ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: morning star ที่ 19-07-2006, 06:08



หัวข้อ: น้ำตา อารมณ์ และขันติธรรมของคนไทย อัดอั้นกับ 'การไม่เสียสละ' ของนักการเมือง
เริ่มหัวข้อโดย: morning star ที่ 19-07-2006, 06:08

ต้องขอโทษเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ห้องเสรีไทย ที่เอาข่าวมาแปะดื้อ ๆ แต่พอดีมันโดนใจ..ตรงความรู้สึก อยากให้ได้อ่านกันเยอะ ๆ

น้ำตา อารมณ์ และขันติธรรมของคนไทย อัดอั้นกับ 'การไม่เสียสละ' ของนักการเมือง

18 กรกฎาคม 2549 16:58 น.
นักข่าวคิดนอกกรอบ

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :

ในเวลาที่ผู้ชายคนหนึ่งต้องหลั่ง น้ำตาออกมาให้กับปัญหาความแตกแยกของบ้านเมืองทุกวันนี้ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เป็นธรรมดาเลย แต่คงจะไม่สายเกินไปถ้าจะพูดถึง ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ในวันนี้กลับไม่อายเลยที่จะบอกกล่าวกับคนไทยทั่วแผ่นดินอีกครั้ง ในการให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เมื่อสุดสัปดาห์ก่อนว่า

นี่เป็นน้ำตาที่หลั่งไหลออกมา เพราะความอัดอั้นที่ท่วมหัวใจในเวลานี้ หลังจากที่ได้มองดูสถานการณ์ของบ้านเมืองที่เกิดจากนักการเมือง นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และกลุ่มพันธมิตร ที่เกิดการแบ่งออกเป็น 2 ขั้ว มีการขัดแย้งกันอย่างรุนแรง มีทั้งการปล่อยข่าวลือ ดึงสถาบันเบื้องสูง การยั่วยุอารมณ์ด้วยคำพูด เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองจากฝ่ายที่ตนเองไม่ยอมรับ

ดร.อนุสรณ์นั้นเป็นนักเศรษฐศาสตร์ ไทยรุ่นใหม่ ที่ทำงานให้กับระบบทุนนิยมเต็มรูปแบบในธนาคารซิตี้แบงก์ สาขาประเทศไทย อยู่นานนับสิบปี รวมทั้งเคยมีชื่อติดโผเป็นหนึ่งในทีมที่ปรึกษาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในช่วงเริ่มต้นจัดตั้งรัฐบาลประชานิยมใหม่ๆ แต่วันนี้ เขาได้หันเหเข้าทำงานในสถาบันการเงินของไทยในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท จัดการกองทุนรวมบีที

หลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ การเงินไทยช่วงปี 2540 ยังเป็นกำลังสำคัญของมูลนิธิปรีดี พนมยงค์ เพื่อเชิดชูคนดีของสังคมไทยและสานฝันของตนเองต่อจากนักเคลื่อนไหวต่อสู้ (Activist) เมื่อครั้งเป็นนักศึกษาช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เผยความรู้สึกว่า "ผมอยากร้องไห้ให้ประเทศรู้ ผมอยากร้องไห้ให้กับประชาชนที่ต้องเดือดร้อน ทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงทาง การเมืองในวันนี้เลย ทั้งที่เราต้องอดทนที่จะแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี"

74 ปี ที่ 'ท่านปรีดี' ได้ต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยมา แต่วันนี้ เราทำได้เพียงแค่นี้เอง!! วันนี้เราไม่อาจตำหนิใคร เพราะทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ!!

ดร.อนุสรณ์ กล่าวด้วยความอัดอั้นใจว่า รัฐบาลยุบสภานั้นเป็นสิทธิ แต่ยุบสภาแล้ว หนึ่ง ต้องให้ความเป็นธรรมคู่แข่ง สอง ถ้ารู้สึกว่า คณะกรรมการเลือกตั้งไม่เป็นธรรม ก็ต้องแก้ไข รัฐบาลต้องทำให้คนเชื่อว่า ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง แต่เท่าที่รับฟัง มีแนวโน้มว่ารัฐบาลเข้าไปแทรกแซง ถ้าไม่มีการแก้ไขปัญหา "ผมพูดวันนี้ เราจะเป็นอย่างนั้นจริง ประเทศไทยจะถดถอยไปอีก 5 ถึง 10 ปี บ้านเมืองจะมีการประท้วงตลอดเวลา มีรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ...ถ้าผมเป็นคุณทักษิณ จะยอมเสียสละ สรรหาคนกลางมาจัดการเลือกตั้ง ถ้ารู้ว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของปัญหา ถึงแม้จะไม่ผิด แต่คุณทักษิณวันนี้ อาจจะมีข้อจำกัด ซึ่งผมไม่รู้ แต่ถ้าเป็นผม จะลาออก ส่วนพรรคไทยรักไทยอาจจะแตก เพราะฉะนั้น คุณทักษิณต้องอยู่ทำงานการเมืองต่อ โดยไม่ต้องเป็นนายกฯ"

"คุณทักษิณพูดได้ว่า ถ้าผมผิดในเรื่องคอร์รัปชัน ไปฟ้องศาลได้เลย ฝ่ายพันธมิตรต้องไม่ยั่วยุอารมณ์คน ต้องใช้สันติวิธี แต่เวลานี้ เรากลับกล่าวหากัน ซึ่งจะนำไปสู่ความรุนแรงมากขึ้น" โดยเขายังมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า หลายคนไม่ได้รักชาติจริง เพราะคนที่ทำงานให้กับการเมืองจะต้องยิ่งจนลง ยกเว้นจะมีธุรกิจส่วนตัวอยู่ก่อนแล้ว แต่คนที่มีอำนาจมักจะรักชาติจนน้ำลายไหล

ทั้ง 2 ฝ่ายควรหันหน้ามาคุยกัน เพราะต้องช่วยกันปฏิรูปประเทศไทย โดยปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจพร้อมไปกับปฏิรูปทางการเมือง เพื่อแก้ปัญหาความยากจน และดำเนินการกระจายรายได้ให้เกิดความเป็นธรรม ทั้งนี้ ดร.อนุสรณ์ มั่นใจในแนวทางต่อสู้แบบสันติวิธีเพื่อให้ได้ประชาธิปไตย โดยยึดถือแนวทางของ ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิงส์ นักต่อสู้ผู้ซึ่งขาย 'ความหวังและความฝัน' เพื่อสิทธิมนุษยชนในชนผิวดำของสหรัฐอเมริกา และมหาตมะ คานธี ผู้ใช้แนวทาง 'สันติวิธี' และ 'อารยะขัดขืน' เรียกร้องเอกราชและเสรีภาพของชนชาวอินเดีย เมื่อครั้งตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ

"แนวทางที่ท่านผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ไทย คือ ประธานองคมนตรีที่บอกกล่าวกับทหารไทยในวันนี้ ให้แนวทางชัดเจนถูกต้องไว้ว่า 'ต้องเป็นกลาง และรับใช้ชาติ' แต่สิ่งที่ผมทำได้ในวันนี้ ผมเป็นผู้น้อย ทำได้ด้วยการหาแนวร่วมเพื่อจุดกระแสสมานฉันท์ และขอเรียกร้องให้เกิดความเสียสละกัน โดยเฉพาะหน้านี้ กกต.ต้องลาออก เปิดทางให้คนที่เป็นกลางเข้ามาจัดการเลือกตั้งใหม่"

ดร.อนุสรณ์ เป็นตัวอย่างหนึ่งของคนไทย ที่รู้สึกอัดอั้นจนต้องหลั่งน้ำตาให้กับอารมณ์ขัดแย้งที่รุนแรงของสังคมไทย ในวันนี้ เพราะเขาไม่คิดที่จะเลือกข้างใด จึงได้เรียกร้องให้ผู้คนในสังคมมีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยบน หนทางของสันติวิธี เพราะเขาเชื่อว่าผลกระทบที่เกิดขึ้น อาจจะทำให้ประเทศไทยต้องถอยหลังไปอีก 5-10 ปี...แต่จะมีนักการเมืองในฝ่ายของรัฐบาลคนใดบ้างที่จะเลิกคิดถึงตัวเอง หรือคิดจะยอมเสียสละเพื่อบ้านเมืองกันบ้าง??

หมายเหตุ เอามาจาก http://www.bangkokbiznews.com/2006/07/19/w017_121131.php?news_id=121131 (http://www.bangkokbiznews.com/2006/07/19/w017_121131.php?news_id=121131)


หัวข้อ: Re: น้ำตา อารมณ์ และขันติธรรมของคนไทย อัดอั้นกับ 'การไม่เสียสละ' ของนักการเมือง
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 19-07-2006, 12:00
ผมชอบความเห็นของ ดร. ท่านนี้นะ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า "รักชาติจนน้ำลายไหล"


หัวข้อ: Re: น้ำตา อารมณ์ และขันติธรรมของคนไทย อัดอั้นกับ 'การไม่เสียสละ' ของนักการเมือง
เริ่มหัวข้อโดย: จูล่ง_j ที่ 19-07-2006, 12:08
 :cry:


หัวข้อ: Re: น้ำตา อารมณ์ และขันติธรรมของคนไทย อัดอั้นกับ 'การไม่เสียสละ' ของนักการเมือง
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 19-07-2006, 12:57
ผมชอบความเห็นของ ดร. ท่านนี้นะ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า "รักชาติจนน้ำลายไหล"

บางคนไม่ไหลนะ...
แต่เลียริมฝีปาก แผลบๆๆๆ


เมื่อวาน Say :.... No!!!
วันนี้  Say :.. Yess ..All Right !!!


ทำทุกอย่าง เพื่อประเทศชาติไทย เจงๆ..นะตัวเอง


หัวข้อ: Re: น้ำตา อารมณ์ และขันติธรรมของคนไทย อัดอั้นกับ 'การไม่เสียสละ' ของนักการเมือง
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 19-07-2006, 13:00
ผมชอบความเห็นของ ดร. ท่านนี้นะ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า "รักชาติจนน้ำลายไหล"

บางคนไม่ไหลนะ...
แต่เลียริมฝีปาก แผลบๆๆๆ


เมื่อวาน Say :.... No!!!
วันนี้  Say :.. Yess ..All Right !!!


ทำทุกอย่าง เพื่อประเทศชาติไทย เจงๆ..นะตัวเอง

เอ๊ะ คุ้นๆ นะ เหมือนเคยเห็นว่าใครไม่รุ ชอบทำเป็นประจำ


หัวข้อ: Re: น้ำตา อารมณ์ และขันติธรรมของคนไทย อัดอั้นกับ 'การไม่เสียสละ' ของนักการเมือง
เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 19-07-2006, 18:25
อนุสรณ์ ต้องรู้ ว่าสถานการณ์ชั่วร้าย ณ วันนี้มันเกิด เริ่มต้นมาจากสาเหตุใด

ใครคือผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ถ้าไม่รู้ก็โง่

ถ้ารู้แล้วแกล้งดัดจริตทำเป็นบีบน้ำตา แล้วด่านักการเมือง

เซ่นสังเวย สอพลอผู้ยิ่งใหญ่ ยิ่งต้องถือว่าเลว