ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ปุถุชน ที่ 24-07-2006, 12:36



หัวข้อ: ดร.ปริญญา มีเมตตาจิต ยกคำสอนสมัยพุทธกาล เสนอ 'เลิกคบค้า' ทักษิณ....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 24-07-2006, 12:36
ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล สำเร็จกฏหมายจากเยอรมัน อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์
กล่าวในงานเสวนาหัวข้อ "เมืองไทย : หลังทักษิณ 4" ตอนหนึ่งว่า  ในสมัยพุทธกาลมีพระภิกษุที่ได้ชื่อว่าเป็นคนดื้อ เป็นคนว่ายาก ไม่รับโอวาทหรือคำเตือนใดๆ ของใคร คือพระฉันนะ ซึ่งถือตัวว่าเป็นข้าเก่า เนื่องจากคนจูงม้าของพระพุทธเจ้าเมื่อคราวเป็นเจ้าชายสิทธัตถะก่อนสละราชสมบัติออกหาหนทางหลุดพ้นจากความทุกข์ พระอานนท์เกรงว่าเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานไปแล้ว พระฉันนะจะเป็นผู้ว่ายากยิ่งขึ้น จึงได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ควรจะพึงปฏิบัติแก่พระฉันนะอย่างไร พระพุทธเจ้าทรงตอบแก่พระอานนท์ว่า เมื่อพระองค์ล่วงลับไปแล้ว ให้สงฆ์ลง "พรหมทัณฑ์" แก่พระฉันนะ โดยทรงขยายความว่า การลงพรหมทัณฑ์คือ การที่ภิกษุทั้งหลายไม่พึงว่ากล่าว ไม่พึงโอวาท ไม่พึงสั่งสอน ไม่พึงเจรจาคำใดๆ ด้วยทั้งสิ้น เว้นแต่คำอันเป็นกิจธุระโดยเฉพาะ

ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว สงฆ์ก็ได้ลงพรหมทัณฑ์แก่พระฉันนะ และผลก็คือ พระฉันนะได้สำนึกในความผิด สำเหนียกในพระธรรมวินัย และปฏิบัติธรรมจนต่อมาถึงกับบรรลุเป็นพระอรหันต์

  “การลงพรหมทัณฑ์เป็นวิธีการที่สังคมพุทธใช้จัดการกับคนดื้อด้าน คนว่ายาก คนไม่สำนึกในความผิด เพื่อให้กลับตัวกลับใจ เป็นวิธีการมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ดูจะคล้ายกับการบอยคอตของฝรั่ง แต่จริงๆ แล้วแตกต่างกัน เพราะการลงพรหมทัณฑ์นั้น เป็นการกระทำด้วยเมตตาจิต ทำด้วยความรัก ไม่ใช่ด้วยความเกลียด ไม่ได้มุ่งประท้วงหรือลงโทษ แต่มุ่งที่จะให้คนดื้อด้านที่สร้างปัญหาให้สังคมได้กลับตัวกลับใจ ซึ่งประโยชน์ก็ตกอยู่กับคนคนนั้นเองด้วย ที่สำคัญคือเป็นวิธีการที่ใช้ได้ผลมาแล้ว”

นายปริญญา กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จัดว่าเป็นคนดื้อ ว่ายาก ไม่รับคำตักเตือนของใคร สอบตกทางจริยธรรม ผู้คนไม่ยอมรับกันแทบทุกวงการ ซ้ำยังชวนทะเลาะกับหลายฝ่าย แล้วจะบริหารชาติบ้านเมืองต่อไปได้อย่างไร นายกรัฐมนตรีต้องเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นแค่นายกรัฐมนตรีของคนชนบทภาคเหนือและภาคอีสานเท่านั้น แต่เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณยังคงดื้อ ยึดถือแต่ข้ออ้างว่าจะอยู่เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย ไม่ยอมเว้นวรรคทางการเมืองเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ประชาชนหายคับข้องใจแล้วค่อยกลับมาใหม่ จึงเสนอให้ สังคมลงพรหมทัณฑ์แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ

" นั่นก็คือไม่พึงโอวาท ไม่พึงเจรจา ไม่พึงว่ากล่าว ไม่คบค้า ไม่สมาคม ไม่ขาย ไม่ให้บริการ ไม่ยุ่ง ไม่เกี่ยวข้องด้วยประการใดๆ พ่อค้าไม่ขายของให้ ร้านเพชรไม่ขายเพชรให้ ร้านเสื้อผ้าไม่ขายเสื้อผ้าให้ ร้านก๋วยเตี๋ยวไม่ขายก๋วยเตี๋ยวให้ ร้านตัดผมไม่ตัดผมให้ อาจทำเป็นป้ายหรือสติกเกอร์ข้อความว่า “ร้านนี้ไม่ขาย-ไม่ให้บริการแก่ทักษิณ” จนกว่าคุณทักษิณจะสำนึกผิด"

"การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำด้วยความรัก ความเมตตา ไม่ใช่ด้วยความเกลียด เป็นการกระทำที่ประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกสาขาอาชีพสามารถร่วมดำเนินการได้ เช่นเดียวกับโนโหวต การเลือกตั้งเป็นหนทางที่จะทำให้ประเทศชาติจะกลับสู่ความปกติ แต่การเลือกตั้งจะไม่เรียบร้อยและไม่ยุติธรรม และจะไม่ทำให้ประเทศกลับสู่ความสงบได้ ถ้า กกต.ทั้ง 3 คนยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ และถ้าคุณทักษิณไม่ยอมเว้นวรรค เมื่อเป็นเช่นนั้น สังคมก็ต้องลงพรหมทัณฑ์แก่คุณทักษิณ และควรที่จะต้องขยายไปถึงคนที่อยู่รอบๆ และช่วยคุณทักษิณอยู่ด้วย สังคมไทยจึงจะพ้นทุกข์ในขณะนี้ไปได้”

 
http://www.bangkokbiznews.com/2006/07/24/news_21173490.php?news_id=21173490
 

นายกรัฐมนตรีต้องเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นแค่นายกรัฐมนตรีของคนรักทักษิณ คนสมประโยชน์ คนชนบทภาคเหนือและภาคอีสานเท่านั้น :!:


ถึงแม้คุณทักษิณจะเหมือนคุณ Killer  ดูแคลน กล่าวร้าย ดร.ปริญญา มาก่อนก็ตาม
ดร.ปริญญา ยังมีเมตตาจิต แนะนำหนทางสว่างตามหลักพุทธศาสนา

อย่างนี้ ต้องพูดตามภาษาชาวบ้าน เขาทำตัวของเขาเอง
ไม่มีใครผลักดันให้เขาต้องถูก"พรหมทัณฑ์"อย่างนั้น..


หัวข้อ: Re: ดร.ปริญญา มีเมตตาจิต ยกคำสอนสมัยพุทธกาล เสนอ 'เลิกคบค้า' ทักษิณ....
เริ่มหัวข้อโดย: apichan ที่ 24-07-2006, 12:44
พูดถึงเรื่องสังคม anti ทักษิณ เมื่อวานเห็นภาพข่าวนายทักษิณไปเข้าคิวเพื่อเตรียมลงคะแนนเลือกสก. เห็นประชาชนที่รอคิวก่อนหน้าทักษิณ ทำหน้าไม่รู้สึกรู้สมว่ามีคนระดับนายกมายืนอยู่ข้างหลังเลย สงสัยว่าตอนนี้ทักษิณไปไหนพฤติกรรมการไม่ต้อนรับก็คงมีให้เห็นอยู่บ้าง แม้จะไม่แรงเหมือนเมื่อตอนช่วงขับไล่ก่อนหน้านี้


หัวข้อ: Re: ดร.ปริญญา มีเมตตาจิต ยกคำสอนสมัยพุทธกาล เสนอ 'เลิกคบค้า' ทักษิณ....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 24-07-2006, 12:53
พูดถึงเรื่องสังคม anti ทักษิณ เมื่อวานเห็นภาพข่าวนายทักษิณไปเข้าคิวเพื่อเตรียมลงคะแนนเลือกสก. เห็นประชาชนที่รอคิวก่อนหน้าทักษิณ ทำหน้าไม่รู้สึกรู้สมว่ามีคนระดับนายกมายืนอยู่ข้างหลังเลย สงสัยว่าตอนนี้ทักษิณไปไหนพฤติกรรมการไม่ต้อนรับก็คงมีให้เห็นอยู่บ้าง แม้จะไม่แรงเหมือนเมื่อตอนช่วงขับไล่ก่อนหน้านี้


ถ้าคุณ apichan ได้รับรู้ความรู้สึกของคนไทยที่ไปเข้าเฝ้าพระอาการของในหลวงที่ศิริราช จะตระหนักในความรู้สึกของคนไทยได้ดียิ่งขึ้น......

นอกจากนี้ผมยกย่อง สรรเสริญ ความฉลาดเฉลียวและสุภาพชนของคนที่ทำประกาศ
"อนุญาตให้พระญาติและองคมนตรี เข้าเฝ้า เยี่ยมอาการได้เท่านั้น....." :!:





หัวข้อ: Re: ดร.ปริญญา มีเมตตาจิต ยกคำสอนสมัยพุทธกาล เสนอ 'เลิกคบค้า' ทักษิณ....
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 24-07-2006, 12:56
เลือกตั้ง สก สข ที่ผ่านมา ไม่มีรูปเหลี่ยมซักป้ายเดียว

ต้องให้ชาวบ้าน ตจว ได้รับรู้ความรู้สึกเดียวกันนี้ด้วย


หัวข้อ: Re: ดร.ปริญญา มีเมตตาจิต ยกคำสอนสมัยพุทธกาล เสนอ 'เลิกคบค้า' ทักษิณ....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 24-07-2006, 13:06
เลือกตั้ง สก สข ที่ผ่านมา ไม่มีรูปเหลี่ยมซักป้ายเดียว

ต้องให้ชาวบ้าน ตจว ได้รับรู้ความรู้สึกเดียวกันนี้ด้วย


เขาไม่พิมพ์ใหม่แล้ว
กลัวยื่นให้แล้วไม่มีใครเอา เสียสตังค์เปล่าๆ
ถ้าคุณนทร์อยากได้ ต้องไปตามบ้านคนรักทักษิณ
จะได้รูปบ้าง....
ปล. ถ้าไม่รังเกียจ"ของมือสอง".......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 


หัวข้อ: Re: ดร.ปริญญา มีเมตตาจิต ยกคำสอนสมัยพุทธกาล เสนอ 'เลิกคบค้า' ทักษิณ....
เริ่มหัวข้อโดย: dass ที่ 24-07-2006, 13:07
คงจะยากมากๆที่จะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย จากข้าราชการฝ่ายเดียวยังไม่ได้รับความร่วมมือ


หัวข้อ: Re: ดร.ปริญญา มีเมตตาจิต ยกคำสอนสมัยพุทธกาล เสนอ 'เลิกคบค้า' ทักษิณ....
เริ่มหัวข้อโดย: The Tiger ที่ 24-07-2006, 13:57
" นั่นก็คือไม่พึงโอวาท ไม่พึงเจรจา ไม่พึงว่ากล่าว ไม่คบค้า ไม่สมาคม ไม่ขาย ไม่ให้บริการ ไม่ยุ่ง ไม่เกี่ยวข้องด้วยประการใดๆ พ่อค้าไม่ขายของให้ ร้านเพชรไม่ขายเพชรให้ ร้านเสื้อผ้าไม่ขายเสื้อผ้าให้ ร้านก๋วยเตี๋ยวไม่ขายก๋วยเตี๋ยวให้ ร้านตัดผมไม่ตัดผมให้ อาจทำเป็นป้ายหรือสติกเกอร์ข้อความว่า “ร้านนี้ไม่ขาย-ไม่ให้บริการแก่ทักษิณ” จนกว่าคุณทักษิณจะสำนึกผิด"
 

นอกจากทำกับทักษิณแล้ว ผมได้ทำกับคนที่สนับสนุนทักษิณด้วย ทีมผมมีลูกน้องอยู่ประมาณ 15 คน ผมไม่คุยกับลูกน้องคนที่เชิดชูและรักทักษิณ ตั้งแต่วันที่ ผมมายืนข้างพันธมิตรแล้ว และลูกน้องผมคนนี้แกก็เป็นตัวมีปัญหากับเพื่อนๆร่วมงาน คือชอบเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องไปฟ้องผู้ใหญ่ที่สำนักงานใหญ่ แต่ตั้งแต่มีคนปากเสียกล่าวถึงเรื่องผู้มีบารมี แม่ทัพภาค 3 ออกมาพูดดูแกก็จ๋อยๆนะ  ผมว่าเราต้องไม่ร่วมสังฆกกรมกับคนที่ชื่นชอบทักษิณด้วย ตอนนี้ผมยกเลิกการไปเที่ยวภาค อีสาน กับ ภาคเหนือ ในหน้าหนาวนี้ เปลี่ยนไปภูเก็ต แทน เพื่อนๆที่เป็นสมาชิกไทยรักไทย ก็เลิกคบชั่วคราว ไว้ทักษิณหมดอำนาจเมื่อไรค่อยกลับมาคบกัน
ผมว่าถ้าเราทำได้แบบนี้หมดทั้งประเทศ ทักษิณและคนที่ชอบทักษิณอยู่ไม่ได้แน่ๆ   


หัวข้อ: Re: ดร.ปริญญา มีเมตตาจิต ยกคำสอนสมัยพุทธกาล เสนอ 'เลิกคบค้า' ทักษิณ....
เริ่มหัวข้อโดย: apichan ที่ 24-07-2006, 14:02
ถึงกับไม่ไปเทียวอีสานกับเหนือนี่ ผมว่ามันก็เกินไปหน่อยนะครับ เพราะคนอีสานหรือคนเหนือเค้าก็ไม่ได้ชอบทักษิณไปทั้งหมด และจริงๆถ้าจะคว่ำบาตรก็ต้องทำกับไอ้พวกต้นตอหรือพวกจงรักภักดีอย่างไม่ลืมหูลืมตาจะดีกว่า


หัวข้อ: Re: ดร.ปริญญา มีเมตตาจิต ยกคำสอนสมัยพุทธกาล เสนอ 'เลิกคบค้า' ทักษิณ....
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 24-07-2006, 14:06
ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล สำเร็จกฏหมายจากเยอรมัน อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์
กล่าวในงานเสวนาหัวข้อ "เมืองไทย : หลังทักษิณ 4" ตอนหนึ่งว่า  ในสมัยพุทธกาลมีพระภิกษุที่ได้ชื่อว่าเป็นคนดื้อ เป็นคนว่ายาก ไม่รับโอวาทหรือคำเตือนใดๆ ของใคร คือพระฉันนะ ซึ่งถือตัวว่าเป็นข้าเก่า เนื่องจากคนจูงม้าของพระพุทธเจ้าเมื่อคราวเป็นเจ้าชายสิทธัตถะก่อนสละราชสมบัติออกหาหนทางหลุดพ้นจากความทุกข์ พระอานนท์เกรงว่าเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานไปแล้ว พระฉันนะจะเป็นผู้ว่ายากยิ่งขึ้น จึงได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ควรจะพึงปฏิบัติแก่พระฉันนะอย่างไร พระพุทธเจ้าทรงตอบแก่พระอานนท์ว่า เมื่อพระองค์ล่วงลับไปแล้ว ให้สงฆ์ลง "พรหมทัณฑ์" แก่พระฉันนะ โดยทรงขยายความว่า การลงพรหมทัณฑ์คือ การที่ภิกษุทั้งหลายไม่พึงว่ากล่าว ไม่พึงโอวาท ไม่พึงสั่งสอน ไม่พึงเจรจาคำใดๆ ด้วยทั้งสิ้น เว้นแต่คำอันเป็นกิจธุระโดยเฉพาะ

ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว สงฆ์ก็ได้ลงพรหมทัณฑ์แก่พระฉันนะ และผลก็คือ พระฉันนะได้สำนึกในความผิด สำเหนียกในพระธรรมวินัย และปฏิบัติธรรมจนต่อมาถึงกับบรรลุเป็นพระอรหันต์

  “การลงพรหมทัณฑ์เป็นวิธีการที่สังคมพุทธใช้จัดการกับคนดื้อด้าน คนว่ายาก คนไม่สำนึกในความผิด เพื่อให้กลับตัวกลับใจ เป็นวิธีการมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ดูจะคล้ายกับการบอยคอตของฝรั่ง แต่จริงๆ แล้วแตกต่างกัน เพราะการลงพรหมทัณฑ์นั้น เป็นการกระทำด้วยเมตตาจิต ทำด้วยความรัก ไม่ใช่ด้วยความเกลียด ไม่ได้มุ่งประท้วงหรือลงโทษ แต่มุ่งที่จะให้คนดื้อด้านที่สร้างปัญหาให้สังคมได้กลับตัวกลับใจ ซึ่งประโยชน์ก็ตกอยู่กับคนคนนั้นเองด้วย ที่สำคัญคือเป็นวิธีการที่ใช้ได้ผลมาแล้ว”

นายปริญญา กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จัดว่าเป็นคนดื้อ ว่ายาก ไม่รับคำตักเตือนของใคร สอบตกทางจริยธรรม ผู้คนไม่ยอมรับกันแทบทุกวงการ ซ้ำยังชวนทะเลาะกับหลายฝ่าย แล้วจะบริหารชาติบ้านเมืองต่อไปได้อย่างไร นายกรัฐมนตรีต้องเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นแค่นายกรัฐมนตรีของคนชนบทภาคเหนือและภาคอีสานเท่านั้น แต่เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณยังคงดื้อ ยึดถือแต่ข้ออ้างว่าจะอยู่เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย ไม่ยอมเว้นวรรคทางการเมืองเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ประชาชนหายคับข้องใจแล้วค่อยกลับมาใหม่ จึงเสนอให้ สังคมลงพรหมทัณฑ์แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ

" นั่นก็คือไม่พึงโอวาท ไม่พึงเจรจา ไม่พึงว่ากล่าว ไม่คบค้า ไม่สมาคม ไม่ขาย ไม่ให้บริการ ไม่ยุ่ง ไม่เกี่ยวข้องด้วยประการใดๆ พ่อค้าไม่ขายของให้ ร้านเพชรไม่ขายเพชรให้ ร้านเสื้อผ้าไม่ขายเสื้อผ้าให้ ร้านก๋วยเตี๋ยวไม่ขายก๋วยเตี๋ยวให้ ร้านตัดผมไม่ตัดผมให้ อาจทำเป็นป้ายหรือสติกเกอร์ข้อความว่า “ร้านนี้ไม่ขาย-ไม่ให้บริการแก่ทักษิณ” จนกว่าคุณทักษิณจะสำนึกผิด"

"การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำด้วยความรัก ความเมตตา ไม่ใช่ด้วยความเกลียด เป็นการกระทำที่ประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกสาขาอาชีพสามารถร่วมดำเนินการได้ เช่นเดียวกับโนโหวต การเลือกตั้งเป็นหนทางที่จะทำให้ประเทศชาติจะกลับสู่ความปกติ แต่การเลือกตั้งจะไม่เรียบร้อยและไม่ยุติธรรม และจะไม่ทำให้ประเทศกลับสู่ความสงบได้ ถ้า กกต.ทั้ง 3 คนยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ และถ้าคุณทักษิณไม่ยอมเว้นวรรค เมื่อเป็นเช่นนั้น สังคมก็ต้องลงพรหมทัณฑ์แก่คุณทักษิณ และควรที่จะต้องขยายไปถึงคนที่อยู่รอบๆ และช่วยคุณทักษิณอยู่ด้วย สังคมไทยจึงจะพ้นทุกข์ในขณะนี้ไปได้”

 
http://www.bangkokbiznews.com/2006/07/24/news_21173490.php?news_id=21173490
 

นายกรัฐมนตรีต้องเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นแค่นายกรัฐมนตรีของคนรักทักษิณ คนสมประโยชน์ คนชนบทภาคเหนือและภาคอีสานเท่านั้น :!:


ถึงแม้คุณทักษิณจะเหมือนคุณ Killer  ดูแคลน กล่าวร้าย ดร.ปริญญา มาก่อนก็ตาม
ดร.ปริญญา ยังมีเมตตาจิต แนะนำหนทางสว่างตามหลักพุทธศาสนา

อย่างนี้ ต้องพูดตามภาษาชาวบ้าน เขาทำตัวของเขาเอง
ไม่มีใครผลักดันให้เขาต้องถูก"พรหมทัณฑ์"อย่างนั้น..



นี่คือตัวอย่างของนักวิชาการที่มีอคติและมองมุมแคบที่คิดว่าตัวเองคือ ความถูกต้อง พวกนักวิชาการเหล่านี้จึงใช้กลยุทธ์การเพิ่ม high profile ให้กับตัวเองโดยการด่ารัฐบาลเพื่อตัวเองจะได้เป็นข่าวและเพียงสนองตัณหาความสะใจของตัวเองเป็นที่ตั้ง


อุตส่าห์จบกฎหมายมาจากยุโรป....ถ้ามีความรู้และเก่งจริงก็ย่อมได้รับเชิญให้ไปอยู่ในคณะทำงานของสภาแล้ว รู้ๆกันภายในวงการวิชาการว่าคุณปริญญาชอบโดดสอนหนังสือเหมือนคุณเจิ่มศักดิ์พิมพ์เดียวกันเลย ไม่เชื่อลองถามเด็ก มธ. ดูได้เลยครับ


หัวข้อ: Re: ดร.ปริญญา มีเมตตาจิต ยกคำสอนสมัยพุทธกาล เสนอ 'เลิกคบค้า' ทักษิณ....
เริ่มหัวข้อโดย: Yodyood ที่ 24-07-2006, 14:31
นี่คือตัวอย่างของนักวิชาการที่มีอคติและมองมุมแคบที่คิดว่าตัวเองคือ ความถูกต้อง พวกนักวิชาการเหล่านี้จึงใช้กลยุทธ์การเพิ่ม high profile ให้กับตัวเองโดยการด่ารัฐบาลเพื่อตัวเองจะได้เป็นข่าวและเพียงสนองตัณหาความสะใจของตัวเองเป็นที่ตั้ง


อุตส่าห์จบกฎหมายมาจากยุโรป....ถ้ามีความรู้และเก่งจริงก็ย่อมได้รับเชิญให้ไปอยู่ในคณะทำงานของสภาแล้ว รู้ๆกันภายในวงการวิชาการว่าคุณปริญญาชอบโดดสอนหนังสือเหมือนคุณเจิ่มศักดิ์พิมพ์เดียวกันเลย ไม่เชื่อลองถามเด็ก มธ. ดูได้เลยครับ

นี่คือตัวอย่างของการมั่วนิ่ม และดิสเครดิตชาวบ้านแบบไม่มีที่มาที่ไปซินะครับคุณอะไรจ๊ะ  :lol:


หัวข้อ: Re: ดร.ปริญญา มีเมตตาจิต ยกคำสอนสมัยพุทธกาล เสนอ 'เลิกคบค้า' ทักษิณ....
เริ่มหัวข้อโดย: The Tiger ที่ 24-07-2006, 14:35
คุณ apichan  ผมว่าไม่มากไปหรอกครับ เพราะเป็นสิทธิ์ของพวกเราที่ไม่เอาทักษิณ สามารถทำได้เพราะเป็นเรื่องตัวบุคคล คนที่ยังสมัครใจที่จะไปเที่ยวก็มีอีกเยอะแยะครับ ไม่ใช่ผมคนเดียว แต่ถ้าทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน มันจะเกิดพลัง และคนที่อยู่ฝ่ายทักษิณได้รับผลกระทบแน่ๆ และจะเห็นในเวลาไม่นาน ถ้าทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน

คุณอะไรจ้ะ ผมก็เคยเป็นลูกศิษย์ อาจารย์ปริญญาเหมือนกัน ในช่วงปี 2540 ตอนนั้นลองไปสอบเรียนภาคค่ำดู อาจารย์ก็มาสอนตลอดไม่เห็นขาดสอนเลย อะไรจ้ะมั่วหรือเปล่า แต่ถ้าแกขาดสอนก็ไม่เห็นป็นเรื่องแปลก เพราะใครก็รู้ว่าแกจะมีงานบรรยายข้างนอกบ่อย และพวกเราก็เรียนแบบผู้ใหญ่แล้ว ไม่ใช่เรียนแบบเด็กๆๆๆที่จะต้องมีอาจารย์คอยป้อนตลอด

อย่าหาเรื่องติหน่อยเลยน่ะ

แต่เอ๊ะ วันนี้อะไรจ้ะ สำเนียงภาษาเขียนมันแปร่งๆพิกล สงสัย อะไรจ้ะ คงจะเป็นทีมงาน มีหลายคน วันนี้ คนนี้ วันต่อไปอาจจะเป็นอีกคน แล้วแต่ใครจะว่างก็เข้ามาเขียน จับได้ไล่ทันแบบนี้จะโกรธไหมน๊ะ


หัวข้อ: Re: ดร.ปริญญา มีเมตตาจิต ยกคำสอนสมัยพุทธกาล เสนอ 'เลิกคบค้า' ทักษิณ....
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 24-07-2006, 14:50
เห็นด้วยกับการบอยคอตครับ


หัวข้อ: Re: ดร.ปริญญา มีเมตตาจิต ยกคำสอนสมัยพุทธกาล เสนอ 'เลิกคบค้า' ทักษิณ....
เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 24-07-2006, 16:40
ไร้ราคา....


หัวข้อ: Re: ดร.ปริญญา มีเมตตาจิต ยกคำสอนสมัยพุทธกาล เสนอ 'เลิกคบค้า' ทักษิณ....
เริ่มหัวข้อโดย: tu249cm ที่ 24-07-2006, 21:42
 :lol:
ไร้ราคา....

เห็นไหม คิลเล่อยังเห็นด้วยว่าทักษินไร้ราคาเลย


หัวข้อ: Re: ดร.ปริญญา มีเมตตาจิต ยกคำสอนสมัยพุทธกาล เสนอ 'เลิกคบค้า' ทักษิณ....
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 24-07-2006, 22:00
 ถึงกับไม่ไปเทียวอีสานกับเหนือนี่ ผมว่ามันก็เกินไปหน่อยนะครับ เพราะคนอีสานหรือคนเหนือเค้าก็ไม่ได้ชอบทักษิณไปทั้งหมด และจริงๆถ้าจะคว่ำบาตรก็ต้องทำกับไอ้พวกต้นตอหรือพวกจงรักภักดีอย่างไม่ลืมหูลืมตาจะดีกว่า



 ผมเห็นด้วยกับคุณapichan อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลย
เลือกตั้ง 2 เมษา No Vote ในเชียงใหม่และเชียงราย มีมากเหมือนกัน...

 ผมสนับสนุนให้เลิกซื้อผลิตภัณฑ์ บริการและ"นอมินี"ของทักษิณและบริวารดีกว่า..... :!:





หัวข้อ: Re: ดร.ปริญญา มีเมตตาจิต ยกคำสอนสมัยพุทธกาล เสนอ 'เลิกคบค้า' ทักษิณ....
เริ่มหัวข้อโดย: hison ที่ 24-07-2006, 22:10
อตัมยตา