ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: พรรณชมพู ที่ 02-07-2006, 18:40



หัวข้อ: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 02-07-2006, 18:40
ขออัญเชิญบางส่วน ของพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มาให้อ่านกันก่อนนะคะ

"ตั้งใจจะอุปถัมภก ยอยกพระพุทธศาสนา ป้องกันขอบขัณฑเสมา รักษาประชาชนและมนตรี"

บทพระราชนิพนธ์ที่ยกมานั้น จะเห็นได้ว่าทรงตั้งปณิธานที่จะรักษาพระพุทธศาสนาไว้ให้ดำรงมั่นในแผ่นดิน การรักษาพระพุทธศาสนานั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องกระทำแน่นอนก็คือปฎิบัตตามคำสอนของพระพุทธองค์

พระราชปณิธานถัดมาจะเห็นได้ว่า ทรงตั้งมั่นที่จะรักษาประเทศชาติประชานไว้ นั่นหมายถึงจะต้องทำสงครามกับผู้รุกราน และสงครามนั้น ย่อมต้องมีการผิดศีล

ไม่มีการวิจารณ์พระราชนิพนธ์นะคะ ยกมาให้เห็น โปรดอ่านต่อไปโดยกรุณาอย่าโยงเรื่อง
------------------

ขณะนี้ มีการต่อสู้กันทั้งทางความคิด และกำลัง เกิดขึ้นในประเทศไทย บ่อยครั้งที่มีผู้ยกพระพุทธศาสนามาปรามผู้ที่กำลังต่อสู้กัน  โดยมากแล้วฝ่ายที่ต่อต้านระบอบทักษิณ มักจะได้รับคำเตือนจากผู้หวังดี โดยยกธรรมะมาอ้าง และแสดงความกรุณาปราณี อยากให้พวกต่อต้านทักษิณ ต่อต้านอย่างเป็นธรรม เรียกว่าใช้ธรรมบังหน้า เพื่อหลอกฆ่าฟันนั่นเอง

นอกจากอ้างธรรม ก็มีการอ้างกติกา อ้างรัฐธรรมนูญ อ้างความชอบธรรม อ้างเสียงข้างมาก อ้างในทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อนที่กลุ่มคนโกงชาติ จะได้กระทำชั่วต่อไปได้

ขอให้ลองนึกกลับไปถึงสงคราม หากอริราชศัตรูยกกองกำลังเข้ามาบุกประเทศเรา แล้วอ้างว่าเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ประชาชนไม่ควรผิดศีล ไม่ควรฆ่าฟันศัตรูที่รุกรานประเทศ เป็นท่าน ท่านจะเชื่อคำกล่าวนั้นไหม

วันนี้สถานการณ์เช่นเดียวกัน  ผู้รักชาติทั้งหลาย  กำลังต่อสู้เพื่อรักษาประเทศชาติ และระบอบการปกครองของเราให้คงอยู่  ในขณะที่ศัตรูกำลังใช้กลยุทธล่อหลอก  อ้างธรรมที่เรานับถือ  อ้างกติกา อ้างรัฐธรรมนูญ อ้างเสียงข้างมาก เพื่อให้กลุ่มผู้ต่อสู้ยอมสงบ เพื่อที่มันจะได้เป็นฝ่ายชนะ

โปรดจำสัจธรรมข้อนี้ไว้นะคะ

พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ  พึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต  พึงสละชีวิตเพื่อรักษาธรรม

ขอให้พวกเราช่วยกันสละชีวิตของไทยรักไทย เพื่อรักษาธรรมไว้เถิดค่ะ


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จูล่ง_j ที่ 02-07-2006, 18:45
ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง อิอิ


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: Tony ที่ 02-07-2006, 19:55
ปรัมวลจากการกระทำที่ผ่านมาของเหลี่ยม ผมว่าปณิธานของเหลี่ยมคงจะเป็น "ตั้งใจจะอุปปถัมภ์โคตรเหง้า กลืนกินพระศาสนา แบ่งขายขอบขัณฑเสมา (โดยบางส่วนให้เช่าระยะยาว 99 ปี) กดขี่ประชาชนและมนตรี"


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 02-07-2006, 20:17
หากศัตรูจะมาทำลายบ้านเมือง ถ้าไม่รบก็จะถูกฆ่า ถูกย่ำยี จะรบเพื่อป้องกันตัวก็สมควรอยู่  แต่เหตุการณ์วันนี้ไม่ใช่ศัตรูมาย่ำยี แต่เป็นแบ่งฝ่ายแย่งชิงอำนาจในการปกครองประเทศ.. ใครจะถือว่าอีกฝ่ายมิใช่คนร่วมชาติ แต่เป็นศัตรูที่จะอยู่ร่วมแผ่นดินมิได้ ก็ตามใจเถิด

การนำธรรมมาสู่สนามรบ ถ้านักรบน้อมรับไว้ใส่ใจ ก็จะเป็นกองทัพธรรม หากโชคร้ายตายไปท่ามกลางสนามรบ จิตก็ไม่ทุรนทุราย สมัยมหาภารตะยุทธ์มีภควัตคีตา อัศวินยุโรปสมัยกลางมีวีรธรรม (Chivalry) เราชาวไทยนับถือศาสนาพุทธ ก็มีธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นเทียนชัยส่องทางให้กับนักรบ

สนามรบในกาลนี้ รบกันด้วยปัญญา มีวาจาเป็นอาวุธ จะรบกับฝ่ายตรงข้าง ถ้าไม่ใช้วิธีโกหก ไม่ใช้วิธีด่าทอ ไม่ใช้วิธียุยงปลุกปั่น ไม่บิดเบือนเหตุและผล ถ้าไม่ทำวจีทุจริต 4 ประการนี้แล้ว จะไม่มีทางรบชนะอย่างนั้นหรือ ผมไม่เชื่อว่าคนพูดจริงจะแพ้คนโกหก คนพูดไพเราะจะแพ้คนสามหาว คนพูดมีเหตุผลจะแพ้คนตลบตะแลง ผมไม่เห็นว่าจำเป็นต้องใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน เขาโกหกมา เราต้องโกหกกลับไปสองเท่า เขาด่ามาห้าคำ เราต้องด่ากลับไปสิบคำ ถ้าต้องเอาชนะกันด้วยวิธีนั้น ใยมิใช่แข่งกันเลว ผู้ชนะก็คือผู้ที่เลวที่สุด

ธรรมที่ผมนำมาแสดง ผมเผยแพร่โดยเสมอกัน ทั้งในเวบบอร์ดของขบวนการฯ เวบพันทิป และโอเพ่นมายด์  เป็นธรรมที่เป็นกลางต่อคู่ปรปักษ์ทั้งสองฝ่าย ไม่ควรทำให้ทหารกล้าแห่งประชาธิปไตยต้องย่นระย่อเลย แต่กลับทำให้ฝ่าย อธรรม ต้องหัวหด เพราะคนที่คิดว่าต้องทำวจีทุจริต จึงจะได้ชัยชนะ ก็คือฝ่ายอธรรม เท่านั้น

ขอวิงวอนให้เหล่าผู้กล้าแห่งเวบบอร์ด ทุกคน ทุกฝ่าย โปรดน้อมรับธรรมของพระพุทธเจ้าไว้เป็นหลักประจำใจ เพื่อให้บังเกิดเป็นการต่อสู้ระหว่างกองทัพธรรม


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 02-07-2006, 20:47
หากศัตรูจะมาทำลายบ้านเมือง ถ้าไม่รบก็จะถูกฆ่า ถูกย่ำยี จะรบเพื่อป้องกันตัวก็สมควรอยู่  แต่เหตุการณ์วันนี้ไม่ใช่ศัตรูมาย่ำยี แต่เป็นแบ่งฝ่ายแย่งชิงอำนาจในการปกครองประเทศ.. ใครจะถือว่าอีกฝ่ายมิใช่คนร่วมชาติ แต่เป็นศัตรูที่จะอยู่ร่วมแผ่นดินมิได้ ก็ตามใจเถิด

คุณกะลาชนเที่ยวไปสั่งสอนผู้อื่นเรื่องวจีทุจริต แต่แค่อ้าปากคุณกลับเป็นเสียเอง

ทุกวันนี้ไม่มีใครแย่งอำนาจใครเลย มีแต่ไอ้ชั่วทักษิณ ชินวัตร คนเดียวที่กำลังดิ้นรนเพราะกลัวสูญเสียอำนาจ พันธมิตรฯไม่ได้เป็นพรรคการเมือง และแกนนำพันธมิตรฯก็ประกาศชัดเจนว่าไม่ต้องการเล่นการเมือง ผู้ที่ฉ้อราษฏร์บังหลวง ลบหลู่สถาบัน เป็นสาเหตุการตายของคนไทยเป็นพันๆศพ นั่นแหละคือ "ศัตรู" ที่กำลังย่ำยีชาติ




ขอวิงวอนให้เหล่าผู้กล้าแห่งเวบบอร์ด ทุกคน ทุกฝ่าย โปรดน้อมรับธรรมของพระพุทธเจ้าไว้เป็นหลักประจำใจ เพื่อให้บังเกิดเป็นการต่อสู้ระหว่างกองทัพธรรม

ผมไม่บังอาจโฆษณาตัวเองว่าเป็นศาสนิกของศาสนาใดครับ แต่ผมวิงวอนว่า ศาสนิกของศาสนาใดที่แท้จริง จะไม่เอาธรรมะของศาสนานั้นมาอ้างพร่ำเพรื่อหรอก การพูดการกระทำมันส่อ "เจตนา" อยู่แล้ว คุณหลีกมันไปไม่พ้น

ถ้าคุณกะลาชนรักธรรมะจนถือไว้เป็นหลักประจำใจจริง คุณจะไม่ไป "ปรองดอง" กับคนชั่วหรอก จริงไหมครับ :?:


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: No_Tuky ที่ 02-07-2006, 20:49
คำพูดเกิดมาจากจิต คนเราเมื่อคิดแล้วจึงพูด คนเราหากมีสติสัมปัชชัญญะครบ 100% พึงรู้ว่าเรื่องใดสมควรพูด เรื่องใดสมควรไม่พูด แม้ว่าสิ่งที่คิดในใจอาจจะไม่ดี

มีคำกล่าว ก่อนพูด เราเป็นนายของคำพูด หลังพูดมันเป็นนายของเรา.

ทักษิณเป็นคนประเภทนั้น รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองเป็นคนที่จิตใจไม่ดี แต่ไม่สามารถควบคุมตัวเองให้พูดเรื่องที่สมควรพูดอย่างเดียวไม่ได้

คนที่นับถือพุทธศาสนา โดยปกติแล้วย่อมแสวงหาแต่ความสงบสุข ไม่คิดร้ายต่อผู้อื่นเป็นอาจิณ



มีคำถาม "หากคุณเห็นคนเลวมีอำนาจ คุณจะทำตัวเช่นไร".? ต่อสู้ หรือ เพิกเฉย.???

แน่นอนว่า หากมุ่งวิถีแห่งความหลุดพ้นอย่างแท้จริง ย่อมใช้หลักทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนไม่เที่ยง กล่าวคือสมควรละวางเรื่องทั้งหลาย

แต่มนุษย์ทุกผู้คน มีหลายจิตเจตจำนงค์ ย่ิอมมีส่วนหนึ่งที่ทนไม่ได้กับเรื่องแบบนี้

มองในแง่มุมหนึ่ง ล้วนเป็นความยึดติด มองในอีกแง่ล้วนเป็นความถูกต้อง.

โลกนี้จึงไม่เที่ยงอย่างแท้จริง บุคคลที่อยู่ในโลกล้วนอยู่ภายใต้ โลกธรรม 8

เกมนี้เชื่อว่าหลายคนรู้ว่า บทสรุปของเกมเป็นอย่างไร.? แต่ความอยากที่จะเอาชนะนั้นมีอยู่

ความไม่สามารถที่จะควบคุมตัวเองให้รู้ว่าอะไรสมควรทำไม่สมควรทำได้ มีไม่เท่ากันในทุกผู้คน

ทักษิณฟังดูเหมือนพูดดี แต่เนื่องจากในใจล้วนเป็นมโนทุจริต อีกทั้งไม่เข้าใจหลักธรรมมะอย่างถ่องแท้ ย่อมไม่สามารถละวางที่จะเพิกเฉยต่อข้อครหา ที่กล่าวว่าร้ายตัวเองได้ การกล่าวโป้ปดมดเท็จ เพื่อให้ดูชอบธรรมจึงเกิดขึ้น

หากอยากรู้ว่าใครดีมากดีน้อย ให้พึงสังเกตจากข้อปฎิบัติของบุคคลๆนั้น แต่การสังเกตดังกล่าว ยังไม่สามารถเชื่อถือได้ชัดเจน เพราะคนในโลกนี้มีหลายประเภท ที่สามารถแสดงเป็นคนดี แต่ใจโสมมมีอยู่มากไม่น้อย... แ่ต่อย่างน้อยหากรู้ว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด สังคมบ้านเราคงไม่วุ่นวายปานนี้

มองในแง่ของพุทธศาสนา เรื่องนี้เป็นธรรมดาสามัญยิ่ง ไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อน ถูกผิดที่แท้จริงล้วนอยู่ในใจของเขาเอง.

คุณต่อสู้โดยคิดเช่นนี้หรือไม่  :mozilla_laughing:



หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 02-07-2006, 22:33
หากศัตรูจะมาทำลายบ้านเมือง ถ้าไม่รบก็จะถูกฆ่า ถูกย่ำยี จะรบเพื่อป้องกันตัวก็สมควรอยู่  แต่เหตุการณ์วันนี้ไม่ใช่ศัตรูมาย่ำยี แต่เป็นแบ่งฝ่ายแย่งชิงอำนาจในการปกครองประเทศ.. ใครจะถือว่าอีกฝ่ายมิใช่คนร่วมชาติ แต่เป็นศัตรูที่จะอยู่ร่วมแผ่นดินมิได้ ก็ตามใจเถิด


อย่างที่คุณ Thaitruth บอกน่ะค่ะ ไม่มีใครรบชิงอำนาจกัน  มีแค่คน คนเดียวที่กำลังต่อสู้ดิ้นรน ทุกวิถีทาง ทั้งวจีทุจริต มโนทุจริต สาระพัดจะทุจริต อยู่ที่ทักกี้คนเดียว  แม้กระทั่งตอนนี้อับจนหนทาง ยังสร้างกระแสไอ้โม่ง แล้วพูดให้คนเข้าใจว่าไอ้โม่งเป็นป๋า.........อ่อ อาจจะมีแค่ข้อเดียว ที่ทักกี้ยังอยู่ในใจคุณกาลามชน คือทักกี้ มันอยู่ในกติกา อยู่ในกฏหมาย (ในนิยามของคุณกาลามชน) ก็เท่านั้นเอง

การนำธรรมมาสู่สนามรบ ถ้านักรบน้อมรับไว้ใส่ใจ ก็จะเป็นกองทัพธรรม หากโชคร้ายตายไปท่ามกลางสนามรบ จิตก็ไม่ทุรนทุราย สมัยมหาภารตะยุทธ์มีภควัตคีตา อัศวินยุโรปสมัยกลางมีวีรธรรม (Chivalry) เราชาวไทยนับถือศาสนาพุทธ ก็มีธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นเทียนชัยส่องทางให้กับนักรบ


คุณนี่เป็นผู้ชายซะเปล่า...แต่ไม่เข้าใจวิธีคิด กับจิตวิญญาณของนักรบเลย  มีนักรบที่ไหนมานั่งกังวลว่าตายไปด้วยจิตแบบไหน ตายแล้วจะเป็นอะไร.....จิตใจของนักรบยามอยู่ในสมรภูมิ มีแต่จะทำเพื่อชาติ....สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี.........หากกองทัพใดมีนักรบที่มัวนั่งกังวลว่า ตายไปด้วยใจอาฆาต โกรธแค้นแล้วต้องไปเป็นอสูรกาย.....แม่ทัพคงต้องพิจารณา ส่งนักรบคนนั้นกลับบ้านไปดูดนมแม่ แล้วมั้ง

สนามรบในกาลนี้ รบกันด้วยปัญญา มีวาจาเป็นอาวุธ จะรบกับฝ่ายตรงข้าง ถ้าไม่ใช้วิธีโกหก ไม่ใช้วิธีด่าทอ ไม่ใช้วิธียุยงปลุกปั่น ไม่บิดเบือนเหตุและผล ถ้าไม่ทำวจีทุจริต 4 ประการนี้แล้ว จะไม่มีทางรบชนะอย่างนั้นหรือ ผมไม่เชื่อว่าคนพูดจริงจะแพ้คนโกหก คนพูดไพเราะจะแพ้คนสามหาว คนพูดมีเหตุผลจะแพ้คนตลบตะแลง ผมไม่เห็นว่าจำเป็นต้องใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน เขาโกหกมา เราต้องโกหกกลับไปสองเท่า เขาด่ามาห้าคำ เราต้องด่ากลับไปสิบคำ ถ้าต้องเอาชนะกันด้วยวิธีนั้น ใยมิใช่แข่งกันเลว ผู้ชนะก็คือผู้ที่เลวที่สุด

แต่ผมอยู่ตรงกลางและเอียงไปทางทักษิณนิดๆ......แสดงว่า คุณก็นิยม ชมชอบ คนโกหก คนที่ชอบด่าทอคนอื่น คนที่ยุยงปลุกปั่น คนบิดเบือนเหตุผล คนที่สารพัดจะทุจริต................หรือคุณ จะบอกว่าทักษิณไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ถ้าคุณไม่ได้อยู่ข้างความดี ความสุจริต แล้วคุณยกสารพัดความดีมาอ้าง เพื่อให้ฝ่ายต่อต้านทักษิณ สงบ ปรองดอง กับทักกี้.......มันไร้ประโยชน์ ในเมื่อตัวผู้พูดเองยังนิยมอยู่กับฝ่ายทุจริต แล้วจะมาเรียกร้องให้คนอื่นเห็นดีไปกับธรรมะที่คุณเอามาพูด ทำห...อะไร


เราจะไม่ปรองดองกับคนชั่ว


ธรรมที่ผมนำมาแสดง ผมเผยแพร่โดยเสมอกัน ทั้งในเวบบอร์ดของขบวนการฯ เวบพันทิป และโอเพ่นมายด์  เป็นธรรมที่เป็นกลางต่อคู่ปรปักษ์ทั้งสองฝ่าย ไม่ควรทำให้ทหารกล้าแห่งประชาธิปไตยต้องย่นระย่อเลย แต่กลับทำให้ฝ่าย อธรรม ต้องหัวหด เพราะคนที่คิดว่าต้องทำวจีทุจริต จึงจะได้ชัยชนะ ก็คือฝ่ายอธรรม เท่านั้น

อย่างที่บอกไปแล้วในเมื่อตัวผู้พูด ยังยืนอยู่ข้างฝ่ายทุจริต แล้วมาเรียกร้องให้อีกฝ่ายยึดธรรมะเพื่อประณีประนอม เพื่ออะไรกัน.....หรือแค่เพื่อโน้มน้าวใจ คนที่คิดต่อต้านทักกี้ว่า ไม่ดีอย่าทำเลยมันบาป...

ขอวิงวอนให้เหล่าผู้กล้าแห่งเวบบอร์ด ทุกคน ทุกฝ่าย โปรดน้อมรับธรรมของพระพุทธเจ้าไว้เป็นหลักประจำใจ เพื่อให้บังเกิดเป็นการต่อสู้ระหว่างกองทัพธรรม

ขอวิงวอนเหล่าผู้กล้าทุกคนว่าตอนนี้เราอยู่ในสงคราม  สงครามจิตวิทยาขั้นสูงในการโน้มน้าวจิตใจผู้คน ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งทีวี วิทยุ ล่าสุด ธรรมะก็ถูกนำมาใช้ ขอจงเข้มแข็งอย่าอ่อนไหว พึงรำลึกไว้ว่า

คนโกหก คนขี้โกง คนปากสวะ คนไม่รับผิดชอบ หลง เหลิงอำนาจ.......คนเช่นนี้คือคนชั่ว
[/size


หัวข้อ: วัฒนธรรมความรุนแรง โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 03-07-2006, 04:27
นิธิ เอียวศรีวงศ์

วัฒนธรรมความรุนแรง

ความรุนแรงเป็นส่วนหนึ่งของทุกวัฒนธรรม รวมทั้งวัฒนธรรมไทยด้วย

ในแง่หนึ่ง ความรุนแรงเป็นเครื่องมือ คือใช้ความรุนแรง ไม่ใช่เพื่อความรุนแรง แต่ใช้เพื่อเป้าหมายอย่างอื่น เช่น ใช้เพื่อเอาชนะในความขัดแย้ง, ใช้เพื่อปราบปรามคนชั่วหรือคนดื้อ, ใช้เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรี, หรือแม้แต่ใช้เพื่อ "สันติภาพถาวร"

ในแง่นี้แหละครับที่สันติวิธีเสนอเครื่องมืออื่นเข้ามาแทนที่ พร้อมทั้งพิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า, สูญเสียน้อยกว่า และได้ผลยั่งยืนกว่าความรุนแรง

(ผมควรวงเล็บข้อสังเกตไว้ด้วยว่า สันติวิธีก็เป็นส่วนหนึ่งของทุกวัฒนธรรมด้วยเหมือนกัน)

ความรุนแรงในแง่ของเครื่องมือนั้น ผมคิดว่ามีในทุกวัฒนธรรม และเพราะมันเป็นวัฒนธรรม จึงอาจเปลี่ยนแปลงไปได้ตามแต่เงื่อนไขทางสังคมด้วย เช่น อาจใช้บ่อยขึ้นหรือใช้น้อยลง ตลอดจนให้ความหมายใหม่แก่วิธีการที่รุนแรงให้แรงขึ้นก็ได้ ให้มองไม่เห็นก็ได้ หรือให้ความหมายใหม่แก่ผู้กระทำความรุนแรงและเหยื่อก็ได้

คงไม่ต้องพูดกันยืดยาวก็มองเห็นอยู่แล้วว่า วัฒนธรรมไทยนับแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยปฏิเสธความรุนแรงในฐานะเครื่องมือ พึงใช้ในเงื่อนไขที่แตกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัยเท่านั้น

แต่ยังมีความรุนแรงอีกแง่หนึ่ง ซึ่งผมก็อธิบายได้ไม่ชัดเหมือนกัน ผมขอเรียกว่าการให้คุณค่าแก่ความรุนแรงโดยตัวของมันเอง เพราะเอาความรุนแรงหรือศักยภาพที่จะใช้ความรุนแรงไปผูกกับอำนาจความรุนแรงในแง่นี้ก็คงมีในทุกวัฒนธรรมเหมือนกันกระมังครับ เช่น รัฐโบราณมักใช้การลงโทษที่ทารุณโหดร้ายเพื่อแสดงพระราชอำนาจ (มากกว่ารักษาความสงบ)

อย่างไรก็ตาม ผมออกจะ "รู้สึก" (คือไม่ได้ค้นคว้าอะไรมามากมาย) ว่า วัฒนธรรมไทยเน้นคุณค่าของความรุนแรงไม่สู้จะมากนัก เช่น ในขณะที่มีการลงโทษอย่างทารุณโหดร้าย แต่กลับไปเน้นพระราชอำนาจที่ธรรมะบ้าง "พระมหากรุณาธิคุณ" บ้าง บุญญาบารมีบ้าง เป็นต้น

พระเอกในวรรณคดีเก่าของไทยกล้ามลีบนะครับ อ้อนแอ้นอรชร รูปร่างของพระเอกไม่แสดงศักยภาพของการใช้ความรุนแรงเลย โจรไพร่ที่ไหนเห็นก็นึกว่าจะเตะเล่นได้ง่ายๆ แต่พอต่อสู้เข้าจริงก็มีฤทธิ์เดชเพราะบารมีแต่หนหลังบ้าง เพราะมีเวทมนตร์บ้าง จนสามารถใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือปราบปรามศัตรูได้เหมือนดีดนิ้ว

ต่างจากเฮอร์คิวลิสนะครับ กล้ามใหญ่และแสดงศักยภาพของการใช้ความรุนแรงได้ชัดเจนเลย ผมมีความรู้เกี่ยวกับกรีกไม่พอจะบอกได้หรอกครับว่า กล้ามใหญ่ในวัฒนธรรมกรีกหมายถึงศักยภาพที่จะใช้ความรุนแรง หรือเป็นความงามอันสมบูรณ์ของมนุษย์เพศชาย

แต่อย่างที่บอกแหละครับ คือ "รู้สึก" ว่าวัฒนธรรมไทยแต่ก่อนให้คุณค่าแก่ความรุนแรงในตัวของมันเองน้อย อย่างน้อยก็น้อยกว่าปัจจุบัน

ผมอยากจะเดาต่อด้วยว่า การให้คุณค่าแก่ความรุนแรงเช่นนี้มากับการสร้างชาติซึ่งได้รับอิทธิพลความคิดของฝรั่งในคริสต์ศตวรรษที่ 19 อย่างมาก

ชาติต้องมีความเข้มแข็ง ซึ่งมักมีความหมายถึงศักยภาพที่จะใช้ความรุนแรงอย่างมีประสิทธิภาพ "หากหวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ" เกณฑ์อย่างหนึ่งซึ่งมักใช้สำหรับตัดสินความเป็นมหาราชของกษัตริย์คือ รบเก่งหรือไม่ ในรัชสมัยขยายพระราชอาณาเขตไปได้กว้างขวางหรือไม่ เหล่านี้เป็นต้น

ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 เกิดความคิดในหมู่ฝรั่งว่าชนชาติต่างๆ นั้นล้วนมีอุปนิสัยประจำชาติที่สืบทอดกันมาอย่างไม่เสื่อมคลาย จึงมีชาติขี้เล่น, ชาติเคร่งเครียด, ชาติทหาร (martial race), ชาติ "ตัวเมีย" (feminine race), ฯลฯ ตามแต่จะว่ากันไป

(ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ชัดเจนในงานนิพนธ์ของหลวงวิจิตรวาทการ)

แล้วเราอยากเป็นชาติอะไร ก็ต้อง "ชาตินักรบ" สิครับ ("ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด") จึงทำให้ความเข้มแข็งของชาติมีความหมายที่เน้นศักยภาพของการใช้ความรุนแรงสูง

โชคดีที่ผู้นำไทยนับตั้งแต่ ร.5 สืบมาถึงสมัยหลัง ใช้ความเป็น "ชาตินักรบ" สำหรับปลุกใจประชาชนเท่านั้น แต่ไม่ได้เอาไปปลุกใจตัวเอง ต่างจึงมีสำนึกได้ดีว่า ในความเป็นจริงนั้น ศักยภาพของการใช้ความรุนแรงของไทยนั้นมีจำกัดมาก โดยเฉพาะกับอริราชศัตรู เราจึงประคองตัวมาได้ แม้อย่างทุลักทุเล แต่ก็ไม่ถึงกับย่อยยับอัปราในโลกแห่งความรุนแรงที่เราต้องเผชิญอยู่

แม้กระนั้น วัฒนธรรมทางราชการที่ปลูกฝังประชาชนให้ยกย่องคุณค่าของความรุนแรงในตัวของมันเองก็มีพลังอยู่ในสังคมไทยไม่น้อย คนไทยโดยเฉพาะที่ได้ผ่านการศึกษาในระบบและรับสื่อมากหน่อย เช่น คนชั้นกลาง จึงยกย่องศักยภาพที่จะใช้ความรุนแรง และมองเห็นการใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือที่วิเศษอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

ผมได้ความรู้สึกอย่างนี้จากการอ่านกระดานข่าวในเว็บไซต์ต่างๆ น่ะครับ

(มีต่อ)

http://www.matichon.co.th/weekly/weekly.php?srctag=0413300649&srcday=2006/06/30&search=no


หัวข้อ: วัฒนธรรมความรุนแรง โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 03-07-2006, 04:38
(ต่อ)

ฉะนั้น เราจึงมีวัฒนธรรมแห่งความรุนแรงสองอย่าง คือ ชนชั้นนำถึงจะยกย่องเชิดชูความรุนแรงอย่างไร ก็มีสำนึกในความเป็นจริงถึงข้อจำกัดของศักยภาพนั้น หรือแม้แต่สำนึกถึงข้อจำกัดของตัวความรุนแรงในฐานะเครื่องมือ ในขณะที่เรามีวัฒนธรรมของประชาชนที่ตื่นตัวทางการเมือง ซึ่งนิยมยกย่องความรุนแรงทั้งโดยตัวของมันเองและในฐานะเครื่องมืออย่างสุดลิ่มทุ่มประตู

แต่ก็อยู่กันมาได้โดยดี เพราะประเพณีปกครองของไทยนั้น อนุญาตให้ชนชั้นนำพูดกับประชาชนอย่างหนึ่ง แต่ทำอะไรอีกอย่างหนึ่งข้างหลัง ฉะนั้น จอมเผด็จการผู้เห้ยมหาญจึงอาจบอกประชาชนได้ว่า ระดมพลเผชิญหน้ากับขบวนการปะเทดลาวเลย ไม่ต้องไปกลัวมัน แต่เบื้องหลังคือได้เจรจากับวอชิงตันเรียบร้อยแล้ว มหามิตรของเราจึงส่งกองกำลังเข้ามาสมทบ

ผู้นำจึง***มหาญในสายตาประชาชนต่อไป ในขณะที่เราไม่ต้องเผชิญกับอริราชศัตรูโดยลำพัง หรือโดยตรงด้วยซ้ำ เพราะสภาพการณ์ได้กลายเป็นแนวรบด้านหนึ่งของสงครามเย็นระดับโลกไปแล้ว

วัฒนธรรมความรุนแรงซึ่งมีสองมิติอย่างนี้เริ่มจะหายไปเมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่ระบอบเลือกตั้งธิปไตย คนที่ก้าวเข้ามาเป็นผู้นำไม่ได้สืบเนื่องกับชนชั้นนำในอดีต (เช่น ผ่านระบบราชการ) แต่กลายเป็นคนชั้นกลางที่มีวัฒนธรรมความรุนแรงแบบสุดลิ่มทิ่มประตู เชื่อทั้งในความรุนแรงและเชื่อทั้งในเครื่องมือความรุนแรง

วัฒนธรรมชนชั้นนำที่เปลี่ยนไปอย่างนี้ ผมคิดว่าค่อยๆ เริ่มขึ้นมานานแล้ว แต่เห็นได้ชัดในสมัย คุณทักษิณ ชินวัตร นี้แหละครับ โดยเฉพาะการใช้ความรุนแรงในฐานะเครื่องมือจนแทบจะกล่าวได้ว่า ตะแกใช้เครื่องมือชนิดนี้สำหรับแก้ปัญหาแทบทุกเรื่อง นับตั้งแต่ยาเสพติด, ชนกลุ่มน้อย, แรงงานอพยพ, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ฯลฯ

เพื่อความเป็นธรรม ควรกล่าวด้วยว่า นโยบายใช้ความรุนแรงนี้ไม่ได้ทำโดดๆ นะครับ ทำท่ามกลางเสียงเชียร์มากบ้างน้อยบ้างของคนชั้นกลางที่ไปร่วมขับไล่แกในภายหลังนั่นแหละครับ

ความรุนแรงในฐานะวัฒนธรรมเชื่อมโยงกับการเมือง, เศรษฐกิจและสังคมอย่างแยกออกจากกันไม่ได้

ผมคิดเรื่องข้างต้นทั้งหมดนี้เมื่ออ่านรายงานของ กอส. ซึ่งเสนอให้แก้ไขปัญหาความไม่สงบในภาคใต้สามระดับ คือ ระดับบุคคล, ระดับโครงสร้าง และระดับวัฒนธรรม

ส่วนที่ลึกสุดคือวัฒนธรรม ซึ่งจะพูดว่าสำคัญที่สุดก็ได้ เพราะถ้าไม่แก้ถึงระดับนี้ก็ยากที่จะรักษาสันติสุขไว้อย่างยั่งยืนได้ ไม่ใช่เฉพาะในภาคใต้นะครับ แต่ในสังคมไทยโดยรวมทั้งหมดทีเดียว

และระดับนี้แหละครับที่ผมคิดว่ายากที่สุด เช่น จะส่งเสริมให้สันติวิธีเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนไทยในการเผชิญความขัดแย้ง ทำได้อย่างไรครับ

ผมไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้นะครับ ทำได้ แต่ทำยากเท่านั้น เพราะการใช้ความรุนแรงในฐานะเครื่องมือเป็นส่วนหนึ่งที่ฝังลึกอยู่ในวัฒนธรรมไทยปัจจุบันไปเสียแล้ว โดยเฉพาะวัฒนธรรมการ "จัดระเบียบสังคม" ต่างๆ (เช่น แก้ปัญหาอาชญากรรมทุกอย่างด้วยการออกกฎหมายเพิ่มโทษ)

ทัศนคติที่ให้คุณค่าแก่ความรุนแรงฝังอยู่ในระบบการศึกษา (ทั้งในและนอกโรงเรียน), ในสื่อ, ในระบบการเมือง, ในกฎหมาย, ในคำเทศน์, ในพิธีกรรม, ในวิถีชีวิตทั้งหมดของคนชั้นกลางไทยเลยก็ว่าได้

คนกลุ่มเดียวที่มีความตื่นตัวทางการเมือง และมีสมรรถภาพจะเข้าถึงอำนาจรัฐได้ คือคนที่อยู่ในวัฒนธรรมแห่งความรุนแรงอย่างเหนียวแน่น ฉะนั้น ผมจึงไม่ค่อยมีความหวังว่ารัฐจะสามารถเป็นผู้นำเปลี่ยนแปลงอะไรในเรื่องนี้ได้มากนัก

สิ่งที่น่าคิดกว่าก็คือ ประชาชนมีพลังพอจะเข้าไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของสังคมได้หรือไม่ ถ้ามีไม่พอ ทำอย่างไรถึงจะมีพอ

http://www.matichon.co.th/weekly/weekly.php?srctag=0413300649&srcday=2006/06/30&search=no

มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1350

ตามเคยของท่านผู้เขียน คือ ชี้ให้เห็นปัญหา แต่ไม่บอกทางแก้

ขึ้นอยู่กับพวกเราว่าจะช่วยกันแก้ปัญหา หรือจะช่วยกันส่งเสริมให้ปัญหาขยายตัวเพิ่มขึ้น

หากไม่ช่วยกันแก้ อย่างน้อยที่สุดก็อย่าทำตัวให้เป็นปัญหาซะเอง



หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: คนในวงการ ที่ 03-07-2006, 04:48
ผมว่าทางแก้ คุณนิธิได้บอกตั้งแต่ต้นแล้วครับ นั่นคือสันติวิธี เพียงแต่ไม่ได้บอกวิธีปฏิบัติให้ชัดเจนลงไปนั่นเอง แต่ผมอยากจะขอบังอาจแสดงความคิดเชิงแนะนำนะครับ ว่าที่แท้จริงแล้ว มหาบุรุษของโลกผู้หนึ่งได้ ใช้สันติวิธี แก้ไขปัญหาได้สำเร็จมาแล้ว นั่นคือท่านมหาตมะคานฑี ผู้ที่ต่อสู้ในแนวทางสันติ จนเอาชนะมหาอำนาจในยุคนั้นอย่างอังกฤษได้เป็นผลสำเร็จ วิธีที่ท่านใช้ก็แสนจะเรียบง่ายและธรรมดา คือ ไม่ให้ความร่วมมือใด ๆ กับอังกฤษ ซึ่งแนวทางนี้ ผมได้เห็นพันธมิตร ได้นำมาใช้แล้วบ้างในบางข้อ และกำลังพยายามขยายความคิดนี้ไปให้กับผู้ร่วมชุมนุมทุกท่าน และได้ผลนั่นคือ รัฐบาลไม่สามารถหาข้ออ้างใด ๆ มาสลายการชุมนุมได้ นอกจากเป็นอีแอบ มาดำเนินคดีในภายหลังว่าก่อความไม่สงบ กีดขวางการจลาจร ฯลฯ

ในตอนนี้ก็เร่งดำเนินคดีเป็นการใหญ่หวังจะจับแกนนำเข้าคุก ซึ่งเหตุการณ์นี้ ก็เคยเกิดขึ้นกับมหาตมะคานฑี และผมก็เชื่อว่าแกนนำการชุมนุม ก็จะยอมให้จับแต่โดยดี เหมือนกับที่ท่านมหาตมะเคยทำ เพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือด การต่อสู้ทางการเมืองจากนี้ไป ต้องจับตาดูให้ดีครับ


หัวข้อ: ใช้ธรรมบังหน้า เพื่อหลอกฆ่าฟัน
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 03-07-2006, 04:55

โปรดจำสัจธรรมข้อนี้ไว้นะคะ

พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ  พึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต  พึงสละชีวิตเพื่อรักษาธรรม

ขอให้พวกเราช่วยกันสละชีวิตของไทยรักไทย เพื่อรักษาธรรมไว้เถิดค่ะ

ตามที่ดิฉันเข้าใจ ความหมายคือ ให้สละชีวิตตัวเอง

ไม่ได้ให้ไปสละชีวิตคนอื่น จะโดยขอร้อง/บังคับ คนผู้นั้นก็ตามที

เข้าใจว่าคงเรียนธรรมมาคนละที่กับคุณ พรรณชมพู

ผู้รู้จักคำว่า “ใช้ธรรมบังหน้า เพื่อหลอกฆ่าฟัน”



หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: chaidan ที่ 03-07-2006, 05:45
ขอกราบเท้าท่านผู้ทรงธรรมงามๆนะครับ ไม่ทราบว่าเรื่องที่ "ท่านบวรศักดิ์บอกว่าป๋าเปรมไม่ได้บีบให้ลาออก"
จะเกี่ยวกับที่ พณ.ท่าน กล่าวพาดพิงคุณ บวรศักดิ์ ว่า "ลาออกเพราะถูกผู้มีบารมีนอกระบบขอร้อง" หรือเปล่าครับ
แล้วที่ พณ.ท่านพูดอย่างนี้ เราควรจะใช้ธรรมข้อไหนพิจารณาดีครับ  :roll:


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 03-07-2006, 08:29
คุณ JaoPing

นักรบ ไม่ใช่ นักฆ่า นักรบในสมัยโบราณนั้นมีคุณธรรม เช่น จะไม่ทำร้ายผู้ที่อาวุธหลุดจากมือ จะไม่ทำร้ายผู้ที่ล้มลงบนพื้น จะไม่ทำร้ายผู้ที่หมดทางสู้ ฯลฯ คุณธรรมเหล่านี้ เหนี่ยวรั้งเมตตาธรรมไว้ส่วนหนึ่งให้คงอยู่ในใจ ในขณะที่นักฆ่า จิตมีแต่ความดุร้ายหมายทำลายล้างเพื่อชัยชนะเพียงอย่างเดียว ไม่คำนึงถึงคุณธรรมใดๆ

แม่ทัพจะเลือกนักรบ หรือนักฆ่า มาจัดตั้งเป็นกองทัพ ขึ้นกับว่าเป็นทัพของใคร ฝ่ายธรรมะ หรือ อธรรม

คุณ snowflak

ขอบคุณสำหรับบทความของคุณนิธิ ฯ

คุณ chaidan

ใช้หลัก กาลามสูตร อย่างเพิ่งเชื่อ เพราะเรื่องยังเร็วไปที่จะสรุป "ผู้มีบารมีนอกระบบ" อาจจะมีจริงหรือไม่มี ก็ยังไม่รู้ชัด หรือถ้ามีจริง จะเป็นใครก็ยังไม่ชัด หรือถ้าไม่มี เป็นเพราะนายกฯกุข่าวปั้นเรื่องขึ้นมาเพื่อหวังผล หรือเข้าใจผิดเพราะถูกสงครามข่าวหลอกเอา ก็ยังไม่ชัด

ซึ่งตัวผมเอง ก็ยังไม่ปักใจลงความเห็นใดๆต่อเรื่อง ผู้มีบารมีนอกระบบ

แล้วควรจะทำอย่างไร ง่ายที่สุดคือ รอดู เวลาจะค่อยๆคลี่คลายความจริงให้ปรากฎออกมาเอง


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 03-07-2006, 10:13
แหม คุณ กาลามชน กับคุณ snowflake แปลความหมาย ไปถึงคำว่าความรุณแรงโน่น...ดิฉันอ่านแล้วแทบตกเก้าอี้ คิดไปได้  ว่าแต่ได้ทีนี่ใส่มาเต็มที่เลยนะ

คุณกาลามชนคะ ผู้ทรงธรรม ผู้ประเสริฐ คุณเอาธรรมมะมาเผยแพร่เช่นนี้ ในขณะที่ใจคุณยังฝักใฝ่อยู่กับทักษิณ ฝักใฝ่อยู่กับอธรรม........ฝักใฝ่อยู่กับคนนิยมความรุณแรง ฝักใฝ่อยู่กับคนพูดจาโกหก หลอกลวง ฝักใฝ่อยู่กับคนคดโกง  แล้วเอาธรรมมาเผยแพร่เพื่ออะไรเล่า ในขณะที่จิตใจคุณยังฝักใฝ่อยู่กับความทุจริต  เก็บไว้ศึกษาให้บรรลุก่อนจะดีกว่าไหม เผื่อรู้แจ้งเห็นจริง อาจมีปรัชญาใหม่ๆมาเพิ่ม ทำแบบนี้ คนบ้านนอกอย่างดิฉันเรียกว่า

มือถือสากปากถือศีล

คุณกาลามชนคะ  ในสมรภูมิรบ ปรัชญาข้อเดียว คือ ไม่เอ็งตายก็ข้าอยู่.......อย่าเพ้อฝันให้มาก อย่าหลงนิยายคลาสสิค จนลืมความเป็นจริง....ในสมรภูมิรบ ถ้าข้าศึกดาบหลุดจากมือ ข้าศึกล้ม แล้วละชีวิต คนที่เสียชีวิตคือตัวนักรบเองหาใช่ข้าศึกไม่ (ความจริงมันโหดร้ายสักหน่อย หวังว่าคงไม่ทำลายจิตใจอันทรงธรรม จิตใจอันอ่อนโยนของคุณนะคะ)  ปัจจุบัณ นักรบในสงครามเค้าเลิกใช้ดาบกันแล้ว เดียวนี้เค้าใช้ปืนกัน.....ลูกผู้ชาย ออกสู่สมรภูมิ รบเื่พื่อชาติ สละได้แม้ชีวิต....ออ นักรบ หรือทหารที่ดิฉันกล่าวถึงนี่คือทหารที่ประจำอยู่ชายแดนนะคะ ส่วนทหารที่อยู่ใต้ชายกะโปรงภริยา ไม่นับ

กองทัพฝ่ายธรรมะ หรือฝ่ายอธรรม....ใครจะเป็นคนตัดสินเล่า หรือคุณกาลามชนบรรลุอริยะ ถึงขั้นตัดสินได้.....สมัยก่อน ไทยรบพม่า เราคนไทย เราเทิดทูนกองทัพเราว่าเป็นฝ่ายธรรม ยกย่องจอมทัพเราว่าเป็นวีรบุรุษ รบเพื่อปกป้องชาติ  พม่าก็เช่นเดียวกันเค้าเคารพและยกย่อง บูชาจอมทัพของเค้า ยกย่องเป็นวีรบุรุษเช่นเดียวกัน.................ผิด ถูก อยู่ที่ใครตัดสิน และคนตัดสินก็มักจะตัดสินเข้าข้างพวกพ้องตัวเอง ใช่หรือไม่  ธรรมมะหรืออธรรม ใครเล่าจะบอกได้




หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 03-07-2006, 10:22
คุณ snowflake คะ

ขอบคุณสำหรับบทความที่เอามาลง

แต่ดิฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ทั้งดิฉันและคุณพรรณชมพู หรือแม้กระทั่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นักวิชาการกลุ่มรู้ทันทักษิณ ไม่มีใครสักคนเลยที่นิยมความรุณแรง ไม่มีใครสักคนเลยที่ปราถนาการนองเลือด สังเกตได้จากการพยายามควบคุมการดำเนินการของม๊อบ

ส่วนที่คุณพรรณชมพู เธอเขียนเพื่อเปรียบเทียบเท่านั้นไม่ได้หมายความว่า ขอให้ ฆ่า ทรท สังหาร สส ทรท แต่ขอให้สละพรรค ทรท เพื่อดำรงไว้ซึ่งชาติไทย อันปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข....ไม่ได้มุ่งหวังให้ฆ่าล้างแค้น...(ผิด ถูกประการใด ขออภัยคุณพรรณ ด้วยนะคะ)

ถ้าหากดิฉันเข้าใจคุณ Snowflake ผิด ก็ขออภัยด้วยนะคะ  แต่คราวหลังรบกวนคุณสื่อเจตนาของคุณด้วยได้ไหม...คือคนบ้านนอกอย่างดิฉันอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ อ่านแล้วพาลให้เข้าใจผิดอยู่เรื่อยน่ะค่ะ :mrgreen:


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 03-07-2006, 10:27
อ้างถึง
ตามที่ดิฉันเข้าใจ ความหมายคือ ให้สละชีวิตตัวเอง

ไม่ได้ให้ไปสละชีวิตคนอื่น จะโดยขอร้อง/บังคับ คนผู้นั้นก็ตามที

เข้าใจว่าคงเรียนธรรมมาคนละที่กับคุณ พรรณชมพู

ผู้รู้จักคำว่า “ใช้ธรรมบังหน้า เพื่อหลอกฆ่าฟัน”

หนูเรียนธรรมเองค่ะ ผิดพลาดอย่างไรไม่มีอาจารย์ให้โทษค่ะ

จะไปเรียนกับอิสระมุนีก็เข้าไม่ถึง เพราะเหลี่ยมกับสีกาแย่งกันรุมอาจารย์จนกระเจิงไปแล้ว

ถามนิดหนึ่งเถิดค่ะ ฉลาดจนไม่รู้จักคำว่า  ประชด  เหรอคะ อิอิ


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 03-07-2006, 10:36
อ้างถึง
มหาบุรุษของโลกผู้หนึ่งได้ ใช้สันติวิธี แก้ไขปัญหาได้สำเร็จมาแล้ว นั่นคือท่านมหาตมะคานฑี ผู้ที่ต่อสู้ในแนวทางสันติ จนเอาชนะมหาอำนาจในยุคนั้นอย่างอังกฤษได้เป็นผลสำเร็จ วิธีที่ท่านใช้ก็แสนจะเรียบง่ายและธรรมดา คือ ไม่ให้ความร่วมมือใด ๆ กับอังกฤษ

ประวัติศาสตร์เขียนโดยผู้ชนะค่ะ   ไม่ได้หมายถึงว่าประวัติศาสตร์ของอินเดียผิดหรือถูกแต่อย่างไรนะคะ แต่จะบอกว่า

ความเข้าใจในการต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดีย ที่กล่าวว่าชนะโดยมหาตมะคานธีเพียงลำพังนั้น ผิดค่ะ

มีผู้ต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดียมากมายค่ะ มหาตมะคานธีเป็นกลุ่มหนึ่งในการต่อสู้นั้น  และเป็นกลุ่มที่ใช้อหิงสา  ขณะที่ยังมีกลุ่มที่ใช้กำลัง  และการเมืองระหว่างประเทศ ร่วมอยู่ด้วย

และยังมีแม้แต่สหายรักของคานธี ที่เห็นว่ายังไม่ควรเรียกร้องเอกราชเร็วจนเกินไปนัก ในที่สุดเพื่อนรักเองก็ยังต้องแตกคอกัน  เหตุที่เขาไม่เห็นว่าควรได้เอกราชเร็ว เพราะเล็งเห็นถึงความแตกแยกในประเทศ ซึ่งที่สุดก็เป็นความจริงเมื่ออินเดียซึ่งได้รับเอกราช ต้องเสียปากีสถานและบังคลาเทศไป

มหาตมะคานธีควรได้รับการยกย่อง  แต่อย่าเอาภาพไม่ชัดเจนในประวัติศาสตร์ มาบดบังความจริงที่ว่า  อินเดียไม่ได้เอกราชด้วยการนั่งเฉยๆ หรือต่อต้านไม่รับคำสั่งอังกฤษแต่เพียงอย่างเดียว  โปรดดูด้วยว่าในขณะนั้น อังกฤษย่ำแย่แค่ไหน  และจำต้องปล่อยอินเดียให้เป็นอิสระ  หลังจบสงครามโลกครั้งที่สอง ที่อังกฤษหมดสภาพความเป็นมหาอำนาจไปแล้ว  และกลุ่มต่อสู้อื่นๆที่ต่อสู้อังกฤษเช่นกันก็มีมากมาย

วันนี้ อาจจะมีคนนั่งรักษาธรรม และเชื่อว่าจะชนะทักษิณได้  ก็ขออนุโมทนาด้วย  ส่วนพวกที่ไม่เชื่อ  และเห็นว่าต้องจัดการให้ถึงที่สุด  แม้จะมีบางวิธีนอกธรรมไปบ้าง  ก็ขอเอาใจช่วย

เพราะจุดมุ่งหมายของสองกลุ่มนี้เหมือนกัน  นั่นคือกำจัดคนชั่วของแผ่นดินค่ะ


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 03-07-2006, 11:31
หากศัตรูจะมาทำลายบ้านเมือง ถ้าไม่รบก็จะถูกฆ่า ถูกย่ำยี จะรบเพื่อป้องกันตัวก็สมควรอยู่  แต่เหตุการณ์วันนี้ไม่ใช่ศัตรูมาย่ำยี แต่เป็นแบ่งฝ่ายแย่งชิงอำนาจในการปกครองประเทศ.. ใครจะถือว่าอีกฝ่ายมิใช่คนร่วมชาติ แต่เป็นศัตรูที่จะอยู่ร่วมแผ่นดินมิได้ ก็ตามใจเถิด

คุณกะลาชนเที่ยวไปสั่งสอนผู้อื่นเรื่องวจีทุจริต แต่แค่อ้าปากคุณกลับเป็นเสียเอง

ทุกวันนี้ไม่มีใครแย่งอำนาจใครเลย มีแต่ไอ้ชั่วทักษิณ ชินวัตร คนเดียวที่กำลังดิ้นรนเพราะกลัวสูญเสียอำนาจ พันธมิตรฯไม่ได้เป็นพรรคการเมือง และแกนนำพันธมิตรฯก็ประกาศชัดเจนว่าไม่ต้องการเล่นการเมือง ผู้ที่ฉ้อราษฏร์บังหลวง ลบหลู่สถาบัน เป็นสาเหตุการตายของคนไทยเป็นพันๆศพ นั่นแหละคือ "ศัตรู" ที่กำลังย่ำยีชาติ




ขอวิงวอนให้เหล่าผู้กล้าแห่งเวบบอร์ด ทุกคน ทุกฝ่าย โปรดน้อมรับธรรมของพระพุทธเจ้าไว้เป็นหลักประจำใจ เพื่อให้บังเกิดเป็นการต่อสู้ระหว่างกองทัพธรรม

ผมไม่บังอาจโฆษณาตัวเองว่าเป็นศาสนิกของศาสนาใดครับ แต่ผมวิงวอนว่า ศาสนิกของศาสนาใดที่แท้จริง จะไม่เอาธรรมะของศาสนานั้นมาอ้างพร่ำเพรื่อหรอก การพูดการกระทำมันส่อ "เจตนา" อยู่แล้ว คุณหลีกมันไปไม่พ้น

ถ้าคุณกะลาชนรักธรรมะจนถือไว้เป็นหลักประจำใจจริง คุณจะไม่ไป "ปรองดอง" กับคนชั่วหรอก จริงไหมครับ :?:

[/color]

อ้างถึง
มหาตมะคานธีควรได้รับการยกย่อง  แต่อย่าเอาภาพไม่ชัดเจนในประวัติศาสตร์ มาบดบังความจริงที่ว่า  อินเดียไม่ได้เอกราชด้วยการนั่งเฉยๆ หรือต่อต้านไม่รับคำสั่งอังกฤษแต่เพียงอย่างเดียว  โปรดดูด้วยว่าในขณะนั้น อังกฤษย่ำแย่แค่ไหน  และจำต้องปล่อยอินเดียให้เป็นอิสระ  หลังจบสงครามโลกครั้งที่สอง ที่อังกฤษหมดสภาพความเป็นมหาอำนาจไปแล้ว  และกลุ่มต่อสู้อื่นๆที่ต่อสู้อังกฤษเช่นกันก็มีมากมาย

วันนี้ อาจจะมีคนนั่งรักษาธรรม และเชื่อว่าจะชนะทักษิณได้  ก็ขออนุโมทนาด้วย  ส่วนพวกที่ไม่เชื่อ  และเห็นว่าต้องจัดการให้ถึงที่สุด  แม้จะมีบางวิธีนอกธรรมไปบ้าง  ก็ขอเอาใจช่วย

เพราะจุดมุ่งหมายของสองกลุ่มนี้เหมือนกัน  นั่นคือกำจัดคนชั่วของแผ่นดินค่ะ
ข้อความเมื่อ: วันนี้ เวลา 10:27ข้อความโดย: พรรณชมพู 
[/color]

(http://www.dotflowers.com/imageslarge/largeimages/products/W10-3504.jpg)

ประกายดาว เป็น แฟนคลับ ประจำ ของ สองท่านข้างล่างนี้ คุณ ThaiTruth กับ คุณ พรรณชมพู มากๆค่ะ

เมื่อวาน ได้คุยกับ ท่านผู้ใหญ่มากๆ ในบ้านเมือง
กรรม คือเครื่อง แสดง เจตนา ของผู้ชายชื่อ ทักษิณ มากเกิน บรรยายค่ะ


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: koo ที่ 03-07-2006, 12:14
กระทู้ เดือดแฮะๆ ยังไม่ว่าง อ่านะครับ แต่มาเชิญชวน ผู้บอกว่าตนเองเป็นนักวิชาการ  :mrgreen: ไปวิเคราะห์ หลักกาลามสูตรหน่อย

http://forum.serithai.net/index.php?topic=3660.msg50985

 :mrgreen:  :mrgreen:  :mrgreen:



หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จูล่ง_j ที่ 03-07-2006, 13:53
ตีความกันไปมากมาย

ผมไม่รู้นะ ว่าใครจะไปฆ่าใคร

ผมคิดว่า คนที่ต่อสู้กับระบอบทักษิน ไม่ได้ไปฆ่าใครหรอก มีแต่จะถูกมันฆ่า และผมก็พร้อม ถ้าจำเป็น

อย่าง เช่น หากมีการชุมนุมใหญ่อีก ถ้าสถาณการณ์นั้นพันธมิตร ต้องการคนเยอะ ผมก็จะไปร่วม

ถ้าแม้วมันอยากจะมาฆ่าคนชุมนุม ก็มาเถอะ

ผมจะไม่หดหัวอยู่กับบ้าน ปล่อยคนวิปลาศอย่างแม้ว ครองเมือง


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 03-07-2006, 14:04
คำตอบส่วนใหญ่เป็นการกระแทกมาที่ตัวผมโดยตรง

พอกระแทกใส่ผู้ที่เขียนแล้ว ก็ทำเหมือนได้โต้ตอบให้เนื้อหาตกไปด้วย

ขอให้ลองคิดว่า ถ้าเนื้อหาที่ผมเขียนนี้ เขียนโดยใครสักคน ที่เพิ่งจะมาปรากฎตัวเป็นวันแรก(ไม่กล้าขอยืมชื่อใคร) ถ้าไม่มีช่องให้ตอบกระทบกระเทียบใส่ตัวผู้เขียนแล้ว  คุณจะคิดอย่างไรกับเนื้อหา  




หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 03-07-2006, 14:26
ผมได้บอกแล้วในคำตอบที่ 3 ว่าถ้าจะแบ่งฝ่ายสู้กัน

ผมก็ไม่ห้ามแล้วครับ

คุณจะระดมพลโค่นล้มระบอบทักษิณ ก็จะไม่ห้ามอีกแล้ว

เพราะเห็นจะเข้าสงครามใหญ่แล้ว ถึงได้เอาธรรมมาให้ ขอให้อ่านแล้วคิดกันอีกที่ สมมติว่าเป็นใครสักคนที่ศึกษาธรรมเป็นผู้กล่าว ไม่ใช่ผม

สนามรบในกาลนี้ รบกันด้วยปัญญา มีวาจาเป็นอาวุธ จะรบกับฝ่ายตรงข้าง ถ้าไม่ใช้วิธีโกหก ไม่ใช้วิธีด่าทอ ไม่ใช้วิธียุยงปลุกปั่น ไม่ทำให้เหตุและผลคลาดเคลื่อน ถ้าไม่ก้าวล่วงจีทุจริต 4 ประการนี้แล้ว จะไม่มีทางรบชนะอย่างนั้นหรือ ผมไม่เชื่อว่าคนพูดจริงจะแพ้คนโกหก คนพูดไพเราะจะแพ้คนสามหาว คนพูดมีเหตุผลจะแพ้คนตลบตะแลง ผมไม่เห็นว่าจำเป็นต้องใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน เขาโกหกมา เราต้องโกหกกลับไปสองเท่า เขาด่ามาห้าคำ เราต้องด่ากลับไปสิบคำ ถ้าต้องเอาชนะกันด้วยวิธีนั้น ใยมิใช่แข่งกันเลว ผู้ชนะก็คือผู้ที่เลวที่สุด


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 03-07-2006, 15:03
ทุกคำที่โพสต์ไปหาใช่กระแทกแดกดัน แต่ดิฉันตั้งใจฟันตรงๆ

ถ้าเนื้อหาที่คุณเขียนด้วยใจที่บริสุทธิ หวังให้การต่อสู้ของกลุ่มคนที่จะโค่นล้มอำนาจทรราชย์ เป็นไปอย่างสงบ สันติ ดึงสติของผู้ที่กำลังอาฆาตแค้น.....เนื้อหาของทุกคำที่คุณเขียนก็คงมีค่าไม่มากก็น้อย

ใจบริสุทธิ์หรือไม่ คุณก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ

ถ้าถามว่าถ้ากระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่คุณโพสต์ ดิฉันก็คงปลาบปลื้มในธรรมะ ของคุณไม่น้อย....แต่เพราะกระทู้นี้ไม่ใช่กระทู้แรก และพอย้อนกลับไปดูกระทู้ของคุณก่อนหน้า......กรรมเป็นเครื่องส่อเจตนา ซึ่งบ่งบอกเจตนาของคุณอย่างชัดเจนอยู่แล้ว

แล้วจะมาโอดครวญว่าผมถูกแดกดัน มันน่าตลกไหม

ได้เขียน และย้ำไปหลายครั้ง.........ว่า ในเมื่อตัวผู้ยกธรรมมะ มาข่มคนอื่นนั้น ยังมัวเมา ยังนิยมชมชอบอยู่ในบุคคลอันทุจริต แล้วจะยกธรรมมะ มาเพื่ออะไร ในเมื่อตัวผู้ยกเอง ยังไม่สำเหนียกถึงความทุจริตที่อยู่ในใจตน

ถึงได้บอกไงว่าคนบ้านนอก เรียกคนประเภทนี้ว่า มือถือสากปากถือศีล

คุณจะระดมพลโค่นล้มระบอบทักษิณ ก็จะไม่ห้ามอีกแล้ว......ถามว่าถ้าคุณจะห้าม ห้ามเพราะอะไร มีเหตุผลอะไรมาห้าม

ดิฉันเขียนตรงไหนผิด ตรงไหนไม่ถูกต้องคุณก็แย้งซิคะ.....รึถนัดแค่โอดครวญแล้ววิ่งหนี

ดิฉันขอปฏิเสธว่าไม่ได้กระแทกแดกดัน  แต่อย่างที่บอกตอนแรก ว่า ฟันกันตรงๆ


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 03-07-2006, 15:18
จะฟันตัวผมก็มิเป็นไร ณ ขณะนี้ผมแค่ต้องการให้ผู้ที่ผ่านมาอ่านได้เจอข้อความที่ผมเขียน และรับไว้พิจารณา

สนามรบในกาลนี้ รบกันด้วยปัญญา มีวาจาเป็นอาวุธ จะรบกับฝ่ายตรงข้าง ถ้าไม่ใช้วิธีโกหก ไม่ใช้วิธีด่าทอ ไม่ใช้วิธียุยงปลุกปั่น ไม่ทำให้เหตุและผลคลาดเคลื่อน ถ้าไม่ก้าวล่วงจีทุจริต 4 ประการนี้แล้ว จะไม่มีทางรบชนะอย่างนั้นหรือ ผมไม่เชื่อว่าคนพูดจริงจะแพ้คนโกหก คนพูดไพเราะจะแพ้คนสามหาว คนพูดมีเหตุผลจะแพ้คนตลบตะแลง ผมไม่เห็นว่าจำเป็นต้องใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน เขาโกหกมา เราต้องโกหกกลับไปสองเท่า เขาด่ามาห้าคำ เราต้องด่ากลับไปสิบคำ ถ้าต้องเอาชนะกันด้วยวิธีนั้น ใยมิใช่แข่งกันเลว ผู้ชนะก็คือผู้ที่เลวที่สุด


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จูล่ง_j ที่ 03-07-2006, 15:23
เง้อ คุณ กาลามชน จะมาพูดเป็นแผ่นเสียงตกร่องทำไมนิ

ถ้าจะแย้งก็เอาความเห็นใหม่ๆมาเพิ่มสิครับ อย่าโกงดิ :lol:


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 03-07-2006, 15:27
ก็ไม่คิดจะห้ามแล้วครับ เพียงพอแล้วครับ

รักษาธรรมไว้นะครับ คุณจูล่ง_j แล้วธรรมจะรักษาคุณ


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 03-07-2006, 15:31
เอ๋า คุณกาลามชน

คุณนี่เป็นผู้ชายซะเปล่า

ดิฉันบอกคุณชัดเจนแล้วนะคะ ว่า ฟันกันตรงๆ ตรงไหนผิด ตรงไหนไม่ใช่ก็แย้งมา.....

ถ้าคุยภาษานักรบ เอาล่ะ ดิฉันยอมให้คุณอยู่ฝ่ายธรรมมะ เป็นกองทัพธรรม

นักรบฝั่งตรงข้าม ส่งสาร์นท้ารบ ส่งอย่างเปิดเผยด้วยนะเอ๊า....

นักรบกองทัพธรรม (อย่างคุณกาลามชน)........ทิ้งเมืองหนี ไปดื้อๆ เลยงั้นเหรอ

ถอยตั้งหลัก หรือหนีไปตั้งเมืองใหม่ล่ะนั่น... 5 5 5


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 03-07-2006, 15:56
คุณ JaoPing

เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า ธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะพูดออกจากปากของใคร ก็งดงามเสมอต้นเสมอปลาย
คุณและบางคนพยายามชี้นำว่า ถ้าพูดออกจากปากคนที่ใจสกปรกอย่างตัวผม ธรรมก็หมดความหมาย
เหมือนมีเจตนาจะอ้างเอาตัวคนพูด เป็นเงื่อนไขที่จะชักชวนให้ผู้อื่นว่าไม่ควรรับพิจารณธรรมนั้น  
ถ้าคุณคิดว่าถูกแล้ว ก็ควรทราบว่าคุณคิดผิดแปลกไปจากสังคม ต่างกันที่ระดับฐานรากของความเชื่อเลย
ก็เลยไม่รู้จะต่อได้อย่างไร เพราะทำอย่างไร คุณก็คงไม่เห็นผมดีขึ้นมาได้ ก็เลยต้องยอมเป็นฝ่ายถอยไป


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 03-07-2006, 16:07
จากปากคำของเด็กสาว ที่ตกเป็นเหยื่อของอลัชชีบ้ากามละแวกสามพราน ให้การไว้ว่า ในขณะที่เธอถูกล่วงละเมิดทางเพศ อลัชชีตนนั้น พร่ำพูดว่า  "หลวงพ่อทำด้วยความเมตตาๆๆ" ก่อนจะสำเร็จกามกิจ ทั้งๆที่ยังอยู่ในผ้าเหลือง

"ธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะพูดออกจากปากของใคร ก็งดงามเสมอต้นเสมอปลาย"

เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ

ธรรมของพระพุทธเจ้า งดงามเสมอต้นเสมอปลาย เห็นด้วยสุดหัวใจค่ะ

แต่ธรรมนั้น เมื่อหลุดออกจากปากของอลัชชี  ไม่งามค่ะ

พระเส้าหลินกล่าว "อมิตตะพุทธ" แล้วฟาดฝ่ามือใส่คู่อริจนสิ้นลมปราณ  คำที่กล่าวนั้นงดงามจริงหรือคะ

ธรรมย่อมรักษา ผู้ประพฤติธรรม

และ

ธรรม ก็ควรออกจากปากของผู้ประพฤติธรรมค่ะ

นกแก้วนกขุนทอง ร้องธรรมออกมาเพราะจำเสียงได้  งดงามหรือคะ


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 03-07-2006, 16:18
เอาเถอะ คุณจะสรุปว่า เพราะธรรมนี้ออกจากปากคนที่ใจสกปรก จึงควรเป็นโมฆะ มิควรพิจารณาใช่ไหม
นี่คือ สัมผัปปลาปะวาจา ขนานแท้ และเป็นแบบที่จะมีกรรมหนักมากด้วย เพราะเป็นการปรามาสธรรม
ผมจึงคิดว่าควรหลบไปเอง จะดีกว่า เพื่อประโยชน์ของคุณ


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 03-07-2006, 16:23
คุณนี่คิดไปนู่น คิดมากจริงๆ.....ขอย้ำอีกทีว่าดิฉันไม่ได้ แดกดัน ไม่ได้มีเจตนาอื่น ขนาดพูดตรงๆ ฟันกันตรงๆ คุณยังเข้าใจไปนู่นนนน...แล้วคิดดูซิคะเวลาคุณพิมอะไรที่มันอ้อมๆ คนอ่านเค้าจะตีความไปทางไหน

ธรรมะของพระพุทธองค์ บริสุทธิ์และผุดผ่อง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เปรียบเหมือนดวงแก้ว.........แต่สมมติว่าดวงแก้วตกลงไปในกองอาจม แล้วกองอาจมก็ร้องเร่ ให้คนมาดูดวงแก้ว.....คนมาดูน่ะ ไม่ได้มองว่าดวงแก้วมีราคีหรอกค่ะ แต่เค้าจะมองว่าดวงแก้วแปดเปื้อน ดวงแก้วอันบริสุทธิ์หาคู่ควรกะกองอาจมไม่

....โอ้ยๆ ปากจัดอีกแล้วดิฉัน....


ไม่รู้ว่าที่โดนรุมอยู่ในขณะนี้ เพราะกลัวว่าคนจะเริ่มรู้สึกดีกับผมหรือเปล่าครับ...สำคัญตัวเองผิดแท้ๆ ประเด็นที่ดิฉันค้างคาใจนี่ คุณไม่เคยตอบได้กระจ่างชัดเลยสักประเด็นเดียว ก็เลยต้องตามจี้ คุณติดๆ อย่างนี้ไง ดิฉันกลัวคุณลืมค่ะ

ประเด็นเก่าๆ นี่มากระทู้นี้มีประเด็นใหม่อีก คุณก็ยังไม่ตอบอยู่ดี

มีข้าศึกอยู่ตรงหน้า จะหนีออกทางประตูหลัง รึประตูข้างดีล่ะคะ.... 5 5 5


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 03-07-2006, 16:26
เอ๋า คุณกาลามชน......หนีไปแล้ว

มาวัดใจหน่อยซิคะ ว่าลูกผู้ชาย หัวใจเท่ากำปั้น รึหัวใจเท่าจมูกมด

ใจไม่สู้ สู้ลูกผู้หญิงไม่ได้ อายเขานะเออ





ปล. ใครมาว่าดิฉัน กระแทกแดกดัน คุณกาลามชนนี่จะโกรธจริงๆด้วย ขอย้ำอีกทีว่าไม่ได้แดกดัน ดิฉันฟันตรงๆ...5 5 5


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: แนวสกา ที่ 03-07-2006, 17:41
จากปากคำของเด็กสาว ที่ตกเป็นเหยื่อของอลัชชีบ้ากามละแวกสามพราน ให้การไว้ว่า ในขณะที่เธอถูกล่วงละเมิดทางเพศ อลัชชีตนนั้น พร่ำพูดว่า  "หลวงพ่อทำด้วยความเมตตาๆๆ" ก่อนจะสำเร็จกามกิจ ทั้งๆที่ยังอยู่ในผ้าเหลือง

"ธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะพูดออกจากปากของใคร ก็งดงามเสมอต้นเสมอปลาย"

เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ

ธรรมของพระพุทธเจ้า งดงามเสมอต้นเสมอปลาย เห็นด้วยสุดหัวใจค่ะ

แต่ธรรมนั้น เมื่อหลุดออกจากปากของอลัชชี  ไม่งามค่ะ

พระเส้าหลินกล่าว "อมิตตะพุทธ" แล้วฟาดฝ่ามือใส่คู่อริจนสิ้นลมปราณ  คำที่กล่าวนั้นงดงามจริงหรือคะ

ธรรมย่อมรักษา ผู้ประพฤติธรรม

และ

ธรรม ก็ควรออกจากปากของผู้ประพฤติธรรมค่ะ

นกแก้วนกขุนทอง ร้องธรรมออกมาเพราะจำเสียงได้  งดงามหรือคะ

ขอแสดงความคิดเห็นนิดนะครับ ที่หลวงพ่อนั้นพูดมิใช่ธรรม การการพร่ำเพ้อ เข้าทำนองพูดเพ้อเจ้อ

หลวงจีนแห่งเส้าหลินนี่น่าจะเป็นลักษณะท่องเหมือนนกคือกล่าวออกมาเฉยๆโดยขาดสำนึก

เปรียบง่ายๆคนเจอผี ท่องนะโมฯเพราะกลัวแต่ไม่เคยรู้แปลว่าอะไร จิตไม่นิ่ง ผีจะกลัวรึ จูนไม่ถึงกัน

ถ้าเป็นคลื่นวิทยุอาจไม่ค่อยดีเสียงขาดๆหายๆ ทำความรำคาญใจบ้าง

แต่ถ้าผู้รับ จับใจความได้นำไป วิเคราะห์ถูกทาง อย่างน้อยเสียงวิทยุนั้นใช่จะไร้ค่าเสียทีเดียว

ส่วนพวกท่านจะลุยกันยังไงต่อก็เชิญครับ ผมเผ่นก่อนดีกว่า  :)


หัวข้อ: ทำชั่วกับคนชั่วไม่เป็นความดีอันยิ่งใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 03-07-2006, 18:36

โปรดจำสัจธรรมข้อนี้ไว้นะคะ

พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ  พึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต  พึงสละชีวิตเพื่อรักษาธรรม

ขอให้พวกเราช่วยกันสละชีวิตของไทยรักไทย เพื่อรักษาธรรมไว้เถิดค่ะ

ตามที่ดิฉันเข้าใจ ความหมายคือ ให้สละชีวิตตัวเอง

ไม่ได้ให้ไปสละชีวิตคนอื่น จะโดยขอร้อง/บังคับ คนผู้นั้นก็ตามที

เข้าใจว่าคงเรียนธรรมมาคนละที่กับคุณ พรรณชมพู

ผู้รู้จักคำว่า “ใช้ธรรมบังหน้า เพื่อหลอกฆ่าฟัน”



หนูเรียนธรรมเองค่ะ ผิดพลาดอย่างไรไม่มีอาจารย์ให้โทษค่ะ

จะไปเรียนกับอิสระมุนีก็เข้าไม่ถึง เพราะเหลี่ยมกับสีกาแย่งกันรุมอาจารย์จนกระเจิงไปแล้ว

ถามนิดหนึ่งเถิดค่ะ ฉลาดจนไม่รู้จักคำว่า  ประชด  เหรอคะ อิอิ

คงฉลาดไม่ได้อย่างคุณ จึงเข้าใจได้ตื้นๆ และห่วงไปว่า
คุณกำลังนำธรรมหรือคำกล่าวที่ว่ามาใช้ในทางที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดๆ ว่า
“ทำชั่วได้ถ้าทำกับคนไม่ดี”
แถมเป็นความดีอันยิ่งใหญ่ ถ้าได้ขจัดมารศาสนา

ดิฉันรู้สึกว่าแบบนี้เป็นการนำธรรมมาอ้าง เพื่อหลอกคนที่ไม่รู้เท่าทันให้ทำบาป
ไม่ต่างจากคนบางศาสนาที่คิดว่า คนนอกศาสนาเขาเป็นคนเลวทั้งหมด
และยิ่งฆ่าได้มากก็ยิ่งไปสวรรค์เร็ว
แต่ จขกท. คงไม่มีเจตนาเช่นนั้น
รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่ได้คิดให้รอบคอบ
อาจเป็นได้

สมมุติว่ามีใครอ่านข้อเขียนนี้
แล้วฉลาดไม่พอจะรู้ว่าเป็นเพียงคำประชด
เกิดไปทำระเบิดพลีชีพจริง
จขกท. จะภูมิใจ ดีใจ
เป็นสุขมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเปล่า?
ดิฉันไม่กล้าจินตนาการ
ได้เพียงแต่ยืนยันตามที่ได้เรียนรู้มา
ว่าคำสอนทางศาสนาพุทธนั้น
ทำชั่วกับคนชั่วไม่เป็นความดีอันยิ่งใหญ่
ส่วนจะบาปมากน้อยเพียงใด
ได้ส่วนลด เพราะทำกับคนไม่ดี หรือไม่
ไม่มีความรู้พอจะบอกได้

แต่ก็อยากเตือนไว้ด้วยความปรารถนาดี
ไม่ต้องการให้มีการหลอกใช้หรือชี้นำให้เกิดการทำชั่ว
โดยบอกว่าเป็นของดี ทำแล้วจะได้ไปสวรรค์
นอกเหนือจากได้เป็นวีรบุรุษ วีรสตรี

เมื่อเข้าใจถ่องแท้แล้ว ก็ตัดสินใจเลือกอย่างมีสติได้
ว่าอยากทำอย่างไร
ชีวิตใครก็ของคนนั้น กรรมของใครก็ของคนนั้น
ตัวท่านเป็นผู้รับผิดชอบเอง


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 03-07-2006, 18:39
ดิฉันเพิ่งรู้นะนี่ ว่า ขจัดไทยรักไทย ขจัดระบอบทักษิณ ออกไปจากแผ่นดินไทย นี่มันเป็นบาป.....


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 03-07-2006, 18:46
อ้างถึง
เอาเถอะ คุณจะสรุปว่า เพราะธรรมนี้ออกจากปากคนที่ใจสกปรก จึงควรเป็นโมฆะ มิควรพิจารณาใช่ไหม
นี่คือ สัมผัปปลาปะวาจา ขนานแท้ และเป็นแบบที่จะมีกรรมหนักมากด้วย เพราะเป็นการปรามาสธรรม
ผมจึงคิดว่าควรหลบไปเอง จะดีกว่า เพื่อประโยชน์ของคุณ

นี่แหละค่ะ สิ่งที่คุณกาลามชนได้พยายามมาตลอด นับตั้งแต่พยายามใช้พระธรรม เขามาเสียดสีผู้ที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับทักษิณ  นั่นก็คือหากไม่ประพฤติธรรม เพราะทนเห็นทักษิณละเมิดธรรมไม่ไหว  ก็จะต้องถูกคุณเสียดสีให้เป็นคนบาป เลวร้าย นับเป็นแผนการใช้ธรรมสยบผู้คนให้ตกเป็นทาสอธรรมได้แยบยลนัก  คุณพยายามแต่หนูก็รู้ทันค่ะ อิอิ

อ้างถึง
คงฉลาดไม่ได้อย่างคุณ จึงเข้าใจได้ตื้นๆ และห่วงไปว่า
คุณกำลังนำธรรมหรือคำกล่าวที่ว่ามาใช้ในทางที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดๆ ว่า
“ทำชั่วได้ถ้าทำกับคนไม่ดี”
แถมเป็นความดีอันยิ่งใหญ่ ถ้าได้ขจัดมารศาสนา

ลอกมานิดหน่อยนะคะ

ดีใจนะคะที่คุณเกล็ดหิมะ ฝักใฝ่ในธรรม  หนูเป็นคนบาปค่ะ  ถ้าหนูได้เป็นทหาร วันที่ลั่นไกปืนเพื่อชาติ หนูจะไม่อ้างชาติมาเพื่อลดกรรม  อย่างที่คนชอบตีความทั้งหลายกระทำกัน  เมื่อฆ่าคนก็ยินดีรับบาปอย่างเต็มที่  ไม่ต้องมคิดลดบาปกรรมให้เพราะฆ่าเพื่อชาติ

ประเทศไทยจะต้องมีศาสนาพุทธต่อไปค่ะ  ระหว่างที่คุณรักษาศาสนาให้บริสุทธิ์  หนูจะฆ่าคนที่คิดล้างศาสนาให้เองค่ะ  คุณรับบุญของคุณไป หนูก็รับบาปของหนูไป  ไม่ว่ากันค่ะ  ไม่ต้องแย่งเกียรติคุณกันค่ะ ว่าใครกันแน่ที่รักษาศาสนาไว้

ถ้าหนูเดินอยู่ในที่เปล่ยว และมีปืนสักกระบอก  หากมีโจรจะมาข่มขืน  หนูขออนุญาตยิงก่อนนะคะ  บาปก็ทำค่ะ

ส่วนคุณเกล็ดหิมะ อย่าทำเชียวนะคะ บาปค่ะ กรรมเก่ามี ถ้าจะโดนอย่างนั้น ก้มหน้รับกรรมไปนะคะ  มันจะได้หมดกรรมไป

ขอให้เจริญในเนวทางพุทธศาสนาค่ะ  การเมืองนี่สกปรกนะคะ  ลงมาแล้วระวังแปดเปื้อนค่ะ สิริจะเสื่อม


หัวข้อ: อย่าปล่อยให้การเกลียดคนๆ หนึ่ง ทำลายหรือสั่นคลอนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในจิตใจ
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 03-07-2006, 18:50
คุณ snowflake คะ

ขอบคุณสำหรับบทความที่เอามาลง

แต่ดิฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ทั้งดิฉันและคุณพรรณชมพู หรือแม้กระทั่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นักวิชาการกลุ่มรู้ทันทักษิณ ไม่มีใครสักคนเลยที่นิยมความรุณแรง ไม่มีใครสักคนเลยที่ปราถนาการนองเลือด สังเกตได้จากการพยายามควบคุมการดำเนินการของม๊อบ

ส่วนที่คุณพรรณชมพู เธอเขียนเพื่อเปรียบเทียบเท่านั้นไม่ได้หมายความว่า ขอให้ ฆ่า ทรท สังหาร สส ทรท แต่ขอให้สละพรรค ทรท เพื่อดำรงไว้ซึ่งชาติไทย อันปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข....ไม่ได้มุ่งหวังให้ฆ่าล้างแค้น...(ผิด ถูกประการใด ขออภัยคุณพรรณ ด้วยนะคะ)

ถ้าหากดิฉันเข้าใจคุณ Snowflake ผิด ก็ขออภัยด้วยนะคะ  แต่คราวหลังรบกวนคุณสื่อเจตนาของคุณด้วยได้ไหม...คือคนบ้านนอกอย่างดิฉันอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ อ่านแล้วพาลให้เข้าใจผิดอยู่เรื่อยน่ะค่ะ :mrgreen:

เข้าใจผิดไม่กลัว กลัวเข้าใจถูก อาจจะดู ASTV มากไปจนเข้าใจผิดก็ได้
ขอภาวนาให้สิ่งที่คุณเชื่อ (เน้นสีแดง) เป็นจริงด้วยก็แล้วกัน

เจตนาของดิฉันหรือคะ เขียนไปหลายครั้งแล้ว ถ้าใครยังไม่ทราบหรือไม่เชื่อ
บอกอีกก็ได้ว่า ไม่นิยมความรุนแรง และ ไม่เห็นด้วยกับการทำเลวกับคนเลว
ตอนนี้อาจต้องเพิ่มด้วยว่า และการส่งเสริมและสนับสนุนแนวคิดเช่นนี้

หลักการมาตรฐานของความเป็นคนดีมีศีลธรรมก็ต้องดำรงคงอยู่
จะมาปล่อยให้เสียไป หรือยกเว้นชั่วคราว เพื่อเอาชนะคนเลวเหลี่ยมจัด
ที่ฉลาดเกินไป มีเงินและอิทธิพลมากเกินไป
กระทั่งเป็นต้นเหตุให้เกิดความแตกแยกทางความคิด
ชนิดทำให้เกิดการเห็นว่าระบบหรือวิธีการดีๆ ที่ถูกต้อง
ทางกฎหมายและศีลธรรมนั้นใช้ไม่ได้
ต้องใช้วิธีการอื่นๆ มาต่อสู้จึงจะมีทางเป็นไปได้

เห็นว่าผู้นำไม่มีจริยธรรม เราก็อย่าไปทำตาม
เห็นว่าเขาทำชั่ว ก็ไม่ต้องไปชั่วตามหรือชั่วกว่า
เพื่อให้จัดการกับคนชั่วได้

เป็นคนดีก็ต้องยึดมั่นในความดี
ไม่เคยได้ยินที่ไหนสอนว่า
เลวกับคนที่เลว แล้วแปลว่าดีได้

อย่าปล่อยให้การเกลียดคนๆ หนึ่ง
ทำลายหรือสั่นคลอนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในจิตใจ

การที่เขาทำลายให้เสียหายด้านวัตถุไป
คิดว่ายังไม่เลวร้ายเท่าที่เขาทำลายจิตใจที่ดีงาม
และความสามัคคีของคนในชาติ
ที่ต้องมาทะเลาะโกรธเกลียดกัน
เพราะมันเป็นความเสียหายที่มิอาจเยียวยาได้
ด้วยเงิน ... หรือวัตถุมีค่าอื่นใด
และอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัว

บางทีตัวเอง (ที่ก็เป็น “คนบ้านนอก” เหมือนกัน
เห็นคุณเจ้าผิง ใช้อยู่หลายครั้ง
ไม่ทราบว่าต้องการสื่ออะไร
หากกรุณาอธิบายให้ทราบก็จะดี
จะได้ไม่บังอาจบอกว่า “เหมือนกัน”)
อาจไม่มีความสามารถในการใช้ภาษาที่ดีพอ
ลองอาศัยข้อเขียนของท่านอื่นดูบ้าง อาจสื่อได้ดีกว่า

คัดจาก ว่ายทวนน้ำ ไทยโพสต์  15 มิถุนายน 2549

ทุกรัฐบาลก็มีข้อดีข้อเสีย แต่ลักษณะพิเศษของรัฐบาลทักษิณคือ มีความสุดโต่งจนมีคนรักมาก ชังมาก

ที่จริงถ้าอ่านงานของนักวิชาการ  (ที่เป็นนักวิชาการจริงๆ) แม้แต่คนที่ไม่เอารัฐบาลทักษิณ ก็จะเห็นว่าเขาแยกแยะทั้งสองด้าน ผมไม่ใช่นักวิชาการ คงเขียนวิเคราะห์ไม่ได้ขนาดนั้น แต่แนะนำให้ลองอ่านกว้างๆ ตั้งแต่อาจารย์อัมมาร อาจารย์รังสรรค์ อาจารย์นวลน้อย อาจารย์ผาสุก ฯลฯ ทุกคนเวลาพูดเขาจะชี้ทั้งข้อดีข้อเสียทั้งนั้นละครับ แต่เวลาพาดหัวข่าวคุณอาจจะเห็นด้านเดียว หรือในสถานการณ์ม็อบ ก็อาจจะเห็นด้านเดียว แม้แต่คุณพิภพ ธงไชย (ให้สัมภาษณ์ไทยโพสต์) ก็ยอมรับว่ารัฐบาลทักษิณให้คนจนในสิ่งที่รัฐบาลอื่นไม่เคยให้ ไม่ว่าการปราบปรามยาเสพติด  30 บาท การให้โอกาสเข้าถึงทุน - เพียงแต่ทำแล้วมีปัญหาทุกอย่าง

สิ่งที่เราคัดค้านรัฐบาลทักษิณ ก็คือการรวบอำนาจ และไม่สามารถตรวจสอบ เพราะกลไกตรวจสอบพิการหมด ตรงนั้นที่ต่างจากรัฐบาลอื่น

บางคนบอกว่าเวลาจะไล่กันแล้วไม่ต้องพูดถึงข้อดี แต่การไล่ทักษิณกลายเป็นเรื่องยืดเยื้อ และสร้างความแตกแยก ผมจึงเห็นว่าต้องพูดให้รอบด้าน พูดให้ชัดว่าเขาก็มีทั้งดีไม่ดี แต่สิ่งที่ยอมรับไม่ได้คือการผูกขาดอำนาจ

ฉะนั้นผมจึงไม่ได้บอกว่าทักษิณดี และไม่ได้คัดค้านการไล่ทักษิณ แต่ที่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งคือการมองว่าทักษิณเลวร้ายไปเสียทุกอย่าง จนใช้วิธีการอะไรก็ได้ไล่ทักษิณ ไม่ว่าจะลากองค์กรสถาบันไหนลงมาเปลืองตัว  ไม่ว่าจะใช้วิธีการอะไรที่เสียหายต่อหลักการประชาธิปไตย ไม่ว่าจะตั้งข้อหาอะไรก็ได้ขึ้นมาเล่นงานกัน

ตั้งแต่มาตรา  7  หรือจำแลงไปอ้างมาตรา 3 มาจนปฏิญญาฟินแลนด์ มันผิดสาระ สาระคือทักษิณรวบอำนาจ ทำลายประชาธิปไตย ก็ต้องสู้เพื่อประชาธิปไตย สู้ด้วยการเคลื่อนไหวทำความเข้าใจกับประชาชน  ไม่ใช่กลายเป็นนักบิดเบือนประชาธิปไตย ใช้วิชามารไล่ทักษิณ

สิ่งที่น่ากลัวตอนนี้คือโปรดเหลียวมองรอบข้าง ผมรู้สึกว่ากระแสประชาชนวงกว้างเบื่อหน่ายชินชาไปหมดแล้ว เบื่อทั้งทักษิณ แล้วก็เบื่อฝ่ายไล่ทักษิณ ที่เขารู้สึกว่าเลยเถิด ฉะนั้นที่บอกว่าหลังจากนี้พันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหวอีก ถ้าไม่วัดกระแสให้ดี ไม่รู้จักเคลื่อนไหวอย่างมีเหตุผล มีประโยชน์ รู้ประมาณ ก็อาจจะเหลือแต่ขาประจำจำนวนหนึ่ง

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=15/Jun/2549&news_id=125849&cat_id=400


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 03-07-2006, 19:16
งั้นขอชัดๆนะคะคุณ snowflake
 
กรุณาแนะนำวิธีการต่อต้านทักษิณ วิธีการโค่นล้มทักษิณ ในแบบที่คุณคิดว่าดี สร้างสรรค์มาสักข้อ สองข้อเถอะค่ะ..please..


ส่วนบทความที่คุณยกมานั้น มันหมายความว่าอย่างไรคะ

- หมายความว่ารัฐบาลไหนมันก้เลวหมดล่ะ แต่รัฐบาลทักษิณนี่ดีสุดเพราะมีผลงานมากที่สุด

- ผู้เขียนบทความนั้นวิจารณ์ไปหมด วิธีนู้นไม่ดี วิธีนั้นสกปรก วิธีนู้นเสื่อมเสีย....แต่ไม่มีสักประโยค นึงที่แนะแนวทางแก้ปัญหา คนเขียนเหมือนจะรู้ แต่ไม่รู้จริงๆ  รู้แต่ว่าที่คนอื่นทำน่ะไม่ดี ไม่ถูก แต่พอถามหาว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดดี สิ่งใดควร กลับตอบไม่ได้

- สุดท้ายผู้เขียนสรุปว่า เบื่อแล้วนะ เบื่อทั้งทักษิณ เบื่อทั้งพันธมิตร....นอนอยู่บ้านเฉยๆ สบายกว่า :?:

ขอสรุปสั้นๆกับบทความประเภทนี้นะคะ ว่าเขียนก็เหมือนไม่ได้เขียน ได้แต่ติ ได้แต่บ่น แต่...ไม่ได้ชี้ทางออก ไม่ได้บอกทางไป


ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจ ทุกคนมีกันทั้งนั้นแหล่ะค่ะอยู่ที่ว่าสำนึกนั้นเพื่ออะไร เพื่อใคร  ถ้าสำนึกและยึดถือในศีล ในธรรมเพื่อหลุดพ้นสู่นิพพานแล้วล่ะก็ ดิฉันก็อนุโมทนา สาธุด้วยคนค่ะ.....แต่ดิฉันที่ดิ้นรน ต่อสู้ อยู่เนี่ย คงไม่อ้างว่าทำเพื่อชาติหรอกค่ะ ดิฉันทำเพื่อลูก เพื่อหลาน รักษาแผ่นดินไว้ ก่อนที่ทักกี้มันจะขายหมด รักษาพืชพันธุ์สมุนไพรไทยไว้ก่อนนี่ทักกี้มันจะขายให้อเมริกาผ่าน FTA ฯลฯ.........ดิฉันจะรักษาไว้ให้ลูกหลานได้ก็ต่อเมื่อ ทักกี้หมดอำนาจ ระบอบทักษิณหมดไปจากสังคม ก็เท่านั้นเองค่ะ

อย่างที่คุณพรรณเปรียบเทียบน่ะค่ะ...เจอโจรข่มเหงจะสู้ หรือ ยอมมันก่อนแล้วค่อยไปแจ้งความทีหลัง อยู่ที่คุณเลือกค่ะ

คนบ้านนอกก้คือคนบ้านนอกค่ะ บางคนว่าคนบ้านนอกคือคนชนบท คือรากหญ้า...และดิฉันก็อยู่ในกลุ่มนั้น แต่ดิฉันคิดว่าคุณ snowflake คงไม่ใช่คนบ้านนอกหรอก  เพราะคนบ้านนอกแถวบ้านดิฉันไม่เห็นมีใครเก่งภาษาอังกฤษเท่าคุณ snowflake เลยค่ะ





หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: koo ที่ 03-07-2006, 19:30
กำลังคิดจะตั้งต้นอ่าน

แต่ให้ตายเถอะ เจอความเห็นของคุณเศษหิมะเข้าไป ท้อเลยผม

จะพิมพ์อะไรก็พิมพ์ตรงๆซิครับ จะวิจารณ์ใครก็ว่ากันตรงๆ

เล่นจับคำมา 1คำ แล้วแปะ บทความของคนอื่นเพื่อแสดงความคิดของตัวเองต่อคำๆนั้น

ใครมาร่วมแบ่งปันความคิดเห็นกับคุณก็ตายดิ


หัวข้อ: ต้องเชื่อมั่นในระบบและกระบวนการยุติธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 04-07-2006, 02:21
งั้นขอชัดๆนะคะคุณ snowflake
 
กรุณาแนะนำวิธีการต่อต้านทักษิณ วิธีการโค่นล้มทักษิณ ในแบบที่คุณคิดว่าดี สร้างสรรค์มาสักข้อ สองข้อเถอะค่ะ..please..

คนบ้านนอกก้คือคนบ้านนอกค่ะ บางคนว่าคนบ้านนอกคือคนชนบท คือรากหญ้า...และดิฉันก็อยู่ในกลุ่มนั้น แต่ดิฉันคิดว่าคุณ snowflake คงไม่ใช่คนบ้านนอกหรอก  เพราะคนบ้านนอกแถวบ้านดิฉันไม่เห็นมีใครเก่งภาษาอังกฤษเท่าคุณ snowflake เลยค่ะ


งั้นดิฉันไม่เป็น “คนบ้านนอก” ตามนิยามของคุณ เจ้าผิง ก็ได้ค่ะ
และเชื่อว่าคุณก็ไม่ได้เป็นเช่นกัน แต่ถ้าคุณยืนยันว่าใช่ ก็คงไม่แย้ง
เพราะมันนิยามของคุณ ใครจะไปก้าวก่ายได้

ที่คิดว่าตัวเองก็เป็น “คนบ้านนอก” กับเขาเหมือนกัน
เพราะเกิดที่บ้านนอก เข้ามาเรียนในกทม. และตอนนี้ก็ทำงานอยู่ต่างจังหวัด
โดยไม่ได้ย้ายชื่อจากทะเบียนบ้าน จึงมีสิทธิลงคะแนนเสียงใน กทม.
แต่ไม่ให้เป็นก็ได้ ไม่เป็นไรค่ะ

ส่วน รากหญ้า เข้าใจว่าหมายถึง
คนที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมือง จึงไม่ได้รับข่าวสาร
และขาดความสนใจต่อการเมืองการปกครอง
คงไม่รวมคุณเจ้าผิง เข้าไปด้วยหรอกมั้งคะ

คำถามของคุณเจ้าผิง ได้เคยตอบไปแล้วมากกว่าหนึ่งครั้ง
แต่คงยังไม่ถูกใจ ไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นคำตอบที่ใช้การได้
จึงต้องถามอีกครั้ง (ครั้งอื่นๆ คนอื่นถาม)

ถามอีก ก็ตอบอีกได้ แต่คงยังไม่ถูกใจต่อไป
เพราะคำตอบยังเหมือนเดิมว่า

ให้เป็นไปตามระบบและกระบวนการยุติธรรม
เราต้องเชื่อมั่นว่าระบบต้องใช้การได้
และทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
หากทำผิดมากมายหลายคดี
ต้องมีหลักฐานที่ปกปิดไม่มิด และมีทางเอาผิดได้อย่างแน่นอน
ไม่ขอเชื่อว่าอำนาจเงินซื้อได้ทุกที่ ทุกคนในแผ่นดินนี้
คนดีอาจมีไม่มาก แต่ก็ต้องมีค่ะ

ความดีต้องชนะความชั่ว
ธรรมะย่อมชนะอธรรม

รอศาลตัดสินก่อนไม่ได้หรือคะ
ทำไมต้องรีบปลุกระดมให้ไปม็อบกัน
แถมยังออกแนวรุนแรง (ประชดหรือไม่ แล้วแต่คนเข้าใจ)
ไม่ระแวงบ้างหรือว่าจะไปเข้าทางใคร
เป็นเหตุให้เขาใช้อำนาจที่อ้างว่าชอบธรรม
ในฐานะรัฐบาลรักษาการณ์มาปราบปรามได้
ผลที่สุด แม้กำจัดทักษิณไปได้
ก็ยังคิดว่าเป็นราคาที่แพงเกินไป
เลี่ยงได้ก็เลี่ยงดีกว่า
อย่าให้มีใครต้องเสียใจโดยไม่จำเป็น

อยากขอร้องให้อดทนไว้อีกไม่นานเกินรอ
เชื่อมั่นในระบบและกระบวนการยุติธรรม
อย่าไปหลงตอบโต้การยั่วยุใดๆ


หัวข้อ: ตามอัตภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 04-07-2006, 02:50
ไม่ถนัดในการโค่นล้มนะคะ ฟังดูรุนแรงซึ่งเป็นแนวที่ตัวเองไม่นิยม
ขอต่อต้านในระยะยาวก็แล้วกัน เพราะยังไงเสีย เราคงมีเลือกตั้งอีกใช่ไหมคะ
ถ้ายังคิดว่าต้องการระบอบประชาธิปไตย ที่ฟังเสียงส่วนใหญ่ของปวงชน

ดังนั้นเราต้องหาทางชนะการเลือกตั้ง อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม
ซึ่งดิฉันไม่เชื่อว่า 16-19 ล้านเสียงของไทยรักไทยนั้นได้มาด้วยการซื้อทั้งหมด
และไม่แน่ใจว่าต่อให้กำจัด กกต. ชุดนี้ไป ได้ชุดใหม่มา
พรรคประชาธิปัตย์จะชนะการเลือกตั้งได้ (หากรอดการยุบพรรค)
เพราะจากที่ลองถามๆ ดู (ไม่ยืนยันว่าเป็นข้อมูลอ้างอิงได้
เนื่องจากจำนวนตัวอย่างน้อยและไม่ได้ทำการสุ่มอย่างมีระบบ)
ถ้าไม่มี ทรท. (กรณีโดนยุบพรรค) เขาก็ไม่เลือก ปชป. ค่ะ
บอกว่าจะ no vote ให้รู้ว่าโดนบังคับขืนใจ
(คิดเหมือนกันเลยไหมคะ แต่คนละขั้ว)

ขออนุญาต quote แล้วกัน เพื่อประหยัดเวลาพิมพ์ซ้ำ
กระทู้ ถ้าไม่มีพรรคไทยรักไทย ขบวนการฯเวบบอร์ด จะเป็นอย่างไรต่อไป 
http://forum.serithai.net/index.php?topic=3483.msg47677#msg47677

โดยส่วนตัวมองที่เรื่องระยะยาวของการต่อสู้กับระบอบทักษิณ
ที่แม้กำจัดตัวคุณทักษิณไป (ซึ่งน่าจะไปในอีกไม่นานนี้ ตามการถอดรหัสดาวโดย คุณชายยอดฟ้า)
อาจเปลี่ยนคนใหม่มาอีก ดังนั้นต้องป้องกันไม่ให้แนวคิดผิดๆ เติบโต
เปลี่ยนความคิดของคนที่ไปเลือกตั้งว่าอย่าเห็นแก่ประชานิยมที่ดีชั่วคราว แต่เสียถาวรในภายหน้า
อย่าเลือกคนไม่มีคุณธรรม รวบอำนาจ เผด็จการ ไม่โปร่งใส ไม่ยอมให้ตรวจสอบ

ทุกวันนี้ ยังทำไม่ค่อยสำเร็จเท่าไหร่ จะโทษม็อบซะทีเดียวก็คงไม่ได้ (แม้เป็นจุดใหญ่ที่ทำให้เถียงลำบาก)
เดี๋ยวชาวม็อบน้อยใจว่าเราไม่ยกย่องให้เครดิตในความกล้าหาญอดทนเหนื่อยยาก
แต่การมีม็อบนี้ backfire โดยไม่เจตนา เพราะคนส่วนหนึ่ง (มีมากพอสมควร) ที่ไม่ได้รักหรือเกลียดใครอย่างชัดเจน
เป็นพวกเฉยๆ เฉื่อยๆ ไม่สนใจการเมืองสักเท่าไหร่ รำคาญม็อบว่าเป็นพวกป่วนเมือง ทำให้รถติด เศรษฐกิจเสียหาย
แล้วเลยพานไปเห็นใจเข้าข้างคุณทักษิณ เป็นตรรกะประหลาดที่ไม่รู้คิดไปได้ไง แต่ก็เป็นไปแล้ว
คงเพราะความเสียหายที่เกิดจากการบริหารงานของรัฐบาลนี่ยังไม่ชัดเจนเป็นรูปธรรมพอเมื่อเทียบกับ
ความเดือดร้อนที่เขาได้รับ/ประสบเฉพาะหน้าจากความวุ่นวายทางการเมือง

แต่ก็คงต้องพยายามกันต่อไป เป้าหมายอาจไม่ใช่คนชื่อทักษิณ แต่เป็นคนอื่นที่ต้องเฝ้าจับตาดูต่อไป
ควบคู่กับการรณรงค์ให้เกิดการสนใจการเมือง ตื่นตัว รู้เท่าทัน ซึ่งยอมรับว่าไม่ง่าย
เพราะคนส่วนใหญ่ (ที่เจอ) ไม่สนใจการเมือง ว่าเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะตัวเองก็เป็น

การเปลี่ยนความเชื่อ/ยึดมั่นของคนไม่ใช่เรื่องง่าย
บางคนจะรีบบอกทันทีว่าอย่าคุยเรื่องการเมืองเลยเดี๋ยวทะเลาะกัน
ก็คงคุยได้กับคนที่ไม่สุดโต่งเกินไปเท่านั้น เพราะไม่ได้ชอบเถียงเอามัน
ขี้เกียจเปลืองเวลาและพลังงานกับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์และอาจมีโทษตามมา
คือต่อไปก็เลยมองหน้ากันไม่ติด ทั้งๆ ที่ใช้ชีวิต/ทำงานร่วมกันทุกวัน


ดี หรือสร้างสรรค์ หรือเปล่าไม่ทราบ
แต่เป็นวิถีทางที่คนไม่กล้าหาญ ขี้เกียจไปม็อบอย่างดิฉันเลือกทำ ตามอัตภาพ
หากไม่ถูกใจใครก็ไม่ขออภัย เพราะว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล  8)


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: (-O-)Koka ที่ 04-07-2006, 03:35
ไม่ค่อยได้ศึกษาธรรมมะอ่ะ

แค่พยายามฝึกให้รู้สติอยู่เสมอ ยังทำไม่ค่อยได้เลย

ยิ่งเวลาเห็นหน้าเหลี่ยมๆ กะลิ่วล้อ ออกมาตอบคำถามแบบ “ไม่มีอะไร โธ่เอ๊ย พอแล้ว เลิกๆ ได้แล้ว ไปทำงาน ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง พอได้แล้ว”
โมหะมันจี๊ดดดดด ขึ้นหัวแล้วลงฝ่าเท้า

อยากตื้บบๆๆๆๆ ใครสักคนที่หน้าเหลี่ยมๆ

ตื้บบๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: chaidan ที่ 04-07-2006, 05:20
คุณ JaoPing

นักรบ ไม่ใช่ นักฆ่า นักรบในสมัยโบราณนั้นมีคุณธรรม เช่น จะไม่ทำร้ายผู้ที่อาวุธหลุดจากมือ จะไม่ทำร้ายผู้ที่ล้มลงบนพื้น จะไม่ทำร้ายผู้ที่หมดทางสู้ ฯลฯ คุณธรรมเหล่านี้ เหนี่ยวรั้งเมตตาธรรมไว้ส่วนหนึ่งให้คงอยู่ในใจ ในขณะที่นักฆ่า จิตมีแต่ความดุร้ายหมายทำลายล้างเพื่อชัยชนะเพียงอย่างเดียว ไม่คำนึงถึงคุณธรรมใดๆ

แม่ทัพจะเลือกนักรบ หรือนักฆ่า มาจัดตั้งเป็นกองทัพ ขึ้นกับว่าเป็นทัพของใคร ฝ่ายธรรมะ หรือ อธรรม

คุณ snowflak

ขอบคุณสำหรับบทความของคุณนิธิ ฯ

คุณ chaidan

ใช้หลัก กาลามสูตร อย่างเพิ่งเชื่อ เพราะเรื่องยังเร็วไปที่จะสรุป "ผู้มีบารมีนอกระบบ" อาจจะมีจริงหรือไม่มี ก็ยังไม่รู้ชัด หรือถ้ามีจริง จะเป็นใครก็ยังไม่ชัด หรือถ้าไม่มี เป็นเพราะนายกฯกุข่าวปั้นเรื่องขึ้นมาเพื่อหวังผล หรือเข้าใจผิดเพราะถูกสงครามข่าวหลอกเอา ก็ยังไม่ชัด

ซึ่งตัวผมเอง ก็ยังไม่ปักใจลงความเห็นใดๆต่อเรื่อง ผู้มีบารมีนอกระบบ

แล้วควรจะทำอย่างไร ง่ายที่สุดคือ รอดู เวลาจะค่อยๆคลี่คลายความจริงให้ปรากฎออกมาเอง

อ่า~~~~ งั้นขอกราบเท้าถามผู้ทรงธรรมอีกครั้งนะขอรับ กรณี พณ.ท่านทักษิณกล่าวตกปากรับคำกับคุณ สรยุทธในรายการถึงลูกถึงคนว่าพร้อมจะดีเบตสามฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น กับ พันธ์มิตร ฝ่ายค้าน และ รัฐบาล แล้ว นายกก็ไม่ยอมไปซะงั้น เรียกว่าแบบหน้าด้านๆเลยจำได้ป่าว แบบว่าโกหกคนดูรายการทั้งประเทศแบบ ชัดๆคาตา ควรจะใช้ ธรรมข้อไหนดีครับ จะเป็นกาลามสูตร คงไม่ได้ เพราะความจริงมันเห็นกันอยู่ วานท่านทรงธรรมผู้เมตาชี้แนะด้วยครับ  :lol:


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: kobkla ที่ 04-07-2006, 06:08
ผมไม่รู้ว่า คุณกาลามชนแกตั้งใจหรือเปล่า?(ถ้าไม่ใช่ผมก็พร้อมที่จะขออภัย)
แต่ที่ผมเห็น ก็คือสูตรที่ทักษิณวางไว้ พยายามผลักให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้เริ่มความรุนแรงก่อน หรือให้ฝ่ายตรงข้ามสร้างสถาณการณ์ที่ตัวเองจะฉวยโอกาศขยายให้เป็นความรุนแรง เพื่อจะประกาศภาวะฉุกเฉิน เช่น พันธมิตรมีม็อบไป กกต. จัดม็อบต้าน ๒-๓ ร้อยคน หาคนทำร้ายม็อบต้าน โยนความผิดให้พันธมิตร
อย่าไปหลงกล ดีที่สุดแล้ว ทำอะไรเราอย่าใช้ความรุนแรง เพราะก็เป็นคติของพวกเราอยู่แล้ว และยิ่งช่วงนี้ ยิ่งต้องใช้ไม่ให้เข้าทางทักษิณ
 


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 04-07-2006, 07:49
ถ้าไม่ชอบระบอบทักษิณ ผมมีวิธีหยุดยั้ง อย่างถูกต้องเที่ยงธรรม  ตามกติการ้อยเปอร์เซนต์

เรื่องจะยาว และต้องทำความเข้าใจ สักหน่อย ขอเวลาเรียบเรียงหนึ่งวันแล้วจะตั้งเป็นกระทู้เชิงวิชาการ


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: tom ที่ 04-07-2006, 08:12
เจ้าอาวาส คุยกัน

เรื่องนี้เณรไม่เกี่ยว เพราะ....สติปัญญายัง......เล็ก

ทำยังไงก็ได้ จะวิชาการหรือไม่วิชาการก็ได้ ให้เหลี่ยมออกไปจากแผ่นดิน
เณร อยากได้เท่านี้แหละ...จ้ะ


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 04-07-2006, 08:31
ก่อนจะเริ่มเรื่อง ขอให้ข้อมูลไว้ให้คิดสองสามเรื่อง

เรื่องแรก

พรรคการเมืองใหญ่สุดสามพรรคของประเทศ
1. พรรคไทยรักไทย มีสมาชิก 14 ล้านคน!!!
2. พรรคประชาธิปัตย์ มีสมาชิก 4 ล้านคน
3. พรรคชาติไทย มีสามชิก 1 ล้านคน
 
พรรคการเมืองอื่นยังตามยุทธศาสตร์ของ ทรท ไม่ทัน
หลายคนยังปักใจเชื่อแบบเดิมๆว่า ทรท ชนะด้วยการซื้อเสียงเป็นคราวๆ
และยังคงคิดว่าถ้าหยุดยั้งการซื้อเสียงได้ ทรท จะแพ้เลือกตั้ง

ทรท เป็นพรรคที่ริเริ่มการเมืองแบบใหม่ คือ ชักจูงให้ประชาชนตัดสินใจเลือกข้างในระยะยาว
พรรคจะได้สมาชิกมาด้วยการชักจูง ว่าจ้าง หลอกล่อ หรือศรัทธาด้วยใจสมัครก็ตาม
แต่การยอมสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ทำให้มีความมั่นคงต่อพรรคเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง
เพราะถ้าครั้งใดไม่มีการซื้อเสียงเลย และถ้าไม่มีตัวเลือกอื่นที่เด่นกว่าจริงๆ
คนที่เป็นสมาชิกพรรค ทรท ย่อมมีแนวโน้มจะเลือก พรรคของตนเป็นอันดับแรก

หากประชาชน 14 ล้าน มีความผูกพันเลือกพรรค ทรท ต่อเนื่องเป็นสิบปีขึ้นไป
ก็จะเกิดความผูกพันกับพรรค เหมือนที่คนภาคใต้ส่วนหนึ่งมีความผูกพันกับพรรค ปชป
ไม่จำเป็นต้องทุ่มหาเสียงเป็นคราวๆในช่วงเลือกตั้ง และมีความพร้อมที่จะลงเลือกตั้งทุกเมื่อ
หาก ทรท สามารถสร้างความผูกพันกับพรรค แบบ ปชป ได้สำเร็จ
ในอนาคต ทรท อาจจะกลายเป็นฝ่ายที่ต่อต้านการซื้อเสียงด้วยซ้ำ



หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: p ที่ 04-07-2006, 08:50

... เรื่องนี้เณรไม่เกี่ยว เพราะ....สติปัญญายัง......เล็ก


บอกตรงๆครับว่าเครียดครับ หลังจากอ่านหลายๆกระทู้แล้ว
บังเอิญวันนี้โชคดีมากที่ได้อ่านที่คุณ tom เขียนเอาไว้
ก็เลยขออนุญาตเขียนอะไรแปะไว้ให้คลายเครียดดังนี้
(ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น นอกจาก"ขำขัน"เท่านั้น ขออโหสิกรรม!)

ที่ผนังห้องน้ำในวัดแห่งหนึ่ง มีลายมือเขียน 4 แบบ เขียนต่อๆกันว่า
บวชชีเพราะหนีรัก
อกหักเพราะรักชี
บวช 10 ปีได้ชีหนเดียว
เณรไม่เกี่ยวเพราะเจี้**ยังเล็ก


 :D :) :D


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 04-07-2006, 09:41
เรื่องที่สอง

พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย มีการบริหารภายในพรรค แบบประชาธิปไตย
ไม่ใช่ตัวแกนนำ หรือสมาชิกระดับ สส จะชี้นำพรรคได้เสมอไป

เมื่อคุณทักษิณยุบสภา พรรค ปชป ได้ประชุมกันเช้าจรดเย็น มีมติให้บอยคอตการเลือกตั้ง
ประมาณ 2-3 วันหลังจากการประชุมพรรค มีหนังสือพิมพ์(จำไม่ได้แน่ แต่คิดว่าเป็นไทยรัฐ)
คอลัมนิสต์หน้าในๆ ลงข่าวประเภทเจาะลึกการประชุม มีเรื่องที่น่าสนใจว่า
(ถ้าจำรายละเอียดผิดไปบ้างก็ขออภัย)

หนังสือพิมพ์เล่าว่าในวันนั้น พรรคเริ่มการประชุมโดยเตรียมตัวจะลงเลือกตั้ง
ในชั่วโมงแรกมีความหวัง เพราะมองเห็นแนวโน้มที่จะได้ที่นั่ง สส ในสภาเพิ่มขึ้น
ต่อมาแกนนำท่านหนึ่งมาถึง และเสนอแผนให้บอยคอต โดยให้ความเห็นว่า
แม้ ทรท จะเสียงตก แต่ประเมินว่า ยังไม่มากพอที่ ปชป จะพลิกกลับมาเป็นเสียงข้างมากได้
น่าจะลองโหนกระแสม๊อบ โดยทำการบอยคอต ยกสภาให้ ทรท ไปทั้งหมด
เป็นการสร้างเงื่อนไขให้ม๊อบต้องเดินหน้าชน ขับไล่ทักษิณจนถึงที่สุด
ถ้าทักษิณถูกขับไล่ให้ต้องวางมือจากการเมืองได้ ทรท หมดผู้นำก็หมดความหมาย
ผู้เสนอแผนบอยคอต ให้เหตุผลว่า ถ้ามองระยะยาว ทรท มีแต่จะโตวันโตคืน
แม้วันนี้กำลังเพลี่ยงพล้ำ เสียงตกไปบ้าง อาจจะทำให้ได้ที่นั่ง สส น้อยลงบ้าง
แต่ถ้ายังคงได้เป็นรัฐบาลต่อไปอีกสี่ปี ทรท อาจจะเติบโตจนกลายเป็นพรรคใหญ่พรรคเดียว
ที่ครองเสียงข้างมากต่อเนื่อง ยี่สิบ สามสิบปี เหมือนการเมืองในญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์

แผนบอยคอตนี้เสี่ยงมาก เหมือนการทุ่มแทงหมดหน้าตัก
ถ้าม๊อบชนะ ก็ล้มระบอบทักษิณ พลิกสถานการณ์ไปเลย
แต่ถ้าม๊อบแพ้ ปชป ก็คงต้องออกไปนั่งเล่นการเมืองข้างถนน
ก็ในเมื่อมีแนวโน้มจะถูกเบียดให้กลายเป็นพรรคเล็กที่ไม่มีความหมายในอนาคต
แล้วทำไมจะไม่ลองเสี่ยงวัดดวงกันในวันนี้ไปเลย

เกิดกระแสความเห็นแตกเป็นสองทาง คุณอภิสิทธิ์ ไม่แน่ใจในแผนบอยคอต
ระหว่างที่กำลังถกเถียงกัน แกนนำอีกท่านได้รวบรวมสมาชิกที่เป็นกลุ่ม สส ของพรรค
ร่วมกันลงชื่อได้ 80 กว่าคน
ยื่นถึงหัวหน้าพรรค ขอให้ตัดสินใจลงสมัครเลือกตั้ง
เพื่อรักษากฎกติกาประชาธิปไตย ซึ่งเป็นจุดยืนยาวนานของพรรค ปชป

คุณอภิสิทธิเสนอให้ลงมติ ให้สมาชิกพรรคที่มาประชุมทุกคนลงคะแนน
ผลคือ สมาชิกพรรคที่อยู่ในที่นั้นส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการบอยคอต

จะเห็นว่า ในพรรคการเมือง ก็มีการเมืองย่อยๆอยู่ข้างใน ดำเนินการโดยใช้มติเสียงข้างมาก
ปชป พรรคที่มีจุดยืนบนกติกาประชาธิปไตยยาวนาน เปลี่ยนจุดยืนในชั่วข้ามคืนเพราะ มติพรรค
ไม่รู้ว่าใครเริ่มจะมองเห็นอะไรบ้างไหม..  


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 04-07-2006, 10:03
รูปแบบการเมือง หลายประเทศ เป็นแบบรัฐบาลผสมหลายพรรค
เพราะไม่มีพรรคเสียงข้างมาก และไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง

ประเทศที่เจริญแล้ว ส่วนใหญ่เป็นแบบ พรรคเด่นสองพรรค
มีเสียงก้ำกึ่งกัน  ผลัดกันครองเสียงข้างมาก ได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว
แต่มักจะไม่ได้เป็นรัฐบาลต่อเนื่องหลายสมัย เพราะพอบริหารเพลี่ยงพล้ำ
ประชาชนก็จะพลิกกลับไปเลือกอีกพรรค ให้ขึ้นมาเป็นรัฐบาลแทน สลับกัน

ประเทศที่เจริญแล้ว จำนวนหนึ่ง มีรัฐบาลแบบพรรคเดียวที่ใหญ่มาก
ครองเสียงข้างมากที่ท่วมท้น ยาวนานต่อเนื่องเป็นหลายสิบปี
ได้แก่ ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ (ไต้หวันเพิ่งจะเปลี่ยนมาเป็นแบบสองพรรค)
การเมืองของประเทศเหล่านี้ จะเป็นการเมืองภายในพรรค
คือพอกลุ่มอำนาจเก่าที่บริหารพรรคบริหารประเทศเพลี่ยงพล้ำ ประชาชนเริ่มไม่พอใจ
จะเกิดกลุ่มยังเตอร์กในพรรคของตนเอง โผล่ขึ้นมาช่วงชิงอำนาจบริหารในพรรค

เรานึกไม่ออกว่าจะเกิดการเปลี่ยนกลุ่มอำนาจในพรรคกันได้อย่างไร
แต่มันเป็นไปได้ และเคยเกิดขึ้นแล้วในพรรคประเภทนั้น
เพียงแต่เรายังใหม่ ยังไม่เคยเห็น


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 04-07-2006, 10:30
ขอรวบรัดให้เข้าใจง่าย

ทรท ที่มีสมาชิก 14 ล้านคน มีแนวโน้มที่จะชนะเลือกตั้งต่อไปอีกหลายสมัย
การโค่นล้มระบอบทักษิณ ต้องเปลี่ยนแปลงจากข้างในพรรค
เท่าที่ฟัง คนส่วนใหญ่ก็ยอมรับว่าในพรรค ทรท ก็มีคนดีมีฝีมืออยู่บ้าง
แต่คนดี มีน้อยเกินไปหรือเปล่า?

พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย มีการบริหารในพรรคแบบประชาธิปไตยด้วย
ถ้า ทรท จะใหญ่โต เป็นพรรดเด่นพรรคเดียว ที่ครองอำนาจยาวนาน

ทำไมไม่สนับสนุนให้กลุ่มน้ำดี  เข้าไปคานอำนาจจากข้างในพรรค

โครงการต่างๆ ต้องถูกคานความคิดจากจุดเริ่มต้นข้างในพรรค ทรท จึงจะได้ผล
ทำไมคุณรสนา และคุณนิติภูมิ ไม่เข้าไปค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจจากข้างในพรรค
ปล่อยให้พรรคมีมติจะดำเนินการแปรรูปออกมาแล้ว ตนเป็นนักวิชาการภายนอกมาค้านที่ปลายทาง
จะให้รัฐบาลเชื่อฟังนักวิชาการคนนอก แล้วเชื่อคนนอกมากกว่าสมาชิกข้างในพรรคได้หรือ
อย่างไรรัฐบาลก็ต้องผลักดันทำไปตามที่สมาชิกข้างในพรรคเห็นดี

อย่าดูถูกว่าถ้าอยู่ในพรรค ทรท ก็จะต้องอยู่ในอำนาจคุณทักษิณ
นั่นเป็นเพราะพรรคพวกของคุณทักษิณภายในพรรคมีมากกว่าต่างหาก
กลุ่มที่ไม่เห็นด้วย มีน้อยไป ทำให้จำต้องผ่อนปรนตาม มิฉะนั้นก็อยู่ไม่ได้
แต่เรื่องจะต่างออกไป ถ้ามีกลุ่มน้ำดี อย่างน้อยพันคน หรือหมื่นคนอยู่ใน ทรท
พอรวมกลุ่มได้มากพอ ก็จะเกิดพลังที่จะหันเหเปลี่ยนทิศทางการบริหารจากข้างในพรรค

ขอให้เชื่อเถิดว่า ทรท สามารถเปลี่ยนเป็นสำนักคุณธรรมได้
ถ้าคนไทยช่วยกันสนับสนุนให้น้ำดีอย่างน้อยหนึ่งหมื่นคนไปสมัครเข้าพรรค
และอาจทำได้แม้แต่การเปลี่ยนตัวกรรมการบริหารภายในพรรค


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 04-07-2006, 12:18
ไปๆมาๆ กระทู้ธรรมมะ ไปปน ไปวนเวียน กับการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ได้ไงไม่รู้

แต่ที่เอาเรื่องประชาธิปัตย์มาให้อ่าน ก็ดีนะคะ จะได้เห็นว่า พรรคอื่น (ที่ไม่ใช่ ทรท ) เค้าทำงานกันอย่างไร เค้ามีประชุมพรรค มีการถามความเห็น มีการลงคะแนนเสียง....อย่างนี้เค้าเรียกประชาธิปไตย รึปล่าวค่ะคุณกาลามชน

ส่วนพรรคที่คิดเอง ตัดสินเอง สั่งเอง 2 คน (ผัว-เมีย)...อันนี้คุณกาลามชนนับเป็นประชาธิปไตยด้วยรึเปล่าคะ
-------------------------------------------------------------------------

ส่วนสารพัดประเทศที่คุณยกมาน่ะ ถ้าไม่รู้ดิฉันจะบอกให้ว่าเค้าอยู่มาได้อย่างไร..ฟังให้ดีๆนะ ตั้งใจอ่านด้วยล่ะ อย่าแกล้งซื่อบื้อไม่รู้อีก

เพราะนอกเหนือจากวิถีทางแห่งประชาธิปไตยแล้วรัฐบาลเค้ายึดถือหลัก.....ธรรมมาภิบาล
.......รู้จักไหม

ธรรมาภิบาล ธรรมาภิบาล ธรรมาภิบาล  ธรรมาภิบาล ธรรมาภิบาล

เค้าเน้นประโยชน์ของประเทศชาติ นักการเมืองเค้าซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน เค้ามีนโยบายปราบคอรับชั่น ที่เข้มแข็งเอาจริงเอาจัง บ้านเมืองเค้าถึงเจริญ เศรษฐกิจเค้าถึงก้าวหน้า ประชาชนเค้าถึงได้อยู่ดีกินดี

ผิดกับนักการเมืองไทย รัฐบาลไทย ราวหน้ามือกับหลัง teen
--------------------------------------------------------------------------
ขนาดสิงคโปร์ที่เราด่าเค้านักหนา นั่นน่ะ......เมื่อก่อนนี้ เค้าจริงจังกับพวกคอรับชั่นมาก ถึงสิงคโปร์มันจะเอาเปรียบประเทศอื่น ยึดครองเศรษฐกิจประเทศอื่น  แต่เค้าก็ไม่ทำลายคนชาติเดียวกัน ไม่โกงชาติ ไม่ทำลายชาติ.....ซึ่งผิดกับผู้นำไทย เช่นเดียวกัน...หรือไม่จริง

--------------------------------------------------------------------------
ประเด็นสุดท้าย

ที่คุณบอกว่าทำไมไม่สนับสนุนคนดีๆ ให้เข้าไปทำงานใน ทรท เพื่อ ให้พรรค มันดีขึ้น

น้ำเน่าที่อยู่ในถัง มีคนสติดีๆที่ไหนบ้าง ที่จะเติมน้ำดีลงไปเพื่อให้น้ำมันหายเน่า

มีแต่คิดจะเททิ้ง

มีคนดีๆที่ไหนมั่งที่รู้ว่าเป็นกองอาจมแล้วจะเอาเท้าไปเหยียบ....คงมีแต่แมงกุ๊ดจี่ เท่านั้นล่ะมั้ง
------------------------------------------
ปล. ประเด็นเก่าๆ คุณไม่ตอบเลยว่าจริงหรือไม่จริง เปิดประเด็นใหม่อีกแล้ว ดิฉันเหนื่อยนะคะ


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 04-07-2006, 12:27
โลณกสูตร

พระพุทธเจ้าเปรียบเทียบกรรมของคน ประดุจอ่างใส่น้ำ
ความดีประดุจน้ำจืด ความเลวประดุจก้อนเกลือ
ผลรวมของคนคือ น้ำที่ละลายเกลือ มีรสเค็มมากน้อย ตามปริมาณของน้ำจืดและเกลือ
ถ้าส่วนดีมีมากกว่า ก็เปรียบได้กับมีน้ำจืดมาก มีเกลือน้อย ผสมกันเป็นน้ำที่มีรสเค็มน้อยๆพอดื่มได้
ถ้าความเลวมีมากกว่า ก็เปรียบได้กับน้ำจืดมีน้อย ก้อนเกลือมีมาก ส่วนผสมก็เป็นน้ำที่เค็มจัดจนดื่มกินไม่ได้

คนเลวที่คล้ายน้ำเค็มจัด สามารถกลับตัวกลับใจ เปรียบได้กับเติมน้ำจืดเพิ่มลงไปในอ่าง
ถ้าเติมน้ำจืดลงไปเรื่อยๆไม่หยุด ในที่สุด น้ำที่เคยเค็ม ก็จะเค็มน้อยลงจนกลับดื่มกินได้

พรรคการเมืองก็เช่นกัน
การที่ไปบีบคั้นให้คนดี ลาออกจากพรรค ทรท ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย
ทำอย่างนี้ ในพรรคก็ยิ่งไม่มีคนค้าน คุณทักษิณก็ยิ่งมีอำนาจเบ็ดเสร็จมากขึ้นทุกที
เราควรต้องช่วยส่งเสริมให้มีคนดีเข้าพรรค ทรท ไม่ใช่เรียกให้ลาออกจากพรรค
ช่วยส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจคนดีอยู่ต่อไป สู้ต่อ ไม่ใช่ส่งเสียงด่า เร่งให้ลาออก

แต่กลุ่มน้ำดีที่จะเข้าไปจรรโลงพรรค ต้องไปอย่างจริงใจ ไปเพื่อชี้นำให้ ทรท ก้าวเดินอย่างถูกต้อง
ไม่ใช่เจาะจงจะเข้าไปเอาเสียงส่วนมากไล่คุณทักษิณออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค
การทำเช่นนั้นจะไม่ได้ประโยชน์ เพราะคุณทักษิณก็จะลาออกไปตั้งพรรคใหม่
แล้วทุกอย่างก็จะย้อนร้อยกลับไปสู่จุดเรื่มต้นอีก



หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 04-07-2006, 12:37
เรียนคุณ snowflake

ดิฉันรู้ค่ะว่าคุณตอบคำถามที่ว่า..จะโค่นล้มระบอบทักษิณอย่างไร...

แต่ดิฉันไม่เข้าใจและไม่รู้ (จริงๆนะ) ว่าวิธีที่คุณบอกว่า ใช้ความสงบ ไม่นิยมความรุณแรง ไม่สนับสนุนม๊อบ ใช้ความดี ใช้คุณธรรม มาเอาชนะและกำจัดระบอบทักษิณนั้น...เป็นอย่างไร  ยกตัวอย่างได้ไหมคะ ตัวอย่างที่ดิฉัน หรือว่าคนอื่นๆสามารถนำไปปฏิบัติได้ เพราะไอ้คำว่าความดีกับคุณธรรมที่คุณว่า พันธมิตรก็นำมาใช้ แต่คุณก็ยังปฏิเสธว่าไม่ใช่ ไม่ดีอีก...ยกตัวอย่างทีเถอะค่ะ เช่น
- อดข้าวประท้วง
- สวดมนต์ประท้วง
- นอนอยู่บ้านประท้วง
 ฯลฯ

เอาชัดๆได้ไหมคะ....ดิฉันจะได้เข้าใจซะที
-------------------------------------------------
ส่วนคำว่ารากหญ้า...ในความหมายของคุณกะดิฉันคงต่างกันจริงๆด้วย

ต้นหญ้าต้นนึง มี 3 ส่วน

ส่วนราก....อันเป็นส่วนสำคัญที่สุด  เป็นรากฐานของต้นหญ้า แต่ถูกตีค่าว่าต่ำต้อย......ดิฉันคิดไปถึงเกษตรกร กรรมกร ลูกจ้างตำแหน่งต่ำๆ เงินเดือนน้อย ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ......ดิฉันยังเป็นเกษตรกรค่ะ ทำไร่ ทำสวน เก็บผักขาย จึงเรียกตัวเองว่าคนบ้านนอก รากหญ้า

ส่วนกลางต้น...เป็นกิ่งใบ เป็นส่วนที่อุดมสมบูรณ์..ดิฉันคิดไปถึงข้าราชการ พนักงานบริษัท พ่อค้า แม่ค้า นักธุรกิจ หรือที่คุณและใครหลายๆคนเรียกว่าชนชั้นกลาง

ส่วนยอด.....เป็นส่วนที่อยู่เหนือสุดของหญ้า เป็นส่วนที่หยิ่งทะนงตนในความสำคัญ ทะนงตนในความยิ่งใหญ่ว่าอยู่เหนือคนอื่นเขา  ดิฉันคิดไปถึงชนชั้นปกครองค่ะ คิดไปถึงคนใน 20 ตระกูลที่รวยที่สุดในประเทศ หรือที่คุณๆเรียกว่าไฮโซน่ะค่ะ

ปล.1 ชัดไหมคะ
ปล.2 รากหญ้าจะทันสมัยเล่นเน็ท อ่านข่าว ไม่ได้รึไงคะ


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จูล่ง_j ที่ 04-07-2006, 12:39
ผมเห็นว่า วิธีของคุณ กาลามชน มันเป็นไปไม่ได้

ที่ผ่านมา มีแต่คนดีๆ ออกจาก ทรท เอง ตั้งแต่ คุณ ปุระชัยแล้ว ไปขวางทางผลประโยชน์พวกหิวเงิน

ยุคแรกๆ ก็มีผู้เริ่มก่อตั้ง ทรท เคยให้คำปรึกษา ไม่ควรแปรรูป กฟผ. ก็ไม่เห็นแม้วมันจะฟังนิ

อุ้มไม่ไหวแล้วครับ พรรคแม้ว ปล่อยมันตายไปเถอะ ไอ้ที่เหลือเป็นคนสุดท้าย คงจะเป็นเนวินกะหมอปาเจโร

คัดเอาคนดีออก แล้วเหลือคนชั่วไว้กำจัด ดูง่ายกว่าเยอะ


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 04-07-2006, 12:44
เขารู้อยู่แล้วครับว่า มันเป็นไปไม่ได้ "ธง"ที่ตั้งไว้คือ ทำยังไงทักษิณ ชินวัตร จะได้ยิ่งใหญ่ต่อ หรือกรณีเลวร้ายรองลงมา ทำยังไงจะได้รักษาการณ์ไปเรื่อยๆ หรือกรณีร้ายสุดจะไม่ต้องถูกไต่สวน ไม่ถูกทำร้าย รอดตัวจากความผิดทั้งมวล ไปเสวยสุขต่างแดน รอโอกาสกลับมาใหม่


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 04-07-2006, 12:51
เอาเถอะ เป็นแนวความคิด ที่ผมเห็นว่าเป็นประชาธิปไตย และถูกต้องตามหลักทุกประการ
ที่ผ่านมา เราไม่เคยนึกถึงวิธีการถ่วงดุลอำนาจจากข้างในของพรรคเสียงข้างมาก
เรามองปัญหาแต่ด้านเดียว คือคิดแต่จะทำลายพรรคใหญ่เสียงข้างมากให้หมดไป
เพื่อย้อนกลับไปสู่ระบบถ่วงดุลทางการเมือง แบบรัฐบาลผสมหลายพรรคที่คุ้นเคย

เอาเก็บไว้เป็นข้อพิจารณาก็แล้วกันครับ ถ้าครั้งนี้ล้ม ทรท ไม่สำเร็จ
แนวคิดนี้จะกลายเป็นทางออก ในระบบการเมืองแบบพรรคเดียวเสียงข้างมาก


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 04-07-2006, 13:21
ดิฉันขอถามคุณกาลามชนว่า ประชาธิปไตย ทุกประเทศในโลกเหมือนกันไหม

แล้วประชาธิปไตยแบบไทย ต่างกับ ประชาธิปไตยประเทศอื่นอย่างไร...
---------------------------------------------------

ในหลักการของคุณ ไทยรักไทย คือพรรคที่ใหญ่ที่สุด ครองเสียงข้างมากที่สุด เลือกตั้งครั้งหน้า ทรท ก็ยังคงเสียงข้างมาก.....ดิฉันถามคุณว่า ไทยรักไทย เติบโตมาได้เท่าทุกวันนี้เพราะอะไร

ซื้อเสียงจากการเลือกตั้ง... :?:

โมเมเลขบัตรประชาชนจากฐานข้อมูลมือถือแล้วมาจดทะเบียนสมาชิก... :?:

ชักจูง หลอกล่อ โดยผ่านผู้นำชุมชน.. :?:

กว้านซื้อพรรคเล็ก พรรคน้อย... :?:

กว้านซื้อ สส. (ขายตัว) จากพรรคอื่น.... :?:

รีนี่คือวิถีทางของประชาธิปไตยในความคิดของคุณกาลามชน.... :?:

แน่นอน...ดิฉันยอมรับว่าไทยรักไทยเป็นพรรคที่ครองเสียงข้างมาก  แต่ดิฉันถามคุณกาลามชนว่า เสียงข้างมากที่ว่ามีกี่เสียง  :?:

.....ในความคิดของดิฉันแล้ว เสียงข้างมากของ ทรท มีเสียงเดียวเท่านั้น....คือเสียงของคนชื่อ

ทักษิณ  ชินวัตร

ประชาธิปไตย.. :?:

ในอดีตการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย มีคนดีๆอยู่มากมาย คนดีใจซื่อมือสะอาด ไม่ใช่ไม่มี แต่เพราะอะไร คนเหล่านี้ถึงอยู่ไม่ได้ เพราะอะไรคนเหล่านี้ถึงไม่มีปาก ไม่มีเสียง เพราะอะไรคนเหล่านี้เมื่ออยู่ใน ทรท ถึงเป็นใบ้กันหมด......คุณไม่รู้ ดิฉันก็ไม่รู้ ดิฉันรู้แค่เพียงว่า ด้วยเหตุผลเหล่านั้น จึงทำให้คนดีๆ ไม่ต้องการไปเกลือกกลั้ว กับ ทรท.
------------------------------------------------------------------
ไทยรักไทย ไม่ใช่สถาบันที่มีความสำคัญกับชาติไทย ขนาดที่เราต้องเรียกร้องให้คนดีๆ เข้าไปทำงานให้เพื่อพยุงภาพ พยุงเสถียรภาพของ ทรท.....แต่ ทรท เปรียบเหมือนเนื้อร้าย เปรียบเหมือนมะเร็งที่เกาะกินประเทศไทย...ซึ่งจำเป็นต้องถูกตัดทิ้ง

ที่ผ่านมาจุดยืนที่ชัดเจนที่สุดที่ดิฉันและหลายๆคนเรียกร้องคือ เราจะไม่ปรองดองกับความชั่ว

วิถีทางที่เราเรียกร้องไม่ต้องการความรุณแรง

แต่ตอนนี้สิ่งที่เราหวังคือให้แนวร่วมเราเข้มแข็ง...ไม่อ่อนไหว ไม่อ่อนตาม คำหวานที่เจือยาพิษ ไม่หลงลมโฆษณาทั้งทางทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ ไม่หลงไปกับธรรม ที่มีผู้หยิบยกมาเพื่อประนามว่าฝ่ายต่อต้านเป็นคนชั่ว แต่ละลเยการกระทำของทักษิณ
-----------------------------------------------------------------


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 04-07-2006, 13:24
คุณ JaoPing

คงเป็นเพราะแต่ละคนมีความคิดที่ต่างกันมั๊ง


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 04-07-2006, 13:38
คุณกาลามชน

แตกต่างอย่างไร.. :?:

เราเรียนหลักสุตรว่าด้วยความดี คุณธรรม จริยธรรม มาคนละหลักสูตรกันเหรอ... :?:

เราถึงมีความคิดเห็นต่อคนคนนึงแตกต่างกันมากขนาดนี้.... :?:

คุณพยายามบอกดิฉันให้คิดดี ทำดี พูดดี...คุณเรียกร้องให้เราสำนึกในความสุจริต...

ดิฉันและใครหลายๆคนยอมรับความสุจริต ความจริง ความเที่ยงธรรม ความซื่อตรง  ว่าเป็นสิ่งดี.....

ดิฉันยอมรับ นับถือบุคคลผู้คิดดี ทำดี สุจริต....ยกย่องบุคคลผู้กระทำดี

ดิฉันประนาม ต่อต้าน ขับไล่........คนชั่ว คนโกง คนโกหก คนทำลายชาติ คนทุจริต

ส่วนคุณ ยกธรรมะ มาเพื่อสั่งสอนดิฉัน.....แต่ในขณะที่ตัวคุณ

นิยม...คนชั่ว คนโกง คนโกหก คนทำลายขาติ คนทุจริต

ดิฉัน...ทำทุกวิถีทางเพื่อขับไล่คนโกงคนนั้น

ส่วนคุณ...ยกเหตุผล ยกธรรมะ มาเพื่อบอกเราว่าสิ่งที่เราทำนั้นผิด

ความดีที่คุณยึดถือ คืออะไรกันแน่

ความดีที่คุณยึดถือเป็นสรณะ และมาตรฐานในหัวใจคุณคืออะไรกัน....เงิน อำนาจ หรือ ความอยู่รอด :?:


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 04-07-2006, 14:43
วิธีของผมก็เป็นการขับไล่.. ไล่จากข้างในออกมา..

เหมือนมีอ่างน้ำเน่า ไม่มีใครชอบ

คุณเสนอให้ทุบอ่างทิ้ง

แต่ผมบอกให้ต่อสายยางลงอ่าง เปิดน้ำดีเข้าไป ปล่อยให้น้ำล้นออกมา

ทิ้งไว้สักพัก น้ำเน่าก็ถูกไล่ออกหมด เหลือแต่น้ำดีอยู่ในอ่าง


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 04-07-2006, 15:09
การสลายกรรมชั่วไม่ให้แสดงผล ด้วยหลักการเติมน้ำจืดลงไปในอ่างน้ำเกลือ เพื่อละลายให้ความเค็มเจือจางลง นั้นเป็นหลักธรรมของพระพุทธเจ้า(โลณกสูตร) ผมเห็นดีตามนี้ ซึ่งจะไปกันได้กับรูปแบบการเมืองแบบพรรคเดียวเสียงข้างมาก

ผมชอบวิธีเปลี่ยนน้ำเน่าในอ่างให้เป็นน้ำดี ส่วนใครจะชอบวิธีทุบอ่างก็เชิญ เป็นเรื่องของความคิดที่ต่างกัน ผมไม่ว่า และไม่ห้ามอีกแล้ว


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 04-07-2006, 15:18
สรุปว่าคุณ อยู่ฝ่ายไหน พูดไปพูดมาชักงง...ตกลงคุณนิยมชมชอบทักษิณหรือปล่าวเนี่ย หรือพิมไปพิมมาชักจะงง ว่าหลักการตูอยู่ไหน
---------------------------------------------
ดิฉันอาจจะไม่เข้าใจวิธีการของคุณ เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นใครเขาทำแบบนี้

อยากรู้จังว่าต้องใช้น้ำ และเวลาเท่าไหร่ น้ำเน่าถึงจะหายและกลายเป็นน้ำดี

10 ปี 20 ปี 30 ปี 40 รึ 50 ปี....ถึงวันนั้น ไม่ทักษิณ คุณหรือไม่ก็ดิฉันคงแก่ตายกันไปข้างนึง...


วิธีบำบัดน้ำเสียของคุณนั้นน่ะ มันไม่ได้ปรับปรุงคุณภาพน้ำ หรือบำบัดน้ำเสียเลย มันก็คือการเทน้ำเสียทิ้ง เพียงแค่แทนที่จะใช้มือหยิบอ่างคว่ำลง กลับใช้น้ำดีๆ เป็นตัวไล่แทน.........และไม่มีที่ไหนในโลกนี้ใช้วิธีการนี้ในการบำบัดน้ำเสีย (ยกเว้นที่บ้านคุณ).....ดิฉันขอเอาหัวเป็นประกัน

คุณใส่น้ำดีลงในอ่าง สิ่งที่ล้นออกไปมีทั้งน้ำดี น้ำเสีย ซึ่งปนกันจนแยกไม่ออก.....เสียของ เสียดายน้ำดีๆ

อีกอย่างใครจะรับประกันได้ว่าน้ำดีที่เข้าไปจะไปไล่น้ำเสียออก หรือรวมตัวกับน้ำเสีย....เสียแล้ว

ในอ่าง ในวังวนของอำนาจ ถมเท่าไหร่ เติมเท่าไหร่ ยิ่งใหญ่ขึ้นไปแค่ไหน ก็ไม่มีวันเติมเต็ม...สกปรกแค่ไหน ต้องใช้น้ำดีกี่เสียง 1 2 3...10 ล้าน 20 ล้าน 30 ล้าน...60 ล้านคน 60 ล้านเสียง เท่าไหร่ถึงจะพอ....


ปล. รบกวนตอบ กระทู้ก่อนหน้าด้วยเถอะค่ะ ดิฉันอยากรู้..นะคะ plz.


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 04-07-2006, 15:35
ผมอยู่กับธรรมและวินัย

ทรท จะดีขึ้นเร็วแค่ไหน ขึ้นอยู่กับอัตราความแรงของน้ำดีที่อัดฉีดเข้าไป ถ้านักวิชาการที่มีความคิดอ่านดีๆ ทะยอยเข้าไปกันทีละคนสองคน อีกร้อยปีก็ไม่เห็นผล ต้องแห่เข้าไปพร้อมๆกันสี่ห้าร้อยคน ไปช่วยกันค้านเรื่องที่เห็นว่าจะเป็นอันตรายต่อประเทศที่ข้างในพรรค น่าจะเห็นผลได้ทันที ไม่ต้องรอข้ามปี รวมทั้งถูกต้องตามกติกา เป็นประโยชน์ต่อประเทศมากกว่า

ปล กระทู้ก่อน หมายถึงเรื่องไหนครับ แต่วันนี้พอแค่นี้ก่อน ไม่ว่างแล้ว


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 04-07-2006, 15:50
เท่าที่อ่านมา คุณ กาลามชน ก็น่าจะเป็นผู้ศึกษาธรรมะ พอสมควร
แต่ที่แปลกใจที่สุดคือ ทำไมเลือกยืนข้าง อธรรม

การแก้ตัวให้ ทรราชย์ หรือหาข้ออ้างสร้างความชอบธรรม กระทั่งไปถึงการยื่นข้อเสนอ ยืดยื้อซื้อเวลา เหมือน กุศโลบาย(ในที่นี้ตัดสินใจไม่ใช้คำว่า กลอุบาย)  รักษาอ่าง ไว้แล้วถ่ายน้ำเสีย ด้วยการเอาน้ำดีไล่ ...เราว่า มันแสดงจุดยืนที่หมิ่นเหม่ แปลกแยกไปหน่อยนะ
เพราะมันไม่คุ้มกะการรอเวลาอย่างคุณ Jaoping ว่า สิ่งที่เสียไปมันมากกว่าการทุบอ่างนี้ทิ้งซะ ...เมืองไทยมิใช่จะไร้แหล่งน้ำ มีอยุ่อ่างเดียวซะเมื่อไหร่ ทำไมต้องจำใจดื่มกินน้ำครำ หรือน้ำสะอาดที่ปนเปื้อนน้ำครำ ในเมื่อแผ่นดินศรีอยุธยาไม่เคยสิ้นคนดี

แน่ละเราไม่สามารถ หาอ่างน้ำที่บริสุทธิ์ 100% ดื่มได้เพราะมันมีแต่ในอุดมคติ แต่ยาพิษที่คร่าชีวิตคนในประเทศ ให้ตายลงๆ เราก็ไม่ควรรักษาไว้หรือถ่ายของดีลงไปปนเป็นแน่ จริงไหม

เห็นด้วยกะคุณ Jaoping ว่า...เฉลยจุดยืนมาดีกว่าไหม เพื่อจะได้ไม่ต้องผิดพ้องหมองใจ
เพราะระหว่าง ความดี กะ ความเลว ..ชั่วช้ากะ ธรรมะ...ไกล่เกลี่ย มิได้ รวมตัวไม่ได้

มันจะมีก็แต่ การกลับใจได้สำนึก วางดาบเป็นอรหันต์ (ซึ่งดูแล้ว เห็นมีแต่การบีบน้ำตาจระเข้ เล่นบทเรียก curry คะแนนสงสารเท่านั้น)
หรือ อีกทางคือ หนทางที่มันกำลังเลือกจะเดินไป สู่อเวจีนั่นเอง

คุณกาลามชน ถ้าธรรมในตน ผุดผ่องใสจริงแล้วไซร้
หวังว่ามันคงส่งประกาย เตือนในจิตในใจของคุณด้วยเถิดว่า..
อย่าเอาธรรม อันพิสุทธิ์ไป ทำเหมือนปูน ฉาบหน้าตีตราให้ใครบางคน ที่ภายในสกปรกโสมม จนเหลือวิสัยเยียวยา

อ้างถึง
ข้อความโดย: กาลามชน
ทรท จะดีขึ้นเร็วแค่ไหน ขึ้นอยู่กับอัตราความแรงของน้ำดีที่อัดฉีดเข้าไป ถ้านักวิชาการที่มีความคิดอ่านดีๆ ทะยอยเข้าไปกันทีละคนสองคน อีกร้อยปีก็ไม่เห็นผล ต้องแห่เข้าไปพร้อมๆกันสี่ห้าร้อยคน  ไปช่วยกันค้านเรื่องที่เห็นว่าจะเป็นอันตรายต่อประเทศที่ข้างในพรรค น่าจะเห็นผลได้ทันที ไม่ต้องรอข้ามปี รวมทั้งถูกต้องตามกติกา เป็นประโยชน์ต่อประเทศมากกว่า

คำตอบแบบไร้สาระสิ้นดี แบบนี้ไม่น่าเชื่อว่าออกมาจากการกลั่นกรองของสมองที่วางบนศรีษะ
ถ้าหัวหน้าพรรคมันยอมให้ขึงพืด เสียบคนดีๆเข้าไปเป็นร้อยได้ ก็ไม่ต้องมีวันที่เหนือหัวเราต้องไม่สบายพระทัยขนาดนี้แล้ว
พูดอะไรที่มันเป็นไปได้หน่อย
ข้อเท็จจริงวันนี้คือ...มีแต่น้ำดี ที่ลาออกมา หาน้ำดีจจะไหลเข้า มันไม่มีแล้ว และมันก็คงไม่ยอมให้เข้าด้วยหรอก คิดเอาละกัน
ท่าดี ทีเหลว ท่องบ่น สวดมนต์กะ วินัยกะธรรมะ ไปเฉยๆดีกว่า เอาปัญยาเทียมๆ แบบนี้มาเขียนชักจูงล่อคนให้หลงอ่าน
เสียเวลา จริงๆ


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 04-07-2006, 16:12
การสลายกรรมชั่วไม่ให้แสดงผล ด้วยหลักการเติมน้ำจืดลงไปในอ่างน้ำเกลือ เพื่อละลายให้ความเค็มเจือจางลง นั้นเป็นหลักธรรมของพระพุทธเจ้า(โลณกสูตร) ผมเห็นดีตามนี้ ซึ่งจะไปกันได้กับรูปแบบการเมืองแบบพรรคเดียวเสียงข้างมาก

ผมชอบวิธีเปลี่ยนน้ำเน่าในอ่างให้เป็นน้ำดี ส่วนใครจะชอบวิธีทุบอ่างก็เชิญ เป็นเรื่องของความคิดที่ต่างกัน ผมไม่ว่า และไม่ห้ามอีกแล้ว

คุณนี่ถนัดธรรมซะจริง มิทราบเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดไหนหรือเปล่าคะ ดิฉันจะแวะไปทำบุญด้วย...เผื่อชาติหน้าเราจะได้เจอะกันอีก..5 5 5
(ล้อเล่น ขำๆ)......

ขอถามโง่ๆ...สักคำถามเถอะนะคะ โลณกสูตร ของพระพุทธเจ้า กับ การเมืองพรรคเดียวเสียงข้างมาก ไปด้วยกันได้ไงอ่ะ......

แล้วในความคิดของคุณ ธรรมที่คุณเอามาแสดงมันสอดคล้องกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยยังไง...คือดิฉันไม่เข้าใจ อธิบายชัดๆ ได้ไหมคะ

แล้วคำถามขอสุดท้าย....จะเอามาใช้ในการเมืองประเทศไทย ได้ยังไง

ยิ่งพูดยิ่งงง........ออ รบกวนคุณกลับไปตอบคำถาม ในความคิดเห็นก่อนหน้าด้วยนะคะ  ดิฉันถามคุณไปเยอะแยะ ตอบมั่งเถอะ เล่นเปิดประเด็นใหม่ทุกครั้งที่โพสต์เนี่ย ดิฉันตามไม่ทัน.....
------------------------------------------
ออ...ประโยคที่ว่าผมไม่จำเป็นต้องตอบ ไม่อยากตอบ กับ ประโยคที่ว่า ผมไม่รู้ ผมตอบไม่ได้....ความหมายต่างกัน แต่ผลลัพธ์เหมือนกันเป๊ะ.. :D :D



หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 04-07-2006, 16:27
ผมอยู่กับธรรมและวินัย

ที่แท้ คุณกาลามชนเป็นเจ้าอาวาส วัดทักษินิกาย ปลอมตัวมาหรือนี่.... :lol: :lol:

ทรท จะดีขึ้นเร็วแค่ไหน ขึ้นอยู่กับอัตราความแรงของน้ำดีที่อัดฉีดเข้าไป ถ้านักวิชาการที่มีความคิดอ่านดีๆ ทะยอยเข้าไปกันทีละคนสองคน อีกร้อยปีก็ไม่เห็นผล ต้องแห่เข้าไปพร้อมๆกันสี่ห้าร้อยคน ไปช่วยกันค้านเรื่องที่เห็นว่าจะเป็นอันตรายต่อประเทศที่ข้างในพรรค  น่าจะเห็นผลได้ทันที ไม่ต้องรอข้ามปี รวมทั้งถูกต้องตามกติกา เป็นประโยชน์ต่อประเทศมากกว่า

พ่อคุณคนดี พ่อมหาจำเริญญญญญญญ.....คิดไปได้

ไม่รู้ว่า อินโนเซ้น รึเป็นไข้จนเพ้อกันแน่...แต่ขอยืมคำ คุณ Thailandreport หน่อยนะคะ

คำตอบแบบไร้สาระสิ้นดี แบบนี้ไม่น่าเชื่อว่าออกมาจากการกลั่นกรองของสมองที่วางบนศรีษะ


ปล. คุณกาลามชนคะ คุณไม่จำเป็นต้องตอบคำถามดิฉันแล้วก็ได้นะ ไม่เป็นไรค่ะ......ดิฉันได้คำตอบแล้ว 5 5 5







หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 04-07-2006, 17:03
คิดค่ายืม ตัวอักษรละ 25 สต.นะ

จาเอาไปทำบุญ วัดกาลามชน มัน

 :lol: :mrgreen: :P


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 04-07-2006, 23:35
ดิฉัน นับได้ 81 ตัวอักษร รวมแล้วเป็นเงิน 20 บาท 25 สตางค์......แปะโป้ง เป็นหนี้ไว้ก่อนได้ป่าวคะ คุณ ThailandReport  :mrgreen: :mrgreen:


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: GN-001 Exia ที่ 05-07-2006, 00:04
ผมไม่สนหรอกนะครับ ว่าจะเป็นบาปรึไม่บาปยังไง

ถ้าต้องสู้ ยังไงก็ต้องสู้ ปกป้องชาติของเราไว้

มัวมาคิดหยุมหยิมก็ได้หมดล่ะ ไม่เหลืออะไรให้ปกป้องแล้ว

สงครามในโลกนี้เกิดจากคนๆเดียวมามากแล้ว

เราช่วยกันเอา"คนคนเดียว" ที่เป็นปัญหาและต้นเหตุคนนั้นออกไป..

เราก็ไม่ต้องสู้กัน.....ดีมะ


หัวข้อ: สละชีวิตเพื่อรักษาธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 05-07-2006, 05:30
ดิฉันเพิ่งรู้นะนี่ ว่า ขจัดไทยรักไทย ขจัดระบอบทักษิณ ออกไปจากแผ่นดินไทย นี่มันเป็นบาป.....

ขึ้นกับวิธีการที่ใช้ค่ะ

ลองถามพระผู้ใหญ่ที่คุณนับถืออย่างสนิทใจ
ว่า "ทำเลวกับคนเลว" บาปหรือไม่?

คำที่คุณพรรณชมพูยกมากล่าวที่ว่า สละชีวิตเพื่อรักษาธรรม นั้น
หมายถึงหากโจรจะมาฆ่า ก็ให้ยอมสละชีวิตโดยไม่ต่อสู้จริงค่ะ
คงใช้ได้กับพระที่มีธรรมสูงจริงๆ เท่านั้น ที่ท่านปลงได้ว่าเป็นกรรมเก่าตามมาทัน
ยอมสละชีวิตโดยไม่สละธรรมคือ ไม่ลุกขึ้นมาฆ่าโจร ซึ่งเป็นการทำบาปมหันต์
เป็นเวรกรรมต่อไปอีกในชาติหน้า

ที่อยากเตือนเพราะไม่แน่ใจว่าการบิดเบือนธรรม เป็นบาปสถานใด
คุณไม่เชื่อก็อาจก็ไม่บาปก็ได้มั้งคะ

นอกจากนี้ยังได้ยินว่าบาปกับบุญ ไม่สามารถนำมาหักกลบลบกันได้
เท็จจริงอย่างไรไม่ขอยืนยัน เพียงบอกให้ทราบไว้ เชื่อไม่เชื่อก็สุดแต่ใจคุณ


หัวข้อ: Converse all stars
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 05-07-2006, 05:50
คุณ เจ้าผิง ที่รัก

ดิฉันคงอธิบายไม่ได้มากไปกว่านี้ เพราะคิดว่าได้อธิบายชัดเจนแล้ว
แต่คุณไม่ฟัง และเลือกที่จะเชื่อตามใจคุณ ดังนั้นป่วยการพูดค่ะ

ดิฉันไม่เคยบอกว่าไม่สนับสนุนม็อบ
ตรงกันข้าม ดิฉันสนับสนุนให้ไปม็อบ
เพื่อกดดันแสดงการไม่ยอมรับผู้มีอำนาจที่ไร้ยางอาย ไร้คุณธรรม
แต่ติงว่าอย่าทำเกินเลยโดยไม่จำเป็น เช่น ใช้กำลังบังคับค้นรถหาตัว กกต.
เพราะไม่เพียงผิดกฎหมาย ภาพที่ออกมายังไม่ดี
ทำให้เสียหายต่อการอ้างความชอบธรรม
คนที่เดิมเฉยๆ จะกลายเป็นต่อต้านม็อบ และไปอยู่ข้างทักษิณโดยปริยาย
คนที่เคยสนับสนุนก็อาจเลิกได้ ไม่ใช่เพราะรักทักษิณ
แต่เพราะไม่เห็นด้วยและไม่ต้องการไปร่วมกระทำสิ่งเหล่านั้น

แต่หากคุณไม่สนใจในผลกระทบที่เกิดขึ้น
ยังยึดมั่นว่าสิ่งที่พันธมิตรทำไปดีทุกอย่าง ถูกต้องทุกอย่าง
และคิดว่าคนเหล่านั้นไม่สำคัญ เป็นพวกไม่มีอุดมการณ์ ฯลฯ
จะไปอยู่ฝ่ายไหนก็ไป
อนาคตก็จะมีแต่แฟนพันธุ์แท้อย่างคุณไปม็อบ
และเป็นม็อบที่คนส่วนใหญ่ไม่สนับสนุน

ไม่ได้ติเพื่อให้เสียกำลังใจนะคะ
เพียงแต่ต้องการสะท้อนให้เห็นภาพที่คนภายนอกมอง
ให้ทราบไว้เป็นข้อมูล
คุณ เจ้าผิง อาจไม่สนใจฟัง
แต่ดิฉันคิดว่าคนระดับแกนนำวางแผนย่อมสนใจ
และหมั่นประเมินผลลัพธ์ที่ออกมา
โดยเฉพาะถ้าคิดว่ากำลังทำสงครามแย่งชิงมวลชน

ซึ่งจุดนี้คิดว่าหลายคนที่นี่ไม่สนใจ ดูจากพฤติกรรมที่คอยแต่จะผลักไส
ตั้งแง่กับใครก็ตามที่มาแลกเปลี่ยน โดยยัดเยียดความเป็นศัตรูให้
แทนที่จะพยายามเป็นมิตร ด้วยคติ "ไม่ปรองดองกับคนชั่ว"
คนที่เลือก ทรท. ชั่วหมดทั้ง 19 ล้านคน หรือไงคะ
อันนี้ตรงข้ามกับเป้าหมายของดิฉัน ที่ต้องการได้ชัยชนะในคูหาเลือกตั้ง
เพราะเป็นวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตยที่ควรเป็น

รู้สึกจะเคยมีคำถาม/บ่นว่า ทำไมติแต่ม็อบพันธมิตร
ไม่ติม็อบจตุจักรบ้าง ทีแรกฟังแล้วงงว่าสงสัยอะไรว้า
ที่ไม่สนใจวิจารณ์คนพวกนั้นเพราะว่าไม่ใช่พวกเรา
และยิ่งเขาทำแย่ๆ ก็ยิ่งดี จะได้ไม่มีคนสนับสนุนอีกต่อไป

คงจะ “ติเพื่อก่อ” ให้เกิดการปรับปรุง ไม่เป็น
เห็นก่อได้แต่ความแค้นจากกลไกป้องกันตัวเองเท่านั้น

ไม่เข้าใจว่าที่ตัวเองเขียนไปส่งผลร้ายทำให้พันธมิตรอ่อนแอลงที่ตรงไหน
เพราะที่ตั้งใจคือ ไม่อยากให้ทำผิดกฎหมายโดยไม่จำเป็นในการเคลื่อนไหวต่อๆ ไป
ซึ่งผลเสียไม่เพียงสูญแนวร่วมที่มี ยังผลักให้คนที่ก้ำกึ่งไม่เลือกข้างไปอยู่ฝั่งตรงข้าม

ส่วนที่เตือนเรื่องไม่อยากให้รุนแรงนั้น
เพราะเล่นบอร์ดนี้นานจนคุ้นเคยกับหลายคน อดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้
ไม่อยากให้ใครต้องไปเป็นเบี้ยในกระดานที่เขายอมสละได้เพื่อการช่วงชิงอำนาจ
หากการติงเช่นนี้ทำให้เสียกำลังใจจนไม่ไปม็อบ
ดิฉันยอมให้ด่าก็แล้วกัน (ถึงไม่ยอมก็โดนอยู่ดี)
I don't mind if you hate me as long as you stay alive to do so.

คุณ เจ้าผิง อยากเข้าใจอย่างไร ทำ/คิดอย่างไร เชิญทำตามใจคุณได้
ดิฉันไม่คิดว่าเราต้องทำเหมือนกัน เพราะจุดหมายต่างกัน
ของคุณอยู่ที่การโค่นล้มทักษิณ ของดิฉันเพียงเปลี่ยนใจคนเลือก ทรท.
(หรือพรรคใดๆ ที่ไปตั้งใหม่ หลังโดนศาลสั่งยุบ)
เพราะเขาเป็นคนที่เข้าคูหาไปลงคะแนนเลือกผู้แทนฯ
แต่คิดว่าในภาพใหญ่แล้ว เป้าหมายก็ไปทางเดียวกัน
ดังนั้นไม่ต้องมาขัดแย้งจะดีกว่า เสียเวลาและพลังงานโดยใช่ที่
เพราะไม่มีใครยอมเปลี่ยนใจ
อย่างถ้าดิฉันจะบอกคุณว่าให้เปิดใจให้กว้าง มองโลกในแง่มุมของคนอื่นบ้าง
ก็คงไม่รับฟัง เพราะมาจากปากคนที่คุณไม่ไว้วางใจ
เช่นนั้นก็ Converse all stars ทางใครทางมันก็แล้วกัน ดีไหมคะ
(ไม่ได้ค่าโฆษณา)

ส่วน “รากหญ้าจะทันสมัยเล่นเน็ท อ่านข่าว ไม่ได้รึไงคะ”
ถ้าตามความหมายที่คนทั่วไปเข้าใจกัน ก็คงไม่ใช่
แต่ถ้าตามนิยามศัพท์ฉบับเจ้าผิง อะไรๆ ก็ได้ทั้งนั้น
เพราะคุณกำหนดเองนี่คะ


หัวข้อ: “ยึดพรรค”
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 05-07-2006, 06:11
เท่าที่อ่าน เข้าใจว่าคุณ กาลามชน ไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรค
แต่คิดว่าจะ “ยึดพรรค” ทรท. เพราะเสียดายความเป็นสถาบันที่ก่อร่างสร้างมา
เข้าใจถูกหรือไม่ ไว้รอเจ้าตัวมายืนยัน

คุณ กาลามชน คงเชื่อว่า “ชื่อ” พรรค ทรท. ยัง “ขาย” ได้อยู่
จึงคิดทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงคุณภาพให้ดีขึ้น
ซึ่งคงจะขายได้จริง หลายท่านที่มาตอบนี้จึงบอกให้ทุบทำลาย
เพราะหากขายไม่ได้ ก็ไม่มีอะไรต้องไปกังวลกลัวการวางตลาดของเขา
คนไม่ “ซื้อ” สินค้านั้นก็เจ๊งไปเอง
อันนี้เป็นแนวคิดแบบการแข่งขันเสรี
ที่ผู้บริโภคมีสิทธิ์ในการเลือกตัดสินใจด้วยตัวเองอย่างเต็มที่

แต่หากมีการเห็นว่าผู้บริโภคนั้นโง่เกินไป ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี
จำเป็นต้องให้ "ผู้รู้ดีกว่า" มาตัดสิน ตัดสิทธิ์การเลือกของเขา
โดย "กำจัด" สินค้านี้ให้ อันนั้นเรียกแนวคิดอะไร
Paternalism หรือเปล่าไม่ทราบ?
แต่ไม่น่าใช่ ประชาธิปไตย
เพราะไม่เชื่อใจ/เคารพสิทธิ์ในการเลือกของปัจเจกชน
โดยเสมอภาค

"สินค้า" ไม่ดีก็รายงาน/ร้องเรียน อ.ย.ได้
อย่างที่ศาลกำลังพิจารณาอยู่ตอนนี้
แต่ถ้าศาลบอกไม่ผิด ก.ม. คุณภาพใช้ได้ ไม่มีพิษ
ไปห้ามเขาวางตลาดไม่ได้
คุณจะไปม็อบล้อมโรงงานให้เลิกผลิต
หรือจะรณรงค์ให้ชาวบ้านเลิกใช้
อันนี้ก็วิธีใครวิธีมันเลือกทำกันตามความพอใจ

กลับมาที่เรื่องยุบพรรค
ถึงวันนี้ต้องยอมรับว่าชักจะโอนเอียงไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคแล้วเช่นกัน
ทีแรกหมั่นไส้พวกนักการเมืองที่เล่นเกมกัน อยากให้โดนยุบให้ไปหมด ทุกพรรคที่ทำผิด
แต่เท่าที่ฟังนักวิชาการหลายๆ ท่านบอกว่ายุบแล้วมันจะเกิดผลเสียมากกว่าดี
เพราะไม่ส่งผลเท่าใดต่อตัวนักการเมืองส่วนใหญ่ ที่แค่ย้ายสังกัดก็ลงสมัครรับเลือกตั้งได้
แต่ทำลายสถาบันพรรคซึ่งต้องใช้เวลาสร้างนาน
รวมแล้ว "เสียมากกว่าได้"

โดยส่วนตัวก็ยังนึกไม่ออกว่าถ้า ปชป. โดนยุบไปจริง
เลือกตั้งครั้งหน้าจะลงคะแนนให้พรรคไหน
ด้วยความที่ลงเหมือนเดิมมาตลอด
คราวก่อนไม่มีให้เลือก ยังอดโมโหไม่ได้
ไม่ชอบกา no vote เพราะรู้สึกไม่มีประโยชน์อะไร
นอกจากเอาไว้ประท้วงว่าไม่มีใครถูกใจ
เลยแอบหวังว่าน่าจะไม่โดนยุบไป
เสียดายสถาบันอายุ 60 ปี
และไม่อยากให้คุณมาร์คต้องมีตราบาปติดตัว
ที่แย่กว่า ม.มั่ว หรือ ม. 7 อะไร
ที่ยังไงก็ไม่ร้ายแรงเท่า "แม้ว ม. 8"
http://forum.serithai.net/index.php?topic=3760.msg51858#msg51858
อย่างแน่นอน  :mrgreen:


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 05-07-2006, 08:46
ไม่ทราบว่า คุณsnowflake  กะคุณ  jaoping ไปกินเกาเหลา ร่วมกันตอนไหน
แต่ในฐานะผู้มีประสบกาม เอ้ย! การณ์ สดๆร้อนๆ มากะคุณ koo
กว่าจะรู้ว่า อุดมการณ์คล้ายกัน แต่ก็เกือบผิดใจกันแค่อักษรไม่กี่ตัว

ยังดีที่คุณ ThaiTruth ช่วย PM มาแจ้งเตือนเราไว้ทัน
อยากขอให้ทั้ง 2 ท่าน ปรอดงดองกัน เพื่อความพินาศของอริราชศัตรู ดีกว่าไหม
เวลานี้เป็นเวลาวิกฤติที่สุดในโลก ของชนชาวไทย
ยามที่อธรรมครอบฟ้า คลุมดิน

ต้องอาศัย ทุกพลังสมองของมวลชนอันมีค่าอย่างพวกคุณ 2คนมาช่วยกันนะ


อ้างถึง
ที่แย่กว่า ม.มั่ว หรือ ม. 7 อะไร
ที่ยังไงก็ไม่ร้ายแรงเท่า "แม้ว ม. 8"

อ้างถึง
ดิฉันไม่เคยบอกว่าไม่สนับสนุนม็อบ
ตรงกันข้าม ดิฉันสนับสนุนให้ไปม็อบ
เพื่อกดดันแสดงการไม่ยอมรับผู้มีอำนาจที่ไร้ยางอาย ไร้คุณธรรม
แต่ติงว่าอย่าทำเกินเลยโดยไม่จำเป็น เช่น ใช้กำลังบังคับค้นรถหาตัว กกต.
เพราะไม่เพียงผิดกฎหมาย ภาพที่ออกมายังไม่ดี
ทำให้เสียหายต่อการอ้างความชอบธรรม
คนที่เดิมเฉยๆ จะกลายเป็นต่อต้านม็อบ และไปอยู่ข้างทักษิณโดยปริยาย
คนที่เคยสนับสนุนก็อาจเลิกได้ ไม่ใช่เพราะรักทักษิณ
แต่เพราะไม่เห็นด้วยและไม่ต้องการไปร่วมกระทำสิ่งเหล่านั้น

หลายๆประโยคของ ข้อความโดย: snowflake  โดนใจเต็มๆ
อยากฝากไว้พิจารณา อย่างแรง

เพราะคนในแผ่นดินนี้ ที่มีหัวใจอิสระ รักประชาธิปไตย ภายใต้พระมหากษัตริย์เป็นประมุข
มิใช่ เกลียด ไทยลักไทย แล้วต้องชอบ ปชป.เสมอไป
เมื่อฝ่ายหนึ่งคือชั่วช้า แต่ไม่ได้หมายความว่า อีกฝ่ายจะต้องเป็นคนดีพิสุทธิ์ใส

ทางเลือก novote เราก็ยังเลือกต่อไป และบ่อยครั้ง หาก..ไม่มีอะไรที่ถูกใจ



หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 05-07-2006, 08:50
อ้างถึง
ดิฉัน นับได้ 81 ตัวอักษร รวมแล้วเป็นเงิน 20 บาท 25 สตางค์......แปะโป้ง เป็นหนี้ไว้ก่อนได้ป่าวคะ คุณ ThailandReport 


เพื่อให้ความสมานฉันท์ทำได้ง่ายขึ้น มิต้องเอ่ยอุทาน อมตะวาจา "โธ่เอ้ย พอแล้ว"
ขอยกเงินมูลหนี้ที่ค้างชำระทั้ง 20 บาท 25 สต.นี้ให้คุณ snowfake ไปซื้อเส้นก๋วยเตี๋ยวมาทานร่วมกะคุณ เจ้าผิง
ไม่ต้องกินเกาเหลาร่วมกันอีกต่อไป
ส่วนบุญกุศลจากการร่วมเจริญภาวนาที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้านี้ ขอยกให้ท่านเจ้าอาวาสวัดกาลามชน หมดเยย

 :lol: :roll: :D


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 05-07-2006, 09:17
ผมไม่ชอบการถ่วงดุลแบบรัฐบาลผสมหลายพรรค เหมือนในอดีต
ผมอยากให้เป็นการถ่วงดุลแบบพรรคใหญ่สองพรรค (ปชป-ทรท)
แต่ความชอบ กับความเป็นจริงไม่ไปด้วยกัน

เมื่อรูปแบบการเมืองเคลื่อนไปสู่แบบพรรคเดียวเสียงข้างมาก ที่ใหญ่จนเสมือนไม่มีคู่แข่ง การถ่วงดุล ก็ควรต้องย้ายเข้าไปอยู่ภายในพรรคใหญ่นั้น  ซึ่งเป็นวิถีทางปกติของรูปแบบการเมืองแบบพรรคเดียว ที่คนไทยยังไม่คุ้นเคย
(อย่าเรียกว่ายึดพรรคเลย ควรเรียกว่าถ่วงดุลภายในพรรคจะตรงดีกว่า )

คำตอบของคุณ snowflak คือ ผมไม่ได้เสียดายพรรค ทรท แต่แนะนำให้รู้จักการถ่วงดุลภายในพรรค เพราะเป็นวิธีที่เห็นว่า เป็นทางออกของปัญหาที่ไม่ต้องทำผิดเลย แม้แต่นิดเดียว ทั้งในทางโลก และทางธรรม รวมทั้งเป็นทางออกที่สร้างสรร  คือเข้าไปปรับปรุงคุณภาพพรรคใหญ่ให้ดีขึ้น แทนการใช้กำลัง หรือเล่ห์กลทุบทำลาย (ถ้า ทรท ฝ่อไปเองตามธรรมชาติ ผมจะไม่ว่าเลย)


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: Limmy ที่ 05-07-2006, 10:08
เรียนคุณกาลามชน

ตราบใดที่พรรคไทยรักไทย ยังมีหัวหน้าพรรคชื่อ ทักษิณ มีฝ่ายการเงินของพรรคชื่อ พจมาน

มีลูกพรรคอย่าง เนวิน สุริยะ วิชัย.....

ตัดใจลืมเรื่องการพัฒนาคุณภาพและการถ่วงดุลย์ในพรรคไปเถอะครับ คนพวกนี้มีธรรมะอยู่ในใจแค่ไหน คุณกาลามชนน่าจะรู้เองได้


หัวข้อ: Re: ตามอัตภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 05-07-2006, 11:27
ดิฉันไม่เคยบอกว่าไม่สนับสนุนม็อบ
ตรงกันข้าม ดิฉันสนับสนุนให้ไปม็อบ
เพื่อกดดันแสดงการไม่ยอมรับผู้มีอำนาจที่ไร้ยางอาย ไร้คุณธรรม
อ้างถึง

ดี หรือสร้างสรรค์ หรือเปล่าไม่ทราบ
แต่เป็นวิถีทางที่คนไม่กล้าหาญ ขี้เกียจไปม็อบอย่างดิฉันเลือกทำ ตามอัตภาพ
หากไม่ถูกใจใครก็ไม่ขออภัย เพราะว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล 

อยากให้โลกเป็นทุกข์มากนักหรือไง?
ขอบอกว่ามันเป็นของมันได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว
ดูข่าวสิ ภัยธรรมชาติทำลายชีวิตผู้คนทั่วโลก ไม่เลือกว่าอยู่ที่ไหน พัฒนาแล้วหรือไม่
ยังไม่นับโรคภัยไข้เจ็บ ที่แม้เทคโนโลยีก้าวไกลแค่ไหน ก็ยังคงเอาชนะมันไม่ได้
คุณไม่ต้องไปช่วยเร่งสร้างความหายนะและโศกนาฏกรรมเพิ่มให้โลก ก็จักเป็นพระคุณยิ่ง

ที่อยากให้จบ happy ending ใช่ว่าไม่อยากให้ “คนผิด” ได้รับการลงโทษ
แต่หากหมายถึงต้องเกิดการสูญเสีย ไม่ว่าฝ่ายใด ก็ขอไม่ให้เกิดดีกว่า
ไม่อยากให้เราต้องมี “วีรบุรุษ เดือนอะไรอีก”
ชีวิตคุณ (หรือชีวิตใคร) มีค่ามากกว่าเงินแสนล้านบาทที่คิดว่าเขาโกงไป
คุณ (หรือใคร) อาจบอกว่ายอมสละได้ เพื่อชาติ เพื่ออุดมการณ์ หรือเพื่ออะไร
แต่ดิฉันไม่ต้องการให้ใครมาสละค่ะ ไม่ว่าเพื่ออะไรทั้งนั้น
และคิดว่าพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ทุกคนที่รักคุณ ก็คิดไม่ต่างกัน

ย้ำอีกทีว่าไม่ได้ใจอ่อนสงสาร “คนผิด”
แต่คิดว่า “ผิดด้วยกันทั้งสอง/ทุกฝ่าย”
อาจมากน้อยต่างกันแล้วแต่เหตุการณ์และมุมมอง

สุดท้าย หากใครคิดทำอะไรรุนแรงในปีมหามงคล
ก็ถือเป็นลูกอกตัญญู ผู้ไม่เห็นแก่ “พ่อ” ด้วยกันทั้งนั้น

“รักพ่ออย่าทะเลาะกัน” เพื่อมิให้พ่อเสียใจ
ทุกคนเป็นลูกของพ่อทั้งนั้น ไม่ว่าม็อบจตุจักรหรือม็อบกู้ชาติ
สนับสนุนหรือต่อต้านทักษิณและพรรคไทยรักไทย

รักพ่อก็อดทนเพื่อพ่อไม่ได้หรือคะ?
พ่ออยากให้ลูกๆ มีชีวิตต่อไป
ไม่อยากให้ลูกคนไหนสละชีพเพื่อท่านโดยไม่มีเหตุอันควร

หากต้องการจบแบบสมานฉันท์
ก็ต้องมีการเจรจาระหว่าง 2 ฝ่าย
แม้ยามศึกสงครามก็ยังมีข้อตกลงว่า
จะไม่ฆ่าผู้ส่งสาร หรือทูต
Don’t shoot the messenger
Unless you want the ugly war.
ซึ่งชักสงสัยว่าจะจริง ทุกวันนี้ได้ยินแต่เสียงบอกให้ ฆ่ากัน
รอเพียงให้งานพระราชพิธีผ่านไป ...
คิดแบบนี้แล้วเรียกตัวเองว่าจงรักภักดี ก็ไม่รู้จะว่ายังไง

ที่ไม่เดือดร้อนกับคำว่า outlaw เพราะเห็นว่าเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินเลย
สู้กับคนที่อยู่ในอำนาจโดยกอดกฎกติกาไว้แน่น เท่ากับอยู่คนละข้างของกฎหมาย
แต่ทำไปแล้วไม่รู้ตัวว่าผิดแม้เพียงน้อยนิด อันนี้ไม่รู้จะเรียกว่าไร้เดียงสา หรือแกล้งโง่
ขออภัย ไม่อยากใช้คำรุนแรง แต่เกรงไม่เข้าใจ ไม่ซึมซาบเข้าไปในหมอกมายา
ที่สร้างไว้หลอกตัวเองว่า ทำถูกต้องทุกอย่าง ไม่มีใดผิด

คนที่ทำระเบิดพลีชีพ เขาก็คิดว่าตัวเองไม่ผิด จะได้ไปสวรรค์
เพราะทำความดีอันยิ่งใหญ่ที่ได้กำจัดผู้เป็นภัยต่อศาสนา
แต่คนนอกที่อยู่นอกศาสนาของเขา คิดอย่างไรก็คงทราบดี

พันธมิตรฯ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ใช้กำลัง
ดีแล้วที่ไม่เกิดเหตุร้าย ขอปรบมือให้
แต่หลายครั้งก็อดสงสัยไมได้ว่า
ที่นำฝูงชนเคลื่อนไปมาตามท้องถนนนั้น ทำเพื่ออะไร
มีเจตนายั่วยุอีกฝ่ายให้ใช้กำลังเข้าปราบปรามหรือไม่
แล้วพอเขาไม่ทำ ก็เลยไม่มีเหตุที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย
คือจบเรื่องโดยเร็วหรือเปล่า?

ก็เป็นห่วงประชาชนที่ไม่รู้เท่าทันเจตนาแอบแฝง
จะต้องมาเป็นเบี้ยในกระดานที่สละได้ให้ใครเดิน
ไม่ว่าฝ่ายไหน ได้ค่าจ้างหรือไม่ได้ ทำด้วยใจหรือด้วยเงิน

อยากให้ต่อสู้แบบไหน?
ก็แบบที่ไม่รุนแรง และไม่ผิดกฎหมายไง ไม่ใช่ผิดแล้วอ้างว่าไม่เป็นไร
เพราะจะจับโจร ใช้วิธีการยังไงก็ได้ทั้งนั้น ยังไงมันก็เลวกว่าเรา

คุณบุกไปฆ่าเขาตายแล้วบอกไม่ผิดเพราะฆ่าผู้ร้าย
เชื่อว่าทำได้งั้นหรือ ถ้าได้บ้านเมืองก็ไม่มีขื่อมีแปแล้ว

หากจำเป็นต้องทำผิด ก็จำกัดให้มันน้อยหน่อย
อย่าให้มากจนน่าเกลียด หรือเดือดร้อนชาวบ้านโดยไม่จำเป็น
เพราะจะเป็นการก่อศัตรูโดยไม่รู้ตัว
ตัวอย่างเช่น ชุมนุมในถนน ผิดแค่กีดขวางการจราจร
แต่ชาวบ้านที่เดือดร้อนในการสัญจรไปมาเขาโมโหมาก
จากที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด กลายเป็นเข้าข้างรัฐบาล เพราะรำคาญม็อบ
คุณจะว่าเขาเห็นแก่ตัว ไม่ยอมเสียสละเพื่อชาติ
พวกคุณเหนื่อยยากลำบากกว่าเป็นไหนๆ ก็คิดไปได้
แต่คุณไม่ชนะในระยะยาว เพราะไปเพิ่มเสียงให้ฝ่ายศัตรู

ม็อบปิดล้อม กกต. บังคับค้นรถที่จะออกจากตึก
ให้ต้องเปิดกระโปรงทุกคัน เพื่อค้นหาทั่นวาสนา?
ทำผิดกฏหมายหรือไม่? ถ้าค้นเจอแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?
ไม่ต้องอ้างว่าผิดน้อยกว่าม็อบล้อมเนชั่น
ผิดก็คือผิด ใช้ว่าเปรียบเทียบกันแล้วจะถูกไปได้

ไม่ได้บอกว่าผิด “เท่ากัน” นะคะ คุณ ThaiTruth
กรุณาอ่านใหม่ highlight ให้ตลอด
“ผิดด้วยกันทั้งสอง/ทุกฝ่าย อาจมากน้อยต่างกันแล้วแต่เหตุการณ์และมุมมอง”

ขึ้นชื่อว่าม็อบ ความหมายก็ไม่ดีแล้ว
คือฝูงชนที่ขาดสติ มีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงได้ง่าย
อยากเน้นเรื่องมีสติ เพราะเป็นห่วงจริงๆ
ว่าจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีหลอกให้ไปเกิดเหตุร้าย
อย่างที่ตอบในกระทู้ก่อนหน้า (#13)
ว่าไม่อยากให้มี “วีรชน" (ไม่ว่าเดือนไหน) อีก
http://forum.serithai.net/index.php?topic=2957.msg40032#msg40032 (http://forum.serithai.net/index.php?topic=2957.msg40032#msg40032)

ประเด็นที่รู้สึกไม่ไว้วางใจและไม่เห็นด้วย
ก็ตรงที่มีการใช้หรืออ้างสถาบันเพื่อปลุกกระแส
จะเห็นว่าเป็นกลยุทธที่ใช้ได้ผลมากกว่าเรื่องโกงกิน
คอรัปชั่น บริหารไม่โปร่งใส ฯลฯ

จึงอยากเน้นที่เรื่องจงรักภักดี
และขอประณามไม่ว่าฝ่ายไหน
ที่ทำให้ระคายเบื้องพระยุคลบาท
รักพ่ออย่าให้พ่อต้องเดือดร้อนสิคะ

หากใครคิดทำอะไรรุนแรงในปีมหามงคล
ก็ถือเป็นลูกอกตัญญู ผู้ไม่เห็นแก่ “พ่อ” ด้วยกันทั้งนั้น
“รักพ่ออย่าทะเลาะกัน” เพื่อมิให้พ่อเสียใจ
ทุกคนเป็นลูกของพ่อทั้งนั้น
ไม่ว่าม็อบจตุจักรหรือม็อบกู้ชาติ
สนับสนุนหรือต่อต้านทักษิณและพรรคไทยรักไทย

-------------------------------------------
ไม่รู้ว่าดิฉันเข้าใจผิด  หรือคุณ snowflake เปลี่ยนใจเห็นดีเห็นงามกับการมีพันธมิตรประชาชนแล้ว

หลงเข้าใจผิดมาตั้งนานแน่ะค่ะคุณ snowflake......5 5 5

ตกลงว่ามีม๊อบนี่ดีหรือไม่ดีอ่ะคะ......ยังงงอยู่นะนี่

ดิฉันสับสน รึคุณสับสน รึใครเปลี่ยนใจล่ะนี่...


หัวข้อ: Re: Converse all stars
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 05-07-2006, 11:36
คุณ เจ้าผิง ที่รัก

ดิฉันคงอธิบายไม่ได้มากไปกว่านี้ เพราะคิดว่าได้อธิบายชัดเจนแล้ว
แต่คุณไม่ฟัง และเลือกที่จะเชื่อตามใจคุณ ดังนั้นป่วยการพูดค่ะ

ดิฉันไม่เคยบอกว่าไม่สนับสนุนม็อบ
ตรงกันข้าม ดิฉันสนับสนุนให้ไปม็อบ
เพื่อกดดันแสดงการไม่ยอมรับผู้มีอำนาจที่ไร้ยางอาย ไร้คุณธรรม
แต่ติงว่าอย่าทำเกินเลยโดยไม่จำเป็น เช่น ใช้กำลังบังคับค้นรถหาตัว กกต.
เพราะไม่เพียงผิดกฎหมาย ภาพที่ออกมายังไม่ดี
ทำให้เสียหายต่อการอ้างความชอบธรรม
คนที่เดิมเฉยๆ จะกลายเป็นต่อต้านม็อบ และไปอยู่ข้างทักษิณโดยปริยาย
คนที่เคยสนับสนุนก็อาจเลิกได้ ไม่ใช่เพราะรักทักษิณ
แต่เพราะไม่เห็นด้วยและไม่ต้องการไปร่วมกระทำสิ่งเหล่านั้น

แต่หากคุณไม่สนใจในผลกระทบที่เกิดขึ้น
ยังยึดมั่นว่าสิ่งที่พันธมิตรทำไปดีทุกอย่าง ถูกต้องทุกอย่าง
และคิดว่าคนเหล่านั้นไม่สำคัญ เป็นพวกไม่มีอุดมการณ์ ฯลฯ
จะไปอยู่ฝ่ายไหนก็ไป
อนาคตก็จะมีแต่แฟนพันธุ์แท้อย่างคุณไปม็อบ
และเป็นม็อบที่คนส่วนใหญ่ไม่สนับสนุน

ไม่ได้ติเพื่อให้เสียกำลังใจนะคะ
เพียงแต่ต้องการสะท้อนให้เห็นภาพที่คนภายนอกมอง
ให้ทราบไว้เป็นข้อมูล
คุณ เจ้าผิง อาจไม่สนใจฟัง
แต่ดิฉันคิดว่าคนระดับแกนนำวางแผนย่อมสนใจ
และหมั่นประเมินผลลัพธ์ที่ออกมา
โดยเฉพาะถ้าคิดว่ากำลังทำสงครามแย่งชิงมวลชน

ซึ่งจุดนี้คิดว่าหลายคนที่นี่ไม่สนใจ ดูจากพฤติกรรมที่คอยแต่จะผลักไส
ตั้งแง่กับใครก็ตามที่มาแลกเปลี่ยน โดยยัดเยียดความเป็นศัตรูให้
แทนที่จะพยายามเป็นมิตร ด้วยคติ "ไม่ปรองดองกับคนชั่ว"
คนที่เลือก ทรท. ชั่วหมดทั้ง 19 ล้านคน หรือไงคะ
อันนี้ตรงข้ามกับเป้าหมายของดิฉัน ที่ต้องการได้ชัยชนะในคูหาเลือกตั้ง
เพราะเป็นวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตยที่ควรเป็น

รู้สึกจะเคยมีคำถาม/บ่นว่า ทำไมติแต่ม็อบพันธมิตร
ไม่ติม็อบจตุจักรบ้าง ทีแรกฟังแล้วงงว่าสงสัยอะไรว้า
ที่ไม่สนใจวิจารณ์คนพวกนั้นเพราะว่าไม่ใช่พวกเรา
และยิ่งเขาทำแย่ๆ ก็ยิ่งดี จะได้ไม่มีคนสนับสนุนอีกต่อไป

คงจะ “ติเพื่อก่อ” ให้เกิดการปรับปรุง ไม่เป็น
เห็นก่อได้แต่ความแค้นจากกลไกป้องกันตัวเองเท่านั้น

ไม่เข้าใจว่าที่ตัวเองเขียนไปส่งผลร้ายทำให้พันธมิตรอ่อนแอลงที่ตรงไหน
เพราะที่ตั้งใจคือ ไม่อยากให้ทำผิดกฎหมายโดยไม่จำเป็นในการเคลื่อนไหวต่อๆ ไป
ซึ่งผลเสียไม่เพียงสูญแนวร่วมที่มี ยังผลักให้คนที่ก้ำกึ่งไม่เลือกข้างไปอยู่ฝั่งตรงข้าม

ส่วนที่เตือนเรื่องไม่อยากให้รุนแรงนั้น
เพราะเล่นบอร์ดนี้นานจนคุ้นเคยกับหลายคน อดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้
ไม่อยากให้ใครต้องไปเป็นเบี้ยในกระดานที่เขายอมสละได้เพื่อการช่วงชิงอำนาจ
หากการติงเช่นนี้ทำให้เสียกำลังใจจนไม่ไปม็อบ
ดิฉันยอมให้ด่าก็แล้วกัน (ถึงไม่ยอมก็โดนอยู่ดี)
I don't mind if you hate me as long as you stay alive to do so.

คุณ เจ้าผิง อยากเข้าใจอย่างไร ทำ/คิดอย่างไร เชิญทำตามใจคุณได้
ดิฉันไม่คิดว่าเราต้องทำเหมือนกัน เพราะจุดหมายต่างกัน
ของคุณอยู่ที่การโค่นล้มทักษิณ ของดิฉันเพียงเปลี่ยนใจคนเลือก ทรท.
(หรือพรรคใดๆ ที่ไปตั้งใหม่ หลังโดนศาลสั่งยุบ)
เพราะเขาเป็นคนที่เข้าคูหาไปลงคะแนนเลือกผู้แทนฯ
แต่คิดว่าในภาพใหญ่แล้ว เป้าหมายก็ไปทางเดียวกัน
ดังนั้นไม่ต้องมาขัดแย้งจะดีกว่า เสียเวลาและพลังงานโดยใช่ที่
เพราะไม่มีใครยอมเปลี่ยนใจ
อย่างถ้าดิฉันจะบอกคุณว่าให้เปิดใจให้กว้าง มองโลกในแง่มุมของคนอื่นบ้าง
ก็คงไม่รับฟัง เพราะมาจากปากคนที่คุณไม่ไว้วางใจ
เช่นนั้นก็ Converse all stars ทางใครทางมันก็แล้วกัน ดีไหมคะ
(ไม่ได้ค่าโฆษณา)

ส่วน “รากหญ้าจะทันสมัยเล่นเน็ท อ่านข่าว ไม่ได้รึไงคะ”
ถ้าตามความหมายที่คนทั่วไปเข้าใจกัน ก็คงไม่ใช่
แต่ถ้าตามนิยามศัพท์ฉบับเจ้าผิง อะไรๆ ก็ได้ทั้งนั้น
เพราะคุณกำหนดเองนี่คะ


โอ้ย โอย...ดิฉันกลายเป็นคนหัวรุณแรง คนหัวดื้อไปแล้วเหรอนี่

แต่ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันถนัดเป็นนางร้าย......ชีวิตจริงก็เล่นบทนางร้าย

ตรรกะของดิฉันคือ 1+1 ได้ 2........ถ้า a+b =c ดังนั้น c-b = a

ผิดหรือไม่ผิดกฏหมาย.....มันอยู่ที่คนตัดสิน ถ้าคนบังคับใช้กฏหมายจะเอาเรื่อง จะหาเรื่อง ม๊อบที่ออกมาต่อต้าน ก็คงผิดตั้งแต่ออกจากบ้านแล้ว

ผลที่ปรากฏมาจนทุกวันนี้...........เกิดจากม๊อบพันธมิตร เกิดจากกลุ่มคนรู้ทันที่ออกมาเปิดโปงทักษิณทั้งนั้น...ระบอบทักษิณถึงได้หยุดชะงัก

ถ้าไม่มีพวกเขาเหล่านั้นป่านนี้ทักษิณมันปู้ยี่ปู้ยำประเทศไทยไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

ถึงคุณไม่เทิดทูนคนเหล่านั้นเป็นวีรบุรุษ แต่ก็น่าจะเห็นความดีของพวกเขาบ้าง

ไม่ใช่เอะอะอะไรก็กลัวความรุณแรง เอะอะอะไรก็ผิดกฏหมาย เอะอะอะไรก็รักพ่ออย่าทะเลาะกัน

ถ้าการมองโลกด้านเดียวของดิฉันคือ....ความดี มีสีขาว  ถ้าการมองโลกแบบกว้างๆคือยอมรับความดีสีเทา ยอมกินน้ำโคลน

ขออยู่ในกะลาต่อไปดีกว่า....หุหุ


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 05-07-2006, 11:38
นิยามศัพย์ฉบับเจ้าผิงยังมีอีกหลายคำนะ

สนใจติดต่อได้หลังไมค์

 :mrgreen: :mrgreen:


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 05-07-2006, 11:59
โดยส่วนตัวเราคิดว่า
ข้อเขียนของคุณ snowfake  แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของคุณ jaoping อยู่มากหลายประการ
แต่ก็เป็นความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ เพราะมีแง่มุมที่ให้ฉุกคิด รวมทั้งต้องยอมรับกันว่า เป็นสิ่งที่ควรตระหนักในหลายๆข้อ

ขาดก็แต่ว่า...การร้องทุกข์ หรือ คัดค้าน โดยมิได้นำเสนอแนวทางที่ดีกว่า ประกอบการพิจารณา
ทำให้ดูเหมือน ติเรือทั้งโกลน มือไม่พายเอาเท้าเขี่ยน้ำเล่น ทำนองนั้น
จนน่าจะเป็นต้นเหตุให้เกิดเกาเหลาชามนี้ขึ้น
ถอยกันคนละก้าวดีไหม
อย่ามองย้อนหลังไปอีก
เรื่องที่แล้วให้แล้วไป
คุยแต่วันนี้และพรุ่งนี้
คุยแค่เรื่องที่เป็นหัวข้อเดียวกัน
อย่าขยายความไปยังจุดเกิดเหตุอีก

ดีไหม...?

เราเห็นว่าไม่ว่าคุณ jaoping หรือ snowfake ล้วนแล้วแต่เป็นสมาชิกอันมีค่าสำหรับเวทีแห่งความคิดนี้
ไม่เหมือน เจ้าอาวาส จำแลง กะพวกลิ่วล้อทรราชย์ทั้งหลาย ที่มาเขียนชเลียร์เจ้านายตนเองแบบไม่ลืมหูลืมตาดูเหตุผลถุกผิด  แถลไถล ไร้สาระ น่าเบื่อ น่ารำคาญเสียเวลาอ่าน มากมายนัก


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: p ที่ 05-07-2006, 12:17

คุณ jaoping และคุณ snowfake ครับ
รวมกันเราอยู่นะครับ

 :) :) :)


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 05-07-2006, 12:44
ไม่แยกไปไหนหรอกค่ะ จะอยู่กับพันธมิตรนี่แหล่ะ

แยกเดี่ยวกลัวถูกอุ้มหาย แบบทนายสมชายอ่ะ... :mrgreen:


ขอบคุณค่ะ คุณ ThailandReport

ดิฉันจะเชื่อฟังคุณค่ะ.... :oops:

ปล. โป๊กๆ อ่า ความแข็งของกะโหลกดิฉันน้อยลงไปนิดนึงแล้วค่ะ :mrgreen: :mrgreen:


หัวข้อ: Re: ธรรม กับ การต่อสู้
เริ่มหัวข้อโดย: เชือกว่าว ที่ 05-07-2006, 15:37
เป้าหมายหลักเดียวกัน ต่างกันตรงวิธี

ขอบคุณทั้งคู่ครับ อย่าแตกกันเลย....

   :) :) :)