ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: LEOidentity ที่ 10-10-2008, 05:03



หัวข้อ: ทูตไทยส่งบันทึกกลับมาถึงรัฐบาลกรณีไม่อาจชี้แจงเหตุการณ์ตุลาทมิฬ
เริ่มหัวข้อโดย: LEOidentity ที่ 10-10-2008, 05:03
เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศหนึ่งในย่านเอเชีย ได้ส่งเอกสารกลับมาถึงกระทรวงต่างประเทศ โดยแสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีที่รัฐบาลโดยกระทรวงต่างประเทศไทย สั่งให้เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศต่างๆ ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่ตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่หน้ารัฐสภา และลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อวันอังคารที่ 7 ตุลาคม 2551

     โดยเอกอัคราชทูตไทยรายนี้ เห็นว่า การกระทำของรัฐบาลรุนแรงเกินกว่าเหตุ และไม่เป็นไปตามหลักปฏิบัติสากล ขณะที่แนวทางคำชี้แจงไม่สามารถให้ความกระจ่าง ซึ่งจะสร้างความไม่น่าเชื่อถือแก่ประเทศไทยและกระทรวงการต่างประเทศ
       
     สำหรับรายละเอียดของบันทึกดังกล่าวมีดังนี้
       
    ขอเรียนว่า จากการติดตามรายงานข่าวอย่างใกล้ชิด ทั้งทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆของไทย และเว็บไซต์ของสื่อแขนงต่างๆ ของไทยตลอดวันที่ 7 ต.ค.2551 เอกอัครราชทูตไทย มีความเห็นดังนี้
       
       1.แนวทางชี้แจงตามข้อ 3 ของโทรเลขที่อ้างถึงมิใช่ภาพที่แท้จริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด และยังไม่สามารถให้ความกระจ่าง หรือตอบคำถามมากมาย ที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ตลอดวันที่ 7 ต.ค.2551
       
       2.แน่นอนว่า รบ.มีความชอบธรรมที่จะแถลงนโยบายและพันธมิตรฯ ไม่มีสิทธิที่จะขัดขวาง แต่เหตุใดในเช้าตรู่ของวันที่ 7 ต.ค.2551 แทนที่ จนท.ของรัฐจะพยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยมาตรการที่เป็นขั้นเป็นตอน เช่น เริ่มต้นจากการเจรจาเพื่อขอเปิดทางให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าไปในรัฐสภา แต่ จนท.ตร.กลับใช้มาตรการขั้นรุนแรงด้วยการใช้แก๊สน้ำตายิงใส่ ปชช.และได้ดำเนินการ
       
       ทำนองเดียวกันในช่วงบ่ายและเย็น หลังการประชุมเพื่อแถลงนโยบายของ รบ.เสร็จสิ้น มีความสมควรเพียงใดที่จะใช้ต้องมาตรการรุนแรงเหล่านั้น เนื่องจากมีกำหนดการการแถลงนโยบายของ รบ.ต่อรัฐสภาและเพื่อเปิดทางเข้า-ออก
       
       3.จะอธิบายได้อย่างไรว่า มาตรการของ จนท.ตร.ระลอกแล้วระลอกเล่าตลอดวันที่ 7 ต.ค.2551 เป็นการกระทำที่เป็นไปตามกฎหมาย มาตรฐาน และหลักปฏิบัติสากล อันเป็นที่ยอมรับหรือเข้าใจได้ในนานาประเทศ ภาพที่เผยแพร่ออกไปในวงกว้างแสดงให้เห็นว่า การยิงแก๊สน้ำตาของ จนท.ตร.จำนวนไม่น้อยมิได้เป็นการยิงแบบวิถีโค้ง (ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติสากล) แต่เป็นการเล็งยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมโดยตรง
       
       สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามว่า จนท.ตร.เหล่านั้น (หรือผู้สั่งการ) มีเจตนาให้เกิดความบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตแก่ผู้ถูกกระทำ และยังมีคำถามต่อมาว่า จนท.ตร.มีความตั้งใจรักษาความสงบจริงหรือไม่ เพราะการกระทำต่างๆ กลับดูเสมือนเป็นผู้นำมาซึ่งความไม่สงบเสียเอง การใช้อาวุธที่มีอยู่ในมือของ จนท.ตร.ในลักษณะดังกล่าวที่ปรากฏภาพออกไปทั่วจนทำให้สถานการณ์ทวีความตึงเครียดยิ่งขึ้น ย่อมเป็นการยั่วยุหรือกระตุ้นเร้าให้ผู้ถูกกระทำต้องป้องกันตัวและตอบโต้ จนนำมาซึ่งการบาดเจ็บของ จนท.ตร.จำนวนหนึ่งด้วยเช่นกัน
       
       4.จะอธิบายอย่างไรกับมาตรการอันรุนแรงเกินกว่าเหตุของ จนท.ตร.อันนำมาซึ่งการเสียชีวิตและบาดเจ็บของ ปชช.คนไทยจำนวนมากในระดับนี้ภายในเวลาไม่ถึง 1 วัน (ตาย 2 คน บาดเจ็บเกือบ 400 คน ในจำนวนนี้มีบาดเจ็บสาหัสต้องสูญเสียแขน ขา มือ เท้า และนิ้วหลายราย) ซึ่งสื่อมวลชนสารพัดแขนง ทั้งไทยและต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งตัวแทนทางการทูตของ ปท.ต่างๆ ที่อยู่ใน ปทท.ต่างติดตามทำหน้าที่รายงานข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะเป็นภาพ หรือเสียง หรือข้อเขียน ด้วยเช่นกัน
       
       คำถามแรกๆ ที่ย่อมเกิดขึ้น คือ ระเบิดแก๊สน้ำตาของ จนท.ตร.สามารถทำให้ ปชช.จำนวนหนึ่งแขนขาดขาขาดได้อย่างไร มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่มีการใช้อาวุธอื่นนอกเหนือจากก๊าซน้ำตาและกระบองที่ทำให้บาดเจ็บและมุ่งทำลายชีวิต ปชช.ใครคือผู้สั่งการให้มีการใช้กำลังในลักษณะนี้และอาวุธเช่นนี้กับ ปชช.
       
       5.การชี้แจงสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือยังมีความเคลือบแคลงในข้อเท็จจริง หรือภาพเพียงบางส่วน รังแต่จะทำลายความน่าเชื่อถือของผู้ชี้แจงไปด้วย ซึ่งหมายถึงผลกระทบต่องานในความรับผิดชอบในด้านอื่นๆ ที่มีอยู่และจะมีต่อไป ความน่าเชื่อถือเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งประการหนึ่งของการปฏิบัติหน้าที่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการต่างประเทศ
       
       หากปราศจากซึ่งสิ่งนี้แล้ว กระทรวงการต่างประเทศ โดยบุคลากรทั้งหลายในระดับต่างๆ ทั้งในและ ตปท.ก็จะประสบปัญหาการทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนและผู้ทำหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของ ปท.หรือคนในชาติได้
       
       ในขณะเดียวกัน ความซื่อตรงในวิชาชีพและความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมไทย มิใช่เพียงผู้หนึ่งผู้ใด ก็ย่อมถูกตั้งคำถาม กระทรวงการต่างประเทศไม่สามารถอยู่ หรือปฏิบัติหน้าที่ได้โดยลำพังเป็นเอกเทศและปราศจากการยอมรับสนับสนุนจากภาคส่วนต่างๆ ของไทย
       
       6.การที่ที่ผ่านมา พันธมิตรฯ ได้ดำเนินการบางประการที่ผิดกฎหมาย หรือไม่อยู่ในกรอบสันติวิธี มิได้หมายความว่า จนท.ของรัฐจะมีความชอบธรรมที่จะสามารถดำเนินการด้วยวิธีการรุนแรงเกินกว่าเหตุอย่างไร้อารยธรรม ในสังคมอารยะ มนุษย์ทั้งหลายต่างมีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติและรับผิดชอบแตกต่างกันไป
       
       เช่นเดียวกันกับ “ข้าราชการ” แต่เป็นการถูกต้องแล้วหรือที่การปฏิบัติหน้าที่เหล่านั้นจะเป็นไปโดยปราศจากเงื่อนไข ไม่มีการตั้งคำถาม และไม่นำพาหรือแยกแยะว่า “หน้าที่” หรือ “คำสั่ง” ทั้งหลายมีความถูกต้องชั่วดี หรือมีคุณธรรม หรือมีจริยธรรมหรือไม่ จึงควรที่จะต้องมีการสอบสวนเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงว่า เหตุใดจึงมีการกระทำอันรุนแรงเกินกว่าเหตุของ จนท.ตร.และมีผู้สั่งการอย่างไร หากพบว่ามีความผิด ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
       
       ในประเด็นนี้ ปทท.มีความรับผิดชอบในฐานะ ปท.ภาคีของ International Covenant on Civil and Political Rights ซึ่งหมายความว่า รบ.ไทยมีความรับผิดชอบต่อมาตรการของ จนท.ของรัฐในครั้งนี้ ซึ่งประเด็นนี้จะกลับมาสร้างปัญหาให้แก่ รบ.ไทยในมิติระดับ รปท.
       
       7.ในขณะเดียวกัน ทุกฝ่าย โดยเฉพาะ จนท.ของรัฐในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมาย ที่มีอำนาจและกลไกต่างๆ อยู่ในมือ ต้องใช้สติ ความอดกลั้น และละเว้นการใช้อาวุธและความรุนแรงทำร้าย ปชช. มิฉะนั้นแล้ว ความพยายามแก้ไขปัญหาที่ ปท.ชาติกำลังประสบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนอยู่ในขณะนี้โดยวิธีการอันสันติยิ่งเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีต่อกัน ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการพูดจาหารือ กำลังถูกทำลายโดยแทบจะสิ้นเชิง
       
       จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพิจารณา
       (ลงนาม)

http://www.oknation.net/blog/naiman/2008/10/09/entry-1



หัวข้อ: Re: ทูตไทยส่งบันทึกกลับมาถึงรัฐบาลกรณีไม่อาจชี้แจงเหตุการณ์ตุลาทมิฬ
เริ่มหัวข้อโดย: concordance democracy ที่ 10-10-2008, 05:49
[quote author=LEOidentity link=topic=38353.msg378035#msg378035 date=1223589812
2.แน่นอนว่า รบ.มีความชอบธรรมที่จะแถลงนโยบายและพันธมิตรฯ ไม่มีสิทธิที่จะขัดขวาง แต่เหตุใดในเช้าตรู่ของวันที่ 7 ต.ค.2551 แทนที่ จนท.ของรัฐจะพยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยมาตรการที่เป็นขั้นเป็นตอน เช่น เริ่มต้นจากการเจรจาเพื่อขอเปิดทางให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าไปในรัฐสภา แต่ จนท.ตร.กลับใช้มาตรการขั้นรุนแรงด้วยการใช้แก๊สน้ำตายิงใส่ ปชช.และได้ดำเนินการ
[/quote]

1.ผมก็เสียใจกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นประชาชน+ตำรวจ แต่ไม่เสียใจกับแกนนำพันธมิตร
2.พันธมิตรปฏิเสธการเจรจามาตลอด จะไล่รัฐบาลลูกเดียวมา 3+4 เดือนแล้ว (และจะไล่ต่อไป)
3.วันที่ 7 ตุลา. พันธมิตรมีเจตนาที่จะเจรจาหรือไม่อย่างไรนั้น ประชาชนส่วนใหญ่เขาแยกแยะได้ครับ ท่านฑูต
4.ใครใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ? ทำไมแกนนำไม่ไปปิดทางเข้าสภาเอง? ทำไมแกนนำไม่เคยตาย+เจ็บสักคน? ท่านฑูตไตร่ตรองดูบ้าง
5.รัฐธรรมนูญให้สิทธิพันธมิตรนำประชาชนปิดทางเข้ารัฐสภาหรือครับ ?
6.ท่านฑูตมองไปที่ฝ่ายพันธมิตรบ้าง มิใช่คอยจับผิดตำตวจฝ่ายเดียว ?
7.ท่านฑูตแน่จริง ควรรับอาสาไปเจรจากับแกนนำพันธมิตรดูบ้าง   พวกเขาจะใช้จิตวิทยาหมู่ว่า "ต้องถามประชาชนที่มาชุมนุมดูก่อน" ทุกครั้ง