ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: morning star ที่ 04-07-2006, 06:08



หัวข้อ: ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ..คือพลเอกเปรมในความหมายของ พตท ดร ทักษิณ
เริ่มหัวข้อโดย: morning star ที่ 04-07-2006, 06:08
แหม..ก็คนเข้าใจไปกันหมดแล้วนี่ครับ..แล้วไม่มีการออกมาปฏิเสธจากทางฝ่ายนายกฯรักษาการซะด้วย....
เหมือนไม่สนจะแก้ข่าวให้ ป๋า....ก็เพราะหมายความถึงป๋า..จึงไม่ต้องออกมาปฏิเสธใด ๆ .. ยอมรับเถอะว่า ป๋า
ได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ..เมื่อลิ่วล้อและพลเหลี่ยมไม่สนใจจะออกมารักษาหน้าให้ป๋า

ก็บอกได้เลยว่า..จะหมายความว่าผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญหมายถึงป๋า


หัวข้อ: Re: ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ..คือพลเอกเปรมในความหมายของ พตท ดร ทักษิณ
เริ่มหัวข้อโดย: morning star ที่ 04-07-2006, 06:19
สอดคล้องกับการที่ ตะหมูกชมพู่เคยออกมาพูดพาดพิงป๋า..เหมือนจะส่งสัญญานบางอย่างมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว...

...

แต่อยากจะเตือนเหลี่ยมไว้ว่า...ป๋า..เป็นประธานองคมนตรี..และป๋าแสดงให้เห็นแล้วว่าจงรักภักดี..และทำงานเป็นข้าในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...

การเป็นคู่ต่อสู้ของประธานองคมนตรี..ไม่ต่างอะไรกับการเป็นคู่ต่อสู้ของที่ปรึกษาพระเจ้าอยู่หัว....

เตือนเหลี่ยมไว้ว่า..จะสู้กับใครต้องดูให้ดี..แม้ตัวเองจะมีกำลังประชาชนหนุนอยู่...แต่เมื่อเทียบกับเบื้องสูงแล้ว...ท่านยังเป็นแค่ละอองธุลี


หัวข้อ: Re: ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ..คือพลเอกเปรมในความหมายของ พตท ดร ทักษิณ
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 04-07-2006, 09:57
หลายคนคิดว่าไม่ใช่ป๋าครับ


หัวข้อ: Re: ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ..คือพลเอกเปรมในความหมายของ พตท ดร ทักษิณ
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 04-07-2006, 11:00
หลายคนคิดว่าไม่ใช่ป๋าครับ

จริงค่ะ เมื่อวานที่ราชนิกูลผู้นั้นออกมาโต้ ก็เพราะมีชาวบ้านร้านตลาดพูดกันว่า ทักษิณกำลังท้าทายใครที่ไม่บังควร


หัวข้อ: Re: ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ..คือพลเอกเปรมในความหมายของ พตท ดร ทักษิณ
เริ่มหัวข้อโดย: ผู้ทำลาย ที่ 04-07-2006, 11:53
แรกสุดที่ได้ยินเรื่องนี้

ไม่มีคำว่า ป๋า อยู่ในสมองเลยครับ

แต่...  ผมคิดว่าเป็นท่านอื่น - -"




หัวข้อ: Re: ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ..คือพลเอกเปรมในความหมายของ พตท ดร ทักษิณ
เริ่มหัวข้อโดย: tu249cm ที่ 04-07-2006, 12:14
แบบนี้มันยิ่งตอกย้ำเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ว่ามีเค้าความจริงอยู่นะ ว่ามั๊ย?


หัวข้อ: Re: ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ..คือพลเอกเปรมในความหมายของ พตท ดร ทักษิณ
เริ่มหัวข้อโดย: จูล่ง_j ที่ 04-07-2006, 12:30
แรกสุดที่ได้ยินเรื่องนี้

ไม่มีคำว่า ป๋า อยู่ในสมองเลยครับ

แต่...  ผมคิดว่าเป็นท่านอื่น - -"

ถ้าไม่ใช่ป๋า ก็ต้องใหญ่กว่าป๋าแล้วครับ บรื๋อ  :shock:


หัวข้อ: Re: ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ..คือพลเอกเปรมในความหมายของ พตท ดร ทักษิณ
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 04-07-2006, 12:54
ลองอ่านอันนี้ดูครับ


โจโฉทดสอบกำลังพระเจ้า***นเต้!!
 
โดย คำนูณ สิทธิสมาน 3 กรกฎาคม 2549 18:45 น.
 
 
 
       ปฏิบัติการตีหัวเข้าบ้านของนายกรัฐมนตรีคนที่กำลังสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นในชาติไทยเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2549 ต่อหน้าที่ประชุมข้าราชการ เป็นผลให้พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป นายทหารคนสนิทพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ออกมาพูดประโยคสำคัญว่า...
       
        “เหมือนกับว่ามีความพยายามกำลังทดสอบพลัง - ท้าทายอำนาจบางอย่าง”
       
        แม่นแล้วครับ
       
        ถ้าสังคมเงียบเฉยปล่อยให้ผ่านเลยไปง่าย ๆ ก็จะมีดอก 2 ดอก 3 ดอก 4 ตามมา ถ้าสังคมไม่พอใจก็นิ่งเสีย ทำเก๋ไก๋เฉไฉไปไหนมาสามวาสองศอกเสีย ปล่อยให้ทหารเลวบรรดากเฬวรากในพรรคออกมาแปลความชัดๆ ในทางเปิด ขณะที่ในทางจัดตั้งที่ไม่เปิดเผยก็ให้การศึกษาไปทั่วอย่างไม่ยำเกรงใคร องค์กรจัดตั้งรับจ้างยังคงทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง และหน่วยติดอาวุธนอกสารบบทหารตำรวจเริ่มเตรียมพร้อม
       
        ถ้าสังคมและกลุ่มพลังต่าง ๆ ยังคงปล่อยปละละเลยหยวนๆ ไปวันๆ อีกไม่นานหรอก
       
        คนไทยจะเสียของรัก!
       
        งานนี้ไม่ใช่ปากพาจน กลอนพาไป หากแต่เป็นการพูดที่มีการเตรียมการอย่างเป็นระบบ มีทั้งการพูดนำร่อง และให้รัฐมนตรีภาพลักษณ์ดีออกมาแสดงความเป็นห่วงบ้านเมืองล่วงหน้าในแนวใกล้เคียงกัน
       
        เห็นประโยค “ทดสอบพลัง” ของท่าน ทส.ป๋าแล้ว ก็ให้นึกถึงเหตุการณ์ในบทที่ 101 ใน “สามก๊ก - ฉบับคนขายชาติ” ของ “เรืองวิทยาคม” ตอน...
       
        “โจโฉทดสอบกำลังพระเจ้า***นเต้”
       
        เรื่องตอนนี้เกิดขึ้นเมื่อโจโฉประหารชีวิตเอียวงัน เทียหยกผู้เป็นที่ปรึกษาเห็นสภาพที่เหล่าขุนนางข้าราชการเกรงกลัวโจโฉ จึงเข้าไปเสนอให้นายของตนรีบชิงเอาราชสมบัติ
       
        โจโฉนิ่งคิดสักครู่จึงว่า...
       
        “บัดนี้ขุนนางซึ่งพระเจ้า***นแต้ไว้พระทัยก็มีมากอยู่ เห็นเราจะทำการไม่สำเร็จ เราคิดอ่านจะเชิญเสด็จพระเจ้า***นแต่ไปประพาสป่าดูท่วงทีก่อน”
       
        การทดสอบกำลังทางการเมืองว่าขุมกำลังหรือผู้ที่ยืนอยู่ข้างราชสำนักมีมากน้อยเพียงใดโดยวิธีเชิญเสด็จประพาสป่านี้เป็นวิธีการที่ขุนนางกังฉินในอดีตเคยใช้มาก่อน
       
        คือในยุคหลังจากที่จิ๋นซีฮ่องเต้เสด็จสวรรคต แล้วรัชทายาทได้ครองราชสมบัติสืบมา สมัยนั้นขันทีซึ่งเป็นราชครูได้กุมอำนาจบริหารราชการแผ่นดินแล้วคิดแย่งราชสมบัติ วันหนึ่งในขณะที่ฮ่องเต้เสด็จลงพระราชอุทยานในมหาสมาคม ขันทีราชครูเห็นกวางในพระราชอุทยานนั้น จึงแสร้งถามฮ่องเต้ว่าม้าตัวนี้เป็นอย่างไรบ้าง ฮ่องเต้ไม่ทันกลก็ตรัสว่าท่านราชครูตาฝาด เพราะนั่นเป็นกวาง ราชครูก็ยืนยันว่าเป็นม้า
       
        ในขณะที่ฮ่องเต้กำลังงงอยู่ ราชครูจึงถามเหล่าขุนนางว่าที่เห็นเป็นม้าหรือกวาง
       
        บรรดาขุนนางในขณะนั้นล้วนอยู่ในอำนาจราชครูและทันเกม จึงพากันตอบพร้อมกันว่าที่เห็นนั้นคือม้า
       
        เมื่อราชครูทราบผลการทดสอบกำลังดังนี้แล้ว จึงสังหารฮ่องเต้ชิงเอาราชสมบัติ แต่ต่อมาก็ไม่สามารถรักษาอำนาจไว้ได้ เพราะขาดการยอมรับจากหัวเมืองต่างๆ ในที่สุดเกิดการจลาจลและแย่งชิงอำนาจกันจนเล่าปังได้สถาปนาราชวงศ์ฮั่นขึ้น
       
        ส่วนเรื่องราวใน “สามก๊ก” ขอยกเอาคำบรรยายของ “เรืองวิทยาคม” มาแสดง
       
        พระเจ้า***นเต้ทรงปฏิเสธ เพราะทรงเห็นว่าจะเป็นการลำบากต่อไพร่พล เนื่องจากกองทัพเพิ่งกลับจากการสงคราม
       
        โจโฉได้ทูลทักท้วงว่า ตามราชประเพณีจะมีการประพาสป่าล่าสัตว์ทุกฤดูถึงปีละ 4 ครั้ง บัดนี้แม้ว่ากองทัพเพิ่งกลับจากการสงคราม แต่หากเสด็จจะเป็นการแสดงออกถึงพระบรมเดชานุภาพ ทำให้หัวเมืองที่คิดร้ายไม่กล้าสู้พระบารมี เมื่อเป็นเช่นนี้พระเจ้า***นเต้ก็ไม่มีทางเลือก จึงรับสั่งให้ดำเนินการตามที่กราบทูล
       
        โจโฉรับสั่งแล้วออกจากที่เฝ้าฯ สั่งให้จัดแจงขบวนประพาสป่าล่าสัตว์เป็นขบวนใหญ่ มีกำลังพลถึงสิบหมื่น และให้เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ตลอดจนขุนนาง ข้าราชการทั้งปวงเข้าร่วมในขบวนเสด็จ ยกออกจากพระนครไปยังทุ่งล่าสัตว์
       
        พระเจ้า***นเต้ทรงม้าพระที่นั่ง
       
        ในขณะที่ขบวนเสด็จกำลังเคลื่อนอยู่นั้น โจโฉได้ชักม้าขึ้นมาขี่เคียงคู่กับม้าพระที่นั่ง แสดงกิริยาอาการตีตนเสมอพระเจ้า***นเต้
       
        บรรดาขุนนาง ข้าราชการที่อยู่ใกล้กับม้าพระที่นั่งต่างพากันตกตะลึง แต่ไม่มีผู้ใดว่ากล่าวประการใด
       
        ครั้นขบวนเสด็จมาถึงทุ่งล่าสัตว์ซึ่งเตรียมการไว้แล้ว โจโฉจึงสั่งให้หยุดขบวนที่พลับพลาชั่วคราว และนำเสด็จพร้อมด้วยเหล่าขุนนาง ข้าราชการไปยังบริเวณที่เตรียมไว้สำหรับยิงสัตว์
       
        เจ้าหน้าที่ได้ต้อนสัตว์หลายชนิดให้วิ่งผ่านมายังด้านหน้าที่ประทับ พระเจ้า***นเต้ทอดพระเนตรเห็นกระต่ายกำลังวิ่งผ่านมา จึงมีรับสั่งให้เล่าปี่ในฐานะพระเจ้าอาแสดงฝีมือก่อน เล่าปี่รับสั่งแล้วจึงเอาธนูขึ้นพาดสาย แล้วยิงไปถูกกระต่ายอย่างแม่นยำ
       
        ในขณะนั้นมีกวางวิ่งผ่านมา พระเจ้า***นเต้จึงรับพระแสงธนูลายเหยี่ยว และลูกธนูสำหรับทรงลายมังกร จากเจ้าพนักงาน แล้วทรงยิงกวางนั้น แต่ธนูไม่ถูกเป้า จึงทรงพยายามอีกเป็น 3 ครั้ง แต่ลูกธนูทรงก็ยังคงพลาดเป้าทุกครั้ง
       
        เมื่อไม่ประสบความสำเร็จจึงรับสั่งให้โจโฉลองยิงบ้าง
       
        โจโฉรับสั่งแล้วแทนที่จะเอาธนูสำหรับตัวออกมา กลับกราบทูลจ้วงจาบขอยืมพระแสงธนูและลูกธนูสำหรับทรงจากพระเจ้า***นเต้
       
        แต่ไม่ทรงเฉลียวพระทัย จึงพระราชทานแก่โจโฉ
        โจโฉรับพระแสงธนูแล้วเล็งยิง ลูกธนูนั้นก็แล่นไปด้วยกำลังต้องกวางนั้นล้มลง
       
        บรรดาขุนนาง ข้าราชการส่วนใหญ่ซึ่งไม่เห็นเหตุการณ์ยืมพระแสงธนู แต่เห็นลูกธนูลายมังกรสำหรับทรง ต้องกวางล้มลง ก็พากันเข้าใจว่าเป็นฝีพระหัตถ์ของฮ่องเต้ จึงพร้อมกันถวายพระพรด้วยความยินดีว่าทรงพระเจริญดังสนั่นไปทั้งท้องทุ่ง
       
        โจโฉเห็นเป็นโอกาสจึงชักม้าออกไปหน้าพระที่นั่ง ทำทีรับการถวายพระพรจากบรรดาขุนนางข้าราชการ แล้วกราบทูลด้วยเสียงอันดังเพื่อให้ได้ยินทั่วไปว่า การที่ข้าพระองค์ยิงกวางได้แม่นยำดังนี้ เป็นเพราะบารมีของพระแสงธนูที่ทรงพระราชทาน
       
        ขุนนาง ข้าราชการทั้งปวงได้ยินเช่นนั้นต่างพากันตกตะลึงที่เห็นว่าโจโฉกระทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หักหน้าพระเจ้า***นเต้ต่อหน้าธารกำนัล
       
        พระเจ้า***นเต้ทรงเห็นเช่นนั้นก็เกิดละอายพระทัย
       
        กวนอูเห็นโจโฉหักหน้าหมิ่นพระเจ้า***นเต้ก็โกรธ ชักม้าเงื้อง้าวตรงมาที่โจโฉ แต่พอชำเลืองเห็นเล่าปี่ส่ายหน้าเป็นทีห้ามปราม กวนอูจึงชักม้ากลับไปที่เดิม ในขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงอยู่นั้น เล่าปี่ได้กล่าวชมเชยกับโจโฉว่ามีฝีมือธนูล้ำเลิศนัก ล้ำเลิศนัก โจโฉฟังคำชมและเห็นท่าทีของเหล่าขุนนางข้าราชการเช่นนั้นจึงกล่าวถ่อมตัวว่า อันฝีมือธนูของข้าพเจ้านี้พอประมาณ แต่เป็นเพราะพระบารมีต่างหากจึงยิงไปถูกกวางได้
       
        พระเจ้า***นเต้ทอดพระเนตรเห็นท่าทีเหล่าขุนนาง ข้าราชการ ว่าส่วนใหญ่ยังคงจงรักภักดี ก็แสร้งทำทีเป็นไม่รู้เท่าทัน และทรงล่าสัตว์อยู่จนถึงเวลาเย็นจึงเสด็จกลับพระนคร
       
        เรื่องราวเป็นอย่างไรต่อไปต้องไปหาอ่านกันเอง
       
        แต่ที่แน่ๆ มีอยู่ประการหนึ่ง
       
        จวบจนชีวิตหาไม่-โจโฉก็ไม่บรรลุผลในปฏิบัติการพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน!



อ่านแล้วรู้สึกตะหงิดๆจริงๆ


หัวข้อ: Re: ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ..คือพลเอกเปรมในความหมายของ พตท ดร ทักษิณ
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 04-07-2006, 12:56
ลืมให้ที่มาครับ เอามาจากที่ http://www.manager.co.th/lite/ViewNews.aspx?NewsID=9490000085699


หัวข้อ: Re: ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ..คือพลเอกเปรมในความหมายของ พตท ดร ทักษิณ
เริ่มหัวข้อโดย: ฮุยเล ที่ 04-07-2006, 17:26
ผมว่าที่ทักษิณมันหมายถึง "บุคคลซึ่งดูเหมือนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" ก็คงจะเป็นป๋าครับ

แต่อยากให้สังเกตประโยคที่ว่า "บางองค์กรหัวหน้าองค์กรถึงขนาดยอมทำให้ระบบขององค์กรของตัวเองเสีย เพื่อที่จะทำตามนโยบาย ผู้ที่ร้องขอบางราย"

ในตอนนี้จะมีองค์กรที่ขัดแย้งกับทักษิณก็มีแค่ศาลเท่านั้นครับ แล้วศาลทำตามคำสั่งของใครล่ะครับในวันที่ 26 น่ะ

ผมว่าทักษิณมันกำลังลองเชิงอยู่ครับ ว่าจะมี Feedback ยังไงบ้าง แต่กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่หรือคงจะมีแหล่งข่าวบอกว่า กำลังของมันคงไม่แข็งพอหรือแปรพักต์ไปหลายส่วน มันเลยไม่ยอมเอ่ยปากเรื่องนี้ต่ออีก แล้วก็รีบลากหุ้นขึ้นเพื่อเทขายทิ้งแล้วครับ

ผมไม่รู้ว่าตอนจบจะเป็นยังไง ระหว่างทักษิณมันแพ้ หรือเราแพ้ แต่ผมเริ่มเห็นแนวโน้มอย่างแรกมากขึ้นทีละนิดแล้วล่ะครับ

ป.ล. มันอาจจะไม่จบหรือเป็นไปอย่างสามก๊กก็ได้ครับ