ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: อนัตตา (ไร้สี ไร้กลิ่น ไร้ฝ่าย) ที่ 25-09-2008, 08:32



หัวข้อ: พอกันที-การเมืองเก่า บุญเลิศ ช้างใหญ่ จากมติชน (ไม่อยากจะเชื่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา (ไร้สี ไร้กลิ่น ไร้ฝ่าย) ที่ 25-09-2008, 08:32
อ้างถึง
พอกันที-การเมืองเก่า

โดย บุญเลิศ ช้างใหญ่



ข้อเรียกร้อง "การเมืองใหม่" ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจุดขึ้นภายหลังการชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 และขับไล่รัฐบาล "สมัคร สุนทรเวช" และเริ่มส่งเสียงดังขึ้นเมื่อพามวลชนยาตราทัพเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล ณ วันนี้ วลีดังกล่าวกำลังดังกระหึ่มไปทั่วทั้งสังคม

แม้จะไม่มีรูปธรรมที่ชัดเจนจากแกนนำพันธมิตรว่า การเมืองใหม่รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร จนถูกฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ปรารถนาดีหยิบฉวยเอาแต่เฉพาะประเด็นสัดส่วน 70/30 มาโจมตีอย่างสาดเสียเทเสีย แต่คนเหล่านี้ก็ไม่กล้าปกป้อง "การเมืองเก่า" ว่าจะเป็นหนทางนำไปสู่การพัฒนาประเทศสู่ความเจริญรุ่งเรือง แต่ละคนกอดอยู่กับความเคยชินมาแต่ดั้งเดิมว่า ประชาธิปไตยคือ การเลือกตั้ง ส.ส.โดยตรงจากประชาชนเท่านั้น ห้ามเอาจากการเลือกตั้งหรือสรรหาจากกลุ่มอาชีพต่างๆ เป็นอันขาด

ต่อเมื่อแกนนำพันธมิตรออกมาปฏิเสธว่า 70/30 เป็นเพียงตุ๊กตา ไม่ใช่ข้อสรุปที่จะต้องยึดถือ แกนนำพันธมิตรจะระดมความคิดเห็นเพื่อฟังข้อเสนอและเมื่อตกผลึกแล้วจะเสนอต่อสาธารณชนต่อไป นั่นแหละฝ่ายตรงข้ามถึงได้เบาเสียงแห่งการโจมตีลงไปได้บ้าง

การพัฒนาการเมืองน่าจะเป็นสิ่งที่คนไทยต้องการเห็น ไม่ว่าจะอยู่ขั้วไหน ฝ่ายไหนก็ตาม เพราะไม่มีใครปฏิเสธว่า การที่ประเทศไทยย่ำเท้าอยู่กับที่จนประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศแซงหน้าไปแล้ว สาเหตุสำคัญประการหนึ่งมาจากปัญหาการเมืองไทย อุตส่าห์ปฏิรูปครั้งใหญ่ด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญที่เปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างกว้างขวาง มีการเข้าร่วมของประชาชนจำนวนมากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน กระทั่งได้ "รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน" ประกาศใช้วันที่ 11 ตุลาคม 2540 แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด เนื่องจากเกิดรัฐประหาร กุญแจที่ตั้งจะใช้ไขไปสู่การเมืองใหม่ถูกทุบทิ้งอย่างน่าเสียดาย

เหตุที่การปฏิรูปการเมืองสะดุดหยุดลงไม่ใช่เพราะพันธมิตรขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่พรรคฝ่ายค้านบอยคอตการเลือกตั้ง แต่เป็นเพราะตัวนักการเมืองโดยเฉพาะผู้ปกครองที่มีอำนาจไม่รักษาคำพูดที่ว่า "รวยแล้วไม่โกง" เมื่อมีอำนาจก็พยายามจะรักษาอำนาจไว้กับตนเองและพวกพ้องให้นานที่สุด ใครแสดงความคิดเห็นที่กระทบมาถึงก็จะตอบโต้และตามมาด้วยการแจ้งความ ฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมกับเรียกค่าเสียหายเป็นร้อยเป็นพันล้านบาท

ตัวนักการเมืองที่เหลิงอำนาจและใช้อำนาจไปในทางมิชอบต่างหากคือรากเหง้าของปัญหาการเมืองที่รัฐธรรมนูญแม้จะเขียนดีเพียงไรก็ไม่สามารถขุดทิ้งได้

โครงสร้างทางการเมืองแบบรัฐสภาซึ่งค่อยๆ พัฒนาจากจุดเริ่มต้นที่คณะราษฎรตั้งใจจะให้เป็นมาจนถึงปี 2549 ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2540 กำหนดให้มี ส.ส. 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.เขต เขตละ 1 คน รวม 400 เขต 400 คน อีก 100 คนเป็นระบบบัญชีรายชื่อ นี่คือสภาผู้แทนราษฎร ส่วน ส.ว.ให้มี 200 คน ให้มาจากการเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด

การได้ตัวแทนประชาชนโดยผ่านการเลือกตั้งไปเป็น ส.ส. และ ส.ว.มันควรจะดีและการเมืองถึงเวลาจะพัฒนาไปเสียที ถ้าหากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบบการศึกษา สื่อสารมวลชน องค์กรภาคเอกชน ฯลฯ ได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์และที่สำคัญเหนืออื่นใด นักการเมืองและพรรคการเมืองเกิดความสำนึกในความเสียสละ เคารพในกฎกติกา มีความละอายต่อการทำชั่ว ฯลฯ ในความจริงหาได้เป็นเช่นนั้น

ไม่ว่าจะเลือกตั้งกี่ยุคกี่สมัย ไม่ว่าจะใช้รัฐธรรมนูญฉบับใด นักการเมืองที่เสนอตัวมาให้ประชาชนเลือกโดยใส่เสื้อคลุมหลากสี มีชื่อพรรคปักอยู่ที่เสื้อ มิได้ทำตัวให้เป็นที่น่าศรัทธา มีการแบ่งเป็นกลุ่มก๊วนในพรรค หัวหน้ากลุ่มก๊วนก็จะใช้จำนวน ส.ส.ไปต่อรองเพื่อให้ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี ครั้นได้เป็นรัฐมนตรีก็ใช่ว่าจะมีสมองในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ในส่วน ส.ส.นั้นเล่า เวลาประชุมสภาก็ไม่รู้มัวไปสันหลังยาวอยู่ที่ไหน เวลามีคนอภิปรายก็ไม่สนใจฟัง เวลาพรรคฝ่ายค้านซักฟอกรัฐมนตรี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็จะลุกขึ้นประท้วงซ้ำซาก สร้างความเบื่อหน่าย น่ารำคาญให้กับผู้ที่ติดตามดูและฟังการถ่ายทอดทางโทรทัศน์และวิทยุ

การประชุมสภาเป็นแค่พิธีกรรมที่สักแต่กล่าวถ้อยคำ "ท่านประธานที่เคารพ ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติ กระผมนาย.....สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรค....." แบบนกแก้วนกขุนทอง แต่พฤติกรรมของการทำหน้าที่ที่ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญให้ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินหาได้แสดงให้ปรากฏไม่ ตรงกันข้าม ส.ส.ที่อยู่ในพรรครัฐบาลกลับทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์ "นาย" หรือ "ลูกพี่" หรือ "เจ้าพ่อ" ผู้ซึ่งมีบุญคุณกับพวกตน เพราะให้เงินให้ทองใช้จ่าย เอื้อประโยชน์ในด้านอื่นๆ ไม่ได้สนใจความถูกผิด ไม่ยี่หระต่อสายตาของคนไทยที่เฝ้ามองดูด้วยความเวทนา และชวนให้สะอิดสะเอียนเวลาที่ ส.ส.พวกนี้ลุกขึ้นอภิปราย

เผด็จการทางรัฐสภาที่เสียงข้างมากของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่ใช้จำนวนมือที่มากกว่าเอาชนะ ส.ส.ฝ่ายค้านไปทุกเรื่อง ทุกกรณี ได้อุดกระชากลากถูความดีงาม ความมีเหตุมีผลลงข้างลงคูมาโดยตลอด เรื่องที่ผิด เสียงข้างมากของคนพวกนี้ก็ทำให้เป็นถูกได้ และเรื่องที่ถูกก็ใช้เสียงข้างมากทำให้เป็นผิดได้ในพริบตา จึงสมแล้วที่มีคนเรียกขานสภาพการณ์เช่นนี้ว่า "ทรราชเสียงข้างมาก"

ความวนเวียนซ้ำซากของเสียงข้างมากในสภาที่ดีแต่พูด ดีแต่ประท้วงเพื่อปิดปากฝ่ายค้าน ดีแต่เบี้ยวการประชุม ดีแต่ใช้งบประมาณไปเที่ยวในต่างประเทศโดยอ้างว่าไปดูงาน ฯลฯ ในส่วนของคณะรัฐมนตรีที่มีแต่เจ้าพ่อ มีแต่นายทุนที่ไม่รู้จักคำว่าพอ คำว่าสุจริตไม่มีในจิตใจ มีแต่สามัญสำนึก ความรอบรู้ ความเชี่ยวชาญกลับหาไม่เจอ เมื่อถูกจับได้ไล่ทันว่าโกงกินก็แกล้งฟ้องร้องดำเนินคดีกับหนังสือพิมพ์และผู้ที่รู้ทัน

ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งก็เช่นกัน ไม่ว่าจะ ส.ว.ชุดแรกที่เลือกตั้งปี 2543 ซึ่งถูกแทรกแซงจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ และ ส.ส.ที่เลือกตั้งเมื่อต้นปี 2551 มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่กล้าเปิดเผยตัวเองว่าจะยืนอยู่ข้างไหน กำลังทำอะไรเพื่อให้เจ้าของเงินภาษีรู้สึกว่าคุ้มกับการจ่ายเป็นค่าตอบแทน

ไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมทุกครั้งที่จะขึ้นเงินเดือนค่าตอบแทนให้กับ ส.ส. และ ส.ว.จึงถูกด่าถูกประณามอย่างไม่มีชิ้นดีจากสื่อมวลชนและประชาชนโดยทั่วไป

การให้ตัวแทนมาจากการเลือกตั้งเพื่อเป็น ส.ส. และ ส.ว.ที่ทดลองกันมาหลายปีดีดักถึงเวลาที่จะ "พอกันที" ได้แล้ว การออกแบบโครงสร้างทางการเมืองของประชาธิปไตยแบบรัฐสภาอาจจะยากและขัดต่อความเคยชินแบบเดิมๆ แต่ถ้าไม่กล้าคิดนอกกรอบ ไร้จินตนาการ ไม่ช่วยกันคิดค้นรูปแบบและผลักดัน "การเมืองใหม่" ให้เกิดขึ้นเพื่อแทนที่ "การเมืองน้ำเน่า" สุดท้ายประเทศชาติก็คงไปไม่รอด

หน้า 6

ยังมีคนมีหัวคิด มีสติ ปัญญา อยู่กะมติชนหรือนี่ :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: พอกันที-การเมืองเก่า บุญเลิศ ช้างใหญ่ จากมติชน (ไม่อยากจะเชื่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: ninja ที่ 25-09-2008, 08:48
โธ่ถัง กาละมังแตก ตรู

ไม่ได้มาเล่นนาน เลยไม่รู้ว่า เข้าไปกระทู้พวกลิ่วล้อเหลี่ยม

เซ็งเลยตรู


หัวข้อ: Re: พอกันที-การเมืองเก่า บุญเลิศ ช้างใหญ่ จากมติชน (ไม่อยากจะเชื่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: ninja ที่ 25-09-2008, 08:51
เอาไปอีกบทความในค่ายเดียวกัน  หัดแยกแยะบ้างว่า ใครดี ใครเลว

พวกรับจ้างเขียนป่าวไม่รู้  ช่วยถามหน่อยว่า ใครเป็นคนเลิก ศอ บต  ใครเป็นคนจุดไปความรุนแรง

เอาแต่กล่าวหา ปชป  ที่ทำตามหน้าที่ แต่ไปเชลียร์....

สำคัญผมอยากให้ท่านสาทิตย์ พรรคประชาธิปัตย์ ลองทบทวนสักนิด ที่ พล.อ.เชษฐา พล.อ.ขวัญชาติ
รวมทั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เปลืองตัวลงมาช่วยแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้นั้น

เพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรือประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติครับ!?!

http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01act05250951&sectionid=0130&day=2008-09-25
หน้า 6 

ใครกันแน่ที่ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แล้วช่วยบอกหน่อยว่า

 บิ๊กจิ๋วทำอะไรให้การเมือง เมืองไทนบ้าง  อย่าตอบนะ ว่า ๖๖/๒๓



หัวข้อ: Re: พอกันที-การเมืองเก่า บุญเลิศ ช้างใหญ่ จากมติชน (ไม่อยากจะเชื่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 25-09-2008, 09:04
บก.มติชน เป็นหนึ่งใน สนช. ก็เห็นเข้าข้างพันธมิตรมาตลอดเวลา แม้ในวันที่พันธมิตรเข้ายึด NBT

วันนั้นไปออกไทยพีบีเอส แม้ไม่เห็นด้วยกับการบุกยึด NBT แต่ เค้าก็ให้ดูพฤติกรรมของ NBT ด้วย

บุญเลิศ คชายุทธเดช ยืนข้างความถูกต้องเสมอ

ข้อเขียนเค้าแฟนเยอะเหมือนกันนะ

เวลาสื่อทีวีจะเชิญผู้คนที่มีความเห็นด้านพันธมิตร ก็ไม่ลืมเชิญบุญเลิศ ประมาณนั้น...

มติชนสุดสัปดาห์ ปกสมชาย ก็มีเรื่องของ ศิลาโคมฉายเรื่อง "ยาแรง"

หรืออ่าน "ลูกกจีนรักชาติ"  ก็เข้มข้น เพิ่งลงเป็นตอนแรก


หัวข้อ: Re: พอกันที-การเมืองเก่า บุญเลิศ ช้างใหญ่ จากมติชน (ไม่อยากจะเชื่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา (ไร้สี ไร้กลิ่น ไร้ฝ่าย) ที่ 25-09-2008, 09:19
บก.มติชน เป็นหนึ่งใน สนช. ก็เห็นเข้าข้างพันธมิตรมาตลอดเวลา แม้ในวันที่พันธมิตรเข้ายึด NBT

วันนั้นไปออกไทยพีบีเอส แม้ไม่เห็นด้วยกับการบุกยึด NBT แต่ เค้าก็ให้ดูพฤติกรรมของ NBT ด้วย

บุญเลิศ คชายุทธเดช ยืนข้างความถูกต้องเสมอ

ข้อเขียนเค้าแฟนเยอะเหมือนกันนะ

เวลาสื่อทีวีจะเชิญผู้คนที่มีความเห็นด้านพันธมิตร ก็ไม่ลืมเชิญบุญเลิศ ประมาณนั้น...

มติชนสุดสัปดาห์ ปกสมชาย ก็มีเรื่องของ ศิลาโคมฉายเรื่อง "ยาแรง"

หรืออ่าน "ลูกกจีนรักชาติ"  ก็เข้มข้น เพิ่งลงเป็นตอนแรก

ไม่ใช่แฟนมติชนรายสัปดาห นานเล้ว จะว่าไปก็เลิกอ่านหนังสือรายสัปดาห์นานแล้วเหมียนกัลล์
ตอนวัยรุ่นเป็นแฟนลุงวัติ กองเพียรขนานแท้ ให้กำลังใจลุงวเคิเสมอในยามที่ถูกด่าตามประสาคนคอเดียวกัน
แต่นั่นก็เกือบ 10 แล้ว
มติชนเปลี่ยนไปเยอะ จากที่เจ๋งๆสุดๆตอนขับไล่รัฐบาลชวลิต ไล่อลัชชี มาเป๋จับจุดไม่ถูก หาจุดยืนไม่ได้ยุคทักษิณ เป็นใหญ่

ปีที่แล้วสังเกตูดูปกมติชนสุดสัปดาห์ ทั้งปีโดยไม่อ่านเนื้อใน มองผ่านเหตการณืต่างๆ ตั้งแต่อาการพระประชวร , 12 สิงหา, 5 ธันวา รวมทั้งนับครั้งที่เอาแม้วหรือคนใกล้ชิดขึ้นปก เปรียบเทียบกับหนังสือแนวเดียวกัน ก็รู้ว่ามติชนยืนอยู่ตรงไหน


หัวข้อ: Re: พอกันที-การเมืองเก่า บุญเลิศ ช้างใหญ่ จากมติชน (ไม่อยากจะเชื่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 25-09-2008, 09:48
อ้างถึง
พอกันที-การเมืองเก่า

โดย บุญเลิศ ช้างใหญ่



ข้อเรียกร้อง "การเมืองใหม่" ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจุดขึ้นภายหลังการชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 และขับไล่รัฐบาล "สมัคร สุนทรเวช" และเริ่มส่งเสียงดังขึ้นเมื่อพามวลชนยาตราทัพเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล ณ วันนี้ วลีดังกล่าวกำลังดังกระหึ่มไปทั่วทั้งสังคม

แม้จะไม่มีรูปธรรมที่ชัดเจนจากแกนนำพันธมิตรว่า การเมืองใหม่รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร จนถูกฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ปรารถนาดีหยิบฉวยเอาแต่เฉพาะประเด็นสัดส่วน 70/30 มาโจมตีอย่างสาดเสียเทเสีย แต่คนเหล่านี้ก็ไม่กล้าปกป้อง "การเมืองเก่า" ว่าจะเป็นหนทางนำไปสู่การพัฒนาประเทศสู่ความเจริญรุ่งเรือง แต่ละคนกอดอยู่กับความเคยชินมาแต่ดั้งเดิมว่า ประชาธิปไตยคือ การเลือกตั้ง ส.ส.โดยตรงจากประชาชนเท่านั้น ห้ามเอาจากการเลือกตั้งหรือสรรหาจากกลุ่มอาชีพต่างๆ เป็นอันขาด

  ต่อเมื่อแกนนำพันธมิตรออกมาปฏิเสธว่า 70/30 เป็นเพียงตุ๊กตา ไม่ใช่ข้อสรุปที่จะต้องยึดถือแกนนำพันธมิตรจะระดมความคิดเห็นเพื่อฟังข้อเสนอและเมื่อตกผลึกแล้วจะเสนอต่อสาธารณชนต่อไป นั่นแหละฝ่ายตรงข้ามถึงได้เบาเสียงแห่งการโจมตีลงไปได้บ้าง

....................................................................................................................................................................................


ฝ่ายตรงข้ามพันธมิตรฯ คือ รัฐบาลไอ้หอกหัก หมัก เมถุน แกนนำพรรคพังประชาชน(เจตนาให้'ล'ตกหล่นหายไป) แกนนำแนวร่วมนรกป่วนกรุง สื่อประเภท '18 อรหันต์' นักวิชาการส่วนใหญ่ที่ NBT เชิญมาออกรายการ และ'บัตรเติมเงิน' ได้ฉวยโอกาสที่ห้าแกนนำพันธมิตรฯ 'โยนหินถามทาง' จับถ้อยคำประโยคเดียวสั้นๆ บิดเบือน เบี่ยงเบน แถไปเป็นเรื่องอื่นๆ....!!!

คนที่อวดตัวว่ามีสติปัญญา มีความคิดความอ่าน นอกจากเชื่อแล้วยังฉวยโอกาส 'ตีความ' และ 'ตีใข่ใสใข่'....!!!




หัวข้อ: Re: พอกันที-การเมืองเก่า บุญเลิศ ช้างใหญ่ จากมติชน (ไม่อยากจะเชื่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: เบื่อไอ้เหลี่ยม ที่ 25-09-2008, 09:53
เห็นด้วยกับ บุญเลิศ ช้างใหญ่ เคยคุยกันสัก1-2เห็นว่าเขาเป็นคนมีอุดมการครับ
ถูกผิด ดีชั่ว เขาแยกแยะได้ ไม่หลงไหลผลประโยชน์ทับซ้อน  นับถือครับ


หัวข้อ: Re: พอกันที-การเมืองเก่า บุญเลิศ ช้างใหญ่ จากมติชน (ไม่อยากจะเชื่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: gabiNo ที่ 28-09-2008, 01:04
 :slime_agreed: :slime_agreed: :slime_agreed:
โห อ่านแล้วมันช่างตรงใจไปซะทุกถ้อยคำเลยค่ะ อยากจะปรบมือใส่ไมโครโฟนให้เลย ขอบคุณ จขกท ที่นำมา share
จะติดตามบทความของคุณบุญเลิศไปเรื่อยๆ นะคะ .....ทำไมนักหนังสือพิมพ์บางคนมองโลกไม่ใสอย่างนี้นะ 
 


หัวข้อ: Re: พอกันที-การเมืองเก่า บุญเลิศ ช้างใหญ่ จากมติชน (ไม่อยากจะเชื่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 28-09-2008, 02:22
คอลัมน์บุญเลิศ อยู่หน้า 6 มติชน รายวัน

สื่อใด ไร้ธรรม นำทุกข์
สื่อนั้น คือคุก คุมขัง
มอมเมา เผ่าชน ชิงชัง
ล้าหลัง ลืมตื่น หมื่นปี

สื่อใด ให้ทาง พ้นทุกข์
สื่อนั้น นำยุค วสี
ส่องทาง ห่างโลก โลกีย์
สื่อนั้น ชี้ชัด สัทธรรม


หัวข้อ: Re: พอกันที-การเมืองเก่า บุญเลิศ ช้างใหญ่ จากมติชน (ไม่อยากจะเชื่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: บัวริมบึง ที่ 28-09-2008, 02:38
เสียดายก็แต่กรณีที่ อ.ภูวดล แกใจร้อนไปหน่อย ดันไปประกาศสงครามกับมิตชนซะได้  :slime_shy:


หัวข้อ: Re: พอกันที-การเมืองเก่า บุญเลิศ ช้างใหญ่ จากมติชน (ไม่อยากจะเชื่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: Red Baron ที่ 28-09-2008, 03:48
เมื่อสองวันก่อนผมวิจารณ์มติชนไปถึงกับมีความคิดจะเลิกรับสมาชิกเกือบยี่สิบปี วันนี้คงมีเหตุผลที่มากพอที่จะเสียเงินรายเดือนให้สำนักพิมพ์นี้ต่อไป


หัวข้อ: Re: พอกันที-การเมืองเก่า บุญเลิศ ช้างใหญ่ จากมติชน (ไม่อยากจะเชื่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: superager ที่ 28-09-2008, 06:06
เสียดายก็แต่กรณีที่ อ.ภูวดล แกใจร้อนไปหน่อย ดันไปประกาศสงครามกับมิตชนซะได้  :slime_shy:

คล้ายๆว่าอ.ภูวดลจะบอกว่าเจ้าของเป็นพวกระบอบทักษิณ แต่คนดีๆอย่างคุณบุญเลิศก็มีอยู่บ้างในมติชน รู้สึกว่าคอลัมนิสต์มติชนท่าที่อ่านๆมาหลังๆจะแบ่งออกเป็นสามฝ่ายนะ ระบอบเหลี่ยม :slime_mad: พันธมิตร :slime_inlove: และ พวกนักวิชาเกิน :slime_hmm: