ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: คำตัดพ้อของใบไม้ ที่ 23-10-2006, 12:39



หัวข้อ: ตามรอยพิณทองทา...อ่านไปก็นึกเห็นใจเหมือนกันนะ...
เริ่มหัวข้อโดย: คำตัดพ้อของใบไม้ ที่ 23-10-2006, 12:39


... เป็นคนไทยแท้ๆ ...แต่ทำไมต้องมาใช้ชีวิตอย่างนี้
     คิดไปก็น่าเห็นใจเหมือนกันนะ

.............................................................................

ตามรอย'พิณทองทา'
ใช้รถมินิ LJ05 UKM
ที่พักหรูชื่อคนรัสเซีย
ค่าน้ำ/ไฟ-ชื่อ'สาวใช้'

29 September 2006 18:05
จำนวนผู้อ่าน 9453 คน
แกะรอยที่พัก “น้องเอม” ใช้ชื่อ “คนรัสเซีย” ผู้มั่งคั่งร่ำรวยจากธุรกิจที่เปิดเผยไม่ได้ เป็นเจ้าของ พร้อมจ้างสาวใช้คอยดูแล โดยใช้ชื่อ “จ่ายบิลค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่าโทรศัพท์” มี “รถมินิ” สีน้ำเงิน ทะเบียน LJ05 UKM คอยวิ่งใช้งานตอนไปเรียนหนังสือ ส่วน “ที่พักทักษิณ” ของ “อัล-ฟาเยด” เจ้าของแฮร์รอดส์ ก็เป็นสถานที่ซึ่ง “เจ้าหญิงไดอาน่า” เคยมาพำนักสมัยที่ยังมีชีวิตและคบกับ “โดดี่”
ผู้สื่อข่าวพิเศษ thaiinsider.com รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า บ้านพักของน.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นอาคารหรูในนามของหมู่บ้าน “เคนซิงตัน กรีน” ใกล้กับรพ.ครอมเวลส์นั้น มีลักษณะเป็นอาคารชุดแบบเพนท์เฮาส์ที่มีรั้วรอบชิด อยู่เลขที่ AKA No.50 Maple Lodge, Kensington Green, W8 โดยเจ้าของชื่อเพนท์เฮาส์ดังกล่าวคือ นาย Oleg Yevdokimenko และ นางVitoria Yevdokimenko 2 สามีภรรยา ที่ซื้อเพนท์เฮาส์นี้ไว้เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2004 (พ.ศ.2547)

สำหรับนาย Oleg Yevdokimenko นี้ เป็นชาวรัสเซียที่มั่งคั่งร่ำรวยจากการทำธุรกิจหลายอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยได้ แต่มีอีกธุรกิจหนึ่งที่ทำอยู่ในไซปรัสคือ ธุรกิจเศษเหล็ก ขณะที่ภรรยาของเขาเป็นนักร้อง-นักดนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับน.ส.พิณทองทานั้น มีการจ้างสาวใช้ (maid) ไว้คนหนึ่งเพื่อคอยดูแลและใช้ชื่อสาวใช้คนนี้ในการติดต่อขอใช้สาธารณูปโภคทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ โดยน.ส.พิณทองทาได้ซื้อรถ Mini สีน้ำเงินไว้ใช้ 1 คัน ทะเบียน LJ05 UKM

 
http://www.thaiinsider.com/ShowNewsPost.php?Link=News/Political/2006-09-29/18-05.htm



หัวข้อ: Re: ตามรอยพิณทองทา...อ่านไปก็นึกเห็นใจเหมือนกันนะ...
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 23-10-2006, 14:57
นึกว่าเรื่องนี้ซะอีก :slime_hmm:

พิณทองทา ชินวัตร ความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

สิ่งที่น่าคลางแคลงใจเกี่ยวกับการศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาของพิณทองทา ชินวัตร ดูเหมือนจะถูกละเลยไม่กล่าวถึงคล้ายกับเป็นสิ่งต้องห้าม ที่ทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยตลอดจนบุคคลที่เกี่ยวข้องต่างยินยอมพร้อมใจไร้ท่าทีหรือแม่แต่การแสดงความคิดเห็นใดๆต่อสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันในการสอบ EntRance 1999 (พ.ศ. 2542) มีเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนสตรีเอกชนชื่อดัง ซึ่งมีสถานีรถไฟฟ้าชิดลมตั้งอยู่ด้านหน้าได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในฐานะนิสิตชั้นปีที่ 1 สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร (ภาคพิเศษ) คณะอุตสาหกรรมเกษตร รหัสนิสิต 42150888*
ประเด็นที่น่าขบคิด คือ

1. นิสิตใหม่ผู้นี้จบการศึกษาจากการสอบเทียบ (หรือการศึกษานอกโรงเรียน: ซึ่งเปิดให้นักเรียนในระบบสามารถสอบเทียบได้เป็นปีสุดท้ายโดยหลังจากปี 2542 แล้วได้ตัดสิทธินักเรียนที่เรียนในระบบมิให้ใช้สิทธิสอบเทียบอีก) ขณะที่การศึกษาในโรงเรียนเธอนั้นเธอร่ำเรียนมาในสาย ศิลป์-คำนวณ หลักเกณฑ์ของคณะในการรับนิสิตนั้นทางคณะฯรับนิสิตโดยตรงซึ่งทำการสอบข้อเขียนที่จัดขึ้นเป็นการเฉพาะและกำหนดคุณสมบัติของนิสิตว่าต้องเป็นนักเรียนสาขาวิทย์-คณิตเหตุใดเธอจึงเข้าเรียนในสาขาสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร
(ภาคพิเศษ) คณะอุตสาหกรรมเกษตร?ข้อโต้แย้ง เป็นไปได้ว่าเธอผู้นี้สอบเทียบในสาขาวิทยาศาสตร์มาก็อาจเป็นได้

2. เธอเข้ามาศึกษาในคณะฯเป็นเวลา 1 ปีเศษโดยมีเกรดเฉลี่ยสะสมในภาคเรียนที่ 1 และภาคเรียนที่ 2 เป็น 1.50 และ1.58 ตามลำดับ (ต้องการข้อมูลยืนยันโปรดติดต่อสำนักทะเบียนและประมวลผล มก. :รับประกันได้ว่าเขาไม่มีทางให้คุณดูแน่นอน!) แต่สิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุด คือชื่อของเธอผู้นี้ปรากฏอยู่ในรายชื่อของนิสิตใหม่ คณะสังคมศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสสศาสตร์ สาขาบริหารรัฐกิจ ในปีการศึกษา 2543 ภาคเรียนที่ 1 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรหัสนิสิตใหม่อย่างเสร็จสรรพ คือ 4208281* เงื่อนไขในการเข้าศึกษาคณะสังคมศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์ฯ สาขาบริหารรัฐกิจ ตามที่ระบุในหนังสือคู่มือการเลือกคณะแสดงคะแนนรวมต่ำสุดไว้ที่ 57.60% โดยมีรายวิชาที่ต้องสอบ คือ 01 02 03 08 และ 09 (นิสิตปัจจุบันอาจจะไม่เข้าใจกล่าวคือ เป็นรหัสวิชาภาษาไทย สังคมศึกษา อังกฤษ วิทยาศาสตร์กายภาพและชีวภาพและคณิตศาสตร์ตามลำดับ)ถือว่าเป็นคณะและภาควิชาที่มีการแข่งขันสูงคณะหนึ่งและคะแนนก็อยู่ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานมาโดยตลอด คำถามก็คือ
2.1 เธอผู้นี้มีคุณสมบัติใด จึงสามารถย้ายคณะได้ทั้งๆที่เธอเข้ามาในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยการสอบตรงของคณะอก.และเป็นภาคพิเศษ ในปี 2542 (แน่นอนว่าเธอไม่มีคะแนนสอบEnt ในปี 2000 ด้วย)
2.2 การย้ายคณะของเธอกระทำได้อย่างไรถูกตามหลักเกณฑ์มหาวิทยาลัยว่าด้วยการย้ายคณะหรือไม่?
และเหตุใดจึงต้องเปลี่ยนรหัสนิสิตใหม่? (การย้ายคณะไม่ใช่เรื่องแปลกที่พบเห็นบ่อยครั้ง คือ กรณีการย้ายคณะของนิสิตสายวิทย์ เช่น วิทยา มาวิศวะ หรือนิสิตคณะเกษตรฯ ย้ายเข้าคณะอก. : แต่การย้ายทุกครั้งไม่มีการเปลี่ยนแปลงรหัสนิสิตของนิสิตผู้ย้ายคณะแต่อย่างใดเพราะจะมีปัญหาตามมาภายหลังจากทะเบียนนิสิตซ้ำซ้อน การคิดเกรดการตรวจสอบการจ่ายค่าการศึกษา การทำเรื่องขอจบและการอนุมัติการจบการศึกษา)

เพื่อมิให้เป็นการเสียเวลาท่านผู้อ่านผู้เจริญด้วยปัญญาขออนุญาตนำไปพบกับหลักเกณฑ์การย้ายคณะที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ระบุไว้คือ ข้อบังคับว่าด้วยการศึกษาขั้นปริญญาตรี พุทธศักราช 2521
(ฉบับแก้ไขปรับปรุง) ข้อ 15.1.2 ระบุว่า นิสิตที่เข้าเรียนในคณะเดิมแต่มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมในปีการศึกษาแรกต่ำกว่า 2.00 “ไม่มีสิทธิย้ายคณะ” แต่ผลการเรียนเฉลี่ยของเด็กสาวคนนั้นเพียง 1.50
และ 1.80 เธอย้ายคณะได้อย่างไร?

กลับมาพิจารณาตามเส้นทางการศึกษาอันน่าพิศวงของเธอกันต่อในความแตกต่างระหว่างภาคพิเศษและภาคปกติ ที่ชัดเจน คือการคัดเลือกนิสิต จากการสอบโดยตรงและมีข้อสอบเฉพาะความยากง่ายอาจจะไม่ห่างกันเท่าใดนัก แต่เน้นความรู้ความเข้าใจในสขาเฉพาะที่คณะหรือภาควิชานั้นต้องการมากกว่าและภาคพิเศษเป็นโครงการที่เลี้ยงตนเองไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยจำนวนมากเช่นภาคปกติแน่นอนว่าค่าเล่าเรียนของนิสิตในภาคพิเศษย่อมมีราคาสูงคำถามที่ชวนขบคิด คือ เกษตรฯมีโครงการภาคพิเศษ(เฉพาะปริญญาตรี)หลายคณะ เช่น วิศวะ อก. บริหาร เศรษฐ์ วิทย์ เป็นต้นถ้ามหาวิทยาลัยอนุญาตให้นิสิตปีหนึ่งเมื่อจบการศึกษาผ่านไป 1 ปี สามารถย้ายคณะจากภาคพิเศษไปภาคปกติในอีกคณะหรือแม้แต่ภายในคณะเดียวกันได้ อยากถามว่า ในอนาคตหากมีนักเรียนที่ต้องการเข้าเรียนในสาขาวิชาหนึ่ง แต่ไม่อยากสอบ entจึงสมัครเข้าเรียนในโครงการภาคพิเศษคณะใดคณะหนึ่งก่อนจะทำเรื่องขอย้ายเข้าเรียนในคณะที่ตนหมายตาไว้ตั้งแต่ต้นแม้อาจจะเสียเวลาไป 1 ปี (คล้ายกับเส้นทางเดินของการยักย้ายถ่ายเทหุ้นเลยเนอะ) ซึ่งหมายความว่าเด็กนักเรียนหรือนิสิตใหม่นั้น สามารถทำได้เพราะมีกรณีนิสิตสาวผู้นี้เป็นบรรทัดฐานใช่หรือไม่? สิ่งที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยเฉพาะผู้บริหารมหาวิทยาลัย คณบดีของคณะที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ ในช่วงขณะที่นิสิตผู้นั้นเข้าศึกษา ต้องตอบกับสังคม คือ ปล่อยให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในรั้วสถาบันอุดมศึกษาได้อย่างไร? มาตรฐานของมหาวิทยาลัยอยู่ที่ไหน? การกระทำเช่นนี้ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไม่ต่างอะไรกับการสนับสนุนและส่งเสริมในการกระทำทุจริตทางการศึกษา

เป็นไปได้หรือ? ที่ผู้ปกครองของเด็กสาวจะไม่รู้เรื่องการเรียนการศึกษาของลูก
เป็นไปได้หรือ? ปฏิเสธ ความไม่รู้ย่อมไม่ได้ เพราะนิสิตสาวผู้นี้ขณะที่กระทำอำพรางทางการศึกษาเช่นนี้เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะและเธอก็อาศัยอยู่กับครอบครัวโดยตลอด
เป็นไปได้หรือ?ที่คณะที่เกี่ยวข้องจะอนุโลมให้เด็กสาวผู้นี้เป็นกรณีพิเศษ
เป็นไปได้หรือ? ที่เธอย้ายคณะได้โดยสะดวก


หัวข้อ: Re: ตามรอยพิณทองทา...อ่านไปก็นึกเห็นใจเหมือนกันนะ...
เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 23-10-2006, 16:59
อยู่คอนโดหรูในลอนดอน ขับ mini coup(e) มีสาวใช้คอยทำทุกอย่างให้
อ่านแล้วเห็นใจมากๆ เลย ขอให้ผมไปตกระกำลำบากแทนน้องเขาเถอะครับ  :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: ตามรอยพิณทองทา...อ่านไปก็นึกเห็นใจเหมือนกันนะ...
เริ่มหัวข้อโดย: ไทมุง ที่ 23-10-2006, 17:34
อยู่คอนโดหรูในลอนดอน ขับ mini coup(e) มีสาวใช้คอยทำทุกอย่างให้
อ่านแล้วเห็นใจมากๆ เลย ขอให้ผมไปตกระกำลำบากแทนน้องเขาเถอะครับ  :slime_sentimental:

บ้า !


หัวข้อ: Re: ตามรอยพิณทองทา...อ่านไปก็นึกเห็นใจเหมือนกันนะ...
เริ่มหัวข้อโดย: stromman ที่ 14-11-2006, 08:13
เข้ามาดู ไม่อิจฉาหรอก ถึงมันมีมินิใช้ แต่ใจมันว้าวุ่น ต้องไปหาเหล้ากินทุกวันก็ไม่หายทุกข์ เพื่อนก็ไม่คบต้องเอากัญชามาขายถึงจะมีคนมาหา เฮ้อมีเงินมากแล้วไง ซื้อความสุขใจไม่ได้