ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: *bonny ที่ 26-09-2006, 09:59



หัวข้อ: **จิบน้ำชา ด่าทักษิณ กินคุ้กกี้..กับบอนนี่และดร.สังศิต**
เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 26-09-2006, 09:59
       
สังศิต:
"มีคำถามของคนไทยจำนวนมากที่ถามว่า คุณทักษิณมีอำนาจทางการเมืองเพียง 5-6 ปีเท่านั้น แต่ทำไมจึงสามารถทุจริตในขนาดที่ใหญ่โตและกว้างขวางมากชนิดที่สังคมไทยไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนได้?"

บอนนี่:
"คำตอบของผมคือ ภูมิหลังของคุณทักษิณ ที่กดดันให้คุณทักษิณเป็นอาชญากรทางการเมืองเช่นทุกวันนี้  คำว่า อาชญากรทางการเมือง (Criminal Politician) คือ มนุษย์ที่มีปัญหาอาศัยคราบของนักการเมืองทำลายระบอบการปกครองที่เป็นอยู่
คำว่า ภูมิหลังของทักษิณ หมายถึง อดีตที่ไม่น่าจดจำ แต่คุณทักษิณจดจำและแค้นเคืองชะตากรรมที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตและสาขาอาชีพ ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกกดขี่โดยระบบนายทุนและข้าราชการจนแทบเอาตัวไม่รอด 
เมื่อนำมารวมกันเข้าเป็น ภูมิหลังของทักษิณทำให้เป็นอาชญากรทางการเมือง อธิบายได้ว่า มนุษย์ที่มีปัญหาทางด้านภูมิหลังเข้ามาอาศัยคราบของนักการเมืองทำลายระบอบการปกครองที่เป็นอยู่เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีตของตนเอง"


สังศิต:
"เพื่อที่จะอธิบายและสามารถเข้าใจปรากฏการณ์การคอร์รัปชันในสังคมไทยในปัจจุบัน ผมเห็นว่ากรอบการมองที่เรียกว่า “คอร์รัปชันแบบเบ็ดเสร็จ” (Integrative Corruption) ซึ่งหมายถึงการคอร์รัปชันที่เป็นแบบครบวงจรหรือครบถ้วนทุกรูปแบบที่ครอบคลุมทุกช่องทางที่สามารถกระทำได้ รวมทั้งยังปิดทุกช่องทางของการตรวจสอบเอาไว้ด้วยสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการอธิบายได้  ผมคิดว่าจะไม่มีนายกรัฐมนตรีคนไหนในอนาคตที่สามารถจะทุจริตขนาดใหญ่ได้เหมือนระบอบทักษิณ ถ้าหากไม่สามารถสร้างระบบการคอร์รัปชันแบบครบวงจรที่เป็นการคอร์รัปชัน พร้อมกันถึงสามด้านหรือสามขาในเวลาเดียวกันได้สำเร็จ ซึ่งได้แก่การคอร์รัปชันทางการเมือง การคอร์รัปชันในการบริหารราชการแผ่นดิน และการคอร์รัปชันในทางเศรษฐกิจ"

บอนนี่:
"ผมขอเติมขาที่สี่ให้ จะได้ครบเป็นสัตว์สี่เท้า โดยขาที่สี่ผมให้เป็นคอรัปชั่นทางความคิด ผมขออธิบายว่า ในคนทุกคน มีกระบวนการพัฒนาความคิดอ่านมาจากสามส่วน คือ ความคิดของตนเอง ความคิดของคนอื่น และความคิดอิสระ  เมื่อมีข่าวสารมากระทบโสตสัมผัส กระบวนการพัฒนาความคิดจะเริ่มต้นขึ้น โดยใช้ความคิดของตัวเองชั่งใจ เมื่อไม่แน่ใจก็รับเอาความคิดของคนอื่นมาปรุงแต่ง  ส่วนความคิดอิสระอยู่ในส่วนที่ไม่ขึ้นกับใคร แต่เป็นตัวชี้ชะตาเมื่อความคิดตนเองและความคิดของผู้อื่นขัดแย้งกัน  กระบวนการพัฒนาความคิดของคนไทยเวลานี้ ถูกแทรกแซงโดยขบวนการยัดเยียดข่าวสารและความคิดอ่านที่บิดเบือนไปจากความจริงและความถูกต้อง โดยใช้เครื่องมือสื่อสารของรัฐที่มีอยู่ หรือ ระงับการใช้เครื่องมือสื่อสารนั้นแล้วแต่กรณี เป็นเหตุให้ความคิดของผู้อื่น(ฝ่ายทักษิณ)และความคิดอิสระ(ที่ถูกแทรกแซง) มีบทบาทเหนือความคิดของคนผู้นั้นอยู่ตลอดเวลา  เรียกว่า คอรัปชั่นทางความคิด คือ ขโมยความคิดอ่านที่เป็นอิสระของผู้อื่น"

สังศิต:
"เมื่อพูดถึงการคอร์รัปชันทางการเมือง โดยทั่วไปหมายถึง “การใช้อำนาจของรัฐบาลอย่างผิดกฎหมายหรือโดยขาดคุณธรรม เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง” เป็นที่น่าสังเกตว่าคุณทักษิณได้ใช้สถาบันในระบอบประชาธิปไตย องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญและหน่วยงานของรัฐเป็นเครื่องมือในการทุจริตทางการเมือง องค์กรอิสระที่มีเสียงร่ำลือกันทั้งบ้านทั้งเมืองว่าถูกใช้เป็นเครื่องมือมิให้ตรวจสอบการทำงานของบรรดาผู้มีอำนาจทางการเมืองในปัจจุบัน ได้แก่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ  เท่าที่ผ่านมาในบรรดาองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ กกต. ดูเหมือนจะเป็นหน่วยงานที่แข็งขันที่สุดในการช่วยสร้างและรักษาระบอบทักษิณเอาไว้ ตั้งแต่การกำหนดกระบวนการการเลือกตั้งและการนับคะแนนที่ไม่สะอาด การไม่สร้างบรรทัดฐานที่ให้พรรคการเมืองต่างๆ แข่งขันกันอย่างเสมอภาคและยุติธรรม ตลอดจนกระทั่งถึงการพิจารณาให้ใบเหลืองใบแดงที่ส่อให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสและไม่น่าเชื่อถือ ทำให้คุณทักษิณมีความชอบธรรมในการก้าวขึ้นสู่อำนาจทางการเมือง โดยมีคะแนนเสียงข้างมากที่ไม่ใคร่ตรงกับความเป็นจริงเท่าไรนัก"

บอนนี่:
"ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 สาระสำคัญที่สุดในการถ่วงดุลอำนาจบริหาร คือ มีองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างแข็งขัน นอกเหนือจากการตรวจสอบโดยฝ่ายค้านในระบบรัฐสภา  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นว่า ฝ่ายค้านก็ตรวจสอบไม่ได้ องค์กรอิสระก็ไม่เป็นอิสระ  ความบกพร่องของรัฐธรรมนูญจึงอยู่ที่ ไม่สามารถระงับการแทรกแซงองค์กรต่างๆ ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อย่างมีอิสระนั่นเอง"   

สังศิต:
"ส่วนหน่วยงานราชการสำคัญๆ ที่ถูกดึงมาใช้เพื่อส่งเสริม รักษาและปกป้องผลประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มผู้ปกครอง เช่น ตำรวจ มหาดไทย กรมสรรพากร ปปง. และดีเอสไอ ฯลฯ ในบรรดาหน่วยราชการเหล่านี้ ดูเหมือนตำรวจจะเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทอย่างสำคัญที่สุดในการพิทักษ์รักษาการทุจริตทั้งในทางการเมืองและในทางเศรษฐกิจของระบอบทักษิณ ตั้งแต่การข่มขู่คุกคามหัวคะแนนของพรรคการเมืองฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาล การซื้อเสียงให้แก่นักการเมืองซีกรัฐบาล การปฏิบัติแบบสองมาตรฐานในการดำเนินคดีฟ้องร้องระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย การไม่ดำเนินคดีกับนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่กระทำผิดตามกฎหมาย และการรู้เห็นเป็นใจโดยปล่อยให้กลุ่มอันธพาลทางการเมืองกลุ้มรุมทำร้ายผู้ที่ต่อต้านระบอบทักษิณ ทั้งในเมืองและตามภูมิภาคต่างๆ"

บอนนี่:
"ถือเป็นบุญของประเทศที่หน่วยงานราชการบางหน่วยมีความเข้มแข็งและมีอิสระในการแสดงออกทางความคิดได้ตามสมควร เพราะคนของรัฐไม่อาจใช้อำนาจบีบบังคับ โยกย้าย หรือ เสนอผลประโยชน์ตอบแทนอื่นใดได้ เช่น เหล่าคณาจารย์ในมหาวิทยาลัย  กลุ่มแพทย์และเภสัชกร  ผู้พิพากษาที่ต้องยึดมั่นในความเที่ยงธรรม และกลุ่มนายทหารที่มีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมากกว่า  ขบวนการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศในอนาคต จึงไม่ใช่อยู่ที่สาระในรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ต้องหาวิธีให้ข้าราชการในหน่วยอื่นๆ สามารถมีอิสระทางความคิดได้เท่าเทียมหรือใกล้เคียงกับ ข้าราชการในหน่วยที่ได้กล่าวมาแล้วต่างหาก"  

สังศิต:
"สำหรับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ถูกระบอบทักษิณนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองมากที่สุด เช่น สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ค่อนข้างชัดเจนว่าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ถูกระบอบทักษิณนำมาใช้ประโยชน์ทางการเมืองมากที่สุด จากการนำเอารายได้ของหวย 2 ตัว 3 ตัว จำนวนหลายหมื่นล้านบาทไปใช้ในการสร้างและรักษาระบบหัวคะแนนทางการเมืองของพรรคไทยรักไทยเอาไว้"

บอนนี่:
"ตลอดระยะเวลาที่บริหารประเทศ คุณทักษิณคิดแต่ว่า จะทำอย่างไรจึงจะเลี้ยงดูลูกน้องให้อิ่ม เมื่ออิ่มแล้ว คนพวกนี้จะไม่ร้อง การเปิดให้ชาวบ้านแทงหวยบนดิน เหมือนยิงนกทีเดียวสองตัว คือ ลูกสมุนได้อิ่ม และรัฐบาลได้คะแนนเสียง โดยที่พรรคไทยรักไทยไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายสักบาท  นอกจากนี้ การโฆษณาประชาสัมพันธ์โดยใช้หน่วยงานภาครัฐเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ป่าวประกาศทางทีวีและสื่ออื่นๆ ว่า ผลงานของรัฐบาลนี้ดีอย่างไร ยั่งยืน มั่นคงอย่างไรถ้าให้คณะนี้ทำงานต่อไป ก็เป็นการใช้เงินรัฐหาเสียงให้พรรค เป็นการเอาเปรียบสังคมและพรรคการเมืองอื่นๆ ในสนามแข่งขันอย่างยิ่ง  รัฐบาลอ้างการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมเป็นทางออกของประชาธิปไตย แต่รัฐบาลกลับใช้งบประมาณหาเสียงให้พรรคไทยรักไทย ในขณะที่คู่แข่งต้องระดมทุนจากผู้สนับสนุนพรรคแทบตาย" 

สังศิต:
"นอกจากนี้ ระบอบทักษิณยังได้ใช้สถาบันในระบอบประชาธิปไตย เช่น การเลือกตั้งมาเป็นกลไกในการรักษาอำนาจ ธุรกิจและผลประโยชน์ของตัวเองอย่างสำคัญ ระบอบนี้ได้กล่าวอ้างว่า การเลือกตั้งในวันที่ 15 ตุลาคม ศกนี้ มีความหมายเท่ากับประเทศไทยจะมีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ระบอบนี้สนับสนุนให้มีการเลือกตั้ง แต่ไม่สนในใจว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือไม่ การแข่งขันระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ จะเป็นไปอย่างเป็นธรรมหรือไม่ รวมทั้งระบอบนี้ไม่เคยให้ความสนใจกับปรัชญา หลักการและแนวความคิดของระบอบประชาธิปไตยที่ให้ความสำคัญกับสิทธิ เสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน ความเท่าเทียมทางสังคม การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในกระบวนการกำหนดนโยบายสาธารณะที่สำคัญๆของรัฐบาล เสรีภาพของสื่อมวลชน การเป็นผู้ที่ทรงไว้ซึ่งคุณธรรมและจริยธรรมของบุคคลสาธารณะ ระบบการตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐและสิทธิมนุษยชนของประชาชนจะต้องมีหลักประกัน เป็นต้น" 

บอนนี่:
"รัฐบาลอ้างคะแนนเสียงส่วนใหญ่ของคน 16 ล้านคนที่เลือกไทยรักไทยเสมอ แต่รัฐบาลไม่เคยกล้าให้ตรวจสอบที่มาของคะแนน 16 ล้านเสียงว่า ได้มาอย่างไร ในเมื่อกกต.ถูกตัดสินแล้วว่า ทำผิดทุกข้อกล่าวหาในการจัดการเลือกตั้งและเอื้อประโยชน์ให้พรรคไทยรักไทย คะแนน 16 ล้านเสียงจึงควรเป็นโมฆะตามคำพิพากษาของศาลด้วย"

สังศิต:
"การคอร์รัปชันในการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลชุดปัจจุบันสามารถทำการทุจริตขนาดใหญ่ได้ การปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ที่เรียกว่า “การปฏิรูประบบราชการ” ทำให้รัฐบาลสามารถเปลี่ยนแปลงปลัดกระทรวงและอธิบดีกรมต่างๆ ของทุกกระทรวงได้อย่างเป็นระบบและอย่างเบ็ดเสร็จ ในโลกที่เป็นจริงหากไม่มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับปลัดกระทรวงและอธิบดีที่ให้การช่วยเหลือนักการเมืองอย่างจริงจัง ก็จะไม่มีการคอร์รัปชันในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลได้เลย  เพราะเหตุว่าสามารถคอร์รัปชันทางการเมือง คอร์รัปชันในการบริหารราชการแผ่นดินและควบคุมองค์กรตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญทุกองค์กรได้สำเร็จ ระบอบทักษิณจึงสามารถคอร์รัปชันในโครงการต่างๆ ของรัฐได้อย่างกว้างขวาง"


บอนนี่:
"ประกาศปฏิรูประบบราชการ แท้จริงไม่เคยมีเนื้อหาสาระที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาศักยภาพของระบบราชการเลย ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากประกาศไปแล้ว 5 ปี จึงย่ำอยู่กับที่  ยังมีการทุจริต คอรัปชั่น และหย่อนยานในการทำหน้าที่ของข้าราชการต่อไป  ก็เฉกเช่นกับการประกาศทำสงครามกับมาเฟีย และยาเสพติดนั่นแหละ  มาเฟียจริงๆ คือ รัฐบาล และยาเสพติดก็คือ โครงการประชานิยม"

สังศิต:
"ลักษณะการทุจริตของระบอบทักษิณมีอย่างน้อยที่สุด 10 รูปแบบดังต่อไปนี้คือ : 

1. การแสวงหาค่าเช่าทางเศรษฐกิจหรือส่วนเกินจากการผูกขาด การให้สัมปทาน และการสร้างความขาดแคลนเทียมในตลาด (เช่น การขาดแคลนน้ำตาล ฯลฯ) 

2. การฉกฉวยทรัยพากรของรัฐมาเป็นของครอบครัวและพวกพ้องคนใกล้ชิดโดยการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ (เช่น ป.ต.ท.) 

3. การมีผลประโยชน์ทับซ้อน เช่น การขายหุ้นของกลุ่มชินคอร์ปให้แก่กองทุนเทมาเส็คโดยไม่เสียภาษี 

4. การใช้อิทธิพลทางการเมืองหาผลประโยชน์จากตลาดหลักทรัพย์ เช่น การปั่นราคาหุ้นของบริษัทปิกนิคของอดีต รมช. พาณิชย์ และหุ้นของนักการเมืองที่ทรงอิทธิพล 

5. ปกปิดการบริหารงานที่ไม่ถูกต้อง ทั้งการปิดบังข้อมูลและให้การเท็จ เช่น การทุจริตกรณีลำไยและกล้ายาง 

6. การใช้นโยบาย กฎหมาย กฎเกณฑ์ ข้อบังคับต่างๆ อย่างมีอคติและลำเอียง (เช่น กรณี CTX และการตรวจสอบคุณภาพข้าว) 

7. การใช้อิทธิพลทางการค้า แสดงบทบาทเป็นนายหน้าหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน จากการค้าต่างตอบแทน การแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรกับประเทศคู่ค้า เช่น การแลกไก่กับเครื่องบินรบของรัสเซีย 

8. การใช้ทรัพยากรของรัฐไปในทางมิชอบ การปลอมแปลงเอกสาร การฉ้อฉล การใช้กองทุนของรัฐไปเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง เช่น การใช้ธนาคารของรัฐในโครงการประชานิยม 

9. ไม่กระทำการตามหน้าที่ แต่ใช้ลัทธิพรรคพวกแทน เช่น การจัดฮั้วประมูล 

10. การให้และการรับสินบน การขู่เข็ญบังคับและการให้สิ่งล่อใจ"

บอนนี่:
"ทุกข้อที่อาจารย์กล่าวมา ปัญหาอยู่ที่ ธรรมาภิบาล ข้อเดียวที่ไม่มีในจิตใจของผู้บริหาร  รัฐธรรมนูญจะเขียนให้สวยอย่างไร ก็บังคับให้คนมีธรรมาภิบาลไม่ได้  แต่รัฐธรรมนูญสามารถเขียนเพื่อกีดกันไม่ให้เกิด อธรรมาภิบาล ในการบริหารส่วนราชการได้ โดยกำหนดให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบมีอำนาจและมีอิสระในการตรวจสอบการใช้อำนาจอย่างแท้จริง การที่จะทำเช่นนั้นได้ ขบวนการสรรหากรรมการขององค์กรอิสระต้องกระทำโดยทุกภาคส่วนในสังคม ไม่ใช่จำกัดเฉพาะนักการเมืองในรัฐสภาเช่นที่ผ่านมา"  

สังศิต:
"เพื่อหาทางป้องกันการทุจริตแบบเบ็ดเสร็จที่อาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่รัฐบาลชุดใหม่ควรดำเนินการได้แก่ :

1. เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ คุณสมบัติของบุคคลที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ โดยให้เพิ่มสัดส่วนขององค์กรภาคประชาชน และให้ดูประวัติของผู้สมัครว่ามีความศรัทธาและให้การสนับสนุนการต่อสู้ของระบอบประชาธิปไตยมาก่อนหรือไม่ 

2. เพื่อยุติการใช้ความรุนแรงทางการเมืองโดยตำรวจ ควรมีการปฏิรูประบบตำรวจ โดยแยกตำรวจออกจากอำนาจทางการเมือง 

3. ปฏิรูปสำนักงานสลากกินแบ่งให้พ้นจากอำนาจทางการเมือง แก้ไขกฎหมายให้องค์กรภาคประชาชน องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร และองค์กรคนพิการ เข้ามาบริหารจัดการแทนข้าราชการและตัวแทนนักการเมือง 

4. แปรรูปธนาคารของรัฐทุกแห่งให้เป็นของเอกชนอย่างโปร่งใส โดยให้รัฐบาลถือหุ้นเพียงร้อยละ 49 เพื่อป้องกันมิให้นักการเมืองมาแสวงหาผลประโยชน์จากธนาคารของรัฐอีกต่อไป 

5. ป้องกันการทุจริตทางการเมืองแบบที่สังคมยังมองเห็นไม่ใคร่ชัดเจนหรือสังคมยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ (เช่น เมื่อมีกฤษฎีกาการเลือกตั้งให้รัฐบาลพ้นจากตำแหน่งไปทันที และให้ปลัดกระทรวงทำหน้าที่รักษาการณ์แทน ฯลฯ) 

6. เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดจากกลุ่มทุนผูกขาดและผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ควรแก้ไขกฎหมายให้อำนาจทุนพ้นออกไปจากการเมือง 

7. สนับสนุนและส่งเสริมปทัสฐานทางด้านจริยธรรมของสังคมไทยในเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริตอย่างจริงจัง 

8. ส่งเสริมให้เกิดองค์กรภาคประชาชนอย่างกว้างขวางในการเฝ้าระวังและติดตามการคอร์รัปชันของนักการเมืองและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ 

9. เพิ่มการลงโทษทางกฎหมายให้รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมต่อนักการเมืองและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ทุจริต และ 

10. เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้ามีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจทางด้านนโยบายของภาครัฐบาลให้มากที่สุด"

บอนนี่:
"อาจารย์ให้ความสำคัญกับ การเมืองในภาคประชาชนเอาไว้มาก  แต่ผมอยากให้มีระบบการตรวจสอบ "คุณสมบัติของตัวแทนการเมืองภาคประชาชน" ของอาจารย์ด้วย  เพื่อไม่ให้กลุ่มบุคคลที่มีบทบาทสำคัญเหล่านี้ถูกแทรกแซงอีก มีหลักประกันอะไรที่บอกว่า คนเหล่านั้นเป็นตัวแทนภาคประชาชนอย่างแท้จริง"

 

รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ศูนย์วิจัยธรรมาภิบาล มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม      13 กย. 49
*bonny เสรีไทยเว็บบอร์ด     26 กย. 49
 
 


หัวข้อ: Re: **จิบน้ำชา ด่าทักษิณ กินคุ้กกี้..กับบอนนี่และดร.สังศิต**
เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 26-09-2006, 10:17
 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: **จิบน้ำชา ด่าทักษิณ กินคุ้กกี้..กับบอนนี่และดร.สังศิต**
เริ่มหัวข้อโดย: MaMood ที่ 26-09-2006, 10:24
แวะมาจิบน้ำช้ากับคุณบอนนี่จ้า  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: **จิบน้ำชา ด่าทักษิณ กินคุ้กกี้..กับบอนนี่และดร.สังศิต**
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 26-09-2006, 10:34
ต้องมีขนมนมเนยอีกสักหนึ่งถาดใหญ่ จะได้ค่อย ๆ ละเลียดอ่านพร้อมจิบน้ำชาให้สบายอุรา  :mrgreen:


หัวข้อ: Re: **จิบน้ำชา ด่าทักษิณ กินคุ้กกี้..กับบอนนี่และดร.สังศิต**
เริ่มหัวข้อโดย: buntoshi ที่ 26-09-2006, 11:03
สุดยอดครับ นักวิชาการ ที่มีความคิดสร้างสรร และ เก่งๆ นั้น มีหลายท่าน แต่นักวิชาการ ที่น่านับถือ คือนักวิชาการที่ไม่ใช่ทาสนักการเมือง นักวิชาการ ที่ ทำเพื่อชาติ และ ประชาชน นั่นคือ เหล่านักวิชาการที่น่ายกย่องครับ

การจิบชา ครั้งนี้ มันได้อะไรมากกว่ารสของชา ที่สัมผัสลิ้นผมครับ ขอบคุณ คุณ บอนนี่ และ อาจารย์สังศิต มากครับ  :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: **จิบน้ำชา ด่าทักษิณ กินคุ้กกี้..กับบอนนี่และดร.สังศิต**
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 26-09-2006, 11:13
ยาวมาก แต่เนื้อหาแน่
เอาข้าวมากินไปอ่านไปได้เลย  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: **จิบน้ำชา ด่าทักษิณ กินคุ้กกี้..กับบอนนี่และดร.สังศิต**
เริ่มหัวข้อโดย: Limmy ที่ 26-09-2006, 11:45
โหวตครับ ต้องรีบเอาไปเผยแพร่ในวงกว้าง  :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: **จิบน้ำชา ด่าทักษิณ กินคุ้กกี้..กับบอนนี่และดร.สังศิต**
เริ่มหัวข้อโดย: Megalo ที่ 26-09-2006, 11:59
ทักษิณเป็นผู้นำที่ท่าทีแข็งกร้าว เจ้าคิดเจ้าแค้น  หลายครั้งเลือกที่จะตอบโต้แทนที่โอนอ่อนผ่อนผัน
การกระทำหลายๆอย่างในอดีตบ่งชี้ชัดเจอ  พฤติกรรมของเขาส่งผลไปยังลูกพรรคด้วย

- เริ่มจากนายโภคิดยกมือโหวตทั้งที่เป็นประธานรัฐสภา ตำแหน่งนี้ต้องยิ่งสงวนท่าที  ( เมื่อประธานเป็นอย่างนี้ รัฐสภาไม่ต้องถามหาความเป็นกลางเลย )
- กรณีตอกบัตรแทน ผลสอบสวนก็ช่วยเหลือฝ่ายเดียวกันเอง
- ลงมติไว้วางใจก่อนการอภิปรายของฝ่ายค้าน ไม่เคยเห็นพรรคไหนทำในอดีต แสดงให้เห็นต้องการเย้ยพรรคเสียงข้างน้อยว่าอภิปรายไปก็ทำอะไรข้าไม่ได้ เผด็จการชัดๆ
นี่หรือเรียกว่าประชาธิปไตย
- พูดจากลับกลอก หาความจริงไม่ได้ ออกรายการสรยุทธ รับปากจะดีเบตกับสนธิ รุ่งขึ้นก็กลืนน้ำลายซะแล้ว ,ยุบสภาแล้วจะบอกล่วงหน้า 90 วัน , ยุบชาติหน้าตอนบ่ายๆ
อีก 4 ปีคนจนจะหมดประเทศ ,พูดแล้วไม่ทำตามที่พูดของแม้วมีหลายเรื่องมาก เมื่อเยาวชนในชาติเห็นผู้นำเป็นแบบนี้แล้วจะคิดยังไง
- พูดจากระแทกแดกดัน เจ้าคิดเจ้าแค้น เช่น โจรกระจอกบ้าง ส่งเสาไฟฟ้าก็ได้รบเลือกบ้าง แพ้เลือกตั้งซ่อมที่พิจิตร ก็ไปพูดจาแบบไม่ยอมแพ้ นครสวรรค์เลือกไทยรักไทยยกเขต
จะพัฒนาจังหวัดนี้ก่อน
- แทรกแซงองค์กรต่างๆ  ตั้งพรรคพวกตัวเองไปดูแล
- คอรัปชั่น เอื้อให้แต่พวกพ้องและผองเพื่อน  มีการแก้กฏหมายเอื้อประโยชน์  ประมูลไม่ยุติธรรม แทรกแซง ข่มขู่ ใช้อำนาจให้พวกเดียวกัน
- หมิ่นเบื้องสูง ทั้งการกระทำและการพูด

โอ้ย  มีเยอะ พรรณาได้ไม่หมด

งานเอาหน้านี่ชอบนัก แต่เรื่องร้ายๆชอบโยนให้ลูกน้อง


ผู้นำลักษณะนี้ ( ทรราชในคราบนักการเมือง ) เกิดมาชาตินี้ก็เพิ่งเห็น และก็ขออย่าให้เจออีกเลยทั้งชาตินี้และชาติหน้า


หัวข้อ: Re: **จิบน้ำชา ด่าทักษิณ กินคุ้กกี้..กับบอนนี่และดร.สังศิต**
เริ่มหัวข้อโดย: พระพาย ที่ 26-09-2006, 14:13
ขอมั่วด้วยคนครับ... อ่านแล้วมันส์ดี  :slime_fighto:

สังศิต:
"เพื่อที่จะอธิบายและสามารถเข้าใจปรากฏการณ์การคอร์รัปชันในสังคมไทยในปัจจุบัน ผมเห็นว่ากรอบการมองที่เรียกว่า “คอร์รัปชันแบบเบ็ดเสร็จ” (Integrative Corruption) ซึ่งหมายถึงการคอร์รัปชันที่เป็นแบบครบวงจรหรือครบถ้วนทุกรูปแบบที่ครอบคลุมทุกช่องทางที่สามารถกระทำได้ รวมทั้งยังปิดทุกช่องทางของการตรวจสอบเอาไว้ด้วยสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการอธิบายได้  ผมคิดว่าจะไม่มีนายกรัฐมนตรีคนไหนในอนาคตที่สามารถจะทุจริตขนาดใหญ่ได้เหมือนระบอบทักษิณ ถ้าหากไม่สามารถสร้างระบบการคอร์รัปชันแบบครบวงจรที่เป็นการคอร์รัปชัน พร้อมกันถึงสามด้านหรือสามขาในเวลาเดียวกันได้สำเร็จ ซึ่งได้แก่การคอร์รัปชันทางการเมือง การคอร์รัปชันในการบริหารราชการแผ่นดิน และการคอร์รัปชันในทางเศรษฐกิจ"

บอนนี่:
"ผมขอเติมขาที่สี่ให้ จะได้ครบเป็นสัตว์สี่เท้า โดยขาที่สี่ผมให้เป็นคอรัปชั่นทางความคิด ผมขออธิบายว่า ในคนทุกคน มีกระบวนการพัฒนาความคิดอ่านมาจากสามส่วน คือ ความคิดของตนเอง ความคิดของคนอื่น และความคิดอิสระ  เมื่อมีข่าวสารมากระทบโสตสัมผัส กระบวนการพัฒนาความคิดจะเริ่มต้นขึ้น โดยใช้ความคิดของตัวเองชั่งใจ เมื่อไม่แน่ใจก็รับเอาความคิดของคนอื่นมาปรุงแต่ง  ส่วนความคิดอิสระอยู่ในส่วนที่ไม่ขึ้นกับใคร แต่เป็นตัวชี้ชะตาเมื่อความคิดตนเองและความคิดของผู้อื่นขัดแย้งกัน  กระบวนการพัฒนาความคิดของคนไทยเวลานี้ ถูกแทรกแซงโดยขบวนการยัดเยียดข่าวสารและความคิดอ่านที่บิดเบือนไปจากความจริงและความถูกต้อง โดยใช้เครื่องมือสื่อสารของรัฐที่มีอยู่ หรือ ระงับการใช้เครื่องมือสื่อสารนั้นแล้วแต่กรณี เป็นเหตุให้ความคิดของผู้อื่น(ฝ่ายทักษิณ)และความคิดอิสระ(ที่ถูกแทรกแซง) มีบทบาทเหนือความคิดของคนผู้นั้นอยู่ตลอดเวลา  เรียกว่า คอรัปชั่นทางความคิด คือ ขโมยความคิดอ่านที่เป็นอิสระของผู้อื่น"

ผมขอร่วมเพิ่มข้อหาการคอรัปชั่นอีกหนึ่งข้อหาครับ... คอรับชั่นมวลชนไทย.... หลักฐานการมีอยู่ของการคอรัปชั่นประเภทนี้ก็คือ "ความวิตกกังวลเชื่อถือต่อภาคประชาชน" ของสังคมไทยบางส่วน รวมทั้งที่คุณบอนนี่ระบุไว้เองดังนี้

บอนนี่:
"อาจารย์ให้ความสำคัญกับ การเมืองในภาคประชาชนเอาไว้มาก  แต่ผมอยากให้มีระบบการตรวจสอบ "คุณสมบัติของตัวแทนการเมืองภาคประชาชน" ของอาจารย์ด้วย  เพื่อไม่ให้กลุ่มบุคคลที่มีบทบาทสำคัญเหล่านี้ถูกแทรกแซงอีก มีหลักประกันอะไรที่บอกว่า คนเหล่านั้นเป็นตัวแทนภาคประชาชนอย่างแท้จริง"

ส่วนคอรัปชั่นอันสุดท้ายที่ผมอยากเพิ่มเข้าไปก็คือ... การคอรัปชั่นความจงรักภักดี... อันนี้มิขออธิบายคับ  :slime_v:


หัวข้อ: Re: **จิบน้ำชา ด่าทักษิณ กินคุ้กกี้..กับบอนนี่และดร.สังศิต**
เริ่มหัวข้อโดย: Scorpio6 ที่ 26-09-2006, 15:57

เยี่ยมครับทั่น บอน*

มีงานเสวนาดีๆนี้ต้องขอมาร่วมฟัง...........และคิดตามครับ

ส่วนกาแฟ..ขอเป็น.ลาเต้(ครีม..นม เยอะๆ ครับ) :mrgreen:


หัวข้อ: Re: **จิบน้ำชา ด่าทักษิณ กินคุ้กกี้..กับบอนนี่และดร.สังศิต**
เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 26-09-2006, 16:12
มาร่วมวงด้วยค่ะ

ขอลาเต้ร้อน คุกกี้ไม่ต้อง กลัวอ้วน ๕๕๕

เนื้อหาเยอะมาก ต้องขอเวลาอ่านซักนิดค่ะ


ปล. พี่นทร์ ถึงขั้นเอาข้าวมากินเลยเหรอ   :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: **จิบน้ำชา ด่าทักษิณ กินคุ้กกี้..กับบอนนี่และดร.สังศิต**
เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 27-09-2006, 08:37
สวัสดีครับทุกๆ ท่าน..

เยี่ยมมากครับคุณMegalo  รวบรวมจากความทรงจำได้ดีมาก  หลายครั้งที่ฝ่ายกองเชียร์ทักษิณถามหาหลักฐาน  บางทีบอกไป พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจนัก  แต่ไม่นานก็จะถามใหม่อีก

การโกงในสมัยนี้ มันไฮเทคแล้ว  ตามดมกลิ่นยาก แต่ไม่ใช่ว่าจะสิ้นกลิ่นให้ดอมดมเสียทีเดียว

การโยกเงิน และหุ้นระหว่างบัญชี  ทำถูกกฎหมายแต่จนด้วยเหตุผลอธิบาย ก็เป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งเช่นกัน  จึงอยู่ที่ว่า ต่อมแยกแยะถูก-ผิดของแต่ละคน ไวต่อหลักฐานเหล่านี้หรือไม่

ผมเคยทำกระทู้เรื่อง  **ทำถูกขั้นตอนของกฎหมาย มิได้หมายความว่า ทำถูกกฎหมายเสมอไป**   ซึ่งสามารถไปหาอ่านได้  เพราะนักการเมืองนิยมนำมาแก้ตัวเสมอว่า ได้ทำทุกอย่างตามขั้นตอนของกติกาแล้ว ทำไมยังมีคนเห็นแย้ง ต่อต้าน

พวกเขาลืมนึกไปว่า การได้มาของแต่ละขั้นตอนในกติกานั้น ใช้อำนาจทางการเมืองสั่งการให้ได้มาหรือเปล่า ถ้าปล่อยตามธรรมชาติตามวิถีทางระบอบประชาธิปไตยจะเกิดขั้นตอนเหล่านั้นขึ้นหรือไม่??


หัวข้อ: Re: **จิบน้ำชา ด่าทักษิณ กินคุ้กกี้..กับบอนนี่และดร.สังศิต**
เริ่มหัวข้อโดย: นู๋เจ๋ง ที่ 27-09-2006, 11:02
อาแปะ ขอนมชงแก้วนึง

 :slime_v:

นั่งเท้าคาง ฟัง!!