ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

  "วิจิตร ศรีสอ้าน" รับหนักใจตำแหน่งรมว.ศธ.เหตุเวลาน้อย ประกาศเดินหน้าปฏิรูปการศึกษาตามแนวทางที่กฎหมายกำหนดไว้ พร้อมเผยนโยบายด้านการศึกษาบางเรื่องอาจจะทำต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่บางเรื่องอาจต้องปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม
       
       นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับการทาบทามจากนายกรัฐมนตรีให้มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยงานสำคัญที่คิดว่าจะทำลำดับแรก คือ การเดินหน้าการปฏิรูปการศึกษาให้ดำเนินไปตามแนวทางที่กฎหมายวางไว้ แต่ก็รู้สึกหนักใจเหมือนกันที่ต้องเข้ามารับงานในครั้งนี้ เนื่องจากระยะเวลาทำงานน้อยเพียง 1 ปี อาจจะมีปัญหาติดขัดในเงื่อนไขเวลา
       
       อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากทุกฝ่ายร่วมมือกันก็จะสามารถขับเคลื่อนงานในส่วนต่าง ๆ ให้ผ่านไปด้วยดี ส่วนนโยบายด้านการศึกษาบางเรื่องอาจจะทำต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่บางเรื่องอาจต้องปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะเข้าทำงานที่กระทรวงศึกษาธิการในวันพรุ่งนี้เป็นวันแรก

 
 
 

ผิดหวังตรงใหนเหรอ หวังอะไรไว้ล่ะ

ถ้าจะบอกว่าในประเทศนี้ หานักการศึกษาที่ทำเรื่องปฏิรูปการศึกษามาตั้งแต่ต้นก็คนนี้แหละรู้จริง

เน้นเอกสารอะไรเหรอ

ว่างๆกรุณาไปดูผลงานของท่านนี้ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีนะครับ
จะได้รู้ว่าท่านมีวิสัยทัศน์ทางการพัฒนาระบบการศึกษาไทยอย่างไร

 :)

ไม่รู้สิ ตอนผมเรียนจุฬาเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้วก็ได้เป็นลูกศิษย์ท่าน

ก่อนที่ท่านจะมาเป็นเลขาธิการสภาการศึกษาแห่งชาติ ( ที่ดูแลมหาวิทยาลัยทั้งหมดยุคโน้นนนนน )

เกิดทันมั๊ยครับ...ตอนอยู่ ปชป. ก็อภิปรายในสภาชนิดไม่มีใครโต้แย้ง...

เอาเป็นว่า คนนี้คุณภาพคับแก้วครับ

อย่าเอาไปเปรียบ ดร.รุ่ง อะไรนั่นเลย มือคนละชั้นเลยครับ

...ลุงแคนคะ ...หนูหวังให้การปฏิรูปการศึกษาเน้นให้ลงถึงตัวเด็ก
ถึงตัวผู้เรียน  และถึงอย่างเสมอภาคกัน  เน้น  ดี  เก่ง และ
มีทักษะชีวิตที่อยู่ในโลกอย่างมีความสุข

  ตัวแกนของการปฏิรูปการศึกษาจริงๆอยู่ตรงนี้.....
คุณวิจิตร  ศรสะอ้านมาจากการศึกษานอกโรงเรียน
มาก่อน  แล้วก็มาต่อที่ มสธ. ก็เรือลำเดียวกะ
คุณรุ่ง  แก้วแดงนั่นล่ะ  

  ระยะแรกคุณรุ่ง  แก้วแดง  ก็ทำท่าว่าจะดี
เข้าใจหัวใจการปฏิรูปการศึกษา  ตอนหลังมา
หลงทาง...ไปเน้นโครงสร้าง  ไปเน้นการประเมิน
โรงเรียน  เน้นการมี  สมศ ( กรรมการตรวจประ
เมินสถานศึกษา)  ให้ความสำคัญกับเอกสาร
จนครูบาอาจรย์หลงลืม ตัวแกนหลักของการทำ
หน้าที่ของตนเอง ....ลุงแคนลองคุยกะคนวงการนี้ดู
นะ  ส่ายหน้าทั้งนั้น ....โดยเฉพาะระยะหลัง
รุ่งกลายเป็นคนสองอาชีพ  คือการเมือง
การศึกษา  การศึกษาอิงการเมือง...


***หวาดมากค่ะ  ลุงแคนว่า  รมต.  คนนี้
กลัวมาเรือลำเดียวกับนายรุ่งอีก

ดูๆไปก่อน บางครั้งคนที่มีฝีมือทำอะไรไม่ค่อยสะดวกเพราะมีคนคอยขัดขวางอยู่

-  การทำผลงานของครูมิใช่สิ่งแปลก  ถ้ายืนอยู่บน
พื้นฐานของความพอดีโดยยึดการเรียนการสอนกับผู้เรียนเป็นตัวหลัก  ตั้งใจและใจจริง
ในการถ่ายทอดความรู้ผู้เรียน  หวังให้ผู้เรียนเป็น คนดี  คนเก่ง
อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข  ครูก็จะกลายเป็นครูที่แท้จริงคือ ...

                ผู้ยกระดับวิญญาณของมนุษย์  ..


ส่วนการจะรวบรวมข้อมูลด้านเอกสารเพื่อทำผลงานก็ทำแต่เพียงพอดี  ก็คงไม่กระทบ
กระเทือนผู้เรียนขนาดนี้




----แต่ตอนนี้  มิว่าครูทางทิศ  ตก  ออก  เหนือ  ใต้  มองซ้าย มองขวา  มิว่า
  ครู ผู้บริหารหายใจเข้า  หายใจออก  ทำแต่เอกสาร  ข้อมูลสวยหรู  สร้างภาพ
  ผักชีโรยหน้าเพื่อให้ผลงานผ่าน  คำว่า  อาจารย์ สามเชิงประจักษ์  ผอ คุณภาพ
  ล้วนแต่เป็นคำ...


......สวยหรู  สร้างภาพให้ดูดี  แต่ในข้อเท็จจริง  คือ  สร้างเอกสาร  สร้างข้อมูลให้สวย
ให้เข้าเกณฑ์  ว่าไปแล้ว  ถ้านำมากอง  ก็เกือบถึงหลังคาห้องล่ะ  เพราะในความ
เป็นจริง  กรรมการที่ตัดสินก็รู้จักตัวตนครูหรือผู้บริหารคนนั้นไม่แท้จริงหรอก
จึงยึดเอกสารเป็นหลัก  ตรวจเอกสารให้เนี๊ยบไว้ก่อน


---เมื่อ  ตัณหาของคนมันกำเริบ  เหล่าคนที่ไขว่าคว้าซึ่งอำนาจและเงินตรา
ทำไงล่ะ  ก็ทุ่มเท  แรงกาย แรงใจ  ทุกวิถีทาง เพื่อให้เอกสารออกมาสวยหรู



แล้ว  ------ผู้เรียนตาดำ ๆๆๆละคะ   จะเหลืออะไร  --------ครูลาออกจำนวน
มากเพราะอะไร  ท่านผู้รับชอบเรื่องนี้  เคยเก็บมาทบทวนมั๊ยคะ
เมื่อ....

.......       การศึกษาเป็นแบบ  หมาหางด้วน

  แน่นอน  อย่าหวังเลยว่าการเมืองจะเดินมาถูกทาง

http://forum.serithai.net/index.php?topic=8407.0

  ขอบคุณมากนะคะที่ให้ข้อมูล  วันหลังมีเวลาว่างจะเข้าไปดูค่ะ

...กระทรวงศึกษา  ต้องเจอคนแกร่ง  คนมีจุดยืน
เช่น  ท่าน นพ. เกษม  วัฒนชัย  เคยติดตามเวลา
ท่านไปพูดเวลาอบรม  สัมนา  หลายครั้ง  ท่านลง.
ลึกถึงแกน  ของการปฏิรูปการศึกษาจริงๆ ..แถมยัง
ยึด  เอาศีลธรรม  วัฒนธรรมไทยสมัยโบราณเข้าไป
บูรณาการด้วย....


  ถึงแม้ว่า  แนวคิดนี้จะขัดกับแนวคิดของนักวิชาการ
ในกระทรวงศึกษาหลายคน  ก็ต้องยอม  กระบวน
ทัศน์  เรื่องหลักสูตรของผู้เรียน จะได้ครบวงจรสักที
ตั้งแต่  ระดับอนุบาล  จนถึงระดับอุดมศึกษา

 มิใช่พูดกันคนละที  ทำกันคนละที  ...สงสารเด็ก
กันบ้างเหอะ

ปฏิรูปการศึกษา มันเพี้ยนมาหลายปีแล้วครับ...

ไม่เหมือนที่คิดไว้ สมัยก่อน ๆ...ยิ่งทำไปเด็กยิ่งโง่

ผลงานรัฐบาลที่ผ่านมา 5-6 ปี มันก็เหมือนยิ่งทำงาน ผลสัมฤทธิ์ยิ่งตกต่ำ...

อ้อ...ถ้านับอาวุโส ท่านดร.วิจิตร ต้องถือว่าเป็น "ครูใหญ่" ในเรื่องปฏิรูปการศึกษาด้วยซ้ำครับ

- "วิจิตร ศรีสอ้าน"  เคยอยู่ปชป หลังๆถ้าจำไม่ผิดผมเคยเห็นไปร่วมงานเลี้ยงกับทรท?

- ม.สุรนารี มีมาตราฐานหลายๆอย่างที่ค่อนข้างดีครับ

- คอยดูนโยบายหลักๆ ว่าจะออกมาอย่างไร

ศธ. ชง 9 ประเด็นใหญ่ ให้ "วิจิตร" ตัดสิน
วันที่ 09 ต.ค. 2549
วันนี้(9 ต.ค.) คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริหาร 5 องค์กรหลักของศธ. ว่า ได้หารือถึงการเตรียมนำเสนอประเด็นต่อนายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการศธ คนใหม่ โดยจะเสนอข้อมูลพื้นฐานว่า ในระยะเวลาที่ผ่านมามีความก้าวหน้าในการดำเนินการปฏิรูปการศึกษาอย่างไรบ้าง และประเด็นที่รอให้รัฐมนตรีว่าการศธ.พิจารณา คือ

1.งบประมาณปี 2550 ที่ศธ. ได้เสนอขอไว้ประมาณ 344,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ประมาณ 116,000 ล้านบาทหรือกว่าร้อยละ 50 แต่งบประมาณดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นงบดำเนินการต่อเนื่องและบางส่วนเป็นการขยายงานและเพิ่มเป้าหมายใหม่ โดยจะเสนอให้นายวิจิตรพิจารณาปรับลดให้เหมาะสมอีกครั้ง

2.การเงินและการลงทุนเพื่อการศึกษามีทั้งเงินอุดหนุนรายหัวที่เห็นว่าไม่เพียงพอ และงบลงทุนที่ลดลงอย่างมากในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และยังมีกองทุนต่างๆ ที่มีงบประมาณไม่เพียงพอหรือมีปัญหาในการดำเนินงาน

3.ปัญหาเกี่ยวกับครู ทั้งปัญหาการขาดแคลนครู ระบบการบริหารบุคลากรที่กระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่ ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่จำเป็นต้องแก้ไข และการพัฒนาคุณภาพครู ที่เชื่อมโยงไปสู่การประเมินวิทยฐานะ

4.การกระจายอำนาจและการถ่ายโอนการศึกษาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

5.การศึกษาเอกชน จะมีข้อเสนอว่าปัญหาที่เอกชนประสบอยู่ขณะนี้มีอะไรบ้าง และหากจะส่งเสริมให้การศึกษาเอกชนได้มีส่วนร่วมรับภาระของรัฐบาลในการจัดการศึกษาจะต้องดำเนินการอย่างไร

6.การศึกษาตลอดชีวิต การยกระดับการศึกษาของแรงงาน และการขยายแหล่งเรียนรู้

7.การปรับโครงสร้างองค์กร อาทิ การเพิ่มจำนวนเขตพื้นที่การศึกษาในบางพื้นที่ นอกจากนี้ จะมีข้อเสนอในการจัดตั้งส่วนราชการระดับกรมเพิ่มขึ้น การพัฒนากลไกประสานงานระหว่างองค์กรให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงข้อเสนอการแยกส่วนราชการเป็น 3 ทบวง

8.การแก้ไขกฎหมาย ซึ่งมีเนื้อหาสาระที่เคยเสนอต่อคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข(คปค.) แล้ว

9.การพัฒนาทิศทางของการศึกษาพื้นฐาน อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา

ทั้งนี้ คาดว่าในวันที่ 10 ตุลาคม ช่วงบ่ายหลังการประชุม ครม. นายวิจิตร อาจจะเดินทางเข้ารับงานที่ศธ. โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
มติชน

“วิจิตร ศรีสอ้าน” ประกาศลุยปฏิรูปการศึกษา รับหนักใจคุมกระทรวงครู
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9490000125694

ท่านเกาะติดปัญหาการศึกษาของชาติมาโดยตลอด เข้าใจว่าเป็นกรรมาธิการศึกษาอยู่ด้วยมั๊ง

ส่วนเรื่องพรรค ปชป. ท่านลาออกมา 2 ปีแล้ว ตอนอยู่ในพรรคก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ใครต่อใครนับถือในวิธีคิดวิธีแก้ปัญหาการศึกษา

ตามอ่านประวัติการทำงานซีครับ...นอกจากกงานประจำรู้สึกจะเป็นรองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ด้วย

ช่วงเปลี่ยนจาก สภาการศึกษามาเป็นทบวงมหาวิทยาลัย ผมไม่แน่ใจว่าท่านเป็นปลัดทบวง ฯ คนแรกหรือไม่...

ปีนึงแค่คิดจะทำอะไรก็หมดเวลาแล้ว เอาเสาไฟฟ้ามาเป็นรัฐมนตรีก็ได้หรอก
ครูห่วยๆ เต็มประเทศ ที่ดีๆ แต่หัวโบราณก็เยอะ จะพัฒนาครูให้ได้ก็ต้องแก้
ปัญหาชีวิตและการเงินให้ครูๆ ทั้งหลายด้วย แล้วยังต้องมาพัฒนาระบบการ
ศึกษาอีกอย่างน้อยเร็วที่สุดจะเห็นผลก็คงเป็นตอนไอ้ที่พวกแก่ๆ ใน web นี้
มันเป็นปุ๋ยไปหมดแล้ว

ครูห่วยๆ เต็มประเทศ ที่ดีๆ แต่หัวโบราณก็เยอะ จะพัฒนาครูให้ได้ก็ต้องแก้
ปัญหาชีวิตและการเงินให้ครูๆ ทั้งหลายด้วย แล้วยังต้องมาพัฒนาระบบการ
ศึกษาอีกอย่างน้อยเร็วที่สุดจะเห็นผลก็คงเป็นตอนไอ้ที่พวกแก่ๆ ใน web นี้
มันเป็นปุ๋ยไปหมดแล้ว.................................................................


....  แสดงความคิดเห็นอะไรอย่าเหมารวมนะคะ
ถ้าใช่คำว่า  บางคนจะดูดีมากกว่านี้เยอะนะ

ครูก็คือเหมือนมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง..เหมือน
อาชีพอื่น มีทั้งคนที่มีวิญญาณความเป็นครู
และมีประเภทครูเรือจ้าง  ครูธุรกิจ  ครูหิวเงิน
มีครบทุกประเภทล่ะ ....

**แม้แต่ตัวท่านเอง  ลูกท่าน  หลานท่าน
ที่เติบโตมาได้ทุกวันนี้  ก็เพราะครูมิใช่เหรอ
ครูทุกคนที่สอนท่าน ไม่ดีหมดทุกคนเลย
หรือคะ  จึงลืมบุญคุณเช่นนี้


@@....ใครคือครู

ใครคือครู ครูคือใคร ในวันนี้

ใช่อยู่ที่ ปริญญา มหาศาล

ใช่อยู่ที่ เรียกว่า ครูอาจารย์

ใช่อยู่ที่ สอนนาน ในโรงเรียน

ครูคือผู้ ชี้นำ ทางความคิด

ให้รู้ถูก รู้ผิด คิดอ่านเขียน

ให้รู้ทุกข์ รู้ยาก รู้พากเพียร

ให้รู้เปลี่ยน แปลงสู้ รู้สร้างงาน

ครูคือผู้ ยกระดับ วิญญาณมนุษย์

ให้สูงสุด กว่าสัตว์ เดรัจฉาน

ครูคือผู้ สั่งสม อุดมการณ์

มีดวงมาลย์ เพื่อมวลชน ใช่ตนเอง

ครูจึงเป็น นักสร้าง ผู้ยิ่งใหญ่

สร้างคนจริง สร้างคนกล้า สร้างคนเก่ง

สร้างคนให้ ได้เป็นตัว ของตัวเอง

ขอมอบเพลง นี้มา บูชาครู



- โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

- ทั้งหลายไม่ได้แปลว่าทั้งหมดทุกคน อย่าหาเรื่อง
- ครูโบราณที่ดีก็มีเยอะแต่ก็หัวโบราณ สมัยนี้พัฒนา
  ระบบการเรียนการสอน อัตราส่วนจำนวนครูต่อนักเรียน
  สูงขึ้น ไม่มีการตี ห้ามทำโทษประจาน ให้นักเรียนแสดง
  ความเห็นคล้ายระบบโรงเรียนสาธิต แต่ไม่รู้ว่าดีกว่าระบบ
  โบราณหรือไม่ แต่คงไม่เหมาะกับครูโบราณเพราะสมัย
  ใหม่ต้องเป็นครูบริการนักเรียน
- ก็รู้อยู่แล้วว่าครูเป็นคนธรรมดามีดีมีห่วยแล้วจะเถียงทำอะไร
- ครูห่วยก็สามารถสอนนักเรียนเป็นคนดีได้
  แต่นักเรียนดีไม่สามารถสอนครูห่วยให้เป็นครูดีได้

ให้นักเรียนแสดง
  ความเห็นคล้ายระบบโรงเรียนสาธิต แต่ไม่รู้ว่าดีกว่าระบบ
  โบราณหรือไม่ แต่คงไม่เหมาะกับครูโบราณเพราะสมัย
  ใหม่ต้องเป็นครูบริการนักเรียน


************************************


โรงเรียนสาธิตแตกต่างจากโรงเรียนมัธยมทั่วไป
โรงเรียนมัธยมทั่วไปขึ้นกับสำนักงานคณะกรรมการขั้นพื้นฐาน
http://www.obec.go.th/

ส่วนโรงเรียนสาธิตขึ้นอยู่กับสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา
http://www.mua.go.th/

สมัยก่อน  สำนักงานคณะกรรมการขั้นพื้นฐาน
ขึ้นอยู่กับกระทรวงศึกษา
http://www.moe.go.th/

และ  สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา ขึ้นอยู่กับทบวง
มหาวิทยาลัย


พอมารัฐบาลทักษิณ  ปรับยุบรวม ระบบราชการ  จับทบวงมหาวิทยาลัย
รวมหมดในกระทรวงศึกษา ...เลยระบบงานรวนหมดเหมือนทุกวันนี้ไง.....นี่หล่ะที่มีผลให้ระบบโอเน็ต  เอเน็ตมั่วไปหมด
ไง....


  ...โรงเรียนสาธิต  ใช้กฏใช้ระเบียบ  มีนโยบาย
ตามนโยบายของมหาวิทยาลัยนั้นๆที่โรงเรียนสาธิตสังกัดอยู่ แน่นอน
ในภาพรวมดีกว่าโรงเรียนมัธยมทั่วไปแน่นอน  เพราะใช้หลักการ
ที่หลากหลายตามเด็กโต

มันคือ child center ใช่หรือไม่
(ไม่ได้อยู่ในวงการศึกษาไม่รู้รายละเอียด)

 ไม่ใช่ค่ะ  เรื่อง  child  center...( การยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง)
อันนี้จะไปสัมพันธ์กับ พรบ. การศึกษา ...เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะคะ

แค่เอา ผอ.ประถม มาเป็น ผอ.มัธยม

เอา ผอ.มัธยม ลงไปประถม ก็ขี้หักแล้วคุณเอ๊ย...

นี่ยังดีนะ ไม่เอาอาจารย์มหาวิทยาลัยมาสอนมัธยม เอาครูประถมขึ้นไปสอนมหาวิทยาลัย

ก็เริ่มแล้วนี่ ครูมัธยมออกข้อสอบเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย :slime_bigsmile:

ผมผิดหวังกะกระทรวงพลังงานมากกว่า นายคนนี้มันไปช่วยทักกี้โกง TPI  มาอะ อาทิตย์ที่แล้วมันมาออกกรองสถานการณ์ อ้างว่าตัวมันทำให้ TPI พ้นจากการขาดทุน โธ่ ถ้าไม่เอาบริษัทบ้าบอมาบริหารทำให้เค้าเสียหายตั้ง 3 ปี แล้วไม่ใช้กฏหมายบีบบังคับเค้า จนป่านนี้ เค้าก็ทำกำไรของเค้าเองได้หรอก คอยดูนะมันมาเดี๋ยวมาแปรรูปไฟฟ้าอีก คราวที่แล้วก็มันนี่แหละตัวเริ่ม สงสัยอาจจะได้เหนื่อยอีกรอบนะเนี่ย

หมวด ๔
แนวการจัดการศึกษา
________________



        มาตรา ๒๒ การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนา
ตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถ
พัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ
        มาตรา ๒๓ การจัดการศึกษา ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษา
ตามอัธยาศัย ต้องเน้นความสำคัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และบูรณาการตามความ
เหมาะสมของแต่ละระดับการศึกษาในเรื่องต่อไปนี้

        (๑) ความรู้เรื่องเกี่ยวกับตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน
ชาติ และสังคมโลก รวมถึงความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสังคมไทยและระบบการเมือง
การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
        (๒) ความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์
เรื่องการจัดการ การบำรุงรักษาและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลยั่งยืน
        (๓) ความรู้เกี่ยวกับศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปัญญาไทย และการประยุกต์ใช้
ภูมิปัญญา




หน้า ๘
เล่ม ๑๑๖  ตอนที่ ๗๔ ก                                    ราชกิจจานุเบกษา                                      ๑๙   สิงหาคม  ๒๕๔๒


--------------------------------------------------------------------------------

        (๔) ความรู้ และทักษะด้านคณิตศาสตร์ และด้านภาษา เน้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง
        (๕) ความรู้ และทักษะในการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
        มาตรา ๒๔ การจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
        (๑) จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน
โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
        (๒) ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้
มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา
        (๓) จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็น
และทำเป็น รักการอ่านและเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง
        (๔) จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน
รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมที่ดีงามและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา
        (๕) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และอำนวย
ความสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และมีความรอบรู้ รวมทั้งสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของ
กระบวนการเรียนรู้ ทั้งนี้ ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากสื่อการเรียนการสอนและแหล่ง
วิทยาการประเภทต่าง ๆ
        (๖) จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่ มีการประสานความร่วมมือกับบิดามารดา
ผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชนทุกฝ่าย เพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ

        มาตรา ๒๕ รัฐต้องส่งเสริมการดำเนินงานและการจัดตั้งแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบ
ได้แก่ ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ สวนสัตว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ อุทยาน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศูนย์การกีฬาและนันทนาการ แหล่งข้อมูล และแหล่งการเรียนรู้อื่นอย่าง
พอเพียงและมีประสิทธิภาพ

        มาตรา ๒๖ ให้สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียนโดยพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน
ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวน
การเรียนการสอนตามความเหมาะสมของแต่ละระดับและรูปแบบการศึกษา 

       ให้สถานศึกษาใช้วิธีการที่หลากหลายในการจัดสรรโอกาสการเข้าศึกษาต่อ และให้นำผลการประเมิน
ผู้เรียนตามวรรคหนึ่งมาใช้ประกอบการพิจารณาด้วย

        มาตรา ๒๗ ให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐานเพื่อความเป็นไทย ความเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ การดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพ
ตลอดจนเพื่อการศึกษาต่อ


หน้า ๙
เล่ม ๑๑๖  ตอนที่ ๗๔ ก                                    ราชกิจจานุเบกษา                                      ๑๙   สิงหาคม  ๒๕๔๒


--------------------------------------------------------------------------------

        ให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่จัดทำสาระของหลักสูตรตามวัตถุประสงค์ในวรรคหนึ่ง
ในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็น
สมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ

        มาตรา ๒๘ หลักสูตรการศึกษาระดับต่าง ๆ รวมทั้งหลักสูตรการศึกษาสำหรับบุคคลตาม
มาตรา ๑๐ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ ต้องมีลักษณะหลากหลาย ทั้งนี้ ให้จัดตามความเหมาะสม
ของแต่ละระดับโดยมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคคลให้เหมาะสมแก่วัย และศักยภาพ
        สาระของหลักสูตร ทั้งที่เป็นวิชาการ และวิชาชีพ ต้องมุ่งพัฒนาคนให้มีความสมดุล ทั้งด้าน
ความรู้ ความคิด ความสามารถ ความดีงาม และความรับผิดชอบต่อสังคม
        สำหรับหลักสูตรการศึกษาระดับอุดมศึกษา นอกจากคุณลักษณะในวรรคหนึ่ง และวรรคสองแล้ว
ยังมีความมุ่งหมายเฉพาะที่จะพัฒนาวิชาการ วิชาชีพชั้นสูงและการค้นคว้า วิจัย เพื่อพัฒนาองค์ความรู้
และพัฒนาสังคม

        มาตรา ๒๙ ให้สถานศึกษาร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์การชุมชน องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบัน
สังคมอื่น ส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนโดยจัดกระบวนการเรียนรู้ภายในชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีการ
จัดการศึกษาอบรม มีการแสวงหาความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร และรู้จักเลือกสรรภูมิปัญญาและวิทยาการต่าง ๆ
เพื่อพัฒนาชุมชนให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการ รวมทั้งหาวิธีการสนับสนุนให้มีการ
แลกเปลี่ยนประสบการณ์การพัฒนาระหว่างชุมชน
        มาตรา ๓๐ ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการ
ส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละระดับการศึกษา

http://www.moe.go.th/main2/plan/p-r-b42-01.htm#7

ครูใบไม้...

พรบ.ที่คุณยกมาน่ะ ลอง ๆ ไปดูกรรมาธิการยกร่าง หรือคนนำเสนอดีมั๊ยครับ

ผมเข้าใจว่า ดร.วิจิตร ศรีสะอ้าน ทำมากับมือหรือไงนี่แหละครับ

    ต้องแยก  กระทรวงศึกษาธิการ  และทบวงมหาวิทยาลัย
เฉพาะแค่ข้าราชการ นักวิชาการในกระทรวงศึกษาทั้งหลาย
แหล่ยังไปปรับกระบวนทัศน์อะไรเขายากเลย  นี่ยังมาหลอม
รวมกับทบวงมหาวิทยาลัยเข้าไปอีก

  แค่ครูประถมรวมกับครูมัธยม  ยังมั่วไม่พออีกหรือคะ

......................................................................




ต่อกรณีมีความเห็นอย่างไรที่มีเสียงเรียกร้องให้แยกกระทรวงเป็นกระทรวงอุดมศึกษาและกระทรวงศึกษาธิการ นายวิจิตร กล่าวว่า เรื่องโครงสร้างเพิ่งจะปรับหลอมรวมให้เป็นกระทรวงเดียว เมื่อจะขอแยกเป็นกระทรวงอุดมศึกษาต้องมาดูว่า มีเหตุผลอะไร และส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ ทำให้การบริหารจัดการดีขึ้นกว่าเดิมแค่ไหน แก้ปัญหาความไม่คล่องตัวด้วยวิธีอื่นได้หรือไม่ ซึ่งเมื่อมีข้อเสนอเราต้องมาพิจารณา โดยดูภาพรวมทางการศึกษา


.......................................................................................

   นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฎิญาณตนว่า จะดำเนินการตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ที่ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องทำ โดยเฉพาะการปฏิรูปการเรียนรู้ การบริหารจัดการ เพื่อยกระดับคุณภาพมาตรฐานการศึกษาไทย ซึ่งในระยะ 6-7 ปีที่ผ่านมาในเรื่องการปฏิรูปการศึกษาพบว่า มีความไม่ต่อเนื่อง เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตัวรัฐมนตรีบ่อย แต่วันนี้เราต้องมาดูเรื่องการศึกษา เนื่องจากเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาทั้งหมด หากพัฒนาคนไม่ได้แล้วก็คงพัฒนาอะไรไม่ได้
        ต่อข้อถามที่ว่า รัฐบาลมีเวลา 1 ปี คิดว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องการศึกษาได้มากน้อยเพียงใด นายวิจิตร กล่าวว่า ถ้ามองเชิงนโยบายวางแนวทาง วางรากฐานทำให้ระบบเข้มแข็งก็พอจะทำอะไรได้บ้าง แต่ทั้งหมดนี้คงต้องอาศัยการขับเคลื่อนของผู้ปฏิบัติในกระทรวงที่มีอยู่ 600,000-700,000 คน ตนหวังว่าบรรดาผู้บริหาร ครู จะช่วยกันดูแลเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมาทุกคนอยากเห็นการศึกษาไทยดีขึ้น
        ต่อกรณีมีความเห็นอย่างไรที่มีเสียงเรียกร้องให้แยกกระทรวงเป็นกระทรวงอุดมศึกษาและกระทรวงศึกษาธิการ นายวิจิตร กล่าวว่า เรื่องโครงสร้างเพิ่งจะปรับหลอมรวมให้เป็นกระทรวงเดียว เมื่อจะขอแยกเป็นกระทรวงอุดมศึกษาต้องมาดูว่า มีเหตุผลอะไร และส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ ทำให้การบริหารจัดการดีขึ้นกว่าเดิมแค่ไหน แก้ปัญหาความไม่คล่องตัวด้วยวิธีอื่นได้หรือไม่ ซึ่งเมื่อมีข้อเสนอเราต้องมาพิจารณา โดยดูภาพรวมทางการศึกษา
        นายวิจิตร กล่าวด้วยว่า ตนจะให้ความสำคัญเรื่องการศึกษาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพิเศษ เพราะตอนที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาสภาผู้แทนราษฎร ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น ตนก็ลงพื้นที่ จึงพอจะมีความเข้าใจพื้นฐานอยู่บ้าง แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะห่างการทำงานทางการเมืองมา 2 ปีแล้ว คงจะกลับไปดูและจับข้อมูลในเรื่องนี้ให้มากขึ้น ทั้งนี้ต้องเข้าใจเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงานในพื้นที่ด้วยว่า สภาพการเป็นอย่างไร การทำงานมีความยากลำบากแค่ไหน และเราจะมีส่วนช่วยสนับสนุนให้เขาทำงานได้อย่างไร
        ผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการหวยบนดินที่นำมาสนับสนุนการศึกษาจะนำมาพิจารณาหรือไม่ นายวิจิตร กล่าวว่า ในแง่ที่ทำให้เด็กในชนบทได้รับทุนไปศึกษาเป็นเรื่องที่ดี แต่มีปัญหาว่า เงินมาจากไหน วิธีการได้เงินมาใช้จ่ายถูกต้องหรือไม่ เหมาะสมหรือไม่ เป็นคนละเรื่องกัน แต่ตนมองทางการศึกษาว่า ใครมาให้ทุนการศึกษา ให้เด็กชนบทมีโอกาสก็เป็นเรื่องที่ดี
        นายวิจิตร ยังกล่าวถึงข้อเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเข้ามาเป็นประธานในการจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกครั้งที่ 24 ว่า ต้องดูว่าโครงสร้างด้านกีฬาเป็นอย่างไร ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ ต้องมีส่วนสำคัญในการจัดการแข่งขัน เพราะเป็นกีฬามหาวิทยาลัยโลก ซึ่งถือเป็นหน้าตาของประเทศ เราต้องทำให้ดี ตนเป็นห่วงเรื่องนี้และจะหยิบมาดูทันที ทั้งนี้ จะประสานกับนายสุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย

 :mozilla_cool:เวลา 1 ปี นี้น้อยไปถ้าเทียบกับตอนทักษิณ 5-6ปี
เปลี่ยน รมต.กระทรวงศึกษาเป็นว่าเล่น
แม้แต่ตัว ทักษิณเอง ก็เคยเป็นรมต.ศึกษา แต่ต้องรีบออก
เพราะกลัวถูกอภิปราย ทักษิณชั่วมาก ที่มัน  กด
ครอบงำ ระบบการศึกษาของชาติ
เพราะมันกลัวประชาชนฉลาด
แล้วมันจะปกครองยาก
ท่านวิจิตรนะถูกที่ถูกทางแล้วครับ
กลัวอย่างเดียวกลัวไม่มีแรง
ดร.รุ่งนะทีแรกๆก็ดูดี แต่ถูกระบอบทักษิณ
ครอบงำในที่สุดก็ทำอะไรไม่ได้ :slime_cool: :slime_cool:

ดร.รุ่ง แกมาจากสายอาชีวะ ไม่ใช่เหรอ อิ อิ

...เอ๋...หรือว่ามาจากสายการศึกษาผู้ใหญ่...เอ๊ย...การศึกษานอกโรงเรียน...ไม่แน่ใจ..

ไปลองไล่ ๆ ดูการเจริญเติบโตของ ดร.รุ่ง ดูสิ....

เหตุผลที่การศึกษาหลงทาง มาจากคุณสุขวิท รังสิตพล จาก หวังใหม่ หรือปล่าว ???
ที่เอา ซี7 มาแจก แล้วพยายามสร้างภาพให้ดูดี โดยการให้ อาจารย์เขียนเปเปอร์ มาแลก7
(แค่สงสัยเท่านั้นนะ)

คนนี้ ก็ไม่เลวนะ ขยันตรวจทานข้อสอบเอ็นทร้านส์ด้วย

(http://img64.imageshack.us/img64/5363/voradaj1ep4.jpg)

 :slime_smile2:

พวกนักการเมืองนี่แหละตัวดีครับ...ไม่ว่าสมัยใหน

ท่านองคมนตรีอีกคน ท่านก็เบื่อปัญหาเด็กฝากนักการเมืองนี่แหละครับ...

ท่านถึงโบกมืออำลาไทยรักไทย แล้วก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ...

ส่วนการจะรวบรวมข้อมูลด้านเอกสารเพื่อทำผลงานก็ทำแต่เพียงพอดี  ก็คงไม่กระทบ
กระเทือนผู้เรียนขนาดนี้

----แต่ตอนนี้  มิว่าครูทางทิศ  ตก  ออก  เหนือ  ใต้  มองซ้าย มองขวา  มิว่า
  ครู ผู้บริหารหายใจเข้า  หายใจออก  ทำแต่เอกสาร  ข้อมูลสวยหรู  สร้างภาพ
  ผักชีโรยหน้าเพื่อให้ผลงานผ่าน  คำว่า  อาจารย์ สามเชิงประจักษ์  ผอ คุณภาพ
  ล้วนแต่เป็นคำ...

......สวยหรู  สร้างภาพให้ดูดี  แต่ในข้อเท็จจริง  คือ  สร้างเอกสาร  สร้างข้อมูลให้สวย
ให้เข้าเกณฑ์  ว่าไปแล้ว  ถ้านำมากอง  ก็เกือบถึงหลังคาห้องล่ะ  เพราะในความ
เป็นจริง  กรรมการที่ตัดสินก็รู้จักตัวตนครูหรือผู้บริหารคนนั้นไม่แท้จริงหรอก
จึงยึดเอกสารเป็นหลัก  ตรวจเอกสารให้เนี๊ยบไว้ก่อน

---เมื่อ  ตัณหาของคนมันกำเริบ  เหล่าคนที่ไขว่าคว้าซึ่งอำนาจและเงินตรา
ทำไงล่ะ  ก็ทุ่มเท  แรงกาย แรงใจ  ทุกวิถีทาง เพื่อให้เอกสารออกมาสวยหรู

แล้ว  ------ผู้เรียนตาดำ ๆๆๆละคะ   จะเหลืออะไร  --------ครูลาออกจำนวน
มากเพราะอะไร  ท่านผู้รับชอบเรื่องนี้  เคยเก็บมาทบทวนมั๊ยคะ
- อาชีพครูน่าจะคุ้นกับการประเมินผลนะครับ
- ครูเลวควรออกจากระบบ ครูห่วยควรอยู่ในระบบ เพราะครูไม่พอถูกต้องมั้ยครับ
- ถ้าไม่มีการประเมินผลก็คงจะพัฒนาระบบยาก
- จะแยกโรงเรียนห่วยจากโรงเรียนดี ครูห่วยจากครูดี ต้องประเมินผล
- เกณฑ์ที่กำหนด ถามว่ามาจากเอกสารแสดงผลงานที่ครูจัดทำอย่างเดียวหรือไม่
- ถ้าวิธีประเมินผลผิดหรือมาผิดทาง เป็นความผิดของรายละเอียดปฏิบัติหรือนโยบาย
- ตกลงนโยบายการศึกษาเฉพาะตรงจุดนี้ของรัฐบาลที่แล้วดีหรือไม่ดี ผิดที่นโยบายหรือปฏิบัติครับ

ถ้าเป็นครู คำว่า มั้ย <-- แบบนี้ถึงถูกนะครับ

คิดแล้วเหนื่อยใจครับ
เพราะการศึกษาเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการสร้างคนให้เป็นมนุษย์
มันเป็นเรื่องของการสั่งสม
มันไม่เหมือนยาหม่องที่เอามาถูทาแล้วก็เห็นผลทันตา
ที่เลวร้ายที่สุดในอคีตมีคนบางคนเอาการศึกษามาหาผลประโยชน์ทางการเมือง
อย่างที่เห็นๆกันนั่นแหละครับ
วังเวงมากครับที่จะให้การปฏิรูปการศึกษาประสบผลสำเร็จได้ตามที่คาดหวังเอาไว้

 :)

   
   ....ว่าไปแล้ว  เรื่องการปรับความพอเพียง  ความเพียงพอ   หรือพูดให้
เต็มรูปแบบ  คือ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง..เป็นปัจจัยสำคัญในการแก้ไขปัญ
หาทางการศึกษามากทีเดียว  มิว่าจะเป็นเรื่องหัวใจของบุคลากรที่ทำหน้าที่
ครูที่มีความพอเพียง  มีความเพียงพอในหัวใจมากน้อยแค่ไหน
ครูในยุคปัจจุบันมีจำนวนมากทีเดียวที่มีความรู้สูง  ปริญญาโท  ปริญญาเอก
มิใช่คนโง่หรอก  แต่ส่วนมากมักจะเข้าตำรา  ความรู้ท่วมหัว  เอาตัวไม่รอด  หรือ
ประเภท  ไขว่คว้าหาอำนาจ  เกียรติยศ  เงินตรา  มากเกินความพอดี  เกินความ
พอเพียง ...บางคนหามรุ่งหามค่ำ  กับการที่จะให้ได้มาซึ่ง ตำแหน่งและการปรับซี
จนลืมข้อเท็จจริง  จนลืมผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับส่วนรวม  หรือผู้เรียน  หรือ
ผู้อื่น ....การจะแก้ระบบการศึกษาให้ดีขึ้น  มิว่า  จะเป็น  รมต.  คนใด....
เก่งกาจขนาดไหน  ต้องกล้าทุบ  กล้าล้างบาง  กล้าทวนกระแส  ในเรื่องผลประโยชน์
ของการทำผลงาน  เพราะเรื่องนี้บ่อเกิดก็มาจากในกรม  ในกองนั่นล่ะ ...ลองหาต้นตอให้ดีสิ


     *******************************************************


 ที่ประชุมได้หารือถึงโครงการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา ซึ่งได้เริ่ม
ดำเนินงานมาหลายเดือนแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายของ
 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จึงได้หยิบยกโครงการนี้มาทบทวนและกำหนด
เป้าหมายการดำเนินงานให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการทำความเข้าใจให้สถานศึกษาต่างๆ
ได้เข้าใจว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น หมายถึงการปฏิบัติตามแนวคิดเรื่องความ
พอประมาณ มีเหตุผล และการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี


ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำไปสู่การดำเนินทางสายกลางที่พอเพียง โดยสถานศึกษาสามารถดำเนินการ
ได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่การจัดทำเป็นหลักสูตรการเรียนการสอน ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานคณะ
กรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ร่วมกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และ
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

 กำลังยกร่างหลักสูตรเรื่องนี้ขึ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม โดยจะเป็นทั้งหลักสูตร
ที่แยกเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเป็นการเฉพาะ และหลักสูตรที่สามารถสอดแทรกเรื่องเศรษฐกิจพอ
เพียงเข้าไปในการเรียนการสอนในรายวิชาต่างๆ ได้ โดยให้มีการนำตัวอย่างมาแสดงให้นักเรียน
ได้เห็นด้วยว่าเรื่องนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตในสถานศึกษา และเชื่อมโยงไปถึงครอบครัวได้
อย่างไรด้วย ทั้งนี้ จะมีการทดลองนำร่องกระจายไปยังโรงเรียนทุกระดับชั้นทั่วประเทศ


.........................................................................................................................



เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยหลังการประชุมผู้บริหาร 5 องค์กรบริหารหลักของ ศธ.ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงโครงการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา ซึ่งได้เริ่มดำเนินงานมาหลายเดือนแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จึงได้หยิบยกโครงการนี้มาทบทวนและกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการทำความเข้าใจให้สถานศึกษาต่างๆ ได้เข้าใจว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น หมายถึงการปฏิบัติตามแนวคิดเรื่องความพอประมาณ มีเหตุผล และการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำไปสู่การดำเนินทางสายกลางที่พอเพียง โดยสถานศึกษาสามารถดำเนินการได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่การจัดทำเป็นหลักสูตรการเรียนการสอน ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ร่วมกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กำลังยกร่างหลักสูตรเรื่องนี้ขึ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม โดยจะเป็นทั้งหลักสูตรที่แยกเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเป็นการเฉพาะ และหลักสูตรที่สามารถสอดแทรกเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเข้าไปในการเรียนการสอนในรายวิชาต่างๆ ได้ โดยให้มีการนำตัวอย่างมาแสดงให้นักเรียนได้เห็นด้วยว่าเรื่องนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตในสถานศึกษา และเชื่อมโยงไปถึงครอบครัวได้อย่างไรด้วย ทั้งนี้ จะมีการทดลองนำร่องกระจายไปยังโรงเรียนทุกระดับชั้นทั่วประเทศ

"นอกจากนี้ ในที่ประชุมได้มีการเน้นย้ำว่า ไม่เพียงแต่การเรียนการสอนในห้องเรียนเท่านั้น แต่การบริหารจัดการภายในโรงเรียนต่างๆ จะต้องคำนึงถึงเศรษฐกิจพอเพียงด้วย เช่น การใช้พลังงานอย่างประหยัด การลงทุนในเรื่องต่างๆ อย่างพอดี ไม่สร้างหนี้ หรือสร้างสิ่งก่อสร้างหรืออุปกรณ์ที่มากมายเกินความจำเป็น รวมทั้งการส่งเสริมให้นักเรียนนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ที่บ้านด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลายโรงเรียนได้ส่งเสริมให้เด็กทำบัญชีค่าใช้จ่ายประจำวัน และร่วมกับครอบครัวทำบัญชีครัวเรือนกันบ้างแล้ว" คุณหญิงกษมากล่าว


http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01edu02101049&day=2006/10/10