ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: สมชายสายชม ที่ 09-10-2006, 23:44



หัวข้อ: พระราชดำรัส .. "จำนวนน้ำที่ลงมาจากฟ้า ก็ไม่ได้มากกว่าที่เคย"
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 09-10-2006, 23:44
ขออนุญาตนำข้อความตอนหนึ่งของพระบรมราโชวาท


"อย่างน้ำท่วมนี้ ไม่น่าจะเป็นร้ายแรง เพราะว่าถ้านับดูจำนวนน้ำที่ลงมาจากฟ้า

ก็ไม่ได้มากกว่าที่เคย

แต่ทำไมลงมาทำให้เสียหาย เพราะว่าน้ำลงมา ไม่สามารถที่จะกั้นเอาไว้ได้

ไม่สามารถที่จะป้องกันไม่ให้น้ำมาทำลายประเทศชาติ

ท่านลองไปดูจำนวนน้ำที่ลงมา แล้วเปรียบเทียบกับปีอื่นๆ ไม่ได้มาก

แต่ว่าลงมาไม่ได้กั้นเอาไว้ ไม่ได้ป้องกัน เดี๋ยวนี้ลงมาผิดธรรมชาติ

พรวดพราดลงมา แล้วก็อย่างที่เคยเห็นลงมา

พยายามที่จะป้องกัน ก็ทำคันกั้นน้ำๆ น้ำก็ขึ้น น้ำก็เอ่อ เมื่อน้ำเอ่อขึ้นมามาก

น้ำก็ล้น และน้ำก็ทะลุใต้ที่กั้น"


...................................................................................................................

ผมเข้าใจประเด็นที่พระองค์ทรงตรัส ดังนี้

๑. น้ำท่วมนี้ ไม่น่าจะเป็นร้ายแรง เพราะว่าถ้านับดูจำนวนน้ำที่ลงมาจากฟ้า ก็ไม่ได้มากกว่าที่เคย

๒. แต่ทำไมลงมาทำให้เสียหาย เพราะว่าน้ำลงมา ไม่สามารถที่จะกั้นเอาไว้ได้

๓. ท่านลองไปดูจำนวนน้ำที่ลงมา แล้วเปรียบเทียบกับปีอื่นๆ ไม่ได้มาก แต่ว่าลงมาไม่ได้กั้นเอาไว้

   (ข้อ ๓ คือความใน ข้อ ๑ และ ข้อ ๒)

๔. ไม่ได้ป้องกัน เดี๋ยวนี้ลงมาผิดธรรมชาติ พรวดพราดลงมา แล้วก็อย่างที่เคยเห็นลงมา

๕. พยายามที่จะป้องกัน ก็ทำคันกั้นน้ำๆ น้ำก็ขึ้น น้ำก็เอ่อ เมื่อน้ำเอ่อขึ้นมามาก น้ำก็ล้น

    และน้ำก็ทะลุใต้ที่กั้น

....................................................................................................................

ข้อ ๔. ไม่ได้ป้องกัน .. กรมชลประทานเตรียมการระบายน้ำเหนือเขื่อนก่อนหน้าฝน หรือเปล่า

          ทำไมปีนี้ น้ำเหนือ ไหลลงมาผิดธรรมชาติ พรวดพราดลงมา

ข้อ ๕. การป้องกันด้วยการทำคันกั้นน้ำ เป็นการแก้เมื่อสาย หรือเปล่า

เมื่อพระองค์ทรงประชวร ข้าราชการกรมชลฯที่เคยทำงานตามพระราชดำริ ปล่อยปละละเลยหรือเปล่า


 :slime_hmm:


พระบรมราโชวาทฉบับเต็ม
http://forum.serithai.net/index.php?topic=8651.0


หัวข้อ: Re: พระราชดำรัส .. "จำนวนน้ำที่ลงมาจากฟ้า ก็ไม่ได้มากกว่าที่เคย"
เริ่มหัวข้อโดย: seijithai ที่ 10-10-2006, 01:00
"ไม่ได้ป้องกัน เดี๋ยวนี้ลงมาผิดธรรมชาติ พรวดพราดลงมา แล้วก็อย่างที่เคยเห็นลงมา"

จากกระแสพระราชดำรัส น่าจะทรงหมายถึง ปริมาณน้ำฝนต่อปี เท่าเดิม แต่การลงมา(น่าจะทรงหมายถึง การที่น้ำเหนือไหลลงมา) มาอย่างเร็ว และมา

ปริมาณมาก  ไม่มีการกัก ไม่มีการ ควบคุม น้ำจึงลงมาท่วมขัง เพราะระบายไม่ทัน

ถ้าเรามีปราการ ทั้งธรรมชาติ คือป่าไม้ และ ที่เป็นสิ่งก่อสร้าง เช่นเขื่อน ฝ้าย แล้ว ก็จเป็นการควบคุมความเร็ว ของน้ำ ให้ ลงมาช้า ทันที่ แต่ละพื้นที่จะ

สามารถระบายน้ำออกสู่แหล่งน้ำ และทะเลทัน

ซึ่งทั้งหมดต้องอาศัย การจัดการ ควบคุม น้ำ เช่นถ้ารู้ว่าเป็นน่ามรสุม และดูท่าว่าปริมาณฝนปีนี้น่าจะมาก (อาศัยศาสตร์จากอุตุนิยมวิทยา) ควร ระบายน้ำใน

เขื่อนให้แห้งก่อนที่ฝนจะตก เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บกักน้ำ ระหว่างทางน้ำหลัก เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา ควร ขุดคลอง แยกออก เพื่อระบายน้ำออกสู่แก้มลิง(อ่างเก็บ

น้ำ) จะได้ยึดเวลา และลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่พื่นที่ตอนใต้ให้เฉลียลงไป

ตัวอย่าง น้ำจากนครสวรรค์ ลงมาปริมาณ 32ล้านลูกบาศก์เซนติเมตร  ซึ่งสมมุติว่าใช้เวลา 1 วันจะถึงกรุงเทพมหานคร เราบังคับให้ มันแบ่ง ออกไป ที่พยุห

คีรี เป็น3สาย โดย2สายที่แยกออกไปกักอยู่ที่ แก้มลิง ที่อ. หนองฉาง กับ อ.ตาคลี ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จะไหลลงมาถึง กทม.ในอีก 1วัน ก็จะไม่

ถึง 32 ล้าน ลบ.ซม อาจเหลือ 20 ล้าน ลบ.ซม ส่วนอีก 12 ล้าน ลบ.ซม อาจจะมาถึงในอีก 1วัน เพราะ ไปอ้อมออกไปแก้มลิง จะมาถึงช้าไปอีก 1วัน ใน

กทม เมื่อผ่านไป 1วัน 20 ลบ.ซม ก็ได้ระบายลงทะเลไปแล้ว อาจเหลือ 3 ล้าน ลบ.ซม. เมื่อบวกอีก 12 ล้าน ลบ.ซม ก็เท่ากับ 15 ล้าน.ซม. ซึ่งปริมาณ ก็

จะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แล้วถ้า เราทำแก้มลิง สัก 5 จุดล่ะ บังคับให้ น้ำทยอยไหลลงมา กทม. ช้าลงไป 5 วัน  วันแรกมา 8 ล้าน ลบ.ซม. วันต่อมา  7
 
ล้านลบ.ซม. วันต่อมา 6 ล้านลบ .ซม วันต่อมา  6ล้าน ลบ.ซม วันสุดท้าย 5 ล้าน ลบ.ซม. สมมติ กทม สามารถ ระบายน้ำได้ วันล่ะ 10 ล้าน ลบ.ซม

ปริมาณน้ำที่ทยอยลงมาก็ไม่หนักหนาเกินไป

ซึ่งแก้มลิง เราต้องสร้างในจุดที่ เป็นพื่นที่ ที่ไม่เคยเจอน้ำท่วม ซึ่งจะเป็น พื้นที่ ที่เราเอาน้ำไปฝากได้โดยเขาไม่เดือดร้อน


นี้เป็นแนวทาง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง พระราชทาน ด้วยพระอัจฉริยภาพของพระองค์