ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: Kittinunn ที่ 07-11-2006, 15:04



หัวข้อ: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 07-11-2006, 15:04
ใจจริงจะตีพิมพ์เรื่องคอลัมน์คุณกาแฟดำ แต่ทำไปทำมามีเรื่องประดังเข้ามามากมาย เพื่อประหยัดพื้นที่ และให้การติดตามเรื่องราวอย่างต่อเนื่อง จึงเปลี่ยนกระทู้เป็นการวิพากษ์ อสมท. ขอเชิญสมาชิกทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของ อสมท. และวงการสื่อสารมวลชนได้ที่กระทู้นี้

กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
7 พฤศจิกายน 2549 00:00 น.
ความเป็นมืออาชีพและภูมิคุ้มกันต่อการเมือง


ใครได้ดูรายการพิเศษภายใต้หัวข้อ"วิพากษ์นโยบายรัฐบาล" ของช่อง 9 อสมท เมื่อคืนวันเสาร์แล้ว ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงด้านบวกอย่างชัดแจ้งของสถานี "สังคมอุดมปัญญา" แห่งนี้

เป็นครั้งแรกในหลายปีที่ความเห็นหลากหลายทางการเมืองเศรษฐกิจและสังคม สามารถนำมาแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้อง "เชลียร์" รัฐบาล ไม่ต้องเอาอกเอาใจพรรคการเมืองหรือกลุ่มอำนาจใดในบ้านเมือง... เพราะนี่คือการแสดงจุดยืนของสถานีโทรทัศน์ที่มีประชาชนเป็นเจ้าของ และเนื้อหาสาระเพื่อสาธารณะที่ต้องการได้ยินได้ฟังความเห็นจากทุกๆ ด้าน เพื่อให้ผู้ที่รับผิดชอบบ้านเมืองนำไปพิจารณา และแก้ไขอย่างถูกต้อง ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน

เพราะสถานีโทรทัศน์ใช้คลื่นความถี่ที่ประชาชนเป็นเจ้าของ (ไม่ใช่รัฐบาลหรือกลุ่มการเมืองที่เข้ามามีอำนาจในช่วงใดช่วงหนึ่ง) ดังนั้น จึงต้องนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของการสื่อความหมายของสังคมมิใช่เป็น "เครื่องมือ" ของผู้หนึ่งผู้ใดหรือคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด

ที่ว่าน่าชื่นชมเพราะนักวิชาการ นักคิด นักปฏิบัติมากมายหลายคน ได้รับเชิญให้มาแสดงความเห็นเพื่อวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลนายกฯ สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่เพิ่งแถลงต่อสภานิติบัญญัติไปก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน

หลายคนที่แสดงความเห็นในรายการทางช่อง 9 คืนนั้น ไม่เคยได้รับเชิญจากสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีสมัย ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ เพราะเป็น "บุคคลต้องห้าม" ในสายตาของระบอบทักษิณ เหตุเพราะท่านเหล่านั้นมีความเห็นเป็นอิสระ กล้าวิจารณ์นโยบายของรัฐบาล (ไม่ว่าใครจะเป็นนายกฯก็ตาม) และสะท้อนถึงความคิดความอ่านที่ประชาชนจำนวนไม่น้อย ต้องการได้ยินเพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจของรัฐบาล

แปลว่าต่อแต่นี้ไปช่อง 9 จะเป็น "เวทีเพื่อประชาชน" อย่างแท้จริง และคำว่า "มหาชน" ของอสมท จะไม่ใช่เพียงสะท้อนถึงโครงสร้างการถือหุ้นเท่านั้น หากแต่ที่สำคัญกว่านั้นคือความเป็น "มหาชน" ในเนื้อหาสาระที่นำเสนอต่อประชาชนได้ด้วย

ที่น่ายินดีไม่น้อยไปกว่าการได้เห็นและได้ยินนักคิดนักวิเคราะห์ที่กล้าพูดกล้าแสดงออกได้มีโอกาสเสนอความเห็นต่อสาธารณชนอย่างเปิดเผยก็คือ ภาพที่เห็นผู้ดำเนินรายการสามท่านที่เป็นคนของช่อง 9 เอง...แสดงถึงศักยภาพของบุคลากรของ อสมท ที่จะทำรายการที่มีคุณภาพ น่าสนใจและเป็นตัวแทนของประชาชนในการตั้งคำถามและยกประเด็นที่ควรจะถาม

รายการพูดคุยและสัมภาษณ์ของสถานีโทรทัศน์ที่เป็นของมหาชนไม่จำเป็นต้องเป็นรายการแบบ "ขอรับกระผม...รัฐบาลของท่านเก่งจังเลยครับ...ท่านช่วยเล่ารายละเอียดของความสำเร็จแห่งนโยบายของท่านได้ไหมครับ?" อีกต่อไป

นี่เป็นโอกาสทองสำหรับทุกคนที่รักอสมท จะใช้เพื่อการปรับเปลี่ยนให้องค์กรแห่งนี้มีความเป็นมืออาชีพและมีความเป็นอิสระที่จะรับใช้ประชาชนทางด้านข้อมูลข่าวสาร และเป็นเวทีกลางสำหรับสาธารณชนเพื่อการปฏิรูปการเมือง และสังคมอย่างแท้จริง

นี่เป็นช่วงจังหวะที่คนของอสมท ทั้งปวง จะร่วมมือช่วยกันผลักดันให้คณะกรรมการบริหารหรือ Board of Directors ใหม่ที่มีอิสระทางความคิด ไม่ได้เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรืออิทธิพลด้านธุรกิจจากกลุ่มไหนของสังคมในอันที่จะสร้าง "ภูมิต้านทาน" ของตนในระยะกลางและระยะยาวในอนาคตหลังจากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่

นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งที่คนของอสมท จะนั่งลงกับบอร์ดใหม่แห่งนี้ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ในอันที่จะช่วยกันเขียนกติกามารยาทใหม่เพื่อให้ อสมท เป็นทั้งองค์กรแห่ง "สังคมอุดมปัญญา" ที่มีความคล่องตัวทางธุรกิจ

อสมทมีความเป็น "โมเดิร์น" ในระดับหนึ่งทางด้านการตลาดและเนื้อหาของรายการที่น่าประทับใจแล้ว แต่ที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันก็คือ "ความเป็นอิสระและมืออาชีพ" ที่ยั่งยืนและได้รับการปกป้องจากประชาชนคนดูผ่านกฎกติกาที่จะเขียนในรัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูกที่จะตามมา

ผู้อำนวยการคนที่ผ่านมา(รวมทั้งคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ) ได้สามารถสร้างความสำเร็จทางด้านภาพลักษณ์และการตลาดที่ดีระดับหนึ่ง

แต่ความสำเร็จด้านการตลาดและภาพลักษณ์ที่อสมท ได้มาทุกวันนี้ เกิดจากบรรยากาศการเมืองใน "ระบอบทักษิณ" ที่ไม่อนุญาตให้ อสมท มีความเป็นอิสระทางความคิด ไม่อนุญาตให้ทำหน้าที่ของ "สื่อเพื่อผลประโยชน์สาธารณะ" อย่างแท้จริง ...การเซ็นเซอร์ทั้งเนื้อหาและทิศทางของข่าว และรายการสาระภายใต้ระบอบทักษิณ เป็นเช่นไร คนใน อสมท ย่อมทราบดี

เพราะความเป็นคนข่าวด้วยกันผมเข้าใจถึงความอึดอัดและความผิดหวังของคนมืออาชีพใน อสมท อย่างลุ่มลึก

ต่อแต่นี้ไปความสำเร็จของ อสมท และ "ค่า" ของ อสมท (ไม่ว่าจะเป็นคุณค่าแห่งความเป็นองค์กรที่ประชาชนไว้ใจหรือราคาของหุ้นซึ่งจะต้องไปด้วยกัน) จะอยู่ที่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นมืออาชีพ อิสระ สามารถตอบคำถามของประชาชนได้ และดำเนินธุรกิจอย่างคล่องแคล่ว สามารถแข่งขันกับสถานีโทรทัศน์ข่าวสารและสาระของต่างประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิ

อสมทมีลักษณะแปลกไปจากองค์กรสื่ออย่างอื่น ตรงที่ว่าขณะที่เป็นบริษัทเอกชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็ยังเป็นของรัฐเพราะกระทรวงการคลังยังถือหุ้นอยู่เกินร้อยละ 70

ข้อดีของโครงสร้างนี้คือความคล่องตัวในการทำงาน ข้อเสียคือยังอาจอยู่ใต้อิทธิพลทางการเมือง และความอ่อนไหวในตลาดหุ้นที่มักจะมองทุกอย่างในระยะสั้น เพราะต้องแสดงตัวเลขกำไรขาดทุนทุกสามเดือน

แต่อสมท ก็ย่อมจะใช้ประโยชน์จากโครงสร้างนี้เพื่อสร้างความเป็นเลิศทางด้านธุรกิจและความเป็นมืออาชีพทางด้านสื่อที่อิสระ ด้วยการให้กระทรวงการคลังที่ถือหุ้นใหญ่เกินร้อยละ 70 นี้ ให้ความมั่นใจด้วยการดูแลรับผิดชอบในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยเรื่องของความผันผวนของราคาหุ้นระยะสั้น ณ ปัจจุบัน ขณะที่ อสมท เดินหน้าสร้างคุณภาพ สร้างความแข็งแกร่งในความเป็นอิสระให้กับองค์กรและคนทำงานทั้งหมด

น่าชื่นชมด้วยซ้ำไปที่ผู้รับผิดชอบของอสมท ประกาศว่าการทำกำไรเป็นเพียงส่วนเดียวของภารกิจขององค์กรสื่อเพื่อประชาชนแห่งนี้ เพราะเหนือกำไรยังต้องมีคุณธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม

ไม่ต่างอะไรกับแนวทาง"เศรษฐกิจพอเพียง" ที่ไม่เน้นแต่เพียงอัตราเติบโตของ GDP ของประเทศแต่ต้องเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพและจริยธรรมกับความรับผิดชอบต่อสังคม

ระดับชาติแนวทางใหม่คือการถมช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนระดับของ อสมท คือการถมช่องว่างระหว่างคนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารกับคนถูกข่าวสารบางด้านบิดเบือนความเป็นจริง

เมื่ออสมท มีอิสระ มีความเป็นมืออาชีพที่ยั่งยืน ธุรกิจก็เดินหน้าไปได้บนพื้นฐานที่แข็งแกร่งไม่เพียงอาศัยความเก่งทางด้านการตลาดอย่างเดียว...เมื่อนั้น ราคาหุ้นก็จะหยุดผันผวนและจะสะท้อนถึงความเป็นตัวของตัวเองขององค์กรอย่างแท้จริง

เพราะในท้ายที่สุดแล้วสัจธรรมของโลกก็คือ good journalism is good business นั่นคือเมื่อการทำหน้าที่ของสื่อได้มาตรฐานอย่างยั่งยืนแล้ว ธุรกิจก็จะมาเอง...และมาอย่างยั่งยืน ถาวร...ไม่ว่าการเมืองจะเปลี่ยนแปลงในอนาคตอย่างไรก็ตาม

บอร์ดรัฐมนตรีธีรภัทร์ และรักษาการผู้อำนวยการของ อสมท เช่นคุณพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร นั้นมาอยู่ในตำแหน่งเพียงแค่ไม่กี่เดือนก็จะต้องไปตามภาระหน้าที่ ไฉนคนของ อสมท จึงไม่ "ใช้" เขาเหล่านี้เสริมสร้างความแข็งแกร่ง ภูมิต้านทานต่ออิทธิพลการเมืองในอนาคต และประสานมือเดินหน้าเพื่อสร้าง อสมท ให้เป็นสื่อแห่งความภาคภูมิของคนไทย ที่ยิ่งวันก็ยิ่งจะเรียกร้องมาตรฐานจากวงการ

สื่อสารมวลชนทั้งของเอกชนและรัฐมากขึ้นทุกวัน

ภาพและเสียงของรายการ"วิพากษ์นโยบายรัฐบาล" ทางช่อง 9 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาตอกย้ำให้เห็นว่าศักยภาพขององค์กรแห่งนี้มีมากกว่าที่หลายคนคิด...และผมเชื่อว่าคนไทยที่ต้องการข่าวสารที่มีคุณภาพ และเวทีที่เปิดกว้างและเป็นอิสระนั้น จะยืนอยู่ข้างคนของ อสมท มืออาชีพทุกคน


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 07-11-2006, 15:10
เหอ เหอ กาแฟดำ น้ำลายย้อยมาเชียว เอ้าอย่ากัดกันสิ แบ่งกันกินนะ


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 07-11-2006, 15:15
เมื่อเปรียบเทียบกับข่าวนี้

(http://www.nationchannel.com/news/images/4035_3536.jpg)

พนักงาน อสมทร่วม 100 คน สวมเสื้อผ้าสีดำชุมนุมประท้วงบอร์ด ผวาการเปลี่ยนแปลงหลังมูลค่าหุ้นตกระเนระนาด  อ้างนโยบายใหม่ทำให้หุ้นร่วง หวั่นปรับผังใหม่กระทบรายได้ “แดนสนธยา” กำลังกลับมา      
      
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 11.00น.พนักงานอสมท กว่า 100 คน แต่งกายด้วยชุดดำและสวมเสื้อยืดสีดำที่มีข้อความว่า "หยุดทำร้ายอสมท.และแดนสนธยากำลังกลับมาแล้ว" รวมตัวกันที่บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์เพื่อคัดค้านการทำงานของคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) อสมท. ชุดใหม่ ที่มี นายพงษ์ศักดิ์ พยัคฆวิเชียร ทำหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท โดยทุกคนสวมเสื้อยืดสีดำด้านหน้ามีข้อความ “หยุด...ทำร้าย อสมท” ส่วนด้านหลังมีข้อความ “แดนสนธยา มันกลับมาแล้ว” เพื่อเป็นการประท้วงการทำหน้าที่ของบอร์ด อสมท ชุดใหม่ และนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้คัดเลือกบอร์ดชุดปัจจุบันเข้ามาทำงาน และได้แจกเอกสาร "สัมมาปัญญาจริงหรือ?" โดยมีพนักงานอสมท.ร่วมลงชื่อ 600 คน เพื่อคัดค้านแนวทางการทำงานของบอร์ดอสมท.ชุดนี้

เนื้อหาในเอกสารดังกล่าวมีใจความสำคัญว่า หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงบอร์ด และรักษาการกรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่ อสมท แล้ว นายพงษ์ศักดิ์มีแนวคิดที่จะเปลี่ยนนโยบายอสมท จากสังคมอุดมปัญญา มาเป็นสัมมาปัญญา ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงผังรายการวิทยุและโทรทัศน์ ในสัมปทาน อสมท โดยอ้างแนวทางการทำงานว่า "จะไม่เน้นกำไรเพราะตัวเลขกำไรของอสมท. คือความขาดทุนของรัฐ ที่ต้องไปเยียวยาสังคม จึงอาสาจะเข้ามาเป็นผู้ยกก้อนหินที่ทับต้นหญ้าแห่งนี้ออกไป เพื่อให้อสมท.มีความแข็งแรง" ส่งผลให้หุ้นอสมท ตกลงอย่างมาก

เอกสารระบุว่าความจริงอีกด้านที่น่าสนใจคือ ผู้บริหารระดับสูงของอสมท.เข้าพบนายธีรภัทร์ เสรีรัรงสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลอสมท. ก่อนที่จะมีการประกาศรายชื่อบอร์ดบริหารชุดใหม่ โดยมีนายค. ตัวแทนจากนสพ.ผู้จัดการ นายอ.และฝ่ายขายของเครือเนชั่น นายจ.นักวิชาการ นักจัดรายการ และอดีตส.ว. ชื่อดังโดยเสนอนายธีรภัทร์ เพื่อขอเวลา Prime Time ของโมเดิร์นนายทีวี โดยมีการตกลงจัดสรรเวลากันแล้ว  จึงขอตั้งคำถามว่า พฤติกรรมดังกล่าวมีความเหมาะสมหรือไม่ และเปิดกว้างให้กับผู้จัดรายการคุณภาพที่หลากหลายจริงหรือไม่

เอกสารระบุอีกว่าบุคคลข้างต้นมีความสัมพันธ์ที่น่าสนใจดังนี้ 1.นายธีรภัทร์เคยเป็นผู้จัดรายการวิทยุผู้จัดการ ในยุคที่อสมท.เปิดให้สัมปทานกับบุคคลภายนอกมาดำเนินการคลื่นวิทยุ เมื่ออสมท.นำคลื่นมาบริหารเอง ต้องยกเลิกสัมปทานคลื่นผู้จัดการ และโดยส่วนตัวของนายธีรภัทร์ ก็ได้ขอยื่นเช่าเวลาเพื่อผลิตรายการเอง แต่อสมท.มีนโยบายบริหารวิทยุเอง เพื่อรองรับรัฐธรรมนูญมาตรา 40 จึงไม่สามารถให้เวลาได้

2.แนวคิดสัมมาปัญญาของนายพงษ์ศักดิ์ สอดคล้องกับแนวคิดของนายสนธิ ลิ้มทองกุล  ที่กล่าวไว้ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่เผยแพร่ทางสถานีโททัศน์ช่อง 9 ด้วยว่า "สังคมไทยเป็นสังคมที่น่ากลัวเพราะเป็นสังคมที่ขาดสัมมาปัญญาเสริมปัญญาให้อย่างเดียวไม่พอ ต้องเป็นสัมมาปัญญาที่ถูกต้อง" และก่อนหน้านี้นายสนธิไม่พอใจอสมท. ที่ถูกถอดผังรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เพราะเคยพยายามเข้ามาทำรายการโทรทัศน์ทางยูบีซีเคเบิ้ลทีวี และต้องการมีโฆษณา และลงทุนไป 300 ล้านบาทแล้ว โดยนายสนธิผลักดันเรื่องในนี้ยุครัฐบาลทักษิณ แต่ถูกปฏิเสธจากอสมท. นายสนธิจึงประกาศว่าจะขอลุยเอง

3.นายพงษ์ศักดิ์กล่าวกับผู้บริหารอสมท.ว่า จะทำงานนี้อย่างน้อย 1 ปี โดยขอมีห้องทำงานอยู่ภายในสำนักข่าวไทย  ทั้งที่บอร์ดอสมท. ควรเร่งรัดให้มีการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เพื่อไม่ให้เสียหายกับองค์กร และนายพงษ์ศักดิ์ยังไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งในเครือบริษัทมติชน ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เหมือนกับอสมท. ถือเป็นการขาดหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ และนโยบายของนายพงษ์ศักดิ์ กับบอร์ดอสมท. ที่กระทบกับหุ้นอสมท.ในเชิงลบในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เป็นธรรมกับพนักงานอสมท. และผู้ถือหุ้นรายย่อยหรือไม่

อนึ่ง ผู้สื่อข่าวและช่างภาพอสมท.ที่ปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล ก็แต่งกายด้วยชุดสีดำด้วยเช่นกัน และเตรียมที่จะยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีด้วย
 
ก่อนหน้านี้มีรายงานมมาตลอดว่า บอร์ดชุดใหม่ของ อสมท ที่มีนายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ทำหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการ อสมท จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรที่ไม่เน้นด้านผลกำไรเพียงอย่างเดียว พร้อมทั้งจะเปลี่ยนผังรายการ รวมทั้งเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอข่าวให้มีความหลากหลายต้องการให้เป็นสื่อสาธารณะอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ก็มีความเคลื่อนไหวของพนักงานส่วนหนึ่งที่กังวลต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และบางส่วนยังเรียกร้องให้นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กลับเข้ามาเป็นผู้อำนวยการ อสมท อีกครั้ง ขณะเดียวกันมีรายงานว่าเวลานี้ราคาหุ้นของ อสมท ตกลงมาจากเดิมกว่า 40 เปอร์เซ็นต์แล้ว

อ่านข่าวนี้แล้ว ได้แต่เดาวัฒนธรรมมาลัยไทยรัฐ จากข้อความดังต่อไปนี้

• โดยมีนายค. ตัวแทนจากนสพ.ผู้จัดการ
คำณูญ สิทธิสมาน

• นายอ.และฝ่ายขายของเครือเนชั่น
อดิศักดิ์ ลิ้มปรุ่งพัฒนกิจ

• นายจ.นักวิชาการ นักจัดรายการ และอดีตส.ว. ชื่อดัง
เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 07-11-2006, 15:24
น่าเห็นใจคน อสมท นะครับสมัยก่อนกว่าจะลืมตาอ้าปากได้ ท่านผู้อำนวยการก็โดนยิง กลับสู่ยุคมืดอีก
พอได้นักบริหารมืออาชีพแม้จะมีสีม่วง (ก่อนหน้าก็สีม่วงเหมือนกันแต่บริหารไม่เป็น) ก็ทำผลงานได้ดี
มาก การที่ลาออกก็เป็นเรื่องสปิริต (ไม่ออกก็ถูกสอยอยู่ดี) จะกลับเข้ามาก็ติดข้อกฎหมาย คราวนี้มา
เจอ รมต. สัมมาปัญญาอ่อนเข้าไปอีก ก็โน่นเลยยุคมืดเคยเป็นไงก็กลับไปเป็นอย่างงั้นอย่าเจริญเลย
เป็นที่มั่วสุมของไอ้พวกสื่อไม่มีรูออกก็แล้วกัน พนักงานทั้งหลายก็มาเป็นคลื่นใต้น้ำกันเถอะ


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 07-11-2006, 15:34
ผมไม่รู้ว่า ที่ผ่านมา "สังคมอุดมปัญญา" ในความหมายของ อสมท.คืออะไร
ใช่เพียงการซื้อสารคดีเก่าๆ จากยูบีซีมาออกฉาย มากกว่าที่จะลงทุนผลิตเอง
ใช้เป็นเครื่องมือของพรรคไทยรักไทย ในการใช้เป็นเครื่องมือพี.อาร์แก่บรรดารากหญ้า
ไม่ว่าจะสารพัดผลงานจาก ธงฟ้ามหาชน รากหญ้าสู่รากแก้ว โอท็อปซิตี้ และอีกสารพัด

การเปิดโอกาสให้บุคคลที่เคยอยู่ฝ่ายตรงข้ามทักษิณมาจัดรายการโทรทัศน์
แม้ประชาชนโดยเฉพาะฝ่ายที่ศรัทธาสาวกทักษิณ จะมองว่าเป็นเรื่องไม่เป็นธรรม
และเห็นว่าเป็นการสมประโยชน์ให้กับคนในธุรกิจสื่อมวลชน แต่ถามว่า
ในช่วงที่ ผอ.มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็นผู้อำนวยการ อสมท. มีสัดส่วนรายการสาระ
โดยเฉพาะรายการข่าว ที่ผลิตออกมาแต่ละรายการโดยมีจุดมุ่งหมายต่างกัน

แต่ถามหน่อยว่า สำหรับที่ผ่านมาแล้ว พวกเขาได้มีโอกาสได้พูดในสิ่งที่ท่านไม่ชอบหรือไม่

รัฐบาลทักษิณพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้ภาพในแง่ลบปรากฏออกมา โดยใช้วิธีให้คนใกล้ชิด
สั่งให้บรรดากองบรรณาธิการสื่อฟรีทีวี ลดการนำเสนอข่าวในเชิงลบต่อรัฐบาลทักษิณ
อสมท.ก็เคยมีประวัติจากการที่คนในวงการข่าวเล่าให้ฟังว่า คนใกล้ชิดนายกฯ โทรศัพท์ไปต่อว่า
นายมิ่งขวัญ จากการนำเสนอข่าวของสำนักข่าวไทยที่ชี้ให้เห็นถึงภาพของรัฐบาลในแง่ลบ

จริงๆ แล้วการชุมนุมประท้วงแต่งชุดดำของพนักงาน อสมท.ไม่ใช่เป็นการสู้อย่างสามัคคี
แต่เป็นการต่อสู้บนพื้นฐานของความแตกแยกในองค์กร ที่ผ่านมาผู้บริหารอย่างนายมิ่งขวัญ
รับพนักงานใน อสมท.เข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นการกลืนวัฒนธรรมด้านการทำงาน
ของสำนักข่าวไทยจนหมดสิ้น อีกทั้งพนักงาน อสมท.คนเก่า ที่ยังจงรักภักดีต่อนายมิ่งขวัญ
ต่างสมประโยชน์จากการที่เงินเดือนและโบนัสเพิ่มขึ้นจากการเติบโตหลังแปรรูปเป็นบริษัท

ฝ่ายสมประโยชน์รู้ทั้งรู้ว่า รายได้ของ อสมท.มาจากไหนเป็นหลัก...?

แต่ไม่ใช่ว่าฝ่ายที่แตกแยกจะออกมาประท้วง พนักงาน อสมท.ส่วนหนึ่งที่ยังหวั่นเกรงต่อ
ประธานบอร์ด นายพงษ์ศักดิ์ อดีตคนทำงานมติชน ที่ว่ากันว่าเป็นคนเอาจริงเอาจัง ยิ่งทำให้
พนักงาน อสมท.เกิดอาการขวัญหนีดีฝ่อ จะคอยเลียแข้งเลียขานายมิ่งขวัญเหมือนแต่ก่อนก็ไม่ได้

พูดง่ายๆ กลัวตัวเองจะตกงาน ...

เรื่องนี้คงต้องดูกันยาวๆ ถึงการเสียผลประโยชน์อย่างใหญ่หลวงของพนักงาน อสมท.
กับสภาวะบนความไม่แน่นอน กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และท้ายสุด ต้องออกมาสู้หัวชนฝา


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 07-11-2006, 15:41
โอ้โห ยาวขนาดนี้ตั้งกระทู้ได้เลยนะเนี่ย แล้วตอนนี้มันต่างกันตรงไหน ก็ปิดข่าวเหมือนกัน
มันเป็นธรรมชาติของชาวโลก ใครๆ ก็อยากจะให้ตัวเองดูดี ถ้าอยู่ในขอบเขตก็ไม่เห็นแปลก
พวกเสียผลประโยชน์ต่างหากถึงจะมาโวย ถ้ามีคนเกลียดทักษิณมาก สุดท้ายรายการก็ได้
ออกอยู่ดี เพราะรายการมันมีคนดูไงครับ ช่วงแรกใครด่าทักษิณมันไม่มีคนดูเค้าก็ต้องเอาออก
อยู่แล้ว เคยอ่านหนังสือพิมพ์ที่ประสงค์เขียนมั้ย


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 07-11-2006, 15:50
โอ้โห ยาวขนาดนี้ตั้งกระทู้ได้เลยนะเนี่ย แล้วตอนนี้มันต่างกันตรงไหน ก็ปิดข่าวเหมือนกัน
มันเป็นธรรมชาติของชาวโลก ใครๆ ก็อยากจะให้ตัวเองดูดี ถ้าอยู่ในขอบเขตก็ไม่เห็นแปลก
พวกเสียผลประโยชน์ต่างหากถึงจะมาโวย ถ้ามีคนเกลียดทักษิณมาก สุดท้ายรายการก็ได้
ออกอยู่ดี เพราะรายการมันมีคนดูไงครับ ช่วงแรกใครด่าทักษิณมันไม่มีคนดูเค้าก็ต้องเอาออก
อยู่แล้ว  เคยอ่านหนังสือพิมพ์ที่ประสงค์เขียนมั้ย

1. ผมก็ไม่เห็นว่าการนำเสนอข่าวของ อสมท.ดูเหมือนจะปิดข่าวเลยนี่ครับ
ซ้ำยังช่วยกระทืบด้วยการฉายความบกพร่องในการทำงานของนายกฯ สุรยุทธ และ คมช.
มีข่าวไหนบ้างที่ไม่ได้ออกอากาศ ข่าวชุมนุมสนามหลวงเห็นพี่ยุทธก็ออกอากาศให้อยู่แล้วนี่

2. มันจะมากกว่าให้ตัวเองดูดีนะสิ ... ถ้าเรื่องประเภทนายกฯ หกล้มขาเก้าอี้ หรือถูกผึ้งต่อย
นำไปออกอากาศยังพอว่าอยู่หรอก แต่เรื่องการทุจริตคอรัปชั่นเชิงนโยบายของรัฐบาลทักษิณ
หรือเรื่องวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล กลับไม่เห็นสื่อไหนออกอากาศในเวลาที่ทุกคนควรรับรู้
ถ้านึกย้อนไปยังช่วงที่ผ่านมาดู

3. ผู้ชมไม่จำเป็นจะต้องเป็นชาวบ้านร้านตลาด แต่รายการต้องมีความหลากหลายในกลุ่มผู้ชม
อย่าลืมว่าในช่วงที่ผ่านมา แม้แต่การวิพากษ์วิจารณ์แบบชี้ให้เห็นถึงเหตุและผล ก็ยังโดนปลด
ถึงไม่ได้ใช้คำว่า ไอ้ขายชาติ โกงแผ่นดิน ก็ตาม ...


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 07-11-2006, 15:54
เพราะสถานีโทรทัศน์ใช้คลื่นความถี่ที่ประชาชนเป็นเจ้าของ (ไม่ใช่รัฐบาลหรือกลุ่มการเมืองที่เข้ามามีอำนาจในช่วงใดช่วงหนึ่ง) ดังนั้น จึงต้องนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของการสื่อความหมายของสังคมมิใช่เป็น "เครื่องมือ" ของผู้หนึ่งผู้ใดหรือคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด
...
หลายคนที่แสดงความเห็นในรายการทางช่อง 9 คืนนั้น ไม่เคยได้รับเชิญจากสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีสมัย ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ เพราะเป็น "บุคคลต้องห้าม" ในสายตาของระบอบทักษิณ  

อดีตมันเห็นชัดว่าเป็นยังไง

ตอนนี้หลายคนที่เป็นพันธมิตรไปออกรายการ ดูเหมือนสิ่งแปลกปลอมยังไงก็ไม่รู้

ถ้านานๆไปคง หายแปลกไปเอง  :mozilla_cool:


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 07-11-2006, 15:59
เอาง่ายๆ แค่ข่าวน้ำท่วมก็แล้วกัน น้ำมันเพิ่มตลอดในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ข่าวว่าลง เพิ่งจะมาเพิ่มเอา
เมื่อวานหรือเมื่อวานซืนนี่เอง มันเล่นลดกันทุกช่องแล้วจะไม่ให้คิดว่าปิดข่าวได้ยังไง นี่ไปเห็นกับตาถึงจะ
รู้ว่ามันเพิ่ม ส่วนเรื่องผู้ประท้วงออกข่าวมาว่ามี 20 คนบ้าง 100 คนบ้าง ที่เค้าถ่ายรูปลงใน web ใต้ดิน
มันเกิน 300 แน่นอน แล้วก็มีต่อเนื่องทุกวัน ข่าวแทบไม่ให้ความสำคัญ ก็เหมือนกันนะแหละกระแสมันอยู่
ที่ไหนเค้าก็ให้ความสำคัญกับข่าวนั้น เพราะมันเป็นการทำธุรกิจนี่ครับ ข่าวที่ขายไม่ได้เค้าก็จะไม่พยายาม
ลงกัน รายการก็คงเหมือนกัน ถ้ามันเป็นความรู้เกินไป เครียดเกินไป ไม่มีโฆษณาเค้าก็ต้องเอาออก อย่าง
เรื่องถ้าจะจับผิดรัฐบาลที่แล้วมันต้องเป็นบทความโจมตีในหนังสือพิมพ์ก่อน เพราะข่าวในทีวีมันจะเป็นข้อ
เท็จจริงซะเป็นส่วนมาก


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: Me. ที่ 07-11-2006, 16:19
" ซื้อสารคดีเก่า ๆ จาก UBC มาขาย "

รู้ไหมครับ ว่า สารคดี หนึ่งเรื่อง ราคาเท่าไหร่ ? ที่จะผลิตเอง ?
หรือถ้าผลิตเองแล้วจะมีคนดูไหม ? คุณภาพได้ใกล้เคียงเค้าไหม ? ฐานคนดูมากน้อยแค่ไหน ? หรือต้องลงทุนเท่าไหร่ ?

สารคดีมันคือวิชาการหนัก ๆ นะครับ
แต่จะทำยังไงให้มันดูง่าย ๆ ดูสนุก ดูได้ทุกเพศทุกวัย มันยากนะครับที่ใครจะกล้ามาลงทุนในด้านนี้เพราะฐานคนดูมีมากน้อยแค่ไหนล่ะครับ ?

สารคดีหนึ่งเรื่องต้นทุนไม่น้อยนะครับ ยิ่งสารคดีทีเป็นทางด้าน วิศวกรรมหรือวิทยาศาสตร์ชั้นสูงเค้าไม่อนุญาตให้เราเข้าไปยุ่งได้ง่าย ๆหรอกนะครับ
ง่าย ๆ ขนาดในโรงงานอุตสาหกรรมเช่น โตโยต้า ยังไม่อนุญาต ให้ถ่ายภาพเลยนะครับ

หรือ สื่อที่ออกความเห็นแย้งกับรัฐแล้วไม่ได้ออก ? เช่น
      นายจ.นักวิชาการ นักจัดรายการ และอดีตส.ว. ชื่อดัง
      ท่านเคยมีปัญหาเกี่ยวกับคดีอะไรในอดีตล่ะครับ ?
      

การแทรกแซงสื่อของรัฐมันเป็นเรื่องปกติครับ

ถ้าจะว่าสมัยรัฐบาลที่แล้วก็ดู เวปที่มีความเห็นตรงข้าม โดนปิดไหมครับ เวปเมเนเจอร์ โดนปิดไหมครับ
แต่พอมาสมัยรัฐบาลนี้ เวปที่มีความเห็นตรงข้ามโดนปิดไหมครับ เวปพันทิพ ราชดำเนิน คนที่ไม่เป็นสมาชิกก็ไม่มีสิทธิ์เข้าหรือที่อื่น ๆ อีก

ในยุคสมัยที่มีการแย้งชิงความเห็นประชาชนคนที่มีพื้นฐานมาจากสื่อก็มีชัยในสมรภูมินี้แหละครับ
อย่างที่เค้าพูดล่ะครับว่า "ยุคนี้เป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร" ใครสามารถเสนอข่าวให้เป็นไปในแนวทางที่ตนเองต้องการได้ก็มีชัย ครับ

เพราะอย่าลืมนะครับว่า พื้นฐานของผู้รับฟังข่าวสารมีวิจารญาณไม่เท่ากัน บางคนฟังครั้งแรกแล้วเชื่อ บางคนที่ต้องฟังหลาย ๆที่แล้วเชื่อ
บางคนฟังแล้วมาคิดก่อนแล้วจึงเชื่อ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าถ้า ใคร คุมเสื่อ ได้ก็ชนะ เพราะ ทุกคนเสพย์สื่อแล้วจึงเชื่อทั้งสิ้น

สนธิ ลิ้มฯ ยังเคยพูดเลยครับ ว่า สื่อมีหน้าที่รับใช้ทุน


ลองสังเกตุสิครับก่อนที่ นายมิ่งขวัญ จะมาบริหาร ช่องเก้า คุณดูช่องเก่ามากน้อยแค่ไหนครับ
แล้วตอนนี้คุณดูช่องเก้ามากน้อยแค่ไหนครับ

"สัมมาปัญญา" มันเป็นอุดมคติครับ
สื่อก็ต้องกินข้าว ส่งลูกเรียน ดูแลครอบครัว ช่างกล้อง ช่างไฟ คนขับรถ ต้องกิน ต้องใช้กันทั้งนั้น ครับ
จะมาปรับผังไม่เอากำไร มันเป็นไปไม่ได้ครับ

สมมุติลองให้คุณทำงานบริษัทแล้วเจ้านายบอกว่า "เอาล่ะเราจะรับใช้สังคมบ้าง"
เราจะตัดเงินเดือนพนักงาน 40 % มารับใช้สังคม ปลูกต้นไม้  คุณยอมไหมครับ ?

อย่าลืมนะครับว่าการรัฐประหารครั้งนี้มันเกี่ยวอะไร กับการปรับเปลี่ยนนโยบายของ ช่องเก้า ไม่เกี่ยวอะไรกันครับ ?
 


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 07-11-2006, 16:28
" ซื้อสารคดีเก่า ๆ จาก UBC มาขาย "

รู้ไหมครับ ว่า สารคดี หนึ่งเรื่อง ราคาเท่าไหร่ ? ที่จะผลิตเอง ?
หรือถ้าผลิตเองแล้วจะมีคนดูไหม ? คุณภาพได้ใกล้เคียงเค้าไหม ? ฐานคนดูมากน้อยแค่ไหน ? หรือต้องลงทุนเท่าไหร่ ? [/color]

สารคดีมันคือวิชาการหนัก ๆ นะครับ
แต่จะทำยังไงให้มันดูง่าย ๆ ดูสนุก ดูได้ทุกเพศทุกวัย มันยากนะครับที่ใครจะกล้ามาลงทุนในด้านนี้เพราะฐานคนดูมีมากน้อยแค่ไหนล่ะครับ ?

สารคดีหนึ่งเรื่องต้นทุนไม่น้อยนะครับ ยิ่งสารคดีทีเป็นทางด้าน วิศวกรรมหรือวิทยาศาสตร์ชั้นสูงเค้าไม่อนุญาตให้เราเข้าไปยุ่งได้ง่าย ๆหรอกนะครับ
ง่าย ๆ ขนาดในโรงงานอุตสาหกรรมเช่น โตโยต้า ยังไม่อนุญาต ให้ถ่ายภาพเลยนะครับ

หรือ สื่อที่ออกความเห็นแย้งกับรัฐแล้วไม่ได้ออก ? เช่น
      นายจ.นักวิชาการ นักจัดรายการ และอดีตส.ว. ชื่อดัง
      ท่านเคยมีปัญหาเกี่ยวกับคดีอะไรในอดีตล่ะครับ ?
      
การแทรกแซงสื่อของรัฐมันเป็นเรื่องปกติครับ

ถ้าจะว่าสมัยรัฐบาลที่แล้วก็ดู เวปที่มีความเห็นตรงข้าม โดนปิดไหมครับ เวปเมเนเจอร์ โดนปิดไหมครับ
แต่พอมาสมัยรัฐบาลนี้ เวปที่มีความเห็นตรงข้ามโดนปิดไหมครับ เวปพันทิพ ราชดำเนิน คนที่ไม่เป็นสมาชิกก็ไม่มีสิทธิ์เข้าหรือที่อื่น ๆ อีก  

ในยุคสมัยที่มีการแย้งชิงความเห็นประชาชนคนที่มีพื้นฐานมาจากสื่อก็มีชัยในสมรภูมินี้แหละครับ
อย่างที่เค้าพูดล่ะครับว่า "ยุคนี้เป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร" ใครสามารถเสนอข่าวให้เป็นไปในแนวทางที่ตนเองต้องการได้ก็มีชัย ครับ

เพราะอย่าลืมนะครับว่า พื้นฐานของผู้รับฟังข่าวสารมีวิจารญาณไม่เท่ากัน บางคนฟังครั้งแรกแล้วเชื่อ บางคนที่ต้องฟังหลาย ๆที่แล้วเชื่อ
บางคนฟังแล้วมาคิดก่อนแล้วจึงเชื่อ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าถ้า ใคร คุมเสื่อ ได้ก็ชนะ เพราะ ทุกคนเสพย์สื่อแล้วจึงเชื่อทั้งสิ้น

สนธิ ลิ้มฯ ยังเคยพูดเลยครับ ว่า สื่อมีหน้าที่รับใช้ทุน


ลองสังเกตุสิครับก่อนที่ นายมิ่งขวัญ จะมาบริหาร ช่องเก้า คุณดูช่องเก่ามากน้อยแค่ไหนครับ
แล้วตอนนี้คุณดูช่องเก้ามากน้อยแค่ไหนครับ

"สัมมาปัญญา" มันเป็นอุดมคติครับ
สื่อก็ต้องกินข้าว ส่งลูกเรียน ดูแลครอบครัว ช่างกล้อง ช่างไฟ คนขับรถ ต้องกิน ต้องใช้กันทั้งนั้น ครับ
จะมาปรับผังไม่เอากำไร มันเป็นไปไม่ได้ครับ

สมมุติลองให้คุณทำงานบริษัทแล้วเจ้านายบอกว่า "เอาล่ะเราจะรับใช้สังคมบ้าง"
เราจะตัดเงินเดือนพนักงาน 40 % มารับใช้สังคม ปลูกต้นไม้  คุณยอมไหมครับ ?

อย่าลืมนะครับว่าการรัฐประหารครั้งนี้มันเกี่ยวอะไร กับการปรับเปลี่ยนนโยบายของ ช่องเก้า ไม่เกี่ยวอะไรกันครับ ?
 

ขออนุญาตครับ

เว็บแมเนเจอร์จะถูกปิดครับ แต่พวกคุณก็ไม่เห็นว่ามันปิด
เพราะคำสั่งศาลปกครองช่วยเว็บผู้จัดการได้ทันครับ....

อีกอย่าง พันทิปที่ให้ห้องราชดำเนินปิดตัวเอง
มีส่วนเกี่ยวข้องกับ คมช.น้อยมาก ไม่มีใครสั่งให้ปิดครับ

ส่วนใครสั่ง ไปอ่านแถลงการณ์ในพันทิปดูก็ได้ หรือคุณไม่มีล็อกอิน  :!:



หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: Me. ที่ 07-11-2006, 16:47
ผมมีล็อคอินครับ
แต่ผมเห็นว่า ทำไมต้องไม่ให้คนที่ไม่มีล็อคอินไม่สามารถเข้าไปอ่านความเห็นใน พันธิพ ราชดำเนินได้ครับ
เหมือนกับว่าจะปิดกั้นผู้สนใจอื่นๆ ที่ไม่มีล็อคอิน
หรือเวปอื่น ๆที่ต้องโดนปิดไปในช่วงนี้ครับ
อนึ่ง เวปพันธิพ ห้อง ราชดำเนินก็โดนปิด โดยที่ไม่ต้องขึ้นศาลเลยนะครับ ?
ทำไมก่อนที่จะปิดไม่นำคำสั่งศาลมาเป็นคำสั่งก่อนล่ะครับ ?

ขอบคุณครับ



หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 07-11-2006, 16:51
สมัยทักษิณไม่ชอบใช้วิธีปิด
แต่ปลด ลูกเดียว  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 07-11-2006, 17:09
ถ้า พล.อ.สนธิ ขอความร่วมมือสื่อมวลชน ห้ามเอสเอ็มเอส หรืออะไรต่างๆ ก็ถือว่าก้าวเข้ามาในสิทธิเสรีภาพแล้ว เราก็ต้องใช้วิจารณญาณเอาตามปกติ ไม่ว่าสถานการณ์ปฏิวัติหรือสถานการณ์ทักษิณ

พูด กันตรงๆ ไม่ได้เข้าข้างคณะปฏิวัติ ทักษิณน่ะโหดกว่า เพราะใช้ธุรกิจเป็นเครื่องมือ เป็นอำนาจในการว่าจ้างหรือถอดถอน เป็นสิ่งมองไม่เห็น


อำนาจทางตรงดีกว่าทางอ้อมหรือ
มัน โหดร้ายกว่า อันนี้พูดตามความเป็นจริง ไม่ได้พูดสวยงาม กลัวเสียภาพลักษณ์ ผมเคยไปบรรยายที่รามคำแหงเรื่องบทบาทของสื่อมวลชนกับรัฐ ผมจะพูดถึงประสบการณ์ของผมตลอดรัฐบาลเปรมกับรัฐบาลทักษิณ ผมแฮปปี้มากในยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ เพราะพอทำรายการเขากั้น เขาห้าม แต่ไม่เคยฟันทิ้ง หรือทุบทิ้งทั้งหมดให้ลำบาก ไม่เคยตกงาน แต่พอมาถึงยุคคุณทักษิณ ถ้าไม่เป็นพวกเขามันไม่ได้ทำงานเลย เขาจะบอกคนที่คุมเราอยู่

ยุคพลเอกเปรม เขาจะเตือนเรามา ให้เราหยุด แต่ลูกน้อง ส่วนอื่นๆ ยังทำงานปกติเหมือนเดิม เพียงแต่ผมมันซ่ามากไป เขาก็ขอร้องให้หยุด คุณประสงค์ สุ่นสิริ นี่แหละที่เรียกไปคุย แต่ยุคคุณทักษิณนี่ไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนสั่ง รายการวิทยุผมทำมาเกือบ 20 ปีที่ต่อเนื่องกันมารายการเดียว และเป็นรายได้หลักที่เลี้ยงครอบครัว พอพูดไม่ถูกใจ สถานีก็โทรมาบอกให้หยุด แต่ถามว่าใครสั่ง ไม่รู้ ทั้งๆ ที่เรารู้แต่ก็พูดไม่ได้ เพราะสืบไปไม่ถึง อำนาจมืดแบบนี้มีอยู่ทั่วไป แบบนี้มันโหดร้ายกว่า เพราะมันเป็นธุรกิจและการเมืองปนกันหมด และแก้ปัญหาโดยระบบก็ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นยุคพลเอกเปรมมันพูดกันตรงๆ

พูดแล้วอาจจะดูไม่ดีเลย แต่โดยประสบการณ์ส่วนตัวผมว่าทักษิณแย่กว่าประสบการณ์ทหารที่ผมเคยเจอมาในอดีต ส่วนพล.อ.สนธิ ผมไม่ทราบ

แต่เขาคุมเนื้อหาการนำเสนอ
เขาคุมเฉพาะข่าว ไม่ได้เข้ามาคุมทั้งผังรายการ หรือเอาพวกเขาเข้ามาผลิตรายการ เพียงแต่ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน ยังไม่ได้มาสั่ง



หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: คนเดินดิน ที่ 07-11-2006, 17:13
แค่เปลี่ยนผู้บริหาร กลัวอะไรกันนักกันหนา

หรือกลัวถูกขุดคุ้ย


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: Me. ที่ 07-11-2006, 18:15
เปลี่ยนผู้บริหาร นโยบายก็เปลี่ยนสิครับ
งั้นทำไม เลือกตั้งเอา นายกฯ ยังต้องเดือดร้อนกันขนาดนี้ล่ะครับ ?

ผู้บริหารก็เหมือนผู้เล็งปืนแหละครับ ประชาชนก็เหมือนเป้า
ผู้บริหารเล็งหลุดไปนิดเดียวเป้าคะแนนก็เปลี่ยนแล้วครับ
พนักงานก็เหมือนกับทีมช่วยเหลือผู้บริหารเล็งเป้าพลาดแต้มน้อย
สปอนเซอร์ก็ถอนตัว ทีมช่วยเหลือก็ตกงาน สิครับ 


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-11-2006, 18:37
ไม่เคยคิดว่า อสมท. จะกล้าเปิดทางให้วิจารณ์นโยบายรัฐบาลขนาดนั้น

ต้องยอมรับว่า คืนนั้นเกือบ ๆ 3 ชั่วโมง เต็มอิ่มมาก ๆ ยังอยากให้มีรายการแบบนี้อีกบ่อย ๆ

ทั้ง ๆ ที่ฟังมาจาก การถ่ายทอดสดจากสภามา 16-17 ชั่วโมงก็ยังไม่อิ่ม

การเปิดเวทีแบบนี้ควรทำให้บ่อย ๆ อย่ามัวแต่หากำไรเลยครับ

เติมปัญญาให้ประชาชนมาก ๆ นั่นดีแล้ว พวกสถานีหาเงินน่ะ มีเยอะเกินไปแล้ว

ทำดีแล้ว ทำต่อไปครับ พวกพนักงานนนั้น เราก็แปลกใจที่ออกมาแสดงจุดยืนแปลก ๆ

นี่เล่นจะโกยเงินกันอย่างเดียว คงลืมวิชาชีพ ที่ต้องต้องทำกันแล้วละหรือ

หรือถือว่า "เงิน" เป็นใหญ่กันไปหมด


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 07-11-2006, 19:06
ฮิฮิ...

วันนี้ดุข่าวอสมท.แต่งชุดดำประท้วง...


แล้วผมนั้งๆคิดในใจว่า..เออคนพวกนี้มันมียางอายกันมั่งรึไม่...


ที่เที่ยวออกมาบอกว่าการที่ำแบบนี้....ไม่ได้ทำเพราะผลประโยชน์อะไร...


และผมก็สงสัยว่า..ถ้ามันบอกว่ามันไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์มันก็ต้องทำเพื่องประชาชนและองค์กรณ์ใช้รึไม่...

และถ้าใช้...


ผมก็สงสัยว่า..อีตอนเหลี่ยมมันใช้อสมท.ผ่านเขจ้มิ่งแหกตาประชาชน...

เหตุไรไอ้คนพวกนี้มันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน....

ไม่ออกมาอยู่ข้างประชาชนโดยการไล่เจ้มิ่งล่ะครับ...

ถุ้ย..
 


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-11-2006, 20:21
สงสัยเป็นพวกทาสน้ำเงิน ที่ถูกปลดปล่อยแล้วไม่รู้จะไปใหนมากกว่าครับ


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 07-11-2006, 21:04
อสมท สร้างโคตรยาก เจ๊งโคตรง่าย กลับไปอยู่ยุคมืดอย่างเดิม ไอ้พวกทำไม่เป็นเห็นคนทำเป็นก็คิดว่าง่าย
พอตัวเองจะทำบ้าง แค่เริ่มต้นก็เน่าแล้ว สงสารพนักงาน ใครๆ ก็อยากให้องค์กรตัวเองก้าวหน้า มีความภาค
ภูมิใจในการทำงาน ไม่ต้องมาทำเช้าชามเย็นชาม เจอคนเก่งแต่ปากก็อย่างงี้แหละ สัมมาปัญญาอ่อน


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 07-11-2006, 21:16
ชาว อสมท.ที่แต่งชุดดำไปประท้วงที่ทำเนียบรัฐบาลนั้นเกรงว่า
คณะกรรมการบริหารชุดใหม่และรักษาการกรรมอำนวยการคนใหม่
ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนท์เพื่อธุรกิจและรับใช้
ทักษิณ ให้เป็นสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลและประชาชน  ประท้วงเพราะ.....

1. เกรงว่าจะเสียผลประโยชน์ที่เคยได้รับจากสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาล
จากภาษีของประชาชน ที่มีสิทธิพิเศษในฐานะองค์การของรัฐ อสมท. ที่มีเครือข่ายสถานี
วิทยุกระจายเสียงที่นำไปให้เอกชนเช่าไปทำธุรกิจเป็นรายได้พิเศษ
และ"โฆษณาชวนเชื่อ"ให้ทักษิณ ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชน....


2. เกรงว่าคณะกรรมการชุดใหม่นี้จะย้อนกลับไปเป็นองค์การโฆษณาชวนเชื่อและ
แหล่งหากินเฉพาะกลุ่ม ซึ่งไม่ได้เบ่งปันกว้างขวางกว่า ตกถึงมือคนที่ร่วมประท้วง...

3. เกรงว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะทำสถานีโทรทัศน์เพื่อประชาสัมพันธ์รัฐบาลใหม่
และเพื่อให้ประชาชนได้สิทธิเสรีในการแสดงความคิดเห็นที่ไม่มีโอกาสในขณะที่เป็น
"โมเดิร์นไนน์" จะได้ใช้เวลาเพื่อสาระและสิทธิการแสดงความคิดเห็นบ้าง ไม่ปิดกั้นการ
แสดงความคิดเห็นคนละฝ่ายกับทักษิณ....


ชาวอสมท. ประท้วง เพราะอะไร :?:



หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 07-11-2006, 21:25
อสมท สร้างโคตรยาก เจ๊งโคตรง่าย กลับไปอยู่ยุคมืดอย่างเดิม ไอ้พวกทำไม่เป็นเห็นคนทำเป็นก็คิดว่าง่าย
พอตัวเองจะทำบ้าง แค่เริ่มต้นก็เน่าแล้ว สงสารพนักงาน ใครๆ ก็อยากให้องค์กรตัวเองก้าวหน้า มีความภาค
ภูมิใจในการทำงาน ไม่ต้องมาทำเช้าชามเย็นชาม เจอคนเก่งแต่ปากก็อย่างงี้แหละ สัมมาปัญญาอ่อน



ถ้าทำสถานีโทรทัศน์ อสมท.ให้เป็นสถานีโทรทัศน์เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลงานของรัฐบาลในรัฐบาลก่อนหน้ารัฐบาลทักษิณเป็นเรื่องยากและให้ความรู้ ให้ความเข้าใจแก่ประชาชน และให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นเสรีนั้นยาก เพราะข้าราชการที่บริหารได้รับผลประโยชน์ไม่มากนัก ไม่มีกำลังใจจะทำให้ดีได้.....

ถ้าทำสถานีโทรทัศน์ โมเดิร์นไนน์ ให้เป็นสถานีโทรทัศน์เพื่อโฆษณาชวนเชื่อให้รัฐบาลทักษิณ และได้รับผลประโยชน์ทางธุรกิจ  เป็นเงินทอง เป็นหุ้นเพิ่มเติมจาก สถานีโทรทัศน์ที่สร้างจาก"ภาษีประชาชน" เงินเดือนจาก"ภาษีประชาชน" และเครื่องมือเครื่องไม้จาก"ภาษีประชาชน" และสิทธิพิเศษเครือข่ายสถานีวิทยุกระจายเสียงสร้างจาก"ภาษีประชาชน" เหมือนกัน....ทำง่ายครับ ผมก็ทำได้ ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 07-11-2006, 21:29
ทำได้ไม่มานั่ง post ไร้สาระให้เวลาหมดไปวันๆ อย่างนี้หรอก ยอมรับตัวเองหน่อยเถอะ มีกี่คนทำได้บ้าง
ITV ยังทำได้ไม่เท่้ามิ่งขวัญเลย เค้าเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตั้งแต่อยู่โตโยต้าโน่น แล้วอสมท.เป็นองค์กร
ที่แสวงหากำไรนะครับ ไม่ใช่การกุศล อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ใช่เครื่องมือของใคร การทำงานก็มีหลักมี
เกณฑ์ทั้งนั้น เป็นบริษัทมหาชนที่มีการตรวจสอบรัดกุม มีไม่กี่คนที่บริหารได้


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 07-11-2006, 21:34
 และเมื่อกี้...

ดูไอทีวี..นางอรวรรณ กริ่มวิรัตน์์กุล..

บอกว่าไม่เคยมีรัฐบาลไหน..นั้นเเทรกเเซงอสมท.มากมายขนาดนี้..

ทั้งๆที่เป็นรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง...


เลยทำให้ผมสงสัยอีกว่า...

สรุปว่างานนี้เขามาประท้วงอะไรกันครับ...

มาประท้วงรัฐบาล..เรื่องการยึดอำนาจรึไง...

ถึงมาพูดประเด็นเลือกตั้งไม่ได้เลือกตั้ง..รึงานนี้เป็นการฝนตกขี้หมูไหล...


และสงสัยต่อไปว่า..นางอรวรรณไปอยู่ไหนมา..

อีตอนที่จู่ๆเมื่อพี่น้องปากตลาดของคุณอภิสิทธิ์ไม่มาออกถึงลูกถึงคน..ก็เลยทำให้คุณอภิสิทธิ์ที่ต้องบินกลับมาจากภูเก็ตไม่มีสิทธิ์..


ผมจักถามว่าความจริงคืนนั้นใครเป็นคนขอ..  ใครเป็นคนสั้งสรยุทธิ์.. ว่่าไม่ให้อภิสิทธิ์มันออกน่ะ....

นางอรวรรณช่วยมาตอบผมที..เถอะ..


และยังไม่ร่วมเวลาสนธิมันชี้เเจงเรื่องการปลดรายการมัน..

ที่มันชี้เเจงมันเเทบไม่เคยเอามาออก..


แต่พอไอ้คณะเจ้มิ่งคือนายเรวัติ..กะนายธงทองชี้เเจงดันออกซะยาวเป็นหางว่าว..

สุดท้ายนี้หรือเขาเรียกว่าไม่ได้เเทรกเเซง..


และยังไม่รวมรายการการเมืองดีๆที่ต้องหลุดจากผังไปเมื่อครั้งเหลี่ยมและซือเจ้คุ้มช่อง๙

 


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 07-11-2006, 21:53
ทำได้ไม่มานั่ง post ไร้สาระให้เวลาหมดไปวันๆ อย่างนี้หรอก ยอมรับตัวเองหน่อยเถอะ มีกี่คนทำได้บ้าง
ITV ยังทำได้ไม่เท่้ามิ่งขวัญเลย เค้าเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตั้งแต่อยู่โตโยต้าโน่น แล้วอสมท.เป็นองค์กรที่แสวงหากำไรนะครับ ไม่ใช่การกุศล อยู่ในตลาดหลักทรัพย์  ไม่ใช่เครื่องมือของใคร การทำงานก็มีหลักมี
เกณฑ์ทั้งนั้น เป็นบริษัทมหาชนที่มีการตรวจสอบรัดกุม มีไม่กี่คนที่บริหารได้



คุณมิ่งขวัญ รู้ว่าจะมีคนอย่างคุณชอบแถและคิดอย่างนี้
เขาจึงกล้าเอา อสมท.ที่สร้างด้วยเงินภาษีอากร และ เครือข่ายวิทยุ ของ อสมท.ไปใช้ประโยชน์ของเพื่อหากินพิเศษ...

ถ้ามีคนอย่างคุณ รสนา ฟ้องร้องศาลปกครองสูงสุด 
คุณมิ่งขวัญจะ"พลิกลิ้น"ว่า อสมท.ยังเป็นของรัฐวิสหกิจที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้น 70 % :!:

การไฟฟ้ฝ่ายผลิต กฟผ. มีราคาเพราะทักษิณนำสายไฟ เสาไฟ และเขื่อน ไปให้บริษัทมหาชนครอบครอง....


อย่าใช้"ลิ้น"นิติกรบริการและอลัชชีกฏหมายในยุคนี้อีกเลย...........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

อย่ายอมให้คนเห็นว่าโง่ ไม่มีสติปัญญา และ คิดตื้นเขิน เพราะผลประโยชน์ที่ได้รับ....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 07-11-2006, 21:58
และในวันนี้เท่าที่เป็นหน้าเป็นตานอกจากนางอรวรรณ..

ก็มีอีกคนที่วันนี้เห็นออกงิ้ว ออกลิเกขนานใหญ่...


ก็คือไอ้ตุ้ย..ลูกชายบิ๊กหอย..อีกคน... 


ที่พ่อมันก็เกาะฟุตบอลกิน...

ส่วนลูกก็เกาะคลื่นวิทยุ...สงสัยคงเลียนเบบพ่อ...กระมัง...


และในช่วงเจ้มิ่ง...ไม่ว่ามีคลื่นอะไรใหม่ๆที่่เป็นวัยรุ่น..เจ้มิ่ง..ก็ให้ตุ้ยจัดการทั้งนั้น..ไม่รู้จริงๆว่าเจ้แกโดนใจอะไรกะตุ้ย...

จริงชอบให้ตุ้ยมาดูแล...


ก็เลยทำให้วันนี้นั้นได้เห็นวันนี้ตุ้ย..ออกงิ้ว ออกลิเกขนานใหญ่... ว่าไม่ดีแบบนั้นแบบนี้...

แต่ความจริงแล้วตุ้ยกลัวหากินกะอสมท.ไม่ได้ซะมากกว่า...


เพรระตั้งแต่เจ้มิ่งเข้ามา..ตุ้ยนั้นฟันเงินไปจากอสมท.เท่าไหร่แล้วก็มิทราบได้...

และวันนี้พงศ์ศัิกดิ์จักมาล้างบางคลื่นตุ้ย..จักให้ตุ้ย..อยู่นิ่งได้ไง..
 

สุดท้าย..คลื่นที่ตุ้ยทำดีแค่ไหน..ไม่เคยฟัง..แต่ก็คงจักไม่พ้นเเนวเปิดเพลงตลาดหากินกะวันรุ่นอิงค่ายเทปไปวันๆ..

แล้วแบบนี้มันอุดมปัญญาตรงไหน..

ใครช่วยตอบผมที...


นอกจากมันจักเป็น.. สังคมอุดมทุน...


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 07-11-2006, 22:12
จากหวังว่า เจ๊มิ่ง ต้องกลับมาเป็นบอร์ดอสมท แต่เหตุการณ์ไม่เป็นดังคาด

การประท้วงของพนักงานอสมทเสี่ยงมาก ที่จะถูกมองว่าออกมาปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง

เพราะ คนใหม่เข้าไปยังไม่ทันได้ทำอะไรที่เห็นผลงานเลย... แค่เอาคำบางคำมาเพื่อประท้วง ไม่ได้มีน้ำหนักอะไรเลย....  :slime_cool:


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-11-2006, 23:03
พวกเค้าผิดหวังที่ไม่ได้สวาปามผลประโยชน์ของชาติมั๊ง เลยออกอาการ


หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: Naymoon ที่ 07-11-2006, 23:17
เอ่อ...ผมว่าคุณชอบแถก็สุดโต่งเกินไปนะ ต่อให้เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะมุ่งเน้นกำไรครับ

บางตัวเกี่ยวเนื่องกับส่วนรวมมากๆ ปันผลน้อยๆ ก็มีครับ ไปเน้นเอาราคาหุ้นที่สูงขึ้นเพื่อให้ผู้ถือหุ้นขายทำกำไรจากตรงนั้นแทน
(แต่ปันผลน้อยนี่บางทีรายได้อาจสูงอยู่บ้าง แต่จำเป็นต้องนำไปใช้ในกิจการก็ว่ากันไป)



สำหรับรายการเก่าๆ ที่มาจาก UBC นั้น
ผมกลับมองอีกมุมว่า  ถ้าเป็นรายการดีมีประโยชน์ (มีตัวไหนบ้างก็ไม่ทราบ)
เรามองไปที่ประเด็นนั้นดีกว่า ว่ารายการที่นำมานั้นดีหรือไม่
อย่างตามรอยพระพุทธเจ้านี่น่าจะใช่ ผมชอบนะ (เคยดูอยู่อันเดียวน่าจะใช่)

การลงทุนสิ่งสำคัญคือ ลงทุนแล้วคุ้มค่า อสมท. ก็เช่นกัน
คุ้มค่าในแง่ไหนๆ ก็คงต้องไปดูว่าเน้นอะไร

จริงๆ ที่ควรที่สุดคือ  "ได้ทั้งความรู้และมีทั้งกำไรแบบพอควร"  
หรือที่เราเรียกๆ กันว่า  "แบบพอเพียง"  ไม่ใช่ มาบอกว่าไม่เน้นกำไร


เพราะถ้าจะบอกเน้นข่าวสารความรู้ ไม่สนกำไร
ผมกลัวจะกลายเป็นทำนองว่า (สมมุติในแง่ร้ายเลยนะ)

แทนที่เราจะได้รายการดีๆ และพอจะมีกำไร  ดังที่เขาเรียกกันว่า "พอเพียง หรือพอดี"
แทนที่จะไปเอารายการที่ได้พร้อมทุกอย่าง แต่อาจไม่ดีสุดๆ

เราใช้เหตุผลว่ารายการนั้น/นี้ ดีกว่า
กลายเป็นไปซื้อรายการที่หาผู้สนับสนุนหรือสปอนเซอร์น้อยๆ หรือแม้แต่ไม่มีคนสนใจจะดู
แต่เป็นรายการที่ถือว่าเป็นวิชาการ หรือเป็นข่าวสาร  แล้วเราก็บอกเนี่ย รายการดีมีความรู้  
"ซึ่งมันก็ใช่ไม่ผิดด้วย"  แต่ถ้าเป็นการเอื้อประโยชน์กับผู้ดำเนินรายการละครับ
ปัญหาก็วนกลับมาอีก กลายเป็นอย่างที่เขาว่าแดนสนธยาหรือเปล่า

ผมกลัวจุดนี้มากกว่า ขาดทุนไปก็ไม่เป็นไรเพราะไม่ได้เน้นกำไร เน้นความรู้ กลายเป็นข้ออ้างไป



จริงๆ รายการที่มีผู้สนับสนุนไม่เยอะ คนไม่ค่อยดูเครียด แต่เป็นรายการดีๆ "ก็นำมาลงได้ครับ"
แต่นั่นหมายถึงรายการอื่นๆ สร้างรายได้ให้มากพอ   ซึ่งตรงจุดนี่ก็ต้อง "ดูโดยรวม"
ก็จะกลับเข้ามาคำว่าพอเพียงอีกนั่นล่ะ


ซ้ายตกเหว ขวาตกตึกนี่ไม่เอา ขอกลางๆ ได้ไหมเนี่ย..



หัวข้อ: Re: กาแฟดำ : 'ค่า'ของ อสมท อยู่ที่ความเป็นอิสระ
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 08-11-2006, 10:27
เอ่อ...ผมว่าคุณชอบแถก็สุดโต่งเกินไปนะ ต่อให้เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะมุ่งเน้นกำไรครับ

บางตัวเกี่ยวเนื่องกับส่วนรวมมากๆ ปันผลน้อยๆ ก็มีครับ ไปเน้นเอาราคาหุ้นที่สูงขึ้นเพื่อให้ผู้ถือหุ้นขายทำกำไรจากตรงนั้นแทน
(แต่ปันผลน้อยนี่บางทีรายได้อาจสูงอยู่บ้าง แต่จำเป็นต้องนำไปใช้ในกิจการก็ว่ากันไป)



สำหรับรายการเก่าๆ ที่มาจาก UBC นั้น
ผมกลับมองอีกมุมว่า  ถ้าเป็นรายการดีมีประโยชน์ (มีตัวไหนบ้างก็ไม่ทราบ)
เรามองไปที่ประเด็นนั้นดีกว่า ว่ารายการที่นำมานั้นดีหรือไม่
อย่างตามรอยพระพุทธเจ้านี่น่าจะใช่ ผมชอบนะ (เคยดูอยู่อันเดียวน่าจะใช่)

การลงทุนสิ่งสำคัญคือ ลงทุนแล้วคุ้มค่า อสมท. ก็เช่นกัน
คุ้มค่าในแง่ไหนๆ ก็คงต้องไปดูว่าเน้นอะไร

จริงๆ ที่ควรที่สุดคือ  "ได้ทั้งความรู้และมีทั้งกำไรแบบพอควร"   
หรือที่เราเรียกๆ กันว่า  "แบบพอเพียง"  ไม่ใช่ มาบอกว่าไม่เน้นกำไร


เพราะถ้าจะบอกเน้นข่าวสารความรู้ ไม่สนกำไร
ผมกลัวจะกลายเป็นทำนองว่า (สมมุติในแง่ร้ายเลยนะ)

แทนที่เราจะได้รายการดีๆ และพอจะมีกำไร  ดังที่เขาเรียกกันว่า "พอเพียง หรือพอดี"
แทนที่จะไปเอารายการที่ได้พร้อมทุกอย่าง แต่อาจไม่ดีสุดๆ

เราใช้เหตุผลว่ารายการนั้น/นี้ ดีกว่า
กลายเป็นไปซื้อรายการที่หาผู้สนับสนุนหรือสปอนเซอร์น้อยๆ หรือแม้แต่ไม่มีคนสนใจจะดู
แต่เป็นรายการที่ถือว่าเป็นวิชาการ หรือเป็นข่าวสาร  แล้วเราก็บอกเนี่ย รายการดีมีความรู้ 
"ซึ่งมันก็ใช่ไม่ผิดด้วย"  แต่ถ้าเป็นการเอื้อประโยชน์กับผู้ดำเนินรายการละครับ
ปัญหาก็วนกลับมาอีก กลายเป็นอย่างที่เขาว่าแดนสนธยาหรือเปล่า

ผมกลัวจุดนี้มากกว่า ขาดทุนไปก็ไม่เป็นไรเพราะไม่ได้เน้นกำไร เน้นความรู้ กลายเป็นข้ออ้างไป



จริงๆ รายการที่มีผู้สนับสนุนไม่เยอะ คนไม่ค่อยดูเครียด แต่เป็นรายการดีๆ "ก็นำมาลงได้ครับ"
แต่นั่นหมายถึงรายการอื่นๆ สร้างรายได้ให้มากพอ   ซึ่งตรงจุดนี่ก็ต้อง "ดูโดยรวม"
ก็จะกลับเข้ามาคำว่าพอเพียงอีกนั่นล่ะ


ซ้ายตกเหว ขวาตกตึกนี่ไม่เอา ขอกลางๆ ได้ไหมเนี่ย..






ตามรอยพระพุทธเจ้านี้เป็นของพาโนราม่ารวมกะช่อง๙ทำใหม่เลยครับ...

ตัวนี้ผมก็ชอบ..ว่าจักซื้อดีวีดีเก็บไวยัังมิมีีเวลาเลย....


และถ้ามีใครมาถามผมว่า..ในการที่เจ้มิ่งเข้ามาอสมท.มันดีขึ้นไหม...

ผมก็จักไม่เถียงเลยว่ามันดี...


แต่ผมก็ว่าใช้ว่าจักว่าไอ้ส่วนที่เลวมันก็จักไม่มีเลย...

ซึ้งในที่นี้ผมจักขออธิบายง่ายๆ...ช่อง๙ตอนเจ้มิ่งคุมก็เหมือนเเม้วบริหารประเทศไทยนั้นแหละ..

ที่ว่าโกงแต่มีผลงาน...

 
 

และมาต่อกันที่ว่า..เดียวกลัวจักเป็นการเอื้อผลประโยชน์ระหว่างผู้จัด..แล้วจักกลับเป็นเเดนสธยา..

และผมก็จักขอถามว่าแล้วในกรณีของกรรมโกงข่าวล่ะครับ..

แบบนี้เป็นการเอื้อต่อผู้จัดรึไม่...


เพราะแค่สรยุทธิ์เอาตังไปคืนทางอสมท.เรื่องก็หายเข้ากลีบเฆษ..เพราะเจ้มิ่งมีหุ้นในไร่ส้มงั้นหรือ....

ทั้งที่เป็นบริษัทมหาชนเข้าตลาดหุ้น..

ต้องทำตัวให้โปร่งใส่...แต่กะในกรณีนี้จึงยังไม่มีการเเถลงการร์แบบชัดๆของอสมท.ออกมาล่ะครับ..

และเหตุไรพนักงานอสมท.จึงยอมกันอยู่ได้ทั้งๆที่มันเกิดขึ้นมาแบบเนี๊ย...


ฉะนั้น..การที่พนักงานอสมท.ไปประท้วงแบบตีครุมแบบนี้ผมจึงไม่ชอบอย่าไงล่ะครับ..

ที่ว่าโยงเรื่องตั้งเเต่สากเบือยันเรือรบ...

มาหาเรื่องว่าบอร์ดและผู้บริหารชุดนี้...

ทั้งที่เมื่อก่อนตอนเจ้มิ่งมันก็มิใช้ว่าดีซักเท่าไหร่..มิใช้หรือ.แต่เหตุไรจึงยอมกันได้ล่ะครับ...



หัวข้อ: "สนธิ" ท้าคนอสมท.ออกรายการเมืองไทยรายสัปดาห์
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 08-11-2006, 10:29
"สนธิ"ท้าคนอสมท.ออกรายการเมืองไทยรายสัปดาห์
8 พฤศจิกายน 2549 10:04 น.
"สนธิ" เชิญ "อรวรรณ" พนักงาน อสมท.ออกรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ระบุ กล้าวิจารณ์คนอื่น ก็ต้องกล้ารับฟังด้วย


นายคำนูณ สิทธิสมาน ผู้ดำเนินรายการสภาท่าพระอาทิตย์ กล่าวในรายการเช้าวันนี้ โดยเรียกร้องให้พนักงานองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย เข้าร่วมในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรในวันศุกร์นี้   เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงถึงข่าวรัฐมนตรีดอกคุยกับผู้ผลิตรายการคนนอกเพื่อเปลี่ยนแปลงผังรายการของอสมท.

" อยากให้พนักงาน อสมท. ตอบกลับคำถามคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ด้วย ถ้าจะให้เกียรติกัน  คุณสนธิก็ขอเชิญ คุณอรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล (ผู้ประกาศข่าวอสมท.)และเพื่อนๆมาถามตรง ตอบตรง ในห้องส่งที่จะมีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศ ทั่วโลก ถ้าจะถามก็กล้ามาถามเลย และคุณสนธิก็มีหลายคำถามที่จะถามคนเหล่านี้เช่นกัน" นายคำนูณ กล่าวท้าทาย

เมื่อวานนี้ พนักงานอสมท.กว่า 100 คน แต่งชุดดำมาชุมนุมคัดค้านการทำงานของคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) อสมท. ชุดใหม่ ที่มีนายพงษ์ศักดิ์ พยัคฆวิเชียร ทำหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท. พร้อมยื่นหนังสือให้พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรฐมนตรี เนื้อหาโจมตีบอร์ดชุดใหม่ปรับเปลี่ยนนโยบายอสมท.จากสังคมอุดมปัญญา มาเป็นสัมมาปัญญา โดยอ้างแนวทางการทำงานที่ไม่เน้นผลกำไร เพราะตัวเลขกำไรของอสมท. คือความขาดทุนของรัฐ ที่ต้องไปเยียวยาสังคม

เนื้อหาของหนังสือยังระบุถึงผู้บริหารระดับสูงของอสมท.เข้าพบนายธีรภัทร์เสรีรัรงสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลอสมท. ก่อนที่จะมีการประกาศรายชื่อบอร์ดบริหารชุดใหม่ โดยมีนายค. ตัวแทนจากนสพ.ผู้จัดการ นายอ.และฝ่ายขายของเครือเนชั่น นายจ.นักวิชาการ นักจัดรายการ และอดีตส.ว. ชื่อดัง ขอเวลา Prime Timeของโมเดิร์นนายทีวีเพื่อจัดรายการด้วย

นายคำนูนยังได้กล่าวย้ำด้วยว่า หากพนักงานอสมท.อยากทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็ให้มาร่วมในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์วันศุกร์นี้ ถ้าไม่มาก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อกล้าวิพากษ์ วิจารณ์คนอื่น ก็ต้องกล้ารับฟังคนอื่นเช่นกัน ต้องถามด้วยว่าพวกคุณถือสิทธิอะไรออกมาประท้วงใหญ่โตเช่นนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้อสมท.เหมือนอยู่ในยุคมืดแต่พนักงานกลับไม่ยอมทำอะไรเลย

" พวกคุณยอมที่จะอยู่ใต้รัฐบาลเผด็จการ ยอมให้เขากดขี่ แต่ไม่เคยออกมาเรียกร้องถึงการทำงานในหน้าที่สื่อมวลชนเลย หรือบางรายการถูกถอดออกอย่างไม่เป็นธรรม ก็ไม่เห็นพวกคุณทำอะไรเลย หรือว่าคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีตผอ.คนเก่า ทำผลกำไรให้พวกคุณดี หรือกลัวหุ้นจะตกทุกคนเลยนั่งกันเงียบ" ผู้ดำเนินรายการสภาท่าพระอาทิตย์ กล่าว

นายคำนูณกล่าวอีกว่า อสมท.เป็สถานีโทรทัศน์โดยภาษีอาการของประชาชน แม้จะแปรรูปไปเป็นบริษัทมหาชนแล้วก็ตาม แต่รัฐก็ยังถือหุ้นข้างมาก ถ้างานมีปัญหามันก็หนักหัวตนเองซึ่งถือเป็นประชาชนคนหนึ่ง เวลาคุณอรวรรณให้สัมภาษณ์ ก็มีคนมายืนถือตะเกียง ก็ทำให้สงสัยเหมือนกันว่า ทำไมช่วงที่บ้านเมืองมีปัญหากระนั้นหรือถึงไม่ออกมาอย่างนี้

พร้อมกันนี้นายคำนูณ ยังได้ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ทำไมโพสต์ทูเดย์จึงลงข่าว อสมท.หน้า 1 มาตลอด เพราะต้องมาดูว่าไทยโพสต์ เป็นของใคร หรือหน้าบันเทิงไทยรัฐ ที่ออกข่าวนี้ เขาคงกลัว คุณสนธิจะเข้าไป แล้ว"ตุ้ย"ธีรภัทร สัจจกุล เป็นใคร ถึงออกมาเคลื่อนไหวออกนอกหน้าเช่นนี้  

"รู้สึกคุณตุ้ยเป็นลูกชายของบิ๊กหอย ซึ่งเป็นอดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย ที่คุณมิ่งขวัญเชิญมาเป็นผู้บริหารคลื่นซีดเรดิโอ จัดรายการทางสถานีวิทยุอสมท. ก็คงเป็นคนที่มีคุณลักษณะคล้ายๆกัน ซึ่งตอนแรกเห็นแสดงความดีในกันใหญ่ขนาดกอดหน้ากอดหลังกันอย่างน่าเสียวไส้ " นายคำนูณ ระบุและว่า  "ทำให้ผมเองยังงงและสับสนกับคำขวัญของอสมท.ว่าสังคมอุดมปัญญา หรือสังคมอุดมประเทืองกันแน่"  

ผู้ดำเนินรายการสภาท่าพระอาทิตย์ กล่าวอีกว่า หากบอกว่าแดนสนธยากลับมาแล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับพนักงาน อสมท. ที่ผ่านมามันเป็นแดนสนธยาที่คุณไม่ต่อต้านเลยต่างหาก คิดว่าคุณทักษิณ เป็นเทวดา จึงไม่กล้าทักท้วงอะไรเลย เป็นส่วนหนึ่งที่พนักงาน อสมท.ต้องรับผิดชอบด้วย แค่เรื่องนายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ ที่ถูกนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกฯทักษิณ ปลดออก ทั้งที่เป็นรายการของ อสมท.เอง  แต่คงพูดอะไรไม่เข้าหู นพ.พรหมินทร์ ทำไมพวกคุณไม่ออกมาแต่งดำประท้วงบ้าง ทำไมคน อสมท.ไม่เอามาพูดบ้าง

นายคำนูณกล่าวว่ามีผู้โทรศัพท์มาบอกว่าฟังรายการวิทยุที่คุณอรวรรณจัดอยู่ ขอความเห็นใจกับการที่เธอออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ และขอร้องให้โทรศัพท์เข้าโทรศัพท์มือถือของเธอจะดีกว่า และขอร้องว่าอย่าด่าก่อน ให้ฟังเหตุผลเธอบ้าง เมื่อรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ถูกถอด คุณอรวรรณ ก็โทรศัพท์มาแสดงความเสียใจ แต่ในหลักการในเนื้อหาการถกเหตุผลก็คนละเรื่องกัน ตนเห็นว่าคนที่ไปชุมนุมจะเป็นผู้จัดรายการปัจจุบันเสียส่วนหนึ่ง และไม่ใช่พนักงาน อสมท. อย่างกรณี คุณธีรภัทร สัจจกุล แต่กระทำออกไปในนาม พนักงาน อสมท.  คงมีความเกรงกลัวจะกระทบรายการตัวเองจะถูกถอดออกหรือไม่

"ผมเคยตั้งข้อสังเหตุว่า เมื่อมีการปฏิวัติฯแล้ว ไม่มีการพูดถึงความผิดของรัฐบาลทักษิณ  รมต.ธีรภัทร์ ก็เชิญคุณสนธิ คุณอดิศักดิ์ จากค่ายเนชั่น อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ไปพบปะพูดคุยไม่เป็นทางการ อสมท.ก็คุณชิดณรงค์ ก็รับทราบเพียงเลา ๆ ว่า มีดำริหารือความเป็นไปได้ให้ อสมท. เปิดทางให้ผู้ผลิตรายการเก่าที่ถูกถอดออกไปในรัฐบาลที่แล้ว กลับเข้ามาใหม่ แต่การดำริของเขาไม่ใช่การลงไปแทรกแซง หรือสั่งการ รมต.ธีรภัทร์ ก็ยืยันว่ารัฐบาลจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ให้สิทธิเสรีเต็มที่ ให้อสมท.ดำริเองว่าทำได้แค่ไหน โดยรัฐไม่เข้าไปยุ่งด้วย........

ซึ่งนายชิดณรงค์ก็บอกว่ามีความเป็นไปได้ที่สามารถทำได้ทันทีเลย คือ อสมท.คิดก่อนแล้วจะปรับรายการถึงลูกถึงคน ของคุณสรยุทธ์ สุทัศนจินดา ด้วยเหตุผลหลายประการ และอยากเปิดช่วงเวลานั้น เป็นรายการทอล์ค ประเภทการบ้านการเมือง และเชิญผู้จัดรายการเก่ามาร่วม อาจจะเป็นรายการชื่อเดียวกับด้วยซ้ำ และหลังรัฐบาลแถลงนโยบายแล้วเปิดผังชั่วคราว ส่วนการปรับผังใหม่เอาไว้ปีหน้า วันนั้นก็มีการพูดกันเรื่องของเวลา 5 ทุ่มที่เห็นกันว่าดึกไป "


ส่วนการกระทำของรมต.ธีรภัทร์ ผิดหรือไม่ นายคำนูนยืนยันว่าไม่ผิด เพราะเขากำกับดูแล เนื่องจากรัฐบาลถือหุ้นข้างมาก เขาไม่ได้ลงไปสั่ง เขาเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมา  นายชิดณรงค์บอกว่าจะไปเชิญบอร์ดในวันรุ่งขึ้น และไม่เกี่ยวกับรายการคุยคุ้ยข่าว หรือรายการกบนอกกะลา  ก่อนตนไปคุณสนธิคุยกับตนให้ไปฟัง คุณสนธิยืนยันว่า รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ อยู่ที่เอเอสทีวี เวลา 1 ทุ่ม ถ้าจะให้กลับไปช่อง 9 ก็ให้เป็นการต่อสัญญาณไป และถ้าเวลาไม่ได้ ก็ให้จัดที่อสมท.1 ชั่วโมง แล้วมาต่อที่เอเอสทีวี แต่ถ้าดึกกว่านี้ไม่เอา เพราะคุณสนธิไม่ไหว

"ผมอยากจะบอกว่า หลังยึดอำนาจมีผู้หลักผู้ใหญ่มาเสนอคุณสนธิ ให้เป็น ผอ.อสมท. หรือ ผจก. หรือประธานบอร์ด อสมท. แต่คุณสนธิก็บอกว่าไม่เอา เพราะลั่นวาจาเอาไว้แล้ว" ... "วานนี้ผมวิจารณ์รายการของอสมท.ว่าห่วย....ออกไป ก็รู้ว่าพูดแรงไป แต่ก็เสียใจเล็กน้อย แต่ไม่เสียใจที่พูด เพราะถ้า อสมท.ไม่พัฒนาคนตัวเองก็น่าคิด เชิญคุณอรวรรณ ในวันศุกร์ที่คุณสนธิจะมีการพูดคุย จนถึงวันนี้ก็ไม่ทราบว่ากลุ่มผู้จัดที่ถูกทาบทามเข้าไปจะรู้สึกอย่างไร เขาจะยังจัดอยู่อีกหรือ"

ขณะที่นายปานเทพ วงศ์พัวพันธ์ ผู้ดำเนินรายการอีกท่านหนึ่ง กล่าวว่า อยากให้มองรายการดีดี ของ อสมท. แต่ทั้งหมดเป็นรายการจากข้างนอกมาทำ ก็เป็นห่วงว่าหาก อสมท.จะอยู่รอดอย่างไรในระยะยาว หากไม่มีรายการของตัวเอง ถ้าไม่พึ่งตัวเอง พึ่งแต่ค่าสัมปทานอย่างเดียวอยู่ได้ยาก มันต้องคิดในระยะยาว อย่างไอทีวี เขาทำงานรับใช้ระบอบทักษิณก็เป็นจุดยืนเขา แต่เขาทำงานด้วยทีมเขาเองด้วยมืออาชีพแล้ว อสมท. ที่หุ้นส่วนใหญ่มาจากประชาชนคุณรับใช้ใครระหว่างผู้จัดรายการ ประชาชน หรือหุ้นของพนักงาน อสมท.เอง

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (http://www.bangkokbiznews.com/level3/news_119106.jsp)

(http://pics.manager.co.th/Images/549000016020501.JPEG)

ข่าวเก่า ผู้จัดการออนไลน์เมื่อวานนี้

• “ธีรภัทร์” ชนม็อบ อสมท - ยันตั้ง “เดอะป๋อง” หวังพัฒนาเป็นสื่อแท้ (http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000137892)
• “พงษ์ศักดิ์” ย้ำไม่ “ปัญญาอ่อน” ถอดรายการน้ำดีพ้นผังรายการ อสมท.  (http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000137923)

ถัดมาด้วย ผู้จัดการรายวัน ฉบับเช้าวันนี้ ตีพิมพ์ข่าว อสมท.ตามมา

• "ธีรภัทร์"แฉมีกลิ่นเน่าใน“อสมท” พนักงานแต่งดำร้องปลดบอร์ด-เปลี่ยนรมต. (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000137912)

และคอลัมนิสต์ในเครือผู้จัดการ ตีพิมพ์วิพากษ์วิจารณ์ความเคลื่อนไหวใน อสมท.อย่างเผ็ดร้อน

• แนวรบ อสมท / หน้ากระดานเรียงห้า โดย สำราญ รอดเพชร  (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000137822)
• ขอโทษครับ ชาวอสมท ผมผิดไปแล้ว / บทความ โดย โดย ปัญจภัทร อังคสุวรรณ (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000137990)

ล่าสุด ประเด็นข่าวความขัดแย้งใน อสมท. กำลังถูกนำขึ้นเว็บผู้จัดการ มีคนแสดงความคิดเห็นทะลุหลักร้อยแล้วในเวลา 1 ชั่วโมง   :!:

• “สนธิ” ท้าพนักงาน อสมท ออกทีวีพิสูจน์ใครกันแน่แบ่งเค้ก-รุมทึ้ง (http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000138124)

(http://pics.manager.co.th/Images/549000016010401.JPEG)


หัวข้อ: เครือมติชนชี้แจงไม่เกี่ยว"พงษ์ศักดิ์"รับตำแหน่งในอสมท.
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 08-11-2006, 11:41
เครือมติชนชี้แจงไม่เกี่ยว"พงษ์ศักดิ์" รับตำแหน่งใน อสมท.  
ผู้บริหารเครือมติชน ระบุ “พงษ์ศักดิ์”รับตำแหน่งในอสมท.ไม่เกี่ยวมติชน

(8พย.) นายสมหมาย ปาริจฉัตต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.มติชน ชี้แจงกรณีนายพงษ์ศักดิ์ พยัคฆวิเชียร กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.มติชน มารับตำแหน่งกรรมการ บมจ.อสมท และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ว่า เป็นการตัดสินใจส่วนตัวของนายพงษ์ศักดิ์ เป็นความปรารถนาดีที่จะทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม และองค์กร อสมท ตามความรู้และประสบการณ์ด้านสื่อสารมวลชนที่มีมา บมจ.มติชน ไม่เคยมีมติในเรื่องนี้ และขอยืนยันว่า บมจ.มติชน ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องนี้แม้แต่น้อย

"มติชนมีความเชี่ยวชาญด้านสิ่งพิมพ์ยืนยันจะดำเนินธุรกิจด้านนี้เป็นหลัก และดำรงอาชีวะปฏิญาณในการประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน เพื่อสังคมส่วนรวม และยึดมั่นในสิทธิเสรีภาพ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าองค์กรใด" นายสมหมาย กล่าว
 
คมชัดลึก (http://www.komchadluek.net/2006/11/08/a001_63338.php?news_id=63338)

***

ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ อสมท.ในวันนี้ที่ตีพิมพ์ลงในมติชน ฉบับวันนี้พาดหัวข่าว "พงษ์ศักดิ์"ยันทำหน้าที่"อสมท"แค่3เดือน "ทหาร"พรึ่บบอร์ดรสก.-"สพรั่ง"ปธ.ทีโอที สาระสำคัญตามที่เราได้นำมาเสนอมีดังนี้

(ข่าวเก่า ตีพิมพ์ในมติชนเช้าวันนี้)ฃ

(http://www.matichon.co.th/newsphoto/matichon/p0109081149p1.jpg)

ไม่ถูกใจ - พนักงานบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) แต่งดำชุมนุมประท้วง ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พร้อมยื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ขอให้พิจารณาเปลี่ยนแปลงตัวรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้บริหาร อสมท

**อสมท.แต่งดำร้อง"สุรยุทธ์"

ทางด้านความเคลื่อนไหวของพนักงาน อสมท ที่ใช้ชื่อว่ากลุ่มพลัง อสมท ราว 150 คน ไม่พอใจการแต่งตั้งคณะกรรมการ อสมท ที่มีนายบุญปลูก ชายเกตุ เป็นประธานและบอร์ดอีก 10 คน รวมทั้งนายพงษ์ศักดิ์ พยัคฆวิเชียร รองประธานกรรมการทำหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท นัดกันแต่งชุดดำบริเวณหน้าอกเสื้อเขียนคำว่า "หยุดทำร้าย อสมท" ส่วนด้านหลังเสื้อ เขียนคำว่า "แดนสนธยามันกลับมาแล้ว" เดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ขอให้พิจารณาเปลี่ยนแปลงนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล อสมท และคณะกรรมการ อสมท

นางอรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล ในฐานะผู้ประสานงานและผู้สื่อข่าว อสมท ประจำทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า มีผู้บริหารระดับสูงของ อสมท เข้าพบนายธีรภัทร์ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนหน้าจะประกาศรายชื่อคณะกรรมการบริหาร อสมท ชุดใหม่ โดยการพบครั้งนั้น มีนาย ค. ตัวแทนจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ นาย อ.และฝ่ายขายของเครือเดอะเนชั่น นาย จ.นักจัดรายการและอดีต ส.ว.ชื่อดัง ที่เสนอขอเวลาไพรม์ไทม์ของโมเดิร์นไนน์ทีวีจากนายธีรภัทร์ ทราบมาว่าตกลงจัดสรรกันเรียบร้อยแล้ว

"อยากขอถามว่าพฤติกรรมดังกล่าวมีความเหมาะสมหรือไม่ถือเป็นการเปิดกว้างให้ผู้จัดรายการคุณภาพที่หลากหลายอย่างโปร่งใสตามที่ต้องการหรือไม่" นางอรวรรณกล่าว

**วอนแก้ปัญหาแตกแยก

นางอรวรรณกล่าวอีกว่า กลุ่มพลัง อสมท เห็นว่าสิ่งที่นายธีรภัทร์กำลังทำในฐานะผู้กำกับนโยบาย อสมท ถือเป็นการแทรกแซงการทำงานเกินไปหรือไม่ เพราะแม้แต่รัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งก็ไม่ทำเช่นนี้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ต้องการให้นายกรัฐมนตรีรับทราบปัญหาและช่วยดูแลความแตกแยกที่อาจจะเกิดขึ้น

นางอรวรรณกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังทราบข่าวมาว่าบอร์ด อสมท ควรจะรีบเร่งสรรหาตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ยังไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารในบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ซึ่ง อสมท และมติชน ต่างเป็นบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ถือเป็นการขัดต่อหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ และจากนโยบายที่ออกมาใหม่ ได้ส่งผลเชิงลบในตลาดหลักทรัพย์มูลค่านับหมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นธรรมต่อพนักงานหรือผู้ถือหุ้นรายย่อย อสมท รวมถึงกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่หรือไม่

**จี้"ธีรภัทร์"แจงนโยบาย"อสมท"

ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มสหภาพแรงงงานรัฐวิสาหกิจ อสมท นำโดยนายพัชระ สารพิมพา ประธานสหภาพแรงงานฯ เข้ายื่นหนังสือถึงนายธีรภัทร์เรียกร้องให้ชี้แจงเรื่องนโยบายของ อสมท ให้ชัดเจนและขอมีส่วนร่วมในการปรับปรุง อสมท ตามแถลงการณ์ที่ได้ให้ไว้เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน และประกาศจะลาออกทั้งคณะเปิดทางให้ชุดใหม่เข้ามาทำงานแทนเนื่องจากสมาชิกเห็นสหภาพแรงงานฯ ดำเนินงานล่าช้า

นายพัชระเปิดเผยว่า หลังจากยื่นจดหมายคณะกรรมการสหภาพแรงงานฯ จะประกาศลาออกทั้งคณะเปิดทางให้เลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพแรงงานฯ ชุดใหม่ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ใน อสมท ให้ดีขึ้นและเพื่อความเป็นเอกภาพในดำเนินงานกิจกรรมของพนักงาน

**"ธีรภัทร์"โต้ข่าวล้วงลูก

ต่อมานายธีรภัทร์เดินทางมายังรังนกกระจอกเก่าซึ่งเป็นห้องทำงานของสื่อมวลชนเพื่อแลกเปลี่ยนและชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเวลากว่า 30 นาที นายธีรภัทร์ยืนยันว่าไม่เคยแทรกแซงการบริหารงานของ อสมท เนื่องจากเป็นบริษัทมหาชน

ผู้สื่อข่าว อสมท รายหนึ่งได้สอบถามนายธีรภัทร์ว่าทราบข้อมูลเรื่องคำสั่งให้ อสมท ออกอากาศรายการเมืองไทยรายสัปดาห์เป็นเวลา 30 นาทีบ้างหรือไม่ นายธีรภัทร์ตอบว่าไม่ทราบเรื่อง ส่วนที่มีข่าวว่าเรียกผู้ประกอบการบางรายมาพบ ท่ามกลางกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนผังรายการนั้น นายธีรภัทร์กล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะปรับผังรายการ แต่ยอมรับว่าในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้เชิญนักจัดรายการบางคนมาหารือแนวทางการผลิตรายการให้มีคุณภาพและพัฒนารายการให้สร้างสรรค์ แต่ภายหลังมีบอร์ด อสมท ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบอร์ดพิจารณาและดำเนินการต่อไป ขอยืนยันว่าการพูดคุยกับนักจัดรายการในวันนั้น ไม่มีการพูดถึงการถอดรายการใดๆ ทั้งสิ้น

**"มติชน"ยันไร้ผลประโยชน์ทับซ้อน

ด้านนายสมหมาย ปาริจฉัตต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) ชี้แจงว่า กรณีนายพงษ์ศักดิ์เป็นการตัดสินใจดำเนินการส่วนตัวถือเป็นความปรารถนาดี ที่จะทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม และองค์กร อสมท ตามความรู้ และประสบการณ์ด้านสื่อสารมวลชนที่มีมาตลอด บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ไม่เคยมีมติในเรื่องนี้แต่อย่างใด ขอยืนยันว่าบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องนี้แม้แต่น้อย

"บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) มีความเชี่ยวชาญด้านสิ่งพิมพ์ และยืนยันจะดำเนินธุรกิจด้านนี้เป็นหลัก และจะดำรงอาชีวะปฏิญานในการประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน เพื่อสังคมส่วนรวม และยึดมั่นในสิทธิเสรีภาพ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าองค์กรใด" นายสมหมายกล่าว

**"บุญปลูก"ชู"พงษ์ศักดิ์"เสียสละ

นายบุญปลูก ชายเกตุ เปิดเผยว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ยังไม่ใช่หน้าที่ของบอร์ดที่จะลงไปแก้ไข เพราะเป็นการข้ามหน้าฝ่ายบริหารทั้งนี้ฝ่ายบริหารจะต้องชี้แจงและทำความเข้าใจให้ตรงกันกับพนักงาน  ถ้านอกเหนือกว่านั้นถึงจะเป็นหน้าที่ของบอร์ด ในการประชุมวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ จะเพิ่มเรื่องปัญหาวิกฤตศรัทธาของพนักงานเป็นวาระเร่งด่วน

"บอร์ดทุกคนก็มีความตั้งใจดีในการเข้ามาทำงาน คุณพงษ์ศักดิ์ (พยัคฆวิเชียร) เสียสละมาช่วยส่วนเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่กล่าวถึงกันนั้นก็คงไม่มีเพราะว่าคณะกรรมการแต่ละคนผ่านการกลั่นกรองมาแล้วชั้นหนึ่ง และคุณพงษ์ศักดิ์ก็เป็นผู้ที่บอร์ดเห็นเหมาะสมว่าจะให้ลงไปทำหน้าที่รักษาการ เพื่อความคล่องตัวในการบริหารงานเท่านั้นเป็นเพียงระยะสั้นๆ ก่อนจะมีกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่"

นายบุญปลูกเปิดเผยว่า ขณะนี้ปัญหาที่เป็นอยู่เป็นเรื่องการสื่อสารไม่ตรงกันระหว่างฝ่ายบริหารกับพนักงาน ข่าวที่ออกมาว่าจะถอดรายการอะไรหรือใครจะเข้ามาเป็นเพียงการคาดคะเนกันไปแล้วคิดว่าเป็นเรื่องจริง เรื่องผังเท่าที่ทราบยังไม่เรียบร้อย  การประชุมในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ ยังไม่ใช่วาระเรื่องของผังรายการด้วยซ้ำ เป็นการสรรหากรรมการผู้อำนวยการฯคนใหม่ ส่วนเรื่องงบประจำปีกับค่าตอบแทนพนักงาน เป็นเรื่องของคณะกรรมการผังรายการ ตอนนี้บอร์ดเองยังไม่ทราบว่าผังรายการใหม่เป็นอย่างไรเพราะยังไม่สิ้นสุด

**"พงษ์ศักดิ์"ชี้อยู่3เดือนก็เหนื่อยแล้ว

นายพงษ์ศักดิ์ พยัคฆวิเชียร ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานวิทยุ เอฟเอ็ม 96.5 รายการ "คลื่นความคิด" ว่า ไม่เข้าใจความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมาจากอะไร สาเหตุเข้ามาทำงานใน อสมท เพราะต้องการจะทำให้ อสมท เป็นสื่อของรัฐที่อิสระและเป็นของประชาชน

"ความตั้งใจแรกคือมานั่งทำงานในสำนักข่าวไทย เพราะเคยเป็นหนึ่งในผู้วางพิมพ์เขียวของสำนักข่าวไทยมาก่อน และคิดว่าที่นี่จะเข้าใจความคิดของผมได้ดีที่สุดในฐานะเพื่อนร่วมอาชีพ" นายพงษ์ศักดิ์กล่าว

นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า การที่บอกว่าจะอยู่ในตำแหน่งรักษาการเป็นเวลาหนึ่งปีนั้นเป็นความเข้าใจผิด ต้องการให้สรรหากรรมการผู้อำนวยการ อสมท ให้เร็วที่สุด แค่สามเดือนก็เหนื่อยเต็มที แต่ตัวเลขหนึ่งปีเป็นหนึ่งปีที่บอร์ดจะมีเวลาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหรือสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้การเมืองเข้ามาแทรกแซงหลังมีการเลือกตั้ง

นายพงษ์ศักดิ์เปิดเผยว่า ในประเด็นที่เคยพูดว่าจะทำให้ อสมท เป็นสังคมสัมมาปัญญาแต่มีการนำไปโยงพ้องกับคำพูดของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการนั้นเป้นการฟังความไม่ตลอด เพราะหมายถึง ยังเป็นสังคมอุดมปัญญาเหมือนเดิมเพียง แต่เพิ่มว่าปัญญาที่ได้ต้องเป็นปัญญาชอบที่เป็นปัญญาใช้ไปในทางที่ดีที่ถูกที่ควรด้วย ไม่ใช่ฉลาดหรือเก่งแต่ใช้ปัญญาใช้ไปในทางคดโกงเอาเปรียบคนอื่น สื่อมวลชนต้องนำทางให้ความคิดที่ถูกเป็นในทางที่ถูกที่ควรกับประชาชน

**ตั้งเป้า"อสมท"เป็นสื่อดีมีคุณค่า

ส่วนในประเด็นเรื่องที่ต่อไป อสมท จะไม่เน้นกำไรนั้น นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า ทำงานอยู่ในบริษัทมหาชนเข้าใจดีว่าหน้าที่ของกรรมการบริหารคือการทำกำไรสูงสุดให้กับองค์กร พนักงาน และผู้ถือหุ้น ในกรณีของ อสมท ต้องให้สังคมด้วยเพราะว่าจะต้องเป็นบริษัทมหาชนที่ทำประโยชน์สูงสุดกับสังคม เมื่อมีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) ถ้า อสมท ทำหน้าที่ดี กสช.ไม่สามารถมายึดคลื่นคืนได้ และถ้า อสมท เป็นสื่อที่ดีจะมีคุณค่าเพราะว่าของดีใครๆก็ต้องอยากได้

นายพงษ์ศักดิ์กล่าวถึงประเด็นของเรื่องผังรายการว่า ที่บอกว่ามีรายการของนายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นายสมเกียรติ อ่อนวิมล และนายสุทธิชัย หยุ่น ที่เป็นอดีตผู้จัดรายการซึ่งหลุดจากผังไปกลับมานั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนที่คณะกรรมการจะเข้ามาดำรงตำแหน่ง ซึ่งไม่ทราบว่าใครพูด :!:  

ขอแซมข้อมูลอีกส่วนหนึ่งจากเว็บประชาไท พอดีเพิ่งอ่านเจอ

อสมท แต่งดำต้านบอร์ด ยื่นหนังสือร้องนายกฯ ไม่เอาธีรภัทร์

วันที่ 7 พ.ย. พนักงาน อสมท ร่วมใจใส่เสื้อดำมีข้อความว่า ‘หยุดทำร้าย อสมท’เดินทางไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึงพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และคณะกรรมการ บมจ.อสมท โดยหนังสือระบุว่า

ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล บมจ.อสมท และเลือกคณะกรรมการ บมจ.อสมท เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2549 โดยคณะกรรมการ บมจ.อสมท มีมติให้นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร เป็นรองประธานกรรมการบริหาร และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ปรากฏว่า เพียงช่วงเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ ก่อให้เกิดวิกฤติศรัทธาอย่างรุนแรงต่อองค์กรโดยรวม ทั้งจากประชาชน พนักงาน และผู้ถือหุ้นเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะหลังเปลี่ยนแปลงแนวคิดการทำงานจาก ‘สังคมอุดมปัญญา’ เป็น  ‘สัมมาปัญญา’ และกล่าวหาการทำงานของ บมจ.อสมท ที่ผ่านมา ไม่ก่อประโยชน์ต่อสังคม พร้อมเตรียมปรับผังรายการที่มีคุณภาพ ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน จนมีการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชน สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และโทรศัพท์สอบถามมายัง อสมท กันอย่างมากมาย ซึ่งบั่นทอนขวัญ กำลังใจพนักงาน

นอกจากนี้ ช่วงก่อนหน้าที่จะมีคณะกรรมการฯ ปรากฏว่า รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เชิญบุคคลที่เคยมีความสัมพันธ์เป็นผู้จัดรายการร่วมกับ อสมท มาพูดคุยกันถึงห้องทำงาน จนเกิดข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่า ‘อสมท ยุคแบ่งกันกิน’ โดยรายการที่จะถูกปรับเปลี่ยนไม่น่าก่อให้เกิดความสมานฉันท์ในสังคมตามนโยบายของรัฐบาล

ทั้งนี้ พนักงานรู้สึกเป็นห่วงว่า หากปล่อยให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการฯ ที่มีความเคลือบแคลงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนยังคงบริหาร อสมท ต่อไป อาจเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน และก่อให้เกิดวิกฤติศรัทธาจากประชาชน รวมถึงพนักงานมากยิ่งขึ้น ไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ขององค์กรที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมและสาธารณชน ในฐานะบริษัทมหาชนหนึ่งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย


นอกจากนี้พนักงาน อสมท ยังออกแถลงการณ์ ‘สัมมาปัญญา’จริงหรือ? ระบุถึงการทำงานของนายพงษ์ศักดิ์ ภายในเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมง หลังมอบนโยบาย และให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อฯ ถึงการล้มเลิกแนวคิด  ‘สังคมอุดมปัญญา’ มาเป็น  ‘สัมมาปัญญา’ กล่าวหา อสมท สร้างผลกระทบเสียหายต่อสังคม สั่งการให้ทำข่าวเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์ ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ทุกวันศุกร์ และสั่งบันทึกเทปรายการมาตัดต่อออกอากาศ ความยาว 30 นาที ในเวลารายการของ Modernine T.V. และจัดรายการพิเศษวิพากษ์นโยบายรัฐบาล ความยาว 3 ชั่วโมง ออกอากาศสดในวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2549 โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบกับผังรายการเดิมที่มีการขายโฆษณาไปแล้ว โดยใช้คำพูดว่า “ให้พวกคุณทำราย การเสมือนว่าพวกคุณคิดเอง ไม่ใช่ผมสั่ง”

นายพงษ์ศักดิ์ ยังต้องการให้ปรับเปลี่ยนสถานีวิทยุ ‘MET’ F.M. 107 MHz ที่ อสมท ลงนามบันทึกข้อตกลงกับ 4 ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของโลก ไว้ก่อนหน้านี้ เป็นสถานีเพลงคลาสสิก โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา เสี่ยงต่อการถูกบริษัทต่างประเทศฟ้องร้อง จากการเปลี่ยนแปลงนโยบายโดยที่คู่สัญญาไม่มีโอกาสรับทราบมาก่อน ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจกับต่างประเทศในอนาคต โดยไม่สนใจคำทักท้วง อ้างเป็นเรื่องขององค์กรที่ไปทำสัญญา ตนเป็นผู้ให้นโยบายเท่านั้น


ในแถลงการณ์ยังเปิดเผยถึงการเข้าพบนายธีรภัทร์ ที่ทำเนียบรัฐบาล ของผู้บริหารระดับสูงของ อสมท ก่อนที่จะมีการประกาศรายชื่อคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ และพบตัวแทนจากผู้จัดการฝ่ายขายของเนชั่น นักวิชาการ และอดีต ส.ว.ชื่อดัง ไปตกลงจัดสรรเวลา Prime Time ของ Modernine T.V. เรียบร้อยแล้ว จึงน่าตั้งคำถามว่า“พฤติกรรมดังกล่าวมีความเหมาะสมหรือไม่ และเปิดกว้างให้กับผู้จัดราย การคุณภาพที่หลากหลายจริงหรือไม่” พร้อมกันนี้ ยังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างนายธีรภัทร์ กับกลุ่มบุคคลดังกล่าว อาทิ นายธีรภัทร์ เคยเป็นผู้จัดรายการของวิทยุผู้จัดการ ยุค อสมท ให้สัมปทานบุคคลภายนอกมาดำเนินการคลื่นวิทยุ แนวคิด ‘สัมมาปัญญา’ ของนายพงษ์ศักดิ์ สอดคล้องกับแนวคิดของนายสนธิ ที่กล่าวในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เมื่อวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวกับผู้บริหาร อสมท ว่า ตั้งใจมานั่งในตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อย่างน้อย 1 ปี มีการขอห้องทำงานอยู่ภายในสำนักข่าวไทย ทั้งที่บอร์ด อสมท ควรจะรีบเร่งให้มีการสรรหาตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร และนายพงษ์ศักดิ์ ก็ไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารในมติชน ซึ่งทั้งอสมท และมติชน ต่างเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พนักงานของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้แต่งชุดดำเข้ามาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาล โดยส่วนใหญ่จะสวมเสื้อยืดสีดำด้านหน้ามีข้อความ “หยุด...ทำร้าย อสมท” ส่วนด้านหลังมีข้อความ “แดนสนธยา มันกลับมาแล้ว” เพื่อเป็นการประท้วงการทำหน้าที่ของบอร์ด อสมท ชุดใหม่ และนายธีรภัทร์ ในฐานะที่เป็นผู้คัดเลือกบอร์ดชุดปัจจุบันเข้ามาทำงาน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว สร้างความสนใจให้บรรดาสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก  ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยประจำทำเนียบรัฐบาล ได้ติดตามความเคลื่อนไหวดังกล่าวอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ทางตัวแทนพนักงาน อสมท. จำนวน 20 คน ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ก่อนเที่ยงวันนี้

*** นายกฯ รับปากพิจารณาบอร์ด อสมทฯและรมต.ประจำสำนักนายกฯ ใหม่

หลังได้รับหนังสือจากตัวแทนพนักงาน อสมท พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ระบุสั้นๆว่า จะรับไปพิจารณา

*** ‘ธีรภัทร์’ ยันไม่คิดแทรกแซง อสมท.

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 16.00 น. นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากนายพชร สารพิมพา ประธานสหภาพแรงงาน อสมท และแกนนำ เข้าพบ พร้อมชี้แจงกรณีที่ถูกระบุว่า ได้เชิญผู้ผลิตรายการ 3-4 ราย ที่มีการผลิตรายการป้อนสถานีโทรทัศน์เข้าหารือว่า  เป็นการเชิญมาพูดคุยจริง เพื่อให้มีการสะท้อนข้อมูลข่าวสารรอบด้านให้กับประชาชน เพราะตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก็ไม่มีการปรับเปลี่ยนหรืออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้ประชาชนรับทราบ จึงปรึกษากันว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

ต้องการสร้างรายการที่สะท้อนความคิดเห็นของประชาชนเพื่อพัฒนารายการต่างๆให้ดีขึ้น ไม่ได้เป็นการสั่งการหรือเข้าไปแทรกแซงใดๆ เปิดโอกาส สร้างความเสมอภาคและทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่ทำอะไรที่ไม่โปร่งใส  แต่ทั้งนี้ เมื่อบอร์ด อสมท ชุดใหม่ได้มีการแต่งตั้งขึ้นมา เขาจะเป็นผู้พิจารณาเรื่องผังรายการเอง

เมื่อมีการถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าเมื่อมีการจัดผังรายการกลุ่มคนที่ทำธุรกิจสื่อที่ได้หารือกันจะไม่เข้ามาดำเนินรายการในช่อง 9 นายธีรภัทร์ กล่าวเลี่ยงว่า ไม่ทราบ เพราะไม่รู้ข้อมูล แต่ยืนยันว่าเรื่องที่คุยกันเป็นเรื่องที่คุยกันอย่างสร้างสรรค์

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าจะการันตีได้หรือไม่ว่าบอร์ด อสมท จะไม่เอื้อผลประโยชน์กับกลุ่มธุรกิจใดๆ ในการจัดการผังรายการ นายธีรภัทร์ กล่าวว่า เรื่องผลประโยชน์คงไปการันตีใครไม่ได้ แต่ขณะนี้ได้รับข่าวสารจากที่มีผู้ร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษรถึงผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นเสมอใน อสมท  จะส่งเรื่องดังกล่าวให้บอร์ดพิจารณาต่อไป

ส่วนกรณีที่ผู้แทนสหภาพแรงงาน อสมท. เข้าพบนั้นเป็นการมาพูดคุยให้ฟังถึงความไม่สบายใจและความคลาดเคลื่อนในการสื่อสารระหว่างผู้แทนบอร์ด รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท. กับพนักงาน  เช่น เรื่องที่ระบุว่าจะมีการนำรายได้ของช่อง 9 ไปให้ช่อง 11 และการเปลี่ยนผังรายการต่างๆ ซึ่งได้อธิบายไปว่าอยู่ในฐานะที่กำกับดูแล อสมท เท่านั้น ก็คงจะไปลงลึกในรายละเอียดไม่ได้ถือเป็นการไม่เหมาะสม เพราะขณะนี้มีบอร์ด และรักษาการ ผอ.อสมท. คนใหม่แล้ว แต่เมื่อไม่สบายใจเกิดขึ้นก็ได้ฝากให้ประธานสภาพเร่งทำความเข้าใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้เกิดความไม่มั่นใจในการบริหารงานของบอร์ดชุดปัจจุบัน ทำให้หุ้นของ อสมท ตกอย่างมาก จะเข้าไปดำเนินงานอย่างไร รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า อสมท.เพิ่งมีบอร์ดใหม่และเพิ่งประชุมเพียงครั้งเดียว และในวันศุกร์ที่ 10 พ.ย. จะมีการประชุมอีกครั้งก็ต้องให้เขาทำหน้าที่ก่อน เข้าใจว่าการขึ้นลงของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็เป็นเรื่องธรรมดา และต้องไปดูว่ามีสาเหตุอะไรและบอร์ดมีแนวทางแก้ไขอย่างไร คงต้องให้เวลาเขาดำเนินการ แต่เท่าที่ดูบอร์ด และรักษาการ ผอ.อสมท ก็มีความตั้งใจ แต่ก็อยากให้ทุกฝ่ายใน อสมท ร่วมมือกันเพื่อให้เกิดแนวทางสร้างสรรค์เพราะ อสมท ถือเป็นสถาบันสื่อมวลชน

“ผมอยากเห็น อสมท. พัฒนาเป็นสื่อที่แท้จริง และคิดว่า อสมท. ไม่อยากเห็นฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซง ผมจึงพยายามไม่เข้าไปก้าวก่ายเกินความจำเป็น ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าการเมืองเข้าไปแทรกแซง และรัฐบาลชุดนี้ก็มีนโยบายที่ชัดเจนที่จะไม่เข้าไปแทรกแซงการทำงานของสื่อ ดังนั้นผมก็ต้องยืนห่างจากสื่อออกมาระยะหนึ่งพอสมควร และ อสมท.ก็เป็น บมจ. ตามกฎหมายก็มีบอร์ด และผู้บริหารทำหน้าที่อยู่ ผมก็ต้องระวัง และต้องการให้ อสมท เป็นอิสระจากรัฐบาล”นายธีรภัทร์ กล่าว

เมื่อถามว่าการที่นายพงษ์ศักดิ์ เป็นบอร์ด และรักษาการ ผอ.ใหญ่ อสมท.และเป็นคณะกรรมการบริหารในเครือมติชน ซึ่งทั้ง 2 บริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ สื่อและสิ่งผิดถือว่าขัดกับหลักธรรมาภิบาลและจริยธรรมหรือไม่ นายธีรภัทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องให้คนอื่นพูดว่าขัดหรือไม่ขัด หากใครมีคำแนะนำก็ให้เสนอมาแต่ในส่วนของตนก็พยายามระมัดระวังไม่ให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ก็ต้องมาพิจารณาว่าผู้ที่มาดำรงตำแหน่งใน อสมท. มีอะไรเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนบ้าง ทั้งนี้ คำว่าผลประโยชน์ทับซ้อนหมายถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐกับฝ่ายการเมือง จึงไม่รู้ว่าใช้กับวงการอื่นได้หรือไม่ ต้องดูความเหมาะสมและมารยาท  ทาง กลต.น่าจะตอบคำถามนี้ได้ อย่างไรก็ตาม อยากให้ทางบอร์ด เร่งหาผู้อำนวยการ อสมท. คนใหม่โดยเร็วและคาดว่าสัปดาห์จะเดินทางไปเยี่ยม อสมท คงได้มีโอกาสพบและพูดคุยถึงปัญหาต่างๆด้วย

เมื่อถามว่าจะใช้เวลาพิสูจน์ฝีมือการบริหารของบอร์ดฯ เท่าไหร่ นายธีรภัทร์ กล่าวว่า ต้องประเมิน 2 ส่วน คือผลประกอบการและ 2 ..คุณภาพวัดจากความพึงพอใจของผู้บริโภค ส่วนที่ผลประกอบการในตลาดหลักทรัพย์มีมูลค่าลดลงหลังจากที่บอร์ดเข้ามาบริหารนั้น ก็ต้องให้เวลา ถ้าวันนี้ประเมินจากหุ้นที่ตกลง ทุกคนก็ต้องลาออกทั้งหมด แต่ถ้าหุ้นขึ้นก็จะมาแต่งตั้งใหม่กันอีก ก็ต้องให้เวลากับเรื่องเหล่านี้

***‘ณรงค์’ พร้อมลาออก ไม่ยอมกลุ่มเสื้อดำ

นายณรงค์ โชควัฒนา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคณะกรรมการบอร์ด อสมท. ให้สัมภาษณ์รายการ News Hour สถานีโทรทัศน์ ASTV ว่า การจะให้บอร์ด อสมท ลาออกคนที่พิจารณาคือผู้ถือหุ้นใน อสมท ซึ่งคือกระทรวงการคลังเท่านั้นไม่ใช่ให้คนกลุ่มหนึ่งจำนวนร้อยกว่าคนมาขับไล่ ซึ่งการนำเสนอข่าวตอนนี้ก็เป็นการเสนอข่าวเพียงด้านเดียว ส่วนการทำงานนั้นยืนยันบอร์ดทุกคนจะไม่ยอมให้ใครแม้แต่นักการเมืองเมาแทรกแซงได้ ถ้าในอนาคตการทำงานไม่เป็นอิสระเสรีตัวเองก็คงจะไม่อยู่

“ผมไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกแล้วที่ให้ อสมท เข้ามาเป็นบริษัทมหาชนกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เพราะในตลาดหลักทรัพย์มีแต่การคิดเพียงแค่การทำกำไรเพียงอย่างเดียว ไม่ได้คิดถึงประโยชน์ของส่วนรวม ไม่เน้นเรื่องสื่อเสรี ซึ่ง อสมท แม้จะไม่ได้อยู่ในตลาดก็สามารถทำงานได้อยู่แล้ว”กรรมการ อสมท ระบุ

***‘สุริยะใส’แนะเปิดเวทีถก

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า เป็นสิทธิที่พนักงาน และสหภาพใน อสมท. คัดค้านแนวคิดของบอร์ดและผู้บริหาร อสมท ชุดใหม่ ที่จะทำได้ และรัฐบาลสมควรรับไปพิจารณาทบทวน โดยเฉพาะข้อมูลที่ทางสหภาพฯ กังวลในประเด็นธรรมาภิบาลขององค์กรและปัญหาที่อาจมีกรณีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เกิดขึ้นจากผู้บริหารชุดใหม่

นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ส่วนตัวแม้จะเห็นด้วยกับแนวคิดของบอร์ดชุดใหม่ ที่จะยึดแนวคิดสัมมาปัญญา ซึ่งแน่นอนว่าการปรับตัวในลักษณะปฏิรูป จะต้องมีบางกลุ่มได้รับผลกระทบ แต่ไม่ควรให้เกิดความรู้สึกว่า มีผู้ได้ร้อยหรือเสียร้อยจากการปฏิรูปครั้งนี้ และผู้บริหาร อสมท ชุดใหม่ ควรมีวิธีการจัดการอย่างระมัดระวัง และแสวงหาความร่วมมือจากพนักงานในองค์กรให้มากที่สุด ซึ่งควรมีเวทีเวิร์กช็อป หรือสัมมนาเพื่อทบทวนและปรับแนวทางขององค์กรร่วมกัน ทั้งผู้บริหารและพนักงาน รวมทั้งภาคประชาชนหรือภาคผู้บริโภค

***ผู้บริหารมติชนยัน ‘พงษ์ศักดิ์’รับตำแหน่ง อสมท ไม่เกี่ยวมติชน

นายสมหมาย ปาริจฉัตต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) ชี้แจงกรณีนายพงษ์ศักดิ์ พยัคฆวิเชียร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทมติชน มารับตำแหน่งกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ว่า เป็นการตัดสินใจส่วนตัวของนายพงษ์ศักดิ์ ถือเป็นความปรารถนาดีที่จะทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมและองค์กร อสมท ตามความรู้และประสบการณ์ด้านสื่อสารมวลชนที่มีมาตลอด บริษัทมติชน ไม่เคยมีมติในเรื่องนี้ และขอยืนยันว่า บริษัท มติชน ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องนี้แม้แต่น้อย โดยมติชนมีความเชี่ยวชาญด้านสิ่งพิมพ์ ยืนยันจะดำเนินธุรกิจด้านนี้เป็นหลัก และจะดำรงอาชีวะปฏิญาณในการประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน เพื่อสังคมส่วนรวม และยึดมั่นในสิทธิเสรีภาพ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าองค์กรใด

เรียบเรียงจาก : เว็บไซต์คมชัดลึกและผู้จัดการ

ประชาไท (http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=5734&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai)


หัวข้อ: Re: (กระทู้รวม) วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 08-11-2006, 12:12
ด้านบางกอกโพสต์ ตีพิมพ์ข่าวของ อสมท.ในลักษณะดังนี้

MEDIA / PROGRAMMING PROTEST

ANUCHA CHAROENPO

(http://www.bangkokpost.com/News/081106_new07.jpg)
A group of 100 employees of Mcot Plc, wearing black and carrying protest placards, rally in front of Government House to demand the government replace the newly-appointed Mcot board. — APICHIT JINAKUL

Staff of the Mass Communication Organisation of Thailand (Mcot) yesterday called on Prime Minister Surayud Chulanont to remove PM's Office Minister Thirapat Serirangsan and the new Mcot board for alleged failure to properly regulate prime-time programming. They accused Mr Thirapat of bringing back a negative image to the listed company by favouring certain groups.

The employees alleged the minister discussed a change of programmes with Mcot senior executives and others in his office at Government House before the new Mcot board members were appointed.

''We doubt this minister's behaviour was appropriate,'' said Orawan Grimwiratkul, a representative of Mcot employees.

About 200 Mcot workers dressed in black for the Government House protest. Many were members of the Mcot union.

Mr Surayud came to meet the protesters to receive the letter demanding the board's ouster. He pledged to look into the matter.

Ms Orawan said the Mcot employees will wear black to work everyday, except Monday, until their demands are met.

Government officials wear yellow on Monday to pay homage to His Majesty the King's 60th year on the throne.

Mr Thirapat appointed the new board members _ led by Pongsak Payakvichien, a veteran journalist and senior executive director of Matichon Plc, who was named acting president.

Disgruntlement was first heard after reports that the popular documentary programme, Kob Nok Kala, would be replaced by the Thailand Weekly talk show of media mogul Sondhi Limthongkul.

Mr Sondhi's programme was taken off the air last year by the previous government.

But Mr Thirapat said the talks in his office were constructive and he had never shown favouritism toward any group.

He denied interfering in Mcot and urged the staff to give the new board time to work before judging them harshly.

Mr Thirapat reiterated his support for Mr Pongsak's attempt to improve the organisation.

Shrugging off the protest, Mcot board member Narong Chokewattana said only majority Mcot shareholders could fire the board, not the protesters.

Mr Pongsak yesterday insisted he was a media professional and wanted to improve Mcot's TV channel and its more than 60 radio stations. He guaranteed their independence.

Suriyasai Katasila, secretary-general of the Campaign for Popular Democracy, urged the board and employees to end their conflict soon because people were counting on the mass media to help forge national reconciliation.

----------

อ่านจับใจความอย่างรีบๆ (ทำงานอยู่) พอสังเกตได้ว่า

*** พนักงาน อสมท.ทุกคนจะสวมเสื้อดำทุกวันทำการ ยกเว้นวันจันทร์จะสวมเสื้อสีเหลือง

*** ธีรภัทรแต่งตั้งบอร์ดบริหาร อสมท.ชุดใหม่ โดยมีนายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ประธานบริหารเครือมติชน ซึ่งเป็นนักหนังสือพิมพ์อาวุโส ท่ามกลางกระแสข่าวตั้งแต่ต้นโดยมีข่าวลือว่า จะปลดรายการกบนอกกะลาออกจากผัง และนำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ของสนธิมาเสียบแทน (จะบ้าเหรอ?) แต่เขาก็ปฏิเสธ โดยการพูดคุยเกี่ยวกับโครงสร้างการบริหารงาน และไม่เคยชี้นำให้กลุ่มบุคคลเหล่านั้นให้สู่บทบาททุกอย่างในกลุ่ม เขาปฏิเสธการแทรกแซงองค์กร และขอให้เวลาพวกเขาได้เข้ามาบริหารงานก่อนตัดสินใจออกมาต่อต้าน ทั้งนี้เขายังให้ช่วยดูแลนายพงษ์ศักดิ์ ในการบริหารองค์กรให้ดีขึ้น เพื่อลดกระแสต่อต้าน

*** ณรงค์ โชควัฒนา กล่าวว่า ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ของ อสมท. ไม่ใช่แค่ผู้ประท้วง

*** นายพงษ์ศักดิ์ต้องการพัฒนาคลื่นวิทยุและช่องโมเดิร์นไนน์ โดยรัประกันอิสรภาพในการทำงานแก่พนักงาน อสมท.

*** สุริยะใส กะตะศิลา เลขา ครป.แนะนำให้ยุติความขัดแย้งระหว่างบอร์ดกับพนักงาน เนื่องจากประชาชนกำลังต้องการสื่อสารมวลชน ที่จะช่วยให้เกิดความสมานฉันท์ขึ้นในชาติ

เพิ่มเติมจากโพสทูเดย์

ด้านนายณรงค์ โชควัฒนา กรรมการบอร์ด อสมท กล่าวว่า การจะให้บอร์ด อสมท ลาออก คนที่พิจารณาคือกระทรวงการคลังเท่านั้น และการนำเสนอข่าวตอนนี้ ก็เป็นการเสนอข่าวเพียงด้านเดียว และไม่เห็นด้วยแต่แรกแล้วที่ให้ อสมท เข้าตลาดหุ้น เพราะในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแต่การคิดเพียงแค่การทำกำไรเพียงอย่างเดียว

โพสต์ทูเดย์ (http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=130389)


หัวข้อ: Re: (กระทู้รวม) วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: ยามเฝ้าแผ่นดิน ที่ 08-11-2006, 12:18
เห็นช่อง 9 มีคนออกมาด่าทักษิณในรายการวิพากษ์รัฐบาลเพียบเลย สงสัยทักษิณเห็นเข้าเลยโทรสั่งให้สมุนในช่อง 9 ออกมาเคลื่อนไหว


หัวข้อ: Re: (กระทู้รวม) วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-11-2006, 12:49
ขอเสนอรายการใหม่..."ล้างบาง...ไปเลย"....


หัวข้อ: Re: (กระทู้รวม) วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: อมพระมาพูด ที่ 08-11-2006, 12:58
 :slime_dizzy:

Money Talk ก้อเป็นหยั่งนี้แร่ะ ผลประโยชน์ขัดกันก้อบรรลัย !


หัวข้อ: ช่อง 11 ถูกเชือด! สั่งเด้งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์...
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 08-11-2006, 13:32
มาช่วยเสริมอีกที ตอนนี้นอกจากช่อง 9 จะถูกชำแหละผลประโยชน์ภายในองค์กร
กรมประชาสัมพันธ์ เจ้าของช่อง 11 และวิทยุ ก็ถูกเชือดไปแล้วเรียบร้อย


เด้ง“ดุษฎี”พ้นกรมกร๊วก ตั้ง“จุฑาธวัช”ปลัดแรงงาน

คณะรัฐมนตรีเด้ง “ดุษฎี สินเจิมศิริ” พ้นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์  พร้อมโยก“ปราโมช รัฐวินิจ” ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน พร้อมมีมติตั้ง “จุฑาธวัช อินทรสุขศรี” นั่งเก้าอี้ปลัดแรงงานฯ ขณะเดียวกันก็ส่ง “ปิยะพันธ์ จัมปาสุต” อธิบดีกรมการขนส่งทางบกเข้ากรุรองปลัดฯ  ส่วนโผกระทรวงทรัพย์ รัฐมนตรียันดีที่สุดในรอบ 4 ปี เช่นเดียวกับที่กระทรวงยุติธรรมที่เจ้ากระทรวงรับประกันย้ายทุกตำแหน่งเป็นธรรม
       
นางเนตรปรียา ชุมไชโย รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วานนี้(7 พ.ย.) คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติตามที่กระทรวงแรงงาน เสนอแต่งตั้งนายจุฑาธวัช อินทรสุขศรี อธิบดีกรมการจัดหางาน ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง และแต่งตั้งนายนพดล เฮงเจริญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ส่วนกระทรวงวัฒนธรรม แต่งตั้งนางฉวีงาม มาเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรศาสตร์ ภาษาเอกสารและหนังสือ ตำแหน่ง 9 ชช. ให้ขึ้นเป็นระดับ 10 ชช. ในตำแหน่งเดิม พร้อมทั้งแต่งตั้งศ.อมรา พงศาพิชญ์ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
       
กระทรวงสาธารณสุข แต่งตั้งนายชัยพร โรจนวัฒน์ศิริเวช ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ ตำแหน่ง 9 ดำรงตำแหน่ง ซี 10 วช. แต่งตั้งนายสุเจตน์ เลิศเอนกวัฒนา แพทย์ 9 วช. ด้านเวชกรรม ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช.
       
กระทรวงคมนาคม แต่งตั้งนายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เป็นรองปลัดกระทรวง แต่งตั้งนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นรองปลัดกระทรวง แต่งตั้งนายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นอธิบดีกรมการขนส่งทางบก แต่งตั้งนายทรงชัย แพเจริญ วิศวกรใหญ่ ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้านวิศวกรรมโยธา ซี 10 วช. เป็นอธิบดีกรมทางหลวงแต่งตั้งนายระพินทร์ จารุดุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงเป็นอธิบดีกรมทางหลวงชนบท

สำนักงบประมาณ แต่งตั้งนายอุณหิศ กาญจนกุญชร ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ ตำแหน่ง 10 ชช. ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ตำแหน่ง 10 เท่าเดิม แต่งตั้งนางจุฑามาศ บาระมีชัยให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
       
สำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายบุญรอด สิงห์วัฒนาศิริ ที่ปรึกษาระบบราชการ ซี 10 ชช. เป็นรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ด้านกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา แต่งตั้งนายอัครพล พฤกษะวัน ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและแผน นักบริหาร 9 เป็นรองผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระดับ 10
       
กระทรวงพลังงาน แต่งตั้งนายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เป็นอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน และแต่งตั้ง นายพานิช พงศ์ภิโรดม อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานเป็นอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
       
นอกจากนี้ ยังได้ย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
       
กระทรวงยุติธรรมแต่งตั้งนางชูจิรา กองแก้ว อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายไพศาล วิเชียรเกื้อ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายสิรวัติ จันทรรัฐ อธิบดีกรมบังคับคดีเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นางสุวณา สุวรรณจูฑะ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
       
ส่วนสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ายนายดุษฎี สินเจิมศิริ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เป็นผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งนายปราโมช รัฐวินิจ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์แทน
       
ด้านกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ย้ายนายชาตรี ช่วยประสิทธิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นรองปลัดกระทรวง นางมณทิพย์ ศรีรัตนา ทาบูกานอน จากรองปลัดกระทรวง เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ ย้ายจากอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เป็นอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี นางนิศากร โฆษิตรัตน์ จากเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายวิชัย แหลมวิไล จากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นอธิบดีกรมป่าไม้ และนายเฉลิมศักดิ์ วานิชสมบัติ จากรองปลัดกระทรวง เป็นอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ
       
นอกจากนี้ มีการต่อวาระผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ คือนายขันธ์ ประจวบเหมาะ นอกจากนั้น มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขององค์การเภสัชกรรม และการแต่งตั้งคณะกรรมการต่างๆ อาทิ คณะกรรมการบริหารกิจการขนส่งมวลชนกรุงเทพ คณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย คณะกรรมการการทางพิเศษ

ผู้จัดการรายวัน 8 พฤศจิกายน 2549 (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000137916)


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-11-2006, 14:25
ล้างบาง ซี 10


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 08-11-2006, 14:42
มุก เปลี่ยนชื่อกระทู้แบบนี้คุ้นๆ ไปลอกใครมาหว่า ละเมิดสินทรัพย์ทางปัญญาหรือเปล่าคับ


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 08-11-2006, 15:06
สื่อสารยุคทักษิณ ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมืออย่างเต็มที่....

เมื่อมีการรื้อถอนระบอบทักษิณ เป็นเรื่องที่สิ่งเลี่ยงยาก ที่จะถูกจัดการ


...

ปรับตัว ปรับใจใหม่ เถอะครับ อสมท (ที่เอาเงินภาษีประชาชนไปลงทุน*)


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: justy ที่ 08-11-2006, 17:37
(http://pics.manager.co.th/Images/549000016020501.JPEG)

จากภาพข่าวนี้ จะเป็นไปได้ไหมว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง
เพราะไม่อยากให้ชาวบ้านรู้ความเลวจากงระบอบตักขี้

เพราะก็รู้ๆอยู่ ถ้าคุณสนธิ ลิ้ม ได้เวลามา
ชาวบ้านร้านตลาดจะเปิดหูเปิดตา ได้รับรู้ข่าวสารที่แท้จริง ในสิ่งที่ตักขี้ปิดบังมาโดยตลอด
และเมื่อนั้น คนจะเกลียดตักขี้มากขึ้น และตักกี้จะไม่ได้ผุดไม่เกิดแน่นอน



หัวข้อ: การหารือระหว่างบอร์ดกับพนักงาน อสมท.เมื่อบ่ายวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 08-11-2006, 17:55
(http://www.bangkokbiznews.com/images/5453.jpg)

'พงษ์ศักดิ์'เปิดแถลง'อรวรรณ'ซักโต้ปรับผัง อสมท
8 พฤศจิกายน 2549 15:28 น.
(เบื้องต้น)รักษาการ ผอ.อสมท เปิดแถลงต่อพนักงาน อสมท ระบุจะใช้เวลาอันน้อยเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้สื่อรัฐ ให้มีเสรีภาพ ด้าน"อรวรรณ" ซัดบอร์ดไม่ใช่ศาสดาจะกำหนดรายการ ถาม"ธีรภัทร์"ดอดเรียกผู้จัดคนนอกแบ่งเวลา


นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการผู้อำนวยการ อสมท เปิดแถลงข่าววันนี้ (8 พ.ย.) ว่า ในระบบการเรียนนิเทศ และวารสารศาสตร์ที่ตนมีส่วนในการกำหนดหลักสูตร ในการทำงานนั้นตนไม่มีส่วนตัว ต้องขอโทษพวกเราที่ไม่ใช้เวลาที่มีระยะเวลาอันสั้นที่มาทำงานที่นี่ นั่งทำหน้าที่รักษาการ ผอ.ด้วยความสมัครใจ ตั้งใจเข้ามาช่วยทำงานสร้างความแข็งแกร่งขององค์กรสื่อสารมวลชนของรัฐ ทำงานทางด้านสื่อร่วมกับพวกเรามา 45 ปี แล้ว ได้ปฏิบัติหน้าที่ในอาชีพสื่อ ต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ มาตลอดระยะเวลา ตรวจสอบได้

"ผมตั้งใจจะเข้ามารับหน้าที่ในช่วงเวลาน้อย ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการในรัฐธรรมนูญที่จะต้องปกป้องความเป็นอิสระ เสรีภาพ สื่อมวลชน เป็นโอกาสเดียวของประเทศชาติ โอกาสที่จะทำรัฐประหาร มีเครื่องมือ เครื่องไม้ของทหารเข้ามาเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งการรัฐประหารไม่น่าจะมีอีกแล้ว ถ้าคิดว่าครั้งนี้เป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงสังคม ที่จะทำงานในสภาร่างรัฐธรรมนูญ ถ้าจะมีการปฏิวัติ รัฐประหารอีก จะไม่ใช่การรัฐประหารในรูปแบบเดิม" นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว

ตนมีความภูมิใจในสำนักข่าวไทยตนมีโอกาสพูดตั้งแต่ช่วงที่คุณแสงชัย สุนทรวัฒน์ เป็น ผอ. ว่า สำนักข่าวไทยจะต้องเป็นแกน เป็นหัวใจ ไม่ใช่แยกออกมาเป็นข่าววิทยุ โทรทัศน์ ถ้าท่านไม่ตั้งใจฟัง หรือฟังเฉพาะส่วนที่ท่านต้องการฟัง จะกลายเป็นการฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด ที่พูดนี่ซ้ำซาก ให้บอกความประสงค์ว่าต้องการให้ อสมท.เป็นอย่างไร ผอ.คนใหม่เป็นอย่างไร ตนมีแผนที่จะทำให้ สำนักข่าวไทยให้เป็นองค์กรสื่อสารมวลชนระดับโลก เหมือนซีเอ็นเอ็น ขอโทษที่ตนไม่ได้พูดออกไป แต่ได้พูดกับในระดับหัวหน้า แต่ไม่ได้ถ่ายทอดไป เราไม่ได้สื่อสารกัน

"สิ่งหนึ่งที่จะรับไม่ได้ เพราะตนมีฐานะที่จะเกินไปที่จะพบใคร ตนมีฐานะนำความคิดเห็นความต้องการของ อสมท. ตนทำตามนโยบายที่รัฐได้ ตนสนองนโยบายที่รับได้ได้ แต่ในส่วนตัวไม่สามารถสนองดำริใดใดได้ ตนมีหน้าที่คุ้มกันภูมิต้านทานของสื่อ เป็นสื่อของรัฐที่เป็นอิสระ ที่ใครจะมาสั่งไม่ได้ นั่นคือภูมิต้านทานที่ตนต้องการจะให้มี เพราะ อสมท เขามีวิชาชีพกันอย่างนี้ มีคนถามตนว่าเปลืองตัวทำไม" นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว

ด้านนางอรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล นักข่าวอาวุโส อสมท กล่าวว่า เราก็เคารพ แต่เป็นการแสดงความเห็น ขออภัยถ้าสิ่งที่พูดอาจล่วงล้ำก้ำเกิน แต่ไม่ได้ทำในนาม อรวรรณ แต่มีการรวมพลังกันเกือบ 700 คนแล้ว เป็นเรื่องขององค์กร ขอยืนยันที่ทำไปไม่ต้องการเผชิญหน้าหรือเป็นศัตรูกับใคร แต่ต้องการปกป้องไม่ให้ใครมาฉกฉวยประโยชน์ในบ้านของเรา ทุกรายการต้องผ่านการกลั่นกรองของคณะกรรมการผัง ผู้จัดจากทุกค่ายควรได้รับการแข่งขันอย่างแท้จริง การที่บิดเบือนว่า อสมทเคลื่อนไหว เพื่อเงินในกระเป๋า หรือปกป้องระบอบทักษิณ ถือเป็นการดูหมิ่นคน อสมท อย่างร้ายแรง

การเสนอข่าวสารหรือรายการให้ประชาชนต้องมีความหลากหลาย ให้ประชาชนได้เลือก เราเป็นศาสดาหรือ การที่สั่งให้ไปทำข่าวรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ทุกสัปดาห์ ถ้าไปสั่งเด็กมติชน เขาจะทำไหม ถือว่าเป็นการแทรกแซงการทำข่าวของเราหรือไม่ ที่ว่าทำไมเมื่อ 5 ปี ที่แล้วทำไมไม่ออกมาเรียกร้องเมื่อมีการแทรกแซง เพราะเราสร้างความสมดุลได้แม้มีการดูแลอย่างหนัก  

"วิธีการที่ ดร.ธีรภัทร์ เรียกผู้บริหารของเราท่านหนึ่งไปพบในห้องทำงานในทำเนียบ มีคุณคำนูณ สิทธิสมาน คุณอดิศักดิ์ (ลิมปรุ่งพัฒนกิจ) นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เพื่อตกลงเรื่องรายการ โดยไม่ได้เปิดให้คนอื่นรู้ตัว นั่นเป็นวิธีที่ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะลงมาก้าวก่ายหรือไม่   แม้คนที่ต้นทุนต่ำ เคยดูแล อสมท มาก่อน ก็ยังไม่ทำอย่างนี้กับ อสมท และเป็นการแทรกแซงชนิดที่ว่า รมต.ที่เป็นนักการเมืองยังไม่กล้าอีกด้วย"

นางอรวรรณระบุอีกว่า คน อสมท ห่วงความแตกแยก นโยบายนายกฯ ดีมาก แต่ รมต.ของท่านทำงานไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม และถ้าอาจารย์ป๋อง(นายพงษ์ศักดิ์) รู้ไม่เท่าทัน ท่านจะดูแลองค์กรเราให้เข้มแข็งได้จริงหรือ

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (http://www.bangkokbiznews.com/level3/news_119279.jsp)

ข่าวที่มีเนื้อหาเหมือนกัน

(http://img246.imageshack.us/img246/4296/mcotea5.jpg)

'พงษ์ศักดิ์'เผยทำงานเพื่อองค์กรยันไม่แทรกแซงสื่อ
INN News 8 พฤศจิกายน 2549 16:36:44 น.
รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท.คนใหม่"พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร" เปิดใจ พร้อมทำงานเพื่อองค์กรยัน ไม่มีเจตนาเข้ามาแทรกแซงการทำงานของสื่อ


นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท.จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงการเข้ามารับหน้าที่ของตนว่ามีความตั้งใจและจริงใจที่จะทำให้องค์กรดำเนินไปในทางที่ถูกต้อง คงความอิสระในวิชาชีพสื่อมวลชน และต้องการสร้างความแข็งแรงขององค์กร โดยตนจะดำรงตำแหน่งในระยะเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น จนกว่าจะมีคณะผู้บริหารบริษัท อสมท.ชุดใหม่ เข้ามาทำหน้าที่แทน  ทั้งนี้ตนไม่ได้มีเจตนาเข้ามาแทรกแซงทำหน้าที่ของสื่อมวลชนแต่อย่างใด ขณะที่นางสาวอรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล ผู้ประกาศข่าวและผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยพร้อมพนักงานบริษัท อสมท.จำนวนกว่า 700 คนได้ออก แถลงการณ์ฉบับที่ 2 เรียกร้องให้การวางผังรายการของบางรายการ ควรได้มีโอกาสแข่งขันกันอย่างโปร่งใส แทนการใช้วิธีการนอกระบบที่รู้เห็นเพียงผู้มีอำนาจไม่กี่คนเท่านั้น และถือว่ากรณีที่การที่บิดเบือนว่า อสมทเคลื่อนไหว เพื่อเงินในกระเป๋า หรือปกป้องระบอบทักษิณ ถือเป็นการดูหมิ่นคน อสมท อย่างร้ายแรง และผู้บริหารของบริษัทอสมท.เข้าหารือกับนายธีภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นการพยายามเข้ามาแทรกแซงองค์กรและหมดความชอบธรรมจึงเรียกร้องให้นายธีรภัทร์ลาออกจากตำแหน่งทันที

3 ประเด็นในแถลงการณ์ฉบับที่ 2

1. วางผังรายการให้โปร่งใส
2. ปกป้องศักดิ์ศรีพนักงาน อสมท.
3. เรียกร้องให้นายธีรภัทร เสรีรังสรรค์ ลาออกจากตำแหน่ง
  :!:

ข่าวเบรค อัพซะหน่อย เพราะมันอยู่ในระบบไม่นาน

"พงษ์ศักดิ์" ยืนยันไม่มีเจตนาเข้าแทรกแซงการดำเนินงาน  
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 8 พฤศจิกายน 2549 16:22 น.
 
ในระหว่างการชี้แจงนโยบายการบริหารงานของนายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ท่ามกลางพนักงานที่พร้อมใจกันแต่งชุดดำกว่า 400 คน เข้ารับฟัง นายพงษ์ศักดิ์ ชี้แจงว่า มีเจตนาบริสุทธิ์ที่จะเข้ามาพัฒนา อสมทฯ และเข้ามาป้องกันการแทรกแซง ต้องการให้ อสมทฯ เป็นสื่ออิสระ ส่วนการที่พนักงานออกมาคัดค้าน เป็นเพราะไม่ได้มีการสอบถามข้อมูลที่แท้จริง ขณะที่ตัวแทนพนักงานได้เปิดเผยข้อมูลกรณีมีคำสั่งให้ทำข่าวจากสื่ออื่น

ต่อมาก็มีข่าวพาดหัวในเว็บไซต์ผู้จัดการ

• “พงษ์ศักดิ์” ยันเจตนาบริสุทธ์ นั่งบริหาร อสมท - เทียบชั้นสื่อโลก  (http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000138295)


หัวข้อ: “รายการสภาท่าพระอาทิตย์ โคตรห่วย” หนักหัวใคร?
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 08-11-2006, 18:27
อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ตีพิมพ์บทความตอบโต้พนักงาน อสมท.แล้วครับ สดๆ เลย น่าจะเขียนตอนบ่ายหลังหารือจบนี่แหละ เนื้อหาจะรุนแรงเหมือนชื่อหรือไม่ ... ลองอ่านโดยพลัน

• “รายการสภาท่าพระอาทิตย์ โคตรห่วย” หนักหัวใคร? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000138273)

(http://pics.manager.co.th/Images/549000016054601.JPEG)

ในความคิดของผมจากการที่สังเกต การเคลื่อนไหวของ อสมท. ในครั้งนี้ส่วนหนึ่ง
น่าจะมาจากเหตุผลที่ว่า "การสื่อสารผิดพลาด" ระหว่างบอร์ดผู้บริหาร กับพนักงาน อสมท.
อย่างที่หลายคนว่านั่นแหละครับ ไม่ใช่อะไร เพราะบางทีข่าวลือบางข่าวอย่างผังรายการวันศุกร์
พนักงาน อสมท.ตรัสรู้คิดไปเองว่าจะปลดกบนอกกะลาและคุยคุ้ยข่าว แล้วเอาเมืองไทยรายสัปดาห์
ของนายสนธิ แห่งค่ายผู้จัดการมาเสียบ เห็นแบบนี้แล้วบอกได้คำเดียวว่า... น้ำผึ้งหยดเดียวครับ
ทั้งๆ ที่ผมเห็นว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดผังรายการโดยที่เอารายการที่นิยมออกจากผังรายการเลย
แต่ตามหลักการอาจจะย้ายเวลาแทน อีกอย่าง ผังรายการยังไม่ได้จัดด้วยซ้ำ


จริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องผังอย่างเดียว เรื่องความไม่พอใจในผลประโยชน์ ลึกๆ ด้วยต่างหาก


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: NiTeLiGhT ที่ 08-11-2006, 18:48
ความดีความเลว มันเริ่มเผยกันออกมา แล้วล่ะครับ

เมื่อหัวหน้าเลว ไม่อยู่ ตอต่างๆ ก็ผุดมามากมาย

ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยุ่งๆ  แต่เป็นตอผุๆ ที่โผล่มาหลังน้ำลด

ได้เวลาล้างบ้าน อสมท แล้ว  คนเดือดร้อนเพราะผลประโยชน์ ก็ต้องดิ้นเป็นธรรมดา...

ขอเป็นกำลังใจให้ผู้บริหารคนใหม่ จัดการอย่างเด็ดขาดสักที


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: Neoconservative ที่ 08-11-2006, 19:11
อสมท. สู้ๆ เตะ ลิ้มโกตั๊บ ให้หัวทิ่ม ไปเลย

 :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: somwang ที่ 08-11-2006, 20:08
เจ๊ตุ้ย จะว่าไงจ๊ะ สังคมอุดมประเทือง อิอิ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: Naymoon ที่ 08-11-2006, 22:51
มาเขียนเพิ่มเติมของตัวเองอีกนิดนึง

การเข้ามาของคุณมิ่งขวัญ จะก่อให้เกิดประโยชน์กับ อสมท. หรือไม่นั้น
ก็ต้องไปดูกันว่าเข้ามาแล้ว มีปัญหาอะไรหรือไม่  จะทุจริตไปมีผลงานไป มันก็ผิดครับ
ก็โดนดำเนินเรื่องไปตามปรกติ 

จะกรรมการโกงข่าว หรืออะไรก็แล้วแต่ โกงก็คือโกงครับ ก็ต้องดำเนินการไม่ยกเว้น


ยกตัวอย่างอย่างกระทู้ซื้อที่ดิน เอื้อหรือไม่ ตรงนั้นไม่เกี่ยว แต่รู้สึกจะผิดตรงที่ถือว่าคุณทักษิณ
เป็นนายก ถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และภรรยาไปซื้อนี่ ไม่ถูกก็ไม่ถูกครับ โดนไปตามแบบนั้นๆ


อย่างที่เขียนในโพสก่อนย่อหน้าก่อนสุดท้ายขอขยายความหน่อย
ไม่สำคัญว่าจะเอารายการใครเข้าไป รายการเก่าที่ถูกถอด หรือรายการของคุณสรยุทธ์จะปลดออก
ก็ทำไปครับ   ไปหากำไรจากส่วนอื่นๆ เข้ามาแทน ซึ่งถ้ากำไรมันมีเหลือพอทำได้
ทำเลยครับ  แต่ไม่ใช่กำไรไม่มี แล้วยังจะทำอันนี้เท่านั้นแหล่ะที่ไม่เห็นด้วย





ส่วนเรื่องการประท้วงของพนักงานอสมท.  อันนั้นผมกลับมองว่าสิทธิของพวกเขา
เขาเสียผลประโยชน์ก็มีสิทธิเรียกร้อง  แต่ "อสมท. เป็นของส่วนรวม" ซึ่งก็ต้องดู
ความเห็นส่วนรวม   จะเรียกร้องอะไรก็เรียกไป  แต่จะได้หรือไม่นั่นอีกเรื่องครับ
มีสิทธิประท้วง แต่ต้องแบบสงบๆ นะ


จากโพสของคุณ Aloha007
ด้านนายณรงค์ โชควัฒนา กรรมการบอร์ด อสมท กล่าวว่า การจะให้บอร์ด อสมท ลาออก
คนที่พิจารณาคือกระทรวงการคลังเท่านั้น   และการนำเสนอข่าวตอนนี้ ก็เป็นการเสนอข่าวเพียงด้านเดียว
"และไม่เห็นด้วยแต่แรกแล้วที่ให้ อสมท เข้าตลาดหุ้น เพราะในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแต่การคิดเพียงแค่การทำกำไรเพียงอย่างเดียว"

ตรงส่วนนี้ผมกำลังจะบอกว่า  "ถ้า"  ถ้านะ ถ้า
ถ้ารัฐที่ถือหุ้นใหญ่จะบอกว่า  "ไม่แสวงหาผลกำไร"  ก็ไม่ควรเอาเข้าตลาดครับ
เพราะมันจะประหลาดๆ "หุ้นไม่มีกำไรของรัฐ"  เข้ามาให้ใครซื้อ ยกเว้นเอามาให้นักลงทุนปั่นหุ้นกัน
ผมว่าถ้างั้นทำ tender offer ออกจากตลาดเลยครับ ตัดปัญหา


ปล.อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าความเห็นส่วนใหญ่ว่าไง ผมก็ตามนั้น เพียงแต่นี่คือความคิดผมเฉยๆ
เพราะรู้สึกว่าเริ่มเห็นแววลางๆ ตั้งแต่แรกว่า จะตกขอบอีกแล้ว

แต่ถ้าอ่านจากที่คุณ Aloha007 นั่นก็น่าจะโอเคนะ ที่เขามาชี้แจง
แต่ขอรอดูต่อครับ


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 09-11-2006, 02:08
http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vboard.php?user=umcot2 (http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vboard.php?user=umcot2)  เอาเวปบอร์ดมาฝาก  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-11-2006, 03:02
เหตุมันไม่มีอะไรมาก สนธิ ไปด่า เจ๊มิ่ง ซึ่งตอนนั้นทำอยู่ช่อง 9

เจ๊มิ่ง มาแล้วก็ทำได้ดีในระดับหนึ่ง พนักงานมีความสุข จากชื่อเสียงกับกำไรในตลาดหุ้น

เมื่อสนธิไปด่าองค์กรของเค้า จะด้วยเพราะถูกถีบออกมาหรือเปล่านั่นก็เป็นเรื่องการต่อสู้กัน ทั้งในเชิงธุรกิจ และ ผลประโยชน์

ซึ่งไปเกี่ยวพันกับการเมือง

อย่างรายการสรยุทธ์ ก็เป็นรายการแบ่งกำไร แบ่งกันขายโฆษณา

การตัดสรยุทธ์หรือลดคุยคุ้ยข่าว ย่อมกระเทือนรายได้ของ อสมท. ไม่ต้องสงสัย

ส่วนทิศทางการนำเสนอ นั่นเป็น "โฆษณาแฝง" ซึ่ง "ไม่มีใบเสร็จ"

พนักงานนั้นถูกผลักเข้าไปอยู่ใน "ระบอบทักษิณ" เพราะ เจ๊มิ่งนั้น มาจากสายของ ทักษิณตรง ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น โฆษณาเจ้าใหญ่ของ อสมท. ก็มี เอไอเอส อยู่หลากหลาย

การปรับเวลาช่วง"หลังข่าว" มันกระทบไปหลายเจ้า

เอาเป็นว่ามันก็เรื่อง "ผลประโยชน์" ด้วยกันทั้งนั้น เพราะทำหนังสือ ทำรายการ ทำข่าวทีวี มันก็อยู่ได้ด้วยโฆษณา

เงินมันเยอะ ว่างั้นเถอะ


หัวข้อ: "ตุ้ย ธีรภัทร" สวมบทบาทถ่*** ลบหลู่อาจารย์ด้านนิเทศศาสตร์
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 09-11-2006, 09:30
พาดหัวข่าวผู้จัดการรายวันเช้านี้ ตีข่าว อสมท.เป็นหลักเกือบครึ่งหน้า

• เปิดหน้าคนทำร้าย อสมท แฉแพะรับบาปแทน‘ไร่ส้ม’ (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000138457)

มีเนื้อหาในการหารือเมื่อวานนี้ส่วนหนึ่ง

**พงษ์ศักดิ์พบพนักงานเปิดโอกาสซักถาม
       
ขณะเดียวกัน หลังเกิดปัญหาความสับสนต่างๆของอสมท วานนี้(8พ.ย.) นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)  ได้พบปะผู้บริหารและพนักงาน อสมท เป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการหลังทำหน้าที่รักษาการ ตั้งแต่วันที่  1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีพนักงานกว่า 400 คนที่เข้ารับฟังเพื่อต้องการที่จะชี้แจงให้พนักงานมีความเข้าใจที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
       
ทั้งนี้พนักงานได้ผลัดเปลี่ยนกันตั้งประเด็นสอบถามผู้บริหาร โดยมีนางอรวรรณ ชูดี (กริ่มวิรัตน์กุล) ซึ่งเป็นแกนนำพนักงานที่ออกมาประท้วงบอร์ดชุดใหม่ของอสมทชูเรื่องหลักๆนั้นอาทิเช่น เรื่องธรรมมาภิบาลที่เข้ามาเป็นบอร์ดและผู้บริหารอสมท ทั้งๆที่เป็นบอร์ดและบริหารงานที่บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน),  เรื่องของการปรับผังรายการ การยกเวลาให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง, การให้สัมภาษณ์ของบอร์ดบางคนในแง่มุมต่างๆ
       
**อสมท.บางพวกโห่-ตุ้ยพูดเสียดสี
       
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงระหว่างการพบปะกันนั้น กลุ่มพนักงานอสมทส่วนใหญ่ได้มีการแสดงกิริยาที่ค่อนข้างไม่สุภาพเป็นระยะ เช่น การโห่ฮา หรือ การไม่ให้เกียรติกับ นายพงษ์ศักดิ์ ในฐานะที่เป็นรักษาการ ในเวลาที่พูดบางครั้ง โดยการไม่ฟังหรือส่งเสียงดัง รวมทั้งพฤติกรรมการใช้น้ำเสียงในการถามจากพนักงานบางคนที่ไม่ค่อยสุภาพ และคำถามที่ค่อนข้างไม่พอใจว่า ทำไมต้องให้ไปทำรายงานข่าวเมืองไทยรายสัปดาห์ทุกวันศุกร์ด้วย ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์นั้น กลับเก็บท่าทีและมีอารมณ์ที่สุขุมอย่างมาก
       
ในช่วงท้าย นายธีรภัทร์ สัจจกุล ผู้จัดการคลื่นซี้ด 97.5 เอฟเอ็ม โมเดิร์นไนน์ เรดิโอ ซึ่งเข้ามามีบทบาทในอสมทยุคที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็น กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวเสียดสีนายพงษ์ศักดิ์ว่า โมเดิร์นไนน์ทีวีและโมเดิร์นไนน์เรดิโอในความหมายของนายพงษ์ศักดิ์หมายความว่ายังไง และขอช่วยพิจารณาตัวเองว่ามีทักษะในการสื่อสารที่เหมาะกับการบริหารอสมทหรือไม่
       
ขณะที่พนักงานราหนึ่งกล่าวเสริมว่า หากนายพงษ์ศักดิ์ และ บอร์ดทุกคนลาออกจากบอร์ดวันนี้จะกลายเป็นปูชนียบุคคลแต่หากไม่ลาออกและยังเป็นบอร์ดต่อก็จะเสียคนที่อสมท
       
ทั้งนี้นายพงษ์ศักดิ์ได้ตอบข้อสงสัยทุกคำถามโดยกล่าวว่า ความไม่เข้าใจที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะเรายังไม่ได้มีการสื่อสารกัน ขณะที่กระแสข่าวจากข้างนอกทำให้เราเข้าใจไปอีกอย่าง  ส่วนในเรื่องของธรรมมาภิบาลนั้น ตามกฎหมายแล้วผมมาถูกต้อง มาโดยผู้ถือหุ้นอนุมัติ
       
“ผมได้รับการติดต่อจากหลายฝ่าย และคาดว่าหากเข้ามาช่วยเหลือเป็นบอร์ดแล้ว จะเข้ามาสร้างความแข็งแกร่งและเปลี่ยนแปลงแก้ไขในเวลาอันสั้นผมก็ยินดี ในอดีตผมเองก็เคยเป็นบอร์ดอสมทมาแล้วและผมก็เคยลาออกจากบอร์ดอสมทมาแล้วในอดีต”
       
หากมีข้อกล่าวหาว่า เขาไปมีความสัมพันธ์กับใคร หรือคิดว่าจะมาเป็นนายหน้าหาหัวคิว หรือ หาเวลารายการให้ใคร ก็ไปตรวจสอบได้ ซึ่งเกิดมาไม่เคยต้องมารายงานทรัพย์สิน ครั้งนี้ก็ต้องทำ ช่วง 3 เดือนถ้าหากสรรหา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ได้ก็พร้อมที่จะลาออก และยินดีลาออกก่อนหน้านี้ด้วยหากทำไม่ดี ทำไมต้องมาเปลืองตัวให้รุ่นน้อง ลูกศิษย์ ด่าว่า หรือเสียดสีโดยไม่จำเป็น
       
“ถ้าหากจะให้ลาออกจากบอร์ดมติชนตอนนี้ ผมก็พร้อมที่จะลาออกก็ได้ และสาเหตุที่ไม่ลาออกจากบอร์ดอสมท ก็เพราะว่า หากลาออกก็เหมือนกับว่าผมยอมรับในสิ่งที่ทุกคนกล่าวหาว่าผมมีผลประโยชน์อะไรที่เข้ามานั่งเป็นผู้บริหารในนี้ เป้าหมายของผมคือต้องการทำให้องค์กรแห่งนี้มีความแข็งแกร่งและเป็นสื่อที่อิสระ มีมุมมองทำข่าวรอบด้าน ไม่ต้องการให้ถูกแทรกแซงจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ผมจะทำตามนโยบายที่รับได้ ”
       
ส่วนประเด็นเรื่องผังรายการนั้นยืนยันว่า ยังไม่มีการพิจารณาหรือข้อสรุปใดๆ แม้แต่รายการกบนอกกะลา ไม่มีความคิดที่จะถอดรายการนี้ออกตามที่เป็นข่าวลือ ไม่มีเหตุผลที่จะไปถอด
       
“ผมไม่ใช่คนไม่รู้เรื่องอะไร” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
       
สำหรับประเด็นของการให้สัมภาษณ์ของบอร์ดบางคนนั้น นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า บอร์ดทุกคนก็มีสิทธิที่จะพูดจะเหมาะสมหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่งอันนี้ต้องเอาเข้าประชุมที่บอร์ดว่าถูกวิพากษ์ วิจารณ์อย่างนี้จะทำอย่างไร โดยทั้งหมดนี้จะนำเข้าสู่ที่ประชุมวันศุกร์ที่ 10 นี้


‘อสมท’ขึงพืดผู้บริหาร ชำแหละ‘ธีรภัทร์’ล้วงลูกเกินรัฐบาลทักษิณ-พงษ์ศักดิ์ลั่นพร้อมออก

โพสต์ทูเดย์ — พนักงาน อสมท รุมสับ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ “พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร” เอ่ยขอโทษ ประกาศพร้อมลาออกจากรักษาการ หากคน อสมท ไม่ต้องการ

นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท พร้อมผู้บริหาร อสมท ได้เปิดเวทีพบพนักงาน อสมท เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 พฤศจิกายน เพื่อชี้แจงถึงนโยบายต่างๆ ปรากฏว่ามีพนักงาน อสมท เข้าร่วมฟังนโยบายกว่า 500 คน ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ได้ใส่เสื้อดำเข้าร่วมฟัง และก่อนหน้าพนักงานบางส่วนได้นำพวงหรีด สีดำ มาวางไว้หน้าตึก อสมท ด้วย

สำหรับบรรยากาศการชี้แจง และตอบคำถามต่างๆ เป็นไปอย่างดุเดือดและเข้มข้น สลับกับการส่งเสียงโห่ร้องแนวขับไล่ให้ลาออกจากตำแหน่ง

นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า การเข้ามาทำงานที่ อสมท นั้น เข้ามาด้วยความบริสุทธิ์ใจ มาเพื่อต้องการสร้างให้ อสมท เป็นหน่วยงานที่เข้มแข็งเทียบเท่ากับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น มีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง ส่วนนโยบายของรัฐบาลที่ สั่งการมานั้น ต้องเป็นนโยบายที่ดีเท่านั้นถึงจะปฏิบัติตาม หากเป็นนโยบายที่ไม่ดี ก็ไม่ปฏิบัติตาม เพราะมีศักดิ์ศรี

นอกจากนี้ หากพนักงานต้องการให้ออกจากตำแหน่งรักษาการกรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่ ก็พร้อมที่จะออก ส่วนกรณีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการนั่งในตำแหน่งบริหารในบริษัท มติชน นั้น ก็พร้อมที่จะลาออกจากตำแหน่งในมติชน เพื่อพิสูจน์ธรรมาภิบาล แต่จะไม่ลาออกจากการเป็นบอร์ด อสมท เพราะหากลาออกจากบอร์ด อสมท ก็เท่ากับยอมรับในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

ทั้งนี้ เมื่อนายพงษ์ศักดิ์ เปิด โอกาสให้พนักงาน อสมท ถามข้อสงสัย นางอรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล นักข่าวอาวุโส อสมท ได้ซักถามในรายละเอียดหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคำสั่งของนายพงษ์ศักดิ์ ที่สั่งให้สำนักข่าวไทย ไปทำข่าวรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ทุกสัปดาห์ ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และถือว่าแทรกแซงการทำงานอย่างร้ายแรง รวมถึงการปรับผังรายการที่ไม่มีความโปร่งใส  เพราะนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เรียกผู้จัดรายการจากสำนักข่าวต่างๆ ไปตกลงกัน ซึ่งเรื่องอย่างนี้ ในสมัยรัฐบาลที่มีต้นทุนอย่างรัฐบาลที่แล้ว ยังไม่เคยเข้ามาล้วงลูกผังรายการเลย

นายพงษ์ศักดิ์ ชี้แจงว่า ต้องขอโทษพนักงานหากบางคำพูดไม่ชัดเจน และยอมรับว่าสาเหตุของความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันของพนักงานในองค์กรวันนี้ เกิดมาจากการสื่อสารที่ผิดพลาดและไม่รอบด้าน ส่งผลให้เกิดความไม่เข้าใจมากเหลือเกิน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะทุกคนใหม่ทั้งหมด

“ผมยืนยันว่าจะรับเอาสิ่งที่ได้รับการท้วงติงในวันนี้ไปให้ที่ประชุมบอร์ดวันที่ 10 พฤศจิกายน และพิจารณาว่ามีเรื่องใดต้องพิจารณาทบทวนใหม่ เพื่อให้องค์กรที่ผมบอกว่าผมรัก และมีส่วนช่วยในการก่อตั้ง เป็นไปตามแนวทางสังคมอุดมปัญญาเดิม เพียงแต่มีการเน้นย้ำว่าให้เป็นสัมมาปัญญา ซึ่งสิ่งใดยังไม่ดี ก็สมควรพัฒนาให้ดีขึ้น” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว

ส่วนกรณีแนวคิดให้มีการนำเสนอข่าวของรายการ เอเอสทีวี ของเครือผู้จัดการ อาจเป็นเพราะสู่รู้มากไปหน่อย  ที่เข้าไปเสนอให้ทำ เพียงแต่มองในประเด็นการทำงานสื่อ หลังจาก อสมท ถูกมองว่ามีการนำเสนอข่าวด้านเดียวมาก่อนในช่วงที่ผ่านมา จึงเพียงอยากให้มีการนำเสนอข่าว 2 ด้าน เท่านั้น  ไม่ได้ต้องการแทรกแซง

ด้านมติชนนำเสนอข่าวในเชิงปกป้องอาจารย์ป๋องบ้างเล็กน้อย

"พงษ์ศักดิ์"ย้ำจุดยืน ทำ"อสมท"แข็งแกร่ง พนักงานยันให้ออก

(http://www.matichon.co.th/newsphoto/matichon/p0110091149p1.jpg)
ฟังชี้แจง - พนักงาน อสมท เข้าฟังการชี้แจงจากนายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รองประธานกรรมการ ทำหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท เกี่ยวกับนโยบาย อสมท เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน

"พงษ์ศักดิ์"เปิดห้องประชุมแจงเหตุเข้ารับตำแหน่งรักษาการ ผอ.อสมท ยืนยันเจตนาดีหวังสร้างองค์กรให้แข็งแกร่ง ย้ำเข้าบริหารงานแค่ 3 เดือน ฝ่ายพนักงานกว่า 400 คนแต่งชุดดำรวมตัวต้าน เรียกร้องให้ลาออก

นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รองประธานกรรมการทำหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ชี้แจงและตอบข้อสงสัยต่างๆ ต่อพนักงาน อสมท หลังจากพนักงาน อสมท รวมตัวประท้วงแสดงความไม่พอใจการแต่งตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) อสมท ชุดใหม่ โดยยืนยันมีเจตนาจะทำให้องค์กร อสมท เป็นองค์กรที่ดีมีความแข็งแกร่ง ขณะที่พนักงาน อสมท ยังแสดงความไม่พอใจต่อคำชี้แจงและเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง

เมื่อเวลา 14.00 น. เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ห้อง ออดิทอเรียม บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงาน อสมท ประมาณ 300-400 คน โดยส่วนใหญ่ใส่เสื้อยืดสีดำพิมพ์คำว่า "หยุดทำร้าย อสมท" และ "แดนสนธยามันกลับมาแล้ว" เข้าร่วมรับฟังคำชี้แจงของนายพงษ์ศักดิ์ โดยก่อนการประชุม ตัวแทนผู้ประท้วงมอบดอกไม้ให้นางอรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล แกนนำกลุ่มพลัง อสมท เพื่อเป็นกำลังใจ

นางอรวรรณกล่าวว่า การเคลื่อนไหวของพนักงาน อสมท ครั้งนี้ไม่ใช่ทำเพื่อปกป้องตำแหน่งหรือผลประโยชน์ใดๆ ของ อสมท ทุกคนมีเจตนาบริสุทธิ์ในการเคลื่อนไหวเพื่อกู้ศักดิ์ศรีของ อสมท ที่สูญเสียไป

จากนั้นนายพงษ์ศักดิ์กล่าวชี้แจงว่า ต้องขอโทษที่ไม่ได้ใช้เวลาอันน้อยนิดทำความเข้าใจกับพนักงาน แต่ยืนยันว่า มีเจตนาที่ดีและมีความรักความผูกพันในองค์กรนี้เช่นกัน เพราะอยากให้ อสมท เป็นองค์กรที่แข็งแกร่ง รัฐบาลไหนเข้ามาก็มาสั่งไม่ได้

"ผมรู้สึกน้อยใจว่าที่ผ่านมาพยายามพูดกับฝ่ายบริหาร อสมท และสำนักข่าวไทยส่วนหนึ่งถึงความตั้งใจจริง แต่ไม่มีใครเอาไปบอกกันให้เข้าใจ และไปฟังกระแสข่าวต่างๆ จากภายนอก ทำให้เกิดความสับสน" นายพงษ์ศักดิ์กล่าว และว่า จะเข้ามาบริหารงานใน อสมท เพียงสามเดือนเท่านั้น ไม่ใช่หนึ่งปีอย่างที่เข้าใจกัน และต้องการรวบรวมความคิดเห็นของพนักงาน อสมท ว่า อสมท จะดำเนินงานต่อไปอย่างไรในทิศทางไหนและต้องการผู้อำนวยการใหญ่แบบไหน

จากนั้น นางอรวรรณลุกขึ้นอ่านแถลงการณ์ของกลุ่มพลัง อสมท แสดงความสงสัยนายณรงค์ โชควัฒนา กรรมการ อสมท ให้สัมภาษณ์ผ่านเอเอสทีวีระบุ มีแนวคิดจะถอน อสมท ออกจากตลาดหุ้น พร้อมกับตั้งคำถามกรณีนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เรียกนักจัดรายการไปหารือการจัดผังรายการใหม่ ถือว่าเป็นการแทรกแซงการบริหารงาน อสมท หรือไม่ นอกจากนี้ยังสอบถามนายพงษ์ศักดิ์ว่า นายพงษ์ศักดิ์สั่งให้สำนักข่าวไทยเผยแพร่ข่าวการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ใช่หรือไม่

นายพงษ์ศักดิ์กล่าวยอมรับว่า เสนอแนวคิดเรื่องการเผยแพร่ข่าวการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์จริง แต่ไม่ใช่เป็นคำสั่ง เพราะเห็นว่าในระยะที่ผ่านมา อสมท เสนอข่าวเพียงด้านเดียว การนำเสนอข่าวดังกล่าวเป็นวิธีการแก้ปัญหาทางหนึ่ง แต่ถ้าใครเข้าใจว่าเป็นคำสั่งก็ต้องขอโทษด้วย และอาจเป็นเพราะตนพูดไม่รู้เรื่องก็ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางอรวรรณเรียกร้องให้นายพงษ์ศักดิ์ลาออกจากตำแหน่งบอร์ดและรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท โดยระบุว่า หากนายพงษ์ศักดิ์ลาออกในเวลานี้ถือเป็นปูชนียบุคคล

นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า จะลาออกในขณะนี้ยังไม่ได้ เนื่องจากว่าหากลาออกเท่ากับว่า สิ่งที่มีการพูดกันนั้นเป็นเรื่องจริง

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวถึงการปรับผังรายการใหม่ของ อสมท นายพงษ์ศักดิ์มอบให้นายชิตณรงค์ คุณะกฤดาธิการ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท เป็นผู้ชี้แจง

นายชิตณรงค์กล่าวว่า กระแสข่าวดังกล่าวเป็นจริง มีการพูดคุยกันถึงเรื่องปรับผังรายการ เพียงแต่ไม่ได้ตอบตกลงใดๆ เพราะเป็นการพิจารณาของคณะกรรมการผังรายการ และบอร์ด อสมท ชุดใหม่ยังไม่ทราบเรื่อง

นายชิตณรงค์กล่าวว่า ผังรายการใหม่อาจจะนำมาพิจารณาในวันที่ 10 พฤศจิกายน ขอยืนยันว่านายพงษ์ศักดิ์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศของการประชุม อสมท เป็นไปด้วยความตึงเครียด เนื่องจากพนักงาน อสมท แสดงความไม่พอใจคำชี้แจงของผู้บริหาร อสมท เป็นระยะๆ  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธีรภัทร สัจจกุล ผู้จัดการคลื่น ซี้ด 97.5 เมกะเฮิร์ตซ์ ลุกขึ้นมาซักถามนายพงษ์ศักดิ์ถึงแนวคิดการทำงานของ อสมท ว่าเป็นอย่างไร

นายพงษ์ศักดิ์กล่าวยอมรับว่า อาจจะไม่มีทักษะเรื่องการบริหารงาน อสมท และปฏิกิริยาของพนักงาน อสมท ที่แสดงออกมานั้น เข้าใจได้ดี ส่วนกรณีที่พนักงาน อสมท ต้องการกู้ศักดิ์ศรีคืนนั้น ทางพนักงานก็ได้ศักดิ์ศรีคืนแล้วเพราะว่าการพูดคุยครั้งนี้เปิดกว้างให้สื่อต่างๆ เข้ารับฟังและคิดว่าประชาชนคงจะเข้าใจการเคลื่อนไหวของพนักงาน อสมท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพนักงาน อสมท ยังถามนายพงษ์ศักดิ์ถึงการนั่งควบตำแหน่งผู้บริหารของบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท จะขัดต่อหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า บริษัทมติชน ทำธุรกิจด้านสื่อสิ่งพิมพ์ ส่วน อสมท ทำกิจการโทรทัศน์ ได้ตรวจสอบแล้วว่าไม่ขัดต่อข้อกฎหมายใดๆ อย่างไรก็ตาม หากพนักงาน อสมท ไม่สบายใจ พร้อมจะลาออกจากบริษัทมติชน  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางด้านคณะกรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) มีมติลาออกทั้งคณะ เพื่อเปิดโอกาสให้เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ โดยอ้างเหตุผลว่า ที่ผ่านมา สมาชิกไม่ไว้วางใจการทำงานของสหภาพและเห็นว่าสหภาพดำเนินการล่าช้า โดยจะจัดให้เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ในวันที่ 24 พฤศจิกายน

นายพงษ์ศักดิ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมชี้แจงว่า วันนี้เป็นการเริ่มต้นที่ดี แม้จะมีพนักงานไม่พอใจซึ่งเปรียบเหมือนรถยนต์ที่เพิ่งจะออกตัวต้องมีการกระชากกันบ้าง ต่อจากนี้เชื่อว่าคงจะเดินหน้าไปได้

นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานกำกับตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงกรณีนายพงษ์ศักดิ์ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และเข้ารับตำแหน่งรองประธานกรรมการและรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ในบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ว่าไม่ถือว่ามีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เพราะทั้งมติชนและ อสมท ประกอบธุรกิจประเภทสื่อแต่ถือเป็นสื่อคนละประเภท  โดยมติชนเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ ขณะที่ อสมท เป็นสื่อวิทยุและสื่อโทรทัศน์

และขอเก็บตกข่าวในกรุงเทพธุรกิจเล็กน้อย

'พงษ์ศักดิ์'นั่งต่อสรรหา กก.ผอ.ใหญ่ อสมท ใน3เดือน
8 พฤศจิกายน 2549 20:19 น.
รักษาการกก.ผอ.ใหญ่ อสมท แจงสถานภาพไม่ขัดระเบียบนั่งเก้าอี้ ยืนยันจะอยู่ทำหน้าที่คัดเลือกกรรมการผอ.ใหญ่คนใหม่ ภายใน 3 เดือน ก่อนจะโบกมือลา ขณะที่ พนักงานอสมท แต่งดำตั้งคำถามขย่ม จี้ตอบยังไม่เคลียร์


นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการกรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) พบพนักงาน อสมท เป็นครั้งแรก หลังจากเข้ารับตำแหน่งและเกิดปัญหาวิกฤติศรัทธาใน อสมท มีพนักงานจำนวน 700 คนเข้าชื่อ เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหาร รวมทั้งเปลี่ยนตัวนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล อสมท โดยได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา

นางอรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล ตัวแทนพนักงาน อสมท ได้เริ่มตั้งคำถามถึงความไม่โปร่งใสเกี่ยวกับการจัดผังรายการในโมเดิร์นไนน์ ทีวี หลังมีข่าวว่ารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับผู้จัดรายการและผู้ประกอบการด้านสื่อ 3-4 ราย เพื่อตกลงจัดสรรเวลาช่วงไพรม์ไทม์ จนปรากฏเป็นข่าวว่ายุค อสมท แบ่งกันกิน ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้จัดรายการใน อสมท และสร้างความไม่สบายใจให้กับพนักงาน อสมท พร้อมกับขอคำตอบกรณีที่มีการให้สัมภาษณ์ว่า จะมีการปรับผังรายการ และกรณีที่บอร์ด เช่น นายวิทยา ธร ท่อแก้ว และ นายณรงค์ โชควัฒนา ให้ข่าวในเชิงลบต่อ อสมท

"ที่ผ่านมาอสมท ทำหน้าที่สื่อสารมวลชนอย่างเต็มที่ แม้แต่ช่วงการชุมนุม อสมท ก็รายงานข่าวของพันธมิตรฯ วันละกว่า 20 ครั้ง  เราไม่เคยปิดกั้น เราสร้างคุณค่าด้วยการทำงานของพวกเรา เมื่อวันหนึ่งจะมีผู้จัดเข้ามาร่วมสร้างคุณค่ากับเรา เราก็ยินดี แต่ขออย่างเดียว ในฐานะประกาศตัวเป็นพี่ใหญ่ขององค์กรสื่อ แสดงความไม่เห็นด้วยกับเรื่องการแบ่งเค้ก แล้วทำไม วันนี้พี่ใหญ่กระโดดลงไปร่วมแบ่ง โดยไม่เข้าแข่งขันเหมือนกับผู้จัดรายอื่น ๆ ที่ยื่นรายการเข้ามาให้คณะกรรมการจัดผังรายการพิจารณา แล้ว อสมท จะตอบสังคมได้อย่างไร" นางอรวรรณกล่าว

ด้านนายพงษ์ศักดิ์ได้กล่าวคำขอโทษที่มาชี้แจงกับพนักงานล่าช้า จนทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน พร้อมกับเหตุผลที่เข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าว เพื่อต้องการปกป้องอาชีพสื่อสารมวลชน และต้องการมีส่วนร่วม เพราะเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสำนักข่าวไทย มีเจตนาบริสุทธ์ที่จะทำให้สำนักข่าวไทยเป็นแหล่งรวมสติปัญญา และสร้างความแข็งแกร่ง

ส่วนกรณีเป็นข่าวจะมีการปรับผังรายการหรือเปรียบเทียบการบริหารงานของ อสมท เป็นเสมือนเคลือบยาพิษให้กับผู้ป่วย นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เคยให้สัมภาษณ์ในลักษณะดังกล่าว คงจะเป็นการนำเสนอข่าวที่ไม่ครบถ้วนบางฉบับที่หยิบเฉพาะบางประเด็นไปเขียน  ยืนยันว่าพนักงาน อสมท มีคุณภาพและยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้สั่งให้ไปทำข่าวรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เพราะไม่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นการส่วนตัว

ขณะที่พนักงานอสมท โต้แย้งนายพงษ์ศักดิ์ ว่า รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่  ได้กล่าวในการประชุมโต๊ะข่าวกองบรรณาธิการว่า อยากเห็นข่าวรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ทุกวันศุกร์ ทำให้ อสมท ต้องเสียเงินไปติดตั้งดาวเทียมเพื่อรับสัญญาณของเอเอสทีวี  โดยนายพงษ์ศักดิ์ ยอมรับว่า ได้กล่าวเช่นนั้นจริง แต่ไม่ใช่คำสั่ง เป็นเพียงการให้นโยบาย โดยมอบหมายให้กองบรรณาธิการพิจารณาความเหมาะสม เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารที่ อสมท นำเสนอเป็นไปอย่างรอบด้าน แต่หากเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม  และเมื่อถูกพนักงานยืนยันว่า เป็นการสั่งการ เป็นการแทรกแซง นายพงษ์ศักดิ์ ก็ขอโทษถ้าทุกคนเข้าใจเช่นนั้น

ด้านนายชิตณรงค์ คุณะกฤษดาธิการ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ชี้แจงกรณีมีข่าวเป็นผู้บริหาร อสมท ที่ได้เข้าหารือร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า เข้าไปหารือจริง โดยมีผู้ประกอบการสื่อ 3-4 รายอยู่ด้วย ซึ่งปรากฏชื่อตามที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ โดยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เล่าแนวความคิดถึงการเปลี่ยนแปลงรายการใน อสมท ซึ่งได้ชี้แจงว่าการปรับผังรายการไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของตน เป็นอำนาจของบอร์ดชุดใหม่และคณะกรรมการผังรายการ อย่างไรก็ตาม เคยได้แจ้งไปก่อนหน้านี้ว่าปฏิเสธที่จะรับรายการของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เนื่องจากยังมีคดีฟ้องร้องระหว่าง อสมท กับนายสนธิ อยู่ รวมทั้งนายสนธิ มีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งต่อมาอัยการสั่งไม่ฟ้องภายหลัง  โดยในการหารือมีนายวิทยาธร ท่อแก้ว โฆษกบอร์ด อสมท รวมอยู่ด้วย

นายชิตณรงค์กล่าวว่า ในการหารือมีการนำผังรายการของสถานีโทรทัศน์โมเดิร์น ไนน์ ทีวี ออกมากางดู เพื่อเลือกช่วงเวลาที่สนใจ ซึ่งผู้ประกอบการฯ ขอเวลาในช่วงไพรม์ไทม์ ซึ่งตรงกับรายการคุยคุ้ยข่าว แต่ได้ให้ข้อมูลไปว่าไม่สามารถถอดรายการหนึ่งรายการใดทันที ต้องมองผลกระทบ และรายการคุยคุ้ยข่าวเป็นรายการที่สร้างรายได้ให้กับ อสมท ถึง 400 ล้านบาทต่อเดือน พร้อมให้ข้อมูลว่าเวลารายการที่จะเสียรายได้น้อยที่สุดคือรายการถึงลูกถึงคน ซึ่งเป็นรายการที่ อสมท ดำเนินการเองและทำรายได้เพียง 8 ล้านบาทต่อเดือนเท่านั้น

รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท กล่าวว่า มีการพูดจริงว่าหากมีการปรับรายการถึงลูกถึงคนให้มีความหลากหลาย อาจจะนำรายการของสถานีโทรทัศน์ ASTV มาให้ประชาชนได้ชม อาจจะทำให้มีความสนใจบ้าง แต่ในระยะยาวยังไม่แน่ใจว่าในเชิงธุรกิจจะไปได้รอดแค่ไหน แต่ยืนยันได้ว่าไม่เคยไปประเคนรายการให้กับใคร และหากใครทำอะไร ก็ทำกันไป แต่ควรมาทำในที่แจ้ง  และในการประชุมบอร์ดได้รายงานให้ทราบหมดแล้ว

ส่วนกรณีที่มีข้อสงสัยถึงข้อกังวลเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนเนื่องจากนายพงษ์ศักดิ์ มีตำแหน่งบริหารในบริษัท มติชน และ อสมท ซึ่งเป็นธุรกิจสื่อและเป็นบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์นั้น นายพงษ์ศักดิ์ ชี้แจงว่า พร้อมให้มีการตรวจสอบ เพราะมั่นใจว่าเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยได้รับการคัดเลือกจากผู้ถือหุ้น แต่หากพนักงานไม่สบายใจ และหากตรวจสอบแล้วปรากฏว่าตนมีปัญหาเรื่องธรรมาภิบาล ก็พร้อมที่จะพ้นจากตำแหน่ง กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ก่อนภารกิจจะเสร็จสิ้นใน 3 เดือน ที่มีภาระต้องสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่

พนักงานอสมท สอบถามว่าเพื่อให้หายข้อสงสัยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน หากจะให้เลือกลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทใดบริษัทหนึ่ง จะเลือกลาออกจากบริษัทใด นายพงษ์ศักดิ์ ตอบว่าจะเลือกลาออกจากมติชน เพราะหากลาออกจาก อสมท เท่ากับเป็นการยอมรับเรื่องข้อกล่าวหาดังกล่าว จึงจะให้ผลงานและเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

นายธีรภัทร สัจจกุล ผู้บริหารคลื่น SEED 97.5 และคลื่น MET 107 กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากความสับสนและการตีความที่ผิดพลาดของคำว่า "ประชาชน" ของบอร์ดชุดปัจจุบันรวมทั้งมีปัญหาด้านทักษะในการสื่อสารทั้งกับประชาชน  พนักงาน อสมท และประชาคมโลก ดังนั้น จึงขอย้ำว่าปัญหาด้านทักษะการสื่อสารที่เกิดขึ้นของบอร์ดชุดปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงนายพงษ์ศักดิ์ คือ ต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา และพนักงาน อสมท ยินดีที่จะยกก้อนหินที่ทับต้นหญ้าอยู่มากกว่าจะมีคนมายกก้อนหินออกไปแล้วนำกะลามาครอบหญ้าแทน

นายพงษ์ศักดิ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพบพนักงานอสมท กว่า 400 คน โดยยอมรับว่าทั้งตนเองและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีถือเป็นมือใหม่ เปรียบกับเป็นมือใหม่ที่เพิ่งหัดขับรถ เวลาเข้าเกียร์รถบางครั้งอาจจะไม่สัมพันธ์กัน  ทำให้เกิดปัญหาสะดุด แต่เชื่อว่าระยะต่อไปก็จะราบรื่นเอง

อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเป็นการออกตัวที่เร็วเกินไปสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ตนคิดว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้เปิดอกพูดจากัน ที่ผ่านมาตนคิดว่าเป็นความเข้าใจผิด และไม่ถือโกรธใดใด เพราะตนเป็นคนทำข่าว จึงมีความเข้าใจดี ซึ่งการที่ได้มีการชี้แจงในวันนี้ ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าพนักงานมีท่าทีที่ดีขึ้นมาก และจะนำข้อมูลทั้งหมดเข้าที่ประชุมบอร์ด ส่วนกรณีคลื่น MET 107 นายพงษ์ศักดิ์ ยืนยันว่าไม่ใช่ให้เลิก เพื่อเปลี่ยนเป็นเพลงคลาสสิก เรื่องนี้มาจากไหนไม่รู้ สิ่งที่ตนอยากให้ทำคือปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น

ในการซักถามครั้งนี้มีคำถามถึง นายพัชระ สารพิมพา รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ อสมท เกี่ยวกับบทบาทของสหภาพฯ ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าพบกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่กรรมการสหภาพฯ ได้ลาออกเกินกึ่งหนึ่ง และทำให้กรรมการสหภาพฯ หมดสถานภาพไปโดยปริยาย ซึ่ง นายพัชระ ชี้แจงว่า ได้เดินทางเข้าพบเนื่องจากมีการนัดหมายไว้แล้วก่อนหน้านี้ โดยชี้แจงกับรัฐมนตรีว่าประเด็นที่เป็นปัญหาในขณะนี้คือ กรณีการนำเงินรายได้ของ อสมท แบ่งให้ช่อง 11 ซึ่งสหภาพฯ แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย แต่ไม่สามารถตอบคำถามของพนักงานได้ว่า เหตุใดรัฐมนตรีฯ จึงชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า นายพัชระ เป็นผู้ให้เหตุผลว่าการเคลื่อนไหวของพนักงานมาจากสาเหตุดังกล่าว  

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าก่อนหน้าการชี้แจงของนายพงษ์ศักดิ์ พนักงาน อสมท ที่ใส่ชุดดำเพื่อแสดงความรู้สึกมากกว่า 400 คนได้เข้าร่วมฟังเต็มห้องประชุม และมอบดอกไม้ พร้อมกับเสียงปรบมือเพื่อให้กำลังใจกับผู้ประสานงาน เช่น นางอรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล นางอนัญญา ตั้งใจตรง และนายธีรภัทร สัจจกุล และในการชี้แจงครั้งนี้นายพงษ์ศักดิ์ ได้ติดต่อทาง ASTV และ เนชั่น มาถ่ายทอดสดด้วย


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 09-11-2006, 09:37
เมื่อเช้าไม่ได้ดูช่องเก้าเหรอ พนักงานรวมทั้งท่านรองกจก.เค้าสอนมวยหนะ
มี link มั้ย พอดีผมหา link ไม่เป็น ไอ้ผู้จัดการก็ 1 ในอีแร้งเหมือนกัน มันถึง
จะออกมาด่าไง พวกนี้ก็งุบงิบจะเอารายการตัวเองยัดลงให้ได้โดยทางลัด
ไม่ต้องผ่านการพิจารณาเหมือนรายอื่น น่าอนาถแท้ตอนนั้นด่าเค้าไว้เยอะ
พอถึงเวลาก็ทำเอง เลวชาติจริงๆ


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 09-11-2006, 09:51
นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ


ตอนจัดรายการ 96.5 ของอสมท. และให้ไอ้มิ้งเข้าสาย รับรองว่า ตอนนั้นอัดกันมันหยด กรูไม่สนว่าเอ็งเป็นรัฐมนตรี พูดอยู่ในประเด็น

ไอ้มิ้งสู้ไม่ได้เลย

ผลลัพท์ คุณพิเชียร กระเด็นออกจากรายการอีกไม่กี่วันถัดมา


แล้วพัชระ คู่หูตัวหลบ แค่ถามว่า คุณพิเชียรไปไหน ๆ แค่นั้นครับ

ไม่กล้าพูดแม้แค่คำว่า โดนปลดออกจากรายการ ?


- ตอนแถลงข่าวเรื่องภาษีกลุ่มชิน แอมเพิลริช ทั้ง สุวรรณ วลัยฯ และ กรมสรรพากร ว่าถูกต้องชอบธรรมทุกประการ ผมก็เห็น อสมท.ถ่ายทอดทุกแม๊ทช์น่ะครับ

พวกอุดมเงินทั้งหลาย และพนักงาน อสมท.จำใว้ด้วยว่าคุณคือ พนักงาน?


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 09-11-2006, 10:03
"อวรรณ"ไม่ขอทาบบารมี"สนธิ" หลังท้าออกเมืองไทยรายสัปดาห์

นางอรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย หนึ่งในแกนนำกลุ่มประท้วงคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ที่เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี เพราะไม่เห็นด้วยต่อกรณีการปรับเปลี่ยนนโยบาย ปรับผัง และรูปแบบรายการ ของสถานีโทรทัศน์ โมเดินร์นไนน์ทีวี กล่าวผ่านทางรายการข่าวเด็นประเด็นร้อน ทางวิทยุเอฟเอ็ม 96.5 คลื่นความคิด กรณีนายคำนูณ สิทธิมาน ผู้ดำเนินรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ซึ่งออกอากาศทาง เอเอสทีวี เรียกร้องให้นางอรวรรณ เข้าร่วมรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่มีนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นผู้ดำเนินรายการ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในทุกเรื่อง และทุกข้อกล่าวหากรณีมีตัวแทนอักษรย่อค.ควายจากเครือผู้จัดการ ไปร่วมหารือกับนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เพื่อแบ่งเค้กการจัดรายการใน อสมท.ว่า ตนมีบารมีไม่กล้าแกร่งพอ ที่จะร่วมรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ กับนายสนธิ และโดยส่วนตัวก็เคารพรักกัน และจะขออนุญาตส่งเทปบรรยากาศการประชุมทั้งหมด ของพนักงาน อสทม. ไปให้แทน เพื่อให้ช่วยตรวจสอบดูว่าหาก อสมท. จะมีรั้วที่แข็งแรง มีระบบปัดกวาดบ้านของตนเอง และพนักงานของอสมท.ได้ร่วมกันสร้างกลไกตนเอง ให้ปลอดจากการเมือง หรือแม้แต่นายทุนสื่อด้วยกันเอง แล้วมันผิดตรงไหน

"นำเสนอมาได้เลย อยากเห็นอสมท. เป็นทิศทางไหนที่ดีที่คืนกำไรให้กับสังคม บอกได้เลย ทำไมเราจะไม่ฟัง ยินดีทุกอย่างเพื่อปรับปรุงองค์กรของเราให้แข็งแรงให้ดีขึ้น ให้มีคุณภาพตลอดเวลา" นางอวรรณ กล่าว.

http://www.posttoday.com/breakingnews.php?sec=breaking&id=130755
--------------

เอารายการข่าวเช้า ไปโต้สนธิซ่ะ

ห้าปีในรัฐบาลชุดเก่า อยู่กันสบายเลยน่ะครับ พนักงาน อสมท.ทั้งหลาย 555++++


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 09-11-2006, 10:15
(http://www.manager.co.th/Home/images/thaiweek.gif)

 :slime_v: เอาเลยครับ อยากดูๆๆๆ

(http://www.manager.co.th/ImageUpload/pjkkuan/MAcomic15.gif)

(http://www.manager.co.th/ImageUpload/Pjkkuan/11_9_2006/MAcomic13.gif)


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 09-11-2006, 11:38
พนักงาน อสมท คงทำใจยังไม่ได้ และยังไม่เข้าใจ

ถึงอาจารย์ป๋องไม่เป็นผออสมท

ผอคนใหม่มา ก็โดนล้างบางอยู่ดีหละครับ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 09-11-2006, 11:59
พนักงาน อสมท คงทำใจยังไม่ได้ และยังไม่เข้าใจ

ถึงอาจารย์ป๋องไม่เป็นผออสมท

ผอคนใหม่มา ก็โดนล้างบางอยู่ดีหละครับ  :slime_smile:

ผมว่าเป็นเพราะพนักงาน อสมท.ยึดติดอยู่กับตัวบุคคลอย่างนายมิ่งขวัญมากเกินไป
เช่นเดียวกับประชาชนรากหญ้า ที่ยังยึดติดอยู่กับอดีตนายกฯ ทักษิณ เหมือนกัน
  :!:


หัวข้อ: "ปราโมช"รื้อช่อง11 ล้างบางทุน "ทักษิณ"
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 09-11-2006, 12:04
"ปราโมช"รื้อช่อง11 ล้างบางทุน "ทักษิณ"
ประกาศปรับโฉมช่อง 11 ใหม่ปีหน้า เน้นรายการท้องถิ่นมากขึ้น เปิดทางผู้ผลิตหน้าใหม่

"ปราโมช รัฐวินิจ" อธิบดีกรมประชาฯ คนใหม่ เตรียมทบทวนนโยบายช่อง 11 และวิทยุในสังกัด พร้อมดันผู้ผลิตหน้าใหม่เพิ่มความหลากหลาย คาดกลุ่มทุนสื่อยุคทักษิณ ถูกล้างบางภายหลังสัญญาสิ้นสุดปลายปีนี้ โชว์วิสัยทัศน์เดินหน้าโครงการเอสดียู ยึดบทบาทสื่อของรัฐเพิ่มความคล่องตัว นักวิชาการเรียกร้องสื่อภาคประชาชน

นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ (กปส.) คนใหม่ เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ถึงแนวนโยบายการบริหารสื่อกรมประชาฯ ว่า ทั้งในส่วนของโทรทัศน์ช่อง 11 และวิทยุ จะต้องกลับมาทบทวนใหม่ ถึงกลุ่มเป้าหมายของผู้ชมรายการ หรือ กลุ่มผู้ฟังวิทยุ เป็นกลุ่มใด หลังจากนั้น จะต้องจัดผังรายการให้ตอบสนองผู้ชมและผู้ฟัง เพราะการทำรายการที่ผู้ชมไม่ให้ความสนใจ จะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ กับการบริหารสื่อของรัฐ

"การผลิตรายการให้ตอบสนองผู้ชม ไม่ได้หมายความว่า สื่อของกรมฯ จะเข้าไปแข่งขันกับสื่ออื่นๆ แต่วัตถุประสงค์คือต้องการให้มีผู้ชมดูรายการที่สื่อในสังกัดจัดทำขึ้น เพื่อเผยแพร่ข่าวสารตามหน้าที่สื่อของรัฐ โดยยึดหลักเนื้อหาด้านข่าว สารประโยชน์ และกีฬา เป็นหลัก" นายปราโมช กล่าว

***ปีหน้าปรับผังช่อง11คัดผู้ผลิตใหม่

นายปราโมช กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางการบริหารช่อง 11 ในปีหน้าจะมีการปรับผังรายการใหม่ โดยจะให้ความสำคัญกับรายการท้องถิ่นมากขึ้น ด้วยการจัดสรรพื้นที่การนำเสนอเป็นเนื้อหารายการจากส่วนกลางและท้องถิ่น ปัจจุบันช่อง 11 นำเสนอรายการจากท้องถิ่นเพียงวันละครึ่งชั่วโมง  ทั้งที่มีสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ในต่างจังหวัดถึง 12 แห่ง ที่มีศักยภาพในการผลิตรายการเพื่อป้อนให้กับช่อง 11 ได้ ในผังรายการปีหน้า กรมฯ จะเพิ่มสัดส่วนรายการท้องถิ่นให้ได้วันละ 6 ชั่วโมง

ทั้งนี้ ผังรายการใหม่ของช่อง 11 จะเริ่มจากการกำหนดสัดส่วนรายการว่าช่วงเวลาใด เหมาะสมกับรายการประเภทใด เช่น ช่วงเช้าเป็นรายการข่าวสารของหน่วยงานรัฐ รายการข่าว ความรู้ด้านประชาธิปไตย รายการกีฬา เป็นต้น หลังจากนั้นจะเริ่มคัดเลือกผู้ผลิตรายการที่เหมาะสม ซึ่งส่วนใหญ่จะยึดหลักการร่วมผลิตกับภาคเอกชน เนื่องจากรายการบางประเภทบุคลากรของกรมฯ อาจไม่พร้อม

อย่างไรก็ตาม แนวทางในการคัดเลือกผู้ผลิตรายการในช่อง 11 จะเปิดกว้างให้ผู้จัดทุกราย โดยเฉพาะรายใหม่ๆ รวมทั้งรายเดิมที่ทำงานให้ช่อง 11 มาเสนอรูปแบบรายการที่เหมาะกับช่อง เพื่อป้องกันการผูกขาดรายการในช่อง 11  

แหล่งข่าวจากกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า ในส่วนของผังรายการช่อง 11 และวิทยุกรมประชาฯ หลายคลื่น ในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เปิดโอกาสให้กลุ่มทุนที่มีสายสัมพันธ์กับรัฐบาลเข้ามาผลิตรายการ โดย บริษัท ทราฟฟิก คอร์นเนอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ได้ผลิตรายการให้ทั้งในส่วนของวิทยุและโทรทัศน์ โดยเฉพาะข่าวต้นชั่วโมงของวิทยุในสังกัดกรมประชาฯ ทราฟฟิก คอร์นเนอร์ฯ เป็นผู้ผลิตให้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังได้บริหารคลื่น เอฟเอ็ม 105  ด้วย

ทั้งนี้ สัญญาระหว่างเอกชนกับกรมประชาฯ ในระยะที่ผ่านมา เป็นสัญญาปีต่อปี ซึ่งคาดว่าในสิ้นปีนี้ ทุนสื่อในสมัยรัฐบาลชุดก่อน น่าจะไม่มีโอกาสร่วมงานกับกรมฯ ต่อ

ส่วนการดำเนินงานวิทยุชุมชนและเคเบิลทีวี ที่อยู่ภายใต้การดูแลของกรมฯ จะดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ เงื่อนไขของกรมฯ เพื่อให้ชุมชนได้รับประโยชน์สูงสุด ตามเจตนารมณ์ของสื่อดังกล่าว ซึ่งการเปิดให้มีโฆษณาในวิทยุชุมชนได้ 6 นาทีต่อชั่วโมง ไม่ใช่ปัญหาของการดำเนินงานวิทยุชุมชน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือมีการละเมิดระเบียบการส่งกระจายคลื่น ซึ่งกรมฯ จะเข้าไปแก้ไขปัญหาดังกล่าวภายหลังจากนี้

นายปราโมช ถูกย้ายจากรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ไปเป็นผู้ตรวจราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

***เดินหน้า "เอสดียู" เพิ่มความคล่อง

นอกจากนี้ นายปราโมช ยังกล่าวว่า จะสานต่อการบริหารงานที่สร้างประสิทธิภาพให้กับกรมประชาฯ โดยเฉพาะการบริหารในรูปแบบเอสดียู (Service Delivery Unit) ที่มีความคล่องตัวสูง โดยจะจัดทำในส่วนงาน สถาบันการประชาสัมพันธ์ วิทยุแห่งประเทศไทย และช่อง 11 ที่จะทำให้องค์กรสามารถเลี้ยงตัวเองได้ แต่จะปรับกระบวนการดำเนินงานใหม่ ด้วยการปรับวิธีการทำงานให้มีความคล่องตัว ปรับวิธีการให้ค่าตอบแทน เพื่อจูงใจให้บุคลากรของกรมฯ ยินดีเข้าสู่การบริหารแบบเอสดียู  ต่างจากระบวนการทำงานที่ผ่านมา ที่จะผลักดันให้บุคลากรของกรมฯ เข้าสู่เอสดียู แต่ไม่มีหลักประกันเรื่องค่าตอบแทน ทำให้คนของกรมฯ ไม่ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน

***นักวิชาการจี้ดึง กปส.สู่พีเอสบี

ดร.เอื้อจิต วิโรจน์ไตรรัตน์ ประธานสถาบันพัฒนาสื่อภาคประชาชน กล่าวว่า การบริหารงานของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา มีความพยายามในการผลักดันหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจ ที่มีโอกาสหารายได้ ไปสู่องค์กรที่สามารถหารายได้เลี้ยงตัวเอง หลังจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการปรับรูปแบบบริหารจัดการใหม่ เพื่อผลักดันองค์กรดังกล่าว เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป เช่นเดียวกับ อสมท

โดยเป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นกับกรมประชาฯ ซึ่งการประชุมนัดสุดท้ายของนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กับข้าราชการกรมประชาสัมพันธ์และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้เดินหน้าผลักดันโครงการเอสดียูของกรมประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง โดยหน่วยงานที่พร้อมให้บริการในรูปแบบเอสดียูก่อน คือ สถาบันการประชาสัมพันธ์ ส่วนอีกสองส่วน คือ วิทยุแห่งประเทศไทยและช่อง 11 อยู่ระหว่างการดำเนินการให้เป็นรูปแบบเดียวกัน

ที่ผ่านมารัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ได้บริหารสื่อ ของกรมฯ ผิดวัตถุประสงค์ เพราะตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ รัฐจะต้องจัดการให้มีสื่อสาธารณะ (Public Service Broadcasting : PSB) ซึ่งก็คือช่อง 11 แต่ที่ผ่านมารัฐบาลทุกยุคไม่ได้ดำเนินการให้ช่อง 11 เป็นบทบาทสื่อพีเอสบี  

ดร.เอื้อจิต กล่าวอีกว่า มาถึงรัฐบาลปัจจุบัน จึงต้องการให้ผู้ที่รับผิดชอบดูแลกรมฯ ร่วมกันสร้างผลงานระดับชาติ ด้วยการนำพาช่อง 11 ไปสู่สื่อสาธารณะอย่างสมบูรณ์แบบ ร่วมทั้งร่วมกันแก้ไขปัญหาวิทยุชุมชน โดยเฉพาะประเด็นการปล่อยให้มีโฆษณา ได้สร้างความเสียหายและบิดเบือนบทบาทหน้าที่ของสื่อชุมชนให้เปลี่ยนรูปแบบไปจากเดิม นอกจากนี้จะต้องเร่งให้เกิดกระบวนการสรรหาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) โดยเร็ว เพื่อมาทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ ซึ่งล่าช้ามาเกือบ 10 ปี แล้ว


หัวข้อ: รายงานพิเศษจากผู้จัดการรายสัปดาห์ และผู้จัดการออนไลน์
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 09-11-2006, 13:39
ผู้จัดการออนไลน์สัมภาษณ์ "สมเกียรติ อ่อนวิมล" สมาชิก สนช. อดีต สว.สุพรรณบุรี และเป็นคนที่เคยคร่ำหวอดในวงการสื่อสารมวลชน ที่ทำให้ข่าวช่อง 9 ได้แจ้งเกิดเมื่อ 10 ปีก่อน ให้มุมมองถึงการบริหารของ อสมท.ไว้อย่างน่าสนใจ

“การปรับรูปแบบเนื้อหาสาระของรายการ มันไม่กระทบรายได้ และอาจจะดีกว่าเดิม ถ้าหากว่ายึดหลักสิทธิเสรีภาพและคุณภาพการผลิตรายการข่าวสารและสาระประโยชน์ทางโทรทัศน์ ..อสมท.มีรายได้ทางอื่น ไม่ใช่แค่โทรทัศน์ สิ่งที่กำลังจะเกิด โดยรัฐบาลอยากเห็นก็คือ แค่รายการ โดยผลิตโดยคนใหม่ 2-3 คนเอง สมมติรวมผมด้วย ก็เป็น 4 คน เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ของโลกเลยนะ และไม่ใช่เรื่องทำให้กำไรหรือรายได้ตก เฉพาะ 4 รายการนี้(อสมท)อาจจะได้(รายได้)คงเดิมหรือได้มากขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับค่าเช่าต่างหาก อสมท นี่บริหารโดยค่าเช่า ถ้าคุณคิดค่าเช่าคุณสนธิ คุณสุทธิชัย อ.เจิมศักดิ์ และผม เท่ากับคุณสรยุทธ์ ที่เขาอาจจะถูกลดรายการลง ก็ไม่ได้เปลี่ยนรายได้ สมมติจะประท้วงบอร์ดทั้งบอร์ด ก็คือ การประท้วงนโยบายใหม่ ซึ่งบอร์ดประกาศว่า จะทำประโยชน์สาธารณะโดยไม่คำนึงถึงผลกำไร ที่จริงต้องให้บอร์ดชี้แจงว่า ทำไมต้องพูดเช่นนั้น ถ้าบอร์ดบอกว่า เปลี่ยนนโยบาย ทำประโยชน์เยอะขึ้น โดยไม่คำนึงถึงผลกำไร และเปลี่ยนเป็นพูดใหม่ว่า โดยจะระมัดระวังไม่ให้กระทบผลกำไร เพราะโลกนี้สามารถสร้างผลกำไรที่เป็นเงิน และกำไรทางข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะได้พร้อมๆ กัน ถ้าบอร์ดพูดใหม่ ก็จบ และหาคนที่เหมาะสมมาบริหารให้ได้ตามเป้าหมาย ผมว่า บอร์ดน่าจะมีนโยบายคือ ทำให้ อสมท.เป็นองค์กรที่ผลิตข่าวสารและสาระประโยชน์ที่เกิดประโยชน์ต่อคนในประเทศไทย และมีความยิ่งใหญ่เป็นสากล ส่วนนโยบายด้านธุรกิจก็ทำให้มันทันสมัยและมีประสิทธิภาพเทียบเท่าสื่อมวลชนในทวีปเอเชียหรือในโลก  พูดแค่นี้ ไม่ต้องพูดเป็นบาทเป็นสตางค์หรอก เพราะว่าเขาก็ได้กำไรกันทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะรอยเตอร์ เอพี หรือซีเอ็นเอ็น..... ผมไม่เห็นเขาเดือดร้อนรำคาญใจในเรื่องการทำประโยชน์เลย“

นอกจากนี้ สมเกียรติยังถามหาจิตสำนึกของพนักงาน อสมท.ในทำนองที่ต้องตระหนักว่า ตนเองเป็น”พนักงาน” ไม่ใช่ ”ข้าราชการหรือรัฐวิสาหกิจ”แบบเดิมแล้ว ดังนั้นหากบอร์ดมีนโยบายเน้นกำไรจากการตอบแทนสังคม ก็ต้องยอมรับ  ถ้ารับไม่ได้ ก็ลาออกไป หรือถ้าใครซื้อหุ้น อสมท ไว้ แล้วรับไม่ได้ เพราะต้องการแต่กำไรที่เป็นตัวเงินเท่านั้น ก็ขายหุ้นทิ้ง แล้วไปซื้อหุ้นอื่น

“ความพอดีมันอยู่ตรงไหน ผมว่าทั้ง พนง.และผู้ถือหุ้น ก็ต้องเข้าใจว่า อสมท มีบทบาทหน้าที่อย่างไร การที่อยู่ในตลาดฯ หรือไม่อยู่ในตลาดฯ เอกลักษณ์ของ อสมท จะเป็นยังไงก็ได้แล้วแต่ผู้บริหารจะกำหนด ซึ่งได้รับการอนุมัติโดยบอร์ด เพราะฉะนั้นถ้าบอร์ดหรือคณะกรรมการบริหาร อสมท ชุดใหม่ บอกว่า อสมท จะต้องเป็นสาระประโยชน์ ข่าวสารมากขึ้น และไม่คำนึงผลกำไร ถ้าเขาพูดอย่างนี้ ก็เป็นอำนาจของบอร์ดน่ะ ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นรัฐบาล คือ กระทรวงการคลัง เพราะฉะนั้นถ้าเป็นอำนาจของผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็ต้องยอมน่ะ เพราะคุณถือเป็นธุรกิจนี่ ผู้ถือหุ้นใหญ่บอกว่า “ตอบแทนสังคมเต็มที่” พนักงาน อสมท.ก็ต้องยอม เพราะคุณเป็น”พนักงาน” เขาจ้างคุณ คุณไม่ใช่”ข้าราชการ-รัฐวิสาหกิจ” เพราะฉะนั้นถ้าบริษัทที่คุณทำงานให้กับเขา เขาจ้างคุณมาด้วยเงินเดือนเท่านี้ เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงเงินเดือนคุณ แต่เขาบอกว่าเขาจะลดกำไรลง ซึ่งหมายความว่า โบนัสคุณอาจจะลดลงก็ได้  จริงๆ แล้วเขาไม่ควรประกาศว่า ลดกำไรไง ประเด็นของผมคือ คุณจะประกาศนโยบายยังไงก็ได้ ไม่ต้องไปพูดเรื่องลดกำไร แต่ถ้าเกิดบริษัทมีผลกำไรลดลง เนื่องจากนโยบายเนี่ย คุณก็ได้โบนัสน้อยลง ก็ต้องยอมรับ เพราะคุณเป็น พนง.บริษัท ถ้าจะพูดว่า เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่วนผู้ถือหุ้น ก็ต้องขายหุ้นสิ ใช่มั้ย เพราะคุณต้องการซื้อหุ้นด้วยการ”ทำเงิน” ประโยชน์ที่อยากได้คือ ผลกำไรจากการประกอบการ คือการเล่นหุ้น ซื้อขายประจำวัน ถ้าคุณเป็นคนแบบนั้น แล้ว อสมท บริษัทนี้เขามีนโยบายใหม่ คุณก็ขายทิ้งไป ก็ไปซื้อหุ้นอื่น ไปหากำไรที่อื่น เพราะ”คุณไม่ต้องการกำไรจากการตอบแทนสังคม”  อสมท ยุคใหม่นี่ของ อ.พงษ์ศักดิ์เนี่ย ต้องตอบแทนสังคม ซึ่งเป็นกำไรที่สังคมพึงจะได้ด้วย และถ้าด้วยความยุติธรรมของ อ.พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียรนะ จริงๆ อสมท ถือหุ้นโดยประชาชนทั้งประเทศโดยอ้อม เพราะทรัพยากรของรัฐ คือ คลื่นความถี่เนี่ย อสมท ไม่ได้จ่ายค่าเช่าเลย เพราะฉะนั้นต้องเป็นของประชาชน คุณก็ต้องตอบแทนประชาชน ส่วนการทำกำไรเป็นเงิน อาจจะลดลงก็ได้ ก็บริษัทเขาต้องการอย่างนี้ สมมติผมตั้งบริษัท แล้วผมบอกไม่เอากำไร จะทำแต่ความดี ก็มีตั้งเยอะแยะไปในโลกนี้ เพราะฉะนั้นใครอยากทำงานบริษัทนี้ก็มา ไม่อยากทำก็ไม่ต้องมา ลาออกไป และใครจะถือหุ้น ก็มา ทำได้ และไม่ผิด และเป็นเรื่องของการสร้างจรรยาบรรณของสื่อและธุรกิจสื่อที่สูงด้วย”

ใครสนใจอยากจะอ่านมุมมองจาก อ.สมเกียรติเพิ่มเติม ก็คลิกอ่านเพิ่มเติมได้

• รายงานพิเศษ : “อสมท” สู้เพื่อ “รายได้” หรือ “อุดมการณ์” กันแน่? (http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000138431)

นอกจากนี้ บทความจากคอลัมน์ "ตะวันออกที่ท่าพระอาทิตย์" ก็ได้ตีพิมพ์ล่วงหน้าเรื่อง "ใครทำร้าย อสมท.?" ซึ่งจะถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์ฉบับวันพรุ่งนี้ พูดถึงการเคลื่อนไหวในอดีตที่ผ่านมาของ อสมท. และเหตุข่าวลือที่สร้างความน่าเป็นห่วงจนต้องออกมาประท้วง ในเรื่องของหุ้น อสมท.เป็นหลัก

• ใครทำร้าย อสมท. ?  (http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9490000138433)


หัวข้อ: บอร์ด อสมท. พิจารณาข้อเรียกร้องพนักงานพรุ่งนี้ - พนักงาน อสมท.ออกแถลงการณ์ ฉ.3
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 09-11-2006, 13:45
บอร์ดอสมท พิจารณาข้อเรียกร้องพนักงานพรุ่งนี้
9 พฤศจิกายน 2549 12:04 น.
บอร์ดอสมทพิจารณาข้อเรียกร้องของพนักงานพรุ่งนี้ ขณะพนักงานในนามกลุ่มพลังอสมท ออกแถลงการณ์อีกรอบ ต้าน'สนธิ'จัดรายการ


นายบุญปลูก ชายเกตุ ประธานกรรมการ บมจ.อสมท(MCOT) กล่าวว่าพรุ่งนี้ (10 พ.ย.) บอร์ดจะหารือกรณีพนักงานอสมท เรียกร้องให้ปลด นายพงษ์ศักด์ พยัฆวิเชียร รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท และการปรับผังรายการ แต่จะไม่มีการปรับผังรายการ เพื่อให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้ามาตามที่เป็นข่าว

"พรุ่งนี้เราจะคุยกันประเด็นว่า ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่รักษาการหรือเปล่า ถ้าใครรักษาการแล้วมันจะดีขึ้นหรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่า กรรมการแต่ละคน ต้องการทำให้อสมท ดีขึ้น และต้องการทำประโยชน์เพื่ออสมท ผู้ถือหุ้น และประชาชน" นายบุญปลูกกล่าว

ในการประชุมครั้งแรกได้มอบนโยบายการจัดทำผังรายการแก่ฝ่ายบริหารซึ่งอสมท มีคณะทำงานจัดผังรายการ ซึ่งเป็นคนในอสมท ดูแลอยู่ เป็นคณะทำงานที่มีความอิสระในการพิจารณา คาดว่าจะเสนอมายังบอร์ดในวันพรุ่งนี้

หลักการใหญ่เราต้องการให้มีหลากหลาย ไม่ได้บอกเอาคนนั้นมา เอาคนนี้ออก เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน  วันนี้คณะทำงานยังทำกันอยู่ ยังไม่มาที่บอร์ดเลย แล้วบอร์ดจะไปรื้อได้อย่างไร ใครจะสั่งเขาได้ เขามีอิสระในการพิจารณา นายบุญปลูก กล่าว

สาเหตุที่พนักงานออกมาเรียกร้องให้ปลดบอร์ด อสมท และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เพราะราคาหุ้นปรับตัวลงมาก จาก 46 บาทซึ่งน่าจะเป็นเพียงส่วนหนึ่ง เพราะราคาหุ้นมีขึ้นและมีลง แต่อย่างน้อยก็จะบริหารเพื่อทำให้ราคาหุ้น ต้องไม่น้อยกว่าราคาปกติ

ล่าสุดราคาหุ้น MCOT บวก 0.87% มาที่ 29.00 บาท

ขณะที่เช้าวันนี้ (9 พ.ย.) กลุ่มพลัง อสมท ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 "เมื่อความจริงปรากฏ" ระบุว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เพื่อนพนักงานได้ออกมาร่วมกันแสดงจุดยืนเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของชาว อสมท ด้วยการรวมตัวที่ห้องออดิโทเรี่ยม เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจากนายพงษ์ศักดิ์  พยัฆวิเชียร รองประธานกรรมการ และ รก.กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บมจ.อสมทจนกระทั่งความจริงประเด็นสำคัญต่างๆ ปรากฏ โดยนายพงษ์ศักดิ์ ยอมรับว่าสั่งการให้ฝ่ายข่าวไปทำข่าวการเปิดเวทีของนายสนธิ ลิ้มทองกุล จริง แต่ยังพยายามเลี่ยงว่าเป็นวิจารณญาณ หากฝ่ายข่าวเห็นว่าไม่มีความไม่เหมาะสมก็ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม นอกจากนี้ ยังมีการยอมรับว่ามีความพยายามในการวางผังรายการโมเดิร์นไนน์ ด้วยช่องทางที่ไม่ถูกต้อง ชอบธรรม หรือที่ภาษาสื่อเขียนว่าแบ่งเค้กจริง โดยนายชิตณรงค์ คุณะกฤดาธิการ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ชี้แจงว่าได้เข้าไปหารือร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้ประกอบการสื่อ 3-4 รายอยู่ด้วยซึ่งปรากฏชื่อตามที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้

แถลงการณ์ของกลุ่มพลังอสมท ยังระบุว่า ในการตอบคำถามกับพนักงานนายพงษ์ศักดิ์ ยังไม่สามารถทำความเข้าใจให้เกิดขึ้นได้  นอกจากนี้ ยังมีประเด็นคาใจถึง เหตุผลที่ทำให้นายพงษ์ศักดิ์ยอมทิ้งมติชนบ้านเก่าที่สร้างมากับมือแล้วจะมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับชาว อสมท ทั้งที่ได้ประจักษ์กับสายตาตัวเองแล้วว่าเพื่อนพนักงาน อสมท ให้การยอมรับนับถือมากน้อยแค่ไหน

"จากปัญหาข้างต้นวันนี้อยากบอกให้เพื่อนพนักงานให้รู้ว่าปัญหาที่พวกเรากำลังเผชิญกำลังถูกบิดเบือนเจตนาจากความพยายามในการรักษาบ้านของเราเป็นการปกป้องผลประโยชน์และลิ่วล้อรัฐบาลทักษิณมีการปลุกระดมให้เราถูกมองเป็นศัตรู ผลักให้พวกเราอยู่ตรงข้ามกับประชาชน ซึ่งปราศจากข้อเท็จจริง ซึ่งสิ่งที่จะทำให้ข้อเท็จจริงปรากฏ จำเป็นต้องใช้เวลาและความร่วมมือร่วมใจสมัครสมานสามัคคีของพวกเราต่อไป" แถลงการณ์ระบุและยังเรียกร้องให้พนักงานจับมือกันให้มั่น และให้ผู้บริหารเข้าร่วมกับพนักงาน "รวมพลังเสื้อดำย้ำเจตนา ปกป้อง อสมท บ้านของเราต่อไป"

กรุงเทพธุรกิจ (http://www.bangkokbiznews.com/level3/news_119628.jsp)


หัวข้อ: หลากทัศนะ-วิจารณ์ กับกระแสข่าวความขัดแย้งในชายคา อสมท.
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 09-11-2006, 14:04
วันนี้หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วิพากษ์วิจารณ์ อสมท.กับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างบอร์ดกับพนักงาน อยากรู้ว่ามุมมองจากคนที่เฝ้ามองเหตุการณ์จะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้

• คิดจากข่าว : วิกฤติศรัทธาที่อสมท (http://203.154.97.32/2006/11/09/news_22037487.php?news_id=22037487)

บทความนี้เขียนโดย ผศ.สุรสิทธิ์ วิทยารัฐ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ออกมาตั้งคำถามว่า "สังคมอุดมปัญญา กับสัมมาปัญญา เป็นปฏิปักษ์กันได้จริงๆ หรือ ?" และ "พนักงาน อสมท ทั้งที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน และที่ไม่ได้คัดค้าน จะต้องตระหนักด้วยคือ เป็นไปเพื่อประโยชน์ของใคร ?" โดยได้ตั้งข้อสังเกตถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของ อสมท.ว่าเป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์และโฆษณาชวนเชื่อให้กับรัฐบาลทักษิณ ซึ่งหมายถึงวิกฤติศรัทธาที่แท้ต่อวิชาชีพสื่อมวลชน ของพนักงานและองค์กรแห่งนี้ แต่ไม่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ มีข้อน่าสังเกตที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง ที่ ผศ.สุรสิทธิ์ระบุในบทความเอาไว้ว่า

"แต่ก็น่าสนใจตรงที่การคัดค้าน ไม่ได้มุ่งไปที่ประเด็นจนเด็ดขาดกันว่า แนวนโยบายสังคมอุดมปัญญากับสัมมาปัญญา มันด้อยกว่ากันอย่างไร แต่มีการเจาะจงไปที่ มีข่าวถึงการเตรียมนำอดีตผู้จัดการของสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 หลายรายการกลับเข้ามาทำรายการ และอาจจะมีการถอดรายการบางรายการ  

สำคัญตรงที่ผู้จัดการรายการในข่าวลือนั้น ไม่เป็นที่พอใจของพนักงาน แม้ว่าตอนนี้ยังเป็นเพียงข่าวลือ ยังไม่เห็นว่าผังรายการใหม่ มีการนำผู้จัดรายการตามที่เป็นข่าวยกโขยงมาทำรายการ"


อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ ที่ ผศ.สุรสิทธิ์ตั้งข้อสังเกตก็คือ การย้อนหลังไปการก่อตั้ง อสมท เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เห็นว่าย่อมต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชนทั้งประเทศมากกว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นและพนักงาน แต่วันนี้ ต้องยอมรับว่าการตัดสินใจนำ อสมท ดำเนินการขายหุ้นในสมัยรัฐบาลทักษิณนั้น ทำให้ความรับผิดชอบนี้เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ เพราะประชาชนที่ไม่ได้ถือหุ้น และไม่ได้เป็นพนักงานของ อสมท มีความเป็นเจ้าของลดน้อยลงไปแล้วด้วยใช่หรือไม่ ?

• ความกล้าของ "คน อสมท" ควรจะเกิดขึ้นมานานแล้ว (http://203.154.97.32/2006/11/09/news_22037486.php?news_id=22037486)

คนที่ใช้นามแฝง "คนกันเองโมเดิร์นไนน์" คาดหวังเอาไว้ว่า

"อยากเห็น "คน อสมท" มีความกล้ามานานแล้ว อย่างที่ร่วมใจแต่งชุดดำประท้วงบอร์ดใหม่ อสมท เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน เพื่อไม่ให้ใครเข้ามาทำอะไรตามอำเภอใจกับ อสมท ที่มีโทรทัศน์ 1 ช่อง กับสถานีวิทยุอีกกว่า 60 สถานี แต่ "ความกล้า" ควรจะอยู่ภายใต้พื้นฐานคำขวัญของสถานี "สังคมอุดมปัญญา" ที่ซึบซาบเข้าไปในจิตสำนึกจิตวิญญาณจริงๆ อย่าไปหยิบยก "ราคาหุ้น อสมท" ที่ตกรูดมาพร่ำบ่น พูดแล้วพูดอีกว่า เกิดจากคำพูดของ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ คุณพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ที่มุ่งมั่นจะเปลี่ยนโมเดิร์นไนน์จาก "สังคมอุดมปัญญา" เป็น "สัมมาปัญญา"
 
ทั้งนี้ ผู้เขียนเรียกร้องให้พนักงาน อสมท. กับนายพงษ์ศักดิ์และบอร์ดใหม่ เลิกใช้อารมณ แล้วหันมาใช้สติในการเรียนรู้ เพื่อทำงานเชิงสร้างสรรค์ร่วมกัน เพราะในขณะนี้ความขัดแย้งส่วนหนึ่งเกิดจากการที่พนักงาน อสมท. กับบอร์ด "ต่างคนต่างพูด"

ด้านบรรณาธิการเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ จับตามองถึงความขัดแย้งครั้งนี้เป็นพิเศษ

Bizonline : ต้านบอร์ด อสมท.

กรุงเทพออนไลน์ เกาะติดสถานการณ์การรวมตัวของพนักงาน อสมท ประมาณ 700 คน ต้านการเปลี่ยนแปลงผังรายการของคณะกรรมการ อสมท ชุดใหม่ที่มีนายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการผู้อำนวยการ อสมท เข้ามาคุมรายการสื่อ ถือเป็นจุดเปลี่ยนอีกครั้งของการเสนอข่าวทางช่อง 9 อสมท หลังจากได้รื้อบอร์ดชุดก่อนออกไป

เพราะถือว่าการรวมพลังพนักงาน อสมท ที่ได้ผลประโยชน์อยู่ก่อน ในการต้านบอร์ดชุดใหม่ ถือว่าผลประโยชน์กำลังจะเปลี่ยนมือ ทั้งในแง่ของการผลิตรายการและโฆษณา ซึ่งเป็นรายได้และกำไรจำนวนมหาศาล ที่กำลังจะถูกรื้อและปรับเปลี่ยนผังรายการอย่างแน่นอน

ดังนั้นไม่ว่าท่าทีของนายพงษ์ศักดิ์ จะออกมายืนยันความตั้งใจการเข้ามาทำงานในองค์กรแห่งนี้ภายใน 1 ปี โดยจะนำเอาความคิดเห็น ความต้องการของพนักงาน อสมท ว่าจะปกป้องทำหน้าที่สื่อมีความเป็นอิสระ ที่ไม่ให้ใครหรือผู้มีอำนาจเข้ามาสั่งการได้ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถลดความคลางแคลงใจของพนักงาน อสมท ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ออกไปได้ เพราะพวกเขาเชื่อว่ามีกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์จากการปรับเปลี่ยนบอร์ดชุดใหม่อย่างแน่นอน ไม่ว่าการเปิดให้รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ และอีกหลายกลุ่มเข้ามาหาประโยชน์จากการผลิตรายการ

โดยเฉพาะนางอรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล นักข่าวอาวุโส อสมท หนึ่งในแกนนำเรียกร้อง ตัวแทนจากฝ่ายพนักงาน ได้แสดงความคิดเห็นถึงการที่ ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล อสมท อยู่ ได้เรียกกลุ่มต่างๆ เข้าหารือ ให้เข้ามาทำรายการใน อสมท แล้ว

ทีมงานเวบไซต์ เชื่อว่าเป็นความขัดแย้งผลประโยชน์ ระหว่างทีมบอร์ดชุดใหม่ของ อสมท กับพนักงาน อสมท รวมถึงคณะกรรมการผังรายการที่ทำหน้าที่กลั่นกรองข่าวอยู่ในขณะนี้ ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้เป็นอย่างอื่นไปได้

ทีมงานของเราจะเกาะติดเรื่องนี้ และนำมาเสนอให้กับท่านผู้อ่านเป็นระยะๆ ติดตามได้ที่ www.bangkokbiznews.com


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 09-11-2006, 15:15
อีแร้งสามค่ายจะมาทึ้ง อสมท เค้าปกป้องผลประโยชน์เค้าก็ถูกต้องแล้ว ถ้าต่อไปมีแต่รายการหัวเหน่ง
ส้นธิ กับ เจิมสาก แล้วมันจะมีคนดูเหรอ ที่เค้าเฉดหัวออกไปจริงๆ เพราะรายการพวกนี้มันไม่มีคนดู พอมี
อำนาจก็ทำแบบนอกระบบ จะยัดเยียดรายการเข้ามาโดยคุยกับไอ้รัฐมนตรีนี่ ถ้ารายการพวกนี้เข้ามาได้
นอกจาก อสมท จะไม่มีความเจริญแล้วพนักงานจะยังอยู่แบบไม่มีศักดิ์ศรีอีก

ดร.ธีรภัทร์ เรียกผู้บริหารของเราท่านหนึ่งไปพบในห้องทำงานในทำเนียบ มีคุณคำนูณ สิทธิสมาน คุณอดิศักดิ์ (ลิมปรุ่งพัฒนกิจ) นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เพื่อตกลงเรื่องรายการ โดยไม่ได้เปิดให้คนอื่นรู้ตัว นั่นเป็นวิธีที่ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะลงมาก้าวก่ายหรือไม่ แม้คนที่ต้นทุนต่ำ เคยดูแล อสมท มาก่อน ก็ยังไม่ทำอย่างนี้กับ อสมท และเป็นการแทรกแซงชนิดที่ว่า รมต.ที่เป็นนักการเมืองยังไม่กล้าอีกด้วย


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: justy ที่ 09-11-2006, 16:16
อีแร้งสามค่ายจะมาทึ้ง อสมท เค้าปกป้องผลประโยชน์เค้าก็ถูกต้องแล้ว ถ้าต่อไปมีแต่รายการหัวเหน่ง
ส้นธิ กับ เจิมสาก แล้วมันจะมีคนดูเหรอ ที่เค้าเฉดหัวออกไปจริงๆ เพราะรายการพวกนี้มันไม่มีคนดู พอมี
อำนาจก็ทำแบบนอกระบบ จะยัดเยียดรายการเข้ามาโดยคุยกับไอ้รัฐมนตรีนี่ ถ้ารายการพวกนี้เข้ามาได้
นอกจาก อสมท จะไม่มีความเจริญแล้วพนักงานจะยังอยู่แบบไม่มีศักดิ์ศรีอีก

นั่งลุ้นอยู่นี่ เมื่อไหร่จะได้เวลา...อยากดู 

ดูที่ ASTV มันไม่สะใจ  เปิดไว้ทั้งคืน รีเพลย์ไปมาหลายรอบ ถัดไปอีกวันก็จะดูอีก มันไม่เบื่อว่างั้นเถอะ

แต่เกลียดพวกละคร พวกโชว์น้ำเน่าค่ะ

 :slime_v:


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 09-11-2006, 16:23
คุณพิเชียร ที่เคยจัดรายการ 96.5 เพิ่งให้สัมภาษณ์ 97.75 เมื่อกี้

เขาโดนเด้ง ให้หยุดจัดรายการเพราะ การถูกแทรกแซงทางการเมือง ในยุคระบอบทักษิณเรืองอำนาจ


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 09-11-2006, 17:04
อีแร้งสามค่ายจะมาทึ้ง อสมท เค้าปกป้องผลประโยชน์เค้าก็ถูกต้องแล้ว ถ้าต่อไปมีแต่รายการหัวเหน่ง
 ส้นธิ กับ เจิมสาก แล้วมันจะมีคนดูเหรอ ที่เค้าเฉดหัวออกไปจริงๆ เพราะรายการพวกนี้มันไม่มีคนดูพอมี
อำนาจก็ทำแบบนอกระบบ จะยัดเยียดรายการเข้ามาโดยคุยกับไอ้รัฐมนตรีนี่ ถ้ารายการพวกนี้เข้ามาได้
นอกจาก อสมท จะไม่มีความเจริญแล้วพนักงานจะยังอยู่แบบไม่มีศักดิ์ศรีอีก

นั่งลุ้นอยู่นี่ เมื่อไหร่จะได้เวลา...อยากดู 

ดูที่ ASTV มันไม่สะใจ  เปิดไว้ทั้งคืน รีเพลย์ไปมาหลายรอบ ถัดไปอีกวันก็จะดูอีก มันไม่เบื่อว่างั้นเถอะ

แต่เกลียดพวกละคร พวกโชว์น้ำเน่าค่ะ

 :slime_v:


ส้นธิ(คุณสนธิ ลิ้ม) กับ เจิมสาก(ดร.เจิมศักดิ์) แล้วมันจะมีคนดูเหรอ ที่เค้าเฉดหัวออกไปจริงๆ เพราะรายการพวกนี้มันไม่มีคนดู
  คุณชอบแถหยิกแก้มตนเอง แล้วรู้สึก ชาด้านใช่หรือไม่ :?:

นักวิเคราะห์การเมือง นักวิชาการ มีความเห็นตรงกันว่ารายการ"เมืองไทยรายสัปดาห์" ของคุณสนธิ ลิ้มฯ และรายการของ ดร.เจิมศักดิ์ที่มีอยู่ใน ASTV1 มีผลเสทือนต่อ"รักษาการนายกฯทักษิณ คุณธรรม จิรยธรรม ความล้มละลายทางความเชื่อถือของทักษิณ ที่เคยมีในประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ทำให้ประชาชน รังเกียจ ชิงชัง และยอมรับ ต้อนรับการทำรัฐประหารของคณะปฎิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

ถ้าสถานีโทรทัศน์ช่องเก้า โมเดิร์นไนน์ จะถูกปรับปรุงเป็นสถานีโทรทัศน์ อสมท.เพื่อประชาชน มีนักจัดรายการ ผู้ดำเนินรายการที่เปิดเผย หรือบอกเล่าความเลวร้ายของระบอบทักษิณ เผด็จการจากการเลือกตั้ง และการคอร์รั่ปชั่น การเอารัดเอาเปรียบ ผลประโยชน์ทับซ้อน การใช้"ข่าววงใน" เอาเปรียบคู่แข่งทางธุรกิจของครอบครัวและบริษัท เทียมรักเทียม(ทรท.)จำกัด

ผมเชื่อว่า รมว.ธีรภัทร์ คุณพงษ์ศักดิ์ ดร.สมเกียรติ ดร.เจิมศักดิ์ มี"ต้นทุน"ทางสังคม ความเชื่อถือของสังคมสูงกว่า กลุ่มพนักงาน อสมท.ที่ประท้วงอยู่ในขณะนี้หลายเท่า...

ผมเชื่อว่า รมว.ธีรภัทร์และคุณพงษ์ศักดิ์จะสามารถทำให้สถานีโทรทัศน์ โมเดิร์นไนน์ไม่เป็นสถานีโฆษณาชวนเชื่อให้รัฐบาล เหมือนรัฐบาลทักษิณ สร้างผลประโยชน์ให้คุณมิ่งขวัญ+ผู้ถือหุ้นใหญ่(เอกชนและนักธุรกิจการเมือง) และพนักงานฯ...

แต่เป็นสถานีโทรทัศน์ที่ให้ข่าวสารที่ถูกต้องของรัฐบาล ให้ความรู้แก่ประชาชน และลบล้างการโฆษณาชวนเชื่อ การสร้างภาพให้แก่ทักษิณ และนักการเมืองกลุ่มเทียมรักเทียม(ทรท.)อย่างเคยเป็น




พนักงาน อสมท.กลุ่มประท้วง คัดค้าน....รักษาผลประโยชน์ของประชาชน หรือ ผู้ถือหุ้นใหญ่+พนักงานฯ.... :?:




หัวข้อ: ความคืบหน้า บอร์ด อสมท.ยอมอ่อนข้อ
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 09-11-2006, 17:20
Breaking News สำนักข่าวเนชั่น

พงษ์ศักดิ์ ย้ำไม่ให้ใครหาประโยชน์ อสมท นอกจาก อสมท เอง
 
15:40 น. นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รองประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ออกหนังสือชี้แจงเป็นฉบับแรก โดยระบุว่า

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับนโยบายในการดำเนินงานของ บมจ.อสมท โดยคณะกรรมการบริษัท และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กรณีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารงานขององค์กรไปสู่องค์กรที่ไม่มุ่งหวังกำไร เปลี่ยนรูปแบบรายการ รวมถึงการปลดรายการคุยคุ้ยข่าว ถึงลูกถึงคน กบนอกกะลา และจะนำผู้ผลิตรายใหม่เข้ามาผลิต-รายการแทนรายการเดิม การปรับรูปแบบของสถานีวิทยุฯ เอฟเอ็ม 107 เมกะเฮิรตซ์ นั้น

เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ จึงขอชี้แจงประเด็นต่าง ๆ ที่ ปรากฏเป็นข่าวดังนี้

1.คณะกรรมการบริษัทฯ และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ มีนโยบายในการเสริมสร้าง บมจ.อสมท ให้มีความแข็งแกร่ง และเป็นอิสระปราศจากการแทรกแซง  และสามารถดำรงอยู่ในฐานะองค์กรด้านการสื่อสารมวลชนระดับชาติ โดยมุ่งมั่นที่จะรักษาผลประโยชน์ของชาติและผู้ถือหุ้นเป็นหลัก

2.บมจ.อสมท จะคงความเป็นสังคมอุดมปัญญา ที่ถูกต้อง ชอบธรรม และเสริมสร้างสังคมให้เป็นสุข

3.บมจ.อสมท ต้องสามารถดำเนินงานได้อย่างเต็มที่โดยผู้บริหารและพนักงานของบริษัทไม่ยึดติดกับตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และต้องสร้างความเข้าใจกับผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งจะสร้างความสมดุลระหว่างการสร้างกำไรให้กับสังคม และการสร้างกำไรตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น

4.บมจ.อสมท ต้องพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น เพื่อให้สามารถสร้างรายได้และกำไรให้กับบริษัท

5.การดำเนินงานของบริษัทยังคงดำเนินไปตามแนวทางที่วางไว้เดิม โดยเฉพาะผังรายการโทรทัศน์ ซึ่งจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในขณะนี้ เพราะกำลังอยู่ในช่วงการพิจารณาปรับผังรายการโทรทัศน์ประจำปี ซึ่งปัจจัยสำคัญในการปรับผังคือ คุณภาพของรายการ และความนิยมที่ประชาชนมีต่อรายการนั้น  นอกจากนี้ผู้บริหารและคณะกรรมการผังรายการที่เกี่ยวข้องของ บมจ.อสมท ไม่ได้มีการตัดสินใจที่จะถอดถอนรายการ กบนอกกะลา ถึงลูกถึงคน และคุยคุ้ยข่าว ออกจากผังตามที่ปรากฏในรายงานข่าวแต่อย่างใด

6.ในขณะเดียวกันก็ได้มีการตกลงร่วมกับผู้ผลิตรายการในการพัฒนาปรับปรุงรูปแบบและคุณภาพของรายการ ตลอดจนการนำเสนอรายการรูปแบบใหม่ภายใต้แนวคิดสังคมอุดมปัญญา สำหรับผังรายการใหม่ในปีหน้า

7.ขอยืนยันว่าไม่มีการให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้ามาหาประโยชน์อย่างแน่นอน ทุกอย่างจะดำเนินไปโดย บมจ.อสมท เอง  

8.จะเน้นด้านข่าวมากขึ้น ทั้งข่าวในประเทศและต่างประเทศ โดยให้สำนักข่าวไทยเป็นตัวหลัก ในการผลิตและพัฒนาให้มีความหลากหลายและมีความเข้มมากขึ้น มีตัวแทนในต่างประเทศขยายงานของสำนักข่าวไทยให้เป็น Profit Center เป้าหมายเป็นสำนักข่าวระดับทวีปและระดับโลก เผยแพร่ข่าวสาร สารคดี บทวิเคราะห์ รายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ ฯลฯ ทุกรูปแบบ นอกจากนี้ยังต้องมีหน่วยงานที่จะต้องทำหน้าที่ในการวิเคราะห์ และให้คำปรึกษาในการปรับปรุงคุณภาพของข่าว และรายการทุกประเภทของ บมจ. อสมท

9.ขอยืนยันว่าไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในการเป็นผู้บริหารของ บมจ.มติชน ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มเดียวกับ บมจ.อสมท ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะเป็นสื่อคนละประเภท  อีกทั้งการเข้ารับหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ จนกว่าจะสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่นั้น ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการบริษัท และคณะกรรมการบริษัทได้รับเลือกจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งแสดงว่าได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว  

10.สำหรับกรอบระยะเวลาในการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ขึ้นอยู่กับ บมจ.อสมท ต้องเสนอความต้องการและคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ โดยจะต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา และจะพยายามดำเนินการให้เสร็จภายใน 3 เดือน

11.บมจ.อสมท จะใช้สื่อช่วยสร้างความสมานฉันท์ชายแดนภาคใต้โดยรายการของโมเดิร์นไนน์ทีวี ที่ออกอากาศใน 3 จังหวัดภาคใต้ จะมีคำแปลภาษาท้องถิ่น (ภาษายาวี) วิ่งอยู่ด้านล่าง และจะมีบางรายการที่นำเสนอเฉพาะจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนสถานีวิทยุภูมิภาคโดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเพิ่มให้มีรายการที่ใช้ภาษาท้องถิ่นเพื่อสื่อสารข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อท้องถิ่นและวิถีชีวิตของพี่น้องในพื้นที่ดังกล่าว

ทั้งนี้ คำชี้แจงดังกล่าว ทางฝ่ายสื่อสารองค์กร อสมท ได้ปิดประกาศไว้หน้าลิฟต์ อาคารปฏิบัติการและประตูทางออกห้องส่ง 5 ด้วย
 
พนักงาน อสมท ย้ำจุดยืน ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ในฐานะสื่อ 

16:33 น. ทันทีที่นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. อสมท ออกแถลงการณ์ชี้แจงสื่อต่างๆ โดยพยายามอ้างความชอบธรรมถึงนโยบายการบริหารงาน ที่ไม่มีการแทรกแซงการดำเนินงาน รวมถึงมีความโปร่งใสในแนวคิดการปรับเปลี่ยนรายการของ อสมทฯ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่พนักงาน อสมทฯ จนต้องเปิดแถลงข่าวตอบโต้ที่อาคารปฏิบัติการ ท่ามกลางสื่อทุกแขนงเข้าร่วมฟัง

พนักงาน อสมทฯ ระบุว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับคำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลประโยชน์ในการจัดทำผังรายการใหม่ รวมทั้งคำชี้แจงแบบกลับลำล่าสุดของนายพงษ์ศักดิ์ ที่ปฏิเสธข่าวการเปลี่ยนแปลงนโยบายสังคมอุดมปัญญา เป็นสัมมาปัญญา สำหรับสาเหตุที่กลุ่มพนักงาน หรือ กลุ่มพลัง อสมทฯ ไม่ลุกขึ้นต่อต้านการแปรรูปเมื่อ 2 ปีก่อน เนื่องจากเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนฐานะเป็นบริษัทมหาชน จะทำให้องค์กรมีระบบการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น  ตามระบบธรรมาภิบาล และก้าวสู่การเป็นสื่อสาระและบันเทิงทางเลือกใหม่ ยืนยันการเคลื่อนไหวครั้งนี้เพื่ออุดมการณ์ในฐานะสื่อสารมวลชนของประเทศ ไม่ได้หลงใหลกับอำนาจทุนนิยม หรือระบบใดๆ ตามที่ถูกบิดเบือน

บอร์ด อสมท อ่อนข้อหุ้นหล่นวูบทันที 0.87%  

17:00 น. ภาวะการซื้อขายหุ้นบริษัท อสมท จำกัด(มหาชน) หรือ MCOT วันนี้(9 พ.ย.) เมื่อเวลา 16.15 น.หล่นวูบลงมาทันที 0.87%
ที่ระดับราคา 28.50 บาท ลดลง 0.25 บาท ด้วยปริมาณการซื้อขาย 1.6 ล้านหุ้น มูลค่า 46.20 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ ช่วงเช้านักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุน ทำให้ระดับราคาหุ้นสามารถยืนอยู่ที่ 29 บาท ได้อย่างแข็งแกร่งทั้งนี้ นายบุญปลูก ชายเกตุ ประธานกรรมการบริษัท(บอร์ด) อสมท กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้(10 พ.ย.)บอร์ดจะหารือกรณีพนักงาน อสมท เรียกร้องให้ปลดนายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมทฯ และการปรับผังรายการ แต่จะยังไม่มีการปรับผังรายการใหม่เพื่อให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้ามาจัดทำรายการแต่อย่างใด

พร้อมทั้งกล่าวว่า จากกระแสที่พนักงานออกมาเรียกร้องให้ปลดบอร์ด อสมทฯ และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เพราะราคาหุ้นปรับตัวลงมาจาก 46 บาทนั้น น่าจะเป็นเพียงสาเหตุส่วนหนึ่ง เพราะราคาหุ้นมีขึ้นและมีลง อย่างไรก็ตาม จะบริหารเพื่อทำให้ราคาหุ้นไม่น้อยกว่าราคาปกติ โดยล่าสุดราคาหุ้น MCOT บวกร้อยละ 87 มาที่ 29 บาท ทันที่ที่มีการแถลงจบและมีข่าวออกไป ราคาหุ้นก็วูบลงมาทันที

อ่านเพิ่มเติม : ข่าวจากผู้จัดการออนไลน์

• งอแงไม่เลิก! ม็อบเสื้อดำไล่ “อาจารย์ป๋อง” ต่อ (http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000138695)
 • บอร์ด"อสมท"อ่อนข้อหุ้นหล่นวูบทันที0.87% (http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9490000138842)
• “อ.ป๋อง”ลั่น!ไม่คิดเฉือนอสมท กิน- ย้ำ"สรยุทธ์"ยังไม่หลุดผัง (http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000138796)

และล่าสุด หมายเหตุผู้จัดการ ตีพิมพ์ในผู้จัดการออนไลน์แล้ว สดๆ ร้อนๆ และจะตีพิมพ์ลงในผู้จัดการรายวัน ฉบับวันพรุ่งนี้ (10 พ.ย.) และล่าสุดกับคอลัมน์ หน้ากระดานเรียงห้า ของคุณสุรวิชย์ วีรวรรณ

 • เจ้าซื่อต่อคนคด…แต่ทรยศต่อคนไทย / หมายเหตุผู้จัดการ  (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000138751)
 • ฟังก่อน Shit-narong และคน อสมท / หน้ากระดานเรียงห้า โดย สุรวิชช์ วีรวรรณ (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000138771)

เอาไปอ่านนะครับ ... พรุ่งนี้ผมมีนัดที่บ้านเจ้าพระยา รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร บรรยากาศเป็นอย่างไรไว้ผมจะเล่าให้ฟัง (ถ้าไม่มีการแคนเซิลนะ) [/b]


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 09-11-2006, 17:45
เมื่อไหร่ช่อง 11 จะเป็น BBC ของไทยแบบที่โม้ซะที
:slime_dizzy:


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 09-11-2006, 19:03
ดร.สมเกี่ยรติยังรีบชิ่งบอกผมไม่เกี่ยวกับไอ้แร้งสามตัวนั่น ก็พอจะมีความดีอยู่มั่งนะด๊อกเตอร์


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 09-11-2006, 19:32
ดร.สมเกี่ยรติยังรีบชิ่งบอกผมไม่เกี่ยวกับไอ้แร้งสามตัวนั่น ก็พอจะมีความดีอยู่มั่งนะด๊อกเตอร์


ถ้า"ไอ้แร้งสามตัวนั่น" หมายถึง ดร.เจิมศักดิ์ คุณพงษ์ศักดิ์ และ อาจารย์ธีรภัทร์
ไอ้/อี ผีปอบ ต้องหมายถึงทักษิณแน่นอน.....กินแผ่นดินไทย ขายทรัพย์สินไทยให้ต่างด้าว โกง/เลี่ยงภาษี ฉ้อราษฎร์บังหลวง...


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-11-2006, 20:50
ช่อง 9 มันเป็นแดนสนธยา และมี การเมืองบุกมานานแล้วครับ

ผมมองไปที่ ช่อง 11 มากกว่า อยากดูฝีมือ อธิบดีคนใหม่เหมือนกัน

คิดว่าคงไม่มี "คลื่นใต้น้ำ" ออกมาเหมือนช่อง 9


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 09-11-2006, 21:56
ช่อง 9 มันเป็นแดนสนธยา และมี การเมืองบุกมานานแล้วครับ

ผมมองไปที่ ช่อง 11 มากกว่า อยากดูฝีมือ อธิบดีคนใหม่เหมือนกัน

คิดว่าคงไม่มี "คลื่นใต้น้ำ" ออกมาเหมือนช่อง 9



 ถ้าสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 และ ช่อง 11 สามารถนำข้อเท็จจริงสู่ประชาชน
การหลอกลวง การฉ้อฉล การเอารัดเอาเปรียบ การใช้อำนาจเป็นธรรม
ผลประโยชน์ทับซ้อน การเลี่ยงภาษี การคดโกงประชาชน  ฯลฯ
จะปิดตายทักษิณกลับมามีอำนาจใหม่....



หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: easy ที่ 10-11-2006, 05:34
เจ้าซื่อต่อคนคด…แต่ทรยศต่อคนไทย / หมายเหตุผู้จัดการ

คนเสียประโยชน์ ไม่ได้อ่าน


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: Politician Boss ที่ 10-11-2006, 11:40
ที่จริงปัญหานี้มันเกิดจาก คนอยากผลิตรายการมันมีมากกว่า ช่อง และเวลาที่ให้ออก ผมว่า ใครอยากตั้งกี่ช่อง ก็ให้ตั้งกันเข้าไป เถอะ ทีวีเรากดได้ตั้งหลายสิบ
ช่อง เดี๋ยวประชาชน เขาเลือกกันดูเอง แต่สงสัยช่องต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้ว จะขัดขวางแหง ๆ เพราะลูกค้าโฆษณา จะถูกแบ่งไปเยอะ


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: eAT ที่ 10-11-2006, 12:25
ดูข่าว ASTV1 กะช่อง 9 แล้วมันระเบิด
- ทางช่อง 9 บอกว่า จะไม่ไปออกรายการที่ ASTV หรอก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน
- ถ้าต้องทำข่าว ต้องเปลืองเงินติดเสาเพิ่ม
- ไม่ได้ต่อต้านเพื่อผลประโยชน์ ฯลฯ


* ASTV บอกว่า ทำข่าวไม่ต้องติดเสาเพิ่ม เพราะทาง อสมท มันดู ASTV ได้ตั้งนานแล้ว ไม่อย่างนั้นจะมายกป้ายด่าว่ารายการห่วยได้ยังไง
* ใครคือแร้งที่ทึ้ง อสมท เมื่อเอาหุ้นออกขาย ให้พนักงาน ราคา 5 บาท ให้ประชาชน 22 บาท ส่วนต่าง 17 อยู่ในปากใคร
* ไม่ต้องกร้าวร้าว ไม่รู้ตัวว่าจะมีใครเอาเทปไปออกอกาศ ต่อไม่จะไม่แสดงท่าทีให้ดีขึ้น อ้าวอย่างนี้แปลว่ายังไง
* ฯลฯ


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 10-11-2006, 15:01
ดูข่าว ASTV1 กะช่อง 9 แล้วมันระเบิด
- ทางช่อง 9 บอกว่า จะไม่ไปออกรายการที่ ASTV หรอก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน
- ถ้าต้องทำข่าว ต้องเปลืองเงินติดเสาเพิ่ม
- ไม่ได้ต่อต้านเพื่อผลประโยชน์ ฯลฯ


* ASTV บอกว่า ทำข่าวไม่ต้องติดเสาเพิ่ม เพราะทาง อสมท มันดู ASTV ได้ตั้งนานแล้ว ไม่อย่างนั้นจะมายกป้ายด่าว่ารายการห่วยได้ยังไง
* ใครคือแร้งที่ทึ้ง อสมท เมื่อเอาหุ้นออกขาย ให้พนักงาน ราคา 5 บาท ให้ประชาชน 22 บาท ส่วนต่าง 17 อยู่ในปากใคร
* ไม่ต้องกร้าวร้าว ไม่รู้ตัวว่าจะมีใครเอาเทปไปออกอกาศ ต่อไม่จะไม่แสดงท่าทีให้ดีขึ้น อ้าวอย่างนี้แปลว่ายังไง
* ฯลฯ



น่ากลัวถึงวคราที่ต้องใช้คำพูุดว่า...."เเผ่นเสียงตกร่องแล้วกระมั่ง..."

เพราะัมันพูดกี่ที่ต่อกี่ที่ก็ว่าได้ทำทำเพื่อผลประโยชน์...


และถ้ามันกล้าจริง..แน่จริง..เหตุไรต้องกลัวไปเจอกะคนอย่างสนธิ..

เพราะคนอย่างสนธิ..ถ้าเราจักสู้..เราต้องสู้ด้วยเหตุและผล..

อย่าสู้ด้วยวาทะ...

หรือเหตุที่ไม่ไป..เพราะกลัวสนธิมันถามว่า...


"ถ้าไม่ได้สู้เพื่อตนเอง..แต่เหตุไรยุคเหลี่ยมครองเมืองไม่ออกมาต้านมิ่งขวัญกันล่ะ..!!??"

คำถามที่ผมอ่านข่าวมาตั้งหลายวัน...และผมก็ตั้งข้อสงสัยไปทั้งที่นี้และในบล็อคผม..


แต่เหตุไร..

ทั้งนายตุ้ยและนางอรวรรณ..และพนักงานอสมท.ผู้ปีกกล้าปากดี..ที่เวลาคนพูุดไม่ถูกใจก็โห่..

[จากภาพข่าวเเละเสียงที่ช่องนี้มันเอามาออกเองในกรณีพงษ์ศักดิ์เขาเเถลงการณ์...]

จึงไม่มีใครกล้าออกมาตอบคำถามนี้....!!????


หรือว่านอกจากจะไม่กล้าต้านเหลี่ยม..แต่ยังมีนิสัยแบบเหลี่ยกอีกด้วย..

ก็คือพวกเก่งแต่ในบ้านตัวเอง..โถ่ๆพวกเกรียน..นี้หว่า....
 


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: banana_dot ที่ 10-11-2006, 15:14
มีเบื่องหลังแน่นอน ผมว่าอาจจะเป็นการดิ้นของบอร์ด
โดยนำชื่อรายการที่มีเรดติ้งดี มาเป็นชนวน ดึงมวลชนต่อต้าน
การที่ อสมท.ในยุคของมิ่งขวัญ ผมชื่นชอบการทำงานน่ะ
แต่รายอื่นที่ดิ้นตอนนี้ไม่รู้มันเป็นไคร... :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 10-11-2006, 17:46
'ธีรภัทร์'ส่งเรื่องปปช.-สตง.สอบทุจริต อสมท

10 พฤศจิกายน 2549 17:08 น.

รมต.ประจำสำนักนายกฯชี้ "ชิดณรงค์"เชิญอดีตผู้จัดรายการสื่อมาหารือตามนโยบายคปค. อัดถูกรัฐบาลเก่าใช้เสนอข้อมูลด้านเดียวมาตลอด 5ปี รับมีผู้ยื่นเรื่องสอบทุจริต อสมท.พร้อมส่งต่อ ป.ป.ช., สตง.และบอร์ดพิจารณา


     

       นายธีรภัทร์เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างพนักงานกับบอร์ด อสมท. ว่า การเชิญอดีตผู้จัดการรายการเก่าทางโทรทัศน์ช่อง 9 ที่ถูกปลดในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น เกิดจากข้อเสนอของนายชิตณรงค์ คุณะกฤดาธิการ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท.ขณะนั้น ที่ได้พูดคุยกับคณะกรรมการปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค) หลังการรัฐประหารใหม่ๆ

       โดยเห็นว่าสื่อของรัฐบาลนำเสนอข่าวสารด้านเดียวตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ประชาชนจึงเรียกร้องว่า เมื่อไหร่จะนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับประชาชน นายชิดณรงค์จึงบอกว่า จะเชิญผู้จัดการรายเก่ามาหารือ พร้อมกับระบุชื่อ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว. กทม. ซึ่งตนบอกว่า ควรจะเชิญรายการอื่นที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐบาลที่แล้วที่เป็นที่ยอมรับ เช่นรายการของสุทธิชัย หยุ่น นายสนธิ ลิ้มทองกุล ส่วนเรื่องช่วงเวลาเป็นเรื่องที่นายชิดณรงค์ ไปหารือกันเอง โดยได้ย้ำว่า อยากให้ดึงคนของ อสมท.เข้ามาจัดรายการด้วยเพื่อพัฒนาคนของ อสมท. โดยหลักคือต้องการให้ อสมท. มีเสรีภาพ ทำงานได้อย่างอิสระ ไม่ต้องมาเชียร์รัฐบาล

       "ประชาชนต้องการให้เกิดข้อมูลข่าวสารที่หลากหลายส่งเสริมบรรยากาศประชาธิปไตยให้มีการวิจารณ์มากขึ้น ไม่ใช่นำเสนอข้อมูลด้านเดียวเหมือน 5 ปีที่ผ่านมา มากล่าวหาผมว่า ไม่โปร่งใสได้อย่างไร และทำไมช่วงรัฐบาลที่แล้วถึงไม่ออกมาเคลื่อนไหว ทั้งที่ผมอยากเห็น อสมท.เป็นสื่อที่อิสระ ทำหน้าที่ได้อย่างมีเสรีภาพ ตรงไปตรงมา เป็นกลาง นำเสนอข้อมูลที่เป็นธรรม เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน อยากเห็น อสมท.เป็นสมบัติของประชาชน ไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่เป็นหัวใจสำคัญเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้สื่อของรัฐเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของรัฐบาล" นายธีรภัทร์กล่าว

       ส่วนกรณีที่เกรงว่าอสมท.ซึ่งเป็นบริษัทมหาชน จะทำกำไรไม่ได้เท่าเดิมตามที่บางฝ่ายเป็นห่วงนั้น นายธีรภัทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้บริหาร ซึ่งต้องควบคู่ไปกับการสร้างคุณภาพของ อสมท เรตติ้งใดรายการก็ต้องดี อยากให้พนักงาน อสมท.เข้าใจตรงนี้ให้ตรงกัน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เป็นเรื่องของบอร์ดกับผู้บริหาร อสมท. ซึ่งตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่อยากให้บอร์ดและพนักงานรวมใจกันสนับสนุนเพื่อให้ อสมท.เป็นที่พึ่งของประชาชน ร่วมกันกำจัดทุจริต ผลประโยชน์ให้หมดไป และอยากให้ อสมท.พ้นจากการครอบงำจากอิทธิพลต่างๆ เพื่อให้องค์กรนี้เป็นอิสระ ยกระดับความเป็นสถาบันสื่อด้วย

       "สื่อบางฉบับไม่ให้ความเป็นธรรมกับผมขาดจรรยาบรรณ ใครจะทำอะไรผมไม่ทราบ แต่อย่าโยงเข้าไปเกี่ยวข้อง และไม่ท้อถอย ยังมีแนวคิดที่อยากเห็นสื่อทุกประเภทมีคุณภาพและอิสระต่อไป ส่วนกรณีกระแสข่าวที่มีผู้ร้องเรียนยื่นเรื่องให้สอบปัญหาทุจริตใน อสมท.นั้น ยอมรับว่า เป็นเรื่องจริง เมื่อมีผู้ยื่นให้สอบปัญหาทุจริตใน อสมท จึงได้ส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และบอร์ด อสมท. ดำเนินการแล้ว รายละเอียดต้องไปถามหน่วยงานเหล่านี้" นายธีรภัทร์กล่าว

http://www.bangkokbiznews.com/level3/news_120318.jsp
********

ต้องมีอะไรแน่ ๆ เลย โปรดติดตามตอนต่อไป

ทำไมกลัวกันนักหนา  :slime_bigsmile:



หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: นู๋เจ๋ง ที่ 10-11-2006, 19:59
อ่านกระทู้นี้ มันส์มาก
ไม่ใช่คนสื่อ อ่านแล้วได้ความรู้เยอะเลยค่ะ

***ได้เวลาล้างบาง อสมท แร้ววววว***

ค่าใช้จ่ายอสมท ตอนยิงสดคำพูดได้บักเหลี่ยมจากนิวยอร์คมาเมืองไทยครึ่งๆกลางๆ ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่คะ อยากรู้ จัง???


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 10-11-2006, 20:49
ล่าสุดนายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงกรณีข่าวว่า เครือเนชั่นได้เสนอขายโฆษณาต่อเอเจนซี่ ในชื่อรายการ"เนชั่นนิวส์ทอล์ก" ซึ่งกำหนดจะออกอากาศทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ในเวลา "ถึงลูกถึงคน" ตั้งแต่วันที่8 พ.ย.ที่ผ่านมา

โดยเขาระบุว่าไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และคิดว่าเป็นเรื่องของฝ่ายขายที่ทำหน้าที่ล้ำเส้น ยอมรับในการพบกับนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมผู้ผลิตสื่ออีก 3 -4 รายไม่ได้มีการนำฝ่ายขายของเนชั่นเข้าไปด้วย และทางเนชั่นได้รับการร้องขอจากนายรองพล เจริญพันธุ์ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งรักษาการคณะกรรมการบริหาร อสมท หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ว่าอยากให้รายการของช่อง9 มีความหลากหลายโดยอยากให้มีการเสนอรายการที่เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย ซึ่งผู้บริหาร อสมท อยากให้เนชั่นเข้าไปทำรายการด้วย  

โธ่ไอ้ถุยเอ๊ย พอผิดโดนจับได้ไปโทษฝ่ายขาย อีแร้งตัวผู้หรือเปล่าวะเนี่ย


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 10-11-2006, 21:12
เมื่อตอนทุ่มครึ่ง...

ผมได้ทราบซึ้งเข้าไปถึงทรวงกะความเป็นกลางที่โคตรจักมีจริยธรรมของสื่อมวลชนของนักข่าวอสมท.


ที่วันนี้พวกมันได้ทำรายงาน การเคลื่อนไหวของพวกมัน...

โดยที่เอาแต่พวกที่เห็นชอบกะการชุมนุมใส่้เสื้อดำของพนักงาน...

และเอาคำพูดของพนักงาน และนางอรวรรณเอามาออกซะ99.99%


และอีก1%ที่เหลือ...

คือคำพูดของคุณพงษ์์ศักดิ์เรื่องการที่แกจักไม่ยอมลาออกจากบอร์ดอสมท.ด้วยเหตุผลอะไร...

แค่นั้นเอง....และส่วนคนที่เขาค้านมันก็ไม่เอามาออก...


ผมถาม..ผมขอถามอีกครั้ง...ว่านี้น่ะหรือ....

คือความเป็นกลางของสื่อมวลชน... ที่มันบอกว่าไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง...!!??
 
แต่เวลาออกข่าวของตัวมัน..กลับหาความเป็นกลางซะไม่มีเลย.. 

 


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 10-11-2006, 21:17
ลบเลขยังไงคับเนี่ย ที่บ้านใช้ 100.99% เหรอคับ มาไม่สง่างามถ่างตั้งแต่เข้าประตู ออกไปก็ดีแล้วนี่ครับ
เค้าไม่ทักก็ถ่างมันอยู่นั่นแหละ ทียังงี้เอาจริยธรรมยัดใส่ตูดหมด


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 10-11-2006, 21:18
น่าสงสารเน๊าะ

สนธิ ลิ้มฯ ตีแผ่ซ่ะ ไม่เหลือความดี ซึ่งไม่มีอยู่แล้ว


กระจาย  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 10-11-2006, 21:23
คำว่า พนักงาน  = ลูกจ้าง = อาชีพรับจ้าง

มิใช่ เจ้าของ  หรือผู้บริหารวางแผนงาน แต่อย่างใด



และอย่าบังอาจว่า กระทำเพื่อประชาชน มาตลอดห้าปี ในการป้องกันการโกงชาติ โกงแผ่นดิน

เพื่อพี่น้องชาวไทย ทุกคน

( ถุย )

 :slime_hitted:


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: สะพานหิน ที่ 10-11-2006, 21:30
หุหุหุ..พวกเสียผลประโยชน์ของบักแม้วอยู่ที่นี่เอง


หัวข้อ: "เพื่อนๆ อสมท อย่าโกรธกัน .... "
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 10-11-2006, 21:46
น่าสงสารเน๊าะ

สนธิ ลิ้มฯ ตีแผ่ซ่ะ ไม่เหลือความดี ซึ่งไม่มีอยู่แล้ว


กระจาย  :slime_bigsmile:

"เพื่อนๆ อสมท อย่าโกรธกัน .... "

วันนี้อสมทโดน สนธิ ลิ้ม ครบชุด กระอักครับงานนี้

ผมลบ mem FM 96.5 ออกจากวิทยุรถ 2 วันแล้ว 

ผิดหวังในตัว คุณอรวรรณ   ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ขนาดนี้ :slime_mad:


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 10-11-2006, 22:00
ลบเลขยังไงคับเนี่ย ที่บ้านใช้ 100.99% เหรอคับ มาไม่สง่างามถ่างตั้งแต่เข้าประตู ออกไปก็ดีแล้วนี่ครับ
เค้าไม่ทักก็ถ่างมันอยู่นั่นแหละ ทียังงี้เอาจริยธรรมยัดใส่ตูดหมด

แหม.. แถก็..

ก็จริยธรรมของคนอสมท.มันโคตรจักสูงน่ะแถ...

ก็เลยต้องสูงกว่าร้อยเปอร์เซนน่ะ..

เข้าใจไหมครับ คุณ แถ...

เพราะคนที่นั้นเขามีจริยธรรมประจำใจสี่ข้อ..
 
๑... จริยธรรมต่อหุ้น คือต้องอย่าทำให้หุ้นตก

๒... จริยรรมต่อคนทำให้หุ้นขึ้น คือ เจ้มิ่ง

๓... จริยธรรมต่อคนที่ทำให้อสมท.เข้าตลาดหุ้นคือเเม้ว
 
๔... จริยธรรมที่จักขอต่ต้าน..คนที่มาทำร้ายทำลายต่อจริยธรรมข้อ๑-๓

นี้คือจริยธรรม๔ข้อที่คนอสมท.เขามี...


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: noppon ที่ 10-11-2006, 22:02
น่าสงสารเน๊าะ

สนธิ ลิ้มฯ ตีแผ่ซ่ะ ไม่เหลือความดี ซึ่งไม่มีอยู่แล้ว


กระจาย  :slime_bigsmile:

"เพื่อนๆ อสมท อย่าโกรธกัน .... "

วันนี้อสมทโดน สนธิ ลิ้ม ครบชุด กระอักครับงานนี้

ผมลบ mem FM 96.5 ออกจากวิทยุรถ 2 วันแล้ว  :slime_mad:


เจอของจริงเข้าไปแบบนี้ ถึงว่า ไม่กล้ามา ASTV กัน
วันนี้สนธิ top form อีกวันหนึ่งแล้ว


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: Kna ที่ 10-11-2006, 22:03
เละครับ เละ!!!    :slime_slapped:

โดนเข้าไปเต็มๆแบบนี้รับรองว่าไปไม่เป็น  :slime_v:

ต้องคอยดูพรุ่งนี้ว่าสหภาพ อสมท.มันจะแถไปทางไหนอีก  เกลียดจริงๆไอ้พวกอกตัญญูด่าครูบาอาจารย์  :slime_mad:
มิน่ามันถึงมีปัญญากันอยู่แค่นี้ หายใจเข้าก็หุ้น หายใจออกก็ผลประโยชน์.. ผมขอตราหน้าไว้เลย ไอ้พวกนี้ไม่มีวันเจริญ!!!  ริยำได้ถ้วยกันจริงๆ .....

ไล่มันออกไปให้หมดก็หมดเรื่อง ฝีมือก็งั้นๆ ยังมาทำเรื่องมากยังกับตัวเองเป็นเจ้าของอสมท.
ผมเชื่อว่ายังมีคนต่อคิวเข้าไปทำงานในอสมท.อีกเยอะ  ลองเชือดแต่เฉพาะไอ้ตัวแกนนำก่อนก็ได้ ดูซิไอ้พวกที่เหลือจะยังแหกปากต่ออีกมั๊ย  :slime_cool:
 


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแ
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 10-11-2006, 22:12
ผู้บริหารเครือเนชั่นยัน “ชิตณรงค์” ระบุเองต้องปรับผังโมเดิร์นไนน์ โดยลดเวลา “ถึงลูกถึงคน” ให้หลายส่วนเข้าไปจัดรายการให้ความรู้การเมืองแก่ ปชช.เพื่อความหลากหลาย ย้อนอดีตรายการเครือเนชั่น และ “เจิมศักดิ์” ก็เคยถูกถอดอย่างไม่เป็นธรรมใน “รัฐบาลทักษิณ” อัดอย่ามุ่งแต่ทำกำไรสูงสุด
      
       วันนี้ (10 พ.ย.) นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่าเครือเนชั่นได้เสนอขายโฆษณาต่อเอเยนซีในชื่อรายการ “เนชั่นนิวส์ทอล์ก” ซึ่งกำหนดจะออกอากาศทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ในเวลา “ถึงลูกถึงคน” ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเขาระบุว่าไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และคิดว่าเป็นเรื่องของฝ่ายขายที่ทำหน้าที่ล้ำเส้น
      
       ในการให้สัมภาษณ์ของนายอดิศักดิ์ ที่ปรากฏในเว็บไซต์ของกรุงเทพธุรกิจ ยอมรับในการพบกับนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล อสมท เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมผู้ผลิตสื่ออีก 3-4 รายไม่ได้มีการนำฝ่ายขายของเนชั่นเข้าไปด้วย และทางเนชั่นได้รับการร้องขอจากนายรองพล เจริญพันธุ์ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งรักษาการคณะกรรมการบริหาร อสมท หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ว่าอยากให้รายการของช่อง 9 มีความหลากหลาย โดยอยากให้มีการเสนอรายการที่เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย ซึ่งผู้บริหาร อสมท อยากให้เนชั่นเข้าไปทำรายการด้วย
      
       นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ในอดีตเนชั่นเคยมีรายการกับช่อง 9 มีรายการ “เนชั่นนิวส์ทอล์ก” แต่ถูกถอดพร้อมรายการ “ขอคิดด้วยคน” ของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เมื่อเดือนสิงหาคม 2544 เมื่อครั้งรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยถูกถอดอย่างไม่เป็นธรรม และปัจจุบันเนชั่นยังมีรายการช่อง 9 เช่น “ชีพจรโลก” ดังนั้น เมื่อทาง อสมท ให้เนชั่นเข้าไปทำรายการเพื่อประชาธิปไตย ทางเนชั่นก็ยินดี และถือเป็นบทบาทของสื่อสารมวลชน เพราะสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ สื่อทีวีไม่ได้เสนอความจริงเกี่ยวกับระบอบทักษิณ
      
        “ในการหารือกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีนายชิตณรงค์ คุณะกฤดาธิการ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บอกว่า หากจะปรับเปลี่ยนผัง รายการที่สามารถเปลี่ยนได้ทันที คือ รายการถึงลูกถึงคน ซึ่ง อสมท ดำเนินรายการเอง และหากปรับรายการให้มีความหลากหลาย น่าจะดึงเรตติ้งได้ โดยมีการวางกรอบระยะเวลาว่า หลังการแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ก็จะมีรายการใหม่ โดยรูปแบบรายการจะเป็นการสนทนาทางการเมือง เพื่อให้ความรู้กับประชาชน แต่เมื่อไม่สามารถดำเนินการได้ก็ต้องเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด อสมท โดยนายชิตณรงค์จะเสนอให้ที่ประชุมบอร์ดพิจารณาในวันที่ 31 ตุลาคม ซึ่งในการหารือบอกว่าก็คงต้องรอมติของบอร์ดก่อน” นายอดิศักดิ์ กล่าว
      
       นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า แม้ อสมท จะเป็นบริษัทจดทะเบียนใน ตลท.ก็ต้องพิจารณาในฐานะสื่อของรัฐก็ขอย้อนถามกลับไปยัง อสมท ว่า วันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาเกิดอะไรกับ อสมท และเห็นว่าการถ่ายทอดสดการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นหน้าที่ของสื่อรัฐ บอกว่า อสมท ควรจะมีกำไรพอประมาณ เฉพาะแค่ได้รับรายได้จากค่าสัมปทานจากช่อง 3 และยูบีซีก็น่าจะพอแล้ว ไม่ใช่มุ่งทำกำไรสูงสุด และเห็นว่าหาก อสมท ไม่ใช่บริษัทจดทะเบียนใน ตลท. เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อสมท ก็ต้องถูกปรับผังรายการอยู่แล้ว และถือว่ารัฐบาลชุดนี้มีมารยาทมาก ที่ยังยอมให้มีการเสนอข่าวการเคลื่อนไหวประท้วงของพนักงาน อสมท ซึ่งถ้าเป็นสมัย พ.ต.ท.ทักษิณข่าวนี้คงไม่ได้นำเสนอ
      
       อย่างไรก็ตาม ยืนยันถึงความสัมพันธ์ระหว่าง อสมท และเนชั่น ยังดีอยู่ ทั้งที่ผ่านมาและในอนาคต ปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากความเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะทางเนชั่นเสนอผังรายการเป็นสารคดีชุดแม่น้ำโขง เจ้าพระยา และเศรษฐกิจพอเพียง ให้บอร์ดในสมัยนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ พิจารณา แต่ยังไม่มีข้อสรุป ก็มาเกิดเหตุทางการเมืองก่อน และยืนยันว่าหาก อสมท ยินดีให้เข้าไปทำรายการ ทางเนชั่นก็ยินดี
      
       นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ในกรณีนายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ยืนยันว่าเป็นบุคคลที่มีความสามารถทางด้านสื่อ เพราะมุ่งมั่นไปพัฒนาสำนักข่าวไทย และเชื่อว่าหากนายพงษ์ศักดิ์เป็นรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ จะเป็นเกราะในการป้องกันการแทรกแซงจากรัฐบาล และทหารได้
      
       อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าทางสำนักข่าวไทยของ อสมท.ได้หยิบยกเอาประเด็นว่า "เนชั่นยอมรับว่าฝ่ายขายโฆษณาล้ำเส้นกรณีขายเอเยนซีล่วงหน้า" มาเป็นประเด็นพาดหัวแทนที่จะเป็นประเด็นที่ฝ่ายเนชั่นบอกว่า นายชิตณรงค์ เป็นผู้เสนอปรับผังรายการของอสมท.กับอดีตผู้ผลิตรายการ 3-4 รายที่ร่วมหารือในวันนั้น


http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000139349

เอ้า ! รู้ตัวคนจัดโผแล้ว ด่ากันเข้าไป


http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000138426



หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 10-11-2006, 22:16
วันนี้ไปบ้านเจ้าพระยามาครับ ไม่มีพนักงานชุดดำจาก อสมท.มาแต่อย่างใด
ตอนที่นายสนธิจะออกมาถอดคำพูดของพนักงาน รู้สึกว่าจะมีคนมาบอกว่านายพงษ์ศักดิ์ขอร้องมาว่าอย่าพูด
จึงเปลี่ยนแผนมาเป็นการให้ดาวน์โหลดเอกสารในเว็บแทน ซึ่ง บก.ข่าวบอกว่าบอกว่าถ้าอัพเสร็จจะนำมาขึ้น

เตรียมตัวอ่านเอกสารถอดเทปคำพูดของพนักงาน อสมท. ที่ออกมาเถียงกับนายพงษ์ศักดิ์ทุกคำพูด ทุกประโยค
จากมือนายสนธิมีอยู่ประมาณ 15 หน้ากระดาษ ให้ช่วยกันตรวจสอบต่อมจริยธรรมของบรรดาพนักงานชุดดำ
ที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพนักงานฝ่ายการตลาด ที่นายมิ่งขวัญรับในสมัยเป็น ผอ.อสมท.โดยมีคนของสำนักข่าวไทยส่วนหนึ่ง

ขออภัยที่วันนี้ไม่ได้อัพข่าวความเคลื่อนไหวให้ เราจะมาเก็บตกกันอีกครั้งวันพรุ่งนี้ ... ขอบคุณครับ


หัวข้อ: ความกล้าของ "คน อสมท" ควรจะเกิดขึ้นมานานแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 10-11-2006, 22:43
 ความเคลื่อนไหวของคนอสมท ที่ "กล้า"ต่อต้านกับความไม่ชอบมาพากลใดๆ ของนักการเมืองที่กำลังจะสอดแทรกเข้ามาทั้งทางตรงและทางอ้อมเป็นสิ่งที่ควรจะ "ปรบมือ"ดังๆ

       แต่น่าเสียดาย"ความกล้า" เช่นนี้มาช้าไปหลายปี จนคนทั่วไปหลงเข้าใจไปว่า "คน อสมท" ที่เคยมี "คนกล้า" หายหน้าไปไหนกันหมด มองเห็นแต่คุณมิ่งขวัญแสงสุวรรณ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทำงานหนักเป็น "วันแมนโชว์" จนถูกกล่าวหาว่ารับใช้ระบอบทักษิณอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

       ในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ใช้โมเดิร์นไนน์เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อนโยบายประชานิยมของรัฐบาลอย่างเต็มที่ แลกกับการสั่งให้ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ แบบ "ขอร้องแกมบังคับ" เทงบไปว่าจ้าง อสมท ทำ "ประชาสัมพันธ์" สร้างภาพพจน์ "จำแลง" เป็นจำนวนมาก

      จนชาวบ้านรากหญ้าเสพติดประชานิยมที่นำไปสู่สังคมบริโภคนิยม

       เรื่องนี้ใครๆในวงการสื่อและโบรกเกอร์นักวิเคราะห์หุ้น ก็รู้กันทั่วไปว่า ผลประกอบการ อสมท ที่ดีขึ้นผิดหูผิดตา มาจาก "งบพิเศษ"จากรัฐวิสาหกิจกว่าครึ่งหนึ่ง

http://www.bangkokbiznews.com/level3/news_119995.jsp

* ASTV ดร.เสรี กำลังอธิบายต่อเกี่ยวกับ อสมท


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 11-11-2006, 13:31
เผยหลักฐานทุจริตในอสมท ร้องรมต.ตรวจสอบ

11 พฤศจิกายน 2549 12:36 น.


       ทั้งนี้เนื้อหา ในเอกสารดังกล่าว มีดังนี้

       ตามที่ปรากฎข่าวการทุจริตใน บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับการไม่เรียกเก็บค่าโฆษณาเกิน ในรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ทางโทรทัศน์โมเดิร์นไนนท์ นั้น ข้าพเจ้าในฐานะประชาชนผู้บริโภคและผู้ถือหุ้น ขอเรียนข้อเท็จเบื้องต้นดัง ต่อไปนี้

       สถานะของบริษัทอสมท จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทมหาชน ตามพระราชบัญญัติบริษัท มหาชน พ.ศ.2535 ดังปรากฎตามหนังสือรับรองของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เอกสารแบนที่ 1 จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเมื่อ 17 ส.ค.47 และเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ซ.2535 โดยแปรรูปมาจากองค์กรสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) ตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ เมื่อเดือนกันยายน 2547 บริษัท อสมท.จำกัด (มหาชน) มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50 จึงมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ

       คณะกรรมการและพนักงานของบริษัทอสทม.จำกัด (มหาชน) มีฐานะเป็นพนักงานตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502

       คณะกรรมการประธานกรรมการและกรรมการบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) เป็นคณะกรรมการประธานกรรมการ และกรรมการของบริษัทมหาชนจำกัด ตามพระราชบัญญัติบริษัท มหาชน จำกัด พ.ศ.2535 และตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535

       พฤติกรรมในการทุจริต

       1.ระหว่างปี 2547 - 2549 บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ได้เข้าทำสัญญากับบริษัท ไร้ส้ม จำกัด โดยตกลงให้บริษัทไร่ส้ม ฯ แพร่ภาพออกอากาศรายการโทรทัศน์รายการ "คุยคุ้ยข่าว" เพื่อออกอากาศทางโมเดิร์นไนน์ทีวี รายละเอียดปรากฎตามสัญญาร่วมดำเนินรายการโทรทัศน์ ปี 2547 และในปี 2549 เอกสารแบบที่ 2 สัญญาดังกล่าวไม่ปรากฎเงื่อนไขในการชำระเงินและการวางหลักประกันเป็นหนังสือค้ำประกันของธนาคาร ทั้งนี้บริษัทไร่ส้มฯ เพิ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2547 และเข้าทำสัญญากับ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2547 โดยมีทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท

       2.ข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบของ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ปรากฎว่า บริษัท ไร่ส้มฯ ได้ใช้สิทธิโฆษณาเกินกำหนดไว้ตามสิทธิในสัญญาในปี 2547 ปี 2548 และ ปี 2549 (มกราคม - มิถุนายน 2549) การโฆษณาเกินเฉพาะในปี 2549 (กุมภาพันธ์ - มิถุนายน ) มีถึงกว่า 150 ครั้ง เป็นเงิน (มกราคม - มิถุนายน) 98,790,000 บาท ดังปรากฎตามเอกสารแนบที่ 3 และพบว่า มีการโฆษณาเกินมาตั้งแต่ปี 2547 - 2549 (มกราคม -มิถุนายน) ในส่วนของบริษัทไร่ส้มฯ เป็นเงินถึง 138,790,000 บาท และในส่วนของพนักงาน บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) เอง อีก 1,130,000 บาท รายละเอียดปรากฎตามเอกสารแนบที่ 4 ทีมีการโฆษณาเกินเฉพาะรายการนี้รวมกว่า 139,900,000 บาท โดยไม่มีการจ่ายเงินให้แก่บริษัท

       บริษัทอสมท. จำกัด (มหาชน) คงมีแต่การจ่ายเงิน 770,000 บาท สำหรับการโฆษณาเกิน จำนวนเงิน 800,000 บาท ในเดือนเมษายน 2548 เพียงครั้งเดียวเท่านั้น อีกทั้งไม่มีการติดส่วนแบ่งรายรับจากการได้ประโยชน์ทางการค้าในรูปโลโก้ ตัวสินค้าในรายการซึ่งมีจำนวนมากอีกด้วย แต่ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ก็ได้ต่อสัญญาให้กับบริษัทไร่ส้มฯ อีกหลายครั้งตั้งแต่ปี 2547 ถึงปี 2549 ต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่ได้เกิดขึ้นแล้วแต่อย่างใด

       3.เมื่อพิจารณางบดุลและงบกำไรขาดทุนของบริษัทไร่ส้มฯ ปี 2548 ไม่พบรายการค่าใช้จ่ายค้างจ่ายจำนวน 40,110,000 บาท ที่จะต้องชำระเป็นค่าโฆษณาส่วนเกินในปี 2548 ให้แก่ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) แต่อย่างใด ดังปรากฎตามเอกสารแนบที่ 5

       4.การกระทำดังกล่าวเคลือบแคลงสงสัยว่า เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตของบริษัทไร่ส้มฯ และพนักงานของบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) โดยคณะกรรมการบริษัทฯ คณะกรรมการตรวจสอบ และฝ่ายบริหารจัดการของ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ผู้มีฐานะตามกฎหมายเป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ ใดๆ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้รับเอาทรัพย์นั้นเสียหรือไม่ หรือเป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็ฯการเสียหายแก่ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) หรือไม่ หรือเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) หรือผู้ถือหุ้น หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือไม่ และยัง เป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชน จำกัด พ.ศ.2535 มาตรา 85 ถึง มาตรา 91 และพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 307 ถึง มาตรา 315 ด้วยหรือไม่

       5.การกระทำทุจริตดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 ต่อเนื่องเป็นรายวันมาโดยตลอดจนถึงมิถุนายน 2549 เป็นระยะเวลาประมาณ 30 เดือน อันมีการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระเกิดขึ้นหลายร้อยครั้ง และการโฆษณาเกินเป็นเงินจำนวนมากน่าเคลือบแคลงสงสัยว่า เป็นการที่ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) สมคบร่วมกันกับให้บริษัทไร่ส้มฯ ลงโฆษณาในรายการคุยคุ้ยข่าว เกินกว่าที่ทางราชการกำหนดและตามระเบียบของทางราชการและประกาศกรมประชาสัมพันธ์ ดังกล่าวปรากฎตามเอกสารแนบที่ 6 โดย บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งทราบดีอยู่แล้วว่า ไม่อาจกระทำได้โดยชอบ ทำให้มีการโฆษณาเกินเป็นจำนวนมากแต่กลับเจตนาไม่เรียกเก็บเงินติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายปี และเป็นเงินจำนวน มากกวา 149 ล้านบาท ทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ต่อรัฐ และต่อผู้ถือหุ้น

       อีกทั้งยังน่าสังเกตอีกด้วยว่าตามเอกสารแนบที่ 3 รายการโฆษณาในเดือน มิถุนายน 2549 ในวันเสาร์ และอาทิตย์จะมีการโฆษณาเกินสูงมาก และเมื่อรวมโฆษณาในส่วนของ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) เองเข้าด้วยแล้ว การโฆษณาในรายการนี้จะเกินกว่าที่ชั่วโมงละ 12 นาที 30 วินาที ตามประกาศกรมประชาสัมพันธ์ เอกสารแนบที่ 6 ตัวอย่างเช่น ในวันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน 2549 และวันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน 2549 บริษัทไร่ส้มฯ ส่งค่าโฆษณาเกินถึง 6.15 นาที รวมเป็นโฆษณาตามสิทธิของบริษัทไร่ส้มฯ จะเท่ากับ 5+6.15 = 11.15 นาที หากนับรวมโฆษณาในส่วนของ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) อีก 5 นาทีแล้ว จะเท่ากับมีการโฆษณาทั้งสิ้น 16.15 นาที เกินกว่าที่ทางราชการกำหนด อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบและประกาศของทางราชการอย่างชัดเจนและมีผลกระทบต่อรายการถัดไปหาก บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ไม่ใช่สิทธิลงโฆษณาในส่วนของคนไม่ถึง 5 นาที ก็จะทำให้น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า เหตุใดในรายการเดียวกันและในวันเดียวกัน บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) จึงมีความสามารถในการโฆษณาได้น้อยกว่า บริษัท ไร่ส้มฯ มาก หรืออาจเป็นไปได้หรือไม่ว่ามีการสมคบร่วมกันที่จะลงโฆษณาในส่วนของ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ให้น้อยกว่าสิทธิ เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทไร่ส้มฯ สามารถลงโฆษณาเกินได้อย่างไม่มีขอบเขต หรือพนักงานของ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) หาโฆษณาได้แล้วเอาไปลงให้กับบริษัทไร่ส้มฯ แทนที่จะลงให้แก่ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) หรือไม่

       6.บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ได้มีข้อบังคับของบริษัทและได้แต่งตั้งและกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัทฯ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และคณะกรรมการตรวจสอบไว้ แล้ว ปรากฎตามเอกสารแนบที่ 7 และบุคคลเหล่านี้ยังมีหน้าที่ความรับผิดชอบตามพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น พระราชบัญญัติบริษัทมหาชน จำกัด พ.ศ.2535 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร การที่ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) จะรวบรัดสรุปผลการสอบสวนกรณีนี้ และลงโทษแต่เฉพาะพนักงาานชั้นผู้น้อยเพียง 1 ราย และพนักงานระดับบริหารระดับกลางอีก 2 ราย จึงไม่ถูกต้องตามพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดที่แท้จริง และไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นเพราะพนักงานชั้นผู้น้อยเพียง 1 คน ได้กระทำการแก้ไขข้อมูลการลงโทษเกินดังกล่าว เพราะการที่ได้มีการตรวจสอบพบการกระทำความผิดแล้ว หากแต่น่าสงสัยว่าเป็นการสมคบร่วมกันหลายฝ่ายและการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานหลายระดับรวมถึงคณะกรรมการบริษัทฯ มาเป็นระยะเวลา ยาวนาน

       7.ในปี 2548 บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ได้รับรองความถูกต้องงบดุลและงบกำไรขาดทุน ส่งให้แก่ตลาดหลักทรัพย์ กระทรวงพาณิชย์ และผู้ถือหุ้นแล้ว และได้ใช้เป็นข้อมูลในการคำนวณการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นและในการชำระภาษี ซึ่งตามผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ดังกล่าวข้างต้น ปรากฎว่า อย่างน้อยยังมีรายรับอีกประมาณ 40 ล้านบาท ที่ไม่ได้ถูกนำมารวมในงบดุล งบกำไรขาดทุน และงบการเงินในปี 2548 ของ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็จะเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นการที่ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) โดยคณะกรรมการบริษัทฯ รับรองงบดุลและงบกำไรขาดทุนดังกล่าวเป็นเท็จ อันอาจเป็นการกระทำที่เป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติต่างๆ ที่กล่าวข้างต้นรวมทั้งประมวลกฏหมายอาญามาตรา 269 และกฎหมายภาษีอากรอีกด้วย

       8.ยังปรากฎข้อเท็จจริงที่น่าสงสัยว่ามีการทุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายในการประกอบกิจการของ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) อื่นๆ อีก อาทิเช่น

       8.1 การจ่ายรางวัลค่านำเข้าซ้ำ ตามเอกสารแนบที่ 8

       8.2 การปล่อยให้มีการโฆษณาเกินโดยไม่เรียกเก็บเงิน ในรายการโทรทัศน์สารคดี บุคคลสำคัญของโลกของบริษัท จินตภา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

       8.3 การยินยอมให้บริษัทยูบีซีออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่น่าจะฝ่าฝืนสัญญาร่วมดำเนินการระหว่าง อ.ส.ม.ท. กับ บริษัท ไอ.บี.ซี. จำกัด

       8.4 การยินยอมให้บริษัท ยูบีซี นำเอาโลโก้ TRUE มาใช้ร่วมกับโลโก้ UBC และ MCOT ในการออกอากาศรายการโทรทัศน์ระบบบอกรับเป็นสมาชิกเพื่อประโยชน์ในทางการค้า ทั้งที่ บริษัท TRUE ไม่ใช่ใช่สัญญากับ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน)

       จึงเรียนมาเพื่อได้โปรดดำเนินการสอบสวนและลงโทษผู้กระทำความผิดในกรณีต่างๆดังกล่าวโดยด่วนและแจ้งผลการตรวจสอบให้ข้าพเจ้าทราบด้วย และหากมีกรรมการของ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ผู้ใดที่มีส่วนในการกระทำผิดดังกล่าว บุคคลผู้นั้นก็ไม่สมควรดำรงตำแหน่งกรรมการชุดใหม่ของ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน)

http://www.bangkokbiznews.com/level3/news_120441.jsp
*********

ว่าไงครับ พนง.อสมท.  :slime_doubt:


หัวข้อ: [14:10] ASTV กำลังถ่ายทอด (เทป) รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ของเมื่อคืน
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 11-11-2006, 13:55
กรรมกรข่าวของทักษิณ

นี่ถ้าทักษิณยังอยู่อาจได้เป็นผอหรือบอร์ดอสมท

....

อสมท กำลังหาตัวเองไม่เจอ

เรื่องภายในถ้าขุดมากๆเข้าไป น่ากังวลแทน


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 11-11-2006, 13:58
เห็นบอกว่า รมต. เค้าส่งเรื่องร้องเรียน เข้า ปปช. ไปแล้วนี่ครับ

ทีนี้เห็นท่าจะแก้ตัวลำบากหน่อยแล้ว


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: banana_dot ที่ 12-11-2006, 16:54
จะโทษพนักงานก็ไม่ได้นา :slime_whistle:
ตกเป็นเครื่องมือการดิ้นมากกว่า :slime_shy:


หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 12-11-2006, 21:07
ล่าสุดนายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงกรณีข่าวว่า เครือเนชั่นได้เสนอขายโฆษณาต่อเอเจนซี่ ในชื่อรายการ"เนชั่นนิวส์ทอล์ก" ซึ่งกำหนดจะออกอากาศทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ในเวลา "ถึงลูกถึงคน" ตั้งแต่วันที่8 พ.ย.ที่ผ่านมา

โดยเขาระบุว่าไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และคิดว่าเป็นเรื่องของฝ่ายขายที่ทำหน้าที่ล้ำเส้น ยอมรับในการพบกับนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมผู้ผลิตสื่ออีก 3 -4 รายไม่ได้มีการนำฝ่ายขายของเนชั่นเข้าไปด้วย และทางเนชั่นได้รับการร้องขอจากนายรองพล เจริญพันธุ์ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งรักษาการคณะกรรมการบริหาร อสมท หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ว่าอยากให้รายการของช่อง9 มีความหลากหลายโดยอยากให้มีการเสนอรายการที่เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย ซึ่งผู้บริหาร อสมท อยากให้เนชั่นเข้าไปทำรายการด้วย  

 โธ่ไอ้ถุยเอ๊ย พอผิดโดนจับได้ไปโทษฝ่ายขาย อีแร้งตัวผู้หรือเปล่าวะเนี่ย



โธ่ ไอ้ถุยเอ๊ย พอผิดโดนจับได้ไปโทษ"ทุจริตทางนโยบาย" "บกพร่องโดยสุจริต" "เจตนาร้าวทางเทคนิค" อีแร้งตัวผู้หรือเปล่าวะเนี่ย....





หัวข้อ: Re: กระทู้รวม : วิพากษ์ อสมท. กับความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อ (Update!)
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 13-11-2006, 02:37
แถไม่ออกหรอกครับ ให้ดี ต้องอ่านที่อาจารย์สมเกียรติพูดน่ะ ชัดที่สุดแล้ว

ถ้าอยากได้กำไรจากหุ้น ก็ขายทิ้งซะ มันคนละเรื่องมันเป็นเรื่องของ "นักลงทุน"

หากเค้าไม่ทำกำไร แล้วไม่แบ่งโบนัส นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับการรับผิดชอบต่อนักลงทุน

พวกนั้นเค้าลงทุนมีความเสี่ยง ไปสนใจทำไมครับ หน้าที่เราก็ทำหน้าที่ในฐานะ "ลูกจ้าง" ให้ดีก็พอ

ถ้าพนักงาน อสมท. จะเอาความเป็น "เจ้าของ อสมท." ในฐานะ "ผู้ถือหุ้น" มาพูด นี่เข้าข่าย "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ไปโน่นเลยนะ...

ทำหน้าที่ สื่อมวลชนที่ดี ก็พอแล้ว...ให้ความรู้ ให้ความจริง ให้ทัศนคติที่ดี ๆ แก่ประชาชนเจ้าของประเทศดีที่สุดครับ

งานนี้พนักงาน อสมท. มองยังไงก็ "จมดิน" ไม่ได้ผุด ไม่ได้เกิด...หากยังสู้แบบนี้...จะไปทำข่าวแข่งช่องใหนได้..

มันแสดงถึงความไม่มีวุฒิภาวะจริง ๆ

ส่วน อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ให้สัมภาษณ์เรื่อง ช่อง 11 นั่น เค้าสัมภาษณ์ เข้าท่าที่สุด อิ อิ

จะล้างกลุ่มทุนทักษิณ นี่สิได้ใจประชาชน ( แอบเชียร์หน่อยนะ )