ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: Prach ที่ 09-10-2008, 04:13



หัวข้อ: "ใบตองแห้ง" แห่งคอลัมน์ "ทวนกระแส" ณ ไทยโพสต์ นี่เป็นใครอ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Prach ที่ 09-10-2008, 04:13
อ่านไทยโพสต์ทุกวันและทุกคอลัมน์ (ยกเว้นกีฬา)
ขัดใจกับ คอลัมน์ "ว่ายทวนน้ำ" ของ "ใบตองแห้ง" จริงๆ
(จริงๆ แล้ว ไอ้คอลัมน์ที่ว่านี้ ไม่อ่านมานานแระ เพิ่งมาอ่านวันนี้ เพราะนึกว่าเห็นภาพรัฐบาลทรราชย์ มือเปื้อนเลือด ใจทมิฬหินชาติ มันทำกับประชาชน แล้วเค้าจะเปลี่ยนความคิดได้บ้าง)


ในภาวะแบบนี้ คุณยังไม่รู้อีกหรือ ว่า พธม.สู้เพราะอะไร และเพื่ออะไร คุณยังจะเป็นกลางบ้ากลางบอ อยู่อีกหรือ คุณยังยอมรับที่จะอยู่ในสังคมร่วมกับคนเขมือบชาติ ขายแผ่นดิน จาบจ้วงสถาบัน โดยอ้างเพียงวว่า "พวกมัน" เป็นคนไทยด้วยกัน ได้อีกหรือ

ถ้าใช้ภาษาวัยรุ่น เรียกว่า "โชว์เกรียน" ก็คงไม่ผิดนัก

แกทำงานอยู่ไทยโพสต์ได้ไงวะ ไม่ได้ซึมซับอะไรดีๆ ไปบ้างเลย (หรืออาจต้องถามว่า คนไทยโพสต์ทำงานกับแกได้ไงวะ)

รู้นะ ว่าต้องมีพี่ๆ มาเตือนว่า ... ก็อย่าไปอ่านมันซิค๊าบบบ   :slime_doubt:

ต่อไปนี้ไม่อ่านแล้วคร๊า   :slime_shy:

เพราะรู้แล้วว่า สันอะไรก็ขุดไม่ยาก เท่าสันขวาน อิอิ
  :slime_bigsmile:

----------
FOR EXAMPLE ....
---------

ว่ายทวนน้ำ
เรียนคุณใบตองแห้งที่เคารพ


7 ตุลาคม 2551    กองบรรณาธิการ

ทีแรกผมก็ไม่คิดจะเขียนจดหมายถึงคุณเร็วเกินไป เพราะเพิ่งเขียนไปไม่กี่วันนี้เอง แต่ขณะนี้บ้านเมืองมันร้อนจัดจนกระทั่งใกล้จะลุกเป็นไฟอยู่แล้ว ผมจึงต้องเขียนมาถึงคุณอีก


หวนกลับไปนึกถึงอดีต  บางคนคงจำได้ดีว่าผมเคยเตือนผู้มีอำนาจมาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ยังอยู่ที่สะพานมัฆวานฯ ซึ่งคิดจะจับกลุ่มแกนนำพันธมิตร ผมเคยสรุปว่าถ้าผู้มีอำนาจอยากจะไปเร็วๆ ก็เอาเลย

อำนาจเป็นสิ่งเสพติดร่วมกับกิเลส  คนมีกิเลสหนาแล้วมีอำนาจด้วย  มันจะเป็นเพชฌฆาตหวนกลับมาฆ่าตัวเอง  เรื่องนี้มีตัวอย่างมาหลายครั้งแล้ว  ผมเคยพร่ำสอนอยู่เสมอว่าความดีเท่านั้นที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง  แต่คนเสพอำนาจก็มักจะมีปัญญามืดบอด สิ่งนี้ถ้าจะพูดว่าบุคคลลักษณะนี้ในที่สุดก็จะฆ่าตัวตายเอง ใครไม่เชื่อก็คอยดูกันไปก็แล้วกัน

ธรรมะเท่านั้นที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง  ขณะนี้ผมมีอายุจะขึ้น  ๘๗  ปีอยู่แล้ว แต่ก็ยังมุ่งมั่นทำงานออกไปสู่ชนบท  ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดออกไปสู่สังคมอย่างต่อเนื่อง ภาษาดังกล่าวมันเป็นภาษาจากใจถึงใจ  แม้แต่คนที่เข้าสู่วัยชรา แต่ก็สามารถหยั่งรู้ความจริงและเข้าถึงจิตใจคนจากเรื่องราวดังกล่าวได้ไม่ยาก

ครั้งหนึ่งกลุ่มอำนาจรัฐบาลเคยพูดไว้ว่า  อยากจะช่วยแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน  แต่มันก็มีบทพิสูจน์อยู่อย่างเดียวเท่านั้น  นั่นคือ  "ถ้าคิดจะแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนให้ได้ผล คนที่อยู่ข้างบนนั่นแหละ  ควรจะก้าวลงมาอยู่ที่พื้นดิน"  คาถาบทนี้มันเป็นมนต์ขลัง  ซึ่งทุกคนน่าจะนำมาใช้อย่างได้ผลจริงจังร่วมด้วย

คนที่ขึ้นไปอยู่ข้างบนแล้วถูกลูกน้องป้อยอเข้าหน่อยก็ลืมตัว  คงคิดแต่จะประหัตประหารคนอื่น แม้เป็นคนชาติเดียวกัน

ผมพูดมานานแสนนานแล้ว่า  ผู้บริหารทุกระดับชั้นควรจะลงมาสู่ด้านล่าง  และมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาให้แก่ประชาชน โดยไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องยากลำบาก

ครั้งนี้ผมได้ทราบข่าวว่าผู้มีอำนาจหวนกลับลงมาใช้อำนาจฆ่าฟันคนชาติเดียวกัน  ความจริงแล้วผมไม่เคยกล่าวคำที่ไม่สุภาพ แต่ครั้งนี้มันอดไม่ได้ที่จะขอสาปแช่งว่า ใครก็ตามที่คิดทำร้ายคนชาติเดียวกัน ผมขอให้ธรรมชาติลงโทษ

ถ้าจะกล่าวว่าขอให้ชีวิตมีอันเป็นไป  เพราะคนประเภทนี้มีนิสัยไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง  คงเหลืออยู่อย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ ขอให้คนไทยที่รักชาติทั้งหลายจงรุมกันสาปแช่ง

ผมเชื่อว่าปากคนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้ารุมกันสาปแช่งมากเข้าก็ต้องมีอันเป็นไปตามวิกฤติของสังคม

ขอโทษครับที่ผมพูดในวันนี้  มันไม่ใช่เพราะผมเอียงไปในทางหนึ่ง  แต่ผมพูดมาหลายครั้งแล้วว่าคนที่ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินถิ่นเกิดเท่านั้นที่จะทำให้บ้านเมืองเจริญได้

วันนี้ผมขออนุญาตพูดอย่างตรงไปตรงมา แต่บนพื้นฐานแผ่นดินถิ่นเกิดของคนไทยที่เราจะต้องมุ่งมั่นรักษาความชอบธรรม เราถึงจะอยู่ได้

ผมไม่ได้ว่าใคร  แต่ขอวิงวอนว่าใครก็ตามที่กระทำการไม่ดีเหล่านั้น  โปรดยกเลิกเสียเถิดครับ อย่าไปร้อนตัวว่าทรัพย์สินของท่านมันจะสูญหาย

ผมเชื่อว่าคุณงามความดี ตลอดจนการมีธรรมะ เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลคุ้มครองคนดีให้อยู่ได้

ในชีวิตนี้ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาเห็นคนไทยคิดประหัตประหารกันเอง  ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวมันส่อแสดงถึงความหายนะของประเทศชาติ

ด้วยความเคารพแด่ทุกคน

ระพี สาคริก



เรียน ท่านอาจารย์ระพีที่เคารพยิ่ง

ถ้าผมเป็นผู้มีอำนาจผมก็คงไม่คิดใช้กำลังเข้าจับแกนนำพันธมิตรฯ

แต่การที่พันธมิตรฯ บุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล  จะปล่อยปละละเลยโดยถือว่าไม่มีการกระทำผิดกฎหมายไม่ได้

นักวิชาการที่ไม่เลือกข้างชี้ว่านี่ไม่ใช่อารยะขัดขืน  เพราะอารยะขัดขืนต้องยอมรับผลของการกระทำผิดกฎหมาย จึงเรียกร้องให้ 9 แกนนำพันธมิตรฯ มอบตัว

นักกฎหมายที่ไม่เลือกข้างชี้ว่าการที่ตำรวจตั้งข้อหากบฏนั้นไม่เกินเลย  เพราะพฤติกรรมของพันธมิตรฯ ที่ใช้กำลังบุกยึดทำเนียบฯ และยึด  NBT  ไม่ใช่แค่การใช้สิทธิชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก  แต่ไปถึงขั้นใช้กำลังมุ่งล้มล้างรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมาย

ดังนั้นจึงไม่ควรถอนข้อหา  แต่จะมีความผิดหรือไม่ก็ให้ศาลยุติธรรมตัดสิน   และแกนนำที่ถูกจับก็ควงได้รับการประกันตัวหรือปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ประกันหากศาลเห็นว่าจะไม่หลบหนี

ถ้าพันธมิตรฯ ละเมิดกฎหมายแล้วลอยนวลไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย  จะเรียกร้องให้ทักษิณหรือรัฐบาลเคารพกฎหมายได้อย่างไร

ถ้าพันธมิตรฯ ละเมิดกฎหมายแล้วลอยนวลไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย  จะให้คำตอบอย่างไรกับแกนนำ นปช.ที่ถูกอุ้มไปจากกลางศาลด้วยซ้ำ

หรือสังคมเห็นว่าพันธมิตรฯ ละเมิดกฎหมายได้ แต่ นปช.ละเมิดกฎหมายไม่ได้

หรือว่าคนที่อยู่ข้างบนประหัตประหาร นปช.ได้ แต่ประหัตประหารพันธมิตรฯ ไม่ได้

อะไรคือความชอบธรรม  ทำไมไม่มีคนประท้วงแทน  นปช. หรือทุกคนใช้ทัศนคติของตัวมาขีดเส้นแล้วว่าพันธมิตรดี นปก.ชั่ว ทั้งที่ต่างก็มีสิทธิเท่าเทียมกัน นปช.ไม่ได้ยึดสถานที่ราชการด้วยซ้ำ

มีบางคนกล่าวว่ารัฐบาลไม่ควรจับ พล.ต.จำลอง ทั้งที่กำลังจะเจรจากัน

แต่มองอีกมุมหนึ่ง   พล.ต.จำลองก็เดินออกไปให้จับใช่หรือไม่  เพราะเขียนจดหมายทิ้งไว้ตั้งแต่ 06.00 น. ก่อนจะไปถูกจับในเวลา 08. 00 น.

มีคำถามว่าพันธมิตรอยากเจรจาจริงๆ  หรือเจรจาแล้วได้อะไร จุดประสงค์ของพันธมิตรฯ ไม่ได้ต้องการเจรจา  ไม่ได้ต้องการปฏิรูปการเมือง  ส.ส.ร.3  อะไรนั่น  แต่ต้องการล้มรัฐบาลพรรคพลังประชาชนให้ได้  ที่ต้องทำเป็นเจรจาเพราะพันธมิตรฯ อ่อนกำลังลง  กระแสตก   ระยะเวลาบีบคั้นเข้ามาทุกที   พันธมิตรฯ จะยึดทำเนียบฯ ไปได้อีกนานแค่ไหน  ยิ่งนานก็ยิ่งแย่  เห็นความพ่ายแพ้อยู่ตรงหน้า

การที่  พล.ต.จำลองเดินออกไปให้จับ  ทำให้ผมคิดถึงตอนที่นำมวลชนเดินจากสนามหลวงไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อพฤษภา  35  โดยแหกมติของแกนนำในครั้งนั้น  ต่อมาก็มีใครไม่ทราบเผา สน.นางเลิ้ง ต่อมา พล.ต.จำลองก็ถูกจับ แล้วต่อมาก็นองเลือด

ยังขาดอย่างเดียวคือ  พล.ต.จำลองไม่ได้อดข้าว  ผมอยากยุให้อดข้าวด้วยซ้ำ  เพราะนี่คือเดิมพันครั้งสุดท้ายของพันธมิตรฯ ครั้งสุดท้ายจริงๆ ถ้าไม่สำเร็จก็พ่ายแพ้

ผมไม่เดือดร้อนหรอกเพราะไม่  in  กับใคร  นั่งดูด้วยความสนุก  แต่ขอฝากว่าอย่าใช้เพียงความบริสุทธิ์ใจไปมองสถานการณ์ ต้องรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของทั้งสองฝ่าย



เรียน คุณใบตองแห้ง

เห็นคุณชอบอ่านไทยโพสต์ตำหนิผม  เล่นเอาผมฮา  ฮาจริงๆ  นะครับ  ไปๆ  มาๆ  ตรรกะของคุณชอบอ่านคือ  พวกตรูรุมกระทืบคนเกือบตาย หรือตาย? กลายเป็นพวกน่าสงสารถูกรังแกไปแล้ว โอ้โห..คนโดนรังแก ยิงปืน รุมกระทืบคน เอาทหารพรานมาเป็นการ์ด

คุณชอบอ่านไทยโพสต์ถามผมว่าจบที่ไหนมาบ้าง  เอาเป็นว่าผมจบกฎหมายรามฯ ตัวหนึ่งล่ะ  ศักดิ์ศรีไม่แพ้มหาวิทยาลัยไหนด้านกฎหมาย  ไม่รู้คุณชอบอ่านรู้จักไหมนะ  บางทีอาจจะสนใจแต่เรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียว

1.คุณใบตองแห้งตอบกฎหมายได้ดีมากๆ ไม่ได้เรียนกฎหมายแน่นะครับ เพราะวิญญาณของนักกฎหมายมีมากกว่านักยุติธรรมโดยอาชีพบางคนที่หน้าด้านหน้าทนเสียอีก  สอนหนังสือผม ตอนแรกเห็นหน้าตาดีๆ ผมขาวสลวย ที่ไหนได้ หน้าด้านขนาดนี้เล่นเอาผมเซ็งกับสถาบันการศึกษานี้เลย

ผมชอบมากๆ  เลยคุณใบตองแห้ง  วิกฤติการณ์คราวนี้ทำให้ผม  "ไม่ต้อง" นับถือคนหลายคน เกือบโดนปากดีๆ หลอก รู้สึกเหมือนคนดีๆ เกือบโดนนักต้มตุ๋นเซลแมนหลอก

2.ผมว่าเรื่องลูกจ้าง  รับจ้าง นี่ไม่ต้องแถแล้วครับ แถไงก็ฟังไม่ขึ้น ไม่ต้องชัดเจน แค่ต้องสงสัยในความเป็นกลาง ก็ควรลาออกไปได้แล้ว ในอารยประเทศ แต่นี่สงสัยเป็นอารยะขัดขืนนะครับ

3.อยากฟังคุณใบตองแห้งวิจารณ์เรื่องสมชายพบป๋า แล้วทุกอย่างเหมือนอะลุ้มอล่วยกันได้ ใจจริงไม่ชอบมากๆ  เพราะกลุ่ม  พธม.มีเจตนาร้าย  กระทำการอย่างชั่วร้าย  ผลออกมาประเทศก็พังพินาศ สมควรได้รับผลกรรมตามทัน   เหมือนหน้าหล่อหัวหน้าพรรคการเมืองที่อ้าปากก็จะใส่ร้ายคนอื่น   น่าละอายมากๆ

ยุ้ย



ตอบ คุณยุ้ย

คุณกับคุณคนชอบอ่านฯ นี่น่าจะนัดมาเจอกัน  แต่ต้องมัดมือคุณคนชอบอ่านฯ ไว้ก่อน  ให้ใช้ปากถกอย่างเดียวห้ามใช้วิชาไทยยุทธ์ ไม่งั้นผมนั่งตรงกลางจะโดนลูกหลงไปด้วย

ขอนุญาตตัดข้อความไปบางส่วน เพลาๆ บ้างดีกว่าครับ เอาเรื่องเนื้อหาดีกว่า

ที่ผมตอบเรื่องกฎหมายได้เพราะฟังนักกฎหมายมาอีกที  แต่ก็พอรู้หลักทั่วไป   สาเหตุหนึ่งน่าจะเป็นเพราะยุคทักษิณใช้กฎหมายแบบศรีธนญชัยเยอะ  ตั้งแต่คดีซุกหุ้นมาจนผลงานของเนติบริกรในเรื่องต่างๆ  ผมตามวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องเรียนรู้ หาหลักยึด ศึกษาหลักการเพื่อจับให้ได้ไล่ให้ทัน

พอการเมืองพลิกขั้วอีกฝ่ายใช้ศรีธนญชัยมั่ง  ใช้เนติบริกรมั่ง   ผมจึงรู้สึกทะแม่งๆ

กฎหมายก็มาจากสามัญสำนึก  เจตนารมณ์ของกฎหมายไม่ใช่เรื่องที่ต้องตีความให้ยุ่งยาก ส่วนใหญ่ใช้สามัญสำนึกก็รู้  เช่น  ยุคทักษิณออกระเบียบการประชุมคณะรัฐมนตรี  ใช้องค์ประชุมแค่  1  ใน  3  อ้างว่ากฎหมายไม่ได้บังคับต้องกึ่งหนึ่ง  ก็ไม่มีจริงๆ ครับ แต่สามัญสำนึกคือหลักกฎหมายพื้นฐานบอกเราว่ายังไงๆ อย่างน้อยก็ต้องกึ่งหนึ่ง

เช่นกัน  พอตีความว่าแค่หันคูหาออกแล้วส่งผลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ  พอใช้กฎหมายย้อนหลังลงโทษ  111  คน  พอตีความคำว่าลูกจ้างโดยใช้พจนานุกรม  ไม่ใช้ประมวลกฎหมายแพ่ง  กฎหมายแรงงาน  มันก็ต้องรู้สึกทะแม่งๆ  ตีความแบบนี้เลยเข้าปิ้งกันหมดไงครับ ไปสอนพิเศษก็กลายเป็นลูกจ้างด้วย ทั้งที่ความจริงไม่ใช่สักหน่อย

ผมคิดว่าสิ่งสำคัญคือเราจะเคารพกฎหมายอย่างจริงใจ   หรือใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ยึดหลักการหรือไปตามกระแส มุ่งเอาชนะหรือว่ามุ่งจะสร้างหลักนิติรัฐ

ส่วนที่สมชายพบป๋า  เราคงวิจารณ์ไม่ได้  เพราะป๋าเป็นองคมนตรีไม่เกี่ยวกับการเมือง! แต่พูดถึงสถานการณ์กว้างๆ  ได้ว่าพลังประชาชนต้องการประนีประนอม  เห็นได้จากการแตกหักกับกลุ่มเนวิน ซึ่งใส่เสื้อแดงต่อสู้กับขั้วตรงข้ามอย่างรุนแรง แล้วเอาจิ๋วหวานเจี๊ยบเข้ามา
แต่ดูท่าทีแล้วฝ่ายตรงข้ามโดยเฉพาะพันธมิตรฯ ไม่ต้องการประนีประนอม  แล้วก็มีข่าวว่าบางพวกบางกลุ่มยังอยากให้มีรัฐประหาร เช่น แก๊งฟันดำ แก๊งสีเทาดอนเมือง แต่สีเขียวไม่เล่นด้วย.

ขอแสดงความนับถือ

ใบตองแห้ง

---------------------------------

ว่ายทวนน้ำ
เรียน คุณใบตองแห้ง ที่เคารพ


9 ตุลาคม 2551    กองบรรณาธิการ

ผมเขียนจดหมายมารบกวนคุณอีกครั้งหนึ่ง ทั้งที่รู้สึกเกรงใจเพราะเขียนมาติดๆ กันถึง 3 วัน ทั้งนี้เพราะเห็นรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ รวมทั้งเสนอภาพที่เป็นความจริงแล้วมันทนไม่ไหว


สิ่งแรกก็คือจิตใจที่รู้สึกห่อเหี่ยว เพราะคนไทยด้วยกันแท้ๆ มันคิดทำร้ายกันถึงขนาดเลือดตกยางออกและมาคิดเอาชีวิตกันได้อย่างไร ไหนว่าในอดีตเคยคุยว่า "คนไทยมีน้ำใจ" ถ้าอย่างนั้นคนที่ทำการครั้งนี้ก็ไม่ใช่คนไทยน่ะสิ ทีแรกผมก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องทารุณ แต่มาคิดได้ว่ามันควรจะใช้คำพูดที่ยิ่งกว่านั้น เพราะจริงๆ แล้วการศึกษาไม่ได้ช่วยให้คนเป็นคน แต่กลับทำให้คนเป็นชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ ที่ใช้ความป่าเถื่อนเข้ามาจัดการกันมากกว่า ผมต้องขออภัยคนดีๆ ที่อาจจะใช้คำพูดไม่สุภาพ

ผมไม่ได้ว่าใครคนหนึ่งคนใด แต่ถ้าใครเดือดร้อนมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติของเขาเอง เหมือนกับออกมารับสารภาพความจริง ผมพูดอะไรไม่ออกมากไปกว่านี้ เพราะของที่มันอยู่ในใจมันยิ่งกว่านี้มาก

ด้วยความเคารพรักที่มอบให้กับทุกคน

ระพี สาคริก

เรียน ท่านอาจารย์ระพี ที่เคารพยิ่ง

จดหมายอาจารย์ยิ่งลงบ่อยในสถานการณ์เช่นนี้ยิ่งดี เพราะแสดงถึงจิตใจและคุณธรรมของอาจารย์ อย่างไรก็ดี การที่คนไทยทำร้ายกันเลือดตกยางออกไม่ใช่ครั้งแรก เราผ่านมาแล้วทั้ง  14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภาทมิฬ หรือย้อนไปในอดีต กบฏแมนฮัตตัน กบฏบวรเดช ก็มีการฆ่าฟันกันรุนแรงแต่ประวัติศาสตร์ละเลยที่จะกล่าวถึง เพราะประวัติศาสตร์เป็นของผู้ชนะ

นิสัยคนไทยโดยทั่วไปดูเหมือนไม่ชอบความรุนแรง แต่ลึกๆ แล้วเราไม่ยอมรับความแตกต่าง และเป็นอำนาจนิยมต้องการทำลายล้างคนที่แตกต่าง สร้างรูปการจิตสำนึกแบบบล็อกเดียวแถวเดียว เป็นเช่นนี้เสมอไม่ว่าทักษิณหรือ "คนดี"

ถ้ามองย้อนไปเมื่อ 6 ตุลา ลูกเสือชาวบ้านที่ฆ่านักศึกษา เอาศพแขวนคอ เอารองเท้ายัดปาก เป็นคนชั่วหรือไม่ ผมคิดว่าไม่ใช่  แต่เขาถูกปลุกให้เชื่อว่านักศึกษาเป็นคอมมิวนิสต์ จะทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จนเกิดความโกรธเกลียดอย่างรุนแรง ฉันใดก็ฉันนั้น ยุคนี้สมัยนี้เราก็ปลุกให้เกิดความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงเช่นกัน เพียงแต่ฝ่ายที่ปลุกไม่ได้ยึดกุมอำนาจรัฐ

อยากเรียนฝากเตือนสติทุกคนทุกฝ่ายว่า ผมเองเคยผ่านการถูกปลุกเร้าให้เสียสละแม้ชีวิตเพื่ออุดมการณ์ เพื่อนผมตายไปหลายคน ทั้งสมัยเป็นนักศึกษา ทั้งสมัยอยู่ป่า แต่ผมพบว่าการสละชีวิตนั้นแม้ไม่อาจเรียกว่า "ตายฟรี" แต่ก็ไม่ได้ส่งผลผลักดันสังคมให้เปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคพระศรีอาริย์ หรือสิ่งที่ดีกว่าแบบหน้ามือเป็นหลังมืออย่างที่เราหวัง เพราะความเปลี่ยนแปลงของสังคมมีกลไกกฎเกณฑ์ของมันอยู่ มีจังหวะ ความพร้อม มีการสั่งสมทางปริมาณก่อนจะนำไปสู่คุณภาพ อัตวิสัยของเราสามารถผลักดันมันได้ระดับหนึ่งเท่านั้น แค่ไหนระดับไหนต้องมีการวิเคราะห์สังคมอย่างลึกซึ้งรอบด้าน ไม่ใช่วู่วามคิดว่าเราจะเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง เมื่อมองเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงได้แล้ว จึงค่อยหันมาเปรียบเทียบว่า การเสียชีวิตคนเพื่อเป้าหมายนั้นมันคุ้มค่าหรือไม่

และขออาศัยเนื้อที่ตอบจดหมายอาจารย์ เรียนขอร้องทุกฝ่ายว่า โปรดอย่านำเหตุการณ์ครั้งนี้ไปเปรียบเทียบกับ 14 ตุลา หรือ 6 ตุลา  ผมขอใช้สิทธิ์ทักท้วงในฐานะคนเดือนตุลาปลายแถวว่ามันไม่เหมือนกัน ทั้งนี้มิได้ยกตนว่าคนเดือนตุลาเหนือกว่า อย่ามาเทียบอย่าวัดรอยเท้า เอาเป็นว่าคนเดือนตุลาอาจจะมีศีลธรรมจริยธรรมต่ำต้อยกว่าพันธมิตรฯ ก็ได้ แต่มันไม่เหมือนกันทั้งเจตนารมณ์และวิธีการต่อสู้

14 ตุลา ไม่ได้เกิดเพราะม็อบทำทุกอย่างเพื่อไล่ถนอม ประภาส ตอนนั้นม็อบเรียกร้องให้ปล่อย  13 กบฏและร่างรัฐธรรมนูญ เจรจากันได้แล้วสลายตัว แต่กลับถูกตำรวจไล่ตี 6 ตุลาก็ไม่ได้ไปม็อบปิดสนามบินไม่ให้ถนอมกลับ หรือล้อมวัดบวรนิเวศฯ ไม่ให้ถนอมบวช ไม่ได้ล้อมสภาฯ ไม่ได้ล้อม บช.น. เราชุมนุมโดยสงบอยู่ในสนามฟุตบอลธรรมศาสตร์แล้วถูกล้อมยิงล้อมฆ่า ไม่ได้ออกไปยั่วยุท้าทายใคร

ขอทักท้วงนะครับ "คนอื่น" อย่ามาอ้างและอย่ามาเทียบ จะบอกว่าดีกว่าสูงส่งกว่าผมไม่ว่า แต่โปรดอย่าเปรียบเทียบ เพราะมันไม่เหมือนกัน เราต่อสู้โดยสันติวิธี ไม่มีสื่อ ไม่มีชนชั้นนำ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไหนมาเข้าข้าง มีแต่ "สื่อเป็นพิษ" อย่างดาวสยาม ที่ปลุกเรียลลิตี้ทางหน้าหนังสือพิมพ์

แม้แต่เมื่อตอนจับอาวุธเข้าป่า เชื่อคนละลัทธิ ถ้าสู้รบกันแล้วจับเชลยได้ จับคนบาดเจ็บได้ หมอในป่ายังฉีดยารักษาอาการบาดเจ็บให้เขา เพราะถือว่าทหารตำรวจเขาต้องทำตามหน้าที่ ใต้เครื่องแบบแล้วเขาเป็นคนไทยเหมือนเรา

..........................

เรียน คุณใบตองแห้ง

อูย...ถูกใจชาวซา (ดิษ) จริงๆ กับแถลงเกินเอ๊ยแถลงการณ์ของคุณ ยิ่งเห็นพวกอาจารย์มหา'ลัยออกมาตำหนิแต่รัฐบาลให้อย่าใช้ความรุนแรง แต่ไม่เห็นแนะนำให้พันธมิตรฯ ถอนกำลังจากรัฐสภาเลย มันไม่มีเหตุผลเลยนอกจากต้องการให้เกิดความรุนแรง นี่หรือคือการชุมนุมอย่างสงบและปราศจากอาวุธของพันธมิตรฯ ทำไมด้ามธงจึงมีของแหลมแทงตำรวจจนปอดทะลุล่ะ การกระทำของพันธมิตรฯ เป็นอารยะข่มขืนชัดๆ พวกอาจารย์และสื่อก็ชอบให้ท้าย ความจริงควรถูกตำหนิทั้งสองฝ่าย ถ้ายังเอียงอย่างนี้รับรองศพไม่สวยทั้งสองคู่

หนูหริ่ง

ตอบ คุณหนูหริ่ง

ไม่ทราบว่าเป็นหนูหริ่งที่รู้จักกันทั่วไปหรือไม่ ขอย้ำว่าผมอาจจะซา (ดิษ) แต่ที่ผมประณามคนให้ท้าย เพราะผมไม่ต้องการเห็นพันธมิตรฯ ได้ใจแล้วก็บุกออกไปทำอะไรอีก เพราะความสูญเสียจะเกิดกับฝ่ายพันธมิตรฯ เอง และไม่ว่าฝ่ายไหนบาดเจ็บเสียชีวิต ผมก็เศร้าเสียใจทั้งสิ้น

ผมได้ยินกระแสข่าวย้อนหลังก็ยังหวาดเสียว เมื่อคืนวันอังคารมีข่าวทางตำรวจว่าพันธมิตรฯ จะบุกเผา สน.3 แห่ง ตำรวจเตรียมพร้อมมีคำสั่งยิงได้ทันที แต่ดีที่ไม่เกิดเหตุขึ้น สาเหตุหนึ่งอาจเพราะทหารออกมาช่วยตำรวจรักษาความสงบ ถ้า (สมมติว่า) พันธมิตรฯ คิดจะทำอย่างที่ข่าวตำรวจจริง ก็เลยถอยไปเพราะเห็นชัดว่าทหารไม่เข้าข้าง ถ้าเป็นจริงก็ต้องขอบคุณทหารที่ช่วยป้องกันชีวิตพันธมิตรฯ ทางอ้อม
อย่างน้อยเราก็ได้เห็นว่าทหารไม่กล้าทำรัฐประหารง่ายๆ ความล้มเหลวของ คมช.ยังหลอกหลอน ไม่เช่นนั้นถ้าทหาร***มพอก็ปล่อยให้คืนวันอังคารเกิดการนองเลือด มีพันธมิตรฯ ตายสักหลายสิบคน จบข่าว ไม่ต้องฟังอีกครั้งหนึ่ง

....................................

เรียน คุณใบตองแห้ง ที่นับถือ

กรณีที่คุณวิศาลโดนชูวิทย์สับศอกนั้น ผมบังเอิญได้ดูทีวีกับเพื่อนหลายคน แต่ละคนล้วนชอบใจทั้งสิ้น โดยบอกว่าสื่อนั้นสมควรโดนเสียบ้างเพราะกร่างเหลือเกิน โดยเฉพาะสื่อทีวี ขณะเดียวกันตำหนิชูวิทย์ว่า เมื่อคิดว่าไม่พร้อมออกทีวีก็อย่าไปออก เพราะภาพพจน์ไม่ใช่ว่าจะดีเสียเมื่อไร  งานนี้ WIN WIN ทั้งคู่ว่าสื่อกร่างและคนไม่พร้อมมีแผล เป็นเครื่องเตือนใจทั้ง 2 ฝ่าย

นับถือ

ช.วานิช

ตอบ คุณ ช.วานิช

จดหมายคุณมาถึงเมื่อสถานการณ์ผ่านไปแล้ว มีสถานการณ์ใหม่เกิดขึ้น แต่เปรียบเทียบกันได้อย่างน่าคิด บอกตรงๆ ว่าตอนแรกผมไม่คิดจะไปเลือกตั้งเพราะเห็นว่าอภิรักษ์ชนะอยู่แล้ว ขี้เกียจไปกาไม่เลือกใคร แต่ตัดสินใจได้เมื่อเห็นเหตุการณ์วันพฤหัสบดี ผมไปเลือกชูวิทย์ครับ เลือกทั้งที่ไม่คิดจะเลือก เลือกทั้งที่ประณามพฤติกรรมของชูวิทย์ แต่เลือกเพื่อตอบโต้องค์กรสื่อ
ต้องขออภัยคุณวิศาลด้วย ผมไม่เคยรู้จัก ไม่มีอะไรเป็นส่วนตัว แต่ผมคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องตำหนิทั้งสองฝ่าย องค์กรสื่อทั้งหลายกลับออกมาตำหนิฝ่ายเดียว ผมต้องการตบหน้าองค์กรสื่อสักแปะ ซึ่งผลเลือกตั้งที่ออกมาก็พิสูจน์แล้วว่า คน 3.4 แสนคนที่เลือกชูวิทย์ไม่แยแสสถาบันสื่อสักนิด เชื่อว่ามีหลายคนเลือกด้วยเหตุผลเดียวกับผมด้วยซ้ำ นี่คือความเสื่อมของสถาบันสื่อ ซึ่งครั้งหน้าไม่แน่เหมือนกัน คุณชูวิทย์ลง ส.ส. หาเสียงโค้งสุดท้ายแกอาจจะชกหน้านักข่าวอีกซักคนเพื่อเรียกคะแนน การยั่วยุกับความรุนแรง ประณามฝ่ายเดียวไม่ได้ ถูกไหมครับ

........................................

เรียน คุณใบตองแห้ง ที่นับถือ

เหตุการณ์ในบ้านเมืองขณะนี้ มีกระแสเรียกร้องความเป็นกลางในความหลากหลายของความหมายที่แตกต่างกันตามวิสัยทัศน์ และภูมิปัญญาของแต่ละคน ทำให้เห็นว่าความเป็นกลางเป็นสิ่งที่หาได้ยาก เชื่อมั้ยครับว่าความเป็นกลางในความขัดแย้งทั้งหลายนั้น มีอยู่ในตัวของทุกๆ คนตามธรรมชาติ คือความอดทนอดกลั้นต่อสิ่งที่ตนไม่ปรารถนา มีสติขึ้นมาเมื่อไรจะเห็นว่าปัญหาขัดแย้ง  คือความเห็นต่างเพื่อแก้ไขไปสู่สิ่งที่ถูกต้องร่วมกัน นี่คือความเป็นกลางตามธรรมชาติ ไม่ต้องไปใฝ่หาอีแอบที่ไหน หาขี้หมาสดๆ ซักกองยังจะง่ายกว่า....ว่ามั้ย

ด้วยความนับถือ

เฒ่า 72



ตอบ คุณเฒ่า 72

คุณเฒ่า 72 ให้สัจธรรม "ความอดทนอดกลั้นต่อสิ่งที่ตนไม่ปรารถนา" นั่นคือสิ่งสำคัญต่อการอยู่ในสังคมร่วมกับคนอื่นๆ  ที่เป็นคนเป็นๆ มีชีวิตจิตใจ มีความปรารถนาต่างจากเรา ความเป็นกลางที่แท้จริงคือ เข้าใจอกเขาอกเรา เข้าใจสิทธิของเพื่อนมนุษย์แต่ละคน ยอมรับว่าทุกอย่างเป็นไปตามใจเราไม่ได้ แล้วบางทีเราอาจจะผิดก็ได้ การเดินไปข้างหน้าไม่สามารถเดินคนเดียว แต่ต้องร่วมกับทุกคนในสังคม ผมอาจจะไม่กลางเท่าไหร่ก็ได้นะ แต่ยังมีความพยายามจะเป็นกลาง (ได้คะแนนความพยายาม-ฮา)

ขอแสดงความนับถือ

ใบตองแห้ง



หัวข้อ: Re: "ใบตองแห้ง" แห่งคอลัมน์ "ทวนกระแส" ณ ไทยโพสต์ นี่เป็นใครอ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-10-2008, 04:43
พวกเหลือบไรมันมีอยู่ทุกฉบับแหละ

ไทยรัฐมีมากหน่อย มี แม่ลูกจันทร์ สกุ๊ปข่าวการเมือง หมัดเหล็ก(เหลี่ยม) เห่าดง
เดลินิวส์มี ดาวประกายพฤษก์
มติโจร มีมากมายนับไม่ถ้วน

ไทยโพสต์ก็เช่นกัน ย้อมมีใบตองแห้ง
เห็นแล้วก็ฮา
บางทีก็อยากรู้เหมือนกันว่าตอนที่มันอยู่กะเพื่อนๆนักข่าวด้วยกัน มันคุยอะไรกะคนที่คิดตรงข้ามกะมัน


หัวข้อ: Re: "ใบตองแห้ง" แห่งคอลัมน์ "ทวนกระแส" ณ ไทยโพสต์ นี่เป็นใครอ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Prach ที่ 09-10-2008, 05:13
จริงอย่างพี่เจไดว่า

ยิ่งไอ้แถลงการณ์แถลงเกิน ของเค้าวันก่อนนั่น อ่านแล้วความดันขึ้นสองร้อยเลยทีเดียว ตลกๆๆๆๆๆ

สมแล้วทีใช้ชื่อใบตองแห้งใบตองเหี่ยว ถ้าจะให้ครบน่าจะมี prefix ให้ครบด้วยนะ




เอ๊ะ หรือว่าโชว์เกรียนเพราะเค้าอยากดัง  :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: "ใบตองแห้ง" แห่งคอลัมน์ "ทวนกระแส" ณ ไทยโพสต์ นี่เป็นใครอ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: totoro on a tree ที่ 09-10-2008, 14:55
เป็นคอลัมน์เดียว ที่ไม่อ่านใน Thaipost ค่ะ


หัวข้อ: Re: "ใบตองแห้ง" แห่งคอลัมน์ "ทวนกระแส" ณ ไทยโพสต์ นี่เป็นใครอ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kasemsakk ที่ 11-10-2008, 22:56
ไม่งั้นเขาจะชื่อคอลัมน์ "ว่ายทวนน้ำ" เหรอครับ...

ปล.คมชัดลึก มีไหมครับ...


หัวข้อ: Re: "ใบตองแห้ง" แห่งคอลัมน์ "ทวนกระแส" ณ ไทยโพสต์ นี่เป็นใครอ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sak ที่ 11-10-2008, 23:21
ใบตองแห้ง จริงๆและครับ แต่เค้าเขียนตกไป2คำ คือ หมาเห่า :slime_bigsmile: :slime_smile2:

คราวนี้จะได้แจ้งเกิดได้ไงครับ  :slime_cool:


หัวข้อ: Re: "ใบตองแห้ง" แห่งคอลัมน์ "ทวนกระแส" ณ ไทยโพสต์ นี่เป็นใครอ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 12-10-2008, 13:34
ไม่งั้นเขาจะชื่อคอลัมน์ "ว่ายทวนน้ำ" เหรอครับ...

ปล.คมชัดลึก มีไหมครับ...

คมชัดลึก ปกติก็อ่านอยู่ตลอด

พวกหัวเหลี่ยมไม่มีหรอก
ถึงไม่ด่า แต่ก็ไม่ได้ชม