ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ScaRECroW ที่ 06-11-2006, 06:35



หัวข้อ: อ่านกันเล่น ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 06-11-2006, 06:35
'ซ้ายทมิฬ' คุณเป็นคนไทยหรือเปล่า? 
 
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 24 ของไทยนั้น อาจถือได้ว่าเป็น “นายกฯ พระราชทาน” คงได้ เพราะ พล.อ.สุรยุทธ์เป็นองคมนตรี ซึ่งถือว่าเป็น “คนของในหลวง” เพราะพระองค์ท่านทรงแต่งตั้งและถอดถอนตามพระราชอัธยาศัย ตามหมวด 2 ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญทุกฉบับเรียกว่าคนไทยได้นายกฯ พระราชทานตามที่เคยเรียกร้องมาคงไม่ผิดนัก

การที่ใครบางคนออกมาพูดว่า พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นนายกฯ เถื่อน คนคนนั้นคงต้องกลับไปคิดใหม่และต่อไปคงต้องระมัดระวังคำพูดมากขึ้น
เมื่อมีประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ประชาชนส่วนใหญ่ “เฮ” ต้อนรับทันที ทั้งนี้ คนอาจเห็นว่า พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นบุคคลที่เหมาะที่สุดสำหรับสถานการณ์ใน 1 ปีข้างหน้าที่มีภารกิจจะต้องทำมากมาย และสู้กับ “อำนาจเก่า” ที่ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

หนึ่งสัปดาห์หลังการยึดอำนาจเบื้องหลังข่าวเริ่มทยอยออกมาเรื่อยๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ฝ่ายอดีตนายกฯ ทักษิณ เตรียมประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อให้ตนเองมีอำนาจสูงสุดด้วยการวางแผนจากสหรัฐ โดยประสานกับแกนนำกลุ่ม “ซ้ายทมิฬ” ใน กทม.ไว้เรียบร้อยแล้ว ฝ่ายซ้ายทมิฬจะนำมวลชนจากเขตอีสานใต้เข้ามาชนกับกลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตยที่กำหนดชุมนุมในวันที่ 20 กันยายน เพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายและสร้างความชอบธรรมในการประกาศภาวะฉุกเฉิน สอดรับกับจังหวะที่นายกรัฐมนตรีจะบินกลับมาถึงไทยพอดี ทำให้ฝ่ายทหารต้องตัดสินใจเข้ายึดอำนาจก่อนเพื่อป้องกันการนองเลือดที่คนไทยกับคนไทยต้องฆ่ากันเอง

ถ้าข่าวข้างต้นเป็นจริงต้องถือว่าคนที่วางแผนมีความ “อำมหิต” มาก ที่ทำให้คนไทยฆ่ากันเอง เพียงเพื่อสนองตัณหาทางการเมืองของตนและพวก

การยึดอำนาจเมื่อกลางดึกวันที่ 19 กันยายน เป็นการยึดอำนาจที่ไม่มีความลับเลย คน กทม.ส่วนใหญ่รู้ตั้งแต่ตอนเย็นแล้วว่าจะมีการยึดอำนาจ สถานทูตส่วนใหญ่แจ้งข่าวถึงกันหมดว่าจะมีการยึดอำนาจคืนนี้ ที่ไม่มีการต่อสู้เพราะเมื่อเปรียบเทียบกำลังกันแล้ว ฝ่ายรัฐบาลไม่มีทางสู้คณะปฏิรูปฯ ได้เลยแม้แต่น้อย ต้องชมการตัดสินใจของทหารทักษิณไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดทำให้ทหารไม่ต้องขนอาวุธที่ซื้อจากเงินภาษีของประชาชนมาฆ่ากันเอง

ต้องยอมรับว่าหนึ่งสัปดาห์หลังการยึดอำนาจสถานการณ์ยังไม่นิ่ง โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่กลุ่มนักการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่นที่สูญเสียอำนาจไปปลุกระดมชาวบ้าน ให้ต่อต้านคณะปฏิรูปฯ มีข่าวแพร่ในวงในของกลุ่มซ้ายทมิฬว่าแกนนำได้วางแผนให้คนข่ายงานเดือนตุลาที่จัดตั้งไว้ในบางจังหวัด โดยเฉพาะจากเขตอีสานใต้ ไปวางแผนก่อเหตุร้ายทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด โดยจะไม่ทำในพื้นที่ตนเองแต่จะไปทำในพื้นที่อื่นเพื่อไม่ให้คนสงสัย คนพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอาจารย์ใจ อึ๊งภากรณ์ หรือสมาพันธ์ประชาธิปไตย หากข่าวข้างต้นเป็นจริง กลุ่มซ้ายทมิฬและผู้สูญเสียอำนาจควรหยุดได้แล้วเพราะบัดนี้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว

มีข่าวอีกด้วยว่าแกนนำกลุ่มซ้ายทมิฬที่ต่อต้านระบบกษัตริย์ยังวางแผนให้ตัวเองถูกจับเพื่อสร้างความเป็น “วีรบุรุษ” ให้กับตัวเองเมื่อได้รับอิสรภาพ บางคนเมื่อคณะปฏิรูปฯ ปล่อยตัวออกมาแล้วยังมาลอยหน้าลอยตาพูดหลอกประชาชนว่าตนเองรักษาประชาธิปไตยไว้จนนาทีสุดท้าย

ทั้งที่หลักการประชาธิปไตยที่ว่าด้วยระบบการถ่วงดุลและตรวจสอบถูกแทรกแซงและทำลายจนทำงานไม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับเสรีภาพในการแสดงความคิด โดยเฉพาะสื่อมวลชนถูกคุกคามอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน การมีส่วนร่วมของประชาชนถูกเพิกเฉยแม้แต่การเลือกตั้งที่ถูกนำมาโฆษณาว่าคือ ประชาธิปไตยยังเป็นการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ที่เรียกว่า ฟรี และ แฟร์ แต่เต็มไปด้วยการขายสิทธิซื้อเสียง

ประชาธิปไตยเมืองไทยในรอบหลายปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะมองจากมุมมองรัฐศาสตร์หรือสังคมศาสตร์ ไม่ได้เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยจากมุมมองด้านสังคม ที่ว่า ประชาธิปไตย คือ สัจจะ และศีลธรรม การเคารพศักดิ์ศรีของความเป็นคนของคนทุกคนอย่างเท่าเทียมกันก็ไม่มี แม้แต่กระพี้ที่พยายามเอาออกมาหลอกประชาชนยังไม่มีคราบของประชาธิปไตย

เป็นความใจดำและใจร้ายของคนบางคนที่เอาคำว่า “ประชาธิปไตย” มาหลอกชาวบ้าน โดยเฉพาะชาวบ้านระดับรากหญ้าหรือรากแก้วที่ไม่มีความรู้พื้นฐานในเรื่องประชาธิปไตย เรียกว่าหลอกชาวบ้านจนถึงนาทีสุดท้าย โดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม

การเข้าพบนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ ของเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยเพียงหนึ่งวันหลังเข้ารับตำแหน่ง แม้ท่านทูตจะอ้างว่าต้องรีบมาขอพบก่อนเนื่องจากมีกำหนดการต้องเดินทางกลับสหรัฐเพื่อรายงานสถานการณ์ในเมืองไทย มีความหมายในเชิงการทูตไม่มากก็น้อยซึ่งถูกตีความว่า สหรัฐประกาศ “รับรอง” ในทางปฏิบัติต่อความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ. สุรยุทธ์ไปเรียบร้อยแล้ว

เป็นที่ทราบกันดีว่าท่านทูตคนนี้ซึ่งมาปฏิบัติการในไทยหลายรอบเป็นคนที่รู้ภาษาไทยอย่างดีเยี่ยมทั้งพูดและเขียน มีเพื่อนฝูงเป็นคนไทยมากมาย ท่านทูตอเมริกันรู้เรื่องการปฏิวัติในไทยล่วงหน้าทุกครั้งรวมทั้งครั้งนี้ด้วย ท่านรู้จักกับ พล.อ.สุรยุทธ์ ดี เพราะเคยร่วมงานกันอย่างใกล้ชิดมาก่อน ถ้าย้อนหลังไปก่อนหน้านี้มีข่าวว่าสถานทูตสหรัฐที่กรุงเทพฯ แจ้งท่าทีและจุดยืนของตนอย่างชัดเจนให้กับรัฐบาลชุดเก่าว่าหากรัฐบาลมีปัญหากับ ราชสำนัก สหรัฐจำเป็นที่ต้องยืนเคียงข้างราชสำนัก

เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า หลังจากที่ท่านทูตได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี ท่าทีของวอชิงตันอ่อนลงโดยกล่าวชมที่คณะปฏิรูปฯ ได้ถอยออกมา และมอบอำนาจให้รัฐบาลพลเรือนต่อไปเพียงแต่เรียกร้องให้รัฐบาลไทยหาทางให้เกิดการเลือกตั้งโดยเร็ว

เพราะฉะนั้น กลุ่มผู้สูญเสียอำนาจที่ยังหวังว่าสหรัฐจะยังคงสนับสนุนตนอยู่ควรเลิกคิดได้แล้ว แต่ควรหันไปแก้ไขปัญหาของพรรคตัวเองดีกว่า เพราะขณะนี้มีสภาพเหมือนกับเรือไททานิคที่ชนภูเขาน้ำแข็งและกำลังจะจม คนบนเรือแย่งกันลงเรือชูชีพ บ้างก็กระโดดน้ำหนีตายกันอุตลุด บางคนก็ไม่รู้จะไปไหนเพราะวนไปวนมาจนครบทุกพรรคแล้ว

การบริหารงานของ พล.อ.สุรยุทธ์ นายกรัฐมนตรี คนที่ 24 ในหนึ่งปีข้างหน้า นับว่าเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญเพราะต้องทำหลายอย่างพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร การแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการปราบปรามการคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นความสำคัญเร่งด่วนลำดับต้นๆ ส่วนเรื่องเศรษฐกิจนั้นจะไปของมันเรื่อยๆ การที่รัฐบาลชุดนี้ประกาศการพัฒนาเศรษฐกิจตามปรัชญาเศรษฐกิจทุนนิยมพอเพียงและเน้นการกระจายความสุขเป็นดัชนีชี้วัดถือว่าเป็นการปฏิวัติทางเศรษฐกิจของไทย เท่ากับเป็นการปฏิเสธเศรษฐกิจทุนนิยมสุดขั้วของรัฐบาลที่แล้วที่เน้นแต่ จีดีพี อย่างเดียว

หนึ่งปีข้างหน้าเป็นช่วงเวลาที่คนไทยทุกคนต้องร่วมมือกันประคับประคองประเทศชาติที่ได้รับความบอบช้ำมามากแล้วให้สามารถฟื้นฟูประเทศให้ฟื้นจากความบอบช้ำและกลับคืนสู่สภาพปกติโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมของความสามัคคีของคนในชาติ

เมื่อเราดูธงชาติไทยที่มีสามสี คือ สีแดง สีขาว และสีน้ำเงิน เราคิดถึงอะไรบ้าง สีน้ำเงินซึ่งกว้างที่สุดและอยู่ตรงกลางเป็นผู้ประสานสีแดงและสีขาว คือ ชาติและศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นผู้ประสานระหว่างราชอาณาจักรกับศาสนจักร ซึ่งในยุโรปมักต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันเสมอมา แต่ในเมืองไทยนั้นพระมหากษัตริย์เป็นผู้ประสานให้ราชอาณาจักรและศาสนจักรอยู่ร่วมกันด้วยดี ทำให้ชาติบ้านเมืองเกิดความสงบสุขเรียบร้อยตลอดมา

ถ้าเรายังเป็นคนไทยทั้งกายและใจ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสูญเสียอำนาจหรือได้อำนาจ ขอให้มาร่วมมือกันฟื้นฟูประเทศชาติจากความบอบช้ำที่หลายฝ่ายมีส่วนทำให้เกิดขึ้น เราต้องไม่ซ้ำเติมประเทศชาติให้เลวร้ายไปกว่านี้ (อาทิตย์ 8 ตุลาคม 2549) 


หัวข้อ: Re: อ่านกันเล่น ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: p ที่ 06-11-2006, 07:56

อ่านจริงแล้วครับ
ขอบคุณมากครับ

 :)


หัวข้อ: Re: อ่านกันเล่น ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: engg ที่ 08-11-2006, 15:45
:cry: :cry: :cry: :cry: :cry: :cry: :cry: :cry: :cry: