ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

(http://www.thairath.co.th/2549/newsthairathonline/Jul/library/04/break00.05_1.jpg)

นายดนุพร ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงวานนี้ (4 ก.ค.) ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 128/2549 เรื่องการมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทน โดยแบ่งงานที่นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบ ให้นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบแทน ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)  และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) พร้อมมอบหมายให้ นายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)
 
ก่อนหน้านี้ วันเดียวกัน นายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแต่งตั้งนายรองพล เจริญพันธุ์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเลขาธิการ ครม. คนใหม่ ว่า นายรองพลเคยเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกามาก่อน เป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจกฎหมาย และการทำงานของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมาตลอด มีคุณสมบัติเหมาะสม และนายรองพล ยินดีรับตำแหน่งดังกล่าว ไม่มีปัญหาในแง่คุณสมบัติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การแต่งตั้งข้าราชการช่วงรัฐบาลรักษาการเหมาะสมหรือไม่ นายเนวิน กล่าวย้อนถามว่า ตรงไหนไม่เหมาะสม งานขณะนี้ให้มีตำแหน่งว่างไม่ได้ จำเป็นต้องมีคนรับผิดชอบ และนายรองพลเป็นมืออาชีพ เป็นข้าราชการประจำ  ไม่มีใครต้องมาถามว่า นายรองพลเป็นข้าราชการที่ไม่มีความเหมาะสม ที่จะเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ ครม. ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ต้องทำหน้าที่เรียบเรียงหัวข้อ และดูแลการประชุม ครม.  เป็นเรื่องที่มีความจำเป็น

ต่อข้อถามว่า นายรองพลเคยดูแลปัญหาสัมปทานบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จะทำให้ขาดความต่อเนื่องหรือไม่ นายเนวิน กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร เพราะ พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ ว่าที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี คนใหม่ มีความรู้ความสามารถ และมีความเหมาะสม เรื่องนี้คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนกรณีของ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ก็ว่าไปตามเนื้อผ้า

 

"พล.ต.ต.พีรพันธุ์ ทำงานมา ตั้งแต่ผมเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สมัยรัฐบาล "ชวน 2" เคยร่วมงานกันมา และได้รับการแต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)  ทำงานได้ดีมาตลอด ก่อนโอนมาเป็นที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรี คุณสมบัติถูกต้องทุกอย่าง" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่า คุ้มหรือไม่กับความเสี่ยงแต่งตั้งในครั้งนี้ เพราะการเป็นรัฐบาลรักษาการ และเป็นช่วงสุดท้ายก่อนมีการเลือกตั้ง ส.ส. นายเนวิน กล่าวว่า ไม่มีความเสี่ยง เพราะทั้งหมดต้องผ่านกระบวนการความเห็นชอบของ ครม. และขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามกระบวนการ

"บ้านเมืองต้องมีคนทำงาน และรับผิดชอบ ทั้ง 2 คน เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มีคุณสมบัติเหมาะสม สามารถทำงานได้"นายเนวินกล่าว

ไทยรัฐ

แต่งตั้งคนเพื่อจัดการกรณี ITV

... จัดให้ เทมาเซก โดยเฉพาะ ?

คนจงรักภักดีเหลือไม่มากครับ เลือกมากเรื่องมากไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

คุณนทร์พูดถึงเรื่องนี่ขึ้นมา ทำให้ดอกฟ้าฯ

นึกถึงงิ้วธรรมศาสตร์ที่เคยแสดงให้ดู ตะหงิดๆเลยค่ะ :mozilla_undecided:

เห็นแว๊ปๆ วันนี้ astv เอางิ้วออกมาอธิบาย

ผมคิดถึงเพลงไอ้หน้าเหลี่ยม ด้วยครับ

พนักงานเทกระโถนประจำสำนัก กับพนักงานเช็ดล้าง

ทำความสะอาดเริ่มขาดแคลนแล้วค่ะ :mozilla_wink:

เวรกรรมของประเทศชาติ  ได้หมอเขมรมาบริหารงาน

กกต.ชี้มติครม.ตั้ง“รองพล-พีรพันธ์”ขัดรธน.-มีสิทธ์ถูกฟ้องได้
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 4 กรกฎาคม 2549 23:55 น.
 
 
   
พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) 
 
 
              เลขาฯกกต. ยันมติ ครม.ไม่ได้ขอความเห็นชอบจากกกต.ก่อนแต่งตั้ง “รองพล- พีรพันธุ์” ระบุ เข้าข่ายขัดรธน. มาตรา215 วรรค 2 มีสิทธิถูกฟ้องได้ ชี้ต้องทำหนังสือให้กก.กกต.พิจารณาก่อน ขณะเดียวกันเตรียมแจ้งความคดีอาญาเอาผิด 3 หัวหน้าพรรคเล็กแล้ว
       
       วันนี้(4ก.ค.)พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงกรณีที่ครม.ได้มีมติแต่งตั้งนายรองพล เจริญพันธ์ จากปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีไปเป็นเลขาธิการครม.แทนนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ และพล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ จากที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีไปเป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 215 วรรค 2 หากคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ แต่ในกรณีที่พ้นจากตำแหน่งตาม( 2 ) จะใช้อำนาจแต่งตั้งหรือย้ายข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ หรือพนักงานของหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งมิได้ เว้นแต่จะได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งกรณีดังกล่าวนั้นตนยังไม่เห็นหนังสือที่ครม.เสนอขอแต่งตั้งส่งมายังกกต.เลย แม้อาจเป็นไป.ได้ว่าส่งไปยังประธานกกต.โดยตรง และเมื่อตรวจสอบกับฝ่ายการประชุมของคณะกรรมการกกต. ก็ยังไม่มีเช่นกัน
       
       พล.ต.ต.เอกชัย กล่าวอีกว่า โดยขั้นตอนของการโยกย้ายในขณะที่ยังเป็นรัฐบาลรักษาการนั้น การจะปรับเปลี่ยนข้าราชการตั้งแต่ระดับ 9 ขึ้นไป จะต้องแจ้งมายังกกต.เพื่อขอความเห็นชอบ ถ้าไม่แจ้งมาก็จะไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และไม่ถูกต้อง ซึ่งโดยปกติทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่มีการโยกย้ายทุกครั้ง ก็จะมีการเสนอมา โดยกกต.ไม่เคยท้วงติงอะไรเพราะเห็นว่าเป็นการโยกย้ายภายในกระทรวงเดียวกัน หรือบางครั้งเมื่อครม.มีมติ แต่ระหว่างรอคำสั่งแต่งตั้งก็จะมีการเสนอขอความเห็นชอบมา แต่กรณีนี้ถือว่ามีความสำคัญ ซึ่งยังไม่มีการเสนอมาเลย
       
       “ เรื่องนี้จะต้องมีการทำหนังสือขอมายังกกต.ก่อน ซึ่งต้องพิจารณาในรูปของคณะกรรมการด้วยไม่ใช่ให้เฉพาะประธานกกต.เท่านั้น และเรื่องดังกล่าวรัฐธรรมนูญก็กำหนดไว้ ถ้าไม่ขอมาก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง อาจเป็นช่องนำไปสู่การฟ้องร้องตามมาภายหลังได้” พล.ต.ต.เอกชัย กล่าว
       
       ด้านนายปริญญา นาคฉัตรีย์ กกต. กล่าวว่า จนถึงบัดนี้ยังไม่เห็นหนังสือของสำนักนายกฯหรือของครม. เรื่องสอบถามการแต่งตั้งโยกย้ายในตำแหน่งดังกล่าว ไม่แน่ใจว่าไปค้างอยู่ที่ประธานหรือไม่เพราะ 1-2 วันที่ผ่านมายังไม่เห็นเรื่องนี้ และตนก็ไม่ค่อยได้อยู่ที่กกต.ด้วย
       
       นอกจากนี้ เลขาธิการกกต. ได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีอาญากับหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย พรรคแผ่นดินไทย และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หลังจากที่กกต.ได้มีมติไปแล้ว ว่า ได้มอบให้สำนักกฎหมายไปดำเนินการ ซึ่งฝ่ายกฎหมายก็ได้แจ้งความดำเนินคดีกับหัวหน้าพรรคและผู้บริหารพรรคดังกล่าวกับกองปราบปรามแล้วแต่จำไม่ได้ว่าได้แจ้งความไปเมื่อวันที่เท่าใด อย่างไรก็ดีความคืบหน้าของคดีนี้ตนจะติดตามกับฝ่ายกฎหมายในวันที่ 5 ก.ค.นี้
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหัวหน้าพรรคและผู้บริหารพรรคดังกล่าวที่กกต.มีมติให้ดำเนินคดีอาญาได้แก่ 1.นายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย 2.นายสุขสันต์ ชัยเทศ ผอ.พรรค ดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 ,264,267,268 ประกอบมาตรา 83 และพ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.และส.ว.มาตรา 100 ประกอบมาตรา 83 และ 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
       
       3.นายบุญอิทธิพล ชินราช หัวหน้าพรรคแผ่นดินไทย ในฐานะออกหนังสืออันเป็นเท็จรับรองผู้สมัครไปสมัครรับเลือกตั้ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137,267ประกอบมาตรา 86 และพ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.มาตรา100 ประกอบมาตรา 86 4.นายพันธมิตร ดวงทิพย์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งของพรรค ที่จัดหาผู้สมัครลงรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย ในมาตราเดียวกับนายบุญอิทธิพล
       
       5.นางสาวอิสรา ยวงประสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ในฐานะผู้สนับสนุนผู้สมัครของพรรคทั้งที่รู้ว่าผู้สมัครไม่มีสิทธิตามตามพ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส. ส.ว.มาตรา 100 และในฐานะตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุนตามมาตรา 137 และ 267 ประกอบมาตรา 83 หรือมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
 
------------------------------------------------------------------------------------------------------

คิดซิ ว่าใครจะเป็นคนฟ้องในกรณีนี้