ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทุนใหญ่ไร้ศีลธรรมทำลายทุกสิ่ง

นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ได้เขียนบทความออกเผยแพร่ต่อสังคมไทย หัวข้อ “ทุนใหญ่ ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” โดยกล่าวว่าทุนใหญ่ในที่นี้ หมายถึงทุนใหญ่ที่ไร้ศีลธรรม ไม่ได้หมายถึงทุนที่มีศีลธรรม และกล่าวว่าการมีเงินเป็นหมื่นล้านเป็นแสนล้าน เป็นของใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เงินใหญ่ทำให้เกิดกิเลสใหญ่ กิเลสมี 3 ชนิดคือ ตัณหา (ความโลภอยากได้มาก ๆ) มานะ (ต้องการใช้อำนาจเหนือคนอื่น) ทิฐิ (เอาความเห็นตัวเองเป็นใหญ่) หรือที่เรียกว่า อยากได้สุด ๆ อยากใหญ่สุด ๆ ใจแคบสุด ๆ ซึ่งถ้าใครมี 3 อย่างประกอบกัน คือ มีเงินมากสุด ๆ บ้าอำนาจสุด ๆ อัจฉริยภาพในทางร้ายสุด ๆ คนคนนั้นจะมีฤทธิ์ในการทำลายอย่างมโหฬารโดยไม่รู้ตัว สามารถทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้
 
วิธีการทำของคนดังกล่าวนี้เริ่มตั้งแต่ใช้เงิน  ขนาดใหญ่ และการสร้างภาพเข้ามายึดอำนาจทางการเมือง ใช้เงินและอำนาจเข้าแทรกแซงองค์กรต่าง ๆ ทำให้ตรวจสอบไม่ได้ ครอบงำและแทรกแซงสื่อทำให้การรับรู้ของผู้คนไม่ตรงกับความจริง แต่งตั้งญาติ เพื่อนร่วมรุ่นเข้าไปคุมตำแหน่งสำคัญทางทหาร พลเรือน ธุรกิจ เป็นการทำลายสถาบันให้แตกแยกและอ่อนแอ ให้ทุกคนทุกองค์กรมาขึ้นกับคนคนเดียว ทำให้ประเทศทั้งประเทศอ่อนแอลง แสวงผลประโยชน์ตามอำเภอใจไม่มีที่สิ้นสุด ใช้เงินแจกผู้คนให้สนับสนุนตน รวมทั้งให้สินบนไม่ให้กลไกตรวจสอบต่าง ๆ เอาผิดตนได้ ใช้อำนาจในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ สร้างภาพให้คนเข้าใจผิด และเข้าไปสู่ความขัดแย้ง
 
ทุนขนาดใหญ่ที่ไร้ศีลธรรมจึงเป็นปฏิปักษ์ต่อ  ศาสนาเสมอ ทุนขนาดใหญ่ที่สามารถยึดอำนาจทางการเมืองจะรู้สึกว่าตนใหญ่ที่สุด มีอำนาจมากที่สุด ย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดา ถ้าปรากฏว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีบารมีมากกว่าตน ทุนขนาดใหญ่ที่ไร้ศีลธรรมจึงเป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไม่เคยมีมาก่อน บ้านเมืองเสมือนตกเข้าไปอยู่ในหลุมดำ ไม่สามารถแก้ปัญหาทางการเมืองได้ เพราะไม่มีใครไว้ใจใคร
 
บทความกล่าวต่อไปว่า ในภาวะวิกฤติสุด ๆ นี้ มีแต่พลังของคนไทยทั้งมวลเท่านั้นที่จะแก้ไขได้โดย ประการแรก มีความเข้าใจที่ถูกต้องว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจากทุนใหญ่ที่ไร้ศีลธรรม ประการที่สอง ต้องเข้มแข็งในมโนสำนึกทางศีลธรรม ทุกคนต้องตั้งอยู่ในความถูกต้อง ตุลาการต้องไม่ยอมรับสินบน ทหารต้องไม่คำนึงถึงรุ่นและผลประโยชน์ที่เขาหยิบยื่นให้ ข้าราชการต้องมีศักดิ์ศรี ไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือ แต่ต่อต้านอำนาจที่ไม่ถูกต้อง ภาคธุรกิจและทุนที่มีศีลธรรมต้องเคลื่อนไหวเพื่อขจัดความไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรม โดยสรุปต้อง “อตัมยตา” (ไม่เอาด้วย) กับอำนาจที่ไร้ศีลธรรม ประการที่สาม ร่วมกันระดมความคิดเรื่องประเทศไทยหลังสิ้นทักษิณ เพราะแม้ทักษิณไปแล้ว อันตรายจากทุนนิยมโลกาภิวัตน์ที่ไร้ศีลธรรมก็ยังอยู่.
 
http://www.dailynews.co.th/dailynews/pages/front_th/popup_news/Default.aspx?ColumnId=25087&NewsType=2&Template=1

เป็นบทความที่ รากหญ้าไม่มีวันได้อ่าน ...

ขึ้นชื่อว่าทุนนิยม มันเลวร้ายอยู่แล้วครับ..ไม่ว่าจากกลุ่มไหน

เคยได้ยินคำว่า ช้าลงเท่ากับถอย หยุดอยู่กับที่คือหายนะ หรือเปล่าครับ
เคยได้ยินคำว่า ไม่มีคำว่าปราณีในการทำธุรกิจ หรือเปล่า

ถ้าคุณยอมรับโลกาภิวัฒน์ ยอมรับธุรกิจการแข่งขันในโลกเสรี..คงต้องยอมรับมัน :mozilla_cry:

มีคนรวยเป็นพันล้านเพิ่มขึ้นเพียงไม่กี่คน มันทำให้คนอดตายเพิ่มขึ้นมากเป็นทวีคูณ

ยิ่งมีคนสะสม ยิ่งมีคนขาดแคลน..เป็นธรรมชาติของการแบ่งปันทรัพยากร
...
ผมเคยบอกว่าถ้าจะเอาเศรษฐกิจพอเพียง..ต้องไม่เอาทุนนิยมเสรี
เพราะทุนนิยมเสรีมันหมายถึงการเพิ่มทุนขึ้นไปเรื่อย ๆ ในโลกปัจจุบัน
สังเกตุได้จากการควบกิจการที่มีมากขึ้น ๆ จนสงสัยกันว่าอนาคตต่อไปข้างหน้า
จะเหลือกลุ่มทุนในโลกนี้กี่กลุ่มกัน?

ส่วนเศรษฐกิจพอเพียงกลับบอกว่าให้เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป
และต้องสนับสนุนให้เกิดการผลิตและบริโภคเองภายในเสียก่อน...
ซึ่งขัดแย้งกับการ trade ระหว่างประเทศ ที่เป็นการรุกเข้ามาครั้งใหญ่ของทุนนิยม

sad but true ถ้าคุณยังอ่านหนังสือ how to..คุณก็เ็ป็นคนนึงที่ปราถนาทุนนิยม

(แก้ไขเพิ่มเติม)

อีกอย่างการเข้ามาแสวงหาประโยชน์ในการเมืองเพื่อเอื้อให้ธุรกิจของตัวเอง
เป็นวิถีทางอันนึงที่กลุ่มทุนใช้อยู่ในแทบทุกประเทศ...จะแตกต่างกันในรูปแบบ
เท่านั้นเอง

ส่วนของประเทศไทยค่อนข้างโจ่งแจ้งและเิปิดเผย เพราะคนส่วนใหญ่ของเรา
ไม่สนใจในปัจจัยที่ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง..เช่นเศรษฐกิจระดับ มหภาค
คนส่วนใหญ่ยังสนใจแต่เรื่องใกล้ตัว และปากท้องของตัวเองอยู่

คงมีแต่พวกเรา ๆ ที่ออกมายิกทักษิณ ที่มองเศรษฐกิจระดับชาติ
เป็นองค์ประกอบในการยอมรับผู้บริหารประเทศ

แต่อย่าลืมว่า ไล่เขาออกไป ก็ใช่ว่าทุนนิยมสามานย์จะหายไป

มันยังอยู่ตราบใดที่เรายังไม่ต่อต้านมัน*เราก็ยังคงต้องอยู่กับมันต่อไป

ผมกลับคิดว่า ทุนนิยม ใช่ว่าจะเลวร้ายเสมอ

เหมือนคนรวย ใช่ว่าจะเป็นคนรวยทุกคนเลวเสมอ

คุณ ดูอย่าง บิลเกตและวอเร็น บัฟเฟตต์ สองคนนี้ ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ไฮโซ ทั้งที่เป็นมหาเศรษฐี อันดับ 1 กับ 2 ของโลก

โดยเฉพาะล่าสุด บัฟเฟตต์ ได้เอาเงินที่เขามีมากมายบริจาค มิลนิธิบิลเกตเกือบหมด เก็บไว้ให้ลูกนิดหน่อย

แถมยบังบอกว่า มหาเศรษฐีในโลก ควรนำเงินมาช่วยเหลือสังคม

และเงินที่หามาได้ ไม่ควรนำมาให้ลูกทั้งหมด แต่ละคน ควรรู้จักหาเงินด้วยตัวเอง

มันต่างกันไหมครับ คุณธรรม จริยธรรม ของทักษิน มีได้ถึง หนึ่งในสิบ ของเศรษฐีพวกนี้ไหม

ไอ้ที่เมืองไทยมีปัญหากันวุ่นวายอย่างตอนนี้ไม่ใช่ ทุนนิยมครับ แต่เป็นเพราะทักษิน มันโลภและเลวผิดปรกติครับ

Buffett แกเสพสุขความหรูหราสุดแล้วแต่มนุษย์โลกจะคิดได้กันมาหมดแล้ว พอเมียตายเลยทำให้คิดได้ว่า รวยระดับ แสนล้านดอลล่าร์ กับ ร้อยล้านดอลล่าร์ มาก็กิน 3 มื้อ ขี้เหม็นเหมือนกัน เหลือให้ลูกสัก 1 พันล้าน กับ 5 หมื่นล้านก็ไม่ต่างกันเท่าไร ส่วน Gates นี่ก็มีลูกอยู่คนเดียว

คือทั้ง Gates & Buffett เขายังมีความเป็น "มนุษย์" อยู่ เขาเลยคิดได้ แต่ไอ้นรกชินวัตร คือ ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี ชั่วกว่าซาตาน เงินทุกแดงที่มันได้มาจาก "ศพ" คนทั้งนั้น ตั้งแต่
- มันยืนกุมไข่ขอสัมปทาน นี่ก็อยู่บนซากศพชีวิตวีรชนเป็นร้อย
- มันโจมตีเงินบาท เศรษฐกิจพินาศ มีคนฆ่าตัวตายไปเท่าไร
- มันฆ่าคนตัดตอนไป 2,500 ศพ เพื่อให้มันได้เป็นมาเฟียใหญ่สุดในประเทศนี้คนเดียว
- มันฆ่าชาวมุสลิมไปเป็นร้อยๆศพ มันทำให้ประชาชน ตำรวจ ทหาร ตายเป็นพันศพแล้ว
- มันฆ่าชิปปิ้งหมู และทนายสมชาย เพื่อปิดปาก ไม่งั้นมันก็อยู่กอบโกยไม่ได้ถึงวันนี้


ถูกต้องที่สุดครับ ทุนนิยมไม่ใช่เรื่องผิดครับ หากเป็นการแข่งขันกันอย่าง "ยุติธรรม"

free trade ไม่พอแต่ต้อง fair ด้วย