ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: นทร์ ที่ 19-08-2006, 10:20



หัวข้อ: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 19-08-2006, 10:20
 
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานคณะกรรม การธุรกิจค้าส่งและปลีก หอการค้าไทย เปิดเผยว่า แม้ว่าธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง จะเป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทย แต่ขณะนี้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 อนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาลงทุนทำธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในไทยได้แล้ว หากมีเงินลงทุนขั้นต่ำตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป ถือว่ากฎหมายเปิดช่องให้ต่างชาติเข้ามารุกธุรกิจนี้ได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุผลที่ว่าเงินทุนในประเทศไทยมีไม่มากเหมือนเงินทุนจากต่างชาติ

สำหรับการที่ต่างด้าวจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจค้าปลีกค้าส่งซึ่งถือเป็นอาชีพสงวนในบัญชีแนบท้าย 3 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 นั้น จะต้องขออนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าก่อน หากมีเงินลงทุนขั้นต่ำน้อยกว่า 100 ล้านบาท แต่หากมีเงินลงทุนตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป ก็ไม่ จำเป็นต้องขออนุญาตใดๆ และสามารถลงทุนได้เลย ซึ่งการที่กฎหมายเปิดช่องให้เช่นนี้ ทำให้ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งของต่างด้าวที่กรีธาทัพกันเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่จำเป็นต้องให้คนไทยถือหุ้นแทน หรือมีนอมินี (Nomi nee) ขณะที่เงินลงทุนขั้นต่ำ 100 ล้านบาท ก็ถือว่าน้อยมากในทรรศนะของต่างชาติ  

อย่างไรก็ตาม หากธุรกิจค้าปลีกค้าส่งเหล่านั้น จะถือโอกาสขายสินค้าประเภทอาหาร และเครื่องดื่ม รวมถึงสินค้าเกษตรพื้นเมือง กฎหมายไม่ได้อนุญาตให้ดำเนินการ บรรดาเจ้าของธุรกิจเหล่านี้จึงพยายามลอดช่องหลบเลี่ยงโดยการจ้างคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นแทน ทำหน้าที่เป็นตัวแทนเชิด หรือนอมินีแทน

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบทะเบียนผู้ถือหุ้นของห้างยักษ์ค้าปลีกข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทั้งเทสโก้ โลตัส, คาร์ฟูร์, แม็คโคร และบิ๊กซี ล้วนแต่มีผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็นคนไทยหมด เท่ากับว่า ในทางนิตินัย บริษัทเหล่านั้นเป็นของคนไทย แต่จากการตรวจสอบพบว่า การบริหารจัดการห้างยักษ์ต่างๆกลับตกอยู่ในมือต่างชาติ หรือเป็นของต่างชาติหมด ซึ่งในทางพฤตินัยถือว่า บริษัทเหล่านี้เป็นต่างด้าว  

แต่ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวไม่ได้ดูลึกลงไปถึงการบริหารจัดการ จึงยังคงถือว่า บริษัททั้งหลายเหล่านี้เป็นของคนไทย ส่วนคนไทยที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่นั้น เข้าข่ายเป็นนอมินีของคนต่างด้าว และไม่มีสิทธิ์ในการบริหารจัดการ อีกทั้งกรณีดังกล่าวถือว่า คนต่างด้าวเลี่ยง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ในประเด็นที่ห้ามมิให้ต่างด้าวขายสินค้าอาหาร และเครื่องดื่ม รวมถึงสินค้าเกษตรพื้นเมือง เช่น ผลไม้ชนิดต่างๆ หากเป็นบริษัทคนไทยสามารถขายสินค้าดังกล่าวได้ทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พยายามจะแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในประเด็นการมีอำนาจบริหารจัดการของคนต่างด้าวเสีย ทั้งนี้ ก็เพื่อให้มีข้อบ่งชี้ชัดเจนว่า บริษัทใดที่มีคนต่างด้าวบริหารจัดการก็ย่อมจะต้องเป็นบริษัทต่างด้าว ไม่ใช่บริษัท สัญชาติไทยที่ได้รับสิทธิประโยชน์แบบคนไทย โดยเฉพาะในกรณีที่จะมีการเข้ามาแข่งขันทางการค้ากับคนไทยซึ่งมีความเสียเปรียบกว่าทั้งในด้านเงินทุน และเทคโนโลยี

แต่ความคิดดังกล่าวได้ถูกยับยั้งจากนักการเมือง และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ เนื่องเพราะบรรดาทูตจากหลายประเทศที่ประจำอยู่ในประเทศไทย ไม่ต้องการให้แก้ไขในประเด็นนี้ และให้คงการมีนอมินีในธุรกิจค้าปลีกค้าส่งไว้เหมือนๆกับธุรกิจอื่นๆต่อไป ซึ่งฝ่ายไทยต้องจำยอมเนื่องจากยังต้องการเงินทุนจากต่างประเทศจำนวนมากเข้ามาลงทุนในกิจการต่างๆของระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า คณะกรรมการที่กระทรวงพาณิชย์กำลังจะตั้งขึ้นมาใหม่ เพื่อตรวจสอบการเป็นนอมินีหรือถือหุ้นแทนของบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้น บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่นนั้นจะกำหนดหลักเกณฑ์การเป็นนอมินีให้เป็น มาตรฐาน “ถ้าตัดสินไปก่อนว่ากุหลาบแก้วน่าจะเข้าข่ายนอมินีจะกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัท ผู้ถือหุ้นรายย่อย และการทำธุรกิจของบริษัท รวมถึงการเสียโอกาสในการทำธุรกิจได้” ขณะที่นายยรรยง พวงราช รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้จะวางหลักเกณฑ์เป็นแนว ทางพิจารณาว่า พฤติกรรมอย่างไรถือเป็นนอมินี.
 
 
http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=16691


หัวข้อ: Re: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 19-08-2006, 10:36
สำหรับการที่ต่างด้าวจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจค้าปลีกค้าส่งซึ่งถือเป็นอาชีพสงวนในบัญชีแนบท้าย 3 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 นั้น จะต้องขออนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าก่อน หากมีเงินลงทุนขั้นต่ำน้อยกว่า 100 ล้านบาท แต่หากมีเงินลงทุนตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป ก็ไม่ จำเป็นต้องขออนุญาตใดๆ และสามารถลงทุนได้เลย ซึ่งการที่กฎหมายเปิดช่องให้เช่นนี้ ทำให้ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งของต่างด้าวที่กรีธาทัพกันเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่จำเป็นต้องให้คนไทยถือหุ้นแทน หรือมีนอมินี (Nomi nee) ขณะที่เงินลงทุนขั้นต่ำ 100 ล้านบาท ก็ถือว่าน้อยมากในทรรศนะของต่างชาติ


บิกซี(คาซิโน ฝรั่งเศส)
คาร์ฟูร์(ฝรั่งเศส)
โลตัส เทสโก(เทสโก อังกฤษ)
แมคโคร(เนเธอรแลนด์)

ทุนจดทะเบียนในเมืองแม่ มีมูลค่ามากกว่าแสนล้านบาท... :!:
การกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ 100 ล้านบาทจึงเป็นมาตราการส่งเสริมมากกว่ากำกับ ป้องกันผูกขาด... :!:

 


หัวข้อ: Re: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 19-08-2006, 10:43
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบทะเบียนผู้ถือหุ้นของห้างยักษ์ค้าปลีกข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทั้งเทสโก้ โลตัส, คาร์ฟูร์, แม็คโคร และบิ๊กซี  ล้วนแต่มีผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็นคนไทยหมด เท่ากับว่า ในทางนิตินัย บริษัทเหล่านั้นเป็นของคนไทย แต่จากการตรวจสอบพบว่า การบริหารจัดการห้างยักษ์ต่างๆกลับตกอยู่ในมือต่างชาติ หรือเป็นของต่างชาติหมด ซึ่งในทางพฤตินัยถือว่า บริษัทเหล่านี้เป็นต่างด้าว


ด้วยเหตุผลเดียวกัน คนรักทักษิณ ปิดหู ปิดตา ปิดปาก จึงคิดว่าบริษัทกุหลาบแก้วจำกัด เป็นบริษัทของคนไทย ธุรกิจของคนไทย เพราะพวกเขามองอะไรที่พ้นฝ่ามือ ก็เห็นพร่าพรายเป็น สีเขียว สีม่วง สีแดง ไปหมด... :!:

 คนที่มีสติปัญญา ความคิดความอ่านของตนเอง ย่อมเข้าใจดีว่าอำนาจสูงสุดในองค์กรเป็นของเจ้าของ ผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่ใช่ ผู้บริหารที่เรียกว่า"มืออาชีพ"  ดังนั้นการวินิจฉัยธุรกิจใดเป็นคนต่างด้าวหรือคนไทย ด้วยสายตากระจ่าง ไม่มีสีเขียว สีม่วง สีแดง รบกวนสายตา สามารถตัดสินได้ทันที.... :!:


หัวข้อ: Re: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 19-08-2006, 10:45
พาณิชย์เพิ่งตื่นปลุกผีกฎหมายค้าปลีก

นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายในเปิดเผยว่า เพื่อดูแลให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมในธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง กรมการค้าภายในจะนำร่างพ.ร.บ.ค้าปลีก ค้าส่ง พ.ศ….. กลับมาพิจารณาใหม่ เพื่อนำไปสู่การบังคับใช้เนื่องจากกรมมีการจัดทำร่างกฎหมายดังกล่าวเสร็จตั้งแต่ปี 2544 แล้วแต่ยังไม่มีการผลักดันไปสู่การเป็นกฎหมายที่สมบูรณ์ โดยเร็วๆ นี้ตนจะเชิญหน่วยงานเอกชน และราชการที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อพิจารณา แก้ไขปรับปรุงร่างให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์การค้าในปัจจุบัน

"ร่างกฎหมายค้าปลีก ค้าส่งเดิมนั้นกำหนดเนื้อหาในการกำกับดูแลธุรกิจค้าปลีก ค้าส่งค่อนข้างครอบคลุม เช่น มีการกำหนดประเภทของธุรกิจค้าปลีกชัดเจน กำหนดขนาดของค้าปลีกต่างชาติว่าการขยายสาขาจะต้องผ่านการขออนุญาต กำหนดระยะทางระหว่างร้านค้าปลีกรายย่อยกับค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ว่าควรห่างจากกันเท่าไหร่ รวมทั้งกำหนดให้มีการตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลทั้งกรรมการกลางและกรรมการจังหวัด นอกจากนี้สามารถกำหนดเงื่อนไขที่จำเป็นอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีกด้วย ซึ่งเชื่อว่าหากมีการนำมาบังคับใช้เป็นกฎหมายจะทำให้กลไกการค้าปลีก ค้าส่งเป็นไปอย่างเป็นธรรม" นายศิริพลกล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ในสมัยที่นายอดิศัย โพธารามิก ดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ในช่วงระหว่างปี 2544 นายอดิศัยเป็นบุคคลที่ผลักดันให้กรมการค้าภายในร่างกฎหมายดังกล่าวออกมาบังคับใช้เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของโชห่วยไทยที่ถูกรุกรานโดยค้าปลีกต่างชาติขนาดใหญ่ แต่หลังจากนายวัฒนา เมืองสุข เข้าดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ในช่วงปลายปี 2546 กระทรวงพาณิชย์ก็ยุติการผลักดันการร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวโดยไม่มีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาอีกเลย  

หน้า 8<
http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03eco04190849&day=2006/08/19


หัวข้อ: Re: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: แนวสกา ที่ 19-08-2006, 10:56
ปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่เสร็จเมื่อไหร่ รอดูประเด็นปัญหาบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ

ว่า รัฐบาลใหม่จะยอมหลับตาข้างเดียวอีกหรือไม่ ประเทศสูญเงินออกไปเท่าไรแล้ว


หัวข้อ: Re: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 19-08-2006, 12:34
อ้างถึง
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ในสมัยที่นายอดิศัย โพธารามิก ดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ในช่วงระหว่างปี 2544 นายอดิศัยเป็นบุคคลที่ผลักดันให้กรมการค้าภายในร่างกฎหมายดังกล่าวออกมาบังคับใช้เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของโชห่วยไทยที่ถูกรุกรานโดยค้าปลีกต่างชาติขนาดใหญ่ แต่หลังจากนายวัฒนา เมืองสุข เข้าดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ในช่วงปลายปี 2546 กระทรวงพาณิชย์ก็ยุติการผลักดันการร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวโดยไม่มีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาอีกเลย

กรุงศรีอยุธยาแตก เพาะคนขายชาติในกรุงเปิดประตูรับพม่าข้าศึก

วันนี้ เราก็แตกเพราะโจรขายชาติ เปดประตูรับข้าศึกเข้ามาค่ะ

พวกมันชื่ออะไร นามสกุลอะไร ดูจากข่าวคงทราบแล้วค่ะ



หัวข้อ: Re: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 19-08-2006, 15:12
พาณิชย์เพิ่งตื่นปลุกผีกฎหมายค้าปลีก

1.   นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายในเปิดเผยว่า เพื่อดูแลให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมในธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง กรมการค้าภายในจะนำร่างพ.ร.บ.ค้าปลีก ค้าส่ง พ.ศ…..   กลับมาพิจารณาใหม่ เพื่อนำไปสู่การบังคับใช้เนื่องจากกรมมีการจัดทำร่างกฎหมายดังกล่าวเสร็จตั้งแต่ปี 2544 แล้วแต่ยังไม่มีการผลักดันไปสู่การเป็นกฎหมายที่สมบูรณ์ โดยเร็วๆ นี้ตนจะเชิญหน่วยงานเอกชน และราชการที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อพิจารณา แก้ไขปรับปรุงร่างให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์การค้าในปัจจุบัน



"ร่างกฎหมายค้าปลีก ค้าส่งเดิมนั้นกำหนดเนื้อหาในการกำกับดูแลธุรกิจค้าปลีก ค้าส่งค่อนข้างครอบคลุม เช่น มีการกำหนดประเภทของธุรกิจค้าปลีกชัดเจน กำหนดขนาดของค้าปลีกต่างชาติว่าการขยายสาขาจะต้องผ่านการขออนุญาต กำหนดระยะทางระหว่างร้านค้าปลีกรายย่อยกับค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ว่าควรห่างจากกันเท่าไหร่ รวมทั้งกำหนดให้มีการตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลทั้งกรรมการกลางและกรรมการจังหวัด นอกจากนี้สามารถกำหนดเงื่อนไขที่จำเป็นอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีกด้วย ซึ่งเชื่อว่าหากมีการนำมาบังคับใช้เป็นกฎหมายจะทำให้กลไกการค้าปลีก ค้าส่งเป็นไปอย่างเป็นธรรม" นายศิริพลกล่าว

2.  รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ในสมัยที่นายอดิศัย โพธารามิก ดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ในช่วงระหว่างปี 2544 นายอดิศัยเป็นบุคคลที่ผลักดันให้กรมการค้าภายในร่างกฎหมายดังกล่าวออกมาบังคับใช้เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของโชห่วยไทยที่ถูกรุกรานโดยค้าปลีกต่างชาติขนาดใหญ่ แต่หลังจากนายวัฒนา เมืองสุข เข้าดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ในช่วงปลายปี 2546 กระทรวงพาณิชย์ก็ยุติการผลักดันการร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวโดยไม่มีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาอีกเลย  

http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03eco04190849&day=2006/08/19

 ข้อมูลนี้เป็นความเท็จที่บิดเบือนข้อเท็จจริงในขณะนั้น.... :!:

1.  พฤติกรรมและความรู้สึกของอธิบดีกรมการค้าภาย(ต่างด้าว) มีความรู้สึกและคิดอย่างเดียวกับนายพุ่มไม้น้อยว่าสมควรที่จะให้อิสลาเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์สงบสุข เจรจากัน เมื่ออิสเอลถล่มบริเวณนั้นจนราบคาม รอการบูรณะให้เหมือนเดิมอีก 20 ปีข้างหน้า ...

อธิบดีกรมการค้าภายใน(ต่างด้าว)จึงปล่อยให้ห้างยักษ์ค้าปลีกต่างด้าวครอบครองพื้นที่ ทำเลทองจนหมดสิ้นแล้วค่อยรู้สึกตัวว่า ที่ผ่านมานั้น ตนเป็นอธิบดีกรมการค้าภายในฝ่ายต่างด้าว


  ร่างกฏหมายค้าปลีกเคยได้บทสรุปปลายสมัยคุณชวน หลีกภัยแล้ว แต่ไม่ได้ประกาศใช้ เปลี่ยนแปลงรัฐบาลเสียก่อน 

เมื่อต้นยุครัฐบาลทักษิณI นั้น ดร.สุวรรณ รมช.ได้ยกเลิก"ร่างกฎหมายฯ" แล้วร่างขึ้นใหม่สมัยอธิบดีสมพล และนายศิริพลเป็นผู้อำนายการฝ่ายฯ จนเสร็จเรียบร้อย  รมช.คนนี้ก็ยกเลิก เพราะเห็นว่าจะทำร้ายค้าปลีกต่างด้าวมากเกิน ให้ยกร่างใหม่เสร็จแล้วในสมัย รมช.เนวิน แต่ไม่ประกาศใช้...... :!:

 ระหว่างที่ ดร.สุวรรณ เป็น รมช.รับผิดชอบการค้าปลีกนั้น ถูกโจมตีและวิพากษ์วิจารณ์มากกว่าทุกวันนี้ และไม่สามารถชี้แจงให้กลุ่มเคลื่อนไหวได้ เพราะใจของเขาไม่อยากจะทำ  จึงขอคืนงานค้าปลีกให้ รมว.อดิสัย รับผิดชอบแทน ซึ่ง รมว.อดิสัย ไม่ยอมรับคืนจาก รมช.สุวรรณ แต่ให้ เลขาฯ หมอทศพร รับเรื่องไว้แทน ...
 
ระหว่างนั้นนักข่าวหรือกลุ่มเคลื่อนสอบถาม รมช.สุวรรณ  สุวรรณจะอ้างว่าคืนเรื่องดูแลให้ รมวอดิสัยแล้ว ถ้าไปถาม รมว.อดิสัย  อดิสัยจะอ้างว่า รมช.สุวรรณรับผิดชอบ เมื่อถูกซ้ำอีก จะบอกว่าเขาให้ เลขาฯรับเรื่องแทน แต่ไม่ได้ดำเนินการใดๆ 

ถ้าไปถาม หมอทศพร เลขาฯ จะบอกว่าผมเป็นผู้น้อย ท่านสั่งให้รับ ผมก็รับ แต่ไม่มีอำนาจปฎิบัติหน้าที่แทนได้...


2.  ดังนั้นบอกว่า รมว.อดิสัย ผลักดันเรื่องกฎหมายค้าปลีก จึงเป็นความเท็จ  กลุ่มค้าปลีกค้าส่งที่เป็นสมาคมค้าปลีกค้าส่งในปัจจุบัน ไปขอพบ รมว.อดิสัย ยังไม่ยอมให้พบ และตำหนิพวกนั้นว่าเรื่องมาก ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่... :!:

ข้อเท็จจริงคือ รมช.เนวิน ได้รับเรื่องและแก้ไขร่างกฎหมายให้เป็นที่ยอมรับของห้างค้าปลีกยักษ์แล้ว จะยื่นส่งให้คณะรัฐมนตรีประกาศใช้  พอดีเปลี่ยนเป็น รมช.วัฒนาแทน ซึ่งประกาศยกเลิกร่างกฎหมายดังกล่าว โดยที่ รมว.อดิสัยไม่รู้ด้วยซ้ำไป.... :?:

เช้าวันที่นายวัฒนาประกาศยกเลิกกฎหมายค้าปลีกนั้น นายอดิสัยที่เป็น รมว.พาณิชย์ยังไม่รู้เรื่องการปรึกษาหารือระหว่างนายทักษิณ เจ้าสัวฯ และ นายวัฒนา  เย็นวันนั้นนายอดิสัยจึงแถลงว่าจะส่งร่างกฎหมายให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติสิ้นเดือนนี้(เดือนนั้น).....

 วันรุ่งขึ้น นายอดิสัย แถลงการณ์ยอมรับ"หน้าแหก" รู้เรื่องการยกเลิกร่างกฎหมายค้าปลีก ที่ควรจะรู้ก่อน  รมช.สายตรงเจ้าสัวฯ.....  :!:





หัวข้อ: Re: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: แนวสกา ที่ 19-08-2006, 15:51
ยี่ห้อนร้อนยี่คนประเภทนี้ทำไมมันอยู่ทนกับสังคมการเมืองจริงๆ  :x


หัวข้อ: Re: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 19-08-2006, 21:04
โอ้โห...สรุปแล้ว รัฐบาลชวน ไม่เกี่ยวอีกแล้วเหรอ เนี่ย.... :lol: :lol: :lol:

แหมมม...เรื่องอย่างนี้ มักโยนโบ้ยมาให้ รัฐบาลไทยรักไทยอยู่เรื่อย ปชป.เค้ารอดไปได้ทุกทีแปลก จริงๆ  :lol: :lol: :lol:

เรื่องนี้มันอยู่ที่มุมมอง ผมเคยเสนอความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปนานมากๆแล้วว่า
ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ผู้ประกอบการไทยได้ประโยชน์จากห้างเหล่านี้
เพราะเป็นแหล่งช่วยกระจายสินค้าให้  มีเทคโนโลยี่การบริหารที่ทันสมัย
ในเมือ่เราสู้เขาไม่ได้ ก็ควรต้องหลบ แล้วหันไปหาธุรกิจที่ตัวเองมีความถนัด ไม่ดีกว่าหรือ  :?:


หัวข้อ: Re: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: นู๋เจ๋ง ที่ 19-08-2006, 21:36
ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนทำ
รัฐบาลชุดไหน เริ่ม
เมื่อเห็นปัญหาของชาติ  ก็ต้องทำ ต้องแก้ไขต้องสาน ต้องสร้างต่อ
มัวแต่เกี่ยงไม่ใช่เรื่องของเรานี่เรื่องของเขา
สรุปว่า คนที่เป็นคณะรัฐบาล มันเป็นคนไทยหรือไม่? คิดถึงประเทศชาติ หรือ ผลประโยชน์พรรค ผลประโยชน์กลุ่มก่อน???


หัวข้อ: Re: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 20-08-2006, 22:31
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบทะเบียนผู้ถือหุ้นของห้างยักษ์ค้าปลีกข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทั้งเทสโก้ โลตัส, คาร์ฟูร์, แม็คโคร และบิ๊กซี  ล้วนแต่มีผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็นคนไทยหมด เท่ากับว่า ในทางนิตินัย บริษัทเหล่านั้นเป็นของคนไทย แต่จากการตรวจสอบพบว่า การบริหารจัดการห้างยักษ์ต่างๆกลับตกอยู่ในมือต่างชาติ หรือเป็นของต่างชาติหมด ซึ่งในทางพฤตินัยถือว่า บริษัทเหล่านี้เป็นต่างด้าว


ด้วยเหตุผลเดียวกัน คนรักทักษิณ ปิดหู ปิดตา ปิดปาก จึงคิดว่าบริษัทกุหลาบแก้วจำกัด เป็นบริษัทของคนไทย ธุรกิจของคนไทย เพราะพวกเขามองอะไรที่พ้นฝ่ามือ ก็เห็นพร่าพรายเป็น สีเขียว สีม่วง สีแดง ไปหมด... :!:
คนที่มีสติปัญญา ความคิดความอ่านของตนเอง ย่อมเข้าใจดีว่าอำนาจสูงสุดในองค์กรเป็นของเจ้าของ ผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่ใช่ ผู้บริหารที่เรียกว่า"มืออาชีพ"  ดังนั้นการวินิจฉัยธุรกิจใดเป็นคนต่างด้าวหรือคนไทย ด้วยสายตากระจ่าง ไม่มีสีเขียว สีม่วง สีแดง รบกวนสายตา สามารถตัดสินได้ทันที.... :!:

ไปอ่านประวัติบริษัท ศรีไทย ซะบ้าง หูตาจะได้สว่าง ไม่มามั่ว มอมเมา อย่างนี้ ดูซิอำนาจเป็นของเจ้าของ หรือ มืออาชีพ
ถ้าเจ้าของเค้าเป็นผู้ลงทุน เค้าไม่ไปวุ่นวายกับมืออาชีพหรอก หัดเข้าใจอะไรให้มันกว้างบ้าง ไม่ใช่ เห็นพร่าพรายเป็น สีเขียว สีม่วง สีแดง ไปหมด... :!:



หัวข้อ: Re: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 21-08-2006, 11:44
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดร.สมคิด ถือว่าเป็น"ศิษย์เก่า" กลุ่มบริษัทสหพัฒนพิบูลจำกัด น่าที่คุณณรงค์ โชควัฒนาเคยเคลื่อนไหวต่อต้านห้างต่างด้าวมาก่อน และคุณบุญชัย โชควัฒนา ที่มีตำแหน่งหน้าที่ในสภาหอการค้าไทยที่เปิดเผยให้เห็นการครอบครอง มีอำนาจเหนือระบบค้าปลีกไทยอยู่ในขณะนี้....
 สามพี่น้อง รวมทั้งคุณบุญเกียรติ โชควัฒนา น่าจะพบปะ ชี้แจงให้ ดร.สมคิด รมว.พาณิชย์ไทย เข้าใจสถานการณ์และความลำบากของคนไทยในการประกอบกิจการค้าปลีกและผู้ผลิตสินค้าส่งห้างค้าปลีกยักษ์ของต่างด้าวอย่างไรบ้าง :?:



หัวข้อ: Re: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 21-08-2006, 11:55
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบทะเบียนผู้ถือหุ้นของห้างยักษ์ค้าปลีกข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทั้งเทสโก้ โลตัส, คาร์ฟูร์, แม็คโคร และบิ๊กซี  ล้วนแต่มีผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็นคนไทยหมด เท่ากับว่า ในทางนิตินัย บริษัทเหล่านั้นเป็นของคนไทย แต่จากการตรวจสอบพบว่า การบริหารจัดการห้างยักษ์ต่างๆกลับตกอยู่ในมือต่างชาติ หรือเป็นของต่างชาติหมด ซึ่งในทางพฤตินัยถือว่า บริษัทเหล่านี้เป็นต่างด้าว


ด้วยเหตุผลเดียวกัน คนรักทักษิณ ปิดหู ปิดตา ปิดปาก จึงคิดว่าบริษัทกุหลาบแก้วจำกัด เป็นบริษัทของคนไทย ธุรกิจของคนไทย เพราะพวกเขามองอะไรที่พ้นฝ่ามือ ก็เห็นพร่าพรายเป็น สีเขียว สีม่วง สีแดง ไปหมด... :!:
คนที่มีสติปัญญา ความคิดความอ่านของตนเอง ย่อมเข้าใจดีว่าอำนาจสูงสุดในองค์กรเป็นของเจ้าของ ผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่ใช่ ผู้บริหารที่เรียกว่า"มืออาชีพ"  ดังนั้นการวินิจฉัยธุรกิจใดเป็นคนต่างด้าวหรือคนไทย ด้วยสายตากระจ่าง ไม่มีสีเขียว สีม่วง สีแดง รบกวนสายตา สามารถตัดสินได้ทันที.... :!:

ไปอ่านประวัติบริษัท ศรีไทย ซะบ้าง หูตาจะได้สว่าง ไม่มามั่ว มอมเมา อย่างนี้ ดูซิอำนาจเป็นของเจ้าของ หรือ มืออาชีพ
ถ้าเจ้าของเค้าเป็นผู้ลงทุน เค้าไม่ไปวุ่นวายกับมืออาชีพหรอก หัดเข้าใจอะไรให้มันกว้างบ้าง ไม่ใช่ เห็นพร่าพรายเป็น สีเขียว สีม่วง สีแดง ไปหมด... :!:




 ไปอ่านประวัติบริษัท ศรีไทย ซะบ้าง หูตาจะได้สว่าง ไม่มามั่ว มอมเมา อย่างนี้ ดูซิอำนาจเป็นของเจ้าของ หรือ มืออาชีพ
ถ้าเจ้าของเค้าเป็นผู้ลงทุน เค้าไม่ไปวุ่นวายกับมืออาชีพหรอก หัดเข้าใจอะไรให้มันกว้างบ้าง ไม่ใช่ เห็นพร่าพรายเป็น สีเขียว สีม่วง สีแดง ไปหมด... :!:




 คุณชอบแถและเบี่ยงเบนประเด็นอีกแล้ว...........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 คุณอวดรู้พูดถึงบริษัทศรีไทยจำกัด คุณควรจะ"รู้"ว่าครั้งหนึ่ง เจ้าของบริษัท
เจ้าของหุ้นใหญ่ได้แสดงอำนาจเจ้าของบริษัท/ผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างไรบ้าง.......... :!:

 คุณสมควรเข้าใจว่า ผู้บริหาร"มืออาชีพ" มีอำนาจตามที่บริษัทกำหนดไว้ โดยความยินยอมและเห็นด้วยของเจ้าของบริษั่ท..... :!:

 แต่บริษัทกุหลาบแก้วจำกัด นั้น ผู้ถือหุ้นรายเล็ก เป็นผู้บริหารบริษัทฯ มีอำนาจเหนือกว่าผู้ถือหุ้นใหญ่(นอมินี) สามารถกำหนดขอบเขตอำนาจ ผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นใหญ่(นอมินี)ได้....

ซึ่งผิดจากบริษัทศรีไทยจำกัด ระหว่างคุณสุมิตร(?)กับคุณสนั่น(?) อังฯ.... :!:




คุณอวดรู้แสดงความคิดเห็นผิด ๆ หรือไม่ก็เจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริงให้สับสนระหว่างบริษัทกุหลาบแก้วจำกัดและบริษัทศรีไทยจำกัด...... :?:





หัวข้อ: Re: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 21-08-2006, 16:10
คุณช่างรู้น้อยกว่าที่ผมคิดจริงจริง แล้ววางฟอร์มรู้มาก ในหนังสือบริคณห์สนธิเขาจะเขียนอย่างไรก็เถอะ
จวบจนนายห้างสุมิตรเสียไป เขาก็ไม่เคยจะไปวุ่นวายอะไรกับคุณสนั่นเลยด้วยซ้ำ ลูกชายทั้งหลายเขายัง
ไม่ให้ไปทำงานด้วยเลย ผู้ถือหุ้นแบบนี้เขาเข้าใจวิถีของมืออาชีพ ซึ่งคุณไม่มีวันจะเข้าใจ ที่ผมยกตัวอย่าง
บริษัทนี้เพราะว่ามันชัดเจนที่สุดแล้วที่เจ้าของไม่แสดงอำนาจเหนือมืออาชีพจนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่คิดจะยก
แต่ตัวหนังสือขึ้นมา แต่สำหรับกุหลาบแก้วกลับจะยกพฤติกรรมเพราะตัวหนังสือยังให้อำนาจกรรมการคนเดียว
เซ็นต์ได้ คงไม่ต้องย้อนมาเรื่องอำนาจของผู้ถือหุ้นและอำนาจของกรรมการอีกนะ น่าเบื่อ


หัวข้อ: Re: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 21-08-2006, 16:29
^
^
^
^
ขออ่านเอาความ เอาความเข้าใจเอาเอง คคห.12 และ คคห.13 ก็แล้วกันว่า ใครชอบแถ.............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 21-08-2006, 16:34
เข้าใจไม่ตรงกัน ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง ตามสบายเถอะครับ
ผมจะคอยดูผลสรุปเรื่องกุหลาบแก้ว ขี้เกียจเถียง


หัวข้อ: Re: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 21-08-2006, 16:36
แล้วศรีไทยที่ผมว่าคือ บริษัท มหาชน นะครับ
บริษัทส่วนของนายห้างสุมิตรที่เป็นบริษัทจำกัดไม่เกี่ยว
อย่าเหมามารวมกันนะครับ


หัวข้อ: Re: 'นอมินี' เกลื่อนฮุบค้าปลีกไทย แฉกำเงินแค่ 100 ล้านตั้ง-สยายปีกห้างได้ทุกที่
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 21-08-2006, 23:59
แล้วศรีไทยที่ผมว่าคือ  บริษัท มหาชน นะครับ
บริษัทส่วนของนายห้างสุมิตรที่เป็น บริษัทจำกัดไม่เกี่ยว
อย่าเหมามารวมกันนะครับ


คุณชอบแถ แถอีกแล้ว........ :!:

ก่อนศรีมิตร จะเป็นบริษัท มหาชน เป็น อะไรมาก่อน........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

คุณชอบแถ ดูตัวสะกดด้วย ผมสะกดผิดตรงไหนบ้าง.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า