 131 คนที่หลบหนีเข้ามาเลเซีย  และญาติของนายสะตอปา ยูโซ๊ะ โต๊ะอิหม่ามมัสยิดบ้านระหาร  ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต  มาหาตนและบอกว่าที่คนไทย  131  คนหลบหนีออกจากพื้นที่  เป็นเพราะรู้สึกกดดันและเกรงกลัวการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่  ซึ่งคนที่ยังอยู่ในพื้นที่  อยู่ระหว่างชั่งใจว่าจะทำอย่างไร หากรัฐไม่ทำความเข้าใจในเรื่องนี้ ก็มีแนวโน้มว่าชาวบ้านอีกจำนวนมากจะหลบหนีเข้าประเทศมาเลเซีย
    นายมิมะนาเซ  สะมะอารี  นายกสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า การที่คนไทย 131 คนหลบหนีเข้ามาเลเซียและถูกจับกุม  จากการสอบถามข้อมูลจากคนในพื้นที่ ทราบว่าการอพยพเข้าไปในรัฐกลันตันของคนไทยกลุ่มดังกล่าว  น่าจะเกิดจากการที่ภาครัฐไปกดดัน โดยเฉพาะหลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศใช้  พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ได้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่มากเกินไป
    "เท่าที่ทราบคือทางผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ได้ทำหนังสือถึงนายอำเภอ ทุกอำเภอในพื้นที่  ให้นำกลุ่มวัยรุ่นที่หลงผิดเข้ามามอบตัว  และหากไม่เข้ามอบตัว  ก็มีคำขู่ว่าทางการจะเข้าไปจับกุมตัวโดยทันที ซึ่งในส่วนนี้ผมเข้าใจว่าผู้ที่หลบหนีเข้าไปในประเทศมาเลเซียคงเกิดความกด ดัน  ที่สำคัญคือพวกเขาไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร  โดยเฉพาะหลังจากเกิดเหตุยิงนายสะตอปา    ยูโซ๊ะ  โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดบ้านละหาร อ.สุไหงปาดี ทั้งนี้เพราะชาวบ้านในพื้นที่มีข้อมูลว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นฝีมือของ เจ้าหน้าที่ของรัฐ" นายมิมะนาเซระบุ
    นายกสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทยกล่าวว่า  การประกาศใช้ พ.ร.ก.เปรียบเสมือนละครฉากหนึ่งที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่ เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ อีกทั้งจนถึงขณะนี้ตนเชื่อว่ารัฐบาลก็ยังไม่ทราบเลยว่าผู้ใดเป็นผู้อยู่ เบื้องหลังเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นทั้งหมด และเห็นว่าเมื่อรัฐบาลประกาศและบังคับใช้ พ.ร.ก.แล้วก็ยังไม่ทำให้เหตุการณ์ในพื้นที่ดีขึ้น  แต่ในทางกลับกัน ยิ่งส่งผลให้เหตุการณ์เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    ส.ว.นัดถกคณะทำงานถูกลอบยิง
    นายไกรศักดิ์  ชุณหะวัณ  ส.ว.นครราชสีมา และประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ    วุฒิสภา กล่าวว่า การที่คนไทย 131 คนลี้ภัยยังประเทศมาเลเซีย แสดงให้เห็นชัดเจนว่าประชาชนใน  3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รู้สึกไม่ปลอดภัย  จึงต้องไปหาที่อยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยกว่า  ที่ตนทราบว่าโยงไปถึงการฆ่าโต๊ะอิหม่ามที่พวกเขานับถือ  ทำให้ทุกคนหวาดกลัวและหลบหนี   การที่รัฐบาลรีบร้อนออกมาระบุว่าการอพยพดังกล่าวเป็นการจัดฉาก  โดยที่ไม่สอบสวนข้อเท็จจริงเสียก่อนจึงไม่สมควรอย่างยิ่ง  ซึ่งแม้แต่คณะทำงานของตนก็ยังถูกลอบยิงอาการสาหัส  จึงจะนำเรื่องนี้เข้าหารือในคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์   วุฒิสภา ที่มี นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ส.ว.อุบลราชธานีเป็นประธาน ในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่  นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ส.ว.อุบลราชธานี กล่าวว่า การที่คนไทย 131 คนหลบหนีเข้ามาเลเซีย    สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของการประกาศใช้  พ.ร.ก.  ที่ออกมาไม่ตรงกับความต้องการของคนในพื้นที่ หากรัฐบาลต้องการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น รัฐต้องจริงใจต่อประชาชน  ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูล หรือกล้าเปิดเผยความจริง ไม่ใช่ออกมาตำหนิติติงสื่อว่าไม่ควรเสนอข่าว
    "ตอนนี้รัฐบาลกำลังนำประเด็นรักชาติ   ไม่รักชาติ  มาปลูกฝังให้คนไทยเข้าใจแบบผิดๆ ว่าคนที่รักชาติคือคนที่เห็นด้วยกับรัฐบาล   ส่วนพวกที่ไม่รักชาติคือคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลและไม่เอา  พ.ร.ก. หากรัฐใช้แนวคิคแบบนี้ประชาชนที่บริสุทธิ์ก็จะเดือดร้อนอีกมากมาย" นพ.นิรันดร์กล่าว
    คุกคามนักสิทธิมนุษยชน 3 จว.
    ที่มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.)   มีการแถลงกรณีการคุกคามนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและชาวบ้าน 131 คนอพยพเข้ามาเลเซีย
    นายสมชาย  หอมละออ  ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ กล่าวว่า ขณะนี้ภัยคุกคามนักสิทธิมนุษยชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทวีความรุนแรงขึ้นมาก ทั้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รัฐบาลจึงควรส่งคนไปให้ความคุ้มครองบุคคลเหล่านี้  เพราะถือเป็นผู้ที่ทำหน้าที่เผยแพร่ข่าวสารให้กับสังคมรับทราบ ซึ่งเป็นผลดีต่อนโยบายสมานฉันท์ของรัฐบาล  ส่วนกรณีการลอบยิงนายสะตอปา อาแว คณะทำงานด้านคนหาย  ก็ขอเรียกร้องให้รัฐบาลติดตามหาคนทำผิดมาลงโทษ  ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือใครก็ตาม
    "เหตุการณ์ที่คนไทยลี้ภัยไปมาเลเซีย   ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าบ้านเมืองไทยไม่ปกติจริง เหมือนกับที่พม่าและเขมรอพยพเข้าประเทศไทย  วันนี้สถานการณ์ภาคใต้ยังมีการลอบฆ่าผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมชาวบ้านต้องหลบไปอยู่ในที่ปลอดภัย"
    นายสมชายกล่าวว่า  การที่ไทยเรียกร้องให้ทางการมาเลเซียส่งตัวคนไทยกลับมานั้น คงไม่มีประโยชน์อะไร แต่จะยิ่งขายหน้า เพราะคนไทยเหล่านี้มีสิทธิ์ได้รับการดูแลตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติก็ส่งคนไปดูแลอยู่แล้ว รัฐบาลจึงควรแก้ปัญหาที่ต้นตอ หากปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อ สุดท้ายภาคใต้จะเป็นประเด็นปัญหาระหว่างประเทศ
    นายสุริยะใส   กตะศิลา  เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)   กล่าวว่า ครป.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดทางให้คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่ง ชาติ (กอส.) เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับภาครัฐ  เพื่อสร้างความกระจ่างต่อประชาชน เพราะรัฐบาลพยายามบอกว่าคนไทยมุสลิม  131  คนลักลอบเข้าไปทำงานบ้าง  หรือมีนักการเมืองท้องถิ่นหนุนหลัง แต่ก็ต้องดูด้วยว่าเรื่องนี้เป็นผลมาจากการบังคับใช้   พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่  หากการลี้ภัยครั้งนี้เป็นผลจากการบังคับใช้กฎหมายจริง  ก็ย่อมสะท้อนชัดเจนว่ารัฐบาลยังไม่ได้นำแนวทางสมานฉันท์มาใช้อย่างจริงจัง ยังไม่สามารถขจัดเงื่อนไขความหวาดระแวงในพื้นที่ได้
    "วันนี้ต้องขอบคุณสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวเรื่องนี้   ไม่มีประโยชน์ที่รัฐบาลจะห้ามสื่อเสนอข่าว เพราะสำนักข่าวต่างประเทศก็คงได้ข่าวนี้ และเป็นเรื่องน่าอับอายยิ่งกว่าถ้าสำนักข่าวของไทยไม่รู้ แต่ต่างประเทศรู้" นายสุริยะใสกล่าว
    น.ส.กชวรรณ   ชัยบุตร เลขาธิการสมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) กล่าวว่า  สมัยก่อนตนและเพื่อนๆ  ในองค์กรสามารถสอบถามข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์กับเพื่อนๆ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  แต่หลังจากมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ ตนและเพื่อนๆ ไม่สามารถติดต่อกันได้อีกเลย เพราะมีการดักฟังโทรศัพท์  นี่คือสิ่งที่แสดงออกถึงความไม่จริงใจของรัฐ   จึงคิดว่ารัฐบาลน่าจะยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้
    ชี้มือที่สามยิงโต๊ะอิหม่าม
    วันเดียวกัน   นายประชา  เตรัตน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส   ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง ในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี เพื่อหาข้อสรุปในการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านในพื้นที่บ้านละหาร เหนือ  หมู่   8  ต.ปะลุรู   อ.สุไหงปาดี   กับเจ้าหน้าที่  หลังคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงนายสะตอปา ยูโซ๊ะ อายุ 53  ปี  โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดบ้านละหารเหนือ  เสียชีวิตเมื่อวันที่  31 ส.ค. 48 โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ในพื้นที่ปักใจเชื่อว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่  ส่งผลให้ประชาชนใน 4 อำเภอ จำนวน 131 คน อพยพไปยังประเทศมาเลเซีย
    การประชุมดังกล่าวเป็นไปอย่างเคร่งเครียดประมาณ  1 ชั่วโมง สรุปว่าการสังหารนายสะตอปาเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อให้เจ้าหน้าที่กับประชาชนเกิดความแตกแยก  โดยมีระดับแกนนำกลุ่มผู้ไม่หวังดีประมาณ 3 คน อยู่เบื้องหลังเป่าหูชาวบ้านให้อพยพเข้ามาเลเซีย
    หลังการประชุมเสร็จสิ้น   ผวจ.นราธิวาสได้นำคณะเดินทางไปยังบ้านเลขที่  25 หมู่ 8 บ้านละหารเหนือ  ซึ่งเป็นบ้านของนายสะตอปา ยูโซ๊ะ ผู้เสียชีวิต เพื่อเข้าเยี่ยมเยียนทำความเข้าใจกับภรรยาและเครือญาติ  โดยทางขบวนได้จัดให้มีกองกำลังตำรวจ  ทหาร  และ อส.ฝ่ายปกครองติดตามไปด้วยเพื่อคุ้มกัน   แต่เมื่อถึงจุดหมายได้มีกลุ่มแม่บ้านและเด็กนักเรียนตาฎีกาประจำมัสยิดบ้าน ละหารเหนือกว่า 100 คน รวมตัวกันปิดถนนทางเข้ามัสยิดไม่ให้คณะนายประชาและสื่อมวลชนผ่านเข้าไป โดยบรรดาเด็กๆ และวัยรุ่น  อายุระหว่าง 10-15 ปีทั้งชายและหญิง กล่าวว่า "หมู่บ้านนี้ไม่ต้อนรับเจ้าหน้าที่ที่รังแกประชาชน"  เด็กบางคนถือไม้แสดงอาการโกรธแค้น  ด้วยการใช้ท่อนไม้เคาะลงกับพื้นถนน  จนเจ้าหน้าที่และทีมสื่อมวลชนต้องถอยออกไปยังถนนใหญ่
    อย่างไรก็ตาม  จากการเจรจา ชาวบ้านก็ยอมให้ ผวจ.นราธิวาสและสื่อมวลชนส่วนหนึ่งเข้าไปได้ ยกเว้นเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองที่ชาวบ้านไม่ยอมให้เข้าหมู่บ้านโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ นักเรียนตาฎีกา 1 คนได้สวดอาซานผ่านเครื่องขยายเสียงเพื่อเป็นสัญญาณเตือนคนในหมู่บ้านเตรียม พร้อมรับสถานการณ์  ขณะที่ชายฉกรรจ์นับร้อยคนในหมู่บ้านไม่ยอมปรากฏตัวให้เจ้าหน้าที่เห็น  แต่สุดท้ายก็ไม่มีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น โดยคณะ ผวจ.นราธิวาสได้เดินทางกลับในอีกเส้นทางหนึ่งซึ่งอ้อมกว่าเพื่อความปลอดภัย
    ในการชี้แจงต่อญาตินายสะตอปา   ผวจ.นราธิวาสกล่าวว่า พร้อมจะให้ความเป็นธรรมในเรื่องนี้ แต่เบื้องต้นไม่ควรปักใจว่าคนร้ายคือเจ้าหน้าที่ ขอให้มีการสืบสวนสอบสวนก่อน
    นายประชาให้สัมภาษณ์ว่า   เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่  อ.สุไหงปาดีครั้งล่าสุด มีแนวร่วมอย่างน้อย 3  คนปลุกระดมชวนเชื่อชาวบ้านให้ออกนอกพื้นที่  ซึ่งผู้ปลุกระดมก็เดินทางปะปนไปกับชาวบ้านทั้ง   131 คน และต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง ก่อนที่จะถูกส่งกลับมายังภูมิลำเนา และจะมีการตรวจสอบรายชื่อต่อไป
    จะขอลี้ภัยทำได้ยาก
    มีรายงานว่า  คนไทย  131  คนที่ถูกทางการมาเลเซียจับกุม ขณะนี้ยังถูกควบคุมไว้ที่สถานกักกันด่านตรวจคนเข้าเมืองตาเนาะแมเราะ   ต.ปาเสมัส  รัฐกลันตัน โดยเมื่อเย็นวันเสาร์  นายสุโข ภิรมย์นาม   กงสุลใหญ่เมืองโกตาบารู  พร้อมเจ้าหน้าที่ไทย ได้ประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการมาเลเซียที่กรุงกัวลา ลัมเปอร์  เพื่อเจรจาในรายละเอียดเกี่ยวกับการช่วยเหลือ โดยเฉพาะเรื่องการส่งตัวคนไทยกลับประเทศ แต่ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ในเรื่องการปล่อยตัวคนไทยว่าจะเป็นวันใด เนื่องจากเป็นอำนาจการตัดสินใจของรัฐบาลกลางมาเลเซีย
    สำหรับคนไทยที่ถูกจับกุม ได้รับการปฏิบัติดูแลจากเจ้าหน้าที่มาเลเซียเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องอาหารการกินและที่พักอาศัย   ในขณะเดียวกันประชาชนชาวมาเลเซียเองก็เห็นใจในชะตากรรมของคนไทยกลุ่มนี้ จึงได้ช่วยกันบริจาคเงินมอบให้จำนวน 3 พันริงกิต หรือประมาณ 3 หมื่นบาท
    นายศิริศักดิ์   ติยะพรรณ  โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า วันที่ 5 ก.ย.นี้ สำนักงานอัยการสูงสุดคงได้รับคำสั่งจากรัฐบาลให้ประสานความช่วยเหลือคนไทย ที่ถูกมาเลเซียจับกุม  ซึ่งคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะไทยและมาเลเซียมีความร่วมมือต่อกันอยู่แล้ว  ในส่วนของคนไทยที่ถูกจับกุม    หากจะขอลี้ภัยในมาเลเซียโดยอ้างความไม่ปลอดภัยหลังการประกาศใช้  พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน  ก็จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์  และได้รับการรับรองจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR)
    ด้านสถานการณ์ความรุนแรงยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง  นายธำรง  ลิ้มเจริญ  อายุ 48 ปี มีอาชีพหาของป่า  ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านในท้องที่หมู่ 2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เพื่อออกไปหาของป่า ระหว่างทางถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต คาดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์
    นายไพศาล   พรหมยงค์  คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ  (กอส.) กล่าวว่า การแก้ปัญหาสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล ยังมีความสับสนมาตลอด ล่าสุดเอาดาราไปขายสินค้าถูก  หรือจะติดตั้งยูบีซีถ่ายทอดฟุตบอล  รวมทั้งมีรายการที่อาจจะไม่เหมาะหรือขัดต่อศาสนาอิสลาม
    "เวลานี้การกระทำของรัฐบาลทำให้ชาวบ้านมองในภาพลึกว่ารัฐบาลรับจ๊อบมาทำลาย สังคมมุสลิมหรือเปล่า  เขามองเลยว่าท่านทักษิณไปรับนโยบายของพวกยุโรปตะวันตกมาทำลายศาสนาและ วัฒนธรรมของคนในพื้นที่  ที่คิดว่าจะติดยูบีซีให้คนดูบอลในขณะที่รัฐบาล กำลังปราบปรามโต๊ะรับพนันบอล เรื่องนี้แค่คิดก็บ้าแล้ว" นายไพศาลกล่าว
    นายไพศาลกล่าวว่า   ประมาณกลางเดือนนี้  กอส.จะสรุปข้อมูลเบื้องต้นเพื่อส่งให้นายกรัฐมนตรี จากนั้น  กอส.ก็จะยุบตัวลง  ที่ผ่านมา  กอส.เคยเสนอกับรัฐบาลที่จะทำอะไรหลายอย่าง  แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง
    "แต่เรื่องบ้าๆ กลับไปตอบสนอง โดยเฉพาะเรื่องยูบีซี เป็นเรื่องผลประโยชน์เพื่อหาที่ระบายสินค้า ขยายเครือข่ายเท่านั้น"
    นายไพศาลกล่าวว่า  ข่าวในภาคใต้ที่ผ่านมามักออกจากปากคนในรัฐบาล แต่นายกฯ ก็กลับมาโทษการนำเสนอข่าวของสื่อ  อีกทั้งการปฏิบัติของรัฐบาลมักจะสวนทางกับคำพูดของรัฐบาลที่บอกว่าต้องการ ให้ประชาชนเข้ามาเป็นแนวร่วม เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่รัฐยังมองว่าประชาชนคือตัวปัญหา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ก็จับกุมผู้หญิงที่เรียนจบมาจากประเทศจอร์แดนเพียงแค่มี เอกสารเรื่องรัฐปัตตานี ซึ่งปกติแล้วเอกสารดังกล่าวมีอยู่ทั่วไป  ในเว็บไซต์ก็มีเต็มไปหมด  ผู้หญิงคนนี้เพิ่งคลอดลูกได้  6 เดือน ลูกยังกินนมแม่อยู่ แต่มีนายทหารยศพันเอกคนหนึ่งไปประกันตัวออกมา เจ้าหน้าที่จับกุมผู้หญิงคนนี้มาเพื่อที่จะต่อรองให้พี่ชายที่หนีไปเข้ามอบ ตัว
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=5/Sep/2548&news_id=112555&cat_id=501

ถ้าหนีหมายจับ หมายจับคดีอะไรครับ และมีกี่คนที่โดนหมายจับ กี่คนที่บริสุทธิ์ และทั้งหมดนั่นเป็นคนไทยหรือไม่ หรือแค่นับถือต่างศาสนากับคุณก็ไม่ถือเป็นคนไทยแล้ว

ว่าจะไม่อยากเอาเหตุผลเรื่องศาสนามาพูดแล้วนะ แต่อดไม่ได้
คนไทยพุทธ เขาก็อยู่ของเขาดีๆแต่โดนโจร คุกคามจนเขาไม่กล้าที่จะอยู่
ส่วน มุสลิมที่หนีออกจากไทย ทักษิณไม่ได้ไปไล่หรือคุกคามอะไรเขาเลย
แต่เขาก็ไปด้วยเรื่องศาสนา ทั้งที่ประเทศไทยเราก็ไม่ได้จะแบ่งแยกกันเรื่องศาสนา
จะอยู่ก็อยู๋ได้

แล้วตกลงเขาเป็นคนไทยไหมครับ อพยพหนีตอนทักษิณเป็นนายกไหมครับ

คณะ "เจ้ากรมข่าวทหาร" ไป รัฐตรังกานู พบ 131คนไทย-รัฐบาลมาเลเซีย 24-26 ต.ค.นี้
   เจ้ากรมข่าวทหาร บก.สส. จะนำทีมเจรจาไปพบ ตัวแทนรัฐบาลมาเลเซียและคนไทย 131 คน ที่รัฐตรังกานู ในวันที่ 24-26 ต.ค.นี้ คาดอาจจะได้ ผู้หญิงและเด็ก 60 คน กลับบ้านชุดแรก ส่วนผู้ชาย แกนนำ และ ผู้ก่อเหตุ โดยเฉพาะอดีตม็อบตากใบ อาจยังไม่ยอมกลับ

พลเอก เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ได้แต่งตั้ง พลโท ชยาศิษย์ ลิ้นทอง เจ้ากรมข่าวทหาร บก.สส. เป็นหัวหน้าคณะเจรจาประสานงานกับรัฐบาลมาเลเซีย ในการประสานให้คนไทย 131 คน กลับบ้าน โดยจะเดินทางไป รัฐตรังกานู ที่คุม 131 คนไทย ในวันที่ 24-26 ตุลาคม นี้

โดยคณะของ พลโท ชยาศิษฐ์ มีเจ้าหน้าที่ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทหาร ผู้นำมุสลิมท้องถิ่น ชุดประสานงานชายแดนไทย-มาเลเซีย และ Local Team ที่ สมช.ได้แต่งตั้งไว้

พลเอก เรืองโรจน์ กล่าวว่า พลโท ชยาศิษย์ ได้ใช้ความพยายามและช่องทางต่างๆประสานกับมาเลเซีย หลายครั้ง และได้เคยเดินทางไปพบ ตัวแทนคนไทย 6 คนจาก 131 คน ที่ เมืองตาเนาะแมเราะ รัฐกลันตัน ของมาเลเซีย ก่อนหน้านี้แล้วครั้งหนึ่ง

พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า คณะของ พล.ท.ชยาศิษฐ์ ลิ้นทอง เจ้ากรมข่าวทหาร กอง เดินทางไปที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อไปคุยกับ นายกันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในเรื่องต่างๆ ที่เรามีข้อมูลอยู่ในกรณีของ 131 คนไทย เพื่อที่ว่ากระทรวงการต่างประเทศจะได้รับข้อมูลจากเราและไปดำเนินการต่อไป แล้ว

“ผมคิดว่าถ้าพูดคุยกันดีรู้เรื่อง มันก็แก้ไขปัญหากันได้ ไม่น่ามีปัญหาอะไร ในอนาคตผลของออกมาได้ดี แต่ต้องเข้าใจว่าการพูดคุยต้องใช้เวลาพอสมควร “ พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าว

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ถ้าพูดถึงความสัมพันธ์ทางด้านการทหารระหว่างกองทัพไทย กับ มาเลเซีย ดีมาก เนื่องจากเรามีคณะกรรมการประสานงานระดับกองทัพ ที่มีตนและ ผบ.สส.เป็นประธานร่วมกัน ก็พูดคุยกันทุกเรื่อง ไม่เฉพาะกรณี 131 คนไทย ดังนั้นความสัมพันธ์ทางทหารดีมาก ๆ ซึ่งถ้ามีโอกาสการใช้ช่องทางนี้ในการแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ เราก็จะทำ แต่ในตอนนี้เราก็จะใช้วิธีการคุยกันไปเรื่อยๆ ส่วนความสัมพันธ์ทางด้านการฑูตระดับประเทศนั้น ตนไม่อยากมองก้าวล่วงไป แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา

เมื่อถามว่า คิดว่าปัญหา 131 คนไทยจะถูกยกกระดับจนนำเข้าไปพิจารณาใน โอไอซี หรือไม่ พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า “ในความคิดส่วนตัว ผมคิดว่าไม่น่าจะถึงโอไอซี ที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวมากมาย เพราะความจริงแล้วเป็นเรื่องในบ้านเรา เป็นเรื่องของเรา

แหล่งข่าว กล่าวว่า ตัวแทนคนไทย 6 คน ได้อ้างสาเหตุที่ต้องหนีไปมาเลเซียว่า เพราะมีคนมาปล่อยข่าวลือว่าจะมีการจับกุมเพิ่มเติม โดยเฉพาะบรรดาอดีตผู้ชุมนุม หน้าสภอ.ตากใบ เมื่อ 25 ต.ค.2547 และเกรงกลัวต่อการใช้ พรก.ฉุกเฉิน ที่ทำให้ทหารมีอำนาจมาก อาจปฏิบัติต่อประชนอย่างไม่เป็นธรรม และ เกรงกลัวต่อ ผู้ที่มาปล่อยข่าวว่าให้ หนีไปมาเลเซีย เพราะถ้าไม่ไป ก็กลัวอันตรายจาก ขบวนการฯ รวมทั้งกลัวต่อสถานการร์รุนแรงรายวันที่เกิดขึ้นด้วย

แหล่งข่าว กล่าวว่า ในจำนวน 131 คนไทยนี้ ประมาณครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 60 คน เป็นผู้หญิงและเด็ก ที่ต้องหนีอพยพตามบิดา โดยคณะของ พลโท ชยาศิษย์ คาดว่า หากจะนำคนไทยกลับบ้านชุดแรก ก็น่าจะเป็น จำนวน 60 คนนี้

แหล่งข่าว กล่าวว่า ในจำนวน 131 คนไทย มี แกนนำม็อบตากใบ 5 คน โดยจำนวน 1 คน มีหมายจับ และอีก 2 คน เคยร่วมในการสังหารและก่อเหตุใน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งคาดว่าจะไม่ยอมกลับ

แหล่งข่าว กล่าวว่า จะต้องดูท่าทีของรัฐบาลมาเลเซียด้วยว่า จะเล่นเกมากรเมืองระหว่างประเทศกับไทยอย่างไร เนื่องจากตอนนี้กำลังมีวิวาทะกันอยู่ อีกด้วย

พันเอก อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบกแถลงข่าวทางไกลผ่านดาวเทียมด้วยระบบ Tele Conference จากค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี มายัง กองบัญชาการกองทัพบก ถึงกรณีที่คนร้ายลอบวางระเบิดที่ศาลากลาง จ.ยะลาว่า การระเบิดเกิดขึ้นเมื่อเวลา 09.40 น. โดยคนร้ายได้ผูกระเบิดติดไว้ใต้ท้องรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานเจ้า หน้าที่ พัฒนาชุมชน จ. ยะลา ตั้งแต่ที่เจ้าหน้าที่จอดรถไว้ในบ้านพักและเมื่อขับรถมาทำงานแล้วจอดไว้ บริเวณลานจ อดรถของศาลากลาง จ.ยะลา จึงได้เกิดระเบิดขึ้น ทำให้รถยนต์เกิดความเสียหาย ทั้งนี้ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม บริเวณศาลากลางจังหวัดมีมาตรการรักษาความปลอดภัยระดับหนึ่ง ทำให้ผู้ก่อความไม่สงบไม่สามารถเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ได้ แต่แอบก่อเหตุข้างนอกกับเจ้าหน้าที่ที่ไม่ระมัดระวังพอสมควร เพื่อให้เป็นข่าวว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นในศาลากลาง จ.ยะลา

พันเอก อัคร กล่าวว่า ขณะนี้ภาพรวมสถานการณ์เราได้รับข้อมูลจากผู้ที่ออกมารายงานตัวว่า กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบตกอยู่ในที่นั่งลำบาก 2 ประเด็น เพราะประชาชนเริ่มเบื่อหน่าย เพราะเมื่อสร้างสถานการณ์แล้วก็ตกเป็นเป้าหมายของเจ้าหน้าที่ทำให้อยู่ไม่ เป็นสุข ต้องหลบหนีตลอดเวลามีชีวิตไม่ปกติ รวมถึงระแวงคนที่ออกไปรายงานตัวที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำผิด ตามการเปิดตามประพรก. จะ นอกจากนี้กลุ่มแนวร่วมมีจำนวนน้อยลง เนื่องจากญาติพี่น้องพยายามเกลี้ยกล่อมให้ดึงตัวออกมา เหลือแกนนำน้อยลง สิ่งที่เขาทำได้คือก่อกวนให้เกิดเหตุเล็กๆน้อยๆ โดยไม่หวังผลทำลายชีวิต แต่หวังผลทำลายสาธารณประโยชน์ เพื่อให้เป็นข่าว

“พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวไว้ประโยคหนึ่งซึ่งเป็นที่พอใจของเจ้าหน้าที่มากคือ ถ้าเหตุการณ์ต่างๆในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้รับการประชาสัมพันธ์ นำเสนอเป็นข่าว ผู้ก่อความไม่สงบคงอกแตกตายแน่ ขอให้มั่นใจว่าเราสามารถเข้าไปดูแลได้ทุกเหตุการณ์ โดยเฉพาะประชาชนเราพยายามทำความเข้าใจว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขามีวัตถุประสงค์อย่างไร”พ.อ.อัคร กล่าว

ส่วนกรณีที่คนร้ายลอบวางระเบิดรางรถไฟ ต.นาประดู อ. โคกโพธิ์ จ. ปัตตานี พ.อ. อัคร กล่าวว่า คนร้ายเอาวัตถุระเบิดไปวางไว้ที่บริเวณข้างป้อมยามตำรวจที่อยู่บริเวณแยกนา ประดู่ และเกิดระเบิดขึ้นเมื่อเวลา 07.30 น.ขณะนี้อยู่ในขบวนการพิสูจน์ตรวจสอบหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ทั้งนี้ในพื้นที่มีหน่วยงานด้านนิติวิทยาสาสตร์ ของ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ตั้งอยู่ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ. ปัตตานี ซึ่งทันทีที่เกิดเหตุในพื้นที่ทีมงานได้เข้าไปตรวจสอบหลักฐานที่เกิดเหตุ

ทั้งนี้จากกรณีที่เหตุคนร้ายลอบทำร้ายพระและเผาวัดพรหมประสิทธ์ที่ผ่านมานั้น เหตุการณ์ระเบิดทางรถไฟที่ ต.ยุโป อ. เมือง จ. ยะลา และเหตุการณ์ที่ระเบิดในวันนี้ อีก 2-3 จุด ก็สามารถเก็บหลักฐานลายมือแฝงหรือหลักฐานอื่นๆได้มากพอสมควร //////////////
   ณรงค์ ชื่นนิรันดร์

เบื้องลึก.....จากปากคำ "พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี" ใคร...สร้างเงื่อนไขไฟใต้ระอุ

สัมภาษณ์พิเศษ



"...ท่านนายกฯทักษิณนั่งหัวโต๊ะ ผมนั่งทางขวามือท่าน พล.อ.สมทัต อัตตะนันท์ เสนาธิการทหารบก นั่งติดกับผม เรียงไปก็ พล.ร.อ.ประเสริฐ บุญทรง ผู้บัญชาการทหารเรือ นายกฯมาถึงก็นั่งและบอกว่าสถานการณ์ภาคใต้ไม่มีโจรแบ่งแยกดินแดน มีแต่โจรกระจอก โจรห้าร้อย อยากให้ยุบทุกหน่วยทหารเฉพาะกิจที่อยู่ในพื้นที่และใช้ตำรวจเข้าแก้แทน"

คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ฟื้นศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกองกำลังผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ 43 (พตท.43) เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา

เพื่อให้มาเป็นองค์กรสำคัญในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายหลังที่ทั้ง ศอ.บต. และ พตท.43 ถูกยุบไปในสมัยรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา

ด้วยความที่รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ มั่นใจว่าสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่มีกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน หรือขบวนการก่อการร้าย ที่มีศักยภาพเพียงพอจะมาต่อกรกับอำนาจรัฐ เป็นเพียงแค่โจรกระจอก และมอบหมายภารกิจให้ตำรวจเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ปัญหาแทน

แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ "ปล้นปืนทหาร" กว่า 400 กระบอก จากกองพันทหารพัฒนาที่ 4 ค่ายนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 และมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันนี้

แม้รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะพยายามปรับรูปแบบองค์กรที่เข้ามาดูแลแก้ปัญหา โดยตั้งกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) เพื่อเป็นหน่วยปฏิบัติหลักในพื้นที่ และมีหน่วยระดับบังคับบัญชา คือ คณะกรรมการบริหารจัดการให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์และนโยบายเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กบชต.) ภายใต้กรอบนโยบายของคณะกรรมการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กสชต.)

แต่การแก้ปัญหายังไม่มีความชัดเจนและไม่เป็นเอกภาพ และมีหลายฝ่ายที่ต้องการให้ฟื้น ศอ.บต.และ พตท.43 ขึ้นมาเป็นองค์กรหลักในการแก้ปัญหา

มาวันนี้เมื่อรัฐบาลเปลี่ยนมือมาสู่ยุคของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จึงมีมติให้ฟื้น ศอ.บต.และ พตท.43 ขึ้นมาในที่สุด

ทั้งนี้ อะไรคือมูลเหตุหลักที่ พ.ต.ท.ทักษิณมั่นใจในแนวความคิดนี้ และเบื้องหลังผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2545 อันเป็นผลให้มีมติ "ถอนกำลังทหาร" ออกจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และมอบหมายให้ตำรวจเข้ามาเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบ

เมื่อมีโอกาสพบปะกับ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (รอง ผอ.รมน.) ซึ่งเป็นผู้ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการคัดค้านแนวความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณตั้งแต่ต้น 


ทำให้ทราบเบื้องลึกถึงการตัดสินใจ ถือเป็นต้นเหตุของความรุนแรงที่เข้มข้นและหลากหลายมาถึงปัจจุบัน

"ผมเป็นคนที่คัดค้านนายกฯทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2545 วันนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเข้าร่วมประชุม ท่านนายกฯทักษิณนั่งหัวโต๊ะ ผมนั่งทางขวามือท่าน พล.อ.สมทัต อัตตะนันท์ เสนาธิการทหารบก นั่งติดกับผม เรียงไปก็ พล.ร.อ.ประเสริฐ บุญทรง ผู้บัญชาการทหารเรือ นายกฯมาถึงก็นั่ง และบอกว่า สถานการณ์ภาคใต้ไม่มีโจรแบ่งแยกดินแดน มีแต่โจรกระจอก โจรห้าร้อย อยากให้ยุบทุกหน่วยทหารเฉพาะกิจที่อยู่ในพื้นที่และใช้ตำรวจเข้าแก้แทน"

"ผมก็ค้านบอกว่า ท่านนายกฯ ที่มันเหลือกำลังน้อย เพราะมันไปเรียนการทหารที่ประเทศซีเรีย 4 ปี เท่ากับหลักสูตร รร.จปร. จบแล้วมันก็จะเข้ามา วันนี้ที่เงียบมันเริ่มปลุกระดมในปอเนาะต่างๆ เขาก็บอกว่าพี่เขาใช้คำว่า Historism ว่าพี่พวกยึดติดประวัติศาสตร์ พล.อ.สมทัต นั่งติดกับผมมาเขย่าแขนบอกว่า ยุบมันเลยพี่ ไม่พอ พล.ร.อ.บุญทรง อ้อมบอกผมว่าให้ยุบเลย เดี๋ยวผมจะถอนนาวิกโยธินออก ซึ่งนายกฯก็ได้ยินเพราะเขานั่งอยู่ใกล้ๆ เขาเลยหันถามสันต์ (พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในเวลานั้น) นั่งอยู่ตรงข้ามผมว่าถอนทหารออกจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ ตำรวจจึงจะเข้าไปได้ สันต์บอกขอ 900 ล้านบาท นายกฯบอกผมให้ 1,200 ล้านบาทเลย ท่านเล่นเกทับเลย"

เราเลยบอกนายกฯว่า ยุบทหารพราน 3 กรม กว่า 3,000 นาย ในพื้นที่ตกงาน หากยุบต้องหางานให้ทำ ถ้าไม่มีเดี๋ยวเข้าไปอยู่กับพวกนั้นจะทำให้ยุ่งนะครับ นายกฯบอกว่าให้ปลดและห้ามบรรจุคนใหม่ ถอนกำลังทุกหน่วยเฉพาะกิจ ยุบ ศอ.บต. และ พตท.43 ออกนอกพื้นที่หมด ตอนแรกนายกฯถามผมว่ายุบได้มั้ย ผมก็บอกว่าแล้วแต่นายกฯ เพราะท่านเป็นผู้บังคับบัญชา ให้ถอนวันนี้ก็ถอน เขาก็มองเลิกลั่ก ผมเลยหันไปถามสันต์ว่า นายกฯให้ถอนทหาร ยุบ พตท.43 จะใช้เวลาเท่าไหร่ สันต์บอกว่าขอเวลา 30 วัน ผมบอกไปว่าให้เวลา 150 วัน ถึง 1 ตุลาคม รวมเวลา 5 เดือน ก็ตกลงกันตามนั้น นายกฯถามสันต์ว่าระดับแกนนำเหลือเท่าไหร่ สันต์ก็บอกไม่เกิน 15-16 คน นายกฯยกมือขึ้นมาดีดนิ้วส่งสัญญาณให้สันต์ แล้วบอกสบาย จากวันนั้นเขาก็ส่งมือปราบ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ลงไป มันเลยเกิดเรื่องขึ้นมาถึงวันนี้   พอครบถึง 1 ตุลาคม ทหารพรานถอนออกมาหมด ทำให้พวกนั้นลุกขึ้นมาเผาป้อม ยิงผู้กำกับ สันต์ไปฟ้องนายกฯ วันนั้น พล.อ.ชวลิต (ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ) โทร.มาบอกว่า สันต์บอกว่าน้องถอนทหาร ทำให้พวกนี้ลุกขึ้นมาเต็มเมืองหมด ผมบอกกลับไปว่าวันนั้นพี่ก็นั่งประชุมด้วยกัน เขาขอเวลา 30 วัน ผมให้ 150 วัน ครบกำหนดแล้วมาโทษผมได้ไง ตอนหลังมาเจอนายกฯก่อนเข้าประชุมพรรคไทยรักไทย นายกฯเดินเข้ามาบอกพี่เคยเล่นวิ่งไม้ผลัดมั้ย เราก็งง เขาบอกว่าคนยังไม่รับไม้เลย พี่โยนไม้แล้ว อ้าวมาหาว่าเป็นความผิดผมที่ถอนทหารออก ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความผิดผม จากวันนั้นเขาเอาชื่อผมออกจาก สมช. เลย" พล.อ.พัลลภเล่าเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ซ่อนแววตาที่ผิดหวัง

ที่ผ่านมา พล.อ.พัลลภ เป็นนายทหารที่ผ่านสมรภูมิรบมามากมาย และบทบาทของการเป็น รอง ผอ.รมน. ทำให้ พล.อ.พัลลภได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ให้ลงไปเป็นคีย์แมนสำคัญแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้ง เพราะ พล.อ.พัลลภ เป็นนายทหารที่จัดว่าอยู่ใน "สายบู๊" ล้างผลาญผสม "สายบุ๋น" ในการวางแผนเข้าปฏิบัติการ นอกจากนี้ ยังมีความรู้และมีความเข้าใจในปัญหาภาคใต้อย่างดี เพราะเคยรับราชการอยู่ในพื้นที่เป็นเวลานาน


http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pol01121149&day=2006/11/12

คนใต้...ที่หนีมา

เขารู้ว่า นายกคนนี้จะช่วยพวกเขาได้ จึงมาขอพึ่งใบบุญ

ตอนยุคหน้าเหลี่ยม ไม่กล้าขึ้นมาจริง จริง....

กลัว...เพราะนายกหน้าเหลี่ยมไม่เคยลงไปสนใจ

จะเชื่อใจได้อย่างไร ว่าหนีขึ้นมาแล้วจะได้รับการช่วยเหลือ  :?: :?: :?:

ใครว่าเหลี่ยมไม่สนใจครับ เรียกร้องมากอาจให้ความช่วยเหลือแบบ เจริญ วัดอักษร ก็ได้ครับ