ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

กรณีการออกแถลงการณ์ของกลุ่มนักวิชาการ..แพทย์..พยาบาล และเภสัชรวม 43องค์กร เรียกร้องให้นายกทักษิณยุติบทบาททางการเมือง และเรียกร้องให้ข้าราชการกล้าที่จะ "แข็งข้อ" กับนักการเมืองในพรรครัฐบาล

เป็นที่น่าสังเกตว่า บุคคลที่ร่วมลงชื่อในแถลงการณ์ฉบับนี้ ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการอยู่และเข้าข่าย "หมูไม่กลัวน้ำร้อน"

เพียงแต่วงของการแข็งข้อจำกัดอยู่ในกลุ่มนักวิชาการในสถาบันการศึกษา นักวิชาการองค์กรอิสระ แพทย์ เภสัช และพยาบาล  ไม่รวมกลุ่มผู้พิพากษา และทหารบางส่วนซึ่งได้แสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจนก่อนหน้านี้แล้ว โดยทำตัวเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน

ไม่สามารถขยายวงไปครอบคลุมข้าราชการ กท.มหาดไทย..พาณิชย์..คมนาคม..อุตสาหกรรม และกรมสรรพากร ที่มีบทบาทในการช่วยเหลือ เกื้อกูลผู้นำในรัฐบาลและนักการเมืองซึกรัฐบาลอย่างชัดเจนมาตลอด

ถึงเวลาที่จะปลดแอกตัวเองกันได้แล้วครับ เพื่อนข้าราชการที่เป็นข้าของแผ่นดิน กินเงินเดือนจากภาษีของราษฎร มิได้กินเงินเดือนนักการเมือง  เขาให้ประโยชน์พวกท่าน ก็เพื่อหวังให้พวกท่าน ให้ประโยชน์พวกเขาเป็นการตอบแทน

อยากให้ข้าราชการไทยรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนเช่นเดียวกับกลุ่มนักวิชาการสายสุขภาพข้างบน และกำหนดมาตรการต่อต้านคุณทักษิณและนักการเมืองชั่วอย่างชัดเจน

ป๋าเปรมบอกว่า อย่ายกมือไหว้คนรวยแต่โกง  ผมขอแค่ให้พวกท่านไม่ยืนเอามือกุมเป้าเมื่อพวกเขาเดินผ่าน

ยืนตัวตรงๆ เอาแขนแนบไว้ข้างลำตัวก็พอ แค่นี้แหละ ทำได้ไหม??

ถ้ากล้าทำ ก็จะกล้าแฉ และกล้าสวนแน่นอนครับ

ฟันธง ทำไม่ได้ค่ะ

ระบบคุณธรรมในราชารของเรา มันหมดสิ้นไปนานแล้ว  ข้าราชการทุกคนต้องเอาตัวรอด หากอยากมีงานทำ  แต่ที่หนักไปกว่านั้น การแข็งข้อกับผู้บังคับบัญชาหรือนักการเมืองที่มามีอนาจในหน่วยงาน ไม่ได้หมายถึงการถูกไล่ออกเท่านั้น  แต่รวมไปถึงการถูกกลั่นแกล้ง การสอบวินัย การสอบทุจริต

ยืนกุมเป้าแล้วชีวิตปลอดภัย ก็คงต้องยืนกุมกันต่อไปค่ะ

อีกไม่นานหรอกครับ ถ้าพวกหมอ ออกโรงมาก ๆ แล้วจะรู้สำนึก

หมอในโรงพยาบาล สามารถใช้ความรู้ บอกต่อประชาชนได้ ว่า 30 บาท ที่เค้าได้นั้น เป็นเงินของประชาชน

ฟ้าผ่าสักเปรี้ยงสองเปรี้ยง ไม่เลิกก็ต้องสูญพันธุ์  :mrgreen:

ปัญหาคือ เวลาโกงกิน ข้าราชการเป็นมือ-เท้าให้นักการเมือง มีทั้งพวกกินตามน้ำและพวกฝืนใจกิน คนเหล่านี้มีชนักติดหลังทำให้ไม่สามารถปลดแอกจากระบอบทักษิณได้

อีกพวกก็เป็นเด็กปั้น ได้ดีมาจากการเกาะแข้งเกาะขานักการเมือง พวกนี้ก็ไม่มีวันกลับตัว มีแต่เปลี่ยนขาเกาะไปเรื่อยเท่านั้น

ข้าราชการผู้ใหญ่ที่ดี และมีคุณธรรมมักจะโดนบอนไซ หรือกันให้ไปอยู่หน่วยงานที่ไม่ค่อยสำคัญ

ถ้าเป็นข้าราชการระดับล่าง แทบไม่มีใครกล้ามีปากเสียง เพราะอำนาจของระดับบนมันกดหัวไว้อย่างที่คุณพรรณชมพูบอก

....   "หมูไม่กลัวน้ำร้อน"    ....

เข้าใจเปรียบเทียบแฮะ ....  !!!

นั่นสิคะ ... ข้าราชการกินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน

ไม่ใช่ของ..แม้ว  หรือของ หมา..ที่ไหนซักหน่อย

อยากเห็นข้าราชการ ( น้ำดี ) บ้านเรา .. สามารถยืนตัวตรงๆ ได้อย่างสง่าผ่าเผยเหมือนกัน ..

ไม่ถูกยึดติดกับ ระบบ ..ระบอบ .. และถูกกดหัว ( ยืมคำพูดคุณ 1ktip มาใช้..  :D ) จากอำนาจข้างบนต่างๆ มากนัก

แม้เรื่องพวกนี้...จะถูกถ่ายทอดจนเป็นเหมือนทายาทอสูรก็เหอะ

เชื่อว่า.. คนดีๆ ที่ทำงานด้วยใจยังคงมีอยู่ให้เห็น

เชื่อว่า.. คนที่ไม่ยินยอมพร้อมใจที่จะต้อง .. ทำตามน้ำ.. ก็ยังคงมีอยู่

เพียงแต่..มีไม่มากพอเท่านั้น

ถ้าพวกท่านสามารถรวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน .. และ แสดงถึงจุดยืนของตัวเองเองได้

แสดงพลังให้เขาเห็นว่า .. ท่านเป็นข้าราชการ ไม่ใช่..ขี้ข้านักการเมือง .. เถอะค่ะ !!!

ที่คุณ 1ktip พูดไว้น่ะถูกแล้วครับ
ฝั่งเหลี่ยมน่ะ มันมองเห็นตัวเหลี่ยมเป็นๆว่าให้คุณให้โทษได้
อีกฝั่ง มีแต่จริยธรรมและสำนึกดี แต่จับต้องไม่ได้ ถ้าเดือดร้อนขึ้นมา ก็ไม่เห็นตัวตนผู้ที่จะปกป้องช่วยเหลือเค้าได้
ก็เลยต้องยืนกุมเป้ากันต่อไป

   ยากมากครับ...
ที่จะให้ข้าราชการแข็งข้อกับรัฐบาล ข้าราชการคือผู้ใต้บังคับบัญชา
หากไม่สนองนโยบายของ รมต. เจ้ากระทรวงก็อาจถูกเด้งได้ง่ายๆ
ข้าราชการผู้น้อยไม่สนองผู้ใหญ่ ก็ดูจะมีปัญหาต่อความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ
แม้ลึกๆแล้วอาจไม่เห็นชอบด้วยก็ตาม แต่เพื่อเอาตัวรอดแล้วก็จำต้องปฎิบัติตาม
 
   จะเห็นได้ว่า ข้าราชการที่อาจหาญกล้าต่อกร กับรัฐบาล จะมีอยู่เพียง 3 ประเภท คือ
     1.ข้าราชการที่ใช้พลังมวลชนเข้าต่อกร ซึ่งหมายถึง กลุ่มข้าราชการที่มีการรวมตัวกันเป็นชมรม หรือสมาคม ชึ่งเป็นการใช้คนจำนวนมากของผู้มีวิชาชีพเดียวกันเข้าต่อรอง เช่นกลุ่มครู
     2.ข้าราชการที่มีวัฒนธรรมองค์กรแบบที่ไม่ให้ความสำคัญกับระบบบังคับบัญชา เช่นแพทย์ พยาบาล เภสัช และ อาจารย์มหาวิทยาลัย จะพบเห็นได้เสมอๆ ในข้าราชการกลุ่มนี้ว่า บางครั้งหัวหน้าหน่วยงานเช่น ผอ.โรงพยาบาล หรืออธิการบดี จะเป็นรุ่นน้อง หรือมีอาวุโสทางราชการต่ำกว่าคนอื่นในหน่วยงานนั้น เมื่อเป็นแบบนี้จึงไม่รู้สึกกลัวผู้บังคับบัญชา หรือหากมีปัญหามากนักก็พร้อมที่จะลาออกจากราชการ ไปทำเอกชนซึ่งได้ค่าตอบแทนมากกว่า ชีวิตและความก้าวหน้าทางราชการจึงไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของข้าราชการกลุ่มนี้
     3.ข้าราชการที่ไม่อยู่ในบังคับบัญชาของฝ่ายบริหาร ซึ่ง ที่จริงข้าราชการในกลุ่มนี้ก็คือข้าราชการในองค์กรอิสระต่างๆ แต่ในปัจจุบันที่มาของผู้บริหารองค์กรอิสระ มีที่มาจากการเมืองและปลอดการเมือง สำหรับองค์กรอิสระที่ผู้บริหารมีที่มาจากการเมือง ข้าราชการประจำในองค์กรก็ต้องอยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้บริหาร จึงเป็นการยากที่ข้าราชการในหน่วยงานดังกล่าวจะออกมาต่อกรกับนักการเมืองที่เป็นพวกเดียวกับเจ้านายของตน คงมีแต่องค์กรอิสระที่ข้าราชการมีที่มาโดยปลอดการเมืองเช่นศาลยุติธรรม และศาลปกครอง เท่านั้นที่กล้าต่อกรกับฝ่ายบริหาร
    
 
      หากไม่ใช่ข้าราชการ 3 กลุ่มนี้แล้วอย่าหวังเลยว่าจะหาญกล้าออกมาต่อกร กับ รัฐบาล หากจะมีข้าราชการนอกจาก 3 กลุ่มนี้ ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลมากกว่าที่จะเป็นภาพรวมขององค์กร เช่น กรณี พลโทสพรั่ง
 
      ลึกๆแล้วผมยังแอบหวัง กับข้าราชการตำรวจ และอัยการ ที่จะลุกขึ้นมาปฏิเสธความไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรมของฝ่ายบริหารได้ เนื่องจากทั้งสององค์กรมีอำนาจมากพอที่จะต่อกรกับนักการเมืองได้ ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับหัวหน้าองค์กรที่จะนำลูกน้องเดินไปทางไหนเท่านั้น
      สำหรับข้าราชการหน่วยงานอื่นแล้ว ไม่ต้องไปคาดหวัง เพราะไร้พลังใดๆ ที่จะไปต่อกรกับฝ่ายบริหารโดยสิ้นเชิง

ขอรูปท่ากุมเป้าหน่อยดิ

น่ะ ๆ  :mrgreen:  :mrgreen:

เลิกกุม......หนะได้ แต่...ต้องใช้เวลาสำหรับข้าราชการ...บางกลุ่ม

ที่........ไม่รู้สิทธิ เสรีภาพ หรือ.......บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ....

ที่จำเป็น.........ในเรื่องที่เกี่ยวกับ....อำนาจของปวงชนชาวไทย

ทำให้ไม่รู้ว่าตัวเองมีศักดิ์ศรี...เท่าเทียมกัน......(ความคิดผมนะครับ)

สรุป...ข้าราชการทำได้แน่...เพียงแต่ต้องใช้เวลาครับ..และเริ่มที่ตัวเราครับ....ผมก็ทำ(มานาน)

ผมไม่ยอมก้มหัว หรือกุม....ให้นักการเมือง..หรือ.....ผู้ผมเห็นแล้วว่าเป็นคนไม่น่านับถือ

แม้.....จะเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าผม มากแค่ใหน..ก็ตาม

เยี่ยมครับ   เยี่ยมมาก
 
นับถือ....   นับถือ....