ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: snowflake ที่ 11-10-2006, 14:46



หัวข้อ: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 11-10-2006, 14:46
มองมุมใหม่: ถามหาความกล้าหาญของ นักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย

ชำนาญ จันทร์เรือง

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์: เมื่อช่วงระยะเวลาที่ผ่านพ้นการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับการ
รัฐประหารที่มาพร้อมกับการประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรมาถึง หลายๆ คน
เริ่มรู้สึกถึงความอึดอัดของการ ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพที่พึงมี ไม่ว่าจะเป็นสิทธิเสรีภาพ
ในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารหรือสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมทางการเมือง หลายๆ คน
หงุดหงิดกับการที่ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นในรายการวิทยุ โทรทัศน์ หรือเวบไซต์
ที่ตนเองชื่นชอบเพราะต้องถูกปิดลงเพราะเหตุแห่งความ "บ้าจี้" ของคนบางคน

หลายๆ คนถามหาความถูกต้องความชอบธรรมว่า การใช้กำลังเข้าล้มล้างรัฐบาลซึ่ง
เป็นวิธีการที่ผิดกฎหมายและฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง แล้วออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่
ตนเองว่าถูกต้องด้วย หลักนิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์หรือไม่อย่างไร

นักวิชาการบางคนออกมาบอกว่า คณะรัฐประหารที่ใช้กำลังเข้าล้มล้างรัฐบาลได้สำเร็จ
ย่อมเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งหมายถึงผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐหรือองค์อธิปัตย์ (sovereign)
เพราะเป็นผู้ที่ใช้กำลังเข้ายึดครองอำนาจอธิปไตยได้สำเร็จ

ทั้งๆ ที่ มุมมองทางด้านรัฐศาสตร์ นั้น นักรัฐศาสตร์ทั้งหลายต่างก็ยอมรับใน ลัทธิ
ประชาธิปไตย (popular sovereign) ที่ถือว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนหรือ
ในอีกชื่อหนึ่งก็คือทฤษฎีสัญญาประชาคม (social contract theory) ที่มีรากฐาน
มาจากความคิดที่ว่ามนุษย์เป็นผู้สร้างรัฐ โดยที่ประชาชนตกลงยินยอมให้ผู้ปกครอง
ใช้อำนาจอธิปไตยแทนตนตามเจตจำนงของประชาชน หากผู้ปกครองละเมิดเจตจำนง
ของประชาชน ประชาชนมีสิทธิถอดผู้ปกครองได้ตามวิถีทางประชาธิปไตย มิใช่การ
แย่งชิงอำนาจอธิปไตยไปจากประชาชนโดยการใช้กำลังเข้ายึดอำนาจแล้วออก
กฎหมายมาบังคับเอากับประชาชน

ในเรื่องของความชอบธรรมของคณะรัฐประหารนั้น แม้แต่องค์กรที่ใช้อำนาจตุลาการเอง
ก็ตาม ในอดีตเมื่อมีการนำคดีเข้าสู่ศาล ก็ได้มีแนวบรรทัดฐานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 ว่า
เมื่อคณะรัฐประหารยึดอำนาจได้สำเร็จ ย่อมเป็นผู้ปกครองบ้านเมือง หรือแม้กระทั่ง
องค์กรฝ่ายนิติบัญญัติเองก็ตาม ก็ยอมรับว่าประกาศหรือคำสั่งของคณะรัฐประหารเป็น
กฎหมาย เมื่อจะยกเลิกก็ต้อง ออกกฎหมายใหม่มายกเลิก สุดแล้วแต่ว่าประกาศหรือ
คำสั่งที่ออกมานั้นเป็นกฎหมายอยู่ใน ลำดับศักดิ์ใดก็ออกกฎหมายในลำดับศักดิ์ที่
เท่ากันหรือสูงกว่ามายกเลิกประกาศหรือคำสั่งนั้น

ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นแนวคิดและความเชื่อของบรรดาเหล่านักนิติศาสตร์และนัก
รัฐศาสตร์ไทยมาโดยตลอดว่า หากยึดอำนาจได้สำเร็จก็เป็นรัฏฐาธิปัตย์ไม่ต้องรับ
โทษทัณฑ์ใดๆ จึงเป็นเหตุให้เรามีการก่อการรัฐประหารทั้งที่ประสบความสำเร็จและ
ล้มเหลวหลายสิบครั้งซึ่งมากที่สุดในโลกนับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
เป็นต้นมา

ทั้งๆ ที่ชื่อของประเทศไทยแปลว่า ประเทศแห่งความเป็นอิสระและเสรี  แม้แต่พม่า
เขมร ลาว เวียดนาม อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ชิลี อาร์เจนตินา โคลัมเบีย ปารากวัย
ซูดาน ซิมบับเว เซราลีโอนส์ รวันดา คองโก ลิเบีย อิรัก อาฟกานิสถาน ปากีสถาน
สุเรมบัน เนปาล ฯลฯ ที่ล้วนเคยแต่ตกเป็นเมืองขึ้นของนักล่าอาณานิคมทั้งหลาย
แต่ประเทศเหล่านั้นก็ยังมีการรัฐประหารน้อยครั้งกว่าประเทศไทย  

กลับมาทางมุมมองด้าน นิติศาสตร์หรือกฎหมาย แน่นอนว่า การก่อการรัฐประหารนั้น
เป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย โดยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113  ก็ระบุ
ไว้ชัดว่าผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ (1) ล้มล้าง
หรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ (2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจ
ตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ (3) แบ่งแยกราช-
อาณาจักร หรือยึดอำนาจปกครอง ในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำ
ความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิตและมี
อายุความที่จะนำเอาตัวผู้กระทำความผิดตามมาตรานี้มาฟ้องร้องดำเนินคดีถึงยี่สิบปี  

แม้ว่าการก่อการรัฐประหารของไทยที่ผ่านมาทุกครั้ง จะถือว่ารัฐธรรมนูญถูกยกเลิก
ตามความเห็นของนักวิชาการทั้งนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ก็ตาม แต่เราลืมไปว่าประมวล
กฎหมายอาญามิได้ถูกยกเลิก
ไปแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวก็ย่อมถือว่ามีความผิด
อยู่นั่นเอง ถึงแม้ว่าจะมีการออกกฎหมายมา นิรโทษกรรมก็ตาม ซึ่งก็หมายความว่า
เป็นความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ ไม่ได้หมายความว่าการกระทำเช่นนั้นไม่เป็นความผิด
แต่อย่างใด

ประเด็นสำคัญที่จะต้องพิจารณาก็คือว่าการออกกฎหมายมานิรโทษกรรมให้แก่ตนเอง
ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง จะถูกต้องหรือไม่ ซึ่งก็ต้องอาศัยความกล้าหาญของนัก
วิชาการทั้งทางด้านนิติศาสตร์และด้านรัฐศาสตร์ทั้งหลายที่จะเป็นผู้ให้ความเห็นหักล้าง
แนวบรรทัดฐานเดิมที่มีมาในอดีต  ซึ่งก็หมายความรวมไปถึงผู้ที่จะมีหน้าที่วินิจฉัยเมื่อ
มีการนำคดีขึ้นสู่ศาลไม่ว่าจะเป็นศาลยุติธรรมหรือศาลอื่นใดก็ตามหากจะมีผู้ฟ้องร้องเป็น
คดีความขึ้นมา

จริงอยู่ ความเชื่อที่ว่าคณะรัฐประหารคือรัฏฐาธิปัตย์ ประกาศหรือคำสั่งของคณะรัฐ-
ประหาร คือกฎหมายต้องปฏิบัติตามนั้นมีมาช้านาน แต่ก็มิได้หมายความว่า เราจะ
เปลี่ยนแปลงความเชื่อหรือแนวคิดนี้ไม่ได้ แม้แต่ความเชื่อที่เป็นวิทยาศาสตร์แท้ๆ
ยังมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอด อาทิเช่น การไม่จัดให้ดาวพลูโตเป็นดาวเคราะห์ใน
ระบบสุริยจักรวาลอีกต่อไป โดยวิธีการเพียงเพราะการยกมือของนักวิทยาศาสตร์
ส่วนใหญ่ในที่ประชุม

แล้วนับประสาอะไรกับความเชื่อทางนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์ด้าน
สังคม(social science) ที่อ่อนไหวและยืดหยุ่นกว่าวิทยาศาสตร์แท้ๆ (pure science)
จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

หากเราเปลี่ยนแนวคิดเสียใหม่ว่า การทำรัฐประหารไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ตาม
เป็นการกระทำผิดกฎหมายที่ต้องได้รับโทษเสมอ ประกาศหรือคำสั่งของคณะรัฐประหาร
ไม่ถือว่าเป็นกฎหมาย และกฎหมายนิรโทษกรรมที่ออกให้เพื่อตนเองย่อมไม่มีผลบังคับ
ใช้แล้วไซร้ ประเด็นของการถกเถียงว่าเราจะทำอย่างไรที่จะป้องกันมิให้มีการรัฐประหาร
เกิดขึ้นอีกก็คงจะลดลงไป  อย่างน้อยก็ประเด็นความชอบด้วยกฎหมายทางด้านนิติศาสตร์
และประเด็นความชอบธรรมของสัญญาประชาคมหรือลัทธิประชาธิปไตยทางด้านรัฐศาสตร์
นั่นเอง

ถึงเวลาแล้วที่นักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ทั้งหลายจะต้องมีความกล้าหาญ ที่จะ
เปลี่ยนแปลงแนวคิดหรือความเชื่อที่เคยมีมาในอดีตแล้วสร้างบรรทัดฐานใหม่เสียให้
ถูกต้อง โดยการไม่ยอมรับการรัฐประหารว่าเป็นการกระทำที่ชอบด้วยหลักนิติศาสตร์
หรือรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะด้วยการอ้างเหตุผลใดใดเพื่อการทำรัฐประหารก็ตาม

หากเราสามารถทำได้เช่นนี้แล้ว ผู้ที่จะคิดทำรัฐประหารในคราวต่อไปจะได้คิดหน้า
คิดหลังให้รอบคอบ จะได้ไม่ทำให้พัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยไทยที่สั่งสม
มาเกือบร้อยปีต้องพังทลายลงครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้นดังเช่นที่ผ่านๆ
มาเสียที

http://www.bangkokbiznews.com/2006/10/11/w017_144179_report.php

ผู้เขียนได้เสนอหนทางหนึ่งของการป้องกันมิให้เกิดรัฐประหาร
มาซ้ำรอยเป็นวงจรอุบาทว์ในประเทศไทยได้อีกต่อไป
คนที่ชอบรัฐประหารคงไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 11-10-2006, 14:52
ทีแรกไม่แน่ใจว่าบทความนี้จะ post ได้หรือไม่
ยังคงไม่อยากไปส่งข้าวผัดโอเลี้ยง (Starbucks ก็ได้ไม่เกี่ยง  :D) ให้ webmaster
(Feeling guilty is pricey! เวลาคนเรารู้สึกผิด มักยอมทุ่มทุนเพื่อชดใช้ เช่น
สามีที่ซื้อของแพงให้ภรรยาเวลานอกใจเธอ)

แต่คิดใหม่ได้ว่าเวบ กรุงเทพธุรกิจ ลงได้ไม่ถูกปิด
เวบเสรีไทยก็ไม่ควรมีผิดด้วยเช่นกัน
นอกจากว่าจะมีสองมาตรฐาน double standard กัน ... ก็จะได้รู้ไว้

ยังคงเหลือแต่ความปลอดภัยของตัวเอง
ที่มีผู้หวังดี ขู่ เอ๊ย เตือน ด้วยความห่วงใยว่า อาจโดนรุมตื้บได้
เพราะอันธพาลที่เวบบอร์ดนี้เยอะ
ใครทำอะไรขัดหูขัดตาเป็นต้องด่า ... คงนึกว่าเท่
คนที่ไม่รู้จักเคารพสิทธิเสรีภาพของผุ้อื่น
ก็ไม่น่าแปลกใจที่นิยมการใช้กำลังมากกว่าประชาธิปไตย

ที่ตั้งกระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนากวน...ใคร
ถือว่าทดสอบระบอบการปกครองของที่เวบนี้ และที่นี่ประเทศไทย
เป็นวัตถุประสงค์รอง

ส่วนวัตถุประสงค์หลักยังคงเป็นเพื่อเผยแพร่มุมมองอื่น
ที่คนส่วนใหญ่ที่นี่อาจไม่ชอบใจ
รับฟังหรือไม่ ... สุดแต่ใจคุณ

 :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 11-10-2006, 14:57
ตีตนไปก่อนไข้

รีบดักคอ ไปทำไมหละครับ

:slime_hmm:


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 11-10-2006, 15:07
ช่วงนี้ลบกันไวโคตร กระทบทหารนิดหน่อยเป็นลบ ไม่รู้ว่าขี้มันขึ้นไปตันสมองหมดหรือยัง
คนทำปฏิวัติเค้าไม่มาคิดกฎหมายหยุมหยิมให้เมื่อยตุ้มหรอก บ่นไปก็เท่านั้น เค้ากลัวโดน
สอยกลับแค่นั้นเอง ถ้าไม่มีทหาร หน่วยงานอื่นที่มีอาวุธมันก็ยังยึดอำนาจได้อยู่ดี แต่ถ้าใช้
อาวุธเบามันก็ยังพอสู้กันไหว แต่พวกเสียภาษีให้มันไปซื้ออาวุธหนักมายึดอำนาจนี่มันน่าเจ็บ
ใจจริงๆ สู้เอาเงินไปแจกคนจนยังดีกว่า เสนอว่าต่อไปให้ทหารมีแค่ปืนแก๊ปกับหนังสติ๊กก็พอ
จะยึดอำนาจจะได้คิดหนักหน่อย


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 11-10-2006, 15:18
บทความนี้ทั้งไม่ประสา ทั้งปัญญาอ่อน....

สถาบันตุลาการ คือที่พึ่งสุดท้ายใช่หรือไม่..

อุทัย พิมพ์ใจชน เคยทำมาแล้ว...เป็นไงล่ะ ?
:slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 11-10-2006, 17:42
บทความนี้ทั้งไม่ประสา ทั้งปัญญาอ่อน....

สถาบันตุลาการ คือที่พึ่งสุดท้ายใช่หรือไม่..

อุทัย พิมพ์ใจชน เคยทำมาแล้ว...เป็นไงล่ะ ?
:slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ก็เขาเรียกร้องให้กล้าหาญไง อ่านไม่เข้าใจรึ?
ไม่ได้ใช้ปัญญา แต่ต้องการความกล้า ... ที่จะเปลี่ยนแปลง
ไม่เพียงแต่ศาลที่จะต้องตัดสินคดีอาญา เอาผิดผู้ทำลายรัฐธรรมนูญ
คนอื่นๆ ในสังคมก็ต้องช่วยกันสร้างแนวคิดที่ว่า
การทำรัฐประหารไม่ถูกต้องทั้งนั้น ไม่ว่าด้วยข้ออ้างใดๆ

แล้วคุณอุทัย ไปทำอะไรเข้า แล้วผลเป็นไง?
จะเล่าก็เล่าให้หมดสิ มีกั๊กไว้ทำไม?

 :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Neoconservative ที่ 11-10-2006, 17:59
บทความนี้ทั้งไม่ประสา ทั้งปัญญาอ่อน....

สถาบันตุลาการ คือที่พึ่งสุดท้ายใช่หรือไม่..

อุทัย พิมพ์ใจชน เคยทำมาแล้ว...เป็นไงล่ะ ?
:slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ใช่ตอนที่ถูก ปา ด้วย อะจารุจ(คำผวน) หรือไม่

...................................................................................................................

ผมเห็นด้วย กับ บทความนี้เต็มๆ แล้วก็หวังว่า รัฐบาล จัดตั้ง ชุดนี้จะคิดถึงเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน

สังคมไทย มี ส่วนพิเศษ คือ ไม่ว่าผู้นำจะมาจากไหน จะเป็นใคร สังคมไทย ปล่อยให้มีการล้มกระดาน

เพื่อป้องกัน การนองเลือด

 :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 11-10-2006, 18:08
ไม่ใช่ป้องกันการนองเลือด เป็นการถ่วงเวลาให้นองเลือดช้าลง แต่รุนแรงขึ้นต่างหาก


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 11-10-2006, 18:40


ผู้เขียนได้เสนอหนทางหนึ่งของการป้องกันมิให้เกิดรัฐประหาร
มาซ้ำรอยเป็นวงจรอุบาทว์ในประเทศไทยได้อีกต่อไป
คนที่ชอบรัฐประหารคงไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน

อ่านมาตั้งนาน ไม่เห็นจะมีตรงไหนที่เสนอวิธีการป้องกันรัฐประหาร มีแต่เพียงบอกว่า

"ถึงเวลาแล้วที่นักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ทั้งหลายจะต้องมีความกล้าหาญ ที่จะ
เปลี่ยนแปลงแนวคิดหรือความเชื่อที่เคยมีมาในอดีตแล้วสร้างบรรทัดฐานใหม่เสียให้
ถูกต้อง โดยการไม่ยอมรับการรัฐประหารว่าเป็นการกระทำที่ชอบด้วยหลักนิติศาสตร์
หรือรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะด้วยการอ้างเหตุผลใดใดเพื่อการทำรัฐประหารก็ตาม

หากเราสามารถทำได้เช่นนี้แล้ว ผู้ที่จะคิดทำรัฐประหารในคราวต่อไปจะได้คิดหน้า
คิดหลังให้รอบคอบ จะได้ไม่ทำให้พัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยไทยที่สั่งสม
มาเกือบร้อยปีต้องพังทลายลงครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้นดังเช่นที่ผ่านๆ
มาเสียที"


ก่อนอื่น ให้นักนิติศาสตร์ที่ผู้เขียนหมายถึง "กล้าหาญ" ที่จะต่อต้านการโกงกินประเทศ การ double standard เลือกปฏิบัติในการใช้กฎหมายของผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งให้ได้ก่อนเถอะ

คนที่เขียนนี้ก็บ้าตัวบทกฎหมาย บ้าระบบอีกแล้ว ก็ในเมื่อการทำรัฐประหารก็คือการฉีก หรือยกเว้นกฎหมายบางข้อ แล้วนักนิติศาสตร์ นักรัฐศาสตร์จะมาป้องกันการรัฐประหารได้ยังไง ก็ได้เขียนตำรา เขียนคอลัมน์ไปเรื่อยๆ ซึ่งก็มีแค่คนเพียงหยิบมือเดียวที่สนใจจะอ่าน แล้วมันจะไปป้องกันการรัฐประหารได้ยังไง

นอกจากนี้ผู้เขียนคอลัมน์นี้ก็ใช้วิธีการ "เหมารวม" ว่า การรัฐประหารทุกครั้งคือการยึดอำนาจไว้เป็นของตัวเอง จะได้หาทางกอบโกยหาผลประโยชน์ ทั้งๆที่การยึดอำนาจครั้งล่าสุดของ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า ไม่ได้เป็นไปเพื่อยึดอำนาจไว้ให้ตัวเอง และไม่ได้มีพฤติกรรมในทางเผด็จการ แถมกากเดนทักษิณ และพวกเที่ยงคืน ยังออกมาเย้วๆได้อีกต่างหาก

บทความนี้ ก็นำเสนอตรรกะบืออีกแล้วครับท่าน

วิธีการป้องกันรัฐประหารที่ดีที่สุด คือ ประชาชนจะต้องมีความรู้ คิดอ่านได้ด้วยตัวเอง โดยใช้เหตุผล ความเข้าใจ มีศักดิ์ศรี รักคุณธรรม มันจะได้รู้จักคิดว่า แล้วมันจะทำได้ยังไง

ในเมื่อนักการเมืองที่มันเข้าไปก็มีแต่หน้าเดิมๆ มันไม่มีทางยอมให้คนส่วนใหญ่ของประเทศคิดเป็น ถึงแม้จะศรีธนญชัยว่า จะมี 1 อำเภอ 1 โรงเรียน 1 ปริญญาบ้าบอ สถานการณ์สมัยนี้ก็ชี้ชัดอยู่แล้วว่า มีใบปริญญาและการศึกษาสูงๆก็ไม่ได้ทำให้คนคิดเป็น หรือยกระดับชีวิตตัวเอง ก็เห็นยังต้องไปทำงานทีต่ำกว่าวุฒิ ก็แปลว่าการศึกษาไม่ได้ช่วยอะไร ก็ขนาดคนเรียนอยู่ที่ฮาวายอี้ อย่างนายศิโรตม์ ยังหลุดโง่ออกมาว่า ประชาธิปไตยสำคัญกว่าการไล่ผู้นำสารเลว ก็ไม่ต้องพูดต่อแล้ว

แล้วจะทำไงเพื่อให้ประชาชนคิดอ่านเอง รักความเป็นธรรม รักศักดิ์ศรี ในเมื่อเลือกตั้งไปก็ไม่ได้ผล แถมผู้นำยังหน้าด้านสร้างความเสียหายต่อไป เดินขบวนแสดงความคิดเห็นตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญอนุญาตได้ ก็ไม่ได้ผล แถมถูก "คนรักระบบ" กล่าวหาว่า "รู้อยู่แล้วว่าจะนองเลือด ยังจะชุมนุมต่อไปทำไม" :?:

อยากทราบว่าผู้เขียนบทความ และคนที่เห็นด้วยกับบทความ ยังจำภาพทางช่อง 9 ภาพนี้ได้ไหมครับ :?: จำได้ไหมว่า "รักษาการณ์ผู้นำ ที่มาจากการเลือกตั้ง" กำลังจะทำอะไรภายในคืนนั้น :?: นี่ไม่ใช่ หนัง Hollywood นะครับ
(http://www.matichon.co.th/newsphoto/matichon/p0103200949p1.jpg)

ก็เหลือวิธีเดียวคือ รัฐประหาร


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 11-10-2006, 18:50
ทักษิณอยู่ คนกลุ่มหนึ่งชอบ อีกกลุ่มหนึ่งอึดอัด

ปฎิวัติ คนกลุ่มหนึ่งชอบ อีกกลุ่มหนึ่งอึดอัด

เลือกตั้งครั้งหน้า คนกลุ่มหนึ่งชอบ อีกกลุ่มหนึ่งอึดอัด

ตถตา

จะไปป้องกันปฎิวัติ  ปัตติโถ  การปฎิวัติเขาใช้กำลังใช้อาวุธ นั่งเขียนบทความให้มือหงิก ก็ป้องกันการปฎิวัติไม่ได้หรอกค่ะ  ต่อให้ควงดาบ รำทวน ออกมาเหยงๆ ก็ป้องกันไม่ได้

การปฎิวัติมันเป็นเรื่องธรรมชาติ เหมือนสิวนั่นแหละค่ะ วันดีคืนร้ายก็ปะทุขึ้นมาเป็นหัวช้าง เม็ดเบ้อเร่อ  หมั่นรกษาหน้าให้สะอาด หมั่นรักาการเมืองให้บริสุทธิ์ สิวก็หาย ปฎิวัติก็ไม่มี   :slime_v:


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 11-10-2006, 20:44
ที่จริงก็ไม่อยากให้เปลืองทรัพยากรบอร์ด
แต่คิดว่าคงต้อง quote ไปจนกว่า
จะเห็นกันทั่วๆ ว่า มีการหมกเม็ดหวงอำนาจไว้อย่างไร



ขั้นตอนที่ต่อจาก สมัชชาแห่งชาติ 2,000 คน เลือกได้
สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 200 คน
แล้วจาก 200 คน เลือกให้เหลือ 100 คน
ใครกันเป็นผู้ทรงสิทธิขาดในการเลือกนั้น?

ประชาชนหน้าไหนไม่ทราบคะ?

แบบนี้ไม่เรียกว่า “แอบแฝง/หมกเม็ด” แล้วเรียกอะไร?

       มาตรา 23 เมื่อได้รับบัญชีรายชื่อที่ได้รับการคัดเลือกจากสมัชชาแห่งชาติแล้ว
ให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติคัดเลือกบุคคลตามบัญชีรายชื่อดังกล่าวให้เหลือ
100 คน และนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นสมาชิก
สภาร่างรัฐธรรมนูญ
       ในกรณีที่สมัชชาแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่ไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา ตามมาตรา
22 วรรค 1 ให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติเลือกสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ จำนวน
100 คน เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
       ให้ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
แต่งตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
       ให้นำความในมาตรา 5 วรรค 4 มาใช้บังคับแก่การได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภา
ร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมาธิการ ตามมาตรา 25 ด้วยโดยอนุโลม



ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไปให้เสร็จสิ้นกระบวนการเลยดีกว่า
มาดูต่อว่า สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 100 คน ที่ว่า
เขามีหน้าที่ทำอะไร?

มีหน้าที่เลือกคนมาร่างรัฐธรรมนูญค่ะ
แต่เลือกได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น (คือ 25 ใน 35)
ไม่ทราบว่า 100 คน นี้ คมช. ก็เลือกมากับมือแล้ว
ยังไม่ไว้วางใจหรืออย่างไร
ว่าเขาจะเลือกคนที่ท่านพอใจมาทำหน้าที่ร่าง?
จึงต้องขอเลือกโดยตรงอีกส่วนหนึ่ง (คือ 10 ใน 35)
เพื่อความมั่นใจ?

สรุป คือ
คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน ประกอบด้วย
25 คน เลือกโดยสภาร่างฯ 100 คน ที่เลือกมาโดย คมช. (มาตรา 23)
+ 10 คน เลือกโดย ประธาน คมช.

       มาตรา 25 ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญแต่งตั้งคณะ
กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นหรือ
มิได้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่ได้รับการคัดเลือกตามมติของสภา จำนวน 25
คน และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นหรือมิได้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 10 คน
ตามคำแนะนำของประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ  ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และ
วิธีการที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา



เมื่อได้ร่างรัฐธรรมนูญแล้ว หากทำประชามติผ่านก็ดีไป
แต่หากไม่ผ่าน ทำอย่างไร? ให้เลือกจากฉบับเก่าๆ มาใช้
แล้วใครเป็นผู้เลือกหรือคะ? คมช. และ ครม. ค่ะ

เหตุใดไม่ถามไปตอนทำประชามติว่า
ถ้าไม่เอาฉบับใหม่แล้วเอาฉบับไหน?

หรือเกรงประชาชนจะฉลาดน้อยเกินไปตอบไม่ถูก?

ที่นี่ประเทศไทย คนฉลาดคือ ผู้มีอำนาจเท่านั้น

       มาตรา 32 ในกรณีที่สภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างรัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จภายใน
กำหนดเวลาตามมาตรา 29 วรรค 1 ก็ดี สภาร่างรัฐธรรมนูญไม่ให้ความเห็นชอบร่าง
รัฐธรรมนูญตามมาตรา 28 วรรค 2 ก็ดี หรือการออกเสียงประชามติตามมาตรา 31
ประชาชนโดยเสียงข้างมากของผู้มาออกเสียงประชามติไม่เห็นชอบให้ใช้ร่างรัฐธรรมนูญ
ฉบับใหม่ ก็ดี ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลง และให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติประชุม
ร่วมกับคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ได้เคยประกาศใช้
บังคับมาแล้วฉบับใดฉบับหนึ่งมาปรับปรุงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันออกเสียง
ประชามติไม่เห็นชอบ และนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย
ประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญต่อไป
       ในการประชุมร่วมกันตามวรรค 1 ให้ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ทำหน้าที่
ประธานในที่ประชุม การประกาศใช้รัฐธรรมนูญตามมาตรานี้ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนาม
รับสนองพระบรมราชโองการ



หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: et009 ที่ 11-10-2006, 20:48
คุณรู้จักพลวัตรทางสังคมไหม สังคมจะก้าวหน้าไปตามพลวัตรของมันเองครับ

คุณคิดว่าระบอบประชาธิปไตยมันดีที่สุดในกหารปกครองรึ แต่ละระบบมันมีข้อดีแล้วข้อเสียครับ การที่ทำรัฐประหารบางครั้งอาจจะไม่ได้ทำให้มันแย่ลงอาจทำให้มันดีขึ้นก็ได้

แล้วสาเหตุที่มันปฎิวัตตั้ง 10 กว่าครั้งเพราะอะไรละครับ ไม่ใช่เพราะพวกหัวก้าวหน้าในสมัยนั้นรวมหัวกันกดดันเพื่อให้เกิดประชาธิปไตยตนเองจะได้มีอำนาจรึไม่  
แต่สุดท้ายก็โดนทหารชุบมือเปิปไป

เราเป้ฯลูกหลานก็ต้องรับกรรมไป คนต้องการให้เกิดประชาธิปไตยอาจจะหวังดีต้องการให้เกิดความเท่าเทียมกัน แต่ไม่เคยมองว่าสังคมไทยยังไม่พร้อมที่จะรองรับระบบอะไรที่มันต้องใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์

ดังนั้นการปฎิวัตทุก ๆ ครั้งสาเหตุก็เกิดขึ้นเพราะประชาชนไทยไม่ได้มีสำนึกเข้าใจระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง  ทำให้ทหารสามารถสร้างข้ออ้างได้ทุกครั้งแล้วก็อย่างในครั้งนี้ประชาชนก็สนับสนุนบางส่วนเพราะอะไรลองตอบตัวเองก่อนไหมครับ ว่าจริง ๆ แล้วประชาธิปไตยของคุณคืออะไร


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 11-10-2006, 20:52
คุณ snowflake ยังไม่เคยอธิบายรูปภาพนี้เลยว่า คืออะไร? อะไรจะเกิดขึ้นหากการประกาศภาวะฉุกเฉิน มีผลสำเร็จ?

(http://www.matichon.co.th/newsphoto/matichon/p0103200949p1.jpg)

อย่าลักไก่ครับ


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 11-10-2006, 21:20
อนาถใจกับพวกหัวสี่เหลี่ยมที่หล่อด้วยซีเมนต์  :slime_smile2:

ส.ต.พิทักษ์ ชีวิตปวงชน ไม่ควรจะอยู่ในเหตุการณ์ประทุษร้าย น.ส. ตำรา กติกาภรณ์

ปล่อยให้ น.ส.ตำรา กติกาภรณ์ถูกนายโจรหน้าเหลี่ยม หื่นศรี ข่มขืนและทำร้ายร่างกายปางตาย เผื่อจะได้ "ตาสว่าง" ขึ้นมาบ้าง   :slime_mad:

เมื่อรอดชีวิตมาได้ นอกจากจะไม่สำนึกบุญคุณแล้ว ยังจะมากล่าวโทษผู้ที่ช่วยชีวิตตนอีก ไม่ใช่งี่เง่าแล้วแบบนี้ แต่เรียกว่า เป็นพวกเนรคุณ ไม่เห็นคุณความดีของคนที่ช่วยชีวิตตนไว้

ควรลากตัวไปตัดหัวด้วยเครื่องประหารหัวสุนัขของท่านเปาจริง ๆ


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 11-10-2006, 21:29
จริงอยู่ ความเชื่อที่ว่าคณะรัฐประหารคือรัฏฐาธิปัตย์ ประกาศหรือคำสั่งของคณะรัฐ-
ประหาร คือกฎหมายต้องปฏิบัติตามนั้นมีมาช้านาน แต่ก็มิได้หมายความว่า เราจะ
เปลี่ยนแปลงความเชื่อหรือแนวคิดนี้ไม่ได้ แม้แต่ความเชื่อที่เป็นวิทยาศาสตร์แท้ๆ
ยังมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอด อาทิเช่น การไม่จัดให้ดาวพลูโตเป็นดาวเคราะห์ใน
ระบบสุริยจักรวาลอีกต่อไป โดยวิธีการเพียงเพราะการยกมือของนักวิทยาศาสตร์
ส่วนใหญ่ในที่ประชุม

แล้วนับประสาอะไรกับความเชื่อทางนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์ด้าน
สังคม(social science) ที่อ่อนไหวและยืดหยุ่นกว่าวิทยาศาสตร์แท้ๆ (pure science)
จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

เป็นการใช้ตรรกกะที่อ่อนมากๆ

ปรากฏการณ์ทางสังคม(ที่เจ้าของบทความเรียกว่าความเชื่อ) ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ
มันเกี่ยวเนื่องกับทฤษฎี หรือธรรมชาติของมนุษย์อีกหลายๆด้าน

ต่างกันอย่างมากกับหลักทฤษฎีของการจัดจำแนกวัตถุในอวกาศ

บางปรากฎการณ์ มีพื้นฐานมาจากกฎทางสังคม หรือกระทั่งกฎธรรมชาติ

ที่ชัดเจนกว่าทฤษฎีทางวิทยาศาสตรเสียอีก





ปล. อ่านบทความทำนองนี้แล้วนึกไปถึงตอนที่องค์กรศาสนาอะไรซักอย่าง
ออกมาประท้วงหนังเรื่อง โกยเถอะโยม

เพื่ออะไรกันเนี่ยยย..

 :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 11-10-2006, 21:41
ผมเสนอวิธีลดโอกาศ การเกิด รัฐประหาร

ผู้มีอำนาจ ทำความเข้าใจ และนำสิ่งเหล่านี้มาใช้

- ทศพิศราชธรรม

- พรหมวิหาร 4

ศึกษา ยึด แนวทาง ศาสนา เพื่อนำมาใช้เป็นหลักในการปกครอง  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: willing ที่ 11-10-2006, 21:42
ผมขอสรุปบทความนี้นะครับ

1. การทำรัฐประหารเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

2. ประเทศไทยเกิดรัฐประหารมากที่สุดในโลกเนื่องจาก นักนิติศาสตร์และนัก
    รัฐศาสตร์ไทยเชื่อว่า หากยึดอำนาจได้สำเร็จก็เป็นรัฏฐาธิปัตย์ไม่ต้องรับ
    โทษทัณฑ์ใดๆ

3. เราควรทำให้มีรัฐประหารลดน้อยลงโดยการ ไม่ยอมรับการรัฐประหารว่าเป็นการกระทำที่ชอบ
    ด้วยหลักนิติศาสตร์ หรือรัฐศาสตร์

ตอบนะครับ

สำหรับความคิดผม ผมคิดว่า เป็นบทความที่ไม่ได้ดูโลกแห่งความเป็นจริงเลย

ทำไมเรามีรัฐประหารมากมาย? เพราะ ระบบประชาธิปไตยของเรามันเป็นของปลอมไงครับ
ใช่ครับ มันใช้ไม่ได้

เราเลือกตั้ง คนดีทำงานจริงๆ เข้ามาบริหารบ้านเมืองไม่ได้ คนที่แย่ๆ ก้อมีอำนาจเบ็ดเสร็จ
เมื่อเราใช้ประชาธิปไตยไม่ได้ ก้อเลยต้องใช้รัฐประหารไงครับ

คิดเหรอครับว่า รัฐประหารครั้งนี้ ประชาชนไม่เป็นใจด้วย

ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ทำไม่ได้หรอกครับ เงียบขนาดนี้

ถ้าเป็นการยึดอำนาจเพื่อตนเองจริงๆ แบบซัดดัม หรือ Kim Jong Il ละก้อ
จะไม่มีบทความนี้อยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์หรือเว็บไซต์ หรอกครับ

คนเขียน โดน ฆ่าหมกป่า  ไปแล้ว

อาจมีคนเถียงว่า ประชาธิปไตย ยังใช้ได้นี่ ก้อ 16 ล้านเสียง เลือกทักษิณ เข้ามา ตามกฏกติกา เลือกตั้ง

ความจริงแล้ว ประชาธิปไตย เกิดขึ้น เพื่อ ทำให้ความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่เป็นจริง ถูกไหมครับ
แต่ที่หลายๆคน ลืม ไปคือ มันมี footnote อยู่ว่า
footnote: โดย *Assume* ว่า ประชาชนทุกคนได้รับข้อมูลที่เป็นจริง และทุกคนมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลนั้นด้วย

ตามหลักความจริงแล้ว เราควรจะ ให้อำนาจการตัดสินใจสู่ ผู้ที่สามารถตัดสินใจได้ดีที่สุด เช่น ผู้ที่มีความรู้ในด้านนั้นๆ ใช่ไหมครับ
แต่นี่ ด็อกเตอร์ หรือ นักการเมือง หรือ ชาวนา ก้อคนละ 1 เสียง

ผมอยากทำ poll สำรวจว่า 16 ล้านเสียงที่เลือก ทักษิณ เนี่ย เค้ามีความรู้ในเรื่องนโยบายของไทยรักไทยขนาดไหนครับ
เค้าตอบได้ไหมว่า ไทยรักไทยนี่ มันดีกว่าพรรคอื่นยังไง
แล้วเรื่องอื้อฉาวต่างๆ เนี่ย เค้ารู้และเข้าใจไหมครับ GDP ซุกหุ้น ผู้มีบรรมีนอกรัฐธรรมนูญ

ประชาธิปไตยมันใช้ไม่ได้ครับ
ขอโทษนะครับ ผมอาจจะเปรียบเทียบแรงไปหน่อย

ผมว่า การเลือกตั้งของไทย เนี่ย มันเหมือนกันการเลือกตั้งอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนนะครับ
มีคนเลือกทั้งหมด 100 คน
เป็นเด็กอนุบาล ซัก 50 คน
เด็กประถม ซัก 30 คน
เด็กมัธยม 15 คน
ผู้ปกครอง (คนที่รู้เรื่องจริงๆ)  5 คน เท่านั้นอง

มันเลยใช้ไม่ได้ไงครับ


PS. คุณ snowflake ครับ ผมอ่านกระทู้ๆ ที่คุณตั้งหลายๆ กระทู้ แล้ว
รู้สึกว่า คุณ snowflake จะชอบ copy paste บทความมาแปะ อย่างเดียวเลย ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็น
คือบทความเนี่ย ผมตามลิงค์ไปอ่านได้ แต่ที่อยากอ่าน จริงๆ คือความคิดเห็นของคน post ต่างหากละครับ
ดั้งนั้น อยากให้ แสดงความคิดเห็น เยอะๆๆๆๆ หน่อย  


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 11-10-2006, 22:17
นี่น้องใหม่ มาอีกแล้วพวกเสียงไม่เท่ากัน ทำไมยกตัวอย่างสตึอะไรอย่างนั้น เอาเด็กอนุบาลมาเทียบ
คนมีสิทธิเลือกตั้งรู้หรือเปล่าเค้ากำหนดไว้กี่ปี แล้วคนที่มีภูมิความรู้ท้องถิ่น เค้าก็ฉลาดทำมาหากิน
ของเขา ถ้าเค้าไม่รู้เรื่องการเมืองการปกครองเพราะไม่ได้จบรัฐศาสตร์จะให้เหลือแค่ครึ่งเสียงเองเหรอ
เอาเปรียบไปหรือเปล่า คนที่ทำประโยชน์ให้เค้าอยู่ดีกินดี เค้าจะไม่มีสิทธิเลือกเลยเหรอ คิดแต่ว่าพวก
นี้โง่นักหรือไง ต้องกินแต่เงินแจก เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: เหยี่ยวพิฆาต ที่ 11-10-2006, 22:22
ง่าย ๆ ไม่ต้องรัฐประหาร
ตอนเลือก สส. ก็เอาสมองคิด
เสียหน่อย แยกแยะคนดีคนเลว
ให้ออก เลือกคนดี ไม่ใช่คนที่ดูดี
แค่นี้คนโกงบ้านโกงเมืองก็ไม่ได้
ปกครองประเทศ ทหารก็ไม่ต้องรัฐประหาร
ของง่าย ๆ
 


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: willing ที่ 12-10-2006, 00:03
นี่น้องใหม่ มาอีกแล้วพวกเสียงไม่เท่ากัน ทำไมยกตัวอย่างสตึอะไรอย่างนั้น เอาเด็กอนุบาลมาเทียบ
คนมีสิทธิเลือกตั้งรู้หรือเปล่าเค้ากำหนดไว้กี่ปี แล้วคนที่มีภูมิความรู้ท้องถิ่น เค้าก็ฉลาดทำมาหากิน
ของเขา ถ้าเค้าไม่รู้เรื่องการเมืองการปกครองเพราะไม่ได้จบรัฐศาสตร์จะให้เหลือแค่ครึ่งเสียงเองเหรอ
เอาเปรียบไปหรือเปล่า คนที่ทำประโยชน์ให้เค้าอยู่ดีกินดี เค้าจะไม่มีสิทธิเลือกเลยเหรอ คิดแต่ว่าพวก
นี้โง่นักหรือไง ต้องกินแต่เงินแจก เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า

ไม่ได้ว่าอย่างนั้นครับ คุณผู้ชื่นชอบในการถลาออกข้าง  ลองอ่านที่ผมเขียนใหม่ดีๆครับ

ถ้าผมไปแข่งทำนา กับ ชาวนา ผมก้อแพ้อยู่แล้วละครับ เค้ามีความรู้และประสบการณ์เรื่องนั้นมากกว่า

ผมไม่ได้ว่า เค้าโง่ ครับ  แต่ผมว่า คนส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ซึ่งมี ชาวไร่ ชาวสวน ชาวนา เป็นส่วนใหญ่)
ไม่ได้รับการศึกษาในเรื่อง รัฐศาสตร์และ เศรษฐศาสตร์ เพียงพอ

ส่วนเรื่องการศึกษา
ลองดูนี่นะครับ จาก สำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

ประชากรอายุ 6 ปีขึ้นไป จำแนกตามระดับชั้นการศึกษาที่สำเร็จ เพศ และเขตการปกครอง พ.ศ. 2548 (http://service.nso.go.th/nso/g_data23/stat_23/toc_3/3.1.1-22.xls)
ที่มา:  การสำรวจการเปลี่ยนแปลงของประชากร พ.ศ. 2548 - 2549  สำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร         

ผลการสำรวจ:

ไม่ทราบระดับการศึกษา   0.4%

           ไม่มีการศึกษา   4.3%

     ต่ำกว่าประถมศึกษา  40.5%

             ประถมศึกษา  20.8%

              มัธยมศึกษา  24.4%

               อุดมศึกษา   9.4%

ไม่ได้ตรงเป๊ะ แต่ก้อ ใกล้เคียงกับที่ผมกะประมาณไว้ตอนแรก ไม้ละครับ

เอาละครับ... ขอเชิญ แถ  กันต่อไป


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: tiger ที่ 12-10-2006, 00:22
เรื่องคุณอุทัย  พิมพ์ใจชน

จอมพลถนอมแกรัฐประหารตัวแกเองครับ   คือ   ตอนนั้นก็รอกันมานานมากหลายปีครับ   คุณถนอมแกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ

ก็ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ  ก็มีการเลือกตั้ง   มีสภาผู้แทนขึ้นมา   คุณถนอมแกก็ตั้งพรรคการเมืองมาเลือกตั้งกะเค้าด้วย

เสร็จแล้วแกก็เป็นนายก   55555   รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของแกทำอะไรไม่ถูกใจแก   คุณถนอมก็เลยรัฐประหารตัวเอง

ยุบสภาของแกเอง   ฉีกรัฐธรรมนูญที่แกร่าง  55555  ประกาศกฏอัยการศึกของแกเอง  กินเอง   ชงเอง  อร่อยจัง


คุณอุทัย  พิมพ์ใจชน  ตอนนั้นเป็น  สส  ในสภาที่ถูกยุบ    ก็ฟ้องศาลสิครับ   ว่า   จอมพลถนอมทำรัฐประหาร  ผิดกฏหมาย

ศาลก็เลยตัดสินให้จำคุกคุณอุทัย  พิมพ์ใจชน  รู้สึกว่าจะโดนประมาณ 7  ปี

ตอนเรียนหนังสือ  เคยนั่งค้นเรื่องนี้อยู่    เห็นรูปคุณอุทัยในหน้าหนึ่งนสพ   คาดผ้าขาวม้าถือขันน้ำเดินเข้าคุกบางขวางมั้ง   จำไม่ค่อยได้  55555

เห็นบอกว่า  ขันน้ำเป็นสิ่งสำคัญมากในการติดคุก   เอาไว้อาบน้ำ  กินน้ำ  เข้าห้องน้ำ  ล้างหน้า   แปรงฟัน  และไว้หนุนหัวเวลานอน


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: willing ที่ 12-10-2006, 00:40
เรื่องคุณอุทัย  พิมพ์ใจชน

จอมพลถนอมแกรัฐประหารตัวแกเองครับ   คือ   ตอนนั้นก็รอกันมานานมากหลายปีครับ   คุณถนอมแกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ

ก็ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ  ก็มีการเลือกตั้ง   มีสภาผู้แทนขึ้นมา   คุณถนอมแกก็ตั้งพรรคการเมืองมาเลือกตั้งกะเค้าด้วย

เสร็จแล้วแกก็เป็นนายก   55555   รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของแกทำอะไรไม่ถูกใจแก   คุณถนอมก็เลยรัฐประหารตัวเอง

ยุบสภาของแกเอง   ฉีกรัฐธรรมนูญที่แกร่าง  55555  ประกาศกฏอัยการศึกของแกเอง  กินเอง   ชงเอง  อร่อยจัง

ถ้าเป็นอย่างนี้นี่ สุดยอดเลยครับ ยังกะเล่นงิ้ว 555


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: meriwa ที่ 12-10-2006, 01:00
นี่น้องใหม่ มาอีกแล้วพวกเสียงไม่เท่ากัน ทำไมยกตัวอย่างสตึอะไรอย่างนั้น เอาเด็กอนุบาลมาเทียบ
คนมีสิทธิเลือกตั้งรู้หรือเปล่าเค้ากำหนดไว้กี่ปี แล้วคนที่มีภูมิความรู้ท้องถิ่น เค้าก็ฉลาดทำมาหากิน
ของเขา ถ้าเค้าไม่รู้เรื่องการเมืองการปกครองเพราะไม่ได้จบรัฐศาสตร์จะให้เหลือแค่ครึ่งเสียงเองเหรอ
เอาเปรียบไปหรือเปล่า คนที่ทำประโยชน์ให้เค้าอยู่ดีกินดี เค้าจะไม่มีสิทธิเลือกเลยเหรอ คิดแต่ว่าพวก
นี้โง่นักหรือไง ต้องกินแต่เงินแจก เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า

ไม่ได้ว่าอย่างนั้นครับ คุณผู้ชื่นชอบในการถลาออกข้าง  ลองอ่านที่ผมเขียนใหม่ดีๆครับ

ถ้าผมไปแข่งทำนา กับ ชาวนา ผมก้อแพ้อยู่แล้วละครับ เค้ามีความรู้และประสบการณ์เรื่องนั้นมากกว่า

ผมไม่ได้ว่า เค้าโง่ ครับ แต่ผมว่า คนส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ซึ่งมี ชาวไร่ ชาวสวน ชาวนา เป็นส่วนใหญ่)
ไม่ได้รับการศึกษาในเรื่อง รัฐศาสตร์และ เศรษฐศาสตร์ เพียงพอ



ถูกต้องครับ คนเราไม่มีใครฉลาดไปเสียทุกอย่างและโง่ไปหมดทุกเรื่อง แต่ละคนก็รู้กันคนละอย่างคนละเรื่อง แต่อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับกันหรือเปล่าว่าเราไม่รู้เรื่องอะไรแล้วก็รู้จักรับฟังคนที่เค้ามีความรู้ในเรื่องนั้นๆ ไม่ใช่ไม่ฟังเพราะกลัวคนหาว่าโง่  และก็ไม่ใช่ว่าคนมีความรู้จะรู้ไปหมดทุกอย่างจนไม่ต้องฟังอะไรอีกแล้ว อ้างแต่ตำรับตำรา แต่แก้ปัญหาไม่เป็นไม่รู้จักนำมาประยุกต์ใช้  

อย่างที่เคยเขียนบอก ทีหลังต้องให้พวกนักวิชาการเหล่านี้อดข้าวแล้วคิดแก้ปัญหาเรื่องหนึ่งเรื่องใดจนกว่าจะสำเร็จ ถ้าไม่เสร็จไม่ต้องกินข้าว  ดูสิมันจะแก้ปัญหาอย่างไร   เท่าๆที่ฟังคนเหล่านี้พูดเห็นบอกหากจะใช้ระบอบประชาธิปไตยล้มทักษิณอาจใช้เวลาถึงสิบปี  เรียกว่ารอกันให้ตายไปข้างนึงถึงจะเป็นประชาธิปไตยได้  น่าจะทำแบบสอบถามนะว่าประชาชนเห็นด้วยหรือเปล่ากับประชาธิปไตยแบบนี้  


  


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: tiger ที่ 12-10-2006, 01:37
น้องใหม่ครับ  ต้องมีการศึกษาทางด้านเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์หรือครับ  ถึงจะมีสิทธ์เลือกตั้ง  5555

เฮ้ออออครับ

ตัวอย่าง เช่น  ลุงของผม  ผู้ชายที่ผมนับถือ  ลุงผมจบแค่ประถม 4 ครับ  แล้วก็ทำนา  ทำนาได้สักพักก็มีเมีย   55555

ต้องมีเมียสิ   ผู้ชายไม่มีเมียได้ยังไง  มีเมียก็ต้องมีลูก  ลูกเพิ่งเกิดได้สามเดือน  ก็ถูกเกนท์ทหาร  อยู่กรมได้หกเดือน  ก็เข้าสู่สมรภูมิที่เขาช่องช้าง

ปู่ผมย่าผมป้าผมร้องไห้กันแทบขาดใจ  โชคดีครับ  ลุงผมปลดประจำการกลับบ้าน  ปลอดภัย   เพื่อนๆป4ของลุงผมหลายคนไม่ได้กลับบ้านนะครับ


ชายไทยทุกคนมีหน้าที่ป้องกันชาติให้พ้นจากอริราชศัตรู    ไม่ว่าป4หรือปริญญาเอกต้องมีหน้าที่นี้

เวลาไปตายนะครับ  ไม่มีปัญหาเรื่องการศึกษา

แต่เวลาที่จะบอกว่าบ้านเมืองควรจะพัฒนาอย่างไร   ผลประโยนช์ทางเศรษฐกิจควรจะแบ่งปันกันอย่างไร  กลับมีปัญหาเรื่องการศึกษา

น่าเศร้านะครับ


นี่น้องใหม่ มาอีกแล้วพวกเสียงไม่เท่ากัน ทำไมยกตัวอย่างสตึอะไรอย่างนั้น เอาเด็กอนุบาลมาเทียบ
คนมีสิทธิเลือกตั้งรู้หรือเปล่าเค้ากำหนดไว้กี่ปี แล้วคนที่มีภูมิความรู้ท้องถิ่น เค้าก็ฉลาดทำมาหากิน
ของเขา ถ้าเค้าไม่รู้เรื่องการเมืองการปกครองเพราะไม่ได้จบรัฐศาสตร์จะให้เหลือแค่ครึ่งเสียงเองเหรอ
เอาเปรียบไปหรือเปล่า คนที่ทำประโยชน์ให้เค้าอยู่ดีกินดี เค้าจะไม่มีสิทธิเลือกเลยเหรอ คิดแต่ว่าพวก
นี้โง่นักหรือไง ต้องกินแต่เงินแจก เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า

ไม่ได้ว่าอย่างนั้นครับ คุณผู้ชื่นชอบในการถลาออกข้าง  ลองอ่านที่ผมเขียนใหม่ดีๆครับ

ถ้าผมไปแข่งทำนา กับ ชาวนา ผมก้อแพ้อยู่แล้วละครับ เค้ามีความรู้และประสบการณ์เรื่องนั้นมากกว่า

ผมไม่ได้ว่า เค้าโง่ ครับ  แต่ผมว่า คนส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ซึ่งมี ชาวไร่ ชาวสวน ชาวนา เป็นส่วนใหญ่)
ไม่ได้รับการศึกษาในเรื่อง รัฐศาสตร์และ เศรษฐศาสตร์ เพียงพอ


เวรกรรมจริงๆ   กับความคิดของคุณ


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 12-10-2006, 02:01
ระบอบประชาธิปไตยประชาชนทุกคนจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการเมืองครับ
ไม่งั้นก็เป็นประชาธิปไตยแต่ชื่อ เท่แต่กินไม่ได้

เวลาชาวบ้านทำผิดกฎหมาย หรือโดนฉ้อโกง แล้วมาอ้างว่าทำไปโดยไม่รู้กฎหมายก็ไม่ได้

เรื่องแบบนี้ต้องโทษรัฐบาลลงมาถึงข้าราชการและบรรดาสื่อทั้งหลาย
โทษชาวบ้านว่าโง่ไม่ได้ แค่ขาดโอกาส ขาดข้อมูล โดนหลอกลวง อย่างเป็นระบบ



หัวข้อ: คิดกันแบบนี้เอง ถึงไม่ชอบประชาธิปไตย
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 12-10-2006, 02:03
คิดกันแบบนี้เอง ถึงไม่ชอบประชาธิปไตย
เพราะเป็นพวกอำนาจนิยม
ไม่ต้องการให้คนอื่นมาเสมอภาค  มีสิทธิมีเสียงเท่าเทียมกันได้
คิดว่าคนอื่นโง่กว่า สมควรถูกปกครอง
คราวนี้ทำไมไม่บอกให้เอาคุณธรรม จริยธรรมมาวัดล่ะ อ้างการศึกษาทำไม
ถ้ามีเครื่องวัดคุณธรรมความดีมาเป็นเกณฑ์ บางคนที่นี่อาจไม่มีสิทธิเลือกตั้งก็ได้
คนจนบางคนเขายังไม่เห็นแก่ตัว ใจร้ายอย่างพวกคุณเลย (ใครไม่เป็น ไม่ต้องรับ)
คนที่มีโอกาสต่างๆ ในชีวิตมากกว่า แล้วยังคิดจะไปลิดรอนสิทธิคนที่ด้อยกว่า
ไม่รู้จะว่าอย่างไร .. นอกจาก อนาถใจ

 :slime_dizzy:


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 12-10-2006, 02:21
สงสัยผมคงไม่ได้อ่านละเอียดพอ เลยไม่รู้ว่ามีใครแสดงออกว่าไม่ชอบประชาธิปไตย

ผมยังเชื่อว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงเป็นระบอบการปกครองที่ดีที่สุด

แต่ถึงอย่างนั้นคำว่าประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพ รวมถึง ความเสมอภาค ก็ไม่ได้เป็นคาถาวิเศษ ที่จะยกเอามาอ้างได้ตะพึดตะพือ

 :slime_bigsmile:

คิดเล่นๆ ถ้าทหารผู้บังคับบัญชาจะออกคำสั่งให้โจมตีศัตรู แล้วต้องมาโวตเสียงพลทหารทั้งกองก่อนคงสนุกพึลึก

หรือถ้าจะบอกว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิออกเสียงเท่ากันทั้งประเทศ แล้วเด็กๆทั้งประเทศออกมาขอสิทธิ์เข้าคูหาบ้าง

สงสัยผู้ใหญ่คงปวดหัวน่าดู


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 12-10-2006, 02:34
คุณ willing

ตอบได้ตรงใจผมแล้ว...."ประชาธิปไตยจอมปลอม"... คือ "คียเวิร์ด"

อ้อ...กรณีคุณอุทัย พิมพ์ใจชน และเพื่อน 2 สส.

ยื่นฟ้องศาลว่า จอมพลถนอม กิตติขจร ทำรัฐประหารตัวเอง เป็นการกระทำผิดกฎหมาย

ปรากฎว่า คุณอุทัย พิมพ์ใจชน ถูกจับขังคุก พร้อมเพื่อนทั้ง 3 ( ได้รับอภัยโทษ หรือถูกปล่อยตัว หลัง 14 ตุลา 16 )

นั่นคือที่มาของคำว่า...วีรบุรุษประชาธิปไตย...

รัฐประหารยังไงก็คือผิดนั่นแหละ แต่ไม่จำเป็นต้องรับโทษ ( หากทำสำเร็จ )

จะว่าไป วิธีแก้ปัญหาโดยสันติวิธีมันก็มี แต่ไม่ทราบว่าจะทำกันหรือเปล่า

ปัญหาที่พบคือ เราไม่สามารถเอานักการเมืองที่กระทำผิดจริยธรรม หรือไม่รับผิดชอบในการกระทำลงจากอำนาจได้

เช่นกรณีออกกฎหมายมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ( แปรรูปกฟผ.) แล้วไม่รับผิดชอบนั่นแหละ

เนื่องจาก การไม่เคารพในกฎของสุภาพบุรุษ หรือไม่มีความละอายนั่นแหละ ( ลอง ๆ ไปดูเรื่องการลาออก ของผู้นำในหลาย ๆ ประเทศบ้างนะครับ )

ทางออกสำหรับประเทศศรีธนญชัย คือ ต้องตั้ง "ศาลจริยธรรมนักการเมือง" รายละเอียดไปคิดกันเอง

ประเทศอื่นบางเรื่องเค้าไม่ต้องกำหนดเป็นกติกาทางตัวหนังสือ แต่รับรู้ได้จากกระแสสังคม หรือการยอมรับจากสังคมทั่วไป

เค้าเรียกว่าหลัก..."อวิโกธนะ"...คือหลักการไม่คลาดเคลื่อนจากธรรม ทั้งนี้ยึดหลักว่า ผู้ปกครองต้องเป็นคนดี

คำว่า "คนดี" ตรงนี้แหละที่จะเป็นตัวกำกับผู้ปกครอง...เป็นสิ่งที่ระบอบประชาธิปไตยต้องการ...หากผู้ปกครองหลุดจากการเป็น "คนดี" ก็เท่ากับขาดคุณสมบัติในทันที...เหมือนพระต้อง "ปาราชิก" หลุดจากความเป็น "พระ" ตั้งแต่วินาทีนั้น

เพราะสิ่งที่กำหนด "คุณสมบัติของผู้รับสมัคร" ก็คือหลักประกันความเป็นคนดี มีความรู้ ความสามารถ

แม้เวลาเลือกตั้ง เราก็ตั้งเป้า "เลือกคนดีเข้าสภา" ดังนั้นเราต้องมาดูกันให้ชัด อะไรคือ "คนดี" และจะขาดจากความเป็น "คนดี" เมื่อใด ก็เมื่อ "ทำชั่ว" ไง

ทั้งนี้เพราะมันต้องขึ้นกับ "จริยธรรมของประชาชน" ด้วย หากยอมรับว่าผู้นำที่ตนเลือกไปทำผิดจริยธรรมก็ต้องไม่ยอมรับและต้องกดดันให้ "รับผิดชอบ"

รับผิดชอบแบบที่ "คนดี ๆ" เค้าทำกัน

นั่นคือประชาชนก็ต้องใช้หลัก .."อวิโกธนะ"...เช่นเดียวกับผู้ปกครองหรือผู้บริหาร ผิดก็ต้องไล่ ไม่ผิดค่อยเชียร์ มันต้องได้ยังงั้น

เค้าถึงบอกว่า ประชาชนแบบใหน ก้ได้นักการเมืองแบบนั้น


ประชาธิปไตยจะพัฒนาไปได้ มันต้องใช้ "้หลักธรรมาภิบาล" เข้ากำกับอีกทีหนึ่ง...

อย่าไปหลงทางกับเรื่อง "สิทธิ์" อันมนุษย์ได้รับมาจากธรรมชาติมากนัก เพราะสิทธิ์ที่พูดถึงกันนั้น เรามาตีความแค่สิทธิ์ในการเลือกตัวแทน

จริง ๆ ใน "หมวดสิทธิ์ ของรัฐธรรมนูญ" ได้รับรองไว้หมดแล้ว มิใช่แค่สิทธิ์ในการเลือกผู้แทนเท่านั้น

เมื่อตัวแทนได้สิทธิ์นั้นไป มิใช่ว่าจะนำสิทธิ์ที่ประชาชนมอบให้ไปกระทำผิดทางจริยธรรมและกฎหมาย

แบบนี้เค้าเรียก "ปล้นสิทธิ์ประชาชน" หรือ "ฉ้อฉลสิทธิ์ประชาชน" เพราะประชาชนมิได้เลือกผู้ปกครองไปกระทำชั่ว-ประพฤติชั่ว

อย่าลืมคำว่า...ประพฤติชั่ว...นะครับ...

"ประพฤติชั่ว" อาจไม่ผิดกฎหมาย...แต่ผิดทางศีลธรรม ผิดทางสังคมครับ

หากอยากรู้ว่า ประพฤติชั่ว มีอะไรบ้าง เปิด "ระเบียบสำนักนายก 2542" ดนะูครับ...เรื่องจริยธรรมนั่นแหละ กพ. ทำออกมาปี 2542

เข้าใจคำว่า "ระเบียบ" กันหรือเปล่าก็ไม่ทราบ...เอาแค่เรื่อง "ชู้สาว" นี่ก็เข้าขั้น ประพฤติชั่วร้ายแรง นั่นแหละ ลอง ๆไปดู

ระเบียบนี้ก็ออกมาจากรัฐธรรมนูญ 2540 นี่แหละ ข้าราชการการเมืองก็ไม่เว้น ต้องอยู่ภายใต้ระเบียบนี้เช่นกัน

ประเด็นปัญหาทั้งหมด มันมีปัญหาเรื่อง การตรวจสอบ-ถ่วงดุล ต่างหาก

วิธีแก้ ก็ต้องให้ "อำนาจตุลาการ" อันเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตย ( ซึ่งก็คือของปวงชนนั่นแหละ )ทำหน้าที่ถ่วงดุล บริหาร เพราะบริหารกับนิติบัญญัติ มันแต่งงานเป็นผัวเมียกันแล้ว เมียสั่งผัวก็ต้องทำ เวลาเข้าสภา ถามว่า ผัวผิดมั๊ย เมียที่ใหนจะให้ผัวติดคุก...

เวลาเราพูดเรื่องอำนาจ ก็พาลไปพูดเรื่องสิทธิ์ ทุกคน 1 เสียงเท่ากัน นั่นมันเหมือน..ถามไปใหนมา สามวาสองศอก

ทำไมเวลาพูดถึงสิทธิ์ที่ธรรมชาติมอบให้มนุษย์ แล้วลืมเรื่อง "อำนาจอธิปไตยทั้งสาม" นั่นคืออำนาจตามธรรมชาติของมนุษย์เช่นกัน

อย่างง อย่างง อย่าไปหลง "วาทะกรรมขี้ฉ้อ" หรือ "มายาคติ" พวกนั้น เค้าเอาไว้หลอกคนเรียนไม่จบ

วิธีต้านรัฐประหาร ก็คือให้อำนาจอธิปไตย ทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์ เพราะเรามิได้มอบอำนาจให้แค่ นิติบัญญัติและบริหารเท่านั้น

เรายังมีอำนาจนิติบัญญัติ ที่เป็นของเรา เป็นของประชาชนอยู่...ลืมไปได้ไง...

ใช้หลัก ถ่วงดุล-คานอำนาจ ของ 3 อำนาจอธิปไตยนั่นแหละ ป้องกันรัฐประหาร


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: willing ที่ 12-10-2006, 02:52
น้องใหม่ครับ  ต้องมีการศึกษาทางด้านเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์หรือครับ  ถึงจะมีสิทธ์เลือกตั้ง  5555

เฮ้ออออครับ

ผมบอกอย่างนั้น เหรอครับ คุณลองไปอ่านใหม่นะครับ ว่าผมหมายความอย่างไร
อย่าทึกทักเอาเอง นะครับ

ผมพูดว่า "คนส่วนใหญ่ ไม่ได้รับการศึกษาในเรื่อง รัฐศาสตร์และ เศรษฐศาสตร์ เพียงพอ"

เท่านั้น

จริงๆแล้ว ที่ต้องการสื่อคือ ถ้าประชาชน ได้รับการศึกษาเกี่ยวกับ เรื่อง เศรษฐศาสตร์ และ การเมือง อย่างเพียงพอ
ก้อจะทำให้ คุณภาพของการเลือกตั้ง ดีขึ้น ทำให้"ประชาธิปไตย" ที่บางคนหวงนักหวงหนา เนี่ย มันใช้ได้มากขึ้น

เฮ้อ เถียงกันด้วยเหตุผลดีกว่าครับ สนุกกว่าเยอะ

ตัวอย่าง เช่น  ลุงของผม  ผู้ชายที่ผมนับถือ  ลุงผมจบแค่ประถม 4 ครับ  แล้วก็ทำนา  ทำนาได้สักพักก็มีเมีย   55555
ต้องมีเมียสิ   ผู้ชายไม่มีเมียได้ยังไง  มีเมียก็ต้องมีลูก  ลูกเพิ่งเกิดได้สามเดือน  ก็ถูกเกนท์ทหาร  อยู่กรมได้หกเดือน  ก็เข้าสู่สมรภูมิที่เขาช่องช้าง
ปู่ผมย่าผมป้าผมร้องไห้กันแทบขาดใจ  โชคดีครับ  ลุงผมปลดประจำการกลับบ้าน  ปลอดภัย   เพื่อนๆป4ของลุงผมหลายคนไม่ได้กลับบ้านนะครับ

ชายไทยทุกคนมีหน้าที่ป้องกันชาติให้พ้นจากอริราชศัตรู    ไม่ว่าป4หรือปริญญาเอกต้องมีหน้าที่นี้
เวลาไปตายนะครับ  ไม่มีปัญหาเรื่องการศึกษา
แต่เวลาที่จะบอกว่าบ้านเมืองควรจะพัฒนาอย่างไร   ผลประโยนช์ทางเศรษฐกิจควรจะแบ่งปันกันอย่างไร  กลับมีปัญหาเรื่องการศึกษา

น่าเศร้านะครับ

คุณ tiger ต้องการจะ สื่อ อะไรครับ
คุณต้องการจะบอกว่าลุงของคุณ ไม่ qualified ที่จะเลือกตั้งเหรอครับ

อันนี้ผมตอบไว้ข้างบนแล้วนะครับ

การที่คุณลุงได้ทำหน้าที่ทหาร ไปรบ ก้อดีแล้วครับ เป็นการทำเพื่อชาติแล้ว

แต่มันไม่เห็นเกี่ยวอะไรเกี่ยวกับที่เราถกกันเลยนะ

 :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: คนในวงการ ที่ 12-10-2006, 03:20
ผมมาตอบว่า ผมอ่านแล้วอย่างละเอียดครับ


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 12-10-2006, 03:40
1 คน 1 เสียง เถียงให้ตาย ก็ไม่จบ

คนหนึ่งบอกว่า สิทธิ์เลือกตั้ง ต้อง 1 คน 1 เสียง...ซึ่งก็ถูก( แต่ไม่ทั้งหมด ) เพราะหางช้างก็คือช้าง

อีกคนหนึ่งบอกว่า ประชาชนโง่ฉลาดไม่เท่ากัน...ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะหูช้างก็คือช้าง

ตรวจ ดีเอ็นเอ ออกมา ก็คือ..."แม่นแล่วซ่าง"...ทางเหนือเรีก...จ๊าง....อีสานเรียก ซ่าง...

สรุปว่า ถูกทั้งคู่ ไม่ควรจะเป็น "คู่ชก" กันได้

ใครอุตรินำวาทะกรรมพวกนี้มาปั่นหัวชาวบ้านให้ต่อยกัน...

นี่แหละ ที่เค้าเรียกว่า เอา "ความจริง" มาบอกไม่ครบถ้วน เพราะ "ความจริง ความถูกต้อง" มันมิใช่มีแค่ 1 เดียว

จะว่าไปประเด็น 1 คน 1 เสียงเคยเขียนไว้ตรงใหนจำไม่ได้แล้ว...


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: tiger ที่ 12-10-2006, 04:01
เรียนคุณwilling


ผมมิได้ต้องการสื่ออะไรหรอกครับ   ผมแค่บอกว่ามีสัตว์นรกบางตัว  คนชั่วบางคน   พยายามที่จะริดรอนสิทธิของคนไทยโดยอ้างเรื่องการศึกษา

เป็นเรื่องน่าอาย  และไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทยครับ  แค่นี้เองจริงๆ



ส่วนเรื่องการรับใช้ชาติ  ไม่ใช่เรื่องดีหรือไม่ดีครับ 

เป็นหน้าที่ของชายไทยทุกคนที่จะต้องป้องกันชาติจากอริราชศัตรู  เป็นหน้าที่ครับ   ไม่ใช่เรื่องดีหรือไม่ดี

แค่นี้เอง


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: tiger ที่ 12-10-2006, 04:09
เรื่องคุณอุทัย  พิมพ์ใจชน

จอมพลถนอมแกรัฐประหารตัวแกเองครับ   คือ   ตอนนั้นก็รอกันมานานมากหลายปีครับ   คุณถนอมแกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ

ก็ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ  ก็มีการเลือกตั้ง   มีสภาผู้แทนขึ้นมา   คุณถนอมแกก็ตั้งพรรคการเมืองมาเลือกตั้งกะเค้าด้วย

เสร็จแล้วแกก็เป็นนายก   55555   รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของแกทำอะไรไม่ถูกใจแก   คุณถนอมก็เลยรัฐประหารตัวเอง

ยุบสภาของแกเอง   ฉีกรัฐธรรมนูญที่แกร่าง  55555  ประกาศกฏอัยการศึกของแกเอง  กินเอง   ชงเอง  อร่อยจัง

ถ้าเป็นอย่างนี้นี่ สุดยอดเลยครับ ยังกะเล่นงิ้ว 555





เฮ้อออออ   อ่านแล้วก็ต้องร้องเฮ้อออออ   ตัวอย่างของพวกไร้การศึกษา

มันจะเป็นการเล่น"งิ้ว"ได้อย่างไร

"งิ้ว"จบ   ต่างคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน   บ้านใครบ้านมัน

แต่ในที่สุด  คุณอุทัย  พิมพ์ใจชน  ก็ไม่ได้กลับบ้าน   แต่ติดคุกอยู่ที่บางขวางแทน


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 12-10-2006, 04:34
ตอบ คุณ willing

ขอบคุณที่สนใจความคิดเห็นส่วนตัว
แต่ขอแนะนำให้ไปสนใจ คคห. ของคนอื่นดีกว่า
ดิฉันไม่มีความสามารถในการเขียนเท่าไหร่
มักสื่อความหมายได้เป็นตรงกันข้าม
นำความเดือดร้อนมาสู่สังคมเวบบอร์ดนี้อยู่เสมอ

เคยเสนอให้ช่วยกันสู้ในกติกา
เปลี่ยนใจคนเลือก ทรท. ให้ได้คนละ 1-2 เสียง
ก็จะชนะเลือกตั้งได้
คิดแบบง่าย ถ้า ทรท. มี 16 ล้าน
ฝ่ายค้านมี 10 ล้าน ต่างกัน 6 ล้าน
หากหาเพิ่มได้ 3 ล้านเศษก็เพียงพอแล้ว
เพราะเสียงที่เราได้มาเพิ่ม คือเสียงที่เขาลดลงไป

แล้วผลเป็นอย่างไร
ไม่เห็นด้วยตรงไหน ช้าไม่ทันใจ
หรือขี้เกียจ ไม่อยากทำ แต่ไม่ยอมรับ
ล้วนไม่ใช่คำตอบที่ได้มาค่ะ

คำตอบที่ได้รับคือ ข้อกล่าวหา
ว่าเป็นพวก ทรท.
เพราะสนับสนุนการเลือกตั้ง
ที่พรรคอื่นไม่มีวันชนะ

http://forum.serithai.net/index.php?topic=5059.msg72570#msg72570

ปัจจุบันนี้ ต่อต้านรัฐประหารที่มากำจัดทักษิณไป
ก็คงโดนจัดให้เป็นพวก ทรท. อีกเหมือนกัน
ป่วยการอธิบาย เสียเวลาเปล่าค่ะ

สนใจที่คนอื่นเขียนแล้วกัน
อย่ามาสนใจว่าดิฉันคิดอย่างไรเลย
ไม่สำคัญอะไรหรอก

 :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 12-10-2006, 04:45
ขอบคุณ คุณ tiger นะคะ
ที่ช่วยตอบเรื่องคุณ อุทัย พิมพ์ใจชน
น่าจะเป็นกรณีเดียวกับที่คุณ Killer พูดถึง


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 12-10-2006, 04:49
สงสัยผมคงไม่ได้อ่านละเอียดพอ เลยไม่รู้ว่ามีใครแสดงออกว่าไม่ชอบประชาธิปไตย

ผมยังเชื่อว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงเป็นระบอบการปกครองที่ดีที่สุด

แต่ถึงอย่างนั้นคำว่าประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพ รวมถึง ความเสมอภาค ก็ไม่ได้เป็นคาถาวิเศษ ที่จะยกเอามาอ้างได้ตะพึดตะพือ

 :slime_bigsmile:

คิดเล่นๆ ถ้าทหารผู้บังคับบัญชาจะออกคำสั่งให้โจมตีศัตรู แล้วต้องมาโวตเสียงพลทหารทั้งกองก่อนคงสนุกพึลึก

หรือถ้าจะบอกว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิออกเสียงเท่ากันทั้งประเทศ แล้วเด็กๆทั้งประเทศออกมาขอสิทธิ์เข้าคูหาบ้าง

สงสัยผู้ใหญ่คงปวดหัวน่าดู


ยังดีที่คุณ Cherub Rock บอกว่าคิดเล่นๆ
ไม่เช่นนั้นดิฉันคงเผลอนึกว่าคุณตั้งใจ ยก ต.ย. พวกนั้นจริงๆ


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: tnet ที่ 12-10-2006, 05:51
อย่างนี้ ต้องฝากไปถาม ผู้เขียนบทความ ซักหน่อย

ถ้าต่อไปในอนาคต (ย้ำ อนาคต)  ทหารกลัวความผิดที่เกิดจากการทำรัฐประหาร แต่ที่สุดแล้วเกิดอดรนทนไม่ได้ ต่อการโกงกินชาติบ้านเมือง ของนักการเมือง ทีนี้ถ้าทหารยึดอำนาจได้

แล้วไม่ยอมคืนให้อำนาจให้ประชาชนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา จะทำอย่างไรกัน จะกล้าออกไปประท้วงกันเหรอ


แล้วถ้าไม่มีทหารมาทำรัฐประหารอีกต่อไป  เกิดมีนักการเมืองโกงกินจนชาติจะล่มจม แต่ไม่มีใครสามารถทำให้เค้าลงจากตำแหน่งได้ ทีนี้จะทำอย่างไรกัน จะไปประท้วงกันอีกเหรอ

แล้วถ้าไปประท้วงแล้วเกิดเค้าไม่ยอมลง เกิดประกาศ เคอร์ฟิว ขึ้นมา พวกที่ประท้วงโดนกำจัด แล้วคนที่จะมากำจัดผู้ชุมนุม จะเป็นใครได้นอกจากทหารอีกนั่นแหละที่ต้องเป็นคนทำ


ผมก็เหมือนคนส่วนใหญ่ ที่ไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร แต่ผมก็ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เพราะไม่รักประชาธิปไตย เพียงแต่ไม่อยากเห็น พี่ น้อง คนไทยด้วยกันต้องเสียเลือดเนื้อ เสียชีวิต

เค้าเหล่านั้นอาจภูมิใจในสิ่งที่ตนทำ แต่คนที่คอยเป็นห่วงเค้าอยู่ข้างหลังจะเป็นเช่นไร มีใครคิดถึงเค้าเหล่านั้นบ้าง

ถ้าพ่อแม่ ต้องเสียลูกชาย ที่เป็นคนดูแลครอบครัว

ถ้าน้องต้องเสียพี่ ที่คอยดูแล ใครจะมาดูแลคนเหล่านั้น ใช่นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย นักวิชาการ นักฯลฯ หรือเปล่า คำตอบคือเปล่า เขาเหล่านั้นต้องเผชิญชีวิตต่อไปโดยไร้คนเหลียวแล 

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ต่างจากครั้งก่อน ๆ  ไม่มีใครต้องสูญเสียชีวิต จะมีก็แค่สูญเสียอำนาจของคนบางกลุ่ม

เป็นอีกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ อีกหนึ่งของความทรงจำ 

มันควรจะเป็นประสบการณ์ ของคนในสังคมต่อไป กับการเลือกคนเข้ามาบริหารประเทศ

มากกว่าที่จะจดบันทึกในหน้ากระดาษ ถึงจำนวนตัวเลขของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นองเลือดเพื่อประชาธิปไตย

ในอดีตที่ผ่านมา เรายังสูญเสียกันไม่พออีกเหรอ 



สุดท้ายจะบอกว่า ผมชอบเพลงนี้มากตั้งแต่เด็ก ๆ ยี่สิบกว่าปีผ่านไป ทุกอย่างในเพลงยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน คาราบาว เค้าเก่งจริง ๆ


ชาวนาคือผู้ทำนาปลูกข้าว เลี้ยงเรามาจนเป็นหนุ่มสาว
ยันจนเราเฒ่าแก่ชรา แต่เหตุไฉน ชาวนาไทยอับจนเรื่อยมา
เผชิญดินน้ำลมฟ้า เผชิญปัญหาชะตากรรม
ถามคุณพ่อแม่ ปู่ย่าตายายของเรา ลองกระซิบถามท่านเบาๆ
ท่านโตด้วยข้าวมือใคร ตอนเราเป็นเด็ก เราได้ดื่มน้ำนมมากมาย
นมจากเต้าเอามาจากไหน ใช่หรือไม่เหงื่อไคลชาวนา
วิงวอนฝากมา ถึงรัฐสภาจากชาวนาไทย คุณนั่งห้องแอร์มันคงสบาย
กลิ่นโคนสาปควายยังนองน้ำตา ร่างนโยบายซื้อขายข้าวเปลือก
ประกันราคา เกษตรกรเขานอนผวา รายได้ต่ำกว่าราคาลงทุน
ดีชั่วตัวคุณเขาสนับหนุนคุณเป็นผู้แทน เลือกเอาไปเป็นขาเป็นแขน
อย่าปล่อยแฟนๆ ทิ้งไร่ทิ้งนา หายหัวกระบาล จนชาวบ้านเขาเอื้อมระอา
เลือกตั้งครั้งสมัยหน้า ใครเขาจะกล้าไปลงคะแนน

การเมืองเป็นรงเป็นเรื่องของผลประโยชน์
ผมพูดความจริงขอจงอย่าโกรธ ภาษาที่ใช้คำไทยโดดๆ
ขอโทษทีครับแบนหำทำไม หำคนทำกินใช่อันธพาลประเทศไทย
หำคำเดียวจำง่าย ชื่อจริงชื่อนาย หำเทียม

นักเขียนนักข่าว หำขอร้องกล่าวปรับความเข้าใจ
อย่านึกว่าเป็นนักเขียนมันง่าย เขียนสุ่มกันไปรับเงินลูกเดียว
งานจับปากกาก็เหมือนชาวนาเขากำด้ามเคียว
ขีดเขียนเก็บเกี่ยว ไม่ต่างกันตรงที่ความจริงใจ
เพลงหำคร่ำครวญ ชักชวนให้คุณเห็นความเป็นไทย
อย่าเอาหนังสือพิมพ์บ่อนทำลาย คว่ำกระจาดตลาดลงทุน
อย่ายอมรับใช้เขียนซ้ายเลียขวาจนวุ่น
กวนบ้านเมืองจนขุ่น กวนโอ๊ยกวนส้นตีน

ยังมีอีกมากที่ลากออกมาพอเป็นกระษัย แต่หำต้องขอทิ้งท้าย
ศิลปินไทยฟังหำหน่อยสิ อย่าร้องอย่ารำอย่านำทางมั่วโลกีย์
สร้างตัวอย่างไม่ดี ให้ลูกให้หลานให้เยาวชน
ใช่ร้องใช่รำทำด้วยแรงขนมปัง จะร้องจะเล่นเห็นความจริงบ้าง
ชาวนาเคว้งคว้างขัดสน แหกปากเข้าไป เอาแต่จะได้ประโยชน์ใส่ตน
ถึงหำจะแบนว่าสัปดน ยังดีกว่าคนที่เนรคุณ


 







หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 12-10-2006, 06:14
ทหารก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม น่าจะมีสิทธิ์มีเสียงในระบอบประชาธิปไตย

แต่ไม่ใช่ปฏิวัตินะครับ...ตราบใดที่ ระบบของรัฐสภายังทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ โอกาสที่ทหารจะทำการปฏิวัติมันก็เกิดขึ้นได้เสมอ

ดังนั้นพลังตรวจสอบรัฐบาลจากทุกภาคส่วน ภาคประชาชน เอกชน นักวิชาการ ชาวบ้าน ศาล องค์กรอิสระ สื่อ

เหล่านี้ต้องทำให้มีพลัง...ต้องจัดงบประมาณมาเสริม เปิดพื้นที่ภาคประชาชนให้มากขึ้น การเชื่อมโยงถักทอเป็นเครือข่ายตั้งกระชับขึ้น ใกล้ชิดขึ้น

การตรวจสอบจริยธรรมของนักการเมืองต้องทำให้เป็นรูปธรรมครับ เพราะนั่นคือ "ธงนำ" ของการตรวจสอบ

หากระบบมันถ่วงดุลกันได้ ทหารก็คงหมดความหมายในเชิงอำนาจ

เพราะหากประชาชนไม่สนับสนุน ทหารก็ไม่เคยทำสำเร็จ หรือแม้สำเร็จก็ไม่สามารถต้านพลังประชาชนได้หากมีสัญญาณว่าจะสืบทอดอำนาจไปนานเกินควร

การต่อต้านปฏิวัตินั้นไม่สามารถทำสำเร็จเพียงเพราะเขียนเป็นตัวหนังสือไว้แค่นั้น เพราะมันจะถูกลบด้วยกฎหมายใหม่เสมอ

บทความเสนอแค่...ไม่ยอมรับ...แล้วมันจะมีอะไรที่จะทำต่อไป...ในเมื่อรัฐบาลเก่าก็เลว รัฐประหารก็เลว

หากลุกขึ้นมาต่อต้าน สู้กันแบบ 14 ตุลา...ในวันนี้ เวลานี้...

ถามว่า คุณจะไปหาผู้บริหารมาจากใหน ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากไล่ทหารลงไป...ช่วยคิดต่อด้วยสิ

คิดให้ครบวงจรหน่อย


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 12-10-2006, 07:32
เห็นด้วยกับความคิดลุงแคนและคุณwillingแต่ผมขอเเสริมหน่อยครับว่า

การรัฐประหารสมัยนี้มันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าผู้นำในขณะนั้นไม่สร้างเงื่อนไขขึ้นมา ถามว่าครั้งนี้ทำไมทำสำเร็จ

ก็เพราะคน(กรุงเทพ)ส่วนใหญ่เห็นด้วยนะซิครับ เหตุเกิดเพราะทักษิณทำให้คน(กรุงเทพ)ไม่ไว้ใจจึงหันไปหาทหารเป็นที่พึ่งไง

ถ้าทักษิณนึกถึงบทเรียนในอดีดว่าคนต่างจังหวัดเลือกรัฐบาลแล้วคนกรุงเทพเป็นคนล้ม แล้วนำบทเรียนนี้มาเป็นข้อคิดประจำตน เหตุการณ์อย่างนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก

ผิดตั้งแต่คุณไปยุบสภาแล้ว ขนาดคุณเป็นนักเลือกตั้งซึ่งก็เป็นหัวใจของระบอบปชต คุณยังไปยุบสภาทิ้งทั้งที่สภาไม่ได้มีข้อขัดแย้งอะไรเลยนั่นก็เท่ากับคุณเป็นผู้ทำลายปชตเช่นกัน เพราะฉะนั้นอย่าโหยหาปชตกันแต่ปากหรือพล่ามแต่พูดว่าจะรักปชตเท่าชีวิตผมฟังแล้วเอียน

อ้อพวกอจ.ทั้งหลายที่ออกมาต่อต้านการรัฐประหารนะลองช่วยกันทำอย่างที่คุณอุทัยทำหน่อยเหอะ ถ้าพวกคุณกล้าทำละก้อผมเชื่อว่าอายุของคณะรัฐประหารชุดนี้ต้องสั้นลงแน่นอน แต่ถามว่ามีใครบ้างที่จะกล้าทุมเทเพื่อปชตโดยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ในขณะนี้


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 12-10-2006, 07:59
เรื่องยุบสภานั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่คนไทยผิดหวังมาก ๆ

กลุ่มที่ออกไปต่อต้าน เดินขบวน หรือมีกิจกรรมอื่น ๆ บางส่วนไม่เคยเรียกร้องให้ทหารออกมาแม้แต่น้อย

แต่ต้องการกดดันให้นายกลาออก ตามความผิดที่ได้กระทำไป ให้รับผิดชอบด้วยการลาออก

ไม่ใช่เรียกร้องให้ ทหารปฏิวัติ แต่เมื่อทหารออกมาหยุด ใช่..ส่วนหนึ่งเราพอใจที่ทักษิณออกไปได้

แต่ไม่ได้ถึงกับบอกว่า การปฏิวัติคือสิ่งที่ถูกต้อง

หลาย ๆ คนบอกว่า ไม่เห็นด้วย...แต่เข้าใจ...เพราะคงไม่มีทางอื่นอีกแล้ว ที่จะทำให้ผู้นำรู้สำนึก

ปกติเรื่อง ยุบสภา หรือ ลาออก เขาจะเขียนรัฐธรรมนูญไว้แบบกว้าง ๆ

แต่สำหรับเมืองไทย เห็นท่าจะต้องใส่รายละเอียดแบบตำราเรียนเลยมั๊ง...

บรรดาลิ่วล้อ และ นักวิชาการรัฐศาสตร์ที่กำลังออกลายอยู่ในปัจจุบันนี้ จะตอบคำถามเรื่องยุบสภาได้หรือไม่

หรือจะอ้างแค่ว่า...เป็นอำนาจนายก...แสดงว่าเชื่อในหลัก "อำนาจ" มากกว่า...เหตุผล" ใช่หรือไม่

เค้าเรียกร้องให้คุณลาออก ดันไปยุบสภาเสียนี่...



หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: p ที่ 12-10-2006, 08:41
ผมเสนอวิธีลดโอกาศ การเกิด รัฐประหาร
ผู้มีอำนาจ ทำความเข้าใจ และนำสิ่งเหล่านี้มาใช้
- ทศพิศราชธรรม
- พรหมวิหาร 4
ศึกษา ยึด แนวทาง ศาสนา เพื่อนำมาใช้เป็นหลักในการปกครอง  :slime_smile:

ขอให้เน้น "หิริโอตปะ" มากๆหน่อยครับ

 :)


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 12-10-2006, 08:54
มัวแต่จะโทษคนอื่นทำไมไม่ดูตัวเองบ้างว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น
ใครจะถูกจะผิดแล้วไง อนาคตมันก็ซ้ำรอยเดิมอีกอยู่ดี
เพราะคนส่วนใหญ๋ของประเทศยังไม่รู้จักบ้านตัวเอง
ก็เลยไม่เห็นความสำคัญของบ้านตัวเองไม่รู้จักดูแลรักษาบ้านตัวเอง
ไปเอาคนเลวๆมาดูแลบ้าน ผลที่ได้มันก็เป็นแบบนี้แหละ

ไม่ชอบรัฐประหารไม่อยากได้รัฐบาลแบบเดิมๆ
คนทั้งประเทศต้องช่วยกัน ต้องหาความรู้ ต้องมีส่วนร่วมในทุกๆระดับ
เริ่มตั้งแต่ในบ้าน ในท้องถิ่น ขึ้นมาเป็นระดับภาค ระดับประเทศ
ไม่ใช่เขาว่าไงก็ว่าตามกัน เขาเอาเงินมาให้ก็เลือกเขา หรือมีสิทธิแต่ก็เลือกกันไปส่งๆ
ใช้ประชาธิปไตยกันแบบมั่วๆ พอมีอะไรก็มาโทษทหาร โทษเผด็จการ โทษประชาธิปไตย
กลับไปดูตัวเองได้หรือยังครับงานปลูกจิตสำนึกเป็นงานยากและต้องใช้เวลา
ยังไม่สายยังมีเวลาที่จะเริ่มกันซักที แต่ถ้าไม่เริ่มคงได้มีวันที่มันสายเกินไปแน่ๆ


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 12-10-2006, 09:45
มัวแต่จะโทษคนอื่นทำไมไม่ดูตัวเองบ้างว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น
ใครจะถูกจะผิดแล้วไง อนาคตมันก็ซ้ำรอยเดิมอีกอยู่ดี
เพราะคนส่วนใหญ๋ของประเทศยังไม่รู้จักบ้านตัวเอง
ก็เลยไม่เห็นความสำคัญของบ้านตัวเองไม่รู้จักดูแลรักษาบ้านตัวเอง
ไปเอาคนเลวๆมาดูแลบ้าน ผลที่ได้มันก็เป็นแบบนี้แหละ

ไม่ชอบรัฐประหารไม่อยากได้รัฐบาลแบบเดิมๆ
คนทั้งประเทศต้องช่วยกัน ต้องหาความรู้ ต้องมีส่วนร่วมในทุกๆระดับ
เริ่มตั้งแต่ในบ้าน ในท้องถิ่น ขึ้นมาเป็นระดับภาค ระดับประเทศ
ไม่ใช่เขาว่าไงก็ว่าตามกัน เขาเอาเงินมาให้ก็เลือกเขา หรือมีสิทธิแต่ก็เลือกกันไปส่งๆ
ใช้ประชาธิปไตยกันแบบมั่วๆ พอมีอะไรก็มาโทษทหาร โทษเผด็จการ โทษประชาธิปไตย
กลับไปดูตัวเองได้หรือยังครับงานปลูกจิตสำนึกเป็นงานยากและต้องใช้เวลา
ยังไม่สายยังมีเวลาที่จะเริ่มกันซักที แต่ถ้าไม่เริ่มคงได้มีวันที่มันสายเกินไปแน่ๆ
มั่วใหญ่แล้ว คนส่วนใหญ่เค้าพอใจรัฐบาลและการปกครองของรัฐบาลชุดที่แล้วทั้งนั้น
คนส่วนน้อยแต่มีอาวุธต่างหากที่ไม่พอใจ พอยึดอำนาจได้ก็พูดว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่
ดูผลเลือกตั้งสิจะได้รู้อันไหนส่วนใหญ่ส่วนน้อย ไม่รับความจริงก็หาว่าจ้างหัวละพันบ้าง
คนไร้การศึกษาบ้าง ทั้งที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ล้างโคตรทักษิณ ที่ 12-10-2006, 11:16
แล้วก็มี แม่ยกหัวใจสลาย เที่ยวมานั่งคร่ำครวญ ปากเรียกหาหาประชาธิปไตยจอมปลอม แต่มีจุดประสงค์แอบแฝงเพื่อให้"เผด็จการนายทุน"มีโอกาสกลับมาครองสภา

อย่าเถียงว่าไม่ใช่ เพราะ ถ้าสิ่งที่คุณนำเสนอเกิดทะลึ่งเป็นจริงตอนนี้ นั่นหมายถึง เผด็จการหน้าเหลี่ยมสามารถกลับมานั่งสภา คงภูมิใจสินะ เผด็จการนายทุนน่ะ 

ประชาธิปไตยของคุณ มันมีความหมาย แค่ เพื่อให้ ไอ้เหลี่ยมได้กลับมาเป็นนายกฯ

เขาจะกอดเก้าอี้คลอดชีพ แล้วอ้างกติกา ว่า รากเน่าๆ(ขายเสียง) เลือกเขามาตลอด เกล็ดหิมะก็คงชอบเนอะ ทำตามกติกา......เข้าทางกู แล้วมาอ้างอย่างภูมิใจ  ว่า ข้ามาถูกกฎ 

เผด็จการนายทุนชนิดนี้ เกล็ดหิมะ แสนปลื้ม... :slime_sentimental:

ประชาธิปไตย(เหลี่ยมๆ)เจริญแล้ว


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 13-10-2006, 00:42
มัวแต่จะโทษคนอื่นทำไมไม่ดูตัวเองบ้างว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น
ใครจะถูกจะผิดแล้วไง อนาคตมันก็ซ้ำรอยเดิมอีกอยู่ดี
เพราะคนส่วนใหญ๋ของประเทศยังไม่รู้จักบ้านตัวเอง
ก็เลยไม่เห็นความสำคัญของบ้านตัวเองไม่รู้จักดูแลรักษาบ้านตัวเอง
ไปเอาคนเลวๆมาดูแลบ้าน ผลที่ได้มันก็เป็นแบบนี้แหละ

ไม่ชอบรัฐประหารไม่อยากได้รัฐบาลแบบเดิมๆ
คนทั้งประเทศต้องช่วยกัน ต้องหาความรู้ ต้องมีส่วนร่วมในทุกๆระดับ
เริ่มตั้งแต่ในบ้าน ในท้องถิ่น ขึ้นมาเป็นระดับภาค ระดับประเทศ
ไม่ใช่เขาว่าไงก็ว่าตามกัน เขาเอาเงินมาให้ก็เลือกเขา หรือมีสิทธิแต่ก็เลือกกันไปส่งๆ
ใช้ประชาธิปไตยกันแบบมั่วๆ พอมีอะไรก็มาโทษทหาร โทษเผด็จการ โทษประชาธิปไตย
กลับไปดูตัวเองได้หรือยังครับงานปลูกจิตสำนึกเป็นงานยากและต้องใช้เวลา
ยังไม่สายยังมีเวลาที่จะเริ่มกันซักที แต่ถ้าไม่เริ่มคงได้มีวันที่มันสายเกินไปแน่ๆ
มั่วใหญ่แล้ว คนส่วนใหญ่เค้าพอใจรัฐบาลและการปกครองของรัฐบาลชุดที่แล้วทั้งนั้น
คนส่วนน้อยแต่มีอาวุธต่างหากที่ไม่พอใจ พอยึดอำนาจได้ก็พูดว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่
ดูผลเลือกตั้งสิจะได้รู้อันไหนส่วนใหญ่ส่วนน้อย ไม่รับความจริงก็หาว่าจ้างหัวละพันบ้าง
คนไร้การศึกษาบ้าง ทั้งที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย

ก็ "แถ" กันไป 5555
ค่าเสียงคนแถวนี้เขาขายกันราคาไมถึงพันด้วยซ้ำ
เห็นมากะตา เดินถามกันทั้งหมู่บ้าน ได้เกือบทุกคน มาจากเกือบทุกพรรด
จะเอาระดับไหน บอกมา.. สส. สว. อบต. มีทั้งนั้น
ถามว่าไม่มีหลักฐานทำไมไม่เอาไปแจ้งตำรวจ
อย่าถามผมเลยครับ ไปถามตำรวจ กกต. ดีกว่า
หลักฐานมันหายไปไหน แจ้งไปแล้วเคยทำอะไรได้หรือเปล่า
"ไม่มีหลักฐาน" "ถ้าผิดจริงทำไมไม่โดนจับ" ผมฟังมาเยอะแล้วครับ
ใครเด็กใคร ที่เดินมานั่นซื้อให้ใคร เห็นหน้าก็รู้แล้วครับ
หลักฐานคาตาเงินคามือแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะอะไร
อย่ามา "แถ" เลยครับ รู้ทั้งรู้ แกล้งทำเป็นไม่รู้ไปได้


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 13-10-2006, 03:31
ก็บอกแล้ว ประชาธิปไตย มันไม่ครบวงจร

ไอ้ที่อ้าง 1 คน 1 เสียง นั่นมันแค่ที่มาของผู้แทน ที่มาของอำนาจเพื่อ ตีตั๋วเข้าสภาเท่านั้น

มันไม่ได้มาเกี่ยว เรื่องวิชาความรู้ คนชั้นกลางชั้นสูงอะไร

คำว่า..."เท่ากัน" คือ กาได้ เท่ากัน

แต่ "คุณภาพการกาบัตร" มันไม่เท่ากัน...เพราะข้อมูล ข่าวสารมันไม่เท่ากัน

ที่สำคัญจะทำยังไง ให้คนกาบัตรได้มีข้อมูล ข่าวสาร ประกอบการพิจารณาได้ "เท่ากัน"

มิใช่ให้คนมีเงิน เสพข่าวดาวเทียม รู้มากกว่าชาวบ้าน

อยากให้เท่าเทียม หรือเท่ากัน ก็ต้องให้ชาวบ้าน ได้รับรู้ข่าวสารจากพวกทีวีดาวเทียมบ้างสิ

หรือไม่เช่นนั้น ทีวี สื่อ ก็ต้องให้ความรู้ทางการเมืองให้กับชาวบ้านมากขึ้น ๆ

ความรู้เรียนทันกันหมด...ลอง ๆ ไปช่วยกันคิดดู จะช่วยกันยังไง...

ทำยังไงให้สังคมรากหญ้า รากแก้ว รากฝอยและทุกรากเหง้ารับรู้ว่า ทุกรากมีส่วนทำให้ประชาธิปไตยครบวงจรได้ด้วยการมีส่วนร่วมในการเมืองการปกครอง การตรวจสอบและท้วงติง

อย่าลืมว่า ต้นไม้นอกจากหาอาหารทางรากแล้ว...รากก็ต้องทำหน้าที่ "ค้ำยัน" ไม่ให้ต้นไม้โค่นเมื่อโดนแรงลม

รากและใบ ต้องหาทางสร้างถูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ปรับตัวและเปลี่ยนสังเคราะห์แสงแหล่งอาหารต่าง ๆ ให้ออกดอกออกผล เพื่อประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน

ไม่ใช่กาบัตรแล้วทอดทิ้ง ปล่อยให้พวกผู้แทนที่เรากาบัตรไปสวาปามทำไม่งามกับประเทศชาติ

นี่ต่างหากที่อยากจะให้ "เท่ากัน" คือ ออกมาช่วย "ตรวจสอบให้เท่ากัน" บ้าง แม้ไม่เท่าเทียมก็อย่าดูดาย..

ทำยังไงให้ประชาชนรู้ว่า เรามีส่วนใน ปตท. เท่ากัน มีส่วนใน กฟผ. เท่ากัน มีส่วนในสาธารณูปโภคสาธารณูปการเท่ากัน

ที่สำคัญ ทั้งประเทศ 70 กว่าล้านคน มีสิทธิ์ในรัฐบาลเท่ากัน มีสิทธิ์รักมีสิทธิ์เกลียด เท่า ๆกัน

ไม่ว่ารัฐบาลหน้าเหลี่ยม หน้าหล่อ มันก็คือรัฐบาลของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ

ไม่ว่ารัฐบาลคนหนุ่ม หรือรัฐบาลมะเขือเผา มันก็รัฐบาลของเราทั้งนั้น แม้ไม่ได้เลือก ใช่หรือไม่

มีประโยชน์อะไรที่มาตะโกน 1 เสียงเท่ากัน 1 เสียงเท่ากัน เพราะมันเป็นสิ่งที่เห็นจริงแล้ว

พูดบ่อย ๆ ก็เหมือนท่อง 1+1 + 2 นั่นแหละ

เด็กอนุบาล 3 วัดลิงขบก็รู้แล้ว


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 13-10-2006, 07:10
มั่วใหญ่แล้ว คนส่วนใหญ่เค้าพอใจรัฐบาลและการปกครองของรัฐบาลชุดที่แล้วทั้งนั้น
คนส่วนน้อยแต่มีอาวุธต่างหากที่ไม่พอใจ พอยึดอำนาจได้ก็พูดว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่
ดูผลเลือกตั้งสิจะได้รู้อันไหนส่วนใหญ่ส่วนน้อย ไม่รับความจริงก็หาว่าจ้างหัวละพันบ้าง
คนไร้การศึกษาบ้าง ทั้งที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย
ก็ "แถ" กันไป 5555
ค่าเสียงคนแถวนี้เขาขายกันราคาไมถึงพันด้วยซ้ำ
เห็นมากะตา เดินถามกันทั้งหมู่บ้าน ได้เกือบทุกคน มาจากเกือบทุกพรรด
จะเอาระดับไหน บอกมา.. สส. สว. อบต. มีทั้งนั้น
ถามว่าไม่มีหลักฐานทำไมไม่เอาไปแจ้งตำรวจ
อย่าถามผมเลยครับ ไปถามตำรวจ กกต. ดีกว่า
หลักฐานมันหายไปไหน แจ้งไปแล้วเคยทำอะไรได้หรือเปล่า
"ไม่มีหลักฐาน" "ถ้าผิดจริงทำไมไม่โดนจับ" ผมฟังมาเยอะแล้วครับ
ใครเด็กใคร ที่เดินมานั่นซื้อให้ใคร เห็นหน้าก็รู้แล้วครับ
หลักฐานคาตาเงินคามือแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะอะไร
อย่ามา "แถ" เลยครับ รู้ทั้งรู้ แกล้งทำเป็นไม่รู้ไปได้
มั่วแบบต่อยอด ญาติเป็นเทวดาหรือไงรู้ว่าเกือบทุกคนเกือบทุกพรรค
แค่แสดงความเห็นก็รู้แล้วว่าเป็นพวกเห็นหนึ่งบอกสิบ เห็นสองบอกเกือบหมด
นมพึ่งแตกพานหรือไงทำเป็นตื่นเต้น ไปสร้างกระบวนการตรวจสอบภาคประชาชน
ให้มันแข็งแรงซิครับ ตอนนี้มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วนี่ ไอ้โกงกันโจ่งแจ้งมันน้อยแล้ว
สื่อก็เยอะแยะยังกับว่าจะคุมมันได้ แค่หันตูดออกมันยังฉายไม่รู้กี่รอบ ไอ้ข้อมูลนิด
หน่อยแล้วเอามาขยายแบบนี้เลิกเหอะ ทำอะไรก็ไม่เจริญหรอกเพราะเห็นข้อเสีย
นิดหน่อยบอกว่าแย่ทั้งหมดต้องล้มกระดาน ได้ข้อมูลแย่ๆ แบบนี้ได้ตังค์ดีกว่า


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 13-10-2006, 07:47
ศาลท่านว่า...เลือกตั้งโมฆะ ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม

เที่ยวนี้ กกต. ก็จะใช้ พวกนมยังไม่แตกพานนี่แหละ ลงไปช่วยเป็นอาสาสมัคร

สมัยผมอยู่ปี 1 ก็ไปเป็นอาสาสมัครดูแลเลือกตั้ง...

เรื่องแบบนี้ต้องบอกกันตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งครั้งแรก

ตอนนี้ เค้ากำลังประสานกับ อธิการบดี มหาวิทยาลัยต่าง ๆอยู่...


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 13-10-2006, 09:02
ศาลท่านว่า...เลือกตั้งโมฆะ ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม

เที่ยวนี้ กกต. ก็จะใช้ พวกนมยังไม่แตกพานนี่แหละ ลงไปช่วยเป็นอาสาสมัคร

สมัยผมอยู่ปี 1 ก็ไปเป็นอาสาสมัครดูแลเลือกตั้ง...

เรื่องแบบนี้ต้องบอกกันตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งครั้งแรก

ตอนนี้ เค้ากำลังประสานกับ อธิการบดี มหาวิทยาลัยต่าง ๆอยู่...
มีเมียเป็นคอมพิวเตอร์เหรอครับ post ทั้งวันทั้งคืน หรือว่าแค่กิ๊ก
ไม่บอกล่ะว่าศาลให้เหตุผลยังไง ไม่เห็นจะเกี่ยวกับกระทู้หรือความ
เห็นข้างบนเลย อยู่ดีๆ ก็ยกมาเล่นๆ ซะงั้น ก็บอกว่าเค้ากำลังประสาน
อยู่ แสดงว่ามีการพัฒนา ทำไมไม่ค่อยคิดจะรอกันบ้าง ชอบแต่ใช้
กำลัง มันถึงไม่ไปไหน เก้าหน้าเก้าหลังอยู่นั่นเอง


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 13-10-2006, 09:50
หากนักการเมืองผู้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมีพรรคการเมืองเป็นองค์กรที่มีสถานภาพเป็นนิติบุคคล การบริหารงานในพรรคมีคณะกรรมการบริหารเป็นผู้กุมอำนาจและเป็นประชาธิปไตย


รู้จักการรับฟังความเห็นของสมาชิกพรรคและประชาชนทั่วไป ยอมรับความบกพร่องผิดพลาดแล้วปรับปรุงแก้ไข

ไม่ดื้อดึงดันทุรังที่จะเอาชนะคะคานฝ่ายที่ขัดแย้งไม่ว่าจะเป็นใครหรือฝ่ายไหนจนนำไปสู่การทวีความขัดแย้งถึงขั้นแตกหัก  

ก็เชื่อว่าปัญหาทุกอย่างจะจบลงด้วยดี แต่คล้ายกับนักการเมืองไทยถูกสาป ยามใดมีอำนาจก็มักจะหลงอำนาจและสุดท้ายต้องมานั่งเสียใจภายหลังด้วยเหตุที่เกิดความรุนแรงถึงขั้นนองเลือดหรือการถูกรัฐประหารโดยผู้ถืออาวุธ อย่างไรก็ตาม ว่าไปแล้วก็มิได้มีแต่เฉพาะนักการเมืองอันเป็นต้นเหตุเท่านั้นที่เสียใจ ประชาชนผู้รักและหวงแหนศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยก็เสียใจไม่น้อยไปกว่ากัน หรือบางทีอาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำเพราะเป็นผู้ที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยมากับมือ

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01edi01051049&day=2006/10/05

ประเด็นง่ายๆที่นักการเมืองที่ผ่านมา ทำได้ยาก


หัวข้อ: ถ้าใครบอกว่าทักษิณจะทำรัฐประหารก่อน แล้วฝ่ายนี้ชิงทำ ก็พูดเท็จโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 13-10-2006, 12:09
ว่ายทวนน้ำ โดย ใบตองแห้ง ไทยโพสต์ 13 ตุลาคม 2549

...ถ้าอ่านข่าวเบื้องหลังการรัฐประหารอย่างละเอียด ถึงวันนี้ก็มีข้อมูลออกมามากพอแล้ว
ว่า ฝ่ายรัฐประหารตัดสินใจตั้งแต่ทักษิณไปนอก มีสัญญาณมาตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน
ด้วยซ้ำ (ทักษิณ-หมอมิ้งจึงพยายามออกมาบลัฟ) พอทักษิณไป พันธมิตรฯ จึงออกมา
ประกาศนัดชุมนุมวันที่ 22 แล้วเลื่อนมา 20 (วันที่ 21 เลขไม่สวย หาฤกษ์ดีให้ลงตัว
วันที่ 19-ฮา)

การตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าเอาแน่ มีขึ้นในคืนวันที่ 17
เรียกนายทหารมาประชุมวางแผนที่เกษะโกมลคืนวันที่ 18
เช้าวันที่ 19 ก็เอาทหารเข้ามาจากต่างจังหวัด ขึ้นรถบัสรถทัวร์แต่งนอกเครื่องแบบ
เข้ามา ตกเย็นก็คุมพื้นที่ทั้งหมด โดยเฉพาะหน่วยที่ ตท.10 คุมกำลังอยู่

คำพูดที่ว่า "ฆ่าให้หมด" ถ้ามีจริงก็เป็นคำขู่พวก ตท.10 บอกว่าหน่วยรบพิเศษป่าหวาย
พล 9 ราบ 21 ฯลฯ ล้อมไว้หมดแล้ว เป็นพวกที่ผ่านการรบโชกโชน ทหารกรุงเทพฯ อย่า
หือ พวกนี้จึงต้องยอม (ซึ่งก็ไม่ใช่จะฆ่าจริงหรอก แค่บลัฟกันเท่านั้น) ตท.10 ส่วนหนึ่งก็
ถูกกล่อมจนโอนเอนมาก่อน เช่นกองพลทหารม้า (รถถัง)  จำได้ไหมว่าทักษิณเข้าไป
ฝากฝังก่อนไปนอก เพราะรู้ว่าเพื่อนถูกอีกฝ่ายกล่อม ซึ่งเอาเข้าจริงเขาก็ยอมไม่มีการต่อสู้
กองพล ปตอ. ถูกเรียกไปคุยและยอมเช่นกัน  พล 1 ทำท่าจะไม่ยอม แต่ ผบ.พันถูกโยก
ย้ายวางตัวไว้ก่อนนั้นแล้ว ผบ.พลนั่งหัวโด่อยู่คนเดียว

ฝ่ายรัฐประหารคุมพื้นที่ตั้งแต่เย็นแล้วครับ ผมได้ยินข่าวตั้งแต่บ่าย ทีวีช่อง 5 สแตนด์บาย
ตั้งแต่ 3 ทุ่ม ทราบว่ามีการโทร. ไปกล่อมทักษิณ แต่ทักษิณไม่ยอม จึงออกประกาศ
สถานการณ์ฉุกเฉินสวนมาทางช่อง 9 ในเวลาสี่ทุ่มกว่า เป็นประกาศที่ไม่มีความหมาย
ฉะนั้น ถ้าใครบอกว่าทักษิณจะทำรัฐประหารก่อน แล้วฝ่ายนี้ชิงทำ ก็พูดเท็จโดยสิ้นเชิง

ที่ผมบอกว่าทักษิณไม่ทำ สาเหตุสำคัญคือ ทักษิณคิดว่าตัวเองเลือกตั้งก็ชนะ
และคำว่า "สากล" ก็ไม่ได้หมายถึงอเมริกา แต่หมายถึงกระแสโลกทั้งหมด ทั้ง
ประเทศต่างๆ สื่อ และองค์กรนานาชาติ ซึ่งเปรียบเทียบกับรัฐประหารครั้งนี้แม้จะ
เป็นที่ยอมรับของคนไทย เป็นที่ยอมรับของสื่อทั่วโลกว่าเพราะทักษิณผูกขาดอำนาจ
มีการทุจริต ขนาดนั้นกระแสโลกก็ยังไม่เต็มใจยอมรับ ถ้าเป็นทักษิณทำเอง จะขนาด
ไหน บางประเทศอาจจะบอยคอตต์ไปเลยก็ได้

เวลาด่าอเมริกาผมก็เคยยกตัวอย่างแล้วนี่ครับว่า ตอนอเมริกาออกรายงานการละเมิด
สิทธิมนุษยชน พวกทักษิณก็ไปด่าทอหน้าสถานทูตเหมือนกัน แล้วตอนนั้นพวกเราว่า
อย่างไร ชื่นชมอเมริกาใช่ไหม?
มหาอำนาจมันก็มีด้านที่มีผลประโยชน์มันจึงคบปากีสถาน แต่ถามย้อนกลับว่า ถ้า
ประเทศไหนมีการรัฐประหาร แล้วสหประชาชาติกับอเมริกาออกมายอมรับสนับสนุน
ทุกแห่ง โลกนี้มันจะอยู่กันอย่างไร ก็เป็นธรรมดาที่เขาต้องไม่ยอมรับ ไม่สนับสนุน แต่
ไม่ถึงกับตัดความสัมพันธ์ แล้วเดี๋ยวมันก็จะค่อยๆ กลับมาทีละขั้นเอง

ขอแสดงความนับถือ

ใบตองแห้ง

ป.ล. ไม่ต้องเลือกสักพรรคการเมือง เพราะเราไม่เชื่อถือนักการเมืองแล้ว ไม่เชื่อ
        รากหญ้าโง่ๆ ก็มีรัฐบาลแต่งตั้งกับสภาแต่งตั้งทำ OT ต่อไปเรื่อยๆ สัก 12 ปี
        จนกว่าประชาชนจะฉลาดขึ้น

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=13/Oct/2549&news_id=131575&cat_id=400

ป.ล. ประชดจังนะคะ ว่าแต่ 12 ปี น้อยไปหรือเปล่า? ... อ้าว ประชดกว่าอีก 555  :mrgreen:


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 13-10-2006, 15:49
เรียน k. สโนว์เฟะ
   ตกลงว่าไม่เชื่อที่พวกแก่ๆ ในนี้บอกว่าถ้าทหารไม่ยึดอำนาจแล้วทักษิณจะประกาศ พรก สำเร็จใช่มั้ย
จริงๆ เหตุการณ์ในวันนั้นก็ค่อนข้างชัดเจนว่าทหารมีการเคลื่อนไหวตั้งแต่บ่ายๆ เย็นๆ แต่ทำไมถึงมีคน
ตั้งเยอะเชื่อว่าทักษิณประกาศ พรก โดยไม่จำเป็นขึ้นมาก่อน ถึงจะมีการปฏิวัติ แล้วยังต่อด้วยว่า ถ้า ไม่
ปฏิวัติแล้ววันรุ่งขึ้นจะมีการขนม็อบมาชนม็อบผ้าพันคอฟ้า ทำให้ต้องประกาศ พรก อยู่ดี ดูแล้วไม่เป็นเหตุ
ผลเอาเลย หาความชอบธรรมด้วยคำว่า ถ้า เอาดื้อๆ แล้วมีการกักบริเวณรัฐมนตรีเป็นอาทิตย์
ประกาศกฎอัยการศึกไม่เลิก เรียกว่าไม่ยอมให้อีกฝ่ายชี้แจงตอบโต้จนกว่าเรื่องจะซา เข้าใจว่าคุณอยู่
ตรงกลาง แต่ว่าถ้าสามคนยืนเรียงกัน คนทางซ้ายยังไงก็ต้องคิดว่าคุณอยู่ทางขวาจะขวามากขวาน้อย
ก็แล้วแต่ คนทางขวาก็จะคิดว่าคุณอยู่ทางซ้ายมือเขา ดังนั้นก็อย่าไปเป็นกลางดีกว่าโดนด่าทั้งสองฝ่าย
พวกน้อย


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 13-10-2006, 16:08
เรียน k. สโนว์เฟะ
   ตกลงว่าไม่เชื่อที่พวกแก่ๆ ในนี้บอกว่าถ้าทหารไม่ยึดอำนาจแล้วทักษิณจะประกาศ พรก สำเร็จใช่มั้ย
จริงๆ เหตุการณ์ในวันนั้นก็ค่อนข้างชัดเจนว่าทหารมีการเคลื่อนไหวตั้งแต่บ่ายๆ เย็นๆ แต่ทำไมถึงมีคน
ตั้งเยอะเชื่อว่าทักษิณประกาศ พรก โดยไม่จำเป็นขึ้นมาก่อน ถึงจะมีการปฏิวัติ แล้วยังต่อด้วยว่า ถ้า ไม่
ปฏิวัติแล้ววันรุ่งขึ้นจะมีการขนม็อบมาชนม็อบผ้าพันคอฟ้า ทำให้ต้องประกาศ พรก อยู่ดี ดูแล้วไม่เป็นเหตุ
ผลเอาเลย หาความชอบธรรมด้วยคำว่า ถ้า เอาดื้อๆ แล้วมีการกักบริเวณรัฐมนตรีเป็นอาทิตย์
ประกาศกฎอัยการศึกไม่เลิก เรียกว่าไม่ยอมให้อีกฝ่ายชี้แจงตอบโต้จนกว่าเรื่องจะซา เข้าใจว่าคุณอยู่
ตรงกลาง แต่ว่าถ้าสามคนยืนเรียงกัน คนทางซ้ายยังไงก็ต้องคิดว่าคุณอยู่ทางขวาจะขวามากขวาน้อย
ก็แล้วแต่ คนทางขวาก็จะคิดว่าคุณอยู่ทางซ้ายมือเขา ดังนั้นก็อย่าไปเป็นกลางดีกว่าโดนด่าทั้งสองฝ่าย
พวกน้อย


คุณชอบแถ ผมคิดว่า คุณ snow เธอไม่คิดหรอกว่า เธอจะต้องเลือกข้างใครเพราะมีพวกเยอะกว่า ผมแสดงความเห็นไปผมก็ไม่สนว่าใครจะพวกเยอะกว่าหรือน้อยกว่า

ประเด็นสำคัญคือ ทั้งฝ่ายทักษิณสู้สู้ และทักษิณออกไป ต่างฝ่ายต่างงง

ไอ้ทักษิณออกไป มันก็สงสัยว่า อ้าวแล้วตกลงจะเอาทักษิณออกได้ไง ชุมนุมประท้วงตามที่รัฐธรรมนญูรับรอง ก็บอกว่ารุนแรง พอเขายึดอำนาจก็บอกไม่เป็นประชาธิปไตย จะเอาเลือกตั้ง เอ๊ะ แล้วทางออกที่มันเป็นไปได้อยู่ตรงไหน

ไอ้ทักษิณสู้สู้ มันก็สงสัยว่า อ้าว ตอนแรกบอกไม่ชอบทักษิณ พอเขาออกไปไล่ทักษิณ ก็บอกไม่ชอบ พอเขายึดอำนาจก็ไม่หนุน บอกชอบนายกที่มาจากการเลือกตั้ง อ้าว ก็ทักษิณก็มาจากเลือกตั้งไง(แต่ไม่พูดถึงความบริสุทธิ์) เออ แล้วจะเอาไง

โยนเหรียญ มันต้องออกหัวไม่ก็ต้องออกก้อยสิ คือให้มันมีทางออก ให้มันไปสักทาง


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 13-10-2006, 16:20
ฝ่ายทักษิณสู้สู้ไม่งงหรอก เพราะว่าฝ่ายคุณสโนว์เค้าต้องการให้ออกไปตามกระบวนการประชาธิปไตย
คือ ให้ความรู้คนเยอะๆ สร้างการตรวจสอบภาคประชาชนให้แข็งแรง ถ้าถึงตอนนั้นทักษิณรู้ว่าผู้คนเริ่ม
ไม่ชอบแล้ว ก็จะต้องปรับตัวให้ดีขึ้น ไม่งั้นก็จะอยู่ไม่ได้เพราะแพ้เลือกตั้ง จะโกงเลือกตั้งก็ไม่ได้เพราะ
ภาคประชาชนแข็งแกร่ง สื่อก็ตรวจสอบตลอด การพัฒนาการของสื่อและภาคประชาชนก็เห็นผลได้ชัด
เจนอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ถ้าทักษิณทำตัวให้ดี คิดว่าคุณสโนว์ก็น่าจะรับได้นะ สรุปว่า ฝ่ายที่เป็น
กลางเค้าไม่ใจร้อนอย่างพวกเกลียดทักษิณไงครับ


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 13-10-2006, 16:29
ฝ่ายทักษิณสู้สู้ไม่งงหรอก เพราะว่าฝ่ายคุณสโนว์เค้าต้องการให้ออกไปตามกระบวนการประชาธิปไตย
คือ ให้ความรู้คนเยอะๆ สร้างการตรวจสอบภาคประชาชนให้แข็งแรง ถ้าถึงตอนนั้นทักษิณรู้ว่าผู้คนเริ่ม
ไม่ชอบแล้ว ก็จะต้องปรับตัวให้ดีขึ้น ไม่งั้นก็จะอยู่ไม่ได้เพราะแพ้เลือกตั้ง จะโกงเลือกตั้งก็ไม่ได้เพราะ
ภาคประชาชนแข็งแกร่ง สื่อก็ตรวจสอบตลอด การพัฒนาการของสื่อและภาคประชาชนก็เห็นผลได้ชัด
เจนอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ถ้าทักษิณทำตัวให้ดี คิดว่าคุณสโนว์ก็น่าจะรับได้นะ สรุปว่า ฝ่ายที่เป็น
กลางเค้าไม่ใจร้อนอย่างพวกเกลียดทักษิณไงครับ

เป็นการเรียบเรียงความคิดที่ดีครับ

ทีนี้ก็เหลือแต่ snowflake และชาวเที่ยงคืน น่าจะพูดให้ชัดๆไปเลยว่าเห็นด้วยกับเหตุผลของฝ่ายทักษิณสู้สู้


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ooo ที่ 13-10-2006, 23:18
    ถ้าประกาศคณะปฎิวัติไม่ใช่กฏหมาย รับรองได้ว่าจะมีแต่ความวุ่นวายไม่รู้จบ


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 14-10-2006, 00:54
มีบทความจาก The Nation อันหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่า มีความน่าสนใจและคุณ snowflake ควรอ่านอย่างยิ่ง ดีกว่าไปจมปรักกับนายใบตองแห้ง กับพวกเที่ยงคืน

OVERDRIVE
Behind democracy's facade, the rule of law withered


We have survived the political crisis. Now we need to explain to the whole world what went wrong.


It is undeniable that the September 19 military coup destroyed Thai democracy. But did we have a choice? Did we have democracy in the first place? And even more importantly, did we have rule of law in place?
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ทำลายประชาธิปไตย แตว่าเรามีทางเลือกไหม? แล้วจริงๆแล้วก่อนวันยึดอำนาจเรามีประชาธิปไตยแล้วแน่หรือ? และที่สำคัญกว่าเรามี rule of law แล้วหรือ?



"We have a surplus in democracy. But we have a deficit in the rule of law. A country may have rule of law without democracy, but it can't have democracy without the rule of law," says Dr Ammar Siamwalla, one of Thailand's most respected economists.
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. อัมมาร์ สยามวาลา กล่าวว่า เราได้เปรียบดุลประชาธิปไตย แต่ว่าเรื่อง rule of law เราขาดดุล  บางประเทศไม่ต้องมีประชาธิปไตยก็ได้แต่มี rule of law แต่ว่าเราจะเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ถ้าขาด rule of law

(rule of law จะแปลว่า หลักนิติธรรม ได้ไหมครับ ผมไม่แน่ใจ, ผมคิดว่า น่าจะแปลว่า การบังคับใช้กฎหมายโดยเที่ยงธรรม มากกว่า)



If we start with Ammar's assumption then we can clearly get to the bottom of the derailing of Thai democracy and rule of law. Before the coup, Thailand could probably claim that it had a surplus in democracy. We had a nice Constitution. We had elections. We had members of Parliament. We had an elected executive branch. We had institutions for checks and balance. We had a free press, although the broadcast media were under government control. We had NGOs. We had street protests. These were components of a democratic system.
หากเราเริ่มจากสมมติฐานของดร.อัมมาร์ งั้นเราก็สามารถไปถึงเบื้องลึกของการออกนอกลู่นอกทางของประชาธิปไตย และ rule of law ของไทย

ก่อนการยึดอำนาจ ประเทศไทยน่าจะสามารถอ้างได้ว่า เราได้ดุลเรื่องประชาธิปไตย เรามีรัฐธรรมนูญ เรามีการเลือกตั้ง เรามีสมาชิกสภา เรามีผู้บริหารที่มาจากการเลือกตั้ง เรามีสถาบันตรวจสอบ เรามีสื่อมวลชนเสรี(แม้ว่าสื่อโทรทัศน์วิทยุจะถูกรัฐควบคุม) เรามี NGO เรามีการประท้วงบนถนน นี่คือส่วนประกอบสำคัญของระบอบประชาธิปไตย

Singapore's democratic system is not a model that many other countries would like to follow, but the island republic is equipped with a strong system of rule of law. Investors put their money into Singapore or Hong Kong because they trust their rule of law - not their democracies.
รูปแบบประชาธิปไตยของสิงคโปร์ไม่ได้เป็นอะไรที่ประเทศอื่นเขาใฝ่หาเลย แต่ว่าประเทศนี้มีความเข้มแข็งของหลักนิติธรรม นักลงทุนแห่เอาเงินไปลงในสิงคโปร์และฮ่องกงไม่ใช่เพราะชอบประชาธิปไตย แต่เพราะเชื่อมั่นในหลักนิติธรรมของเขา

China is a communist regime. But it is the darling of global investors and companies. China has been able to suck in between US$50 billion (Bt1.9 trillion) and $60 billion a year in foreign direct investment. Again, investors do not care about China's political system at all. They are only interested in whether the rule of law in China is reliable enough to protect their assets.
ประเทศจีนเป็นคอมมิวนิสต์ แต่ว่า นักลงทุนทั่วโลกกลับแห่ไปลงทุนและไปเปิดบริษัท จีนสามารถดูดเงินเข้าประเทศปีละ 5-6 หมื่นล้านเหรียญ นักลงทุนไม่แคร์หรอกว่าจีนจะปกครองด้วยระบอบอะไร พวกเขาแค่สนใจว่า การบังคับใช้กฎหมายในจีน เชื่อถือได้แค่ไหนที่จะปกป้องทรัพย์สินของพวกเขา ก็แค่นั้นเอง


Burma does not have democracy, nor has it put in place the rule of law. That's why few care to do business with the country.
พม่าไม่มีประชาธิปไตย และปราศจากหลักนิติธรรม แล้วใครจะอยากไปลงทุนในประเทศแบบนี้


Thailand did not have any problems with democracy, at least in its nominal form. But its rule of law was not functioning. Only the judicial system and the Bank of Thailand managed to keep relative independence during the Thaksin reign.
ประเทศไทยไม่มีปัญหาเรื่องประชาธิปไตย (อย่างน้อยก็เรื่องรูปแบบ) แต่ว่าหลักนิติธรรมของไทยไม่ทำงาน ก็มีแค่ฝ่ายตุลาการและแบ๊งค์ชาติเท่านั้นที่ยังเป็นอิสระจากระบอบทักษิณ


Thaksin Shinawatra came to power in 2001 via the democratic system enshrined in the 1997 Constitution. But during his reign, he subjugated Thailand's rule of law to serve the narrow interests of his regime. Thaksin consolidated his power by controlling Parliament, the executive branch, the independent institutions, half of the armed forces, the police, the public prosecutors, the bureaucratic system (with the permanent secretaries, director-generals and directors acting as his cronies), the CEO governors, the village headmen. Big businessmen were also his allies.


Instead of serving the public interest, the institutions, government agencies and bureaucratic system were more interested in protecting the interests of the state - or the Thaksin regime. Thaksin was clever with his carrot-and-stick method of control. If you were part of the regime, you got promotion and rewards. If you were against the regime, you were branded an enemy of the state.




http://www.nationmultimedia.com/2006/10/13/opinion/opinion_30016053.php


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: willing ที่ 14-10-2006, 02:10
ดร.อัมมาร์  เขียนได้ดีมากครับ
อ่านแล้วได้แนวคิดใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน

ขอสรุปนะครับ (ตามเคย)

1. การปฏิวัติครั้งนี้ ได้ทำลายประชาธิปไตยของไทยไป อย่างแน่นอน (ต้องสร้างขึ้นมา)

2. แต่ มี สึ่งหนึ่งที่ สำคัญกว่า ประชาธิปไตย นั่นคือ กฏหมายเราใช้ได้จริงหรือไม่ (Enforceable Law)
    หมายถึง เมื่อมีคนทำผิดแล้ว เราสามารถนำตัวมาพิจารณาและลงโทษตามบทกฏหมายได้

เมื่อก่อนนี้ไม่นาน เรามี ประชาธิปไตย (Willing: only in Form) แต่ ไม่มี Enforceable Law

ทำให้ต่างชาติไม่กล้ามาลงทุน เนื่องจากไม่แน่ใจว่ากฏหมายเมืองไทย
จะสามารถปกป้อง ผลประโยชน์ เขาได้ตามที่เขียนไว้ในกฏหมายหรือเปล่า

3. เปรียบเทียบประเทศต่างๆ
- สิงคโปร์ - ไม่ค่อยมี ประชาธิปไตย    มี Law    = ต่างชาติลงทุน
- จีน       -    ไม่มี    ประชาธิปไตย    มี Law     = ต่างชาติลงทุน
- พม่า     -     ไม่มี    ประชาธิปไตย   ไม่มี Law  = ทุกคนไม่กล้าลงทุน
- ไทย    -     มี ประชาธิปไตย    ไม่มี Law  = ????

4. และก้อตรงนี้ บอกว่า ทักษิณ เล่นการเมือง เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง เล่นพรรคเล่นพวก

อ้างถึง
Instead of serving the public interest, the institutions, government agencies and bureaucratic system were more interested in protecting the interests of the state - or the Thaksin regime. Thaksin was clever with his carrot-and-stick method of control. If you were part of the regime, you got promotion and rewards. If you were against the regime, you were branded an enemy of the state.

สำหรับตรงนี้ แล้วแต่คนอื่นจะคิดนะครับ เพราะ ศาลยังไม่ได้ตัดสิน
แต่ส่วนตัวที่ผมเคยเจอมา มันเป็นจริงครับ ถ้าไม่ได้เป็นพวกพ้องทักษิณ อย่าหวังจะได้อะไรเลย

เหตุผลที่ชอบ Dr คนนี้เขียนมากๆ ไม่ใช่เพราะเห็นด้วยกับเขา
แต่เพราะว่า เขาคิดเป็นเหตุเป็นผล มีการยกตัวอย่างมาอ้างอิงเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน
ทำให้อ่านเข้าใจและ คล้อยตามได้ง่าย

แต่ทว่า... เขามองในแง่เศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจเป็นหลักเท่านั้นครับ
น่าจะวิเคราะห์ในมุมองอื่นด้วย... อยากอ่านต่อ

ขอบคุณ คุณ ThaiTruth ที่เอามาให้อ่าน


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ล้างโคตรทักษิณ ที่ 14-10-2006, 07:43
แล้วก็มี แม่ยกหัวใจสลาย เที่ยวมานั่งคร่ำครวญ ปากเรียกหาหาประชาธิปไตยจอมปลอม แต่มีจุดประสงค์แอบแฝงเพื่อให้"เผด็จการนายทุน"มีโอกาสกลับมาครองสภา

อย่าเถียงว่าไม่ใช่ เพราะ ถ้าสิ่งที่คุณนำเสนอเกิดทะลึ่งเป็นจริงตอนนี้ นั่นหมายถึง เผด็จการหน้าเหลี่ยมสามารถกลับมานั่งสภา คงภูมิใจสินะ เผด็จการนายทุนน่ะ 

ประชาธิปไตยของคุณ มันมีความหมาย แค่ เพื่อให้ ไอ้เหลี่ยมได้กลับมาเป็นนายกฯ

เขาจะกอดเก้าอี้คลอดชีพ แล้วอ้างกติกา ว่า รากเน่าๆ(ขายเสียง) เลือกเขามาตลอด เกล็ดหิมะก็คงชอบเนอะ ทำตามกติกา......เข้าทางกู แล้วมาอ้างอย่างภูมิใจ  ว่า ข้ามาถูกกฎ 

เผด็จการนายทุนชนิดนี้ เกล็ดหิมะ แสนปลื้ม... :slime_sentimental:

ประชาธิปไตย(เหลี่ยมๆ)เจริญแล้ว



หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 14-10-2006, 10:46
ดร.อัมมาร์  เขียนได้ดีมากครับ
อ่านแล้วได้แนวคิดใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน

เอ่อ บทความนี้เขียนโดยคุณทนง ขันทอง นักข่าวชั้นอาวุโส ของ The Nation ครับ :slime_bigsmile:

ซึ่งเป็นการอธิบายความจากคำสัมภาษณ์ของ ดร.อัมมาร์ มาอีกที อ่านแล้วรู้สึก "เออ จริงว่ะ"

ไม่ทราบว่า คุณ willing ได้ยินข่าวสักประมาณไม่เกิน 2 สัปดาห์มานี้หรือไม่ ที่หัวหน้าสาขาพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเซี่ยงไฮ้ ถูกจับได้ว่า ยักยอกเงินประกันสังคมไปถึง $1,000,000,000,000 เหลือเชื่อไหมครับ ไม่ใช่ตัวเลขที่เหลือเชื่อ เพราะเซี่ยงไฮ้ประชากรเยอะมาก และรวยมาก แต่ตัวเลขขนาดนี้ทำคนเดียวเป็นไปไม่ได้ เวลานี้ปักกิ่งยังไม่ประหารนายนี่ แต่กำลังสืบไปหาพวกที่ร่วมขบวนการโกง แล้วเอามาลงโทษทีเดียวพร้อมกันหมด ในจีนแผ่นดินใหญ่ พวกคอรับชั่น โกงชาติ ปล้นภาษีประชาชน ถูกตัดสินลงโทษไม่พอ ยังมีการลงข่าวประณามด้วยครับ

อาจมีบางคนหาว่า จีนโหดอำมหิต ไม่มี "เมตตาธรรม" เราก็คงต้องย้อนกลับไปถามว่า ถ้าเมตตากับคนโกงแบบนี้ แปลว่า แล้ว "ความเป็นธรรม" แก่ผู้ที่สูญเสีย ถูกเอาเปรียบ ได้รับความเดือดร้อน อยู่ตรงไหน

ผมคิดว่า ทาง ค.ม.ช. ต้องเก็บไปคิดให้เยอะๆว่า การลงโทษคนผิด ช้าไม่ได้ และยอมความอะไรไม่ได้


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 14-10-2006, 15:11
กฎหมายดีแค่ใหน ถ้าการบังคับใช้เป็นง่อย ก็ใช้ไม่ได้ครับ

รู้สึก อ.ปุระชัย ให้สัมภาษ์เรื่องนี้ืเมื่อวันได้รับแต่งตั้งเป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติ 2-3 วันนี่เองครับ


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 14-10-2006, 17:50
เหอะ เหอะ...การบังคับใช้เป็นง่อย...

แล้วรัฐประหารมันจะแก้ปัญหาตรงจุดนี้ได้หรือ คิดอะไรเป็นเด็กอมมือไปได้

เคยบอกเอาไว้แล้วว่า การแก้ไขปัญหาด้วยการเด็ดยอดบนสุดมันไม่เคยแก้ได้เลย


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 14-10-2006, 17:55
เค้ากำลังแก้ไขไง อ่านโครงร่างขอธีรยุทธ์สิ เค้าเสนออะไร ยังไง

ภาคประชาชน หน่วยงานตรวจสอบ ควรมาจากใหน มีอะไรรองรับ

ของพวกนี้มันต้องรื้อใหม่หมด สร้างประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ของแท้ขึ้นมาสิ

มัวแต่บ้าตำราฝรั่ง จนลืมสถาบันหลัก ๆ ในสังคมไทยไปได้ยังไง


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 14-10-2006, 18:12
มันเริ่มต้นคิดมาจากสิ่งที่ผิดๆ เนื้อแท้แล้วไม่มีอะไรนอกจากปล่อยเลยตามเลย

เป็นความสิ้นคิด ของนักวิชาการไทยแนวหน้าบ้านเรา

เห็นแล้วน่าอัปยศอดสู....


บอกกี่ครั้งกี่หนแล้ว นี่คือการต่อสู้กันทางชนชั้น ที่มีประเทศชาติเป็นเดิมพัน


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 14-10-2006, 18:19
หลักเศรษฐศาสตร์พื้นฐาน ถ้าอะไรไม่คุ้มทุนคนย่อมไม่ทำ ถ้าเขาคิดว่ารัฐประหารแล้วเสียมากกว่าได้ เขาย่อมไม่ทำ
ถ้าไม่อยากให้มีการรัฐประหารอีก พวก 14 ล้านเสียงต้องออกไปชุมนุมกัน ณ บัดนี้
เพื่อแสดงพลังให้คณะรัฐประหาร และคนที่จะคิดทำรัฐประหารต่อไปในอนาคต ได้เข้าใจว่าประชาชนจะไม่ยอมให้เกิดรัฐประหารอีก
คุณ snowflake ก็ควรจะออกไปแสดงพลังบ้างอาจจะดีก็ได้ กฎหมายหรือรัฐศาสตร์อะไรก็ป้องกันรัฐประหารไม่ได้หรอก ลืมเสียเถิด


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 14-10-2006, 18:20
ชนชั้นใหนเหรอ

ชนชั้นนายทุนบวกรากหญ้า..ชนกับ...ชนชั้นปัญญาชนกับชนชั้นกลาง อย่างนั้นใช่หรือไม่

หรือชนชั้นทุนสามานย์กับทุนเก่า เอาให้แน่


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 14-10-2006, 18:22
เคยไปหาหมอกันไหมครับ...

ถ้าเคย...


เวลาเขาทำประวัติ...เราต้องเขียนอะไรลงไปในบัตรมั่ง..

ชื่อนามสกุล..อายุ....กรุ๊ี๊ปเลือด..และในบางที่เขาจักให้เราบอกด้วยว่าเคยเเพ้ยาอะไรรึไม่..

ใช้รึไม่ครับ...


แล้วเขาทำเช่นนี้เพราะอะไร...


เพราะที่เขาทำเช่นนี้...

ก็เพราะที่จักจัดยาให้เรานั้นถุกต้อง..เพราะยางบางตัวมันอาจจะเป็นยาดียาวิเศษ...

แต่มันก็อาจจะส่งผลกระทบผลข้างเคียง..ต่ออายุ..ผู้ใช้.. ต่อกรุ๊ปเลือด..ผู้ใช้..จากสารในตัวยา..ที่ผูุ้้ใช้เคยแพ้ใช้รึไม่...
 
เขาเลยต้องเอายาอีกตัวที่ด้อยแต่มันไม่มีผลกระทบอะไรกะผู้ใช้...


และเราจักสรุปว่า..หมอคนนั้นเลว..อย่างงั้นหรือ..

ที่เขาไม่ยอมใช้ยาตัวที่ดีที่สุด...กะคนไข้..และถึงเเม้นใช้ไปคนไข้เเทนที่จักหายแต่กลับต้องตายภายในพริบตา..
 
ก็ต้องสรุปว่า..ไอ้หมอคนนี้มันชั่ว....ที่เลือกใช้ยาอ่อน...ใช้รึไม่...
 


โดยมิต้องรอว่า..


ให้อายุคนไข้อาจจะสูงกันมากกว่านี้..หรือหาวิธีีให้คนไข้เลิกแพ้สารในยาตัวดีสุดก่อน..แล้วค่อยเอามาใช้ในภายหลัง..ก็ยังมิสาย... 
   

แต่พากันจักดันทุรังใช้ยาดีๆ...แต่มันอาจจะทำให้คนไข้ตายในบัดดลใช้ไหม...ก็ต้องใช้เพราะเขาคุยกันมาว่ายามันดีก็เลยใช้..

แบบนี้ถึงจักสาแก่ใจกัน...ใช้ไหม...

เพื่อสนองตัญหาคนบางกลุ่ม..โดยเอาชีวิตคนมาเป็นของเล่น :slime_worship:

 


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 14-10-2006, 22:40
นี่ยังมีคนโง่งม คิดว่ารัฐประหารเพื่อสะกัดกั้นการนองเลือดอยู่อีกหรือ

แล้วไม่คิดบ้างหรือว่า รัฐประหารแล้ว ท้ายที่สุดมันจะจบลงด้วยการนองเลือดเหมือนกัน

แล้วจะรัฐประหารกันไปทำไม เพราะมันไม่ได้ช่วยยุติความขัดแย้งกันทางความคิดเลยแม้แต่น้อยนิด


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไท
เริ่มหัวข้อโดย: willing ที่ 15-10-2006, 00:38
เอ่อ บทความนี้เขียนโดยคุณทนง ขันทอง นักข่าวชั้นอาวุโส ของ The Nation ครับ :slime_bigsmile:

ซึ่งเป็นการอธิบายความจากคำสัมภาษณ์ของ ดร.อัมมาร์ มาอีกที อ่านแล้วรู้สึก "เออ จริงว่ะ"

อ๊ะ โทษทีครับ อ้างอิงผิดคน (แต่ก้อเป็นความคิดของ ดร. อัมมาร์ นิ)

อ้างถึง
ไม่ทราบว่า คุณ willing ได้ยินข่าวสักประมาณไม่เกิน 2 สัปดาห์มานี้หรือไม่ ที่หัวหน้าสาขาพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเซี่ยงไฮ้ ถูกจับได้ว่า ยักยอกเงินประกันสังคมไปถึง $1,000,000,000,000 เหลือเชื่อไหมครับ ไม่ใช่ตัวเลขที่เหลือเชื่อ เพราะเซี่ยงไฮ้ประชากรเยอะมาก และรวยมาก แต่ตัวเลขขนาดนี้ทำคนเดียวเป็นไปไม่ได้ เวลานี้ปักกิ่งยังไม่ประหารนายนี่ แต่กำลังสืบไปหาพวกที่ร่วมขบวนการโกง แล้วเอามาลงโทษทีเดียวพร้อมกันหมด ในจีนแผ่นดินใหญ่ พวกคอรับชั่น โกงชาติ ปล้นภาษีประชาชน ถูกตัดสินลงโทษไม่พอ ยังมีการลงข่าวประณามด้วยครับ

อาจมีบางคนหาว่า จีนโหดอำมหิต ไม่มี "เมตตาธรรม" เราก็คงต้องย้อนกลับไปถามว่า ถ้าเมตตากับคนโกงแบบนี้ แปลว่า แล้ว "ความเป็นธรรม" แก่ผู้ที่สูญเสีย ถูกเอาเปรียบ ได้รับความเดือดร้อน อยู่ตรงไหน

ผมคิดว่า ทาง ค.ม.ช. ต้องเก็บไปคิดให้เยอะๆว่า การลงโทษคนผิด ช้าไม่ได้ และยอมความอะไรไม่ได้[/size]

อื้อฮือ ทำไปได้ยังไง ล้านล้านดอลลาร์!
ต้อง "เชือดไก่ให้ลิง" ดู จะได้ไม่มีใครกล้าทำอีก

แต่จีน เปลือกนอกเป็น communist ข้างใน เป็นเผด็จการรึเปล่าครับ
ผมว่า มันแหม่งๆ


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: willing ที่ 15-10-2006, 00:44
นี่ยังมีคนโง่งม คิดว่ารัฐประหารเพื่อสะกัดกั้นการนองเลือดอยู่อีกหรือ
แล้วไม่คิดบ้างหรือว่า รัฐประหารแล้ว ท้ายที่สุดมันจะจบลงด้วยการนองเลือดเหมือนกัน

การนองเลือด ก้อมีเปอร์เซ็น เกิดขึ้น ถ้า คปค ไม่ยอมลงจากอำนาจ
แต่ตอนนี้ ยังไม่มีเลือดซักหยดนี่เนอะ เอาไว้เกิดจริงแล้วค่อยพูดก้อไม่สายนะครับ

อ้างถึง
แล้วจะรัฐประหารกันไปทำไม เพราะมันไม่ได้ช่วยยุติความขัดแย้งกันทางความคิดเลยแม้แต่น้อยนิด[/b]

ตอนนี้มันกลับกันเนอะ

เมื่อก่อน คนรักทักษิณ เงียบบบ  คนเกลียดทักษิณโวยวาย

ตอนนี้ คนเกลียดทักษิณอิ่มเอมเปรมใจ
ส่วนคนรักทักษิณนั่งไม่ติดเก้าอี้

แต่ทำไมยังไม่มีม็อบใหญ่ๆเลย... อ้อ ต้องรอให้ยกเลิกกฏอัยการศึกก่อน... ลืมไป
แล้วจะคอยดูตอนนั้นนะครับ


หัวข้อ: วิธีป้องกันการรัฐประหาร = รัฐสวัสดิการถ้วนหน้าตั้งแต่เกิดจนตาย
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 15-10-2006, 09:42
รายงานเสวนา : เผด็จการอำพรางในระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ  

สุชาย ตรีรักษ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

...
ประเด็นที่สี่ การป้องกันรัฐประหารที่ดีที่สุดและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนชนชั้นล่าง
มากที่สุดอยู่ที่ไหน

ข้อนี้ไทยรักไทยได้แตะเอาไว้บางส่วนแล้ว และได้บอกไว้แล้วว่าเป็นการสร้างภาพพจน์
ของเขา เป็นประโยชน์เฉพาะหน้า แต่เรามีหน้าที่ที่จะต้องไปให้ไกลกว่าคุณทักษิณ
ทำยังไงให้ประชาชนไม่ต้องเสียเงิน 30 บาทในการรักษาทุกโรค
ทำอย่างไรให้ประชาชนมีการศึกษาฟรีจริงๆ ไม่ใช่ 12 ปีฟรี
ทำอย่างไรให้คนเรามีสิทธิของคนชราที่เคยทำงานมามากมายมหาศาล ให้ได้รับ
ประโยชน์เต็มๆ ในบั้นปลายแห่งชีวิต ได้ประโยชน์เต็มๆ ไม่ใช่อยู่อย่างยากแค้น
ทำอย่างไรถึงจะทำให้สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาให้มากกว่าที่รัฐบาลทักษิณทำก่อนหน้า
แต่ประชาธิปัตย์ไม่เคยทำเลย

ที่ประเทศนอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก เบลเยี่ยม และเนเธอร์แลนด์ มีกษัตริย์เป็นประมุข
ทั้งหมด แต่แตกต่างที่มีนโยบายรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าแก่ประชาชน
ขอเสนอให้สังคมไทยได้รับรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าตั้งแต่เกิดจนตาย อย่างคำกล่าวของ
ป๋วย อึ้งภากรณ์ ‘จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน’  ซึ่งก็คือการเก็บภาษีก้าวหน้าตาม
สถานภาพทางสังคมที่เป็นอยู่ คนมีมากให้มาก คนมีน้อยให้น้อย รัฐสวัสดิการเป็นสิ่ง
ตรวจสอบความจริงใจของนักการเมืองและบุคคลสาธารณะที่มีต่อประชาชน เพราะต้อง
เสียภาษีมากเป็นพิเศษ คนรวยก็ได้ คนจนก็ได้ เกิดความเท่าเทียมกันในสังคม ความ
โปร่งใสเกิด สิทธิเสรีภาพเกิด และรัฐประหารก็จะไม่มี

http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=5295&SystemModuleKey=HilightNews&SystemLanguage=Thai

สุรปก็คือ รัฐสวัสดิการนั่นเอง


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 18-10-2006, 12:34
นี่ยังมีคนโง่งม คิดว่ารัฐประหารเพื่อสะกัดกั้นการนองเลือดอยู่อีกหรือ
แล้วไม่คิดบ้างหรือว่า รัฐประหารแล้ว ท้ายที่สุดมันจะจบลงด้วยการนองเลือดเหมือนกัน

การนองเลือด ก้อมีเปอร์เซ็น เกิดขึ้น ถ้า คปค ไม่ยอมลงจากอำนาจ
แต่ตอนนี้ ยังไม่มีเลือดซักหยดนี่เนอะ เอาไว้เกิดจริงแล้วค่อยพูดก้อไม่สายนะครับ

อ้างถึง
แล้วจะรัฐประหารกันไปทำไม เพราะมันไม่ได้ช่วยยุติความขัดแย้งกันทางความคิดเลยแม้แต่น้อยนิด[/b]

ตอนนี้มันกลับกันเนอะ

เมื่อก่อน คนรักทักษิณ เงียบบบ  คนเกลียดทักษิณโวยวาย

ตอนนี้ คนเกลียดทักษิณอิ่มเอมเปรมใจ
ส่วนคนรักทักษิณนั่งไม่ติดเก้าอี้

แต่ทำไมยังไม่มีม็อบใหญ่ๆเลย... อ้อ ต้องรอให้ยกเลิกกฏอัยการศึกก่อน... ลืมไป
แล้วจะคอยดูตอนนั้นนะครับ


ถ้าวันที่19 กันยายน 2549 ทักษิณ เผด็จการจากการเลือกตั้งทำรัฐประหารตนเองสำเร็จ
ท้องถนนกรุงเทพจะเต็มไปด้วยประชาชนที่ต่อต้านทักษิณและบริษัทไทยรักไทยจำกัด..... :!:

นี่คือความแตกต่างระหว่างการทำรัฐประหารโดยคณะปฏิรูปการปกครองฯและการทำรัฐประหารตนเองของทักษิณ เผด็จการจากการเลือกตั้ง :!:




หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 18-10-2006, 14:55
แบบนี้ถึงจะถูก
ถ้าวันที่19 กันยายน 2549 ทักษิณ เผด็จการจากการเลือกตั้งทำรัฐประหารตนเองสำเร็จ
ท้องถนนกรุงเทพจะเต็มไปด้วยประชาชนที่ต่อต้านทักษิณและบริษัทไทยรักไทยจำกัด..... :!:

นี่คือความแตกต่างระหว่างการทำรัฐประหารโดยคณะปฏิรูปการปกครองฯและการทำรัฐประหารตนเองของทักษิณ เผด็จการจากการเลือกตั้ง :!:

^
^
นี่ยังมีคนโง่งม คิดว่ารัฐประหารเพื่อสะกัดกั้นการนองเลือดอยู่อีกหรือ
แล้วไม่คิดบ้างหรือว่า รัฐประหารแล้ว ท้ายที่สุดมันจะจบลงด้วยการนองเลือดเหมือนกัน

คนโง่งม ดันมาทีหลัง แล้วยังแสดงความโง่งมออกมาอีก


หัวข้อ: Re: วิธีป้องกันการรัฐประหาร => ถามหาความกล้าหาญของนักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 18-10-2006, 16:57
แบบนี้ถึงจะถูก
ถ้าวันที่19 กันยายน 2549 ทักษิณ เผด็จการจากการเลือกตั้งทำรัฐประหารตนเองสำเร็จ
ท้องถนนกรุงเทพจะเต็มไปด้วยประชาชนที่ต่อต้านทักษิณและบริษัทไทยรักไทยจำกัด..... :!:

นี่คือความแตกต่างระหว่างการทำรัฐประหารโดยคณะปฏิรูปการปกครองฯและการทำรัฐประหารตนเองของทักษิณ เผด็จการจากการเลือกตั้ง :!:

^
^
นี่ยังมีคนโง่งม คิดว่ารัฐประหารเพื่อสะกัดกั้นการนองเลือดอยู่อีกหรือ
แล้วไม่คิดบ้างหรือว่า รัฐประหารแล้ว ท้ายที่สุดมันจะจบลงด้วยการนองเลือดเหมือนกัน

คนโง่งม ดันมาทีหลัง แล้วยังแสดงความโง่งมออกมาอีก


เรื่องนี้ คนอ่านจะต้องพิจารณาเอาเอง............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า