ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 21-07-2006, 10:18



หัวข้อ: "ทักษิณ ชินวัตร" คนจนของแผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 21-07-2006, 10:18
 "ทักษิณ ชินวัตร" คนจนของแผ่นดิน

อ่านชื่อเรื่องแล้วอาจแปลกใจ ทักษิณหรือที่ว่าจน ตั้งชื่อเรื่องผิดหรือเปล่า

ลองอ่านนิทานเรื่องหนึ่งดูนะครับ

ในขณะที่มหาเศรษฐีผู้มีทรัพย์สมบัตินับแสนล้านคนหนึ่งกำลังปรึกษาธุรกิจกับภรรยา
"ท่านครับ มีขอทานสกปกคนหนึ่งรออยู่หน้าบ้านบอกว่าอยากพบท่าน ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไปครับ"
"คงจะมาไถเงินอีกนะซิ น่าเบื่อจริงๆ
ไอ้พวกไม่รู้จักทำมากิน ไปบอกให้มันมานี่
เมื่อขอทานมาถึง เศรษฐีกับภรรยายังคุยกันอยู่มิได้สนใจขอทานที่มายืนอยู่ข้างๆ
"ปีที่แล้วเฉพาะตรงนี้ เราขาดทุนไปเป็นร้อยล้าน ฉะนั้นปีนี้เราต้องทำทุกวิถีทางให้ได้กำไรซักหมื่นล้าน ยิ่งเราเสียไปมากเท่าไหร่เท่า"
ขอทานได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกสะท้อนใจ
เศรษฐีที่มีสมบัติมหาศาล มีที่ดินนับพันนับหมื่นไร่มีเงินทองมากมายที่พอจะซื้อความสุขได้แทบทุกสิ่งบนพื้นพิภพนี้ ยังมีความต้องการอยากได้เงินอีกหมื่นล้าน
"เอ้า ว่าไงไอ้ขอทานแกจะพบฉันมีธุระอะไร"
"ตะกี้นี้ผมตั้งใจจะขอเงินท่านซัก 10 บาท ค่าข้าวครับ"
"นี่..เอาไป"
เศรษฐีโยนเหรียญ 10 บาท ลงพื้นด้วยความสมเพช
เงิน10บาทแทบหาค่าอะไรไม่ได้เลยเมื่อเทียบกับทรัพย์สมบัติที่เขามีอยู่
"ผมไม่ต้องการแล้วละครับ ผมขาดเงินแค่ 10 บาทคงหาข้างหน้าได้ยาก แต่ท่านซิ ยังขาดเงินอยู่อีกตั้งหมื่นล้าน เก็บ 10 บาทของท่านไว้เถอะครับ"
ขอทานมอบเงิน 10 บาท คืนแก่เศรษฐี
ท่านคิดว่าขอทานที่ต้องการเงิน 10 บาท กับเศรษฐีที่ต้องการเงินหมื่นล้าน ใครจนกว่ากัน..!? คำถามที่น่าคิดก็คือความรวยความจน ใช้สิ่งใดวัด มีเงินเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่ารวย บางคนบอกว่ามี 10 ล้านคือรวยแล้ว บางคนว่ามี 100 ล้านถึงจะเรียกว่ารวย ส่วนขอทานในเรื่องข้างต้นอาจจะพอใจและมีความสุขเพียงแค่ได้
เงิน 10 บาท พออิ่มท้องได้ 1 มื้อ เมื่อเป็นเช่นนี้ ความรวย-ความจน
จึงไม่สามารถวัดได้ด้วยจำนวนเงิน แต่ต้องวัดใช้ความรู้สึกของคนไปวัด
ความรู้สึกไม่เพียงพอคือความจน
ความรู้สึกว่ามีเพียงพอแล้วนั่นแหละคือความรวย ในบรรดาผู้คนทั้งหลายที่อาศัยอยู่ใต้ฟ้าเมืองไทยเดียวกันนี้ผมได้เห็นว่า
ชีวิตของคนเราช่างต่างกันมาก ขอทานคลานอยู่บนทางเท้า นอนใต้สะพาน ลอยเนื้อตัวมอมแมม ผ้าขี้ริ้วในบ้านเศรษฐี 1 ผืน
อาจจะยังมีค่ามากกว่า ทรัพย์สมบัติที่เขามีอยู่
กรรมกรแบกหามทำงานตรากตรำเหนื่อยสายตัวแทบขาด กลับมีเงินไม่พอใช้ แต่เศรษฐีอยู่เฉยๆ แค่เงินดอกเบี้ยก็ใช้ไม่หมด เงิน 1 พันสำหรับคนๆหนึ่งอาจหมายถึงว่าเดือนนี้จะมีเงินพอค่าข้าว ค่านมลูก ค่ายาแม่ ฯลฯ หรือไม่ แต่สำหรับบางคน 1 พันบาทอาจซื้อได้แค่อาหารเลิศรสจานเดียว หรือบางที อาจไม่พอซื้อสุราต่างประเทศชั้นดีขวด
เดียว
สำหรับผม เงิน 10 ล้านคือเงินมหาศาล ที่จะทำให้ผมตั้งตัว มีบ้าน มีรถ มีธุรกิจส่วนตัวฯลฯได้
แต่กับบางคนอาจซื้อได้เพียงพรมเปอร์เซีย(ผมขอเรียกว่า ผ้าเช็ดตีน)ราคาแพงผืนเดียว ผมอดคิดไม่ได้ว่า "ถ้าคนที่มีเหลือ แบ่งปันให้คนที่ขาดสังคมจะน่าอยู่เพียงใด"
มีวันหนึ่ง มีคนมาขอบริจาคเงินผมเพื่อนำไปซ่อมหลังคาโรงเรียนในชนบท แห่งหนึ่ง ผมควักเงิน 100บาทให้ไปด้วยความเสียดายหน่อยๆ แต่ก็เพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติ
ใจจริงถ้าผมมีเงินซักหน่อยผมอยากจะให้ซักหมื่นบาท แต่ผมทำไม่ได้ครับ หมื่นบาทนี่ผมต้องทำงานงกๆทั้งเดือน ให้ไปแล้วผมจะเอาที่ไหนกิน
ผมอดรำพึงในใจไม่ได้ว่า
"เมืองไทยยังมีโรงเรียนที่ไม่มีหลังคาอีกเหรอ แล้วไอ้พวกที่มันมีเงินเป็นพันเป็นหมื่นล้านเมืองไทยก็มีตั้งเยอะแยะ มันเอาเงินไปทำอะไรกันหมด ทำไมมันไม่รู้จักบริจาคกันมั่ง(วะ)"
แล้วผมก็อดนึกถึงท่านทักษิณไม่ได้ สมมุติว่าท่านมีเงิน หมื่นล้าน ท่านบริจากซัก 10% ก็คือพันล้าน
ท่านก็ยัง
เหลือเงิน 9 พันล้าน ซึ่งก็ยังเป็นเงินมหาศาล
หาความสุขได้ชั่วชีวิตไม่มีทาง

หมด

และเงินเพียงพันล้านที่ท่านบริจากจะช่วยซ่อม-สร้างโรงเรียนได้กี่หลัง

กัน



ในความจริงก็คือท่านทักษิณมีทรัพย์สมบัติมากกว่านั้น
และความเป็นจริง

อีกก็คือ
ท่านไม่เคยบริจาคเงินขนาดนั้น(เว้นแต่ตอนหาเสียงเลือกตั้ง)
แค่

ซัก 1 ล้านบาท ก็ยากเต็มทน



ผมคิดว่าท่านยังรวยไม่พอ

ผมพอเข้าใจ นักธุรกิจ ต้องเอาเงินไปต่อยอดธุรกิจ




ณ.วันนี้ธุรกิจของทักษิณได้กอบโกยผลประโยชน์ไปจากประเทศไทยไม่รู้

เท่าไหร่
น่าเสียดายที่ท่านแทบจะไม่เคยมอบสิ่งใดคืนให้กับสังคมไทย

(ฟรีๆ)



นอกจากท่านจะไม่ให้แล้ว สิ่งที่เป็นอยู่กับตรงกันข้าม

ทางใดที่จะ หลบ-หลีก-เลี่ยง
การเสียภาษีหรือค่าใช้จ่ายใดๆให้รัฐฯได้ท่าน

จะทำ ท่านมักจะ "บกพร่องโดยสุจริต" เสมอๆ ทางใดที่จะกอบโกย
ทางใด

ที่จะเอากำไร ท่านจะทำทุกวิถีทาง
นั่นคือสิ่งที่เป็นอยู่เวลานี้
สำหรับคนที่

เราคิดว่าร่ำรวยที่สุดในประเทศ



มือถือระบบ AIS ของท่าน
ทุกวันนี้ยังคิดค่าบริการเอาเปรียบลูกค้า(แต่ก็ยัง

มีคนฉลาดน้อยใช้กันอยู่) ถ้าไม่มีคู่แข่ง
คงเอาเปรียบได้มากกว่านี้
เหมือน

ตอนสมัยเริ่มแรกที่ AIS ผูกขาดตลาด



ผมไม่เข้าใจว่า ท่านต้องการเงินทองไปทำไมอีก
หรือว่าตายไปแล้ว
ท่านจะ

หอบไปด้วย



ท่านเป็นนักธุรกิจโดยสันดาน แสวงหาทรัพย์สมบัติเป็นอาชีพ
จนอาจจะลืม

คิดไปว่าจะเอาไปทำอะไร



คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พูดไว้ว่า "ถ้าผมทำธุรกิจ
ผมคงไม่ประสพความ

สำเร็จเท่าคุณทักษิณ แต่ผมจะไม่ติดสินบนใคร
และผมจะไม่เอาเปรียบ

ลูกค้า"



วันนี้จัดได้ว่า ทักษิณ
เป็นคนที่ประสพความสำเร็จสูงสุดในชีวิต
ในแทบทุกๆ

ด้าน ในด้านการเรียน
ก็จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจด้วยคะแนนอันดับ
1

ของรุ่น สุดท้ายก็ประสพความสำเร็จถึงขั้นจบด๊อกเตอร์
ด้านการรับราชการ

ก็เป็นถึงพันตำรวจโท
ถ้าไม่ลาออกก่อนป่านนี้คงได้เป็นพลตำรวจเอก
ด้าน

ชีวิตครอบครัว ก็มีครอบครัวที่อบอุ่น ด้านการทำธุรกิจ
ท่านก็สำเร็จถึงขั้น

รวยที่สุดในประเทศ มีกิจการนับแสนล้าน มีดาวเทียมในครอบครอง
และชื่อ

ของท่าน ได้กลายเป็นชื่อมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง





มีชีวิตใครบ้างที่จะเพอร์เฟคสมบูรณ์ได้อย่างท่าน...แล้วท่านยังจะต้องการ

อะไรอีก



ยังครับ ยังไม่พอ เมื่อท่านเล่นการเมือง
ก็ได้รับตำแหน่งสูงสุดของชีวิต

นักการเมืองไทยขณะนี้ คือการได้เป็นนายกรัฐมนตรี



ผู้ที่ชักนำท่านมาสู่วงการเมืองก็คือ พลตรีจำลอง ศรีเมือง
แต่ในวันนี้

ท่านบอกว่า พลตรีจำลอง เป็นแค่คนรู้จัก!



ผมคิดว่าท่านน่าจะพูดว่า พลตรีจำลอง
เป็นคนที่หมดประโยชน์สำหรับท่าน

แล้ว น่าจะตรงกว่า



หลักจากที่ท่านได้เป็นนายกฯ
ก็ได้โชว์ความสามารถในการเป็นผู้นำ

หลายๆโครงการของรัฐบาลประสพความสำเร็จอย่างน่าชื่นชม



น่าเสียดายที่ท่านยังไม่ทิ้งสันดานนักธุรกิจ
นักธุรกิจย่อมไม่ทำอะไรโดยไม่

หวังผลกำไร ทักษิณแทบจะไม่เคยทำอะไรให้สังคมไทยฟรีๆ

สิ่งที่ซ่อนไว้หลังความสำเร็จอันสวยงามของรัฐบาล
คือความจอมปลอม
การ

มุ่งสร้างคะแนนเสียง รักษาฐานอำนาจ ผลประโยชน์ทับซ้อน
เอื้อประโยชน์

ให้คนใกล้ชิด ปั่นหุ้น ฮุบกิจการ
การพยายามขยายธุรกิจขยายอำนาจทาง

ธุรกิจไปทุกๆด้าน เทคโอเวอร์ประเทศไทย ฯลฯ



4 ปีหลังการบริการประเทศของท่าน
มูลค่าทรัพย์สินในตระXลชินวัตร
เพิ่ม

ขึ้นมากกว่า แสนล้านบาท



แสนล้านบาทที่ได้มา
แม้ไม่ใช่ได้มาด้วยด้วยการคอรัปชั่น(แบบตรงไปตรง

มา)
แต่การใช้อำนาจหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจตัวเอง
กอบโกย

ผลประโยชน์ไม่รู้จักสิ้นสุด แม้ไม่ผิดกฎหมาย
แต่ก็พอจะเรียกได้ว่า
"โกง"



ธุรกิจของเครือชินวัตร ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับสัมปทาน
การเอื้อประโยชน์ให้

กับธุรกิจของตัวเองเป็นเรื่องที่พอจะให้อภัยได้
ถ้าไม่ทำจนน่าเกลียดเกิน

ไป



แต่ความต้องการของคนช่างมี ไม่สิ้นสุดจริงๆ
แม้มีเงินเป็นแสนล้านแล้วก็ยัง

ไม่รู้จักพอ ตลอด 4 ปีของการบริการ
ทักษิณได้แสดงอาการตะกละตะกาม

จนน่าเกลียดหลายเรื่อง ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างแค่ 7 เรี่อง



1.การพยายาม เทคโอเวอร์ประเทศไทย จากการแปรรูปกิจการของรัฐ
ทั้ง

ไฟฟ้า โทรศัพท์ ฯลฯ รวมทั้งการควบคุมสื่อ อย่าง ITV



2.กรณีแปรสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่
(ผมไม่มีรายละเอียดมาก

นัก รู้แต่ว่าธุรกิจในเครือชินวัตรได้ประโยชน์มากมาย
สุดท้ายหุ้นกลุ่มชิน


วัตรขึ้นมหาศาล)



3.คุณหญิงพจมาน ชินวัตรได้ซื้อที่ดินย่านรัชดาจากภาครัฐ
ในราคา772

ล้านบาท ซึ่งถูกกว่าความเป็นจริงไม่น้อยกว่า5เท่า
โดยมิได้มีการเปิด

ประมูลอย่างโปร่งใส



4.หลังจากซื้อเข้าหุ้นITVแล้ว ITVก็ได้ลดค่าสัมปทาน สุดท้าย
หุ้น
ITV
ก็

ขึ้นแบบติดจรวด ITV กำไรดี
แทนที่จะคิดจ่ายผลประโยชน์คืนให้รัฐมาก

ขึ้น กลับทำทุกทางเพื่อจ่ายให้รัฐน้อยลง



5.ปล่อยเงินX้ 4 พันล้านให้รัฐบาลขิ่นยุ้นต์ของพม่า
เป็นเงินX้ตามโครงการ

สื่อสารโทรคมนาคม 962 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไข
รัฐบาลพม่าต้องนำเงินที่

X้ไปซื้อสินค้าและบริการจากไทย ดูเหมือนว่าจะดี
แต่ปรากฎว่าผู้ขายส่วน

ใหญ่อยู่ในเครือชินวัตร เอาเงินภาษีของประชาชนไปเสี่ยง
ล่าสุดรัฐบาล

ขิ่นยุ้นต์โดนยึดอำนาจแล้ว พม่าจะชำระเงินX้
เมื่อไหร่อย่างไรไม่รู้
แต่

ธุรกิจ

ในเครือชินวัตรได้ผลประโยชน์ไปเต็มๆแล้ว



6.การคิดซื้อหุ้นลิเวอร์พูล อ้างทำเพื่อผลประโยชน์ชาติ
มีการตกลงเจรจาที่

ทำเนียบรัฐบาล แต่ปรากฏว่า "บุญคลี ปลั่งศิริ"
ประธานกรรมการบริหารชิน

คอร์ปฯ ร่วมเจรจาที่ทำเนียบฯด้วย ผลประโยชน์ชาติ
หรือผลประโยชน์

ใคร? ทำโจ่งครึ่มในทำเนียบฯ เห็นประชาชนเป็นอะไร?



7.การใช้เงินรัฐบาลหาเสียง
พูดได้ว่าแม้มีเงินมหาศาลแล้วก็ยังพยายามหา

กำไรทุกวิถีทาง โดยเอาเงินภาษีประชาชนไปใช้ ล่าสุดจัดงาน
"เหลียวหลัง

แลหน้าฯ" ถือเป็นการหาเสียงเต็มๆ ใช้เงินรัฐไป 200
กว่าล้านบาท
มีการลด

แลกแจกแถมในงานสารพัด
ได้คะแนนเสียงเต็มๆแต่ตัวเองไม่ต้องควักเงิน

ซักบาท
หรือแม้กระทั่งตอนคิดซื้อหุ้นลิเวอร์พูลเพื่อเอาใจแฟนบอล
ท่านก็

โชว์ความเป็นนักธุรกิจอีกครั้ง
นักธุรกิจย่อมไม่ลงทุนในกิจการที่มีความ

เสี่ยงโดยไม่จำเป็น ก็เลยยัดเยียดความเสี่ยงให้ประชาชน
"ได้คะแนนนิยม

เยอะจัง ตังค์อยู่ครบ"



ทักษิณเป็นคนที่ฉลาดมาก ฉลาดจนน่ากลัว
กลโกงของทักษิณทุกอย่างทำ

ได้อย่างแนบเนียน แทบไม่มีทางที่กฏหมายจะเอาผิดได้
ความคิดความอ่าน

ของทักษิณ อยู่ในระดับ เซียนเหนือเมฆ นอกจากจะเอาผิดไม่ได้
ยังมีความ

สามารถเปลื่ยนดำให้เป็นขาว
หาคำพูดสวยหรูมาปกปิดพฤติกรรมได้แทบทุก

ครั้ง ทุกวันนี้ทักษิณ กำลังดูถูกประชาชนว่าโง่
โดยเฉพาะคนจนในชนบท
ที่

ใช้เงินซื้อได้ ปั้นคำหวานหน่อยก็เชื่อ ส่วนคนที่มีความรู้
พอจะรู้เท่าทัน
ก็

โดนดูถูกว่า "ถึงเอ็งรู้ทันข้า เอ็งก็ทำอะไรข้าไม่ได้"



การกระทำทุกๆอย่างข้างต้นล้วนแต่บ่งบอกว่า ท่านยังไม่รวย
และคนจนคน


นี้ยังมีความสามารถที่จะกอบโกยทรัพย์สมบัติจากประเทศไทยได้อีกมาก



ทักษิณบอกว่า จะขจัดความยากจนให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทย
ผมขอบอก

ว่า ท่านน่าจะขจัดความยากจนในใจท่านก่อน

ทักษิณบอกว่า จะปราบปรามคอร์รัปต์ชั่น ผมขอบอกว่า
"เมื่อหมาป่าครอง

เมือง มีประโยชน์อันใดที่จะไปปราบหมาจิ้งจอก"



ที่ผมเขียนมาทั้งหมด ไม่ได้ต้องการจะบอกว่า ทักษิณ
ไม่เหมาะจะเป็น

นายกรัฐมนตรี



นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่บริหารประเทศ
ไม่ใช่มีหน้าที่ขึ้นแท่นยกย่องบูชาว่า

เป็นคนดี



ด้วยความรู้ความสามารถของทักษิณ
ในจำนวนตัวเลือกทั้งหมดที่คนไทยมี

อยู่ขณะนี้ ทักษิณจะยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของคนไทย
ผมไม่ปฏิเสธ



สิ่งที่ผมต้องการคือ
ให้พวกเราช่วยกันสอดส่องดูแลผลประโยชน์ของพวก

เรา และเราต้องแสดงพลังว่าเรารู้ทันเขา เราไม่ได้โง่



และอีกอย่างที่ผมต้องการคือ หากเป็นไปได้
ผมอยากให้ท่านทักษิณ
หยุด

พฤติกรรมบางอย่างซะ(หากเสียงเล็กๆของผมจะได้ยินถึงท่าน)
ด้วยความรู้

ความสามารถของท่านทำให้ผมเสียดาย
ผมเคยหวังให้ท่านเป็นผู้นำแห่ง

ความภาคภูมิใจของคนไทย เสมอมหาเธร์ มุฮัมมัดของมาเลเซีย
เสียดายที่

ท่านมุ่งกอบโกยผลประโยชน์ใส่ตัวไม่สิ้นสุด
และไม่มีความจริงใจกับ

ประชาชน น่าเสียดายจริงๆ



ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ทักษิณทำทุกวิถีทางเพื่อจะให้ได้จำนวน
ส.ส.
มาก

ที่สุด โดยตั้งเป้าถึง400 เสียง โดยเฉพาะการใช้ "พลังดูด"
มีพรรคการเมือง

หลายพรรค โดนดูดอย่างรุนแรง ถึงขนาดถูกกลืนไปทั้งพรรค



ดังนั้น ยังไงๆซะ ทักษิณ จะชนะการเลือกตั้ง
ได้เป็นนายกฯอีกสมัยอย่าง

แน่นอน



และหากทักษิณได้เสียงในสภาถึง 400 เสียงจริง
นั่นหมายถึงว่าคนไทยโง่

และรู้ไม่เท่าทัน ต่อไปจะกอบโกยสิ่งใดจากประเทศไทย ย่อมง่าย



แต่ถ้าได้เสียงในสภาประมาณ 250 - 300 เสียง
ทักษิณก็จะฟังประชาชน

มากขึ้น ประเทศชาติก็จะได้ประโยชน์มากขึ้น
การแสวงหาผลประโยชน์จาก

สมบัติของชาติก็จะน้อยลง



ช่วยกันปกป้องผลประโยชน์ของพวกเราเถอะครับ



อย่าสนใจฟุตบอลอังกฤษ มากกว่าการเมืองในประเทศ

อย่าสนใจเงินในกระเป๋าตัวเอง มากกว่าเงินในกระเป๋าชาติ

อย่าให้คนที่ไม่มีทางรวยอย่างทักษิณ ชินวัตร
กอบโกยผลประโยชน์-เผา

พลาญสมบัติชาติอีกต่อไป

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เอามาจากที่นี่ครับ http://samuitoday.com/post/view.asp?id=45  :mrgreen:


หัวข้อ: Re: "ทักษิณ ชินวัตร" คนจนของแผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet Chin Music ที่ 21-07-2006, 13:19
คุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม

มีบ้างไหม ?