ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: นทร์ ที่ 16-08-2006, 23:09



หัวข้อ: แม่ทัพภาค 4 จวกดับไฟใต้ไร้เอกภาพ แถมการเมืองยังล้วงลูก
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 16-08-2006, 23:09
(http://www.thairath.co.th/2549/newsthairathonline/Aug/library/16/break21.45_1.jpg)

พล.ท.องค์กร ทองประสม แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวในการอภิปรายทางวิชาการ เรื่อง “ไฟใต้ร้อนระอุ ทำอย่างไรจึงดับ” ซึ่งจัดโดยวิทยาลัยการทัพอากาศ วันนี้ (16 ส.ค.) โดยแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า  ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ปล้นกองพันทหารพัฒนาที่ 4 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส แต่เป็นเหตุที่เกิดขึ้นมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ซึ่งความคิด ความเชื่อและอุดมการณ์ของคนเรื่องการปกครองตนเองในอดีตยังไม่เปลี่ยนแปลง ประกอบกับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่ไม่ทำตามหน้าที่ของตัวเอง ไม่มีความเข้าใจในวัฒนธรรม วิถีชีวิตของคนในพื้นที่ ที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ทำให้เกิดการละเลย อีกทั้งในอดีตยังมีการส่งเจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่ดีหรือคนไม่ดีลงไปประจำในพื้นที่ ขณะเดียวกันยังมีปัญหาแทรกซ้อนจากปัญหายาเสพติด เรื่องผลประโยชน์ สิ่งผิดกฎหมายและความขัดแย้งของการเมืองท้องถิ่นด้วย สิ่งเหล่านี้คือเงื่อนไขที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้น

“รัฐไม่ได้ส่งคนลงไปดูแลอย่างแท้จริง แต่กลับไปแสวงหาประโยชน์ใช้ความอยุติธรรมปกครอง ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ทำให้คนเกิดความรู้สึกว่าเป็นพลเมือง ชั้น 2 ไม่ได้รับการดูแลทั้งเรื่องการศึกษาและการทำงาน ระบบการศึกษาตั้งแต่โรงเรียนตาดีกา ปอเนาะหรือแม้แต่โรงเรียนสอนศาสนาอิสลามของรัฐถูกละเลยไม่ได้รับการเหลียวแลปล่อยให้มีการจัดการกันตามยถากรรม ทำให้ตาดีกาและปอเนาะกลายเป็นที่บ่มเพาะเยาวชนโดยมีการบิดเบือนเรื่องศาสนา” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว และว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่รัฐได้กระทำต่อมุสลิมหลายรูปแบบ ซึ่งอยู่ในความตราตรึงของมุสลิมทั้ง 3 จังหวัดชายแดน คนเราถ้าถูกกระทำในลักษณะเหมือนไม่ใช่มนุษย์ จะเป็นความทรงจำที่ต้องใช้เวลาในการเยียวยาแก้ไขพอสมควร

พล.ท.องค์กร กล่าวอีกว่า แนวโน้มสถานการณ์ความรุนแรงจะยังคงมีอยู่ เพราะได้มีการปล่อยให้ผู้ก่อความไม่สงบมีเวลาตั้งหลักจัดขบวนการนานพอสมควร จากการที่มีการยุบเลิกหน่วยและถอนกำลังออกไป อย่างไรก็ตาม การทำงานในช่วงปี 2549 ความร่วมมือ 3 ฝ่ายคือ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร มีความคืบหน้า สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดและได้รับทราบเครือข่ายของขบวนการที่โยงใยกันอยู่ ขณะเดียวกัน ได้รับข้อมูลข่าวสารจากประชาชนในพื้นที่มากขึ้น สามารถตรวจจับอาวุธจนได้อาวุธของกองพันทหารพัฒนาที่ 4 ที่ถูกปล้นไปคืนมา 24 กระบอก

“ถ้าไม่มีการปฏิบัติการความรุนแรงอาจจะเกิดขึ้นได้ ขณะนี้กำลังที่อยู่ในพื้นที่ยังไม่เพียงพอ เราต้องการกำลังเพิ่ม 20 กองร้อยทหารราบ แต่กองทัพบกมีให้ไม่พอ จึงจะรับสมัครทหารพราน 30 กองร้อย ซึ่งเป็นคนในพื้นที่มาดูแลพื้นที่เอง เมื่อกำลังส่วนนี้เข้ามาประจำแล้วจะถอนกำลังจากกองทัพภาคที่ 1 และ 2 กลับ อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาใต้ ถ้าใช้ความรุนแรงหรืออำนาจกำลังรบจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถาวร จะต้องใช้สันติวิธีควบคู่ไปกับหลักการเมืองนำการทหาร ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ทั้งระบบการศึกษาและวิถีชีวิตมุสลิม การลงพื้นที่ไปพบปะกับประชาชนหรือผู้นำศาสนา ความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายที่จะต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดและเป็นธรรม” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว

พล.ท.องค์กร กล่าวต่อว่า การแก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่จะต้องยอมรับว่าคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นคนไทย เจ้าหน้าที่ต้องมีความยุติธรรม คุณธรรม จริยธรรมและจะต้องไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหา เพราะกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) ซึ่งมีกำลังจากทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองและกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ดูแลพื้นที่อยู่ แต่ขณะเดียวกันยังมีหน่วยงานในระนาบเดียวกันคือ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้า มหาดไทยส่วนหน้า ยุติธรรมส่วนหน้า และศึกษาธิการส่วนหน้า จึงขาดความเป็นเอกภาพในการทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

“มันก็เลยตรงขึ้นไปอยู่ที่คณะกรรมการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กสชต.) ที่มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน แต่การลงมาแทรกแซงการทำงานนั้น ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีที่ลงมาทำงานในบางเรื่องบางอย่างนั้น ผมคิดว่าเป็นการแทรกแซง ทำให้งานบางอย่างที่คิดว่าจะง่ายมันยากขึ้น รัฐมนตรีที่ลงไปทำงานแล้วลงไปสั่งคนโน้นคนนี้ แม้กระทั่งการไปจัดการเรื่องบางเรื่อง ซึ่งมีทั้งงบประมาณและผลประโยชน์ นี่คือการสร้างปัญหาให้กับหน่วยในพื้นที่พอสมควร จึงยืนยันว่าไม่มีความเป็นเอกภาพเท่าที่ควร” พล.ท.องค์กร กล่าว

ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงกรณีพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยด้วย ว่า พรรคคอมมิวนิสต์ฯ มีอุดมการณ์ต้องการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่ขณะนี้พรรคคอมมิวนิสต์ฯ ได้ล่มสลายไปแล้ว แต่ความคิด ความเชื่อ อุดมการณ์ของมนุษย์เป็นสิ่งที่ลบล้างได้ยาก เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์ยุติบทบาทลง ทำให้มีผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยออกมา ซึ่งได้ออกมาประกอบอาชีพหลากหลาย ทั้งในภาคทุน การเมือง แต่คนเหล่านี้ยังมีการพบปะแลกเปลี่ยนแนวคิดกันอยู่ และแนวความคิดเรื่องการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขคงยากที่จะเลือนหายไป แม้พฤติกรรมของคนจะปรับเปลี่ยนไปก็ตาม หากจะมองในมุมที่ว่า พรรคคอมมิวนิสต์จะกลับมาอีกนั้น คงไม่เกิดขึ้นแล้ว แต่อยากจะฝากให้ไปคิดว่า แนวคิดที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจะยังคงมีอยู่หรือไม่

http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=16411


หัวข้อ: Re: แม่ทัพภาค 4 จวกดับไฟใต้ไร้เอกภาพ แถมการเมืองยังล้วงลูก
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 17-08-2006, 09:57
ไฟใต้ ลามตั้งแต่วันที่ ทักษิณ ยุบ ศอ.บต.

หลังจากนั้นไม่กี่วัน อดีตผู้อำนวยการ ศอ.บต. ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณแต่งตั้งให้เป็น องคมนตรี

ไม่กี่ปีถัดมา ทักษิณก็เกรี้ยวกราดใส่ ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ

และอีกไม่กี่เดือนจากนี้ไป ปัญหาภาคใต้จะได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ปราศจากการขัดแย้ง และปราศจากนักการเมืองที่จะลงมาล้วงลูก และปราศจากไทยรักไทย ปราศจากทักษิณ

รออีกแป๊บนึงค่ะ