ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-10-2008, 21:59



หัวข้อ: สรุปสัมนาการเมืองใหม่ในทำเนียบวันนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-10-2008, 21:59
การเมืองใหม่เสนอให้มีส.ส.ไม่เกิน 400 เท่าเทียม"ช.ญ."

ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังจากการประชุมสัมมนาเรื่องการเมืองใหม่ ครั้งที่ 3 มีผู้เข้าร่วมจากหลายส่วน เช่นนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรท์ นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด องค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือ นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงว่า การประชุมและสัมมนาการเมืองใหม่ในครั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือซึ่งแนวทางข้อสรุปในเบื้องต้นหลายประเด็น ประเด็นแรก ที่ประชุมมีความเห็นพ้องร่วมกันว่า การเมืองใหม่ ควรให้มีสองสภา คือ

สภาผู้แทนราษฎร โดยมีจำนวนสมาชิกไม่เกิน 400 คน ซึ่งครึ่งหนึ่งจะมาจากการเลือกตั้งในระบบแบ่งเขตพื้นที่ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งมาจากกลุ่มสาขาอาชีพ ซึ่งการสรรหาจะต้องให้ความเท่าเทียมระหว่างชาย-หญิง 

สำหรับสมาชิกวุฒิสภานั้น ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า ควรให้คงไว้ในรูปแบบเดิม คือ จำนวน 150 คน มาจากการเลือกตั้ง 76 คน และการสรรหาจำนวน 74 คน

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีความเห็นว่าการเมืองใหม่จำเป็นจะต้องมีการจัดตั้งสภาประชาชน ขึ้นมาทำหน้าที่ให้ความรู้ และพัฒนาความเข้าใจในเรื่องการเมือง รวมถึงการปลูกจิตสำนึกในเรื่องหลักการประชาธิปไตยให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา การเมืองในระบบเก่าประชาชนส่วนใหญ่ของประชาชนยังขาดความรู้ และความเข้าใจในหลักการเรื่องของการเมืองอย่างมาก   

มติชน


หัวข้อ: Re: สรุปสัมนาการเมืองใหม่ในทำเนียบวันนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 02-10-2008, 00:55
สรุปว่าที่เิพิ่มเข้ามาคือ ส.ส.จากกลุ่มสาขาอาชีพ 200 คน
(ประมาณว่าแบ่งเป็นผู้ชาย 100 คน และผู้หญิง 100 คน)

แต่จุดสำคัญคือ คือ ส.ส.สาขาอาชีพ จะสรรหามาอย่างไร
มีกลุ่มสาขาอาชีพอะไรบ้าง ถ่วงน้ำหนักแต่ละอาชีพอย่างไร
เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่มีการผูกขาดอำนาจในแต่ละกลุ่ม
เมื่ออยู่ไปนานๆ จะเป็นมาเฟียระบบโควต้าหรือไม่?

เรื่องพวกนี้ควรคิดต่อให้เสร็จนานแล้ว แต่กลับไม่มีออกมา
ทำให้สังคมไม่มีข้อมูลที่จะตัดสินใจสนับสนุนหรือคัดค้าน

...

ส.ส.เขต ต้องวิ่งหาเสียงพบประชาชนเป็นหมื่นเป็นแสนคน
กว่าจะฝ่าฟันเข้าสภามาได้  ส.ส.ทุกคน มีเขตพื้นที่ชัดเจน
มีกลุ่มประชาชนที่จะต้องรับผิดชอบดูแลชัดเจน

ขณะที่ ส.ส.จากกลุ่มอาชีพ ไม่มีเขตพื้นที่หรือประชาชน
ต้องรับผิดชอบดูแลชัดเจน แต่ได้ศักดิ์และสิทธิเหมือนกับ
ส.ส.เขต ทุกอย่างผมว่าก็แปลกๆ แล้ว

...

ระบบการเมืองใหม่ของพันธมิตร มีพื้นฐานมาจากมโนคติว่า
พรรคการเมืองไม่ดีการเมืองเป็นเรื่องสกปรก ในขณะที่การ
สรรหาก็ไม่มีอะไรรับรองได้ว่าไม่มีการวิ่งเต้น

ผมมองว่าในการเมืองใหม่ของพันธมิตร กลุ่มอาชีพมีสถานะ
คล้ายๆ กับพรรคการเมืองเพียงแต่ได้โควต้าผูกขาดไม่ต้อง
ส่ง ส.ส.ลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไป

ปัญหาคือเราฟ้องยุบพรรคการเมืองได้ กำหนดให้กรรมการ-
บริหารพรรคต้องเว้นวรรคการเมืองได้ แต่ในกรณีกลุ่มอาชีพ
เราคงฟ้องยุบกลุ่มอาชีพไม่ได้ถ้าเกิดกรณีมาเฟียผูกขาด

แนวทางแก้ปัญหาในความคิดของผม ถ้าเห็นพรรคการเมือง
มีปัญหาก็ควรปฏิรูปพรรคการเมือง  โดยเพิ่มการกำกับดูแล
กำหนดให้ พรรคการเมือง ต้องทำหน้าที่ตามที่ควร เช่น

- เป็นช่องทางที่ประชาชนจะมีส่วนร่วมในการบริหารประเทศ
- เป็นแหล่งสั่งสมความรู้ ในการแก้ไขปัญหาของประเทศ
- เป็นแหล่งสรรหาผู้มีความรู้ความสามารถที่พร้อมทำงานการเมือง

ตัวอย่างที่ผมเสนอ เช่น ให้กำหนดเกณฑ์มาตรฐานคุณสมบัติ
ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นรายกระทรวง  และเสนอต่อเนื่อง
ให้พรรคการเมืองทุกพรรค ต้องจัดตั้ง ครม.เงา ของตัวเองขึ้น
จากการสรรหาผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมตามเกณฑ์  ซึ่งต่อไปจะ
ได้รับการเสนอจากพรรคให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามโควต้า
ที่ประชาชนลงคะแนนเลือกพรรค

...

เนื้อหาที่แถลงครั้งนี้ยังมีรายละเอียดไม่เพียงพอให้ตัดสินใจ
และยังไม่ได้นำเสนอไปถึงที่มาของฝ่ายบริหาร

แนวโน้มดูเหมือนว่าต้องการแยก อำนาจบริหาร ออกจาก
อำนาจนิติบัญญัติโดยเด็ดขาด ให้เลือกตั้งรัฐบาลโดยตรง
ทั้งคณะโดยไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎร

ข้อเสนอนี้ผมคิดว่าไม่ได้แก้ปัญหาความแตกแยกในสังคม
รัฐบาลที่ได้มาใหม่ก็ยังคงเสี่ยง จะไม่ได้รับการยอมรับ
จากประชาชนประมาณครึ่งประเทศ

ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นรัฐบาลก็ยังคงมาจากพรรคการเมือง
ไม่มีอะไรรับรองได้เลยว่าทุกฝ่ายจะยอมรับพรรคการเมือง
เพียงพรรคเดียวที่ได้คะแนนมากที่สุด (และจะน่าเป็นห่วง
ถ้าชนะกันแค่ไม่กี่พันคะแนน เพราะประชาชนอีกครึ่งหนึ่ง
อาจรู้สึกมีสิทธิเป็นศูนย์ เพราะไม่มีอำนาจในฝ่ายบริหาร)

นายกรัฐมนตรี ที่ได้มาใหม่จากระบบเลือกรัฐบาลโดยตรง
ก็ยังคงไปบางแห่งในประเทศไม่ได้ และประชาชนยังคง
แตกแยกทางการเมืองกันต่อไป


หัวข้อ: Re: สรุปสัมนาการเมืองใหม่ในทำเนียบวันนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-10-2008, 01:07
โครงใหญ่ๆ คล้ายๆ กับที่ผมคิดเล่น ๆ

วันอาทิตย์ ที่ 14 กันยายน 2551
การเมืองใหม่สไตล์ไทเมือง 1 คน 2 เสียง ( 3 เสียง ก็ได้ )
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 338 , 11:16:20 น.   


ในระหว่างพวกผีดิบ 111 ศพ กำลังเฟ้นหานายกซากซพ อย่างกระ***นกระหือรือ ปล่อยมันไป เพราะยังไงก็ไม่เกิน 3 เดือนก็จะเดี้ยง

เพราะปัญหากรณียุบพรรค กำลังจะตามมา ศาลรัฐธรรมนูญ คงสวดส่งซากศพทางการเมืองพวกนั้นให้ไปสู่สุคติได้ไม่ยาก

ระหว่างนี้ขอเสนอโครงสร้างที่มาของ สส. ซึ่งจะไปใช้สิทธิ์แทนประชาชนในรัฐสภา อีก 1 แนวทางเป็นตุ๊กตาให้ระดมสมอง

ต้องออกตัวว่าไม่ได้อาศัยทฤษฎการเมืองใดๆ ใช้สามัญสำนึกแบบการเมืองไทยนี่แหละเป็นตัวตั้ง

ที่มาของแนวคิดจับเอา 2 สถานะของประชาชน เป็นตัวตั้ง คือระบบตัวแทนท้องถิ่นกับตัวแทนระดับชาติ ผสมผสานระหว่างสิทธิ์เลือกตั้งแบบเก่ากับ การเลือกตัวแทนกลุ่มอาชีพของประชาชน

จึงกำหนดใหประชาชน ใช้ระบบ 1 คน 2 เสียง

1 ระบบตัวแทนเขต ( ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ใช้บัตรสีแดง เป็นเครื่องสังเกต สังกัดพรรค )

2 ระบบตัวแทนอาชีพ ใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง ( มาจากสัดส่วนกลุ่มอาชีพใช้บัตรสีเหลือง เป็นเครื่องสังเกต ไม่สังกัดพรรค )

พูดง่ายๆ คือ ยกเลิก ระบบ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพราะระบบพรรคการเมืองล้มเหลว อย่าดันทุรัง

พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค ใช้ไม่ได้กับสังคมไทย เนื่องเพราะระบบพรรคการเมืองไทยทำลายตัวเองด้วยการนำเสนอนายทุนพรรค เข้ามาเสวยสุข ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ ที่ให้พรรคการเมืองคัดเลือกคนดีมีคุณภาพมาทำงานให้พรรค

ดังนั้นควรยกเลิกการเลือก สส. ปาร์ตีลิสต์ มาเป็น สส.กลุ่มอาชีพ ซึ่งไม่สังกัดพรรคแทน

สัดส่วน สส.เขต กับ สส.กลุ่มอาชีพ ใช้ 50/50 ไปเลย

ไม่ใช่แต่งตั้ง 70/30

ประชาชนทุกคน ต้องไปลงทะเบียนอาชีพ เพื่อเลือก สส. กลุ่มอาชีพของตน ได้เพียง 1 อาชีพ คืออาชีพหลัก

ในสัดส่วนของ สส. กลุ่มอาชีพ ไปจัดสรร จำนวนตำแหน่งกันตามความเหมาะสม

หรือจะเพิ่ม สส. กลุ่มผู้อาวุโส อีกจำนวนหนึ่ง ไม่ต้องสังกัดพรรคก็ได้..

แบ่งที่นั่งให้ผู้อาวุโส ผู้มีคุณธรรมเป็นที่ประจักษ์ เชิญท่านมาให้ประชาชนลงคะแนนรับรอง....จะได้ซัก 10-20 คน ก็แล้วแต่ ผมตั้งเป็นตุ๊กตาไว้ เผื่อใครจะนำไปผสมผสานให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น.

ถ้าเพิ่มสภาผู้อาวุโส ให้มีที่นั่งในสภาผู้แทน ก็ใช้ระบบ 1 คน 3 เสียง

สภาผู้เฒ่า ใช้" บัตรสีขาว"นะจ๊ะ...

00000000000000

75 ปี การเมืองไทยพยายามทำให้เป็นฝรั่ง อยากให้มีพรคการเมือง อยากให้มีกฎเกณฑ์ในพรรค แต่สุดท้ายก็เข้าไม่ได้กับ นิสัยของคนไทย

ดังนั้นอย่ามุ่งไปที่รูปแบบฝรั่ง จนไม่ลืมหูไม่ลืมตา

วิธีที่ผมเสนออาจจะเป็น "ส่วนผสมใหม่" ที่จะทำให้ "สภาผู้แทนราษฎร" มีความสมดุลมากขึ้น

เป้าหมายหรือเจตนารมณ์ควรมุ่งที่หลักคุณธรรม และประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ เป็นที่ตั้ง

สำหรับ สว. หากคิดว่ายังควรมี " วุฒิสภา " ก็ใช้ระบบ 50/50 แบบที่เป็นอยู่นั่นแหละครับ เลือกตั้งครึ่งหนึ่ง แต่งตั้งครึ่งหนึ่ง

ต้องออกตัวว่าคิดแบบชาวบ้านนะครับ อย่าไปสังเคราะห์เข้าทฤษฎีการเมืองใดๆ

พวกชอบทำพรรคการเมืองก็ทำกันไป พวกที่ไม่ชอบสังกัดพรรคก็ทำกันไป อย่าไปบังคับกัน

แบ่งๆ ที่กันยืน เพื่อลดความขัดแย้ง...บางที นักวิชาการท่านก็อยากใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมา โชว์พาวกันยกใหญ่ ลองให้ชาวบ้านช่วยกันคิดบ้าง ดีมั๊ยครับ

เผื่อมันจะสะท้อนตัวตนของประเทศ ตัวตนของประชาชนอย่างแท้จริงขึ้นมาบ้าง

นักวิชาการค่อยๆ ตบๆ ให้มันเข้าหลักเข้าเกณฑ์กันทีหลัง....พอไม่ให้อายฝรั่ง อิ อิ

ก็ฝรั่งมันแค่ 1 คน 1 เสียง

แต่แบบไทยๆ ต้องเหนือกว่า 1 คน 2 เสียง 3 เสียง ก็ได้ แฟร์พอๆ กันนั่นแหละ

เพราะได้ลงคะแนนทุกคน....แล้วไม่ต้องมาท้ากันว่า แน่จริงลงมาเลือกตั้งแข่งดิ...

ถ้าเปิดเวทีคู่ขนาน ให้มีเวทีระบบเขตประเทศแข่งแบบนี้ มาลองดูกันซักตั้งมั๊ยล่ะ

แคน ไทเมือง

http://www.oknation.net/blog/canthai/2008/09/14/entry-2
 


หัวข้อ: Re: สรุปสัมนาการเมืองใหม่ในทำเนียบวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: chaturant ที่ 02-10-2008, 01:20
การเมืองใหม่เสนอให้มีส.ส.ไม่เกิน 400 เท่าเทียม"ช.ญ."

ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังจากการประชุมสัมมนาเรื่องการเมืองใหม่ ครั้งที่ 3 มีผู้เข้าร่วมจากหลายส่วน เช่นนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรท์ นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด องค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือ นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงว่า การประชุมและสัมมนาการเมืองใหม่ในครั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือซึ่งแนวทางข้อสรุปในเบื้องต้นหลายประเด็น ประเด็นแรก ที่ประชุมมีความเห็นพ้องร่วมกันว่า การเมืองใหม่ ควรให้มีสองสภา คือ

สภาผู้แทนราษฎร โดยมีจำนวนสมาชิกไม่เกิน 400 คน ซึ่งครึ่งหนึ่งจะมาจากการเลือกตั้งในระบบแบ่งเขตพื้นที่ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งมาจากกลุ่มสาขาอาชีพ ซึ่งการสรรหาจะต้องให้ความเท่าเทียมระหว่างชาย-หญิง 

สำหรับสมาชิกวุฒิสภานั้น ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า ควรให้คงไว้ในรูปแบบเดิม คือ จำนวน 150 คน มาจากการเลือกตั้ง 76 คน และการสรรหาจำนวน 74 คน

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีความเห็นว่าการเมืองใหม่จำเป็นจะต้องมีการจัดตั้งสภาประชาชน ขึ้นมาทำหน้าที่ให้ความรู้ และพัฒนาความเข้าใจในเรื่องการเมือง รวมถึงการปลูกจิตสำนึกในเรื่องหลักการประชาธิปไตยให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา การเมืองในระบบเก่าประชาชนส่วนใหญ่ของประชาชนยังขาดความรู้ และความเข้าใจในหลักการเรื่องของการเมืองอย่างมาก   

มติชน


บิดเบือนน่ะครับ มติชน  สส. มาจากการเลือกตั้ง 100 % น่ะ แต่ มติชนลงว่า สส. มาจากการสรรหา    



“ปานเทพ” เผย ที่ประชุมสัมมนาการเมืองใหญ่คงรูปแบบสภาเดิม เน้น ส.ว.สรรหาต้องมาจาก ปชช.ทุกภาคส่วน เสนอควรมี “สภาประชาชน” ที่รับรองสิทธิ์ตาม รธน.ไว้ถ่วงดุลอำนาจ รบ.พร้อมเพิ่มบทลงโทษตัดสิทธิ์นักการเมืองขี้ฉ้อทันที หากตรวจพบ ด้าน “สุริยะใส” แนะจับตาอาจมีการลักไก่ นำ รธน.ฉบับ “หมอเหวง” มาพิจารณา เชื่อ ส.ส.ร.3 ไร้น้ำยาปฏิรูปการเมือง
      
       วันนี้ (1 ต.ค.) เมื่อเวลา 18.30 น.นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ แถลงหลังการประชุมสัมมนาเรื่องการเมืองใหม่ครั้งที่ 3 ว่า ที่ประชุมมีความเห็นกรณีของรัฐสภา ว่า ควรจะมี 2 สภาเหมือนเดิม คือ 1.สภาผู้แทนราษฎรที่จะมี ส.ส.ไม่กิน 400 คน แบ่งเป็น ส.ส.200 คน และจากสาขาอาชีพทุกภาคส่วนอีก 200 คน โดยคำนึงถึงสัดส่วนของชายและหญิงด้วย   (ไม่มีคำว่าสรรหาเลย)  2.วุฒิสภา ซึ่งจะคงรูปแบบเดิมในปัจจุบัน แต่ควรจะให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการสรรหาด้วย ส่วนที่มาของนายกรัฐมนตรีนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการถกเถียงกันว่า นายกฯจำเป็นต้องมาจากส.ส.หรือไม่
      
       นอกจากนี้ ที่ประชุมมีความเห็นว่าควรมีสภาประชาชน ซึ่งจะมีการรับรองตามรัฐธรรมนูญมีหน้าที่ให้ความรู้ปลูกจิตสำนึกทางการเมืองสามารถคัดค้านและถอดถอนได้ ส่วนเรื่องการใช้เงินเป็นใหญ่ในการเลือกตั้งนั้น ที่ประชุมเสนอว่า การประชาสัมพันธ์การหาเสียงการเลือกตั้งควรทัดเทียมกันทุกพรรคการเมือง ทั้งในเรื่องของโปสเตอร์และการลงโฆษณาในสื่อสารมวลชนต่างๆ ร่วมทั้งงดให้ใบเหลืองแต่ให้ใช้ใบแดงทันที และควรลงโทษทางอาญาทั้งที และควรมีศาลเลือกตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อกำกับดูแลด้วย
      
       สำหรับบทลงโทษนักการเมืองที่ทุจริตการเลือกตั้งนั้น ควรจะตัดสิทธิ์ตลอดไปไม่ใช่เพียงแค่ 5 ปี รวมทั้งให้ประชาชนทุกภาคส่วนและสภาประชาชนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นผู้เสียหาย เมื่อมีการทุจริตเลือกตั้ง โดยสามารถฟ้องศาลเองได้ และมีรางวัลนำจับให้ รวมทั้งให้มีการขึ้นแบล็กลิสต์นักการเมืองเหล่านั้น
      
       ส่วนการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี ควรที่จะให้มีการถ่ายทอดสดด้วยความโปร่งใส สำหรับนักการเมืองที่ยกมือไว้วางใจนักการเมืองที่พิสูจน์ได้ภายหลังว่ามีการทุจริตนั้น จะต้องได้รับบทลงโทษอย่างจริงจัง นอกจากนี้ข้าราชการระดับสูงจะต้องเปิดเผยบัชญีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นรายปีเหมือนกับนักการเมืองด้วย
      
       ด้าน นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรต์ กล่าวว่า สภาประชาชนจะเป็นสภาคู่ขนานระหว่างสภารัฐ คือ ส.ส.และ ส.ว.กับสภาราษฎร ซึ่งมาจากการแต่งตั้งประชาชนทุกระดับ ส่วนรูปแบบโครงสร้างนั้น อยู่ระหว่างคิดเค้าโครง ก่อนจะนำเเสนอในการประชุมครั้งต่อไป ทั้งนี้ คำว่า ประชาธิปไตย คือ อำนาจของประชาชน ดังนั้น ประชาชนต้องมีอำนาจอยู่ในตัว ซึ่งสภา ประชาชน จะมีหน้าที่สร้างจิตสำนึกให้กับประชาชนสามารถตรวจสอบคัดค้านรวมทั้งถอดถอนได้ด้วยในทุกระดับ โดยมี รธน.รับรองอำนาจของสภาประชาชนด้วย
      
       ขณะที่ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวว่า ในวันอาทิตย์ที่ 5 ต.ค.เวลา 14.00-18.00 น.จะมีการประชุมสัมมนาเรื่องการเมืองใหม่ครั้งที่ 4 เพื่อพิจารณาเค้าโครงและวาระสำคัญของสภาประชาชน ทั้งนี้ ในเรื่องของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 3 (ส.ส.ร.3) ที่ประชุมเห็นคล้ายกับแกนนำ ว่า พันธมิตรฯให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวในทางสาธารณะ ดังนั้นจึงไม่ได้คาดหวังว่า ส.ส.ร.3 ที่รัฐบาลนอมินีเป็นผู้ริเริ่มจะทำให้เกิดการเมืองใหม่หรือการปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริงได้ นอกจากนี้ อยากให้จับตาว่า อาจจะมีการลักไก่นำร่างแก้ไข รธน.ของ นพ.เหวง โตจิราการ มายื่นในการพิจาณา รธน.มาตรา 291
      
       นายสุริยะใสเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้ทางทีมทนายความของพันธมิตรฯ ได้ยื่น ประกันตัวผู้ต้องหากรณีบุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ได้เพิ่มอีก 9 คน และจะทยอยประกันตัวเพิ่มเติมต่อไปอีกเรื่อยๆ โดยคาดว่าจะประกันตัวได้ครบทุกคนในเร็วๆ นี้
      
       อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ พันธมิตรฯได้มีการรับบริจาคเพื่อระดมทุนช่วยเหลือครอบครั้วของผู้ต้องหาด้วย โดยในเบื้องต้นได้ช่วยเหลือไปแล้วจำนวนหนึ่งซึ่งแกนนำทุกคนให้การดูแลอย่างเต็มที่ โดยมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลรวมทั้งมีการไปเยี่ยมผู้ต้องหาในช่วงบ่ายวันอังคารและวันพฤหัสบดีของสัปดาห์ด้วย


http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000116574


หัวข้อ: Re: สรุปสัมนาการเมืองใหม่ในทำเนียบวันนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-10-2008, 01:34
การเมืองใหม่ชู400ส.ส.ตั้งสภาประชาชน

เวทีการเมืองใหม่เสนอเลือกตั้ง 400คน แบ่งเขต-สรรหากลุ่มอาชีพ ส.ว.คงเดิม ตัดสิทธิทุจริตเลือกตั้งตลอดชีวิต อาญาซ้ำ มีแค่ใบแดง ตั้งศาลเลือกตั้ง ขรก.แจ้งทรัพย์สิน กวีซีไรท์เข็นตั้ง"สภาประชาชน"

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังจากการประชุมสัมมนาเรื่องการเมืองใหม่ ครั้งที่ 3 โดยมีผู้เข้าร่วมจากหลายส่วน เช่นนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรท์ นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด องค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือ นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงว่า การประชุมและสัมมนาการเมืองใหม่ในครั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือซึ่งแนวทางข้อสรุปในเบื้องต้นหลายประเด็น ประเด็นแรก ที่ประชุมมีความเห็นพ้องร่วมกันว่า การเมืองใหม่ ควรให้มีสองสภา คือ 1.สภาผู้แทนราษฎร โดยมีจำนวนสมาชิกไม่เกิน 400 คน ซึ่งครึ่งหนึ่งจะมาจากการเลือกตั้งในระบบแบ่งเขตพื้นที่ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งมาจากกลุ่มสาขาอาชีพ ซึ่งการสรรหาจะต้องให้ความเท่าเทียมระหว่างชาย-หญิง   

สำหรับสมาชิกวุฒิสภานั้น ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า ควรให้คงไว้ในรูปแบบเดิม คือ จำนวน 150 คน มาจากการเลือกตั้ง 76 คน และการสรรหาจำนวน 74 คน นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีความเห็นว่าการเมืองใหม่จำเป็นจะต้องมีการจัดตั้งสภาประชาชน ขึ้นมาทำหน้าที่ให้ความรู้ และพัฒนาความเข้าใจในเรื่องการเมือง รวมถึงการปลูกจิตสำนึกในเรื่องหลักการประชาธิปไตยให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา การเมืองในระบบเก่าประชาชนส่วนใหญ่ของประชาชนยังขาดความรู้ และความเข้าใจในหลักการเรื่องของการเมืองอย่างมาก

นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ในส่วนประเด็นเกี่ยวกับกฎหมายหมายการเลือกตั้ง ที่ประชุมมีแนวทางและข้อเสนอถึง 15 ประเด็น เช่น เรื่องของการเพิ่มบทลงโทษกับผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ที่ประชุมเห็นว่าควรจะต้องเพิ่มบทลงโทษให้หนักขึ้นจากเดิม เช่น การตัดสิทธิทางการเมืองต่อผู้ทุจริตการเลือกตั้งจากเดิมที่กำหนดไว้ 5 ปี ให้เพิ่มเป็นการตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต รวมทั้งจะต้องดำเนินคดีทางอาญากับผู้ที่กระทำการทุจริตการเลือกตั้งอีกด้วย นอกจากนี้ เห็นควรให้งดการแจกใบเหลือง ให้มีเพียงแจกใบแดงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และเห็นควรให้มีการตั้งศาลเลือกตั้งขึ้นมาทำหน้าที่ดูแลคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยตรง 

นายปานเทพ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังเสนอแนวทางการแก้ไขทุจริตคอร์รัปชั่น ไว้ถึง 8 ประเด็น เช่น ประชาชนพบเห็นการทุจริตการเลือกตั้ง สามารถจะยื่นเรื่องฟ้องศาลได้โดยตรง ให้สินบนแก่ประชาชนในการนำจับการทุจริตคอร์รัปชั่น เมื่อคดีสิ้นสุดให้ขึ้นบัญชีดำทางการเมืองนักการเมืองที่กระทำการทุจริต รวมทั้งให้ดำเนินคดีทางอาญาจนถึงที่สุด ให้มีการถ่ายทอดการพิจารณางบประมาณประจำปี เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ถึงการใช้จ่ายเงินงบประมาณของประเทศ และให้ข้าราชการระดับสูงจะต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นประจำทุกปี เป็นต้น 

ด้าน นายเนาวรัตน์ กล่าวถึงสภาประชาชน ว่าตนได้รับมอบหมายจากที่ประชุมให้เป็นดูแลในการวางโครงสร้างของสภาประชาชน ซึ่งแนวคิดในเบื้องต้นของสภาประชาชน จะมาทำหน้าที่ในการปลูกจิตสำนึกเรื่องหลักการประชาธิปไตย ให้มีความรู้เพิ่มมากขึ้น เพราะในเวลานี้เราต้องยอมรับว่าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่มีความรู้เรื่องของหลักการประชาธิปไตยน้อยมาก

ดังนั้น สภาประชาชนจะมาทำหน้าที่ในการให้ความรู้และเสริมสิ่งที่ขาดให้กับประชาชนได้รับรู้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้สภาประชาชนจะเป็นสภาคู่ขนานในการทำหน้าที่ตรวจสอบ คานอำนาจ และมีอำนาจในการยื่นเรื่องเสนอถอดถอนฝ่ายอำนาจรัฐได้โดยตรง แต่อย่างไรก็ตาม รูปแบบโครงสร้าง และอำนาจของสภาประชาชนจะต้องมีการหารือและสรุปกันอีกครั้ง 

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวถึงการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.ชุดที่ 3 ที่รัฐบาลกำลังเตรียมจัดตั้งขึ้นมาเพื่อเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ว่าจุดยืนของคณะกรรมการการเมืองใหม่ประชาภิวัฒน์ ก็มีจุดยืนที่เหมือนกับ 5 แกนนำพันธมิตรฯ ที่ได้ประกาศออกมาแล้ว โดยในส่วนของคณะกรรมการการเมืองใหม่ฯ เรามีความเห็นว่าจะไม่ขอเข้าร่วมในการดำเนินการในเรื่องนี้อย่างแน่นอน ซึ่งเราจะไม่ขัดขวาง แต่จะดำเนินการในเรื่องการเมืองใหม่ให้คู่ขนานกันไปกับส.ส.ร. 3 คู่กันไป 

"แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะให้ทุกคนช่วยกันจับตามองในการยื่นญัตติเพื่อเสนอขอให้แก้มาตรา 291 นั้น รัฐบาลชุดนี้อาจจะมีการลักไก่ยื่นเรื่องเสนอร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญของกลุ่ม นายแพทย์เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ หรือ นปก. ยัดไส้เข้าไปด้วย" นายสุริยะใส กล่าว
http://www.bangkokbiznews.com/2008/10/01/news_299691.php


หัวข้อ: Re: สรุปสัมนาการเมืองใหม่ในทำเนียบวันนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: chaturant ที่ 02-10-2008, 01:45
อ้าว ใครผิดกันแน่เนี้ย ต้นตำหรับ บอก คำนึงถึงสัดส่วนผู้หญิง  ค่ายอีื่นบอก สรรหา


หัวข้อ: Re: สรุปสัมนาการเมืองใหม่ในทำเนียบวันนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-10-2008, 01:47
เวลาแถลงข่าวหากไม่อยากให้คลาดเคลื่อน ต้องพิมพ์เนื้อหาประกบการแถลงข่าว

เออ...เลือกตั้งยังไง ให้ได้ผู้ชาย 100 ผู้หญิง 100

"สภาประชาชน" ยังงมหาไม่เจอ ก็เอา "สภาองค์กรชุมชน" ไปดูสิ มีกฎหมายรับรองอยูแล้ว

"วิทยากรแม่ไก่" ที่ทำๆ เอาไว้ก็ไปสานต่อสิ ถ้ากลัวว่าประชาชนไม่เข้าใจ


หัวข้อ: Re: สรุปสัมนาการเมืองใหม่ในทำเนียบวันนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 02-10-2008, 01:59
 
- เพิ่มโทษพวกโกงเืลือกตั้ง
- ตั้งศาลคดีเลือกตั้ง

อันนี้โดนใจ :slime_agreed:



หัวข้อ: Re: สรุปสัมนาการเมืองใหม่ในทำเนียบวันนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-10-2008, 02:37

- เพิ่มโทษพวกโกงเืลือกตั้ง
- ตั้งศาลคดีเลือกตั้ง

อันนี้โดนใจ :slime_agreed:



นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมการปฏิรูปการเมือง จะให้พวกนักการเมืองมายุ่มย่ามในกติกาพวกนี้ไม่ได้เลย

เพราะแม้แต่กฎหมายองค์กรอิสระ มันยังต้านแทบแย่


หัวข้อ: Re: สรุปสัมนาการเมืองใหม่ในทำเนียบวันนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: chaturant ที่ 02-10-2008, 03:28
นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมการปฏิรูปการเมือง จะให้พวกนักการเมืองมายุ่มย่ามในกติกาพวกนี้ไม่ได้เลย

เพราะแม้แต่กฎหมายองค์กรอิสระ มันยังต้านแทบแย่


ใช่ครับ ถ้านักการเมืองเป็นเจ้าภาพ มันก็เป็นอีรอบเดิม อย่างที่สนธิพูดโดน โจรมันจะยอมแก้กฎหมายให้มาจับโจรหรอ อิอิ


หัวข้อ: Re: สรุปสัมนาการเมืองใหม่ในทำเนียบวันนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 02-10-2008, 06:41
โครงใหญ่ๆ คล้ายๆ กับที่ผมคิดเล่น ๆ

วันอาทิตย์ ที่ 14 กันยายน 2551
การเมืองใหม่สไตล์ไทเมือง 1 คน 2 เสียง ( 3 เสียง ก็ได้ )
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 338 , 11:16:20 น.

ไม่ใช่คล้ายๆ แล้วครับ แทบจะเหมือนกันเปี๊ยบมากกว่า
สงสัยแกนนำพันธมิตรแอบไปอ่านบล็อกลุงแคน..
มีต่างกันแค่แบ่งสัดส่วนหญิงชายเพิ่มเข้ามาเท่านั้น  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: สรุปสัมนาการเมืองใหม่ในทำเนียบวันนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: protecter ที่ 02-10-2008, 07:14
การเมืองใหม่ ..เท่าที่อ่านๆมา ยังไม่เข้าท่าครับ ต้องเสวนาอีกเยอะครับ

แต่ที่แน่ๆ ผมไม่เอาการเมืองแบบเก่าครับ


หัวข้อ: Re: สรุปสัมนาการเมืองใหม่ในทำเนียบวันนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 03-10-2008, 00:41
ไม่ใช่คล้ายๆ แล้วครับ แทบจะเหมือนกันเปี๊ยบมากกว่า
สงสัยแกนนำพันธมิตรแอบไปอ่านบล็อกลุงแคน..
มีต่างกันแค่แบ่งสัดส่วนหญิงชายเพิ่มเข้ามาเท่านั้น  :slime_smile:

แบ่งสัดส่วนหญิงชาย น่าจะทำยาก...ถึงยากมาก หากเป็นการเลือกตั้ง

เว้นแต่ใช้วิธี "คัดสรร" ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก จะถูกโจมตีว่าไม่ใช่ประชาธิปไตยของนักเลือกตั้ง

ตรงนี้กระมังที่สื่อมองว่า สส. อาชีพเป็นการคัดสรร ตามที่เค้าเขียนข่าว


หัวข้อ: Re: สรุปสัมนาการเมืองใหม่ในทำเนียบวันนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: Cylonn ที่ 03-10-2008, 02:22
แบ่งสัดส่วนหญิงชาย น่าจะทำยาก...ถึงยากมาก หากเป็นการเลือกตั้ง

เว้นแต่ใช้วิธี "คัดสรร" ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก จะถูกโจมตีว่าไม่ใช่ประชาธิปไตยของนักเลือกตั้ง

ตรงนี้กระมังที่สื่อมองว่า สส. อาชีพเป็นการคัดสรร ตามที่เค้าเขียนข่าว

ถ้าจะให้มีสัดส่วนชายหญิงแบบเลือกตั้งก็พอทำได้อยู่ แค่กำหนดแบ่งผู้สมัครเป็น2ชุด ตัวแทนอาชีพเพศชาย ตัวแทนอาชีพเพศหญิง แล้วให้เลือกผู้สมัครแต่ละชุดตามสัดส่วน

แต่ผมว่าเรื่องนี้ไม่มีความจำเป็น ประการแรก-ถ้าพวกเพศที่สามเพศที่สี่เกิดอยากมีพื้นที่ทางการเมืองบ้างจะต้องทำยังไง ประการที่สอง-ในเมื่อการรับสมัครเปิดกว้างอยู่แล้วไม่ว่าเพศไหนก็สมัครได้ ถ้าเขาไม่สมัครเองทำไมต้องบังคับ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งก็มีทุกเพศ ถ้าเขาไม่เลือกผู้สมัครเพศเดียวกับเขาเป็นผู้แทน จำเป็นต้องบังคับด้วยหรือ ประการสุดท้าย-มนุษย์เรามีความแตกต่างทางกายภาพและความเชื่อมากมาย ทำไมต้องเอาแค่ตัวแทนเรื่องเพศ แล้วเรื่องวัยละ เรื่องผิว เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา และอื่นๆละ....

ตราบใดที่สิทธิ์ในการสมัครและการเลือกเปิดกว้าง ผมว่าเรื่องเหล่านั้นไม่จำเป็น


หัวข้อ: Re: สรุปสัมนาการเมืองใหม่ในทำเนียบวันนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: คนไทยคนหนึ่ง ที่ 03-10-2008, 02:31
สัดส่วน ชายหญิง ตามความคิดของผม ควรจะใช้กับสาขาอาชีพมากกว่านะครับ หญิงเลือกหญิง ชายเลือกชาย

ส่วนเพศที่สามก็แยกออกมาเป้นอีกกลุ่มตั่งหาก เพื่อจะได้มีตัวแทนในสภาเหมือนกัน

ส่วนเขตพื้นที่ควรเปิดกว้าง เพื่อไม่เป็นการจำกัดสิทธิผู้สมัคร