ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ปุถุชน ที่ 01-08-2006, 03:39



หัวข้อ: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 01-08-2006, 03:39
ผมกำลังจะเข้านอน เหลือบไปเห็น "เย็นลมป่า" จึงหยิบมาเปิดอ่านบางตอนเพื่อฆ่าเวลา....

บันทึกเรื่องจริง จากบางเสี้ยวเหตุการณ์บ้านเมืองของคุณ ชวนหลีกภัย ระหว่างปี 2519-2522 ช่วงเวลาที่ประเทศไทยอยู่ภายใต้การปกครองของคณะทหารประกอบด้วยพลเรือเอก สงัด ชลออยู่ เป็นหัวหน้ารัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาล มรว.เสนีย์ ปราโมช รัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.....

รัฐบาลเผด็จการพลเรือนที่ได้รับแต่งตั้งจากคณะทหารต่อมา คือ รัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร ซึ่งได้สมญานามว่า รัฐบาลหอย(เน่า)จากเจ้าตัวเอง ซึ่งภูมิใจที่ได้รับการปกปักษ์รักษาจากคณะทหารรัฐประหาร ที่เปรียบเหมือนเปลือกหอย....

คุณชวน หลีกภัยได้บันทึก ยืนยันว่าเรื่องราว เหตุการณ์เป็นเรื่องจริงทั้งหมด โดยมี นายดำรง ลัทธพิพัฒน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และนายสุรินทร์ มาศดิตถ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้วทั้งสองคน  ได้ร่วมชะตากรรมกับคุณชวน หลีกภัยระหว่างนั้นด้วย...

คุณชวน หลีกภัยได้เล่าเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 นั้น ผู้ร่วมก่อเหตุการณ์ รับใช้คณะทหาร ได้ประสบชะตากรรมของชีวิตที่แตกต่างกันไป บางคนเสียชีวิตไปแล้วก็มี บางคนยังเวียนว่ายตายเกิดในวงการเมือง หรือ อยู่วงนอกการเมืองก็มี....

เฉพาะนายอาคม มกรานนท์ พตอ.สล้าง บุนนาค(ยศในขณะนั้น) ได้ยอมรับว่าเข้าใจเหตุการณ์ผิดไป หนังสือพิมพ์บางฉบับ เช่น ตะวันสยาม ที่มีนายวันดี บรรณาธิการได้ยอมรับ สารภาพว่ารับจ้างเขียนโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ด้วยเงิน 40,000บาท (คำสารภาพอยู่ที่ศาลแขวงพระนครใต้) นายประสาน มีเฟื่องศาสตร์(กระแช่) หัวหน้ากองบรรณาธิการ ก็ยอมผิดเช่นกัน...



ปล. คนที่ได้อ่านบางส่วนของอาจารย์ป๋วย หรือคนที่เล่าเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 คงจะได้ยินชื่อเสียงและพฤติกรรมของ พตอ.สล้าง บุนนาค ที่สนามบินดอนเมือง วันที่อาจารย์ป๋วย ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ.....

ผมขออารัมภบทไว้เท่านี้ก่อน จะไปนอนครับ.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 01-08-2006, 04:03
ผมกำลังจะเข้านอน เหลือบไปเห็น "เย็นลมป่า" จึงหยิบมาเปิดอ่านบางตอนเพื่อฆ่าเวลา....

บันทึกเรื่องจริง จากบางเสี้ยวเหตุการณ์บ้านเมืองของคุณ ชวนหลีกภัย ระหว่างปี 2519-2522 ช่วงเวลาที่ประเทศไทยอยู่ภายใต้การปกครองของคณะทหารประกอบด้วยพลเรือเอก สงัด ชลออยู่ เป็นหัวหน้ารัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาล มรว.เสนีย์ ปราโมช รัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.....

รัฐบาลเผด็จการพลเรือนที่ได้รับแต่งตั้งจากคณะทหารต่อมา คือ รัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร ซึ่งได้สมญานามว่า รัฐบาลหอย(เน่า)จากเจ้าตัวเอง ซึ่งภูมิใจที่ได้รับการปกปักษ์รักษาจากคณะทหารรัฐประหาร ที่เปรียบเหมือนเปลือกหอย....

คุณชวน หลีกภัยได้บันทึก ยืนยันว่าเรื่องราว เหตุการณ์เป็นเรื่องจริงทั้งหมด โดยมี นายดำรง ลัทธพิพัฒน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และนายสุรินทร์ มาศดิตถ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้วทั้งสองคน  ได้ร่วมชะตากรรมกับคุณชวน หลีกภัยระหว่างนั้นด้วย...

คุณชวน หลีกภัยได้เล่าเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 นั้น ผู้ร่วมก่อเหตุการณ์ รับใช้คณะทหาร ได้ประสบชะตากรรมของชีวิตที่แตกต่างกันไป บางคนเสียชีวิตไปแล้วก็มี บางคนยังเวียนว่ายตายเกิดในวงการเมือง หรือ อยู่วงนอกการเมืองก็มี....

เฉพาะนายอาคม มกรานนท์ พตอ.สล้าง บุนนาค(ยศในขณะนั้น) ได้ยอมรับว่าเข้าใจเหตุการณ์ผิดไป หนังสือพิมพ์บางฉบับ เช่น ตะวันสยาม ที่มีนายวันดี บรรณาธิการได้ยอมรับ สารภาพว่ารับจ้างเขียนโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ด้วยเงิน 40,000บาท (คำสารภาพอยู่ที่ศาลแขวงพระนครใต้) นายประสาน มีเฟื่องศาสตร์(กระแช่) หัวหน้ากองบรรณาธิการ ก็ยอมผิดเช่นกัน...



ปล. คนที่ได้อ่านบางส่วนของอาจารย์ป๋วย หรือคนที่เล่าเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 คงจะได้ยินชื่อเสียงและพฤติกรรมของ พตอ.สล้าง บุนนาค ที่สนามบินดอนเมือง วันที่อาจารย์ป๋วย ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ.....

ผมขออารัมภบทไว้เท่านี้ก่อน จะไปนอนครับ.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 
อยากรู้ว่า เรื่องราวเป็นยังไง


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: สี่หามสามแห่ ที่ 01-08-2006, 10:22
มารออ่าน ครับ ผม


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 01-08-2006, 12:32
อ้าว...จะไม่ซื้ออ่านกันเลยหรือจะ  ฮิฮิ อะย้อเย่น


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 01-08-2006, 16:14
ไม่เคยคิดจะอ่านเลย ไร้สาระ


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: watson ที่ 01-08-2006, 16:24
เอ... เมื่อตอนที่คุณประมวลเขียนหนังสือ "พระราชอำนาจ" รู้สึกว่าจะมีใครนะบอกว่า "ไร้สาระ" ใครพอจะนึกออกบ้าง


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 01-08-2006, 16:29
แล้วคิลเลอร์ชอบอ่านหนังสือประเภทไหนล่ะ ที่ว่าเป็นสาระสำหรับคิลเลอร์


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 01-08-2006, 16:30
ไม่เคยคิดจะอ่านเลย ไร้สาระ


ผมจะนำมาเล่าให้ฟังต่อ แต่เห็นคุณ Killer คิดอย่างนี้
จึงขอรอไปก่อน รอให้คนอยากอ่านตกลงกับคุณ Kller
ก่อนได้หรือไม่ :?:

ถ้ามีสาระ ผมจะเล่าให้ฟังต่อ...........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 01-08-2006, 16:33
แล้วคิลเลอร์ชอบอ่านหนังสือประเภทไหนล่ะ ที่ว่าเป็นสาระสำหรับคิลเลอร์


คุณ Killer เกือบจะได้ดูละครทีวีเรื่อง ตามองดาว เท้าติดดินแล้ว...
แต่ผู้จัดการละครและสถานีไม่กล้านำออกถ่ายทอด....

กลัวเรทติ้งสูงเกินไป..............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 01-08-2006, 16:39
ผมสงสัยอ่ะ อาจารย์ปุถุชน

 ตามองดาว เท้าติดดิน  

แล้วเค้าจะเดินดูทางได้ยังไง ตกท่อตายห่ะ


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 01-08-2006, 17:00
แล้วคิลเลอร์ชอบอ่านหนังสือประเภทไหนล่ะ ที่ว่าเป็นสาระสำหรับคิลเลอร์


คุณ Killer เกือบจะได้ดูละครทีวีเรื่อง ตามองดาว เท้าติดดินแล้ว...
แต่ผู้จัดการละครและสถานีไม่กล้านำออกถ่ายทอด....

กลัวเรทติ้งสูงเกินไป..............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


สูงทางบวกหรือสูงทางลบครับ  :D


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: cameronDZ ที่ 01-08-2006, 17:13
เอ... เมื่อตอนที่คุณประมวลเขียนหนังสือ "พระราชอำนาจ" รู้สึกว่าจะมีใครนะบอกว่า "ไร้สาระ" ใครพอจะนึกออกบ้าง


ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ผมจำไม่ได้ ผมจำไม่ได้ :mrgreen: :mrgreen:

ใครจำชื่อได้ช่วยบอกที


จำได้แต่ว่า หมอนั่น กลายเป็นสัมภเวสี เร่ร่อน กลับเข้าพันทิปไม่ได้จนทุกวันนี้


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 01-08-2006, 17:15
เอ... เมื่อตอนที่คุณประมวลเขียนหนังสือ "พระราชอำนาจ" รู้สึกว่าจะมีใครนะบอกว่า "ไร้สาระ" ใครพอจะนึกออกบ้าง


ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ผมจำไม่ได้ ผมจำไม่ได้ :mrgreen: :mrgreen:

ใครจำชื่อได้ช่วยบอกที


จำได้แต่ว่า หมอนั่น กลายเป็นสัมภเวสี เร่ร่อน กลับเข้าพันทิปไม่ได้จนทุกวันนี้

สัมภเวสีเร่ร่อนหรือหมาเร่ร่อนกันแน่ครับ ว่าแต่คนนั้นนี่ใคร


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 01-08-2006, 17:16
อ่านหนังสือหมอนั่น สู้ไปอ่าน "กระชากหน้ากากชนชั้นปกครองไทย"
ของ ส.ศิวรักษ์ จะได้น้ำได้เนื้อ ได้สติ ได้ปัญญา ได้บารมี กว่ากันเยอะ
ก็แล้วแต่ ใครอยากจะจมปลัก ก็เชิญตามสบาย....


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: Wadoiji ที่ 01-08-2006, 21:18
วิ่งแจ้นเข้ามาในกระทู้เพื่อจะบอกว่า "ซื้อแล้ว อ่านแล้วค่ะ"

เกิดไม่ทันยุคนั้น แต่อ่านแล้วสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัว ที่หนาวลึกๆ เนื้อหาคงไม่วิจารณ์ แต่อ่านได้เรื่อยๆ ค่อนข้างเป็นมุมมองของชาวบ้านยุคนั้นมากกว่า (หรือในอีกแง่คือท่านชวนเขียนโดยใช้มุมมอง มองแบบคนธรรมดา)

ชอบการใช้ภาษา และเทคนิกการเล่าเรื่อง ที่หนาวดี... มิน่าชื่อหนังสือถึงเป็น เย็นลมป่า... การเรียงลำดับเรื่องก็น่าสนใจค่ะ


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 02-08-2006, 00:50
ผมสงสัยอ่ะ อาจารย์ปุถุชน

 ตามองดาว เท้าติดดิน  

แล้วเค้าจะเดินดูทางได้ยังไง ตกท่อตายห่ะ


คุณไม่เคยเห็นนนนนน....  :?:
คนเดินตามถนน ตามองดาว เท้าติดดิน บ้างเหรอ :?:
 บางคน ตามองดาว เท้าติดดิน ปากเพ้อเจ้อ ยังมีเลย.... :!:

ถ้าเป็นคนมีอำนาจวาสนา จะสั่งคนเดินตรวจทางล่วงหน้าก่อน
ถ้ามีท่อให้ปิดท่อ มีรูให้ปิดรู มีร่องให้ปิดร่อง....

ผมยกตัวอย่าง...
"พระเอก" เดินทางไปสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ไปถ่ายซ่อม"เรียลลิตี้โชว์" ฉากนุ่งผ้าขะม้า อาบน้ำโอ่ง
ยังสั่งให้ "ยี้ห้อย" ลูกสมุน ไปตรวจดูร่องกระดานปูพื้นบ้านเลย...

 "พระเอก" กลัวตกร่อง เหมือนคุณคิดนั่นแหละ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 02-08-2006, 00:56
วิ่งแจ้นเข้ามาในกระทู้เพื่อจะบอกว่า "ซื้อแล้ว อ่านแล้วค่ะ"

เกิดไม่ทันยุคนั้น แต่อ่านแล้วสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัว ที่หนาวลึกๆ เนื้อหาคงไม่วิจารณ์ แต่อ่านได้เรื่อยๆ ค่อนข้างเป็นมุมมองของชาวบ้านยุคนั้นมากกว่า (หรือในอีกแง่คือท่านชวนเขียนโดยใช้มุมมอง มองแบบคนธรรมดา)

ชอบการใช้ภาษา และเทคนิกการเล่าเรื่อง ที่หนาวดี... มิน่าชื่อหนังสือถึงเป็น เย็นลมป่า... การเรียงลำดับเรื่องก็น่าสนใจค่ะ


ซื้อมาอ่านก็ดีแล้ว..
เพราะหนังสือเล่มนี้ ขายหาทุนอุดหนุนพรรคประชาธิปัตย์....

 ปล. ผมจะถอดความ เล่าให้ฟังด้วยภาษาของผม
ถ้าสมาชิกยืนยันว่า คุณ Killer เพ้อเจ้อ ไร้สาระจริงๆ...........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า





หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 02-08-2006, 00:58
วิ่งแจ้นเข้ามาในกระทู้เพื่อจะบอกว่า "ซื้อแล้ว อ่านแล้วค่ะ"

เกิดไม่ทันยุคนั้น แต่อ่านแล้วสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัว ที่หนาวลึกๆ เนื้อหาคงไม่วิจารณ์ แต่อ่านได้เรื่อยๆ ค่อนข้างเป็นมุมมองของชาวบ้านยุคนั้นมากกว่า (หรือในอีกแง่คือท่านชวนเขียนโดยใช้มุมมอง มองแบบคนธรรมดา)

ชอบการใช้ภาษา และเทคนิกการเล่าเรื่อง ที่หนาวดี... มิน่าชื่อหนังสือถึงเป็น เย็นลมป่า... การเรียงลำดับเรื่องก็น่าสนใจค่ะ


ซื้อมาอ่านก็ดีแล้ว..
เพราะหนังสือเล่มนี้ ขายหาทุนอุดหนุนพรรคประชาธิปัตย์....

 ปล. ผมจะถอดความ เล่าให้ฟังด้วยภาษาของผม
ถ้าสมาชิกยืนยันว่า คุณ Killer เพ้อเจ้อ ไร้สาระจริงๆ...........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




มันเป็นสัจนิรันดร์ทำไมต้องยืนยันครับ


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 02-08-2006, 01:03
ยืนยันครับ


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 02-08-2006, 01:51
วิ่งแจ้นเข้ามาในกระทู้เพื่อจะบอกว่า "ซื้อแล้ว อ่านแล้วค่ะ"

เกิดไม่ทันยุคนั้น แต่อ่านแล้วสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัว ที่หนาวลึกๆ เนื้อหาคงไม่วิจารณ์ แต่อ่านได้เรื่อยๆ ค่อนข้างเป็นมุมมองของชาวบ้านยุคนั้นมากกว่า (หรือในอีกแง่คือท่านชวนเขียนโดยใช้มุมมอง มองแบบคนธรรมดา)

ชอบการใช้ภาษา และเทคนิกการเล่าเรื่อง ที่หนาวดี... มิน่าชื่อหนังสือถึงเป็น เย็นลมป่า... การเรียงลำดับเรื่องก็น่าสนใจค่ะ


ซื้อมาอ่านก็ดีแล้ว..
เพราะหนังสือเล่มนี้ ขายหาทุนอุดหนุนพรรคประชาธิปัตย์....

 ปล. ผมจะถอดความ เล่าให้ฟังด้วยภาษาของผม
ถ้าสมาชิกยืนยันว่า คุณ Killer เพ้อเจ้อ ไร้สาระจริงๆ...........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




มันเป็นสัจนิรันดร์ทำไมต้องยืนยันครับ


quote author=ธ.ส. link=topic=4992.msg70075#msg70075 date=1154455385]
ยืนยันครับ
[/quote]


กำลังจะเริ่มต้นเล่าให้ฟัง
เผอิญเปิดดู ASTV1 ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นำ ดร.เสรี วงศ์มณฑา และ อ.นันทนา
อาจารย์นักการตลาดมาคุยการตลาดของพรรคไทยรักไทยที่ผ่านมา..... :!:

น่าสนใจครับ ขอนั่งฟังก่อน จะพยายามจดจำมาเล่าให้ฟัง
ให้เห็นการตลาดของพรรคไทยรักไทยที่ยึดการตลาดสมัยใหม่
บริหารจัดการพรรคฯ ประสบความสำเร็จอย่างจริงจัง....

แต่เป็นนักการตลาดที่ขาดจริยธรรมและคุณธรรม.... :!:





หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 02-08-2006, 02:35
การวางแผนการตลาด ประชาสัมพันธ์ โฆษณา "หวยบนดิน" นั้น เป็นการตลาดขาดคุณธรรม..... :!:


การวางแผนการตลาด ประชาสัมพันธ์ โฆษณาให้ประชาชนยึดถือ "เศรษฐกิจพอเพียง"ของในหลวง เป็นการตลาดคุณธรรมและจริยธรรม.... :!:

อย่าทำการตลาดสามานย์ การตลาดเสพติด เอื้ออาทร.... :!:





หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 02-08-2006, 15:37
ผมสงสัยอ่ะ อาจารย์ปุถุชน

 ตามองดาว เท้าติดดิน  

แล้วเค้าจะเดินดูทางได้ยังไง ตกท่อตายห่ะ


คิลเลอร์ชอบอ่านหนังสือ "ตีนติดหน้า ตาเห็นดาว"
คาดว่าจวนจะได้อ่านแล้วในเร็วๆนี้

อีกเล่มที่เฮียคิลน่าจะอ่านคือ "เย็นสันหลังวาบๆ" คุณชวนเขียนเป็นเวอร์ชั่นพิเศษ
แจกให้ลิ่วล้อแม้วทุกๆท่าน

 :twisted:


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: Wadoiji ที่ 03-08-2006, 20:28
ผมสงสัยอ่ะ อาจารย์ปุถุชน

 ตามองดาว เท้าติดดิน  

แล้วเค้าจะเดินดูทางได้ยังไง ตกท่อตายห่ะ


คิลเลอร์ชอบอ่านหนังสือ "ตีนติดหน้า ตาเห็นดาว"
คาดว่าจวนจะได้อ่านแล้วในเร็วๆนี้

อีกเล่มที่เฮียคิลน่าจะอ่านคือ "เย็นสันหลังวาบๆ" คุณชวนเขียนเป็นเวอร์ชั่นพิเศษ
แจกให้ลิ่วล้อแม้วทุกๆท่าน

 :twisted:

เข้ามาฮาแตก =[]=!!! เย็นสันหลังวาบๆ................ 5555+



หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 03-08-2006, 20:33
"ตีนติดหน้า ตาเห็นดาว"

ข้าน้อย ขอคารวะ ใน Creative  1 จอก :idea:


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: nuxvomica ที่ 05-08-2006, 00:54


ตอนนั้นสงสารท่านอาจารย์ป๋วยมากถูกสล้างตบหน้า  ท่านเป็นคนที่ดีเกินไปที่จะอยู่ในสังคมไทย  ทั้งที่ท่านได้ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศมากมาย

แต่ตายก็ยังไม่ได้ตายบนแผ่นดินเกิด  แต่เวรกรรมก็ตามสนองสล้างที่ไปตบหน้าท่าน  จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังคิดถึงความดีของท่านอยู่ตลอด





หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 05-08-2006, 02:21
คำนำเสนอจากขรรค์ชัย บุนปานได้พูดถึงคุณชวน หลีกภัย ในยุครัฐบาลหอยเน่า และเป็นนักเขียนให้พาทีหนังสือใหม่....

ขอกล่าวขวัญถึงนักเขียนประจำของเราอีกคนหนึ่งคือ ชวน หลีกภัย เจ้าของสำนวนคำพูดคมมีดโกนอาบน้ำผึ้งกลางสภา อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สมัยประชาชนคนไทยมีสิทธิ์ในการเลือกผู้บริหารประเทศด้วยมือและด้วยความเชื่อของพวกเขา ปัจจุบันชวน หลีกภัยเป็นทนายความ และเขียนหนังสือเป็นงานอดิเรกให้ พาที

 ข้อเขียนของชวน ทันทีที่ปรากฎออกไปได้มีเสียงสะท้อนกลับดังต่อไปนี้

 ประการแรก นัยว่าเป็นผู้ปรารถนาดี ขอร้อง พยายามให้ยกข้อเขียนของชวนออกเสีย ถามถึงเหตุผล ก็ได้รับคำตอบว่า เพื่อ พาทีจะได้อยู่นานๆ

ประการที่สอง มากไปด้วยเสียงกล่าวขวัญชื่นชมว่า เพชรอีกเม็ดหนึ่งได้พรายแสดงเหนือป่าอักษรแล้ว เป็นเพชรที่ได้รับการเจียระไนมาแต่กำเนิด ข้อเขียนของชวนคมมีคุณค่า และเป็นประสบการณ์ที่คนอื่นไม่มี

ประเด็นที่สามจากผู้ปรารถนาดีเช่นกัน บอกว่าทำไมพาทีจึงไม่เอาชวน หลีกภัยมาโฆษณาให้เอิกเกริกเพราะความเด่นดัง การเขียนหนังสือดี จะช่วยให้ทั้งพาทีทั้งชวนเปนที่รู้จักกว้างขวางขึ้น

กรณีจะเปนประการใดก็ตาม ใคร่ยืนยันในที่นี้ว่า งานเขียนของชวนจะปรากฎอยู่ในหนังสือเล่มนี้ต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับชวนเอง พาทีเป็นเพียงผู้ชักชวน  ชวนเป็นผู้ตัดสินใจงานเขียนหนังสือนั้นไม่มีใครบังคับใครได้  ส่วนเรื่องพาทีจะอยู่นานหรือไม่นาน คณะผู้จัดทำไม่มีความรู้สึกหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย ด้วยความเชื่อมานานแล้วว่า แม้พื้นพิภพเรานี้จะมืดมน แต่บนสวรรค์ก็ยัมีแสงสว่างอยู่....


ถ้าคุณขรรค์ชัย บุนปาน ขลาดเขลากว่านี้สักเล็กน้อย พวกเราจะไม่ได้อ่านเย็นลมป่าของคุณชวน หลีกภัย เพราะขณะนั้นคุณชวน หลีกภัย เลี้ยงชีพด้วยการเป็นทนายความว่าความให้ชาวบ้าน ได้เงินบ้างไม่ได้เงินบ้าง เป็นนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลหอยเน่า นายสมัคร สุนทรเวช และ ขวาตกขอบอีกจำนวนหนึ่ง....





หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 07-08-2006, 00:18
มีคนเข้ามาอ่านถึงขณะนี้ 162 คน มากพอสมควร จึงขอเล่าต่อ....

เนื่องจากผมต้องพิมพ์ดีดด้วยตนเอง ไม่สามารถก๊อบจากเว็บบอร์ดที่ไหนได้ คงต้องใช้เวลาบ้าง และย่อบ้าง แต่ขอรับรองว่าจะไม่บิดเบือน เปลี่ยนแปลง ตัดแต่งข้อเท็จจริงตามที่คุณชวน หลีกภัยได้เขียนไว้ เพื่อเป็นข้อมูลให้รับรู้ทั่วกัน.....


คุณชวน หลีกภัยได้บอกว่าเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือโดยอุบัติเหตุ มีการเตรียมการ วางแผนการมาแล้วให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้น คุณชวนได้เล่าให้ฟังว่าก่อนหน้า 6 ตุลา 2519 ได้มีการพูดถึงคำว่าปฎิรูปกันมาแล้วในหน้าหนังสือสือบางฉบับ ได้มีการคาดหมายบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ทั้งที่ มรว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รักษาการนายกรัฐมนตรี...

คุณชวน หลีกภัยได้ปราศัยที่สนามหลวง วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2522 และได้เล่าว่า มีหลักฐานเป็น ข่าวในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 3 ตุลาคา 2519ได้เขียนถึงการปฎิรูป ซึ่งยังไม่มีการปฎิรูป ยังไม่มีคณะทหารยึดอำนาจจากรัฐบาล มรว.เสนีย์ ปราโมช และยังไม่มีเหตุการณ์นองเลือก 6 ตุลาคม 2519  ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ความลับในเรื่องการปฎิรูปโดยคณะทหารนั้นรั่วไหลออกมา....

วันที่ 3 ตุลาคม 2519 หน้า 4 คอลัมน์"ไต้ฝุ่น"ว่าหากเมืองไทยจะมีนายกรัฐมนตรีใหม่อีก ทำนายทายทักกันได้ว่าจะไม่ใช่คนในสกุลปราโมชอีกแล้ว อาจจะเป็นหนึ่งในสามของคนวัยไม่เกิน 52  เล็งกันไว้จากสภาปฎิรูป  ดร.เชาวน์ ณ ศีลวันต์ เกษม จาติกวนิช หรือ ประภาศน์ อวยชัย คนนี้ซินแสดูโหงวเฮ้งแล้วบอกว่าฮ้อ ซึ่งน่าจะเขียนก่อนวันพิมพ์สักหนึ่งวัน  ซึ่งทำให้เข้าใจว่าคณะทหารคณะปฎิรูป ได้เตรียมการไว้แล้วก่อนวันที่ 3 ตุลาคม ก่อนวันนองเลือก 6 ตุลาคม 2519.... :!:

การเตรียมการ การสร้างสถานการณ์ให้มีการตายเกิดขึ้น เพื่อเป็นข้ออ้างให้คณะทหารเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาล มรว.เสนีย์ ปราโมช เพื่อรักษาความสงบ ให้นักศึกษาและผู้ชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นกลุ่มบุคคลต้องตาย เพื่อให้สมเหตุการณ์นองเลือด 

เมื่อถึงเช้าวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ก็เป็นไปตามแผนการณ์ที่วางไว้ทุกประการ มีการปราบปรามนักศึกษา ประชาชนที่อยู่ในธรรมศาสตร์อย่างทารุณ โหดร้าย ดังที่ปรากฎเป็นภาพ ทำให้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากครั้งหนึ่งในการต่อสู้ระหว่างประชาชนกับคณะทหาร ตำรวจและลูกเสือชาวบ้าน. มีการกล่าวหาว่าคนที่อยู่ในธรรมศาสตร์เป็นทหารต่างชาติ(เวียตนาม)ที่จะทำลายสามสถาบันของชาติ คือ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์....

ปล. พล.ต.ประมาณ อดิเรกสาร รมว.มหาดไทย/กลาโหมในขณะนั้น ก็เข้ากลุ่มกับคณะทหาร-ตำรวจด้วย.... :!:
นายสมัคร สุนทรเวชและกลุ่มขวาจัด เช่น ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์(ตายแล้ว)ที่บอกบิดเบือนบอกว่าคูน้ำในธรรมศาสตร์ คืออุโมงค์ ขนย้ายทหารต่างชาติและอาวุธ, ทมยันตี นักเขียนชื่อดังที่บิดเบือนข้อเท็จจริงคู่กรรมภาค 2 และ พท.อุฬาร ผู้ใช้เสียงวิทยุยานเกราะเร่งเร้าและสร้างความเท็จให้กับประชาชนที่ฟังวิทยุอยู่ที่บ้าน ไม่มีโอกาสรับรู้ความจริง ประกาศว่าวัยรุ่นประมาณสองร้อยคนล้อมวัดบวรนิเวศที่พำนักของเณรถนอม เตรียมการถังน้ำมันสองร้อยลิตร ไว้เผาวัดบวรฯ  ถ้าใครรู้จักคนแถวนั้น ในช่วงเวลานั้นจะทราบดีว่าโฆษกวิทยุยานเกราะคนนี้โกหกอย่างไร....

 นอกจากนี้พยายามสร้างข่าวว่า รมต.ประชาธิปัตย์ คือ ดร.ดำรง ลัทธพิพัฒน์  คุณสุรินทร์ มาศดิตถ์ และคุณชวน หลีภัย เป็นคอมมิวนิสต์.....

ก่อนวันนองเลือด คุณ จำลอง กลุ่มลูกเสือชาวบ้าน นวพล และกลุ่มขวาจัดได้ร่วมชุมนุมกันที่ลานพระรูปทรงม้า  คุณจำลองปฎิเสธไม่ได้ไปชุมนุมด้วย  แต่ภรรยาประธานบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งซึ่งเป็นลูกเสือชาวบ้านด้วย ได้ยืนยันหลายครั้งด้วยความภูมิใจว่า คุณจำลอง ยืนรวมกลุ่มกับเธอ โดยไม่เฉลียวใจว่าคุณจำลองสวมหมวกหลุบหน้านั้นไม่ต้องการให้ใครรู้... :!:


ปล. เป็นความเห็นที่ผมเติมเข้าไปจากประสบการณ์ของตนเองในขณะนั้น และข้อมูลต่อมา....




หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: คนในวงการ ที่ 07-08-2006, 20:13
มาเป่าให้ลมเย็น
มานั่งเล่นรอเหยี่ยวเฒ่า
มาฟังเรื่องนานเนาว์
มารอเฝ้าฟังเรื่องจริง

 :mrgreen:


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 08-08-2006, 01:30
รำลึกความหลัง 3-6 ตุลาคม 2519

การชุมนุมของนักศึกษาจากหลายสถาบัน
ประชาชนหลากหลายอาชีพในสนาม ริมทางเดิน
นั่งบ้าง ยืนบ้าง บางคนนั่งห่างๆ จากเวที

การพูดคุยถึงเรื่องการกลับมาของ"เณรเฒ่า"
กับแผนการของพวกขวาตกขอบที่วางแผนให้
มีการใช้กำลัง เรียกร้องไม่ให้ออกไปนอกรั้วกำแพง
มหาวิทยาลัย เพื่อความปลอดภัย.....

วันรุ่ง วันที่ 6 ตุลา การอยู่ในรั้วกำแพง เป็นผลร้ายกับ
คนที่อยู่ในนั้นอย่างยิ่ง เหมือน"อะไร"อยู่ในวงล้อมเป็นเป้านิ่ง

ดึกคืนวันที่ 5 ตุลา หลายคนได้ออกจากธรรมศาสตร์
พร้อมสัญญาว่าจะกลับมาใหม่เช้าวันที่ 6 ตุลา

เช้าวันรุ่งขึ้น คนที่จะเข้าไปใหม่ ก็เข้าไปไม่ได้แล้ว
เพราะทหาร-ตำรวจหลายหน่วยรายล้อมรอบธรรมศาสตร์
สนามหลวง ใช้โรงแรมรัตนโกสินทร์เป็นฐานบัญชาการปราบปราม

สายวันที่ 6 ตุลา ผมขับรถยนต์ไปจอดรถกลางเกาะ หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์
ลงจากรถเดินเข้ากลุ่มทหาร-ตำรวจ พวกหัวเกรียน และประชาชาหลากหลาย
ที่ยืนอยู่หน้าโรงแรมและขอบสนามหลวงติดต่อกัน....

ในมาดนักธุรกิจ ผูกเนคไท(สมัยนั้นไม่ค่อยมีใครผูกเนคไทให้เห็นหรอก)
 ผมเดินไปทักทายนายตำรวจคนหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้เป็นนายตำรวจใหญ่ระดับสูงสุดคนหนึ่ง
ได้รับรู้สถานการณ์คร่าวๆ จากเขา พร้อมเตือนให้ผมกลับไป
ก่อนที่กำลังภายนอกจะบุกเข้าไป.......
ผมยังถามว่า ทหาร-ตำรวจจะเข้าใจผิดว่าผมเป็นคนข้างในหรือ :!:
นายตำรวจใหญ่คนนั้น สำรวจการแต่งกายของผม พร้อมยิ้มๆ
เพราะเข้าใจว่าผมเย้าแหย่เขา มากกว่า....

ถ้าเขาได้รับรู้ รายงานจากตำรวจใต้บังคับบัญชาของเขาที่ซุ่มสังเกตุการณ์
แถวหน้ามหาวิทยาลัย หน้าพิพิธภัณฑ์ ที่เคยเห็นหน้าเคยรู้จักผมด้วย เมื่อคืนก่อน
คงไม่ยิ้มอย่างนั้นแน่นอน...

ระหว่างนั้นจะได้ยินเสียงปืนประปรายจากสนามหลวงเข้าไปในมหาวิทยาลัย
เพื่อไม่ให้คนในนั้นหลบหนีออกมาได้  สร้างสถานการณ์ว่าข้างในต่อสู้
ไม่ยอมมอบตัว  คนในนั้นจะกล้าออกมามอบตัวได้อย่างไร ...

เมื่อมีศพนักศึกษาแขวนกับต้นมะขามให้เห็นโทนโท่
พวกหัวเกรียน วัยรุ่น กระทืบศพบนพื้นสนามหญ้า
รากศพไปมา ให้เห็นแต่ไกล....

ผมไม่แน่ใจว่า พวกเขาไปได้"เหยื่อ"พวกนี้มาจากไหน :?:
ท่ามกลางเสียงตะโกนด่า ปลุกระดม และพอใจที่เห็นศพกระเด็นไปมา
ตามแรงเท้าแรงตีนของกลุ่มที่ทารุณกรรม....

ผมทนดูไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่สามารถยืนอยู่ จึงหันไปมองสีหน้าคนในบริเวณนั้น
เดินย้อนกลับไปที่รถ ขับรถผ่านไปถนนข้างโรงแรม ไปออกศาลเจ้าพ่อเสืออีก...

แล้วกลับไปแถวบางลำพู พอดีได้ยินเสียงวิทยุยานเกราะว่า
วัยรุ่นจำนวนหนึ่งพร้อมถังน้ำมันขนาดสองร้อยลิตร กำลังรวมตัวกัน
เพื่อเผาวัดบวรที่ให้เณรถนอมพำนัก...

จึงขับไปตามถนนพระสุเมรุผ่านไปหน้าวัดบวร จอดหน้าร้านข้าวต้มเจ้าเก่า
เห็นวัยรุ่นแถวนั้น นั่ง-ยืนฟังวิทยุยานเกราะอยู่เหมือนกัน พร้อมสอดส่าย
หาวัยรุ่นที่วิทยุยานเกราะพูดถึง....

สภาพหน้าวัดบวรวันนั้น มีตำรวจแก่ๆ 2 คนยืนอยู่หน้าประตูวัดเท่านั้นเอง
ไม่มีคนเดินสัญจรไปมา ไม่มีร้านค้าเปิดขายของ เช่นกัน.... :!:

ผมอยู่ในรถยนต์ ไม่ได้ลงไป เปิดกระจกรถ มองกราดไปทั่วสักพักหนึ่ง
ผมก็ขับรถเวียนไปที่อื่น  นึกในใจผู้ประกาศข่าวยานเกราะสร้างความแค้นให้
กับประชาชนที่ไม่รับรู้ ไม่เห็นเหตุการณ์หน้าวัดบวรฯคิดว่าเป็นจริง....





หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 08-08-2006, 02:07
ในหนังสือ"เย็นลมป่า"ของคุณชวน หลีกภัยได้เล่าว่า สามรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็น"คอมมิวนิสต์"ได้อย่างไร...

วิทยุยานเกราะได้ประกาศว่า ตรังเป็นจังหวัดเดียวที่ไม่มี"ลูกเสือชาวบ้าน" เพราะมีผู้แทนฯ เป็น"คอมมิวนิสต์" คือนายชวน หลีกภัย  คนกรุงเทพหรือคนที่อื่นจะรู้ได้อย่างไรว่าจังหวัดตรังไม่มี"ลูกเสือชาวบ้าน" :?:

วิทยุยานเกราะได้ไปถามอาจารย์เสนีย์ว่าท่านจะขับรัฐมนตรี 3 คนของรัฐบาลประชาธิปัตย์ออกได้ไหม คือ 1 นายดำรง 2 นายสุรินทร์(บิดาคุณหญิงสุพัตรา) 3 นายชวน  อาจารย์เสนีย์บอกว่าผมจะขับเขาไปได้อย่างไร เขาก็เป็นผู้แทน พรรคเลือกเขามาเป็นรัฐมนตรี กลุ่มคนพวกนั้นบอกว่าคนเหล่านี้เป็นคอมมิวนิสต์

อาจารย์เสนีย์ถามว่า " เขาเป็นคอมมิวนิสต์ได้อย่างไร เขาอยู่กับผมมาตั้งแต่ปี 2512 ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ถ้าเขาเป็นคอมมิวนิสต์ ผมต้องรู้ก่อนคนอื่น ผมไม่รู้ว่าเข่าเป็นคอมมิวนิสต์ ถ้าผมรู้ว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์ ถ้าเขาเป็นคอมมิวนิสต์จริงผมต้องรู้ก่อนคนอื่น"

เขาเอาเทปอันนี้แหละครับที่อาจารย์เสนีย์พูดไปตัดต่อข้อความ เขาคิดถ้อยคำว่าอย่างนี้ครับ "เขาอยู่กับผมมาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตั้งแต่ปี 2512 ผมไม่ทราบว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์"

 เขาตัดคำว่า"ถ้าเขาเป็นคอมมิวนิสต์จริงผมต้องรู้ก่อนคนอื่น ตัดข้อความนี้ออกไป และเขาเติมข้อความว่าผมไม่รู้ว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์ กว่าจะรู้ก็สายเสียแล้ว....


3 รมต.พรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น คือ นายดำรง นายสุรินทร์ นายชวน จึงเป็นคอมมิวนิสต์ของคณะทหารที่ยึดอำนาจจากรัฐบาล มรว.เสนีย์ ปราโมช...ซึ่งต่อได้แต่งตั้งรัฐบาลหอยเน่า รัฐบาลนอมินีขึ้น มีนายธานินทร์เป็นนายกฯหอย และ นายสมัครเป็น รมตมหาดไทย :!:

ช่วงเวลานั้น ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์ พท.อุทาร(วิทยุยานเกราะ) ทมยันตี สมัคร อยู่ฝ่ายขวาตกขอบ เป็นมือไม้ของคณะทหาร คณะปฎิรูปในการโฆษณาชวนเชื่อ...

คนกลุ่มนี้ บางคนตายไปด้วยความรู้สึกกลัดหนองที่คณะทหารไม่เห็นคุณงามความดีของเขา บางคนก็ยังเวียนว่ายในวงการเมืองทั้งที่แจ้งและที่ลับ....



หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: nuxvomica ที่ 08-08-2006, 23:21

ความจริงมันไม่น่าจะมีคนตายด้วยซ้ำ  เพราะก่อนที่จะมีการปลุกม๊อบมีการประชุมกันในหมู่นักศึกษาว่าจะพาคนไปตายเพราะข่าวกรองมาว่าจะมีการปราบขั้นรุนแรง  ถ้าจะก่อม๊อบให้เลิกก่อนค่ำ  ทางที่ดีไม่ควรให้มีม๊อบ 



หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: tu249cm ที่ 10-08-2006, 07:41
แล้วคิลเลอร์ชอบอ่านหนังสือประเภทไหนล่ะ ที่ว่าเป็นสาระสำหรับคิลเลอร์


คุณ Killer เกือบจะได้ดูละครทีวีเรื่อง ตามองดาว เท้าติดดินแล้ว...
แต่ผู้จัดการละครและสถานีไม่กล้านำออกถ่ายทอด....

กลัวเรทติ้งสูงเกินไป..............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



 :lol:  คุณปุถุชนพูดถูกเลยค่ะ  วันนี้จะไปดูที่สุริวงค์บุ๊คเซนเตอร์ว่ายังมีอยู่หรือเปล่า
อ่านจากที่คุณปุเล่ามา ทำให้อยากซื้ออ่านอย่างละเอียดจริงๆ
 


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: คนในวงการ ที่ 10-08-2006, 07:46
คุณปุฯ แกขี้เกียจซะแระ ผมนั่งรออ่านต่อมาหลายวันแระ เซร็งอย่างแรง  :mrgreen:


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: p ที่ 10-08-2006, 09:36
คุณปุฯ แกขี้เกียจซะแระ ผมนั่งรออ่านต่อมาหลายวันแระ เซร็งอย่างแรง  :mrgreen:

เออ ผมก็ว่าอย่างงั้นแหละ
(จะโดน ... ไหมเนี่ย)
 :mozilla_wink:


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 10-08-2006, 11:11
แล้วแกบอกหรือเปล่าครับว่า เมียแกทำไมถึงไม่ได้ คุณหญิง
เพราะเห็นนายกฯคนอืน เมียเค้าได้คุณหญิงกันทั้งนั้น ...


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 10-08-2006, 12:33
แล้วแกบอกหรือเปล่าครับว่า เมียแกทำไมถึงไม่ได้ คุณหญิง
เพราะเห็นนายกฯคนอืน เมียเค้าได้คุณหญิงกันทั้งนั้น ...


ต้องถามว่า ได้ขอพระราชทานหรือเปล่า ?


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 10-08-2006, 13:09
อ๋อ..หรือครับ...ไม่มีเหตุผลอย่างอื่นนะ....OK


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 10-08-2006, 23:23
คุณปุฯ แกขี้เกียจซะแระ ผมนั่งรออ่านต่อมาหลายวันแระ เซร็งอย่างแรง  :mrgreen:



ผมบอกว่าแล้ว การคัดลอกต้องใช้เวลานานหน่อย
นอกจากนั้น ยังเผลอเอาเรื่องตนเองมาคุยด้วย.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 10-08-2006, 23:27
แล้วแกบอกหรือเปล่าครับว่า เมียแกทำไมถึงไม่ได้ คุณหญิง
เพราะเห็นนายกฯคนอืน เมียเค้าได้คุณหญิงกันทั้งนั้น ...




ผมกำลังคัดลอก"เย็นลมป่า"ของคุณชวน หลีกภัยให้คนรุ่นหลังได้อ่าน จะได้ตาสว่างเสียที

คุณ Killer ควรมีมารยาท  ไม่ชักใบให้เรือเสีย ไม่ได้เหรอ :?:

ถ้าผมขอร้อง เดี๋ยวคุณ Killer จะหาผม"อย่างหนาจริงๆ" ขอร้องคุณ Killer อีก.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 10-08-2006, 23:31
แล้วแกบอกหรือเปล่าครับว่า เมียแกทำไมถึงไม่ได้ คุณหญิง
เพราะเห็นนายกฯคนอืน เมียเค้าได้คุณหญิงกันทั้งนั้น ...


ถ้าผมจำไม่ผิดนะ คุณ Killer เองแหละ ที่ พูดเองเสมอว่า
"ให้เล่นกันที่เนื้อหาหรือหลักการ อย่าเล่นกันที่ตัวบุคคล"

ตอนนี้จะกลืนน้ำลายที่ถ่มออกไป จริงๆหรือครับ สกปรกนะคับ ถ่มไปแยะด้วยขอบอก!!


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 11-08-2006, 00:10
แม้กระทั่งข้อความที่ท่าน อ.เสนีย์พูดว่า พรรคประชาธิปัตย์ใช้เงินราชการลับ 800,000 บาทจ่ายให้กับศูนย์นิสิต เพื่อก่อความวุ่นวายทั่วประเทศ ซึ่งเมื่อผมฟ้องหนังสือพิมพ์แล้ว เขาก็ยอมรับอย่างหน้าชื่นว่า ข้อความที่ลงไปนั้นเป็นเท็จทั้งสิ้น แต่เขาต้องลงเพราะเหตุว่ากลุ่มคนกลุ่มหนึ่มาขอให้เขาลง

นสพ.บางฉบับมีความเป็นนักเลงยิ่งกว่านั้น บรรณาธิการที่ผมฟ้องเขาได้ยอมอย่างหน้าชื่นว่า คนของเขาที่เขียนลงไปนั้น รับเงินสี่หมื่นบาท และไปรับจากใครเขาบอกหมด ใครเป็นคนไปรับและรับครั้งแรกกี่หมื่น เขาบอกหมด และคำแถลงรับสารภาพของเขาปรากฎอยู่ที่ศาลแขวงพระนครเหนือเวลานี้  ซึ่งคนที่มีความนักเลงอย่างนี้ผมก็ยินดีจับมือด้วย ว่าเขาความจริง รวมทั้ง นสพ.ฉบับหนึ่ง ซึ่งบอกว่า ข่าวนี้หน่วยสืบราชการลับทหารให้เขาลง เพื่อผลในการทำลายนักการเมือง เขายอมรับกับผมอย่างหน้าชื่น เขาเองเขาไม่มีโอกาสจะทราบ เขาบอกแต่หน่วยราชการลับให้เขาลงอย่างนี้ ว่าเขาเห็นตัวผมที่โรงแรมล้านช้าง...

นี่ครับ กระผมคิดว่าข้อเท็จจริงทั้งหลายในวันที่ 6 ตุลาคมนั้นไม่ได้ยุติลงเพียงเท่านี้ การเตรียมการล่วงหน้าในวันที่ 6 ตุลาคมนั้น ได้ก่อเหตุสยองขวัญอย่างชนิดที่เรียกว่า ชีวิตเราไม่เคยเห็นความโหด***มทารุณที่ไหนเป็นอย่างนั้น คนเป็นๆ เขานำมาราดน้ำมัน เอายางรถยนต์ทับแล้วเผา ศพดิ้นก่อนจะตายจะตายนั้นกระดิกอยู่ในกองไฟ พี่น้องครับ ถ้าคนเหล่านั้นเป็นญาติพี่น้องของท่าน ท่านรู้สึกอย่างไร และคนที่เผานั้นก็คือคนไทย ผมไม่ทราบว่ากฎแห่งกรรมมันมีจริงหรือไม่ แต่ถ้ามันจริ ผมเชื่อว่าความโหด***มทารุณนั้นจะต้องสนองตอบผู้กระทำในวันนั้น(เสียงปรบมือ)และความเคียดแค้อนนี้ไดกระจายไปสู่นักศึกษาที่เห็นข้อเท็จจริง ผมไม่แปลกใจเลยที่หวัง 6 ตุลาคม มีปรากฏการณที่เราไม่นึกว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์

พี่น้องครับ พี่น้องอยู่ไกลจากบ้านนอก พี่น้องไม่เคยเห็นทิวเขาบรรทัด พี่น้องไม่เคยภูพาน พี่น้องไม่เคยสัมผัสลมเย็นๆ จากป่าของทิวเขาเหล่านั้น พี่น้องไม่มีโอกาสจะรู้ว่า บัดนี้บ้านนอกได้รับผลจาก 6 ตุลาคมอย่างไร ไม่เคยมีครั้งใดที่ผู้ก่อการคอมมิวนิสต์จะได้กำลังอันมหาศาล ทั้งสมอง ทั้งกำลังคนอย่างมากมาย เหมือนอย่างเหตุการณ์หลัง 6 ตุลาคม ในขณะที่รัฐบาลประณามว่านักศึกษาเหล่านั้นหลงผิดไปเลื่อมใสลัทธิคอมมิวนิสต์ ผมไม่ได้แก้ตัวให้คนเหล่านั้น แต่ถ้าผมอายุยี่สิบ ผมอาจจะไม่มีทางเลือกดีกว่านั้น

เหตุการณ์ที่มันประทับตาประทับใจที่เกิดขึ้นในวันที่ 6 ตุลาคม ใครทนได้ ความ***มโหดของทหาร ตำรวจที่อยู่ในธรรมศาสตร์ในวันนั้น ใครลืมได้  คนเหล่านี้ตกเป็นเครื่องมือของผู้วางแผนปฎิรูปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยความเชื่อว่านักศึกษาในธรรมศาสตร์วันนั้น คือคอมมิวนิสต์

"ท่านจำได้ไหมหลัง 6 ตุลาคม นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ผู้หนึ่งได้มาออกรายการโทรทัศน์ แล้วบอกว่าคนในธรรมศาสตร์ที่จับได้นั้นพูดไทยไม่ได้(ปรบมือ) เป็นความจริงว่าคนเหล่านั้นบางคน บากลุ่มพูดไทยไม่ได้ เพราะถูกซ้อมจนไม่สามารถได้อีกแล้ว(เสียงปรบมือ) และพี่น้องครับ นายตำรวจนั้นยังยืนยันว่าได้เห็นรูปโฮจิมินห์ มีธงจีนคอมมิวนิสต์ มีอะไรมากมาย รวมทั้งอาวุธในสงคราม ซึ่งต่อมาได้นำปืนที่จับได้ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มาแสดงที่วังสราญรมย์ กระบอกหนึ่งที่เขานำมาแสดงนั้นเป็นปืนเมาเซอร์ พี่น้องครับคงไม่ทราบ ถ้าผมไม่เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า ปืนกระบอกนั้นเป็นปืนของศาสตราจารย์ ดร.หยุด แสงอุทัย(เสียงปรบมือ) ท่านเก็บไว้ที่มหาวิทยาลัยในฐานะนักสะสมปืนเก่าและเขาบอกว่านี้คือปืนที่ใช้สงคราม ซึ่งน้กศึกษาเอาไว้ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ..."




 ถ้านักศึกษาในธรรมศาสตร์มีอาวุธปืนจำนวนมาก ไม่ต้องเป็นทหารเวียตนามที่ชำนาญการรบหรอก พวกนักศึกษาต้องเรียน รด. ใช้อาวุธเป็นกันทั้งนั้น อยู่ในกำแพง อยู่ในอาคารที่มิดชิด จะยิง ทำให้ ทหาร ตำรวจต้องเสียชีวิตกันบ้างแล้ว ผม(ปุถุชน)จำไม่ได้ว่าทหาร ตำรวจเสียชีวิตกี่คน :?:



หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 11-08-2006, 00:26
สำหร้บในยุคปฎิรูป คณะทหารและรัฐบาลหอยเน่า พวกเขาเป็นทหาร เป็นตำรวจ ข้าราชการประจำ จะเรียก ผู้รักชาติ นักการฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นนักการเมืองผู้สูญเสียอำนาจ... :!:

สำหรับยุครัฐบาลรักษาการ "นายกฯรักษาการ" พวกเขาเป็นนักธุรกิจการเมืองที่เข้ามามีอำนาจในการบริหารบ้านเมืองเพื่อปกป้อง คุ้มครองผลประโยชน์ของพวกเขาและครอบครัว จะเรียกกลุ่มพันธมิตประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประชาชนผู้รักชาติ ทำหน้าที่ตรวจสอบภาคประชาชนว่า ผู้สูญเสียประโยชน์


 ดังนั้นนักวิชาการ ผู้นำทางความคิด ปัญญาชน ประชาชนหลากหลายอาชีพที่คัดค้าน ต่อต้านทักษิณ ระบอบทักษิณ ทั้งหมดจึงเป็นผู้สูญเสียประโยชน์.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 11-08-2006, 00:36
ผมก็ไม่ทราบครับ คุณลุงปุ ผมทราบแต่ว่า หนนั้น รัฐบาลทหารได้บทเรียนจาก 14 ตุลา

เขาได้จัดตั้ง กลุ่มลูกเสือชาวบ้าน และกลุ่มนวพล รวมไปถึงกองกำลังอื่นๆที่เอาไว้ประสานงาน ...พิเศษ

วันที่ กลุ่มกระทิงแดง นวพลและลูกเสือชาวบ้าน ปฏิบัติการ"พิเศษ" ที่โหดเหี้.....ยมอำมหิตนั้น

ตำรวจตระเวนชายแดนจากค่ายพลร่ม นเรศวรหัวหิน
ตำรวจกองปราบ
และกองปฏิบัติการพิเศษตำรวจนครบาล

รวม 3 หน่วย ราวๆ 200 คนพร้อมอาวุธครบมือ
ปิดล้อมทางเข้าออก ม.ธรรมศาสตร์ไว้

05.30 น. M  79  ถุกยิงมาลงกลางสนามฟุตบอล นักศึกษาเสียชีวิตทันที  5 คน และบาดเจ็บสาหัสอีก 10 กว่าคน....
นั้นคือการเริ่มสัญญาณปราบปราม..............ที่ตายก็ตาย ที่เจ็บก็ลากกันไป ....รถพยาบาลที่เสี่ยงขับมารับนักศึกษา
ยังถูกรุมล้อมทำร้าย ขว้างปาทุบตี จะเอาคนเจ็บในรถ"  มาเผา" ทั้งเป็น !!

รายละเอียดที่เหลือ โหดร้ายเกินกว่าจะเล่าออกมา เหมือนที่ผมเขียนไว้ในกระทู้ปักหมุด ย้อนรอยทักษิณของคุณจีระศักดิ์ ว่า
14 ตุลา ไม่ใช่วันที่โหดที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยครับ !!

ชะตากรรมของนักศึกษาที่เหลือรอด และถูกจับกุมทั้งหมด 3500 กว่าคนในวันนั้น คือรอยด่างในหัวใจคนไทยทุกคน !!
ผมขอจบแค่นี้นะครับ หดหู่เกินกว่าจะพิมพ์ต่อได้จริงๆ

ปล.ที่มาของข้อมุลเหล่านี้ ครับ http://forum.serithai.net/index.php?topic=5301.msg75900#msg75900


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: คนในวงการ ที่ 11-08-2006, 02:39
มาตบมือเปาะแปะ  :mozilla_cool:


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: nuxvomica ที่ 12-08-2006, 01:29

คุณนักข่าว  6  ตุลา  19  เป็นวันที่โหดร้ายมากสำหรับผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์  นักศึกษาที่ถูกฆ่าและทำร้ายมีอาวุธอยู่อย่างเดียวคือปัญญา

ซึ่งไม่สามารถช่วยให้รอดจากเหตุการณ์วันนั้นได้เลย  จริง ๆ แล้วตกลงกันว่าจะไม่มีการปลุกม๊อบ  แต่ก็ยังฝ่าฝืนกันซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด

เท่าที่จำได้ไม่มีรายงานการบาดเจ็บและเสียชีวิตของทหาร และ เหล่ากระทิงแดงรวมทั้งพวกนวพลที่ทำร้่ายนักศึกษามือเปล่าในวันนั้น 

ที่หลงเหลือในความทรงจำวันนั้นคือวันโหดคืนบาปที่ไม่น่าจดจำ





หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 12-08-2006, 16:23
หน้าร้อนนี้ผมกลับไปอยู่บ้าน ไม่ได้กลับไปบวชเพระไม่ได้คิดจะปฎิวัติ
ไม่ได้กลับไปรดน้ำมนต์เพราะตัว*****จั*** มิได้ตามไปด้วย
................................................................................................................................................



ที่บ้านผมมีนักการเมืองผู้สูญเสียอำนาจอยู่ 3 คน นอกจากผมแล้ว ก็มี คุณเสริฐแสง ณ นคร ขวัญใจของชาวกันตัง กันตังเป็นชื่ออำเภอที่ติดชายทะเล ชื่อนี้ทหารเรือรุ่นเก่ารู้จักดี

เพราะนามสกุล ณ นครของคุณเสริญแสงนี่แหละ ที่ นสพ.ฉบับหนึ่งท่านพยายามยัดเยียดให้คุณเสริฐแสงเป็นคอมฯ ให้ได้ คุณเสริฐแสงเคยเป็นนายกเทศมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งที่เทศบาลตำบลกันตัง เป็นที่รักของชาวกันตัง เพราะสุจริต ทำงานดี เขาเคยเป็นคู่แข่งสมัคร สส.ขับเคี่ยวมากับผมตั้งแต่ปี 2512 และแพ้ผมในการเลือกตั้งคราวนั้น แต่เพราะรักชอบนิสัยใจคอซึ่งกันและกัน ผมจึงชวนให้ลาออกจากนายกเทศมนตรีมาสมัคร สส.ร่วมกัน เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2519 และเราชนะมาด้วยกันทั้งทีม แต่เวลานี้เขาไม่ได้เป็นทั้ง สส.และนายกเทศมนตรีแล้ว

นักการเมืองผู้สูญเสียอำนาจอีกคนหนึ่งชื่อ ประกิจ รัตตมณี ลูกหลานชาวสิเกา

สิเกาเป็นชื่ออำเภอที่ด้วยพัฒนาที่สุดของบ้านเรา อยู่ชายทะเล ฝั่งมหาสมุทรอินเดีย มีหาดทรายที่สวยที่สุดของประเทศไทย

ประกิจเป็นรุ่นพี่ผมที่บ้าน และเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย เขาเรียกผมว่า "มึง" ผมจึงเรียกเขาว่า "มึง"ด้วย เขาจบปริญญาตรีทางกฎหมายจากธรรมศาสตร์ แต่ไปเอาดีทางอื่น ในกลุ่มของเรา 3 คน ประกิจมีอันจะกินและมีอันจะเก็บมากกว่าทุกคน เพราะมีมรดกหลุมถ่าน มีสวนมะพร้าว สวนยาง มีวัวประมาณ 100 ตัว

ประกิจเป็นที่รักของชาวสิเกา เป็นคนพูดน้อย เขาเป็นนักพัฒนา เป็นผู้เสียสละที่ไม่ประกาศเกียรติคุณและไม่ทางบุญคุณใคร

ประกิจเลี้ยงวัวไว้ที่อำเภอสิเกาในบริเวณหุบเขา เรียกกันว่าเขาผึ้ง มีทุ่งหญ้าและมีลำห้วยซึ่งน้ำไหลตลอดทั้งปี

ประกิจปลูกที่พักเป็นเรือนไทยใต้ถุนสูงไว้ 1 หลัง เขาออกแบบและลงมือสร้างเอง

ที่เขาผึ้งมีแต่ความบริสุทธิ์และความงามของธรรมชาติ คอกวัวและเรือนพักอยู่บนเนินทางด้านทิศตะวันตก พื้นที่จะลาดลงไปทางทิศตะวันออก จนจดลำห้วยแล้วลาดเรื่อยไปจนจดกับตีนเขา  ถ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล หุบเขานี้ก็ชุ่มชื้นทั้งปี

ปีนี้ฝนแล้งนานกว่าปกติ จนน้ำในลำห้วยแห้งทั้งหมด หญ้าถูกแดดเผาจนแห้งแดง ประกิจต้องต้อนวัวออกไปหาหญ้ากินในสวนยาง ประกิจมีปัญหาเรื่องน้ำ ประกิจขุดบ่อน้ำบริเวณริมห้วยแต่ไม่พบตาน้ำ บ่อน้ำชาวบ้านอยู่ไกลจากเขาผึ้งหลายกิโลเมตร ความหวังของประกิจอยู่ที่ฝน  ถ้าฝนตกลงหนักๆ สัก 2-3 ครั้ง เชื่อว่าจ้ำจะขังอยู่ในห้วยเพียงพอที่จะแก้ขัดไปได้

ประกิจยังมั่นใจว่า ไม่กี่วันนี้ฝนจะต้องตกลงมาแน่

เมฆดำผ่านเขาผึ้งไปหลายครั้ง แต่ก็ลอยสูงเกินไป

เขาลงมือให้คนงานขุดบ่อตื้นๆ ไว้ขังน้ำฝนหลายบ่อ บ่อขุดเสร็จหลายวัน แต่ฝนยังไม่ตก ประกิจได้แต่มองดูฟ้าด่าก้อนเมฆ

แล้วเย็นวันหนึ่ง มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง 4-5 คน แต่งกายชุดทหาร มีปืนติดตัวทุกคน เดินทางเข้ามาถึงหุบเขาผึ้ง ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้คุมเชิงอยู่ในบริเวณเขาผึ้ง เฝ้ามองบ่อน้ำน้ำฝนของประกิจอย่างระแวงสงสัย ไม่กี่วันต่อมา ชายฉกรรจ์เหมือนทหารก็ออกไป ไม่ได้ตัดผมใคร ไม่ได้จับตัวใคร

และหลังจากนั้น ประกิจก็ขนข้าวของออกจากเขาผึ้ง เขาฝากวัวไว้กับชาวบ้านแล้วส่งข่าวให้ผมทราบว่า เขาไม่มั่นใจในความปลอดภัยเสียแล้ว  คนกลุ่มนั้นเป็นทหารจริงๆ ผู้บังคับบัญชาส่งไปคุมเชิงเขาผึ้ง  เพราะ กอ.รมน. ในจังหวัดรายงานว่า ประกิจนักการเมืองผู้สูญเสียอำนาจมีพฤติการณ์ไม่น่าไว้ใจและขุดบังเกอร์ในหุบเขา

หน้าร้อนปีนี้อากาศวิปริตผิดปกติจริงๆ อากาศมีอิทธิพลเหนือชีวิตจิตใจของคนในบ้านเมือง ผมเกรงว่าความวิปริตของอากาศในปีนี้จะทำให้ความรู้สึกนึกคิดของคนวิปริตติดตามไปด้วย

คนที่มองเห็นบ่อน้ำฝนเป็นบังเกอร์ ก็วิปริตพอๆ กับคนที่มองเห็นคูระบายน้ำเป็นอุโมงค์ :!:


คุณชวน หลีกภัยเขียนข้อความในยุคหอยเน่า เผด็จการทหารผสมพลเรือน ยุคที่คอมมิวนิสต์ขึ้นสมองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีร่วมคณะ.....

ถ้าเขียนวันนี้ คงต้องใช้ภาษาแตกต่างกว่านี้........



 ปล. คำที่ถูกเซ็นเซอร์นั้น เป็นคำพูดของคุณชวน หลีกภัย  ยุคนั้นอาจจะไม่เป็นคำ ซา-เนียด จาน-รัย เหมือนทุกวันนี้.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 12-08-2006, 16:44

คุณนักข่าว  6  ตุลา  19  เป็นวันที่โหดร้ายมากสำหรับผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์  นักศึกษาที่ถูกฆ่าและทำร้ายมีอาวุธอยู่อย่างเดียวคือปัญญา

ซึ่งไม่สามารถช่วยให้รอดจากเหตุการณ์วันนั้นได้เลย  จริง ๆ แล้วตกลงกันว่าจะไม่มีการปลุกม๊อบ  แต่ก็ยังฝ่าฝืนกันซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด

เท่าที่จำได้ไม่มีรายงานการบาดเจ็บและเสียชีวิตของทหาร และ เหล่ากระทิงแดงรวมทั้งพวกนวพลที่ทำร้่ายนักศึกษามือเปล่าในวันนั้น 

ที่หลงเหลือในความทรงจำวันนั้นคือวันโหดคืนบาปที่ไม่น่าจดจำ






นายสมัคร ซึ่งเป็นศิษย์เก่าธรรมศาสตร์รุ่นเดียวกันกับคุณชวน หลีกภัย
เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลหอยเน่าเหมือนกัน....
 มีปากเหมือนไม่มีปาก มีตาเหมือนไม่มีตา  มีหูเหมือนไม่มีหู
มีตูดเหมือนไม่มีตูด...   

ไม่โต้แย้ง ไม่คัดค้าน ดร.อุทิศและพวกขวาจัดตกขบวนว่า
ธรรมศาสตร์มีอุโมงค์ มีคลังแสงอาวุธ........   :!:

  เสียหมา เสียธรรมศาสตร์จริงๆ...........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า







หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 12-08-2006, 16:52
นายสมัคร ซึ่งเป็นศิษย์เก่าธรรมศาสตร์รุ่นเดียวกันกับคุณชวน หลีกภัย
 มีปากเหมือนไม่มีปาก มีตาเหมือนไม่มีตา  มีหูเหมือนไม่มีหู
มีตูดเหมือนไม่มีตูด.
..   

ไม่โต้แย้ง ไม่คัดค้าน ดร.อุทิศและพวกขวาจัดตกขบวนว่า
ธรรมศาสตร์มีอุโมงค์ มีคลังแสงอาวุธ........   :!:

  เสียหมา เสียธรรมศาสตร์จริงๆ...........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




แต่ จมูกบานๆ ของมัน ใช้การได้หลายอย่างนะ เพ่   :shock::mrgreen: :lol:

Mukk sud......แค่คิด  สเนียด....ก็ติดแล้วววววว !!!
  :shock: :lol: :lol:

**ไม่สงวนลิขสิทธิ์ แต่ถ้าใครเอาไปใช้ ห้ามเอาสเนียด จัณไร มาติดผมด้วยเป็นอันขาด!!**


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 13-08-2006, 00:02
พี่ชายผมเป็นครูใหญ่โรงเรียนวัดต้นสะตอ พี่เป็นคนเดียวในกลุ่มพี่ ๆ น้อง ๆ ที่สืบสายการเป็นครูของพ่อไว้     

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2520 พี่พาลูกเสือและสมาชิกอนุกาชาดจากโรงเรียนวัดต้นสะตอและโรงเรียนวัดท่าจีนประมาณ 150 คนไปพักแรมที่โรงเรียนบ้านบางเป้า ตำบลบางเป้า อำเภอกันตัง

ตอนค่ำของวันที่ 6 หลังจากลูกเสือและอนุกาชาดไปฟังคำอธิบายศาสนาอิสลามที่มัสยิดบางเป้าแล้วก้มีการแสดงรอบกองไฟ มีชาวบ้านใกล้เคียงมาร่วมชมและเอาของกินมาฝากนักเรียนด้วย

 ในคืนนั้น เวลาประมาณ 21 นาฬิกา ขณะที่ครู นักเรียนและชาวบ้านกำลังสนุกสนานกับการเล่นรอบกองไฟ นายอำเภอได้นำกำลังตำรวจ 2 คันรถกระบะเข้ามาในบริเวณค่ายพักแรมอย่างรีบด่วน  ชาวบ้านผู้รู้เห็นเหตุการณ์ต่างเชื่อกันว่าจะต้องมีเรื่องสำคัญหรือเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นในหมู่บ้าน เพราะปกติในเวลาค่ำคืนอย่างนี้ ยากนักที่จะเห็นนายอำเภอและตำรวจรีบร้อนมากันพร้อมเพรียงเช่นนี้ เพราะเป็นที่รู้กันในหมู่ชาวบ้านว่า ถ้ามีการปล้น การฆ่ากัน เมื่อแจ้งความแล้ว กว่าเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ ก็ต้องรอให้คนร้ายไปเสียหลายชั่วโมงแล้ว  ดังนั้นคืนนี้จึงจะต้องมีเหตุใหญ่เกิดขึนอย่างแน่นอน  มิฉะนั้นนายอำเภอคงไม่นำตำรวจมาด้วยตนเองถึง 2 คันรถโดยรีบร้อนเช่นนี้

นายอำเภอลงจากรถเดินเข้าไปในบริเวณค่ายพักแรม พี่ชายผมเข้าไปรายงานตัวต่อนายอำเภอในฐานะครูใหญ่ นายอำเภอกวาดตามองไปรอบ ๆ อย่างระแวงสงสัย  เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมายืนคุมเชิงใกล้ ๆ ไม่ห่างนายอำเภอ

เมื่อพี่ชายรายงานตัวเสร็จ นายอำเภอก็ตั้งคำถามทันทีว่า
"นายชวนมางานนี้ด้วยใช่ไหม?"

พี่ไม่บอกว่านายชวนมาหรือไม่มา แต่ตอบกิจการลูกเสือนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนายชวน

นายอำเภอคาดคั้นว่า "งานนี้นัดนายชวนมาปราศัยใช่ไหม?"

พี่ไม่ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่  แต่ยืนยันว่างานนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนายชวน

นายอำเภอ"มาอยู่ค่ายนี้ขออนุญาตใคร?"

พี่ชาย "ขออนุญาตนายกเทศมนตรี"

นายอำเภอ "ทำไมใบอนุญาตไม่ถึงผม"

พี่ชาย "ไม่ทราบ แต่นายกเทศมนตรีได้มาเยี่ยมลูกเสือแล้ว?"

นายอำเภอ "มีคนรายงานว่านายชวนมาปราศัย"

พี่ชาย "นายอำเภอกลัวนายชวนหรือ?"

นายอำเภอ (โมโหอย่างเห็นได้ชัด ตะคอกถามทันควัน) "ทำไมเวลาผมพูดถึงนายชวน คุณถึงเดือดร้อนแทน?"

พี่ชาย  "ผมไม่เดือดร้อน แต่ทำไมนายอำเภอต้องกลัวนายชวน"

นายอำเภอ  "คุณเป็นใคร?"

พี่ชาย "ผมรายงานตัวต่อท่านนายอำเภอแล้วเมื่อสักครู่นี้"

นายอำเภอไม่รู้ว่าคนที่ท่านกำลังซักถามอยู่นี้คือพี่ชายผม เหตุการณ์ตึงเครียด การเล่นรอบกองไฟหยุดชะงัก ชาวบ้านมุงเข้ามาฟังพี่ชายผมโต้ตอบกับนายอำเภอ  แต่ตำรวจบางนายที่รายล้อมอยู้นั้นจำพี่ผมได้  เพราะพี่เคยเป้นครูที่อำเภอกันตังมาก่อน 

 นายตำรวจเริ่มรู้ตัวว่ากำลังจะเสียท่าและเสียหาย  เพราะหน่วยใช้เงินราชการลับ และกลุ่มผู้รักชาติรายงานเท็จว่าผมจะไปปราศัยปลุกระดมชาวบ้าน  เจ้าหน้าที่หลงเชื่อรายงานดังกล่าวจึงยกกำลังกันมาล้อมเอาไว้  ปรากฎว่าไม่มีนายชวน  แต่มีเด็กนักเรียนชายหญิงกับครูมาพักแรม  ก่อนที่นายอำเภอจะตั้งคำถามให้เข้าเนื้อมากกว่านั้น  ตำรวจนายหนึ่งรีบเข้าไปดึงนายอำเภอออกไปห่างพี่ชายแล้วกระซิบบอกให้ทราบว่า  คนที่ท่านกำลังยืนโต้ตอบอยู่นี้คือครูกิจพี่ชายนายชวน

ท่านนายอำเภองงอยู่ชั่วครู่หนึ่งแล้วสั่งตำรวจขึ้นรถ  ก่อนกลับออกไปจากบริเวณค่ายพักแรม ท่านเข้ามาหาพี่ชายผมอีกครั้ง  น้ำเสียงของท่านเปลี่ยนไปพร้อมกับท่าทาง  ท่านเปลี่ยนสรรพนามของผมด้วย ท่านบอกว่า
  "คือ...ไม่มีอะไรครับ...คือ..คือ...คุณชวนกับภรรยาคนก่อนของผมเป็นญาติกัน"

   ในวันที่ 6 มกราคม 2520 ผมอยู่ในกรุงเทพฯ ผมไม่มีโอกาสได้ทราบว่า ญาติคนหนึ่งนำกำลังตำรวจ 2 คันรถไปเยี่ยมผมที่โรงเรียนบ้านบางเป้า อำเภอกันตัง....



 ผมนึกภาพออก คุณชวน หลีกภัย  สส.ปชป.
จังหวัดตรังที่ยังไม่มีชื่อเสียงและคนนับถือ ศรัทธาเหมือนปัจจุบันนี้
จะต้องระวังตัว  รักษาเนื้อ รักษาตัวอย่างไร จึงจะมีชีวิตรอดจาก"ภัยมืด"
จากรัฐบาลเผด็จการหอยเน่าและคณะทหารฯ 
และไม่ตายในฐานะคอมมิวนิสต์ตัวสำคัญ....
:!:

 ส่วนชาวบ้านธรรมดา ไม่มีคนรู้จัก ไม่มีเส้นสาย ชีวิตของเขานั้นจะหวาดกลัว
 อยุ่ในอันตรายอย่างไร และเสียชีวิตไปมากน้อยเท่าใด ประเทศไทยยุคมืด...

 วันนี้คุณชวน คงไม่ถูกข้อกล่าวหาเป็นคอมมิวนิสต์ แต่ชาวบ้านในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ยังถูกกล่าวหา เป็นพวก โจรกระจอก ที่ต้องกำจัด ต้องทำลาย..... :!:











หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: eel ที่ 13-08-2006, 02:55
แม่ง เล่นกันเองเป็นที่สนุกสนานเลยนะพวกบัณเฑาะว์


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: นู๋เจ๋ง ที่ 13-08-2006, 08:17
อ่านกระทู้นี้ เพลิน จินตนาการ เย็นลมป่าไป
พอเจอความเห็น คิวเร้อ ..ทำไม๊ ภาพที่จินตนาการ เรื่องตามองฟ้า เท้าติดดิน
กลายเป็นภาพ กลางคืนมืดมิด มีเปรตตัวยาวๆผอมๆยืนข้างๆโลกศพสี่เหลี่ยมๆ ชะเง้อท้องฟ้าท่ามกลางความมืดมิดนั้น
แล้วก็รู้สึกวังเวง ...
ขำตัวเอง..ไปนึกภาพนั้นได้ยังไง หนังสือเย็นลมป่า..เค้าออกจะดี


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 13-08-2006, 12:12
แม่ง เล่นกันเองเป็นที่สนุกสนานเลยนะพวกบัณเฑาะว์



บัณเฑาะว์ (บัน-เดาะ) (bun-dau)
(น.) ชื่อกลองชนิดหนึ่ง เป็นกลองสองหน้า บรรเลงโดยแกว่งให้ลูกตุ้มที่ติดกับตัวกลองผูกตุ้มห้อยลงมาทางหน้ากลอง ใช้แกว่งให้ตุ้มแกว่งกระทบหน้ากลองทั้ง 2 ข้าง. n. a kind of Brahmins' small two-faced drum, mounted on a handle.....อ้างจากTalking Dictionaryของ ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม

กะเทย: บัณเฑาะก์(กวี) คนที่มีอวัยวะเพศทั้งชายและหญิง;คนที่มีจิตใจและกิริยาอาการตรงข้ามกับเพศของตน......อ้างจากคลังคำ ของ ดร.นววรรณ พันธุเมธา


คุณต้องการใช้คำไหน ต้องการให้มีความหมายอย่างไร :?:

ถ้าจะหมายถึงคำ บัณเฑาะก์ ก็มีคำง่ายๆ คือ กะเทย หรือ ขันที ให้ใช้ได้เหมือนกัน...


 ถึงจะเดาจิตใจคุณถูกต้อง เพราะหาคำมาให้ถูกต้องแล้ว
แต่ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า คุณมีความคิดเห็นพรรค์นั้นได้อย่างไร. :?:


eel (อีล)
n. ปลาไหล, สัตว์น้ำจืดหรือน้ำเค็มที่คล้ายงูจัดอยู่ในออร์เดอร์ Apodes,Anguilliformes. -eel, eels pl. -eely adj.

ผมไม่เคยมีความรู้มาก่อนว่า ปลาไหลเป็นสัตว์ประเภทไหน มีเพศคล้ายไส้เดือนหรือไม่ :?:






หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: hidden dragon ที่ 13-08-2006, 13:09
ปลาไหลมันชอบอยู่ในรู แล้วนานๆ ทีจะโผล่มาโชว์โก๊ะ
เพื่ออัพเลเวลนะคะคุณปุถุชน   :mozilla_tongue:

เจอะใบข่อยไปคราวนี้คงมุดรูไปอีกนาน  :mrgreen: :mrgreen:


หัวข้อ: Re: "เย็นลมป่า" ของ คุณชวน หลีกภัย พิมพ์ครั้งที่ 6....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 13-08-2006, 22:38
คุณชวน หลีกภ้ย เขียน"เย็นลมป่า" ถึงชีวิต ความเป็นไปของคนที่คุณชวนรู้จัก
บางคนเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กน้อย บางคนเป็นเพื่อนร่วมแนวทางการเมืองด้วย
บางคนเป็นชาวบ้านที่คุณชวนรู้จักมักคุ้นด้วย ต่างขอคำปรึกษาจากคุณชวน
จะดำรงชีวิต มีชีวิตต่อไปได้อย่างไร ในสถานการณ์บ้านเมืองอยู่
ภายใต้การปกครองรัฐบาลเผด็จการหอยเน่า ข้าราชการประจำ
ข้าราชการทหารมีอำนาจเหนือความปลอดภัย เหนือสวัสดิภาพของชาวบ้าน
ที่จะถูกบันทึกการตายเป็นพวกต่อต้านรัฐบาล พวกคอมมิวนิสต์
พวกนักการเมืองสูญเสียอำนาจ.... :!:


"สมเป็นเพื่อนเกลอของผมมาตั้งแต่เด็ก เมื่อไม่นานนี้มานี้ สมเขียนจดหมายสั้น ๆ ถึงผมฉบับหนึ่ง ขอปรึกษาในปัญหาสำคัญ ซึ่งเขาไม่กล้าบอกเล่ามาในจดหมาย ผมจึงเดินทางกลับไปพบสมที่บ้าน...."


สมเพื่อนคุณชวน เป็นผู้ใหญ่ของหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีลูกบ้านประมาณ 70 ครอบครัวที่เขาต้องดูแล รับผิดชอบ พี่ชายของสมถูกยิงตายหน้าบ้านกลางดึก โดยชายฉกรรจ์ ประมาณ 10 คน ออกจากป่ามายิงพี่ชายของเขาในฐานะเป็นนักเลง ที่อาจจะทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้านได้  สมยอมรับว่าพี่ชายของเขาเคยมีประวัติร้ายกาจมาก่อน แต่ได้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีแล้ว  ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ใหญ่บ้าน เขาก็รู้สึกกลัวว่ากลุ่มที่ฆ่าพี่ชายเขา อาจจะฆ่าเขาอีกเพื่อตัดหนทางแก้แค้นก็ได้.....

หลังจากพี่ชายสมเสียชีวิตไปแล้ว กลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นได้พบกับเขากลางดึกเพื่อปรับความเข้าใจ ไม่ให้อาฆาตแค้นต่อกัน พวกเขาจะไม่ทำอะไรสมอีก  ขออย่างเดียวผู้ใหญ่สมจะไม่นำเรื่องของพวกเขาไปรายงานให้อำเภอรู้เรื่อง อย่าบอกตำรวจ....

ถึงเขาจะไม่บอกกำนัน นายอำเภอก่อน แต่กำนันก็ตามผู้ใหญ่สมไปพบนายอำเภอ สมไม่เข้าใจว่านายอำเภอรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรว่าเขาไปพบพวกในป่า สมยอมรับกับนายอำเภอว่าเขาได้ไปพบคนในป่าจริงเพื่อความอยู่รอดของเขาและครอบครัว  นายอำเภอบอกเข้าใจ แต่ท่าทางมีความสงสัย ระแวงเขา นายอำเภอไม่เชื่อว่าเขาไปพบพวกในป่าเพื่อพูดถึงเรื่องพี่ชายของเขาอย่างเดียว  แต่ก็ปลอบใจไม่ให้เขาหวาดกลัวคนในป่า และให้บอกเล่า รายงานทุกเรื่องที่รู้ให้ทางการทุกครั้ง....

เรื่องนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่สมคนเดียว หรือหมู่บ้านของเขาแห่งเดียว แต่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านอื่นในอำเภอนี้เนกัน  หลังจากมีคนในป่าแวะเวียนมาในหมู่บ้าน ในตำบล กองทหาร อาสาสมัครเข้ามารักษาการในหมู่บ้าน ในอำเภอนี้ ก็ต้องระมัดระวังตัว ยกย้ายไปที่อื่นที่ปลอดภัยมากกว่า เช่นกัน

เวลานี้เขาต้องระวังคนในป่าจะสงสัย ระแวงเขาเป็นพวกอำเภอ และการจับผิดของนายอำเภอว่าเขาเป็นพวกในป่าหรือสายในป่า เขาอาจจะถูกเก็บจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เขาไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องเขียนจดหมายไปปรึกษาคุณชวน หลีกภัยเพื่อนของเขา

" เมื่อเร็ว ๆ นี้สมได้ข่าวจากชาวบ้านตำบลละมอพูดกันว่า พวกในป่าออกมาสั่งให้ อส.ในตำบลนั้นลาออกทั้งหมด โดยบอกว่า เรื่องอะไรมารับจ้างตายวันละ 30 บาท"

ด้วยความสับสนที่เกิดขึ้น ทำให้สมต้องเขียนจดหมายถึงคุณชวน หลีกภัยขอพบและขอปรึกษาด้วย  เพราะเขาหาทางออกให้กับตนเองไม่ได้ อยู่ในสภาวะ"หนีเสือปะจรเข้" ลาออกเพื่อไม่ให้พวกในป่าระแวงสงสัย แต่นายอำเภออาจจะปักใจเชื่อว่าเขาคือพวกในป่าก็ได้


 นักการเมืองที่สูญเสียอำนาจ ชาวบ้านที่ต้องการอยู่รอดมีชีวิต จะต้องไต่ลวดความสมดุลระหว่างพวกในป่ากับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สมกับคำพูดว่า หนีเสือปะจรเข้ หรือ ระหว่างเขาวัว เขาควายเลย...