ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: jerasak ที่ 25-09-2008, 02:01



หัวข้อ: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 25-09-2008, 02:01
ใกล้เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เต็มที ขออนุญาตแก้ตัวแทน ผู้ว่าฯอภิรักษ์ สักหน่อยครับ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาโครงการอัจฉริยะต่างๆของกทม.เช่น ป้ายจราจร ป้ายรถเมล์
และป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ ถูกโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมาโดยตลอด

ที่บอร์ดเสรีไทยก็มีคุณ icoro มาตั้งกระทู้ "เหตุใดคนที่นี่จึงสนับสนุนอภิรักษ์ครับ?"
และบอกว่าตัวเองไม่เลือกคุณอภิรักษ์เพราะผลงานป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ

http://forum.serithai.net/index.php?topic=35231.0

ล่าสุดการโจมตีมาจากคุณชูวิทย์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่ลงทุนไปสาธิตข้อบกพร่อง
ของ ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ (ชื่อจริงๆ คือ ที่จอดรถแท็กซี่อัจฉริยะ ไม่ใช่ป้ายแท็กซี่)
กระทั่งถูกเตือนว่าอาจโดนใบแดง

เรื่องนี้ผมรู้สึกว่าคุณชูวิทย์เล่นแบบนี้ไม่แฟร์ ก็เลยอยากตั้งกระทู้สักหน่อย

...

จุดสำคัญที่สุดที่ใช้โจมตีก็คือความไม่รู้ของประชาชนทั่วไปที่ว่า โครงการอัจฉริยะ
ไม่ได้ใช้งบประมาณของ กทม. แต่เอกชนเป็นผู้ออกเงินลงทุนเองทั้งหมด


นอกจากไม่ใช้งบประมาณแล้ว กทม. ยังได้ค่าสัมปทานอีกต่างหาก เพราะเอกชน
ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาบนป้ายดังกล่าว

...

ผมผ่านไปที่ไหนถ้าจะโจมตี ไม่พ้นต้องบอกว่าเป็นการผลาญงบประมาณ กทม.
อย่างน้อยก็อยากให้ชาวเสรีไทยเว็บบอร์ด ทราบว่านอกจากไม่ได้ใช้งบประมาณ
กทม. ยังได้ค่าสัมปทานอีกด้วย อายุสัมปทานก็สั้นๆ ปรับเปลี่ยนได้ง่ายต่างหาก

โครงการที่ไม่ประสบความสำเร็จเช่น ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ จึงไม่ได้มีความเสียหาย
เกิดกับ กทม. ถ้าจะมีใครขาดทุนก็คือเอกชนที่มาลงทุนดำเนินกิจการเท่านั้นครับ

เรื่อง ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ ถ้าจะพิจารณาจริงๆ สาเหตุสำคัญที่ทำให้โครงการ
ไม่ประสบความสำเร็จ ก็คือการไม่มีกฎหมายออกมาบังคับให้แท็กซี่ต้องจอด
เฉพาะในที่ที่กำหนด เนื่องจากสภากรุงเทพมหานครไม่ยอมสนับสนุน (ผมไม่รู้่
รายละเอียด แต่ประมาณว่า ส.ก. ครึ่งหนึ่งไม่ได้อยู่พรรคเดียวกับผู้ว่าฯ น่ะครับ)

ผมนำเนื้อข่าวตอนกำหนดยื่นซองประกวดราคามาประกอบกระทู้ด้วยนะครับ
เพื่อยืนยันว่า กทม. ไม่เสียงบประมาณ แต่เป็นฝ่ายที่ได้ค่าสัมปทานต่างหาก
  :slime_smile:

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

โครงการตระกูลอัจฉริยะคืบหน้ากำหนดยื่นซองประกวดราคาแล้ว
http://www.newswit.com/news/2005-01-14/b2d2b6833c1c4a470ed6fc12402a1716/
Friday, 14 January 2005 15:25 -- ทั่วไป
กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--กทม.

นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตามที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ได้มีนโยบาย แก้ปัญหาจราจรด้วยโครงการอัจฉริยะต่างๆ ขณะนี้สำนักการจราจรและขนส่ง กทม. เตรียมให้
เอกชนยื่นประกวดราคาตามรายละเอียด ดังนี้

โครงการป้ายจราจรอัจฉริยะ ที่สามารถรายงานสภาพการจราจรหรือข้อมูลข่าวสารการเกิดอุบัติเหตุในเส้นทาง
จราจร เพื่อให้ประชาชนรับทราบ โดยติดตั้งป้ายจราจรอัจฉริยะในบริเวณก่อนถึงทางร่วม ทางแยก และก่อน
ทางเข้าทางด่วน จำนวน 40 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร กำหนดดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับแต่วัน
ลงนามในสัญญา โดยให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด และให้สิทธิในการโฆษณาในบริเวณจุดติดตั้ง
ป้ายจราจรอัจฉริยะเป็นเวลา 3 ปี และจะพิจารณาต่ออายุสัญญาโฆษณาอีก 2 ครั้งๆ ละ 3 ปี เอกชนรายใด
ที่สนใจสามารถติดต่อขอรับเอกสารประกวดราคาได้ระหว่างวันที่ 14 24 ม.ค.48 ที่สำนักการจราจรและขนส่ง
ทั้งนี้สำนักการจราจรและขนส่งจะจัดให้มีการประชุมชี้แจงรายละเอียด TOR แก่ผู้รับเอกสารประกวดราคา
ในวันที่ 26 ม.ค.48 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมสำนักการจราจรและขนส่ง เพื่อแจ้งรายละเอียดและตอบ
ข้อซักถามเพื่อความชัดเจนในการยื่นซองประกวดราคา โดยกำหนดยื่นซองประกวดราคาในวันที่ 31 ม.ค.48

โครงการป้ายรถเมล์อัจฉริยะ จะดำเนินการติดตั้งจำนวน 200 จุด ทั่วกรุงเทพมหานคร โดยแสดงข้อมูลสาย
รถประจำทางที่ผ่าน สถานที่ที่ผ่าน เวลาที่รถมาถึง รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็น ติดตั้งให้แล้วเสร็จภายใน
150 วัน นับจากวันลงนามในสัญญา

โครงการที่จอดรถแท็กซี่อัจฉริยะ จะดำเนินการติดตั้งจำนวน 150 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร แสดงรายละเอียด
จำนวนรถแท็กซี่ที่จะมารับผู้โดยสาร หรือที่จอดรออยู่ รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็น ติดตั้งให้แล้วเสร็จภายใน
150 วัน นับจากวันลงนามในสัญญา

ทั้งนี้โครงการป้ายรถเมล์และที่จอดรถแท็กซี่อัจฉริยะจะให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด โดยได้รับสิทธิในการ
โฆษณาในบริเวณจุดติดตั้งเป็นเวลา 3 ปี และจะพิจารณาต่ออายุสัญญาโฆษณาอีก 2 ครั้งๆ ละ 3 ปี เอกชน
รายใดที่สนใจสามารถติดต่อขอรับเอกสารประกวดราคาได้ระหว่างวันที่ 19 31 ม.ค.48 ที่สำนักการจราจร
และขนส่ง ทั้งนี้สำนักการจราจรและขนส่งจะจัดให้มีการประชุมชี้แจงรายละเอียด TOR แก่ผู้รับเอกสาร
ประกวดราคาในวันที่ 2 ก.พ.48 เวลา 10.00 น.

สำหรับโครงการป้ายรถเมล์อัจฉริยะ และ 14.00 น. โครงการที่จอดรถแท็กซี่อัจฉริยะ ณ ห้องประชุมสำนัก
การจราจรและขนส่ง เพื่อแจ้งรายละเอียดและตอบข้อซักถามเพื่อความชัดเจนในการยื่นซองประกวดราคา
โดยกำหนดยื่นซองประกวดราคาพร้อมกัน ในวันที่ 4 ก.พ.48

จึงขอเชิญชวนเอกชนผู้สนใจขอรับเอกสารประกวดราคาโครงการทั้งสามได้ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว
หรือสอบถามที่โทรศัพท์หมายเลข 0 2354 1207, 0 2354 1208--จบ--

Back to January 14, 2005 Headlines


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ กลับถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 25-09-2008, 02:08
ข่าวก่อนคือตอนประกวดราคา ส่วนข่าวนี้คือตอนเอกชนประมูลโครงการไปทำแล้ว

โครงการที่จอดรถแท็กซี่อัจฉริยะ  ลงทุนโดย  บริษัท เอสเฟม เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
โครงการป้ายรถเมล์อัจฉริยะ        ลงทุนโดย  บริษัท เซนติซอร์ฟ จำกัด
ซึ่งก็ยังยืนยันเหมือนเดิมคือ กทม.ไม่ได้ใช้งบประมาณ แต่เอกชนเป็นคนลงทุน  :slime_smile:

---

หมายเหตุ : ถ้ามีคนจำได้ คุณสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าฯกทม. ตามข่าวนี้
                  ก็คือคนเดียวกับที่ฟ้องร้อง อดีตนายกฯ สมัคร ในคดีหมิ่นประมาท
                  ซึ่งเช้าวันนี้ อดีตนายกฯ สมัคร ต้องไปฟังคำพิพากษานะครับ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ป้ายรถเมล์-ที่จอดแท็กซี่” 2 อัจฉริยะสายพันธุ์ใหม่ของคนกรุง
โดย ผู้จัดการออนไลน์   24 สิงหาคม 2548 09:57 น.
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9480000114131

ที่จอดรถแท็กซี่...อัจฉริยะที่ตรงไหน

สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา
กทม.ลงนามสัญญาโครงการให้สิทธิเอกชนดำเนินการที่จอดรถแท็กซี่อัจฉริยะกับบริษัทเอสเฟม เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
หลังจากที่ได้มีการจัดหาผู้รับเหมาเพื่อดำเนินการโครงการดังกล่าวให้เป็นไปตามนโยบายที่นายอภิรักษ์
โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.ประกาศเป็นนโยบายเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร ซึ่งประชาชนจะได้รับ
ความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้บริการรถแท็กซี่
       
ทั้งนี้ โดยมีเป้าหมายดำเนินการปรับปรุงช่องเว้าแท็กซี่ที่มีอยู่แล้วจำนวน 135 แห่ง และจะสร้างขึ้นใหม่อีก 15 แห่ง
รวมเป็น 150 แห่งทั่ว กทม.จอดรถได้ 462 คัน  ซึ่งขณะนี้เอกชนที่ดำเนินการได้ติดตั้งโครงหลังคาแล้วเสร็จจำนวน
98  แห่ง อยู่ระหว่างก่อสร้างฐานรากโครงหลังคาจำนวน 8 แห่ง  สร้างช่องเว้าแท็กซี่ 5 แห่งจาก 15 แห่งแล้วเสร็จ
       
รวมทั้งได้เริ่มประกอบอุปกรณ์อัจฉริยะยังจุดจอดรถแท็กซี่อัจฉริยะต่างๆ ที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งขณะนี้ถือว่างานคืบหน้า
ไปแล้ว 65% แต่ก็ยังล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ถึง 17% อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสามารถเปิดทดลองให้บริการ
แก่ชาว กทม.ได้ 30 แห่งภายในสิ้นเดือนนี้ จากที่กำหนดเสร็จสิ้นทั้งหมด 150 แห่งในวันที่ 22 กันยายน 2548
       
ส่วนหลักการทำงานที่อัจฉริยะนั้น รองฯ สามารถบอกว่า ประชาชนผู้ใช้บริการสามารถกดปุ่มเรียกรถแท็กซี่มาให้บริการ
โดยจะมีสัญญาณไฟกะพริบที่หลังคาเพื่อบอกให้รู้ว่ามีผู้ประสงค์จะใช้บริการ รวมทั้งสัญญาณที่ติดตั้ง ณ ปุ่มกดจะถูกส่ง
ไปที่ศูนย์ ต่อจากนั้นศูนย์ก็จะวิทยุเรียกรถแท็กซี่ที่ติดระบบ GPS ที่อยู่ใกล้เคียงที่สุดให้มารับ โดยจะส่งข้อมูลหลังจาก
ติดต่อกับรถแท็กซี่เสร็จมาที่จอแสดงผลที่ตู้เพื่อบอกว่ารถแท็กซี่หมายเลขทะเบียนอะไรกำลังจะมารับในอีกไม่กี่นาที
ข้างหน้านี้
       
และที่สำคัญที่สุดประชาชนผู้ใช้บริการจะไม่ต้องกลัวกับปัญหาอาชญากรรมที่อาจจะเกิดขึ้นเพราะจะมีการเก็บข้อมูล
อย่างดีว่าใครเป็นขับแท็กซี่มารับเรา ซึ่งจะเป็นการสร้างความปลอดภัย ความอุ่นใจให้แก่ประชาชนได้มากทีเดียว
       
“ส่วนในเรื่องการดูแลรักษานั้นหายห่วงได้เลยครับ เพราะเอกชนที่ได้รับสิทธิจะต้องบำรุงรักษาตลอด 24 ชั่วโมง
และทำความสะอาดหลังคาที่จอดรถแท็กซี่ พื้นผิวที่จอดรถ ทางเท้า ป้ายโฆษณา และความสะอาดทุกๆ 7 วัน
ทาสีใหม่ทุก 1 ปี หรือดูแลให้ใหม่ตลอดเวลา รวมทั้งประกันวินาศภัยโดยมีทุนประกันภัยไม่น้อยกว่า 80% ของ
เงินลงทุนทั้งหมด”
       
       
สุดยอดป้ายรถเมล์อัจฉริยะ

รองผู้ว่าฯ ฝ่ายจราจรบอกว่า โครงการป้ายรถเมล์อัจฉริยะ กทม.ได้ให้สิทธิ บ.เซนติซอร์ฟ จำกัด เป็นผู้ติดตั้งตั้งแต่
วันที่ 4 เมษายน 2548 ซึ่งจะครบกำหนดติดตั้ง 150 วัน ในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ โดยจะต้องติดตั้งป้ายแสดงข้อมูล
รถเมล์ พร้อมระบบอุปกรณ์อัจฉริยะจำนวน 200 แห่งในพื้นที่กรุงเทพฯ อาทิ เขตพระนคร ราชเทวี ปทุมวัน บางรัก
สัมพันธวงศ์ ป้อมปราบศัตรูพ่าย ดุสิต และบริเวณอื่นๆ ที่มีความเหมาะสม ซึ่งได้กำหนดไว้ครบทั้ง 200 แห่งแล้ว
       
อย่างไรก็ตาม เนื้องานถือว่ามีความล่าช้าค่อนข้างมากถึง 43.9% เพราะทำได้เพียง 44.7% เท่านั้น โดยในปัจจุบัน
เอกชนได้ดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ GPS บนรถเมล์สาย 73 แล้วเสร็จจำนวน 30 คัน จากทั้งหมด 58 คัน และกำลัง
รอประชุมบอร์ด ขสมก. เพื่อดำเนินการขออนุญาตติดตั้งอุปกรณ์ GPS บนรถเมล์สายอื่นๆ
       
ทั้งนี้ทั้งนั้น เอกชนได้เตรียมประกอบอุปกรณ์และประกอบโครงป้ายที่โรงงาน ตลอดจนได้เริ่มต้นก่อสร้างฐานราก
ในพื้นที่ที่กำหนดจำนวน 200 แห่ง เช่นที่บริเวณหน้าสยามเซ็นเตอร์ เป็นต้น
       
รองฯ สามารถบอกอีกว่า ในส่วนกระบวนการทำงานนั้นรถเมล์ที่ติดตั้งอุปกรณ์เครื่องส่งสัญญาณ (GPS) จะได้ส่ง
สัญญาณไปยังศูนย์ควบคุมเพื่อประมวลผลตำแหน่งและเวลาเดินทางของรถเมล์ แล้วส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ความเร็วสูงไปยังป้ายรถเมล์อัจฉริยะ โดยป้ายดังกล่าวจะสามารถแสดงข้อมูลให้ประชาชนผู้ใช้บริการได้ทราบว่า
ณ ป้ายรถเมล์นั้นจะมีรถเมล์สายใดผ่าน เวลาที่จะมาถึง หรือตำแหน่งรถว่าอยู่ ณ ที่ใด รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็น
เช่น เส้นทางของรถเมล์แต่ละสายสำหรับการเดินทางของประชาชนผู้ใช้บริการรถประจำทาง
       
“การดำเนินงานของทั้ง 2 โครงการนี้เอกชนจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดโดยที่ กทม.ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ใดๆ เลย
อีกทั้ง กทม.จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากเอกชนที่รับไปดำเนินการ
อย่างที่จอดรถแท็กซี่อัจฉริยะ กทม.จะได้
ผลตอบแทน 600,000 บาทต่อปี ส่วนป้ายรถเมล์อัจฉริยะจะได้ 3,720,000 บาทต่อปี ส่วนเอกชนก็จะได้ประโยชน์
จากการที่ กทม.ให้สิทธิหารายได้จากการโฆษณา ซึ่งถ้าเอกชนสามารถดำเนินการได้เป็นไปตามเป้าหมาย ประชาชน
พอใจ กทม.ก็จะพิจารณาต่อสัญญาให้อีก 2 ครั้งๆ ละ 3 ปี ”
       
“ส่วนการบำรุงรักษานั้นเอกชนจะเป็นผู้รับผิดชอบด้วยเช่นกัน ตั้งแต่การซ่อมแซมภายใน 24 ชั่วโมง การทาสีทุก 1 ปี
รวมทั้งการป้องกันวินาศภัยให้แก่ป้ายเช่นเดียวกับที่จอดรถแท็กซี่อัจฉริยะนั่นเอง”
       
รองสามารถบอกทิ้งท้ายว่า กทม.ไม่ได้หวังในรูปของผลประโยชน์เรื่องเงินเป็นหลัก แต่ต้องการเพียงแค่ประชาชน
ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากโครงการที่ กทม.ได้จัดทำขึ้นเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ รวมทั้งจะเป็นการ
ช่วยลดปัญหาการจราจรในยุคที่น้ำมันแพงด้วย ก็หวังแต่เพียงว่าจะมีผู้มาใช้บริการให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เท่านั้นเอง…


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: paper punch ที่ 25-09-2008, 09:03
ขอบคุณคุณjerasak มากครับ ผมลืมไปเลยครับว่าเป็นของเอกชน

ความจริงคุณicoro ได้บอกไว้ว่าไม่ชอบคุณอภิรักษ์อยู่ 2 เรื่อง คือ

1.ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ - ซึ่งข้อมูลของคุณจีก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ไม่ใช่การผลาญงบกทม.อย่างที่เข้าใจ

2.โครงการธงฟ้า - ทีคุณicoroบอกว่าคนในตลาดไม่ชอบเพราะเหมือนไปทำให้ผู้ขายในตลาดเสียรายได้ไป
                       ซึ่งก็มีหลายท่านได้บอกไปแล้วว่า ธงฟ้าก็ไม่ใช่ของ กทม.เป็นของ กท.พาณิชย์
                       คุณอภิรักษ์น่าจะทำข้าวแกงธงฟ้าจานละ 15 บาทมากกว่า ซึ่งคนทั่วไปชอบนะครับ


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: noppon ที่ 25-09-2008, 09:08
ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูล

ยังไง อภิรักษ์ ก็นอนมาได้อีกสมัยแหละครับ

ชูวิทย์ ก็คือ ชูวิทย์ มีแกมาสมัคร ก็เป็นการสร้างสีสรรให้การเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ครั้งนี้
จะได้ไม่น่าเบื่อ เพราะคู่แข่งที่เหลือแต่ละคน  :slime_hmm:

มีอย่างเดียวที่ผมว่ามันคงไม่เวิร์ค ก็คือ รถเมล์ BRT ที่กำลังจะ ๆ ๆ ๆ ได้ใช้
บังเอิญว่ารถมันวิ่งในเส้นทางที่ที่ทำงานผมตั้่งอยู่ ผมเลยคิดว่า เมื่อมันเปิดให้บริการเมื่อไหร่
ถนนเส้นนี้คงจะรถติดมากขึ้น และคนที่เดินทางด้วย BRT ก็ไม่น่าจะถึงที่หมายเร็วขึ้นสักเท่าไหร่
ลงจากรถแล้ว ยังต้องเดินกันไกลพอสมควรด้วย

BRT นี่น่าจะใช้งบ กทม. ใช่ไหมครับ


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 09:20
"‘แท็กซี่อัจฉริยะ’ เหลว! รอวันล้มโปรเจกต์


สจส. ชำแหละจุดจอดแท็กซี่อัจฉริยะล้มเหลว แฉไร้ผู้ใช้บริการมากถึง 12 จุด แถมกดเล่นมากกว่าใช้งานจริง เสนอรื้อทิ้งให้วินมอเตอร์ไซค์จอดแทนแก้ปัญหาเกะกะบนทางเท้า

สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ประเมินผลการใช้งานจุดจอดรถแท็กซี่อัจฉริยะ 150 จุดทั่วพื้นที่ กทม. พบว่า ผลประเมินปี 2549 ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2548 - 30 กันยายน 2549 มีสถิติการกดเรียกแท็กซี่ 1.8 แสนครั้ง และมีรถแท็กซี่มารับผู้โดยสาร 7.3 หมื่นครั้ง คิดเป็น 38.6% เมื่อเปรียบเทียบกับผลประเมินปี 2550 ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2549 ถึงปัจจุบัน มีสถิติการกดเรียกรถ 1.5 แสนครั้ง และมีรถแท็กซี่มารับผู้โดยสาร 5.4 หมื่นครั้ง หรือคิดเป็น 35.9%


สจส. พบด้วยว่า จุดจอดรถแท็กซี่อัจฉริยะที่มีผู้ใช้บริการสูงสุดคือ จุดเพชรเกษม 22 มี 53.3% ส่วนจุดซึ่งรถแท็กซี่ที่ไม่มีผู้เรียกใช้บริการเลยมากถึง 12 จุด ได้แก่ จุดจตุจักร 5 จุดบีทีเอสช่องนนทรี จุดหะรินธร จุดประดิษฐ์มนูธรรม 2 จุดดุสิตพาเรท จุดเพชรบุรี 3 จุดรัชดาภิเษก 16 จุดปิ่นเกล้า 2 จุดเซ็นทรัลชิดลม จุดเพลินจิต 1 จุดรามคำแหง 5 และ จุดสุขุมวิท 3


แหล่งข่าวจาก กทม. กล่าวว่า สาเหตุที่จุดจอดแท็กซี่ทั้ง 12 จุด ไม่มีผู้เรียกใช้บริการ และมีสถิติการใช้ลดลง เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายบังคับให้รถแท็กซี่จอดในจุดจอด ทำให้รถแท็กซี่จอดรับผู้โดยสารอย่างไม่เป็นระเบียบ และไม่นิยมใช้ที่จอดรถ ขณะที่ประชาชนเองสามารถเรียกแท็กซี่จุดใดก็ได้ ไม่ค่อยได้ใช้บริการจากจุดจอดรถแท็กซี่อัจฉริยะมากเท่าที่ควร


นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังใช้เทคนิคสูงเกินไปสำหรับผู้โดยสารที่จะกดเรียกรถ ซึ่งกว่าที่รถแท็กซี่ในเครือข่ายจะมารับ ทางผู้โดยสารก็สามารถเรียกแท็กซี่คันอื่นที่อยู่ใกล้เคียงได้แล้ว


“จากตัวเลขสถิติยังชี้ให้เห็นว่า ประชาชนมักกดปุ่มเล่น เพราะมีจำนวนการกดเรียกมากกว่าจำนวนรถแท็กซี่ที่มารับผู้โดยสาร ดังนั้นจึงถือว่าโครงการดังกล่าวไม่ประสบผลสำเร็จ อีกทั้งยังไม่มีการออกกฎหมายรองรับว่า หากแท็กซี่จอดรับในจุดที่ไม่ได้กำหนดจะต้องเสียค่าปรับ ซึ่งจะทำให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่และผู้โดยสารปฏิบัติตามกฎหมาย” แหล่งข่าวกล่าว


แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทาง กทม. อยู่ระหว่างการหารือเพื่อหาแนวทางให้โครงการนี้ประสบผลสำเร็จ โดยผู้บริหารของ กทม. ส่วนหนึ่งเห็นว่าหากไม่สามารถออกกฎหมายมารองรับได้ก็ควรรื้อโครงการทิ้ง เพื่อให้รถจักรยานยนต์รับจ้างมาจอดแทน เพราะปัจจุบันรถจักรยานยนต์รับจ้างมักฝ่าฝืนด้วยการจอดบนทางเท้า ขณะที่ตำรวจจราจรไม่ได้กวดขันเท่าที่ควร


ก่อนหน้านี้ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ได้สั่งการให้ตรวจสอบและประเมินผลโครงการอัจฉริยะซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายแก้ไขปัญหาการจราจรว่าจะสามารถดำเนินการต่อได้หรือไม่ หากพบว่าไม่สามารถใช้ในทางปฏิบัติได้จริง อาจต้องยกเลิกบางโครงการ โดยโครงการจุดจอดรถแท็กซี่อัจฉริยะนั้น พบว่ามีปัญหาเรื่องรถประเภทอื่นเข้าไปจอดกีดขวาง ซึ่งจะประสานกับตำรวจให้เข้ามาแก้ไขปัญหาและจัดระเบียบการจราจรใหม่ "



ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ว่าใช้เงินหลวงหรือเอกชนในการดำเนินโครงการดังกล่าว แต่มันแสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของตัวผู้ว่าเองมากกว่าว่านี่คือ 1 ผลงานชิ้นโบวดำที่โม้แล้วเหลวอย่างที่เห็น

ยังมีอีกหลายๆโครงการที่เหลวใช่หรือไม่? ใจเย็นๆ...เดี๋ยวท่านจ๊ะจัดให้!! :slime_cool:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: Abraxas ที่ 25-09-2008, 09:29

ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ว่าใช้เงินหลวงหรือเอกชนในการดำเนินโครงการดังกล่าว แต่มันแสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของตัวผู้ว่าเองมากกว่าว่านี่คือ 1 ผลงานชิ้นโบวดำที่โม้แล้วเหลวอย่างที่เห็น

ยังมีอีกหลายๆโครงการที่เหลวใช่หรือไม่? ใจเย็นๆ...เดี๋ยวท่านจ๊ะจัดให้!! :slime_cool:

สรุปว่าจะหาเรื่องด่าว่างั้นเถอะ


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: ชามู ที่ 25-09-2008, 09:36
เล่าให้คุณจีฟังอีกความรู้สึกก็แล้วกันครับ

ผมไม่รู้สึกดีกับ อภิรักษ์ อยู่ 3 เรื่อง

1. น้ำท่วมขัง ถ้าเทียบกับดร.โจ จอมสร้างภาพแล้ว ดร.โจดีกว่านิดหน่อย เพราะน้ำในสมัยดร.โจ ลงเร็วกว่าหน่อย ฝนตกหนักๆนานๆ เมื่อใด รัชดา พระราม 9 เป็นอัมพาตทันที

2. ขุดกลางถนนเยอะมาก พื้นผิวขุรขระอยู่นาน ยกตัวอย่าง ถ.เพชรบุรี ช่วงเลยทางลงสะพานลอยประตูน้ำมาหน่อยนึง หน้าคอนโดที่สร้างใหม่ตรงนั้น มีการขุด วางแผ่นเหล็ก ทะลวงทำ วางแผ่นเหล็ก เป็นปีๆ เพิ่งจะมาราดยางให้เรียบร้อยเมื่อสักอาทิตย์ที่แล้ว

3. ซอยบ้านผม น้ำไม่เคยท่วม ถ้าจะมีท่วม ก็จะหายไปไม่เกิน 1 ชม. ถนนซีเมนต์ในซอยใช้มาร่วมๆ 20 ปี แล้ว ยังใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา 3 ปีก่อน เขตมาบอกว่าจะทำถนนให้ใหม่ คนในซอยต้องทำเอกสารอย่างเป็นทางการแจ้งทางเขตไปว่า ไม่ต้องทำใหม่ เพราะยังใช้งานได้อยู่ ผมยังเขียนคอมเมนต์ไปในแบบสอบถามว่า ถ้างบเหลือ ให้ไปทำสิ่งที่จำเป็นกว่า ปีที่แล้วอยู่ดีๆ ก็มาเปลี่ยนฝาท่อ (ของเก่าเป็นซีเมนต์ล้วน) เป็นแบบซีเมนต์ มีตะแกรงเหล็ก และต้องทำขอบปากท่อใหม่ หลังจากนั้น น้ำท่วมขังในซอยเลยครับ เพราะไอ้คนที่มาทุบขอบปากท่อ มันใช้รถขุดแซะซีเมนต์ขอบท่อ ปูนหินที่กระเทาะออกมา ก็ปล่อยให้ตกลงในท่อนั้น ไม่มีการเก็บขึ้นมา สุดท้ายก็ไปขวางทางระบายน้ำ

ต่อมายังหวังว่า จะมีคนมาลอกท่อระบายน้ำ (สมัยก่อนซอยผมจะมีมาอย่างน้อย 2 ปีครั้ง เป็นพวกนักโทษชั้นดี จำได้เพราะผมจะเลี้ยงกระทิงแดงให้เขาเกือบทุกวัน) จะได้เอาเศษหินไปทิ้ง จนถึงวันนี้ ไม่เคยมีใครมาลอกท่อเลย นึกดูอีกที ตั้งแต่อภิรักษ์เป็นผู้ว่าเนี่ย ผมไม่เคยเห็นใครมาลอกท่อในซอยเลย จะว่าไปแล้ว ตามถนนใหญ่ก็ไม่เคยเห็นถังเหล็กที่ใส่โคลนในท่อวางทิ้งให้เห็นเหมือนแต่ก่อนเลย แสดงว่า ไม่มีการลอกท่อเหมือนกัน (ไม่ทราบว่ามีเพื่อนๆท่านอื่นเห็นไหมครับ)

แต่ถามว่า ยังจะเลือกอยู่ไหม ณ เวลานี้ ยังไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ ก็คงเลือกครับ


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 09:42
สรุปว่าจะหาเรื่องด่าว่างั้นเถอะ

หาเรื่องชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อไม่ให้บางคนแถวนี้ได้แถไปเรื่อยเปื่อยว่าเงินหลวงไม่กระเด็นสักบาทไง ฮ่าๆๆ :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: eAT ที่ 25-09-2008, 10:17
ถึงเป็นของเอกชน ก็ต้องรับผิดชอบครับ หลีกไม่พ้น
แต่ก็ยังดีกว่า ดร.โจ ที่ทำถนน แล้วเอาปาล์มราคาเป็นหมื่นมาปลูก
เลวมาก กินไปเท่าไหร่

ถือว่าเป็นความผิดพลาดที่เสียหายน้อย เพราะใช้เงินคนอื่นมาทำ
แต่อย่างอื่นถือว่าดี โดยเฉพาะ ศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ  
ยังไม่ว่างไปชมเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้แสดงงานอะไรอยู่


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 25-09-2008, 10:28
เท่าที่ทราบ บริษัทเอกชน พัฒนาซอฟแวร์ขึ้นมาเองทั้งหมดด้วยค่ะ น่าสนับสนุนออก คนไทยเก่งๆ ก็เยอะ


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: sanskritshower ที่ 25-09-2008, 10:29
"‘แท็กซี่อัจฉริยะ’ เหลว! รอวันล้มโปรเจกต์
ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ว่าใช้เงินหลวงหรือเอกชนในการดำเนินโครงการดังกล่าว แต่มันแสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของตัวผู้ว่าเองมากกว่าว่านี่คือ 1 ผลงานชิ้นโบวดำที่โม้แล้วเหลวอย่างที่เห็น

ยังมีอีกหลายๆโครงการที่เหลวใช่หรือไม่? ใจเย็นๆ...เดี๋ยวท่านจ๊ะจัดให้!! :slime_cool:

เหมือนกับบางคนที่บอกว่าจะแก้ปัญหาจราจรใน6เดือน  ไอ้คนนี้ก็ชอบโกหกประชาชน  แถมขี้ขลาดหนีคดีด้วย  จริงมั้ยฮะ


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: exzcute ที่ 25-09-2008, 10:43
ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ว่าใช้เงินหลวงหรือเอกชนในการดำเนินโครงการดังกล่าว แต่มันแสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของตัวผู้ว่าเองมากกว่าว่านี่คือ 1 ผลงานชิ้นโบวดำที่โม้แล้วเหลวอย่างที่เห็น

ยังมีอีกหลายๆโครงการที่เหลวใช่หรือไม่? ใจเย็นๆ...เดี๋ยวท่านจ๊ะจัดให้!! :slime_cool:

ประเด็นมันอยู่ที่ว่ามันมีคนแบบเอกเยอะ ใครทำก็เหลว ทำให้ใช้ก็ไม่ใช้ แล้วเอกนี่ใช้เป็นหรือเปล่านะ


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 25-09-2008, 11:11
ปล่อยให้มันแตกประเด็นหยุมหยิมไปเถอะ ยังไงก็นอนมา 555  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: วาโย ที่ 25-09-2008, 11:13
 :slime_smile:สวัสดีครับคุณเอกลิตเติ้ลคร๊อก(สงสัยจะชอบฉายานี้ว่างก็ไปตัดทิ้งให้เรียบร้อยนะครับจะได้เปิดเผยตัวจริงให้โลกรู้เสียที):slime_smile:เรื่องป้ายอัจฉริยะเหลวนี่มันเหลวด้วยเหตุผลเดียวกันกับเรื่องเส้นทางเดินรถไฟฟ้าหรือเปล่าครับ ผมมองว่ามันเป็นแค่เกมส์การเมืองของพวกขี้อิจฉากลัวว่าพรรคฝั่งตรงกันข้ามจะได้หน้าเลยหาวิธีขัดขาไว้ก่อน(เห็นแก่ตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม) และอีกอย่างคนบ้านเรายังมีวินัยไม่มากพอด้วยนะครับ ดูง่ายๆแค่เข้าคิวซื้อของกันบางทียังทำไม่ได้เลยเรื่องจะให้เดินไปกดปุ่มเรียกรถแท๊กซี่ที่ป้ายไม่ต้องพูดถึง ต่อให้ใครมาเป็นผู้ว่าเรื่องแก้ปัญหารถติดนี่ผมว่ายังไงก็ไม่สำเร็จ ยังมีอีกหลายๆปัจจัยที่ต้องแก้ไปพร้อมๆกันครับ( :slime_dizzy:อยู่กรุงเทพมาตั้งแต่เกิดจนโตไม่เคยเห็นผู้ว่าคนไหนทำสำเร็จเสียที)


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 25-09-2008, 11:17
ไม่คิดว่าเฮียชูจะมาโผล่กระทู้นี้ แถมมากันเป็นกระบุง ไม่ว่ากันช่วงหาเลตติ้ง


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: saopao ที่ 25-09-2008, 11:20
ผมไม่ค่อยสนใจป้ายแทกซี่อัจฉริยะมาก เพราะไม่ค่อยได้ขึ้นแทกซี่.. และคิดว่าเพราะนิสัยไม่ยึดติดกับระเบียบของคนไทย คงไม่มีใครใช้แน่ๆ
แต่ป้ายจราจรอัจฉริยะนี่ใครว่ายังไง   ผมก็ว่ามีประโยชน์มากอ่ะ โดยส่วนตัวผมสามารถเลือกเส้นทางที่รถติดน้อยกว่าได้ ไม่ไปเพิ่มจำนวนรถในเส้นทางที่ติดขัด

ถือว่าเป็นความผิดพลาดที่เสียหายน้อย เพราะใช้เงินคนอื่นมาทำ
แต่อย่างอื่นถือว่าดี โดยเฉพาะ ศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ  
ยังไม่ว่างไปชมเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้แสดงงานอะไรอยู่

หอศิลป์ กทม. กำลังมีนิทรรศการ
รอยยิ้มสยาม: ศิลปะ+ศรัทธา+การเมือง+ความรัก”
รายละเอียดตามลิ้งค์เลยคับ  เมือวานเพิ่งไปดูมา   เปิดให้ชมถึง 3 ทุ่มครับ
http://www.bacc.or.th/exhibition/2551/002/exhibition002.html (http://www.bacc.or.th/exhibition/2551/002/exhibition002.html)


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 11:31
:slime_smile:สวัสดีครับคุณเอกลิตเติ้ลคร๊อก(สงสัยจะชอบฉายานี้ว่างก็ไปตัดทิ้งให้เรียบร้อยนะครับจะได้เปิดเผยตัวจริงให้โลกรู้เสียที):slime_smile:

ใช่ครับ...ชื่อเอกจริง แต่ว่าเรื่อง little cox หรือจะ big cox อันนี้มันก็แล้วแต่มุมมองของผู้ที่เคยมีประสพการณ์ เอกจึงไม่สามารถพูดได้ว่าตกลงมันบิ๊กหรือไส้เดือนอ่ะน๊ะ คริ คริ



เรื่องป้ายอัจฉริยะเหลวนี่มันเหลวด้วยเหตุผลเดียวกันกับเรื่องเส้นทางเดินรถไฟฟ้าหรือเปล่าครับ ผมมองว่ามันเป็นแค่เกมส์การเมืองของพวกขี้อิจฉากลัวว่าพรรคฝั่งตรงกันข้ามจะได้หน้าเลยหาวิธีขัดขาไว้ก่อน(เห็นแก่ตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม) และอีกอย่างคนบ้านเรายังมีวินัยไม่มากพอด้วยนะครับ ดูง่ายๆแค่เข้าคิวซื้อของกันบางทียังทำไม่ได้เลยเรื่องจะให้เดินไปกดปุ่มเรียกรถแท๊กซี่ที่ป้ายไม่ต้องพูดถึง ต่อให้ใครมาเป็นผู้ว่าเรื่องแก้ปัญหารถติดนี่ผมว่ายังไงก็ไม่สำเร็จ ยังมีอีกหลายๆปัจจัยที่ต้องแก้ไปพร้อมๆกันครับ( :slime_dizzy:อยู่กรุงเทพมาตั้งแต่เกิดจนโตไม่เคยเห็นผู้ว่าคนไหนทำสำเร็จเสียที)

แหม...เชียร์กันออกนอกหน้าไปป่าวเนี่ย คนเราผิดพลาดกันได้ แต่ขอให้ออกมายอมรับซะดีๆว่า ผม..หล่อเล็กพลาดไปแล้วเรื่องป้ายอัจฉริยะ ผิดไปแล้วเรื่องเซ็นต์LCรถดับเพลิง ผิดไปแล้วเรื่องบัตรเลือกตั้งกทมฯ ผิดไปแล้วเรื่องรถไฟMRT ฯลฯ  คนกทมฯเค้าอาจรับฟังบ้างก็ได้น๊ะ


แต่จ๊ะเชื่อน๊ะว่า คุณภาพคนกทมฯนี่วัดได้ด้วยสว.รสนาตามที่คุณปลื้มกล่าวไว้เด๊ะเลยอ่ะ...ไม่งั้นกทมฯมันจะเต็มไปด้วยมลพิษเหร๊อถ้าคุณภาพของคนมันเจ๋งจริง!?! :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 25-09-2008, 11:36
แล้วคุณ เอก เลือกใครครับ ดีอย่างไรครับ ขอบคุณครับ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 11:39
แล้วคุณ เอก เลือกใครครับ ดีอย่างไรครับ ขอบคุณครับ  :slime_smile:


แหมมมมมม.....ส่งบอลมาเชียวน๊า  งั้นเอกขอชู๊ตเด๊ะ 


ก็คงเลือกพี่หนวดอ่ะครับ ชอบผลงานรฟม.ที่มีการจัดการบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเชื่อมั่นว่าการให้โอกาสคนใหม่ๆย่อมทำงานได้ดีกว่าคนเดิมเพราะไฟในการทำงานมีมากกว่า อันนี้เป็นเรื่องปรกติ หุ หุ :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 25-09-2008, 11:48

แหมมมมมม.....ส่งบอลมาเชียวน๊า  งั้นเอกขอชู๊ตเด๊ะ 


ก็คงเลือกพี่หนวดอ่ะครับ ชอบผลงานรฟม.ที่มีการจัดการบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเชื่อมั่นว่าการให้โอกาสคนใหม่ๆย่อมทำงานได้ดีกว่าคนเดิมเพราะไฟในการทำงานมีมากกว่า อันนี้เป็นเรื่องปรกติ หุ หุ :slime_smile2:

แทงคิ้ว  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: numdee ที่ 25-09-2008, 13:11
เรื่องป้ายแท๊กซี่อัจฉริยะที่ส่วนมากพวกแท๊กซี่ไม่ค่อยจอดกัน ผมว่าเป็นเพราะตำแหน่งที่ตั้งมากกว่า
ควรจะไปตั้งแถวๆชานเมืองมากกว่าเพราะรถแท๊กซี่นอกเมืองมีน้อย
คนจะหารถแท๊กซี่ก็ลำบากจึงควรมีจุดที่สะดวกในการเรียกรถ

คือถ้าในเมืองที่มีแท๊กซี่มากๆอยู่แล้ว คนเรียกรถก็ไม่รู้ว่าจะไปหาป้ายแท๊กซี่เพื่อรอเรียกรถทำไม
ทุกวันนี้แค่ส่งสายตาไปมันยังแย่งปาดหน้ากันเข้ามารับผู้โดยสาร

แต่ส่วนมากนะจะเห็นพวกแท๊กซี่จอดกันมากที่สุดก็ตรงแถวๆ หน้าอาบอบนวด  คาเฟ่ บางทีจอดซ้อนกันถึงสองเลน

ปัญหาจึงไม่ใช่ป้ายรถแท๊กซี่แต่เป็นที่ตัวคนขับแท๊กซี่กับผู้โดยสารนั่นเอง แต่ถ้ามองในอนาคตที่น้ำมันแพงขึ้น ก๊าซ แพงขึ้น จนทำให้คนขับแท๊กซี่ไม่คุ้มค่า
กับการตระเวณหาลูกค้าแล้วละก็ ป้ายแท๊กซี่ก็จะเป็นแหล่งสิงสถิตของเหล่าบรรดารถแท๊กซี่เอง


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 13:19

"บัตรเลือกตั้ง “สำส่อน”  :slime_smile2:

บทความ โดย ปลายอ้อกอแขม


ผมนั่งดูเวปไซท์ของ กกต.รวมผลคะแนนผลการเลือกตั้ง สส.ปี 2550 ทั้งแบบสัดส่วนและแบ่งเขต พร้อมฟังความเห็นของนักสังเกตการวิทยา วิชาเอกเลือกตั้งไทย ซึ่งเป็นสาขาใหม่ล่าสุด..เปิดสอนตามเวปทั่วไป ของมหาวิทยาลัยตีหนึ่งครึ่ง(เปิดแข่งกับมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน) ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตถึงผลคะแนนจากบัตรเลือกตั้ง ..ทำให้ผมรู้สึกทึ่งมากๆกับบัตรเลือกตั้งของไทยปี 2550

 

จะอดใจไม่ทึ่งได้ยังไงไหวละครับ พระเดชพระคุณ  เพราะบัตรเลือกตั้งกับผู้มีสิทธิ์ออกเสียง มันไม่ตรงกัน ..ห่างกันลิบลับ !

 

ติ๊ต่างว่า  ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 100 คน แต่มาเลือกตั้งจริงๆเพียง 80 คน หักบัตรเสียและโนโหวตออกไป 20 คน ควรจะต้องเหลือเพียง 60 คน ใช่หรือมิใช่ ! ..พี่น้อง

 

ที่ไหนได้  เมื่อรวมผลคะแนนแล้ว ปรากฏว่าผู้มาลงคะแนนเสียงทั้งหมดแทนที่จะลดลงตามที่ว่า กลับทะลึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น 120 ถึง150 คนไปโน่น  ..Believe it or not เชื่อหรือไม่?

 

พระเจ้าช่วยกล้วยแขก แจ๊ค มันแย่มาก !  บัตรเลือกตั้งที่เพิ่มขึ้นเกือบครึ่งเหล่านี้  มันพาเหรดมาจากไหน มาจากไหน …และมาจากไหน ?

 

ชี้ให้ดูเป็นตัวอย่าง..

 

ในกลุ่มจังหวัดที่ 5 แบบสัดส่วน จำนวน สส. 10 คน จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 5,732,493 คน หักบัตรเสียออกไป 404,899 คน หักคะแนนโนโหวต 258,592 คน  แต่เมื่อนับคะแนนจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์หย่อนบัตรลงหีบแล้ว ...ดันมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 7,849,051 คน 

 

มากกว่าจำนวนผู้มีสิทธิ์จริงๆเกือบ 2 ล้านคน ..ไม่อยากเชื่อ พระเจ้า!

 

 

ในกลุ่มจังหวัดที่ 8 แบบสัดส่วนเช่นกัน จำนวน สส. 10 คน ไม่ทราบจำนวนผู้มีสิทธิ์   แต่จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ 3,785,035 คน หักบัตรเสีย 273,185 คน หักคะแนนโนโหวต 83,028 คน แต่เมื่อนับจำนวนบัตรลงคะแนนถูกต้องแล้วแทนที่จะลดลง กลับมีคะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 4,105,248 คน ...เกินมาถึง 320,213 คน สงสัยว่ามันมาจากไหนกันวะ ?

 

ตัวเลขโคตรมหัศจรรย์จริงๆ

 

แต่ที่หัวเราะไม่ออกสำหรับผู้สมัคร สส.เขต 7 กทม.พรรคพลังประชาชนอย่างนายมงคล กิมสูนจันทร์ ที่นับคะแนนเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550  ณ เวลา 21.18 น.

 

ขณะนั้นนายมงคลมีคะแนนอยู่ในลำดับที่ 3 ด้วยคะแนนเสียง  98,237 คะแนน นำโด่งนางนาตยา เบญจศิริวรรณ(แดงบุหงา) พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีคะแนนอยู่ที่ 80,030 คะแนน ..เกือบสองหมื่นคะแนน

 

นายมงคล พอเห็นคะแนนออกมาแบบนี้แล้ว ก็เรียกวิน’มอไซด์ปากซอยขี่กลับบ้าน จากนั้นก็สั่งส้มตำปูปลาร้า ลาบเลือด น้ำตก ซกเล็กอาหารโปรดพร้อมเหล้าขาวอีก 1 ขวด ..นั่งดวดอย่างสบายอารมณ์อยู่กับศรีภรรยาและหัวคะแนนที่เป็นสัปเหร่อ

 

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เพราะถ้าลบหลู่..ก็แสดงว่าไม่เชื่อ ! พอถึงเวลา 22.32 น.เท่านั้นเอง สิ่งมหัศจรรย์ก็ได้บังเกิดขึ้น !

 

คะแนนของนายมงคลที่นำอยู่ดีๆจาก 98,237 คะแนน กลับตกฮวบลงมาอย่างกระทันหัน เหลือเพียง 90,044 คะแนน 

 

ส่วนนางนาตยานั้น จากที่ตามมาด้วยคะแนน 80,030 คะแนน ก็แซงพรวดๆมาเป็น 91,171 คะแนน ..เข้าวินอย่างไปอย่างสุดอัศจรรย์พันลึก

 

 

การเล่นมายากลตัวเลขมหัศจรรย์ครั้งนี้ เป็นไปท่ามกลางการเผาพริกเผาเกลือขอพรให้พระคุ้มครองผู้ว่าฯอภิรักษ์ของเซียนพนันที่ต้องเสียเดิมพันให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างโหดร้ายด้วยคาราบาวแดงของไอ้แอ๊ดคาราบาวนักร้องเพื่อชีวิต(ของมัน)ไปถึง 1 ขวด ! ..จะจะ ต่อหน้าต่อตา

 

ไม่ใช่ผมคนเดียวที่มึนงง  แม้แต่นายสมัครหัวหน้าพรรคพลังประชาชนก็พลอยมึนงงหนักไปยิ่งกว่าผม ถึงขนาดตาลายอุ้มลูกหมาไปใส่ในกรงแมว .. มองเห็นหมาเป็นแมวไปซะงั้น

 

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้ามองไปทุกเขตโดยเฉพาะในกรุงเทพฯแล้ว จะเห็นความอัศจรรย์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  พรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่มีวี่แววว่าจะชนะ ..กลับชนะไปอย่างขาดลอยในทุกๆเขต ด้วยคะแนนแสนมหัศจรรย์

 

หักปากกานักทำโพลมืออาชีพอย่างสวนดุสิต รามคำแหง กอ.รมน.สมช.มหาดไทย ฯลฯอย่างสิ้นเชิง

 

มันเป็นไปได้อย่างไร  จะว่าเป็นผีมาช่วยลงคะแนนให้ก็อาจจะต้องระดมผีทุกป่าช้าและเป็นหมอผีระดับสูง ซึ่งก็คงยังไม่พอ  หรือถ้าหากจะทำโคลนนิ่งบัตร หรือตัดต่อพันธุกรรมของบัตร มันก็ต้องใช้นักวิทยาศาสตร์ระดับสูงเช่นกัน

 

เป็นไปได้มั๊ยว่า ..

 

การเลือกตั้งครั้งนี้ “ตัวบัตรเลือกตั้ง” เองนั่นแหละ คือตัวแปรที่สำคัญที่สุด..

 

เหตุผลคือ..บัตรเลือกตั้งถูกพิมพ์ขึ้นมาเป็น “บัตรสองเพศ” คือบัตรตัวผู้และบัตรตัวเมีย ..อย่างมีเจตนาเคลือบแฝง ..และด้วยความคิดพิเรนของใครสักคน

 

เมื่อบัตรสองเพศถูกนำไปใส่รวมในหีบเดียวกัน ลองคิดดูซิครับ อะไรจะเกิดขึ้น..

 

ความใกล้ชิดกันของบัตรตัวผู้และตัวเมียในหีบบัตรเดียวกัน มันย่อมเกิดปฏิกิริยาทางไฟฟ้าขึ้น ..ประเภทขั้วบวกกับขั้วลบ

 

เมื่อตาต่อตามาประสาน บัตรทั้งสองเพศเมื่ออยู่ใกล้ชิดกัน จึงเกิดอาการสปาร์ค “ปิ๊ง”กันขึ้น จากนั้นจึงเกิดชุลมุนไปหมดในหีบบัตรแต่ละใบ ..ไม่รู้ใครเป็นใคร อึ๋ยส์ !

 

หากจับตาสังเกตให้ดี อาจจะเห็นหีบบัตรมีอาการสั่นไหวอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เช้า ..จนกว่าเจ้าหน้าที่จะแยกบัตรออกจากกัน

 

ชั่วไม่นาน บัตรในหีบเหล่านั้นเมื่อได้ทำการ“สะบานาเฮ้”กันเสร็จสมอารมณ์หมายแล้ว ก็ได้ออกลูกออกหลานกันยั๊วเยี๊ยพรึบพรั่บเต็มหีบไปหมด จากบัตรที่เดิมในหีบที่มีอยู่เพียง 60 ใบ ก็ออกลูกออกหลานในระยะเวลาอันสั้นเพิ่มเป็น 120 ใบบ้าง 150 บ้าง ..แล้วแต่ว่าโอกาสจะอำนวยได้แค่ไหน เกือบล้นหีบ..

 

มันเป็นผลิตผลของบัตรเพศผู้และเพศเมีย ที่สืบทอดทายาทออกมาในเวลาอันรวดเร็ว ..นับจำนวนไม่ถ้วน

 

แต่เนื่องจากบัตรเบอร์ 4 “หล่อ”กว่าบัตรเบอร์ 12 จึงทำให้บัตรสาวๆทั้งหลาย “ปันใจ”ให้กับบัตรเบอร์ 4 อันเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ มันจึงได้สืบทายาทออกลูกออกหลานมาเป็นพวกบัตรเบอร์ 4 กันแทบทั้งสิ้น

 

และที่สำคัญที่สุดก็คือ “บัตรเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 15-16” ที่ กกต.ชักชวนให้ชาวบ้านมาเลือกตั้งอย่างไม่คาดฝันนั้น ..คือปัจจัยสำคัญ

 

เพราะบัตรตัวผู้และตัวเมีย มีโอกาสอยู่ในหีบบัตรเดียวกันเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ นานพอที่จะทำให้บัตรทั้งสองได้ครองคู่อยู่กินกัน จนมีเวลาพอจะผลิตลูกหลานออกมาอย่างมากมาย ..ชนิดนับไม่ถ้วน

 

ส่วนใหญ่บัตรเลือกตั้งล่วงหน้าจะออกลูกออกหลานมาเป็นบัตรเบอร์ 4  เช่นเดียวกับบัตรที่เลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวา  เพราะความหล่อของบัตรหนุ่มเบอร์ 4 ทำให้บัตรสาวๆเบอร์อื่นๆที่ใส่ลงไปทีหลังเกิดอาการเคลิบเคลิ้ม ..จึงแปลงกายไปเป็นบัตรเบอร์ 4 เกือบทั้งหมด

 

แต่ที่ผมเป็นห่วงก็คือบัตรของ ดร.เสรี ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นบัตรเพศไหน  เมื่อใส่ลงไปในหีบบัตรแล้ว ..จะมีบัตรหนุ่มๆเข้ามาคลอเคลียเกาะแกะเกี้ยวพาราสีบ้างหรือเปล่า ..

 

บอกได้ว่าการที่บัตรเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติเป็นจำนวนมากนั้น เกิดจากเหตุดังว่ามาฉะนี้แล ..คนไม่เกี่ยว!

 

หากใครจะไปคิดโกรธโทษ คมช.ก็ดี กกต.ก็ดี ผู้ว่าฯอภิรักษ์แห่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ดี หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ดี ว่าเป็นคนโกงการเลือกตั้งครั้งมโหฬารนี้ ..ผมว่าไม่ยุติธรรม

 

เพราะคมช.,กกต.,ผู้ว่าฯ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ ต่างก็บอกอยู่ตลอดเวลาว่าตนเองนั้น เป็นคนดี ซื่อสัตย์ โปร่งใส มีคุณธรรม สุจริต ไม่โกง ฯลฯ..ทุกวี่ทุกวัน

 

ต้องเชื่อพวกเขานะครับ ! ก็พวกเขาหน้าด้านพูดกันได้ถึงขนาดนี้แล้ว ..ทำไมพวกเราถึงไม่หน้าด้านเชื่อเขาบ้างล่ะ

 

ความผิด ความชั่ว ความเลวทั้งหลายที่เกิดขึ้น เป็นเพราะบัตรเลือกตั้งน่ะเอง ที่มันไม่มีคุณธรรม ไม่รักนวลสงวนตัว สำส่อนทางเพศ ไม่รู้จักหักห้ามอารมณ์

 

แม่ม.. ไม่ยุติธรรม! อ้ายบัตรตัวผู้และนังบัตรตัวเมียในหีบ มันรวมหัวกันเล่นงานกลั่นแกล้งและกีดกันบัตรเบอร์ 12 อย่างน่าเกลียดที่สุด  ออกลูกออกหลานมาทีไร กลายเป็นเบอร์ 4 ไปหมด ..บัตรโฉด เบอร์ชั่ว

 

อ้ายบัตรเลือกตั้งสาระเลว อย่าให้เจอตัวก็แล้วกัน !!!"  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 25-09-2008, 13:22
ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูล

ยังไง อภิรักษ์ ก็นอนมาได้อีกสมัยแหละครับ

ชูวิทย์ ก็คือ ชูวิทย์ มีแกมาสมัคร ก็เป็นการสร้างสีสรรให้การเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ครั้งนี้
จะได้ไม่น่าเบื่อ เพราะคู่แข่งที่เหลือแต่ละคน  :slime_hmm:

มีอย่างเดียวที่ผมว่ามันคงไม่เวิร์ค ก็คือ รถเมล์ BRT ที่กำลังจะ ๆ ๆ ๆ ได้ใช้
บังเอิญว่ารถมันวิ่งในเส้นทางที่ที่ทำงานผมตั้่งอยู่ ผมเลยคิดว่า เมื่อมันเปิดให้บริการเมื่อไหร่
ถนนเส้นนี้คงจะรถติดมากขึ้น และคนที่เดินทางด้วย BRT ก็ไม่น่าจะถึงที่หมายเร็วขึ้นสักเท่าไหร่
ลงจากรถแล้ว ยังต้องเดินกันไกลพอสมควรด้วย

BRT นี่น่าจะใช้งบ กทม. ใช่ไหมครับ

รถ BRT มีการจัดตั้งวิสาหกิจของ กทม. คือ บริษัทกรุงเทพธนาคม เป็นผู้ดำเนินการ
โดยโครงการได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2550 ครับ

ส่วนตัวผมหนุนรถเมล์ BRT นะครับ เพราะไม่ใช่ไทยเราทำเป็นแห่งแรกแต่มีตัวอย่าง
เมืองหลวงประเทศต่างๆ ทำแล้วมากมาย ในเอเชียก็มีที่ เกาหลีใต้(โซล) จีน(ปักกิ่ง)
ไต้หวัน(ไทเป) อินโดนีเซีย(จากาต้า) และมีใช้ที่เมืองอื่นๆ นอกจากเมืองหลวงด้วย
เช่นที่ ญี่ปุ่น(นาโกย่า) ฝรั่งเศส(โรออง)

ในยุโรป ในอเมริกา ในออสเตรเลีย ก็มีรถเมล์ BRT ดำเนินการอีกหลายแห่งเช่นกัน

concept ที่สำคัญของรถ BRT ก็คือการใช้พื้นผิวจราจรเพื่อ "ขนคน" ไม่ใช่ "จอดรถ"
โดยรถ BRT 1 คันจะขนส่งผู้โดยสารได้มากกว่ารถยนต์หลายสิบเท่าในพื้นผิวจราจร
ที่เท่ากัน เป็นการใช้พื้นผิวจราจรที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการขนผู้โดยสารด้วยรถยนต์

...

ปัญหาที่เกิดกับ BRT ไทยอย่างหนึ่งคือปัญหาการเมือง กรณี ดร.สามารถ ราชพลสิทธ์
รองผู้ว่าฯ กทม. ที่ดูแลรับผิดชอบโครงการ ถูก คุณสมัคร+คุณดุสิต จัดรายการโทรทัศน์
กล่าวหาว่าทุจริตรับสินบน ทำให้ ดร.สามารถ ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง

กลายเป็นคดีฟ้องร้องหมิ่นประมาท และ อดีตนายกฯ สมัคร ถูกศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ให้จำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญาในวันนี้ครับ

ผมถือว่าในทางหนึ่งการหมิ่นประมาทดังกล่าว ทำให้ชาวกรุงเทพฯ ได้รับผลกระทบด้วย
เพราะรองผู้ว่าฯ ที่รับผิดชอบด้านพัฒนาระบบขนส่ง ที่มีความสามารถเคยทำระบบขนส่ง
ให้ทั่วโลก ถูกกดดันจนต้องลาออกทำให้โครงการขนส่งทั้งหมดไม่คืบหน้าอย่างราบรื่น
เท่าที่ควร

ล่าสุดก็มีปัญหาซึ่งผมเชื่อว่าเป็นประเด็นการเมืองอีก คือการกล่าวหาว่ามีการทุจริต
ในการจัดซื้อรถเมล์ BRT ทำให้โครงการต้องล่าช้าออกไปอีกครับ

...
เอารูประบบ BRT ทั่วโลกมาให้ดูกัน จะได้เห็นภาพการใช้งานจริงชัดเจนมากขึ้นครับ  :slime_smile:

(http://www.bangkokbrt.com/system/system61_2.jpg)
(http://www.bangkokbrt.com/system/system61_3.jpg)
ตัวอย่างภาพรถ BRT ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ มีการระบายสีเลน BRT เป็นพิเศษ

(http://www.bangkokbrt.com/system/system52_0.jpg)
ตัวอย่างภาพรถ BRT ที่นาโกย่า ญี่ปุ่น มีการระบายสีเลน BRT เช่นเดียวกัน

(http://www.geocities.com/bangkoktraffic/img/image022.jpg)
ตัวอย่างภาพรถ BRT ที่โรออง ฝรั่งเศส มีการระบายสีเลน BRT เหมือนกัน

(http://www.bangkokbrt.com/system/system62_2.jpg)
ตัวอย่างภาพรถ BRT ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ใช้รั้วกันเลน BRT เป็นพิเศษ

(http://www.bangkokbrt.com/system/system63_3.jpg)
(http://www.bangkokbrt.com/system/system63_2.jpg)
ตัวอย่างภาพรถ BRT ที่กรุงไทเป ไต้หวัน แสดงเลน BRT บนทางยกระดับ


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: paper punch ที่ 25-09-2008, 13:27

แหมมมมมม.....ส่งบอลมาเชียวน๊า  งั้นเอกขอชู๊ตเด๊ะ 


ก็คงเลือกพี่หนวดอ่ะครับ ชอบผลงานรฟม.ที่มีการจัดการบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเชื่อมั่นว่าการให้โอกาสคนใหม่ๆย่อมทำงานได้ดีกว่าคนเดิมเพราะไฟในการทำงานมีมากกว่า อันนี้เป็นเรื่องปรกติ หุ หุ :slime_smile2:

อะฮ้า ขอบคุณที่ช่วยชี้ทาง

อย่างนี้เลือกตั้งสมัยหน้า tle ต้องเลือกอภิสิทธิ์แน่ๆเลย
 :slime_agreed:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 25-09-2008, 13:31
เห็นรูปที่พี่จีฯ เอามา
ก็เลยนึกได้ว่า ตอนที่ไปเกาหลี ก็เห็นอยู่เหมือนกัน
ยังนึก ๆ อยู่ว่า ทำไมเลนส์นั้นมันวิ่งฉิว ๆ หว่า
แล้วเลนส์เรารถมันช้ากว่า
พอมี BRT คนที่โ่น่นเค้าก็เิดินทางโดยรถส่วนตัวน้อยลงนะคะ
เพราะ BRT มันไปเร็วกว่า...

ส่วนเรื่องป้ายจราจรอัจฉริยะ ป้ายนี้มารุฯ ใช้บ่อยค่ะ
เวลาเดินทางดูจากป้ายตลอด สำหรับมารุฯ ถือว่า โอเคเลย
เพราะถูกใจ ร่นระยะเวลาได้พอสมควรเลยค่ะ



หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 13:32
อะฮ้า ขอบคุณที่ช่วยชี้ทาง

อย่างนี้เลือกตั้งสมัยหน้า tle ต้องเลือกอภิสิทธิ์แน่ๆเลย
 :slime_agreed:


เหตุผลอ่ะครับว่าทำไมต้องเลือก มาร์ค มอ 7!?! :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: numdee ที่ 25-09-2008, 13:40
นังเติ้ลกระทู้ชักจะออกนอกลู่นอกทางแล้ว ไปตั้งหัวใหม่ไป๊


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 13:43
เอาข้อเท็จจริงมาแฉ...เชื่อหรือไม่เชื่อโปรดตรองดู :slime_doubt:





"การทุจริตใน กรุงเทพมหานคร ยุค ผู้ว่าอภิรักษ์



การกล่าวหาว่ามีการทุจริตใน กรุงเทพมหานคร ในช่วงที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพ ผู้ว่าอภิรักษ์ โกษะโยธิน
เริ่มในวันที่ 19 มกราคม 2549กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ออกหมายเรียก เจ้าหน้าที่ กทม. 4 คน ไปให้การ
คดีทุจริต ฮั้วประมูล โครงการต่างๆ ใน กทม. 16 โครงการ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท
โดยหนึ่งในผู้ที่ถูกกล่าวหาคือ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าราชการ กทม. ฝ่ายโยธาฯ

โครงการทั้ง 16 โครงการ ที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ สอบพบว่ามีการทุจริตคือ

โครงการก่อสร้างทางลอด ถนนจรัญสนิทวงศ์-ถนนบรมราชชนนี มี บมจ. ช.การช่าง ประมูลได้ในราคา 1,020,000,000
บาท
โครงการก่อสร้างทางลอด ถนนจรัญสนิทวงศ์-ถนนพรานนก มี หจก.นภาก่อสร้าง ประมูลได้ในราคา 969,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างทางลอด ถนนตากสิน-ถนนรัชดาภิเษก มี หจก.พรหมวิวัฒน์ ประมูลได้ในราคา 1,156,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างทางยกระดับ ถนนสุวินทวงศ์ มี บมจ. ช.การช่าง ประมูลได้ในราคา 1,336,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างปรับปรุง ถนนศรีนครินทร์จากบริเวณแยกถนนพัฒนาการ-ถนนสุขุมวิท 103
และโครงการก่อสร้างทางลอด ถนนศรีนครินทร์กับถนนสุขุมวิท 103 (อุดมสุข) มี บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง
แอนด์ คอนสตรัคชั่น ประมูลได้ในราคา 1,979,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างถนนกรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า จากถนนศรีนครินทร์-ถนนร่วมเกล้า ช่วงที่ 1 และ 1/1 มี
บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ประมูลได้ในราคา 2,288,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างถนนกรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า จากถนนศรีนครินทร์-ถนนร่วมเกล้า ช่วงที่ 2 3 และ 3/1 มี บจก.
ซิโน-ไทย ประมูลได้ในราคา 2,172,100,000 บาท
โครงการก่อสร้างถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 ช่วงจากถนนจรัญสนิทวงศ์-ถนนกาญจนาภิเษก มี บจก.อิตาเลียนไทย
ดีเวลล็อปเมนท์ ประมูลได้ในราคา 4,108,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างถนนพหลโยธิน-ถนนรัตนโกสินทร์สมโภชน์ มี บจก.กรุงธนเอ็นจิเนียริ่ง ประมูลได้ในราคา
1,044,750,768.64 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างต่อขยายแนว ถนนพัฒนาการไปสวนหลวง ร.9 จาก ถนนสุขุมวิท 77-ถนนสุขุมวิท 103 มี บมจ.ซีฟโก้
ประมูลได้ในราคา 365,777,250 บาท
โครงการก่อสร้างถนนหทัยราษฎร์ (สุวินทวงศ์-สายไหม) โดยมีราคาเริ่มต้นในการประมูล 1,275,633,235 บาท
โครงการก่อสร้างสะพานข้ามทางแยกถนนรามคำแหง-ถนนวงแหวนตะวันออก ราคาเริ่มต้นในการประมูล 440,000,000 บาท

โครงการก่อสร้างทางต่างระดับถนนพัฒนาการ-ถนนอ่อนนุช ราคาเริ่มต้นในการประมูล 975,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างถนนสะแกงาม ช่วงจากถนนพระราม 2-ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล ราคาเริ่มต้นในการประมูล
222,402,845 บาท
โครงการก่อสร้างถนนพุทธมณฑลสาย 1 ช่วงจากถนนเพชรเกษม-สุดเขต กทม. ราคาเริ่มต้นในการประมูล 915,776,640
บาท
โครงการก่อสร้างทางลอดถนนศรีอยุธยา-ถนนพระรามที่ 6 ราคาเริ่มต้นในการประมูล 685,107,575 บาท
ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2534 การจัดซื้อจัดจ้างที่วงเงินเกิน 50 ล้านบาท
จะต้องได้รับการอนุมัติหรือลงนาม โดยหัวหน้าส่วนราชการ ซึ่งในกรณีของกรุงเทพมหานคร คือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร"


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 25-09-2008, 13:49
และแล้ว ก็มาถึง การกล่าวหาว่า.................


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 25-09-2008, 13:51
เล่าให้คุณจีฟังอีกความรู้สึกก็แล้วกันครับ

ผมไม่รู้สึกดีกับ อภิรักษ์ อยู่ 3 เรื่อง

1. น้ำท่วมขัง ถ้าเทียบกับดร.โจ จอมสร้างภาพแล้ว ดร.โจดีกว่านิดหน่อย เพราะน้ำในสมัยดร.โจ ลงเร็วกว่าหน่อย ฝนตกหนักๆนานๆ เมื่อใด รัชดา พระราม 9 เป็นอัมพาตทันที

2. ขุดกลางถนนเยอะมาก พื้นผิวขุรขระอยู่นาน ยกตัวอย่าง ถ.เพชรบุรี ช่วงเลยทางลงสะพานลอยประตูน้ำมาหน่อยนึง หน้าคอนโดที่สร้างใหม่ตรงนั้น มีการขุด วางแผ่นเหล็ก ทะลวงทำ วางแผ่นเหล็ก เป็นปีๆ เพิ่งจะมาราดยางให้เรียบร้อยเมื่อสักอาทิตย์ที่แล้ว

3. ซอยบ้านผม น้ำไม่เคยท่วม ถ้าจะมีท่วม ก็จะหายไปไม่เกิน 1 ชม. ถนนซีเมนต์ในซอยใช้มาร่วมๆ 20 ปี แล้ว ยังใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา 3 ปีก่อน เขตมาบอกว่าจะทำถนนให้ใหม่ คนในซอยต้องทำเอกสารอย่างเป็นทางการแจ้งทางเขตไปว่า ไม่ต้องทำใหม่ เพราะยังใช้งานได้อยู่ ผมยังเขียนคอมเมนต์ไปในแบบสอบถามว่า ถ้างบเหลือ ให้ไปทำสิ่งที่จำเป็นกว่า ปีที่แล้วอยู่ดีๆ ก็มาเปลี่ยนฝาท่อ (ของเก่าเป็นซีเมนต์ล้วน) เป็นแบบซีเมนต์ มีตะแกรงเหล็ก และต้องทำขอบปากท่อใหม่ หลังจากนั้น น้ำท่วมขังในซอยเลยครับ เพราะไอ้คนที่มาทุบขอบปากท่อ มันใช้รถขุดแซะซีเมนต์ขอบท่อ ปูนหินที่กระเทาะออกมา ก็ปล่อยให้ตกลงในท่อนั้น ไม่มีการเก็บขึ้นมา สุดท้ายก็ไปขวางทางระบายน้ำ

ต่อมายังหวังว่า จะมีคนมาลอกท่อระบายน้ำ (สมัยก่อนซอยผมจะมีมาอย่างน้อย 2 ปีครั้ง เป็นพวกนักโทษชั้นดี จำได้เพราะผมจะเลี้ยงกระทิงแดงให้เขาเกือบทุกวัน) จะได้เอาเศษหินไปทิ้ง จนถึงวันนี้ ไม่เคยมีใครมาลอกท่อเลย นึกดูอีกที ตั้งแต่อภิรักษ์เป็นผู้ว่าเนี่ย ผมไม่เคยเห็นใครมาลอกท่อในซอยเลย จะว่าไปแล้ว ตามถนนใหญ่ก็ไม่เคยเห็นถังเหล็กที่ใส่โคลนในท่อวางทิ้งให้เห็นเหมือนแต่ก่อนเลย แสดงว่า ไม่มีการลอกท่อเหมือนกัน (ไม่ทราบว่ามีเพื่อนๆท่านอื่นเห็นไหมครับ)

แต่ถามว่า ยังจะเลือกอยู่ไหม ณ เวลานี้ ยังไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ ก็คงเลือกครับ

ผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันที่สุด ของ ดร.พิจิตร อดีตผู้ว่าฯกทม.
ก็คือระบบป้องกันแก้ไขน้ำท่วมครับ เพียงแต่คนกรุงเทพฯ
จำกันไม่ค่อยได้เท่านั้นเอง (จำได้แต่ที่ชอบออกทีวี  :D)

ผมเคยได้คุยยาวๆ กับ ดร.พิจิตร ครั้งหนึ่งหลังจากพ้นตำแหน่ง
ผู้ว่าฯ มาแล้ว ก็เลยทราบรายละเอียดว่าสิ่งที่ ดร.พิจิตร รู้สึก
ภาคภูมิใจมากที่สุดก็คือ การพัฒนาระบบแก้มลิงของกรุงเทพฯ
ตามแนวพระราชดำริ ซึ่งมีรายละเอียดซับซ้อนมาก ไม่ใช่มีแต่
ที่เก็บน้ำอย่างเดียว เป็นอีกครั้งที่ทำให้ผมรู้สึกชื่นชมอย่างยิ่ง
ในพระอัจฉริยภาพของในหลวงของเราด้วยครับ

ถ้ามีโอกาสผมอยากตั้งกระทู้เกี่ยวกับข้อมูลระบบป้องกันน้ำท่วม
กรุงเทพฯ สักครั้ง  คิดว่ามีอะไรที่คนทั่วไปไม่ทราบหลายอย่าง
คิดว่าหลายๆ คนจะต้องทึ่งกับพระอัจฉริยภาพของในหลวงครับ

...

ส่วนข้อผิดพลาดในการตัดสินใจของ ดร.พิจิตร ขณะดำรงตำแหน่ง
ตัว ดร.พิจิตร เองเล่าว่าคือเรื่อง โครงการโรงบำบัดน้ำเสีย ที่มี
โครงการมาตั้งแต่สมัย ผู้ว่าฯกฤษฎา แต่ ดร.พิจิตรไม่ได้สนับสนุน
คิดว่าระบบที่มีอยู่เดิมน่าจะรองรับไหว (ซึ่งเอาเข้าจริงรับไม่ไหว)
เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณภาพน้ำของลำคลองในกรุงเทพฯเน่าเหม็น
อยู่ในปัจจุบันนี้ครับ

...

ผลงานที่เห็นอยู่ตอนนี้ของ ดร.พิจิตร คือแนวเขื่อนป้องกันน้ำท่วม
ตลอดแนวแม่น้ำเจ้าพระยาและตอนเหนือของกรุงเทพฯ ที่สามารถ
ทำได้เสร็จถึง 50 กิโลเมตรจากทั้งโครงการประมาณ 80 กิโลเมตร
แนวป้องกันดังกล่าวนี้ไม่มีความคืบหน้าเลยในสมัย อดีตผู้ว่าฯสมัคร
แต่เพิ่งจะมาก่อสร้างต่อในสมัยผู้ว่าฯอภิรักษ์ จนเสร็จไปอีกประมาณ
20 กว่ากิโลเมตรแล้วครับ ซึ่งเป็นการปิดแนวน้ำท่วมตอนเหนือของ
กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก (ตลิ่งชัน+ทวีวัฒนา)

ขณะนี้แนวเขื่อนป้องกันน้ำท่วมเหลือเพียงประมาณ 7 กิโลเมตร
ก็จะสร้างเสร็จครบทั้งโครงการ กับมีต้องซ่อมบำรุงแนวเขื่อนเดิม
ที่ชำรุดบางส่วนก็จะใช้งานได้ 100% ไ่ม่ต้องเอากระสอบไปอุด
แบบที่เห็นมาหลายปี

เรื่องนี้นับเป็นผลงานคุณอภิรักษ์ได้ด้วย แต่ไม่เห็นเอามาโฆษณา  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 25-09-2008, 14:03
เห็นรูปที่พี่จีฯ เอามา
ก็เลยนึกได้ว่า ตอนที่ไปเกาหลี ก็เห็นอยู่เหมือนกัน
ยังนึก ๆ อยู่ว่า ทำไมเลนส์นั้นมันวิ่งฉิว ๆ หว่า
แล้วเลนส์เรารถมันช้ากว่า
พอมี BRT คนที่โ่น่นเค้าก็เิดินทางโดยรถส่วนตัวน้อยลงนะคะ
เพราะ BRT มันไปเร็วกว่า...

ส่วนเรื่องป้ายจราจรอัจฉริยะ ป้ายนี้มารุฯ ใช้บ่อยค่ะ
เวลาเดินทางดูจากป้ายตลอด สำหรับมารุฯ ถือว่า โอเคเลย
เพราะถูกใจ ร่นระยะเวลาได้พอสมควรเลยค่ะ

จุดสำคัญอยู่ตรงที่คุณมารุจังบอกมา ก็คือถ้า BRT ไปเร็วกว่า
คนก็จะตัดสินใจใช้รถส่วนตัวน้อยลง ทำให้การจราจรโดยรวม
ดีขึ้นทั้งหมดไปด้วยครับ

มีตัวเลขที่น่าตกใจในความรู้สึกของผมคือข้อมูลรถเก๋งส่วนบุคคล
ของประเทศไทยที่ 40% ของทั้งหมดกระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ
ซึ่งถ้าเราดูแผนที่จะเห็นว่ากรุงเทพฯ เป็นแค่จุดๆ เดียวในแผนที่
แต่ต้องรองรับปริมาณรถเกือบครึ่งประเทศ

ทางเดียวที่จะทำให้รถติดน้อยลงคือทำให้คนลดการใช้รถส่วนตัว
ไม่ใช่อำนวยความสะดวกในการใช้รถยนต์ส่วนตัวเช่นสร้างทางด่วน
ที่ไม่ว่าจะสร้างเท่าไหร่ก็ไม่มีทางรองรับปริมาณรถได้เพียงพอครับ


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 25-09-2008, 14:16
เรื่องป้ายแท๊กซี่อัจฉริยะที่ส่วนมากพวกแท๊กซี่ไม่ค่อยจอดกัน ผมว่าเป็นเพราะตำแหน่งที่ตั้งมากกว่า
ควรจะไปตั้งแถวๆชานเมืองมากกว่าเพราะรถแท๊กซี่นอกเมืองมีน้อย
คนจะหารถแท๊กซี่ก็ลำบากจึงควรมีจุดที่สะดวกในการเรียกรถ

คือถ้าในเมืองที่มีแท๊กซี่มากๆอยู่แล้ว คนเรียกรถก็ไม่รู้ว่าจะไปหาป้ายแท๊กซี่เพื่อรอเรียกรถทำไม
ทุกวันนี้แค่ส่งสายตาไปมันยังแย่งปาดหน้ากันเข้ามารับผู้โดยสาร

แต่ส่วนมากนะจะเห็นพวกแท๊กซี่จอดกันมากที่สุดก็ตรงแถวๆ หน้าอาบอบนวด  คาเฟ่ บางทีจอดซ้อนกันถึงสองเลน

ปัญหาจึงไม่ใช่ป้ายรถแท๊กซี่แต่เป็นที่ตัวคนขับแท๊กซี่กับผู้โดยสารนั่นเอง แต่ถ้ามองในอนาคตที่น้ำมันแพงขึ้น ก๊าซ แพงขึ้น จนทำให้คนขับแท๊กซี่ไม่คุ้มค่า
กับการตระเวณหาลูกค้าแล้วละก็ ป้ายแท๊กซี่ก็จะเป็นแหล่งสิงสถิตของเหล่าบรรดารถแท๊กซี่เอง

ปัญหาจริงๆ คือ ไม่มีกฎหมายออกมาบังคับ น่ะครับ เนื่องจากโครงการไม่ได้รับ
การสนับสนุนจากสภากรุงเทพฯ มากเท่าที่ควร ( และผมเชื่อว่าเป็นปัญหาการเมือง
โดยที่ประมาณครึ่งหนึ่งของ ส.ก. อยู่คนละพรรคกับผู้ว่าฯ )

เรื่องก็เลยกลายเป็นว่า คนขับแท็กซี่อยากจอดที่ไหนก็จอด และผู้โดยสารเอง
อยากเรียกที่ไหนก็เรียก เรื่องนี้สมัยก่อนก็เคยเป็นกับรถเมล์ จนกระทั่งต่อมา
มีกฎหมายบังคับไม่ให้รถเมล์รับส่งผู้โดยสารนอกป้ายอย่างในปัจจุบันนี้ครับ
ซึ่งก็ยังมีการฝ่าฝืนเล็กๆ แต่ก็ไม่ถึงขนาดจอดรับส่งตามใจชอบแบบแต่ก่อน  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: sanskritshower ที่ 25-09-2008, 14:18
เอาข้อเท็จจริงมาแฉ...เชื่อหรือไม่เชื่อโปรดตรองดู :slime_doubt:





"การทุจริตใน กรุงเทพมหานคร ยุค ผู้ว่าอภิรักษ์



การกล่าวหาว่ามีการทุจริตใน กรุงเทพมหานคร ในช่วงที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพ ผู้ว่าอภิรักษ์ โกษะโยธิน
เริ่มในวันที่ 19 มกราคม 2549กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ออกหมายเรียก เจ้าหน้าที่ กทม. 4 คน ไปให้การ
คดีทุจริต ฮั้วประมูล โครงการต่างๆ ใน กทม. 16 โครงการ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท
โดยหนึ่งในผู้ที่ถูกกล่าวหาคือ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าราชการ กทม. ฝ่ายโยธาฯ

โครงการทั้ง 16 โครงการ ที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ สอบพบว่ามีการทุจริตคือ

โครงการก่อสร้างทางลอด ถนนจรัญสนิทวงศ์-ถนนบรมราชชนนี มี บมจ. ช.การช่าง ประมูลได้ในราคา 1,020,000,000
บาท
โครงการก่อสร้างทางลอด ถนนจรัญสนิทวงศ์-ถนนพรานนก มี หจก.นภาก่อสร้าง ประมูลได้ในราคา 969,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างทางลอด ถนนตากสิน-ถนนรัชดาภิเษก มี หจก.พรหมวิวัฒน์ ประมูลได้ในราคา 1,156,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างทางยกระดับ ถนนสุวินทวงศ์ มี บมจ. ช.การช่าง ประมูลได้ในราคา 1,336,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างปรับปรุง ถนนศรีนครินทร์จากบริเวณแยกถนนพัฒนาการ-ถนนสุขุมวิท 103
และโครงการก่อสร้างทางลอด ถนนศรีนครินทร์กับถนนสุขุมวิท 103 (อุดมสุข) มี บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง
แอนด์ คอนสตรัคชั่น ประมูลได้ในราคา 1,979,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างถนนกรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า จากถนนศรีนครินทร์-ถนนร่วมเกล้า ช่วงที่ 1 และ 1/1 มี
บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ประมูลได้ในราคา 2,288,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างถนนกรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า จากถนนศรีนครินทร์-ถนนร่วมเกล้า ช่วงที่ 2 3 และ 3/1 มี บจก.
ซิโน-ไทย ประมูลได้ในราคา 2,172,100,000 บาท
โครงการก่อสร้างถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 ช่วงจากถนนจรัญสนิทวงศ์-ถนนกาญจนาภิเษก มี บจก.อิตาเลียนไทย
ดีเวลล็อปเมนท์ ประมูลได้ในราคา 4,108,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างถนนพหลโยธิน-ถนนรัตนโกสินทร์สมโภชน์ มี บจก.กรุงธนเอ็นจิเนียริ่ง ประมูลได้ในราคา
1,044,750,768.64 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างต่อขยายแนว ถนนพัฒนาการไปสวนหลวง ร.9 จาก ถนนสุขุมวิท 77-ถนนสุขุมวิท 103 มี บมจ.ซีฟโก้
ประมูลได้ในราคา 365,777,250 บาท
โครงการก่อสร้างถนนหทัยราษฎร์ (สุวินทวงศ์-สายไหม) โดยมีราคาเริ่มต้นในการประมูล 1,275,633,235 บาท
โครงการก่อสร้างสะพานข้ามทางแยกถนนรามคำแหง-ถนนวงแหวนตะวันออก ราคาเริ่มต้นในการประมูล 440,000,000 บาท

โครงการก่อสร้างทางต่างระดับถนนพัฒนาการ-ถนนอ่อนนุช ราคาเริ่มต้นในการประมูล 975,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างถนนสะแกงาม ช่วงจากถนนพระราม 2-ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล ราคาเริ่มต้นในการประมูล
222,402,845 บาท
โครงการก่อสร้างถนนพุทธมณฑลสาย 1 ช่วงจากถนนเพชรเกษม-สุดเขต กทม. ราคาเริ่มต้นในการประมูล 915,776,640
บาท
โครงการก่อสร้างทางลอดถนนศรีอยุธยา-ถนนพระรามที่ 6 ราคาเริ่มต้นในการประมูล 685,107,575 บาท
ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2534 การจัดซื้อจัดจ้างที่วงเงินเกิน 50 ล้านบาท
จะต้องได้รับการอนุมัติหรือลงนาม โดยหัวหน้าส่วนราชการ ซึ่งในกรณีของกรุงเทพมหานคร คือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร"

มีการกล่าวหาเยอะแยะเลยครับว่ามีโครงการอะไรบ้าง  

ว่าแต่มีรายละเอียดมั้ยครับว่าแต่ละโครงการโกงกันยังไง  แล้วมีโครงการไหนเรื่องถึงศาลบ้างครับ

โดยส่วนตัวเห็นว่าไม่ว่าใคร  ถ้าทำผิดต้องว่ากันตามกฎหมาย  ไม่ใช่หนีคดีครับ


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 14:58
มีการกล่าวหาเยอะแยะเลยครับว่ามีโครงการอะไรบ้าง  

ว่าแต่มีรายละเอียดมั้ยครับว่าแต่ละโครงการโกงกันยังไง  แล้วมีโครงการไหนเรื่องถึงศาลบ้างครับ

โดยส่วนตัวเห็นว่าไม่ว่าใคร  ถ้าทำผิดต้องว่ากันตามกฎหมาย  ไม่ใช่หนีคดีครับ



ก็ถ้า คตส. ยึดตามกฏหมายและหลักการอย่างเคร่งครัดจริง...ก็คงไม่มีการปล่อยผีให้คนเปิด LC หลุดไปหน้าตาเฉยใช่หรือไม่?  :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: Matahari ที่ 25-09-2008, 15:04
อ้างถึง
ก็ถ้า คตส. ยึดตามกฏหมายและหลักการอย่างเคร่งครัดจริง...ก็คงไม่มีการปล่อยผีให้คนเปิด LC หลุดไปหน้าตาเฉยใช่หรือไม่? 


   นั้นซิ มันก็คิดได้เหมือนกันวะ แล้วใครละ พวกแก เสือกทำหนังสือต้องเปิด LC ไม่นั้น รัฐเสียหาย ก็เขาเพิ่งเข้ามาแล้วมีเรืองเปิด LC 5555555555คนมันก็เลยคิดได้ 2 ทางว่า เวลากระชั้นชิด ต้องเปิด โดยไม่มีเวลาไตร่ตรองที่หมักพ่อแกมันทำสัญญา วะ แล้วพวกแกก็ออกหนังสือยืนยันต้องทำ 55555555555 จะผิดหรือถูกมันก็คิดได้ 2 ทางวะ  จริงมารโง่ ที่หมักหอนว่า ไม่เปิด LC ก็จบ แล้วทำสัญญาทำไม เซ็นให้เมื่อยทำไม  ไม่ผลแล้วทำทำไม5555555555555


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 25-09-2008, 15:11

ก็ถ้า คตส. ยึดตามกฏหมายและหลักการอย่างเคร่งครัดจริง...ก็คงไม่มีการปล่อยผีให้คนเปิด LC หลุดไปหน้าตาเฉยใช่หรือไม่?  :slime_doubt:

ใช่เลย แล้วตรงไหนล่ะที่ คตส. จะต้องยึดตามกฏหมายและหลักการอย่างเคร่งครัดจริง ลองยกตัวอย่างมาหน่อยสิ


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: samepong(ยุ่งแฮะ) ที่ 25-09-2008, 15:12
lc นี่ไม่อยากอธิบายเลย

เพราะมันอธิบายไปคงไม่ฟัง

คุณอภิรักษ์ทำหนังสือท้วงติงไปสองครั้ง แต่ทั่นพี่ รมต.ยืนยันให้เปิด ถามว่า คุณอภิรักษืท้วงติงแล้วหรือยัง คำตอบคือท้วงติงแล้ว

ถามว่าทำไม รมต.ถึงไม่ฟังแล้วยืนย้ำซ้ำซากถึงกับขู่คุณอภิรักษ์ว่า ถ้าไม่เปิด ความสัมพันธ์ของ2ประเทศ จะแย่แล้วคุณ อภิรักษืจะทำยังไง เปิด ก็มาหว่าเปิดทำไม ถ้าไม่เปิด ก็ถูกด่าว่าเป้นตัวการทำให้สองประเทศมีปัญหา

คำถาม แล้ว Tle ไม่ยักจะออกมาแสดงความเห็นว่า ทำไม รมต.ถึง ได้ย้ำหนักย้ำหนา สุดท้ายใช้การเมืองระหว่างประเทศมาขู่คุณ อภิรักษ์ รมต.ควรรับผิดชอบมากกว่าไหม แล้วคุณอภิรักษื ผิดที่เปิด LC แล้วสองประเทศไม่หมางใจกันตามที่ เค้าขู่ หรือไม่เปิด เพื่อให้สองประเทศทะเลาะกันตามคำขู่ สุดท้ายทางเลือกไหน คนอย่าง TLE ก็ด่าอยู่ดี ใช่ไหม พี่น้องชาวเสรีไทย


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 15:13


   นั้นซิ มันก็คิดได้เหมือนกันวะ แล้วใครละ พวกแก เสือกทำหนังสือต้องเปิด LC ไม่นั้น รัฐเสียหาย ก็เขาเพิ่งเข้ามาแล้วมีเรืองเปิด LC 5555555555คนมันก็เลยคิดได้ 2 ทางว่า เวลากระชั้นชิด ต้องเปิด โดยไม่มีเวลาไตร่ตรองที่หมักพ่อแกมันทำสัญญา วะ แล้วพวกแกก็ออกหนังสือยืนยันต้องทำ 55555555555 จะผิดหรือถูกมันก็คิดได้ 2 ทางวะ  จริงมารโง่ ที่หมักหอนว่า ไม่เปิด LC ก็จบ แล้วทำสัญญาทำไม เซ็นให้เมื่อยทำไม  ไม่ผลแล้วทำทำไม5555555555555


"หล่อเล็ก เขี้ยวลากดิน แหกตาประชาชน?
 :slime_smile2:


จาก คอลัมน์ ฮ็อตสกู๊ป
14 มีนาคม 2551

จากข่าวเด่นประเด็นร้อนกรณี นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประกาศยุติการทำหน้าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หลังจาก คตส.มีมติชี้มูลความผิด กรณีมีส่วนเกี่ยวข้องการทุจริตรถและเรือดับเพลิงของกทม.

โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบของ คตส.เป็นไปอย่างโปร่งใส และปราศจากการแทรกแซง พร้อมทั้งมีหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ว่าเป็นการแสดงบรรทัดฐานของนักการเมือง และเป็นจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ แถมท้ายด้วยคำชมจากปากประธาน คตส.นายนาม ยิ้มแย้ม (ผู้ตั้งข้อกล่าวหาแก่ตัว)ว่า ไม่จำเป็นต้องยุติหน้าที่ก็ได้ เพราะเพียงแค่ถูกกล่าวหา แต่เป็นเรื่องดีที่สร้างบรรทัดฐานทางการเมือง

หากมองอย่างผิวเผิน ดูเหมือนว่า นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ โชว์สปิริตทางการเมือง ว่าพวกตนเป็นพรรคการเมือง และนักการเมืองชั้นดี แฝงนัยยะกระทบชิ่งนักการเมืองผู้อื่น ที่ คตส.กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ในเวลานี้

แต่ การประกาศยุติบทบาทผู้ว่า กทม.เป็นการแสดงสปิริต ความเป็นคนดี มีจริยธรรมทางการเมืองที่สูงส่งกว่าคนอื่นจริงหรือ?

หรือกำลังใช้ยุทธวิธี ลับ ลวง พราง อ้างความใสซื่อมือสะอาด มาแหกตาพี่น้องประชาชน และโจมตีรัฐบาลกันแน่?

การแหกตาที่ว่า เกิดจากการพูดความจริงไม่หมดใช่หรือไม่?

ควรทำความเข้าใจกันก่อนว่า การยุติบทบาทของท่านหล่อเล็ก ไม่ใช่เรื่องการแสดงสปิริตแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องที่มีข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวพัน ท่านหล่อเล็กถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด ขณะดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่ากทม. เป็นข้อกล่าวหาที่ผูกพันอยู่กับหน้าที่ความรับผิดชอบ และองค์กรที่ตนเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องยุติบทบาทการทำงาน

แล้วท่านหล่อเล็ก ยุติบทบาทเพื่อให้กระบวนการตรวจสอบของ คตส.เป็นไปอย่างโปร่งใส และปราศจากการแทรกแซงจริงหรือ?

คำตอบตามความจริงที่ปรากฎคือ ไม่

เพราะหากไม่หลับหูหลับตาเชียร์ “สปิริต” กันมากไปนัก จะเห็นได้ว่า ยังคงมีคนของท่านหล่อเล็ก และท่านหล่อใหญ่แห่งพรรคฝ่ายแค้น นั่งบริหารงานระดับสูงใน กทม.เช่นเดิม ทั้งยังมีปลัดฯที่เป็นคนเดิมอีก

อย่าลืมว่า โครงสร้าง และอำนาจหน้าที่ของการบริหารงานของผู้ว่า กทม.ก็คือ สามารถแต่งตั้งคณะทำงาน ทั้งรองผู้ว่า และคณะทำงานต่างๆ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปอย่างเปิดเผยว่า มีทั้งสมาชิกและคนของพรรคประชาธิปัตย์เกือบทั้งหมด

การเปลี่ยนหน้าฉากแค่ หน้าตาของคน แต่พื้นฐานและระบบ เส้นสายคงเดิม เป็นการแสดงสปิริตตรงไหนไม่ทราบ?

หากต้องการความโปร่งใสจริง ต้องตัดองคาพยพทิ้งทั้งหมด ไม่ใช่คงไว้เป็นพวงแบบนี้

ดังนั้นควรหยุดแหกตาประชาชนว่า “โชว์สปิริต เพื่อสร้างความโปร่งใส” เสียที ประชาชนเขาไม่ได้กินหญ้า !

และด้วยความเคารพ โปรดอย่าลืมว่า ท่าทีของคณะผู้บริหารกทม.รวมทั้งหล่อเล็ก ในอดีต ระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ กับประชาชน ผู้ต่อสู้คัดค้านเผด็จการ คมช. จากการขอใช้สนามหลวงเพื่อจัดการชุมนุม

สำหรับพันธมิตรเพื่อการรัฐประหาร ท่านบริการอย่างเต็มที่ ทั้งรถสุขา ทั้งการอำนวยความสะดวกต่างๆ

สำหรับการชุมนุมของประชาชนผู้คัดค้านเผด็จการ คมช.กลับถูกขัดขวาง นำเจ้าหน้าที่เทศกิจ สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาล้อมประชาชนที่ชุมนุมบ้าง ให้ข่าวเป็นทางลบกับกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นระยะ

เป็นพฤติกรรมเลือกข้างและเลือกปฎิบัติ ราวฟ้ากับเหว

การสนับสนุนและบริการการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรเพื่อการรัฐประหาร สอดคล้องกับท่าที จุดยืนของท่านหล่อใหญ่ ผู้นำพรรคในการชูมาตรา 7 ในขณะนั้นเป็นอย่างยิ่ง

ซึ่งไม่รู้ว่า การโชว์สปิริตยุติบทบาทในเวลานี้ จะสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ปัจจุบันอีกหรือไม่?

ว่ากันว่า กระบวนยุทธ์ สร้างภาพโชว์สปิริต นอกจากหวังผลทางการเมืองเตะตัดขารัฐบาลแล้ว ยังได้ของแถมที่สำคัญมาอีกเรื่องหนึ่ง เพราะ ตำแหน่งผู้ว่า กทม.นั้น อีกไม่กี่เดือน ก็หมดวาระแล้วต้องมีการเลือกตั้งใหม่

การยุติบทบาทการทำหน้าที่ผู้ว่า กทม. นอกจากเป็นการสร้างภาพว่า “มีสปิริต”แล้ว ยังมีเวลาไปเดินสายหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วยใช่หรือไม่?

คงไม่มีใครรู้ดีเท่ากับ หล่อเล็ก และ หล่อใหญ่เขี้ยวลากดิน ที่กำลังเล่นปาหี่ แหกตาประชาชนอยู่ในเวลานี้"[/color]


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 15:15
"หล่อเล็กงานเข้าเต็มๆ ถูกขวัญแก้วฟ้องศาล เซ็นรับรองเกินค.จริง อนุมัติสร้างตึกสูงเกิน     
Wednesday, 17 September 2008 


“หล่อเล็ก-ผอ.เขตปทุมวัน” งานเข้า โดน “ขวัญแก้ว” รองเลขาฯพระราชวัง กับผู้พักอาศัยซอยร่วมฤดี รวม 24 คนฟ้อง ฐานออกเอกสารรับรองความกว้างถนนร่วมฤดี เกินกว่าความจริง-ปล่อยให้ก่อสร้างอาคารสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด เจอร้องศาลปกครองสั่งระงับก่อสร้าง รื้อถอน


วันที่ 17 ก.ย. 2551 เวลา 10.00 น. ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ นายเฉลิมพงษ์ กลับดี หัวหน้าศูนย์ทนายความอาสา มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายขวัญแก้ว วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง, นพ.สงคราม ทรัพย์เจริญ แพทย์หลวงประจำพระองค์ และอาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, พ.ท.ธีระ จริยะเวช ผู้จัดการอาคารชุดลาเมซองร่วมฤดี และประชาชนที่อยู่อาศัยในซอยร่วมฤดี รวม 24 คน ยื่นฟ้องนายสุรเกียรติ์ ลิ้มเจริญ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ตามลำดับ เรื่องละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยล่าช้าและไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีที่ออกเอกสารรับรองความกว้างของถนนซอยร่วมฤดี เกินกว่าความเป็นจริง และปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคารสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด
 
ตามคำฟ้องระบุว่า เมื่อเดือนก.ย. 2548 บริษัท ลาภประทาน จำกัด แจ้งความประสงค์จะก่อสร้างอาคารสูง 18 ชั้น เพื่อใช้เป็นอาคารพาณิชย์และพักอาศัย และขอให้สำนักงานเขตปทุมวัน ตรวจสอบความกว้างของซอยร่วมฤดี ซึ่งปรากฏว่า เขตถนนมีความกว้าง 10 เมตร ผิวจราจรกว้าง 7.50 เมตร แล้วต่อมา บริษัทลาภประทานฯ ได้ยื่นหนังสือแจ้งความประสงค์สร้างอาคารบริเวณ ซอยร่วมฤดี แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน ต่อสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร โดยใช้หนังสือรับรองสำนักงานเขตปทุมวันเกี่ยวกับความกว้างถนนในซอยร่วมฤดี แต่ไม่ได้ยื่นคำขอรับอนุญาต ตามมาตรา 39 พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และเมื่อเดือนพ.ย. 2548 บริษัท ทับทิมทร จำกัด ได้ยื่นหนังสือต่อสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร เพื่อประสงค์ก่อสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 24 ชั้น เพื่อใช้เป็นโรงแรม 76 ห้อง โดยไม่ได้ยื่นคำขอรับอนุญาตเช่นเดียวกัน แต่ใช้เพียงเอกสารรับรองเขต ซอยร่วมฤดี ที่ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ออกให้ บริษัทลาภประทานฯเท่านั้น โดยผู้ถูกฟ้องที่ 2 ก็ได้ออกใบรับรองหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้างอาคารโดยไม่ยื่นคำขอรับใบอนุญาต ให้กับบริษัทลาภประทานฯ และบริษัททับทิมทรฯ
 
ต่อมาเดือนในเดือนก.พ. 2549 มีผู้ร้องเรียนว่า ซอยร่วมฤดี กว้างไม่ถึง 10 เมตรจึงขัดต่อกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 พ.ศ.2535 ที่ออกตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ สำนักการโยธา จึงขอให้สำนักงานเขตปทุมวัน ตรวจสอบความกว้างของซอยและให้ดำเนินการรังวัดตรวจสอบซอยจากตำแหน่งที่ก่อสร้างไปจนถึงถนนเพลินจิต และถนนวิทยุ โดยประธานกรรมการอาคารชุดลาเมซองร่วมฤดี ผู้ฟ้องที่ 1 มีหนังสือร้องเรียน กรุงเทพมหานครและสำนักงานเขตปทุมวันเมื่อเดือนมี.ค.2549 ให้วัดตรวจสอบ ซอยร่วมฤดี ซึ่งผลปรากฏว่า ซอยร่วมฤดี วัดเขตทางได้ 7.80-10.4. เมตร ส่วนผิวจราจรกว้าง 6.10-6.30 เมตร ส่วนซอยร่วมฤดี 2 วัดเขตทางได้ 6.35-7.10 เมตร ส่วนผิวจราจรกว้าง 6.35-7.10 เมตร ไม่มีทางเท้า ซึ่งข้อมูลดังกล่าวขัดกับหนังสือรับรองของสำนักงานเขตปทุมวันลงวันที่ 8 ก.ย. 2548 ที่ระบุว่าตรวจสอบความกว้างซอยแล้วมีความกว้าง 10 เมตรและผิวจราจรกว้าง 7.50 เมตร อันเป็นการรับรองความกว้างถนนเกินกว่าความเป็นจริง โดยเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2549 สำนักการโยธาได้มีหนังสือแจ้งผู้ถูกฟ้องที่ 1 ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ ด้วยการระงับการก่อสร้างหรือรื้อถอน แต่ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ละเลยต่อหน้าที่ ไม่ยอมปฏิบัติตามที่สำนักการโยธา ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจอนุญาตการก่อสร้างอาคารสูงให้ปฏิบัติ จึงเป็นเหตุให้บริษัททั้งสองก่อสร้างต่อไป โดยบริษัททั้งสองยื่นคำร้องทักท้วงการก่อสร้างสำนักการโยธาต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ แต่ต่อมาคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีมติไม่รับพิจารณา ซึ่งหลังจากที่ผู้ถูกฟ้องที่ 2 รับทราบมติคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์แล้ว กลับไม่ดำเนินการให้ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ดำเนินการระงับการก่อสร้างหรือรื้อถอน จึงเป็นการละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
 
ผู้ฟ้องจึงขอให้ศาลปกครองออกไปเผชิญสืบตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องทั้งสองในเรื่องข้อยุติเขตทางซอยร่วมฤดี และขอให้มีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องทั้งสอง สั่งระงับหรือรื้อถอนการก่อสร้างในส่วนที่ผิดกฎหมายทั้งหมดภายในเวลาที่ศาล ปกครองกำหนด ทั้งนี้ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำหมายเลข 1475/2551 เพื่อพิจารณาและมีคำสั่งต่อไป

ขณะที่นายเฉลิมพงษ์ กลับดี ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายขวัญแก้ว วัชโรทัย กล่าวว่า การที่กรุงเทพมหานครอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารสูงและมีขนาดใหญ่ บนถนนที่มีความกว้างไม่ถึง 10 เมตร เป็นการขัดกับกระทรวง ฉบับที่ 33 พ.ศ.2535 ที่ออกตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ซึ่งมีเจตนารมณ์เพื่อประโยชน์เกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย ป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และอำนวยความสะดวกแก่การจราจรจึงต้องออกกฎกระทรวงกำหนดความกว้างเขตทาง สำหรับก่อสร้างอาคารสูงดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่ทราบความจริง ประชาชนที่พักอาศัยในซอยร่วมฤดี ได้ทำเรื่องร้องเรียนไปที่กรุงเทพมหานครตั้งแต่มี.ค. 2549 มาหลายครั้ง แต่กระบวนการชี้แจงหรือแก้ไขปัญหาจากกรุงเทพมหานครก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า ไม่มีความคืบหน้าและยังปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคารสูงเกินกว่าที่กฎหมาย กำหนดต่อไปเป็นเวลานานถึง 2 ปีครึ่ง ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของชุมชนในซอยร่วมฤดี และกระทบต่อสาธารณะประโยชน์ของประชาชนที่ต้องเสี่ยงภัยอันตรายทั้งด้านอัคคีภัย และการจราจรที่แออัดจนทำให้ประชาชนเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
 
ด้านนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ยอมรับว่าที่ผ่านมามีการร้องเรียนจริง และขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการเขตปทุมวันดำเนินการตรวจสอบ แต่ขณะนี้เมื่อมีการฟ้องร้องเป็นคดีแล้ว ต้องปล่อยให้มีการตรวจสอบตามกระบวนการต่อไป
 
ขณะที่นายสุรเกียรติ ลิ้มเจริญ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับความกว้างของซอย ซึ่งตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 กำหนดว่าซอยที่มีความกว้างไม่เกิน 10 เมตร ไม่สามารถสร้างอาคารสูงเกิน 23 เมตร ได้
 
"แต่หลักฐานจากแผนที่ระวางที่เขตมีระบุว่า ความกว้างของซอยมีขนาด 10 เมตร แต่เมื่อไปวัดจริงพบว่าบางช่วงของซอยมีขนาดไม่ถึง 10 เมตร จึงมีการยันกันไปมาระหว่างผู้ร้องและผู้สร้างอาคาร ขณะที่กทม.ในฐานะคนกลางก็ต้องยึดตามหลักฐานที่มีอยู่ก่อน และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ว่าบางช่วงที่กว้างไม่ถึง 10 เมตร นั้น เป็นเพราะว่ามีการรุกล้ำหรือไม่"นายสุรเกียรติกล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม เขตได้ส่งเรื่องให้กรมที่ดินทำการตรวจสอบว่าซอยมีความกว้างเท่าใด และเพื่อให้ออกเป็นหนังสือสำคัญยืนยันชัดเจน เพื่อจะได้เป็นหลักฐานหาข้อยุติปัญหาดังกล่าว และเมื่อมีการฟ้องร้องไปที่ศาลปกครอง ก็เป็นเรื่องที่ดี จะได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหมด"



ขออำไพ...ตอนนี้ไม่ว่างตอบโต้เพราะกำลังวุ่นวายค้นคว้าทำวิทยานิพนธ์เรื่อง 'เชือดหล่อเล็กกลางเว๊บ' อยู่ :slime_whistle:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 25-09-2008, 15:17
ไม่เอาดีกว่าคุณเอก ไอ้พวกบทความของคุณน่ะ ไม่มีที่มาที่ไป เชื่อถือไม่ได้หรอก คุณยิ่งชอบแก้ไข เอาอีกนิดนะ คตส.น่ะ


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: Matahari ที่ 25-09-2008, 15:25
อ้างถึง
"หล่อเล็ก เขี้ยวลากดิน แหกตาประชาชน?

   นั่นซิ เขี้ยวลากดิน แต่ไหงกินไม่ได้สักโครงการ แพ้เหลียมพ่อแกวะกินทุกโครง แสน แสนล้าน ใช่มะ แพ้เหลียมราบคาบไม่เหลืออะไรเลย ก็เลยยังไม่โดนประนามว่าคนโกงปล้นประเทศแบบเหลียม่มะ


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: Limmy ที่ 25-09-2008, 15:26
สงสัยว่าไอ้ที่โดนเชือดไปกลางศาลวันนี้มันไม่ค่อยหล่อกระมังครับ

เลยไม่มีใครทำวิทยานิพนธ์ให้  :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 15:27
ไม่เอาดีกว่าคุณเอก ไอ้พวกบทความของคุณน่ะ ไม่มีที่มาที่ไป เชื่อถือไม่ได้หรอก คุณยิ่งชอบแก้ไข เอาอีกนิดนะ คตส.น่ะ


อย่ามากินแรงเอกซิเอ๊ะ...แค่เอกเอาทรัพย์สินทางปัญญามาโพสต์ให้อ่านฟรีๆนี่ก็ถือว่าบุญแล้วน๊ะ น้องๆในเว๊บที่เป็นโรคสมองฝ่อต่อมจริยธรรมอักเสบจะได้มีอาการกระเตื้องขึ้นมาบ้าง

นี่เอกผิดอีกแล้วซิน๊ะ!?! :slime_whistle:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 25-09-2008, 15:29

อย่ามากินแรงเอกซิเอ๊ะ...แค่เอกเอาทรัพย์สินทางปัญญามาโพสต์ให้อ่านฟรีๆนี่ก็ถือว่าบุญแล้วน๊ะ น้องๆในเว๊บที่เป็นโรคสมองฝ่อต่อมจริยธรรมอักเสบจะได้มีอาการกระเตื้องขึ้นมาบ้าง

นี่เอกผิดอีกแล้วซิน๊ะ!?! :slime_whistle:

555 ไม่มีก็บอก ไม่กล้าเอาความจริงมาก็บอก 555 รอสักครู่ เดี๋ยวจาจัดให้นะ 555  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 15:32
   นั่นซิ เขี้ยวลากดิน แต่ไหงกินไม่ได้สักโครงการ แพ้เหลียมพ่อแกวะกินทุกโครง แสน แสนล้าน ใช่มะ แพ้เหลียมราบคาบไม่เหลืออะไรเลย ก็เลยยังไม่โดนประนามว่าคนโกงปล้นประเทศแบบเหลียม่มะ



"รายงาน : หักปากกา ‘หล่อเล็ก’ กทม. เมินปฏิญญา ‘ป้อมมหากาฬ’ เตรียมไล่รื้อชุมชนอีกครั้ง  
 


ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง

 

เสียดายที่เวลาย้อนกลับไปไปในวันที่ 7 ธันวาคม 2548 ไม่ได้ จึงไม่ได้เห็นภาพลักษณ์ของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหนุ่มที่มีบุคลิกของคนมีวิสัยทัศน์ยาวไกลจาก ‘พรรคประชาธิปัตย์’ ที่ดูเป็นที่ยอมรับของ ‘ชุมชนป้อมมหากาฬ’ อย่างมากในวันนั้นกันอีกแล้ว เป็นภาพของผู้บริหารที่มีเหตุผล รู้จักรับฟังปัญหาและข้อเสนอของชาวบ้านรวมไปถึงการรู้จักนำองค์ความรู้ทางวิชาการมาเป็นประโยชน์ในการดำเนินนโยบายจนสามารถเข้าไปจัดการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านใน ‘ชุมชนป้อมมหากาฬ’ กับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ด้วยเวลาไม่นานทั้งที่ปัญหานี้ยืดเยื้อมากว่า 13 ปี เพราะการบังคับใช้คำสั่งพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน พ.ศ. 2535 ให้เวนคืนที่บริเวณรอบๆป้อมมหากาฬมาทำเป็น ‘สวนสาธารณะ’

 

 

ใต้เงาต้นไทรอันเก่าแก่ หน้าบ้านโบราณร่วมร้อยปี หลังกำแพงพ่อปู่ป้อมปราการของเมืองหลวงที่สถิตย์สถานกว่า 200 ปี และท่ามกลางสายตาสาธารณะนับร้อยคู่เป็นพยาน กลางลานเอนกประสงค์ 7 ธันวาคม 2548 นายอภิรักษ์ จรดปากกาลงนามอย่างเป็นทางการในปฏิญญาร่วมกับนายธวัชชัย วรมหาคุณ ตัวแทนชุมชนป้อมมหากาฬ และนายวิวัฒน์ชัย อัตถากร อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากรในขณะนั้น เพื่อยืนยันการร่วมกันสร้างโครงการ ‘ชุมชนบ้านไม้โบราณป้อมมหากาฬ’

 

 



 

“ในอดีตกรุงเทพมหานครมีแนวคิดเรื่องการสร้างพื้นที่สีเขียว โดยหวังให้คนเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมีการใช้กฎหมายในการจัดการพื้นที่ทำให้มีปัญหากับชุมชนในเรื่องการไล่รื้อเพื่อเวนคืนที่มาทำสวนสาธารณะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมือง แต่ถ้า กทม.ยังยึดหลักการที่จะเดินตามกรอบกฎหมายดังกล่าวเพียงอย่างเดียวจะทำให้ไม่มีทางออกในการแก้ปัญหาและเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์ในการพัฒนาอย่างยั่งยืนแท้จริง จึงหันมามองการพัฒนาที่มีชุมชนเป็นแกน” นี่คือคำกล่าว ของนายอภิรักษ์ ผู้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในวันนั้น

 

เขาพูดต่อไปอีกว่า ชุมชนป้อมมหากาฬต่อสู้เพื่อยืนกรานในสิทธิที่อยู่อาศัยมากว่า 13 ปี ในระหว่างนั้นทำให้ชุมชนเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งขึ้น อีกทั้งเดิมทีมีความผูกพันกับพื้นที่และรู้จักประวัติศาสตร์ของชุมชน จากการศึกษาของมหาวิทยาลับศิลปากร ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์และมีความเชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม พบว่า ชุมชนป้อมมหากาฬมีจุดเด่นในเรื่องประวัติศาสตร์ของพื้นที่ โดยเฉพาะการสร้างบ้านด้วยไม้ติดต่อกันมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นที่เดียวที่เหลือในกรุงเทพฯ อีกทั้งชุมชุมชนยังเด่นทางวัฒนธรรมดั้งเดิมเช่น การเป็นพื้นที่กำเนิดของลิเกที่เรียกว่า ‘ลิเกพระยาเพชร’ ทางมหาวิทยาลัยศิลปากรจึงเสนอแนวทางจัดการออกมาเป็น ‘โครงการชุมชนบ้านไม้โบราณป้อมมหากาฬ’ ซึ่ง ทาง กทม.เห็นว่าการพัฒนาแบบนำวิถีชีวิตชุมชนมามีส่วนร่วมเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน จึงมาลงนามในปฏิญญาเพื่อร่วมมือกัน

 

แต่แล้วเวลาไม่ทันจะผ่านล่วง 3 ปีไปให้เต็มขวบ กทม. ชุดที่มีนายอภิรักษ์ เป็นผู้ว่าฯ ก็กลับมาอิหรอบเดิมที่พูดจากับประชาชนด้วย ‘กฎหมาย’ และ ‘ไม่มีชุมชนเป็นแกน’

 

วันที่ 3 เมษายน 2551 ทาง กทม. มีท่าทีชัดเจนออกมาผ่าน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าฯว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความออกมาแล้ว กทม.ไม่สามารถที่เวนคืนที่ดินเพื่อนำไปสร้างโครงการพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตได้ (แนวทางการจัดการพื้นที่ที่ร่วมกันคิดออกมาหลังปฏิญญา 7 ธ.ค. 48) จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักการโยธา (สนย.) สำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) และสำนักพัฒนาสังคม (สพส.) ไปจัดทำแผนแต่ละฝ่าย เช่น สสล. จะต้องนำเสนอรูปแบบในการก่อสร้างสวนสาธารณะ  โดยเฉพาะ สนย. จะต้องจัดทำแผนการรื้อย้ายทั้งหมดให้เสร้จเรียบร้อยก่อน และต้องนำเสนอแผนการรื้อย้ายไม่เกินภายในเดือนเมษายน โครงการดังกล่าวถือเป็นการทำตามเจตนารมณ์เดิมที่จะเวนคืนที่ดินเพื่อทำ ‘สวนสาธารณะ’

 

ทั้งนี้ ทางกทม. จะนำประกาศรื้อย้ายเข้าไปติดในพื้นที่ ชาวชุมชนมีเวลา 30 วัน เพื่อย้ายออกจากพื้นที่ จากนั้น สนย.จะเข้าไปรื้อย้ายทันที โดย กทม.ระบุว่ามีชาวบ้านพร้อมและโอนบ้านมาให้กทม.แล้ว 27 หลังคาเรือน และสนย. จะดำเนินการรื้อย้ายในส่วนนี้ก่อน (ที่มาจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 3 เมษายน)

 

ปัจจุบัน ชุมชนป้อมมหากาฬมีผู้อาศัยอยู่ 212 คน มีบ้านจำนวน 63 หลัง ซึ่งบ้าน 27 หลังที่กทม.ระบุว่ามีการโอนกรรมสิทธิแล้วเป็นบ้านไม้โบราณแทบทั้งสิ้น โดยเจ้าของเดิมเป็นผู้ให้เช่าแต่ไม่ได้อยู่ภายในชุมชนตั้งแต่ดั้งเดิม ในขณะที่ผู้เช่าเป็นคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนมานานและรู้จักกันกับคนอื่นๆเป็นอย่างดี

มีบ้านอีก 13 หลัง เป็นบ้านที่มีกรรมสิทธิชัดเจนและยืนยันว่าจะไม่ย้ายออกจากชุมชุม ในขณะที่มีบ้านจำนวน 5 หลังไม่มีบ้านเลขที่ และอีก 8 หลังยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนเกี่ยวกับกรณีการไล่รื้อครั้งนี้

 

หลังวันที่ 7 ธันวาคม 2548 ชุมชนป้อมมหากาฬได้พยายามปรับตัวอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อแสดงจุดยืนว่าสามารถอยู่อาศัยและทำงานพัมนาพื้นที่ร่วมกันกับ กทม.ได้ เริ่มต้นจากการซ่อมแซมบ้านโดยเฉพาะบ้านไม้โบราณ มีการสร้างกระบวนการฟื้นฟูภูมิปัญญาและทำเป็นศูนย์ข้อมูลในชุมชน เช่น ประวัติศาสตร์ชุมชนในฐานะที่เป็นชุมชนที่มีการตั้งถิ่นฐานแบบชานพระนครริมน้ำแห่งสุดท้ายในกรุงเทพฯ ลิเกในฐานะที่ ‘ลิเกพระยาเพชรปราณี’ เป็นต้นกำเนิดของลิเกในประเทศไทย รวมไปถึงวิถีชีวิตอย่างการทำกรงนกเป็นธุรกิจสำคัญของชุมชน เป็นต้น

 

อีกโครงการหนึ่งที่เป็นรูปธรรมและเป็นการทำงานร่วมกันด้วยดีมาตลอดระหว่าง ชุมชน กรุงเทพมหานครและมหาวิทยาลัยศิลปากร มาตลอดคือแนวคิดในการทำชุมชนป้อมมหากาฬเป็น ‘พิพิธภัณฑ์มีชีวิต’ ซึ่ง การที่ กทม. เลือกนำวิธีการตีความกฎหมายตามตัวบทมาจัดการกับชุมชนอีกครั้ง จึงดูเหมือนเป็นการละทิ้งการทำงานกับชุมชนที่พร้อมทำงานด้วยและเดินจากการวางนโยบายด้วยองค์ความรู้ไปอย่างไม่แยแส

 

ทิศทางของ กทม. ในการไล่รื้อชุมชนดูเหมือนจะชัดเจนมาตั้งแต่เมื่อต้นปี ในเวทีสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทางกทม. เคยกล่าวในเวทีนั้นอย่างสวนทางกับคำพูดของนายอภิรักษ์ เมื่อปี 2548 ว่า ชุมชนป้อมมหากาฬไม่ใช่ชุมชนโบราณ และคนไม่สามารถอยู่ร่วมกับโบราณสถานได้

 

นอกจากนี้ อีกทั้งในแง่กฎหมาย กฤษฎีกาได้ตีความมาแล้วในการให้อำนาจโดยชอบแก่ กทม.ในการสร้างสวนสาธารณะ ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์เก่าแก่ที่มีมาก่อนปี 2535 เสียอีก

 



 

ปลายเดือนมกราคม 2551 ทางชุมชนป้อมมหากาฬจึงได้เชิญคณะกรรมาธิการที่อยู่อาศัยของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่มีนายวิจิตร อยู่สุภาพ เป็นประธาน ลงพื้นที่ชุมชน เมื่อคณะกรรมาธิการชุดลงพื้นที่แล้ว มีเห็นว่า ชุมชนป้อมมหากาฬมีคุณค่าที่ควรรักษา จึงได้เตรียมจัดทำข้อเสนอทางด้านกฎหมายแก่ กทม. เพื่อให้แนวทางการจัดการร่วมเป็นไปได้ ล่าสุดกำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำ

สำหรับผลสะท้อนจากฝั่งชุมชน เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2551 ชาวชุมชนป้อมมหากาฬจัดประชุมกันภายใน นายธวัชชัย วรมหาคุณ ประธานชุมชน กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่มาจากภายนอก “เขากำลังทำลายความเป็นพี่น้อง ความเป็นชุมชน ความเป็นเชื้อสาย แล้วเราจะทำอย่างไรถ้าเราถูกขโมยแผ่นดิน”

 

นายธวัชชัย เล่าให้คนในชุมชนฟังรับรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครเวลานี้ว่า การไล่รื้อชุมชนมีเกิดขึ้นหลายแห่ง ชุมชนย่านวัดกัลยาณมิตรก็กำลังเผชิญปัญหาเดียวกัน บ้าน 17 หลังกำลังถูกไล่รื้อและดำเนินการไปแล้ว 8 หลัง ในขณะที่ชุมชนหวั่งหลี ย่านวัดยานนาวาถูกไล่รื้ออกไปหมดแล้ว ครั้งหนึ่งเขาเคยเจอคนในหวั่งหลีที่รู้จักกันจึงถามเขาว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน เขาร้องไห้แล้วบอกว่า ตอนนี้เช่าบ้านอยู่แถวสุขาภิบาล 3 เมื่อก่อนนี้ตอนยังอยู่ที่หวั่งหลี เขาไปไหนคนก็รู้จักกันทั้งชุมชน แต่บ้านที่สุขาภิบาล 3 ก็เหมือนคุก เพราะไม่รู้จักใคร ตอนกลางวันลูกไปทำงานก็ต้องปิดประตูไว้ให้อยู่แต่ในบ้าน

 

“สำหรับชาวป้อมมหากาฬ เขาเตรียมที่ไว้ให้เป็นแฟลตที่บางบอน แต่เราจะยอมหรือไม่ ” เป็นคำถามที่ นายธวัชชัย โยนลงมาให้คนในชุมชนตอบเพื่อกำหนดจุดยืนและท่าทีที่ชัดเจนร่วมกันในอนาคต และคำตอบที่กลับมาเป็นไปเช่นเดียวกันกับเป้าหมายในตลอด 16 ปีที่ผ่านมา

 

นั่นคือ ‘การอยู่ในที่ดินเดิม’

 



 

ดังนั้น ถ้า กทม. ยืนกรานการจะสร้าง ‘สวนสาธาณะ’ ต่อไป สิ่งที่รออยู่ข้างหน้า คือ ความขัดแย้งระลอกใหม่ที่เริ่มตั้งเค้าอีกครั้ง ในขณะที่ กทม. ยังมีทางเลือกที่สามารถเดินไปกับชุมชนได้ เพราะกฎหมายที่นำมาบังคับใช้ดูเหมือนจะยังไม่ได้พลวัตรไปกับประชาชนในชุมชน แต่เป็นกฎหมายที่ออกมาตั้งแต่ กทม.ยังไม่เคยทำงานร่วมกับชุมชนเลย ซึ่งเหมือนเป็นการนำข้อบังคับเก่าแก่ตั้งแต่ปี 2535 หรือนำข้อบังคับที่เป็นรากเหง้าความขัดแย้งเมื่อ 15 ปีที่แล้วที่ยังไม่ได้แก้ไขมาบังคับใช้

 

หาก กทม. ซึ่งมีผู้ว่ามาจากพรรคประชาธิปัตย์ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเลือกจะเดินไปกับประชาชน ท่าทีที่น่าจะแสดงออกหลังกฤษฎีกาตีความก็ยังสามารถเป็นไปในทางเดียวกันกับคณะกรรมาธิการสภาที่ปรึกษาฯ ที่กำลังคิดทำงานด้านกฎหมายเพื่อหาข้อเสนอและความเป็นไปได้ทางกฎหมายที่เป็นทางออกให้ประชาชนอย่างเป็นกระบวนการมากกว่าที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างทื่อๆด้านๆ

 

การเลือกทางบังคับใช้กฎหมายตอนนี้และทันที ทำให้ กทม. ในภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงในการต้องตอบคำถามสำคัญจากคนในชุมชน ‘ป้อมมหากาฬว่า ปฏิญญาที่นายอภิรักษ์ เคยลงนามไว้ และการทำงานร่วมกันที่ผ่านมาเกือบ 3 ปี แท้จริงแล้วมีความหมายเพียงแค่การสร้างภาพและยื้อเวลาในการ ‘ไล่’ และ ‘รื้อ’ เท่านั้นหรือ ?"


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 16:09
"ประชาชนให้สมญาอภิรักษ์ "ผู้ว่าฯ พาคนไปเจ๊ง"




โดยคุณ เทพอวตานรุ่นที่5


กระทู้อายุสั้นที่พันทิป กล่าวสรุปผลงานมันส์ๆ ที่ผู้ว่าอภิรักษ์ประสบผลสำเร็จในการนำให้ประชาชน กทม. ส่วนหนึ่งต้องประสบกับปัญหาการขาดทุนจากการค้าขายของ อันเนื่องมาจากการขาดวิสัยทัศน์ในการบริหารราชการกรุงเทพฯ ไม่นับผลงานอัปยศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำรถขยะจำนวนมากมาจอดไว้ให้ประชาชนที่มารับฟังการปราศรัยที่หน้าศาลาว่าการกรุงเทพฯ ดม ป้ายจราจรอัจฉริยะที่ไม่ได้มีคุณสมบัติใดๆ และกลับเป็นสัญลักษณ์ของความล้มเหลวทางด้านไอที ความเคลือบแคลงในการทุจริตโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถ/เรือดับเพลิง จนประชาชนทนไม่ไหวต้องให้สมญานามว่า "ผู้ว่าฯ พาคนไปเจ๊ง" หรือบ้างก็ประนามด้วยคำพูดเสียดสีว่า "หล่อ แต่ โง่"




'อภิรักษ์' ลูกรัก 'ป๋าชวน' พาพวกเจ๊งระนาว ฮ่าๆ ฮิ้ๆ

ป้ายจราจรอัจฉริยะ พาเอกชนเจ๊งระนาวกว่า 100 ล้านบาท ตั้งเป็นอนุเสาวรีย์เหมือน 'โฮปเวล' นั่นปะไร

ได้ข่าวอีก ตลาดโบ๊เบ๊ ที่อภิรักษ์ พาเทศกิจรุมตื้บคนค้าแถวนั้น ให้ย้ายไปแถวโรงหนัง พอย้ายเสร็จเจ๊งอีก ไม่มีคนไปซื้อ

ล่าสุด กทม. เปิดตลาดสนามหลวง 2 แถวมีนบุรี โฆษณาอย่างดีจะดังยิ่งกว่าไนท์บารซ่า เปิดแผงหลอกคนมาเช่ากว่า 6,000 แผง เจ๊งอีก ชาวบ้านหมดเนื้อหมดตัว เพราะเซ้งแผงละ 4 แสน ถึง 1 ล้านบาท แต่กลับไม่มีคนมาซื้อเหมือนอย่างที่ กทม. คุยไว้ พวกด่ากันฉิบหาย ต้องมาร้อง ทีไอทีวี

555555 นี่หรือ ผู้บริหารมือหนึ่งของมันฝรั่งเลย์ ฝีมือยังไม่ได้เศษ 1 ส่วน 10 ของทักษิณเลย ฉายา "ผู้ว่าฯพาคนไปเจ๊งงง" .....

ใครที่ดูคนที่ความหล่อ ก็คิดไหม่ โถน่าสงสาร เลือกกันเข้าไปได้ 9 แสนเสียง รถสุขายังไม่มีปัญญา จัดมาบริการให้ม๊อบขี้เลย 5555 อยากหัวร่อ"


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: tomyum ที่ 25-09-2008, 16:24
ไอ้เควีย เค้าเรียก จตุจักร 2 และก็ยังไม่เจ๊ง กรูเพิ่งไปมา :slime_whistle:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 25-09-2008, 16:32
"ประชาชนให้สมญาอภิรักษ์ "ผู้ว่าฯ พาคนไปเจ๊ง"

ตอแหล ลงตับจริงๆ


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 25-09-2008, 16:42
ได้เวลา แล้วเห้อ  ปล่อยให้พี่จ๊ะวอร์ม เครื่องอยู่นานละ  ได้ที่ยังครับ  เด๋ว หมอ จะออกตัวเฉ่งทีละประเด็นหละนะถ้าไม่พร้อมก็บอก   :slime_smile2: :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 16:42
อิ อิ ดีดดิ้นกันใหญ่เชียวน๊า...ใจเย็นๆ  เดี๋ยวจ๊ะค่อยๆจัดสรรเรื่องลึกๆในอดีตของคนหล่อบางคนที่เคยมีไรกะช่างทำผมกระเทยมาโพสต์ให้อ่านเล่นๆดีป่ะ!?! :slime_whistle:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 25-09-2008, 16:48
อนุคตส.ปล่อยอภิรักษ์ สมัครไม่รอดรถดับเพลิงฉาว  
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน  เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.

มีการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.)  เป็นประธาน เพื่อสรุปสำนวนก่อนส่งรายงานต่อที่ประชุมใหญ่ คตส.

มีรายงานข่าวว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนได้พิจารณาข้อมูลที่เกี่ยวข้องของบุคคลและบริษัทเอกชนที่ถูกกล่าวหาในชั้นการสอบสวนทั้งหมด

เห็นว่าผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหาเกือบทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจริง โดยเฉพาะในส่วนของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกขั้นตอน แต่ในส่วนของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ประชุมได้พิจารณาแล้วเห็นว่าคำชี้แจงของนายอภิรักษ์ที่อ้างว่าได้พยายามยับยั้งไม่ให้มีการเปิดแอล/ซีแล้ว แต่เหตุผลที่ต้องเปิดแอล/ซีเป็นเพราะถูกกระทรวงมหาดไทยเร่งรัดมานั้น ถือว่าเป็นคำชี้แจงที่พอรับฟังได้  และถือว่านายอภิรักษ์ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว  จึงเห็นสมควรให้นายอภิรักษ์หลุดข้อกล่าวหาในชั้นการไต่สวน  ส่ง คตส.ชุดใหญ่ชี้ขาด 23 มิ.ย. 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนายอภิรักษ์แล้ว คณะอนุกรรมการยังพิจารณาว่า

นายสมศักดิ์ คุณเงิน อดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว มีเพียงแค่การทำหน้าที่แจ้งเรื่องให้ กทม.รับทราบเท่านั้น จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง  แม้คณะอนุกรรมการไต่สวนจะมีมติแล้วว่าบุคคลใดที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหา แต่ก็ยังมีรายละเอียดบางส่วนที่จะต้องพิจารณาเพิ่มเติม จึงนัดประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 19 มิ.ย. นี้ หากไม่ติดขัดปัญหาใดๆ ก็จะส่งสำนวนการไต่สวนคดีให้กรรมการ คตส. แต่ละคนนำไปศึกษาก่อนที่จะลงมติ อย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 23 มิ.ย. นี้

ด้าน นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. และประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม.  กล่าวว่า
 
ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับคดีนี้ได้ เพราะผู้ที่จะชี้ขาดในคดีได้ต้องเป็น คตส.ชุดใหญ่เท่านั้น คณะอนุกรรมการไต่สวนจะนัดประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 19 มิ.ย. ส่วน กรรมการ คตส.หลายคนไม่เห็นด้วย หากคณะอนุกรรมการไต่สวนจะให้นายอภิรักษ์หลุดข้อกล่าวหา นั้น เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ตนไปตอบแทนอะไรไม่ได้ และจะไม่ขอพูดถึงเรื่องใดเกี่ยวกับรถดับเพลิงในขณะนี้ 

มีลิงค์ให้ด้วยนะจ๊ะ จะได้ยืนยันว่าไอ้กระพ้มไม่ได้แก้ไขมาก่อน http://tnews.teenee.com/politic/24264.html


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 25-09-2008, 16:53
ถึงคุณ ประภัส   
ตอนนี้ยังไม่เห็น นโยบายของคุณที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม หรือมีแต่ไม่บอกผ่านป้ายหาเสียงต่างๆ
ต้องคอยตามดูเวลาที่มีโอกาสออกทีวี
การบอกแค่ว่าคุณทำได้ ทำจริง ไม่ได้บอกว่าคุณจะทำอะไรครับ
ด้วยความเป็นห่วง

จากคุณ : คิงคองไทย  - [ 17 ก.ย. 51 12:01:44 A:125.25.139.166 X: ]

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7007147/P7007147.html


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 17:01
อนุคตส.ปล่อยอภิรักษ์ สมัครไม่รอดรถดับเพลิงฉาว  
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน  เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.

มีการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.)  เป็นประธาน เพื่อสรุปสำนวนก่อนส่งรายงานต่อที่ประชุมใหญ่ คตส.

มีรายงานข่าวว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนได้พิจารณาข้อมูลที่เกี่ยวข้องของบุคคลและบริษัทเอกชนที่ถูกกล่าวหาในชั้นการสอบสวนทั้งหมด

เห็นว่าผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหาเกือบทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจริง โดยเฉพาะในส่วนของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกขั้นตอน แต่ในส่วนของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ประชุมได้พิจารณาแล้วเห็นว่าคำชี้แจงของนายอภิรักษ์ที่อ้างว่าได้พยายามยับยั้งไม่ให้มีการเปิดแอล/ซีแล้ว แต่เหตุผลที่ต้องเปิดแอล/ซีเป็นเพราะถูกกระทรวงมหาดไทยเร่งรัดมานั้น ถือว่าเป็นคำชี้แจงที่พอรับฟังได้  และถือว่านายอภิรักษ์ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว  จึงเห็นสมควรให้นายอภิรักษ์หลุดข้อกล่าวหาในชั้นการไต่สวน  ส่ง คตส.ชุดใหญ่ชี้ขาด 23 มิ.ย. 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนายอภิรักษ์แล้ว คณะอนุกรรมการยังพิจารณาว่า

นายสมศักดิ์ คุณเงิน อดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว มีเพียงแค่การทำหน้าที่แจ้งเรื่องให้ กทม.รับทราบเท่านั้น จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง  แม้คณะอนุกรรมการไต่สวนจะมีมติแล้วว่าบุคคลใดที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหา แต่ก็ยังมีรายละเอียดบางส่วนที่จะต้องพิจารณาเพิ่มเติม จึงนัดประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 19 มิ.ย. นี้ หากไม่ติดขัดปัญหาใดๆ ก็จะส่งสำนวนการไต่สวนคดีให้กรรมการ คตส. แต่ละคนนำไปศึกษาก่อนที่จะลงมติ อย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 23 มิ.ย. นี้

ด้าน นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. และประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม.  กล่าวว่า
 
ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับคดีนี้ได้ เพราะผู้ที่จะชี้ขาดในคดีได้ต้องเป็น คตส.ชุดใหญ่เท่านั้น คณะอนุกรรมการไต่สวนจะนัดประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 19 มิ.ย. ส่วน กรรมการ คตส.หลายคนไม่เห็นด้วย หากคณะอนุกรรมการไต่สวนจะให้นายอภิรักษ์หลุดข้อกล่าวหา นั้น เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ตนไปตอบแทนอะไรไม่ได้ และจะไม่ขอพูดถึงเรื่องใดเกี่ยวกับรถดับเพลิงในขณะนี้ 

มีลิงค์ให้ด้วยนะจ๊ะ จะได้ยืนยันว่าไอ้กระพ้มไม่ได้แก้ไขมาก่อน http://tnews.teenee.com/politic/24264.html



จ๊ากกกกกกกกกกกกก....เค้ากลัวน๊า ไปขุดผีลืมหลุมคตส.มาทำด๊วยอาราย ใครๆก็รู้ดีว่า คตส. มันเป็นคณะที่แต่งตั้งโดยโจร นิสัยมันก็เลยไม่ต่างไปจากโจรแน่นอนจ๊ะ


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: อยู่บำรุ๊ง .. บำรุง ที่ 25-09-2008, 17:10
หลักฐานมันมีมูลไม่ว่าจะใครตรวจสอบมันก็เหมือนกัน

ถ้าผิดและมีหลักฐานไม่ใช่ว่านำขอมูลเอกสารเท็จไปให้ศาลแล้วจะรอด

เพราะฉะนั้นจะหน่วยงานไหนตรวจสอบก็ไม่ต่างไม่ใช่เหรอ

ถ้าเกิด คตส. นำข้อมูลเท็จมาอ้างคุณก็มีสิทธฟ้องกลับได้ไม่ใช่เหรอ

รอดูดีกว่าจะมานั้งด่าคนที่ทำงาน ไม่ใช่นั้งหาเรื่องคนอื่นไปทั่วแต่ทำตัวไม่เป็นประโยชน์


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 25-09-2008, 17:16

จ๊ากกกกกกกกกกกกก....เค้ากลัวน๊า ไปขุดผีลืมหลุมคตส.มาทำด๊วยอาราย ใครๆก็รู้ดีว่า คตส. มันเป็นคณะที่แต่งตั้งโดยโจร นิสัยมันก็เลยไม่ต่างไปจากโจรแน่นอนจ๊ะ

555 แล้วมันก็อ้างว่า คตส. ถูกแต่งตั้งมาด้วยโจร เหมือนเดิมเลย 555


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 17:18
หลักฐานมันมีมูลไม่ว่าจะใครตรวจสอบมันก็เหมือนกัน

ถ้าผิดและมีหลักฐานไม่ใช่ว่านำขอมูลเอกสารเท็จไปให้ศาลแล้วจะรอด

เพราะฉะนั้นจะหน่วยงานไหนตรวจสอบก็ไม่ต่างไม่ใช่เหรอ

ถ้าเกิด คตส. นำข้อมูลเท็จมาอ้างคุณก็มีสิทธฟ้องกลับได้ไม่ใช่เหรอ

รอดูดีกว่าจะมานั้งด่าคนที่ทำงาน ไม่ใช่นั้งหาเรื่องคนอื่นไปทั่วแต่ทำตัวไม่เป็นประโยชน์


จะเอาหลักฐานไหมว่า ม. 309 คุ้มครอง คตส. ห้ามคนอื่นฟ้องร้องในเรื่องที่เกี่ยวกับการดำเนินงานทั้งหมดทั้งปวง...จะเอาไหมหล่ะ!!!


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 25-09-2008, 17:27
คุณเอกดีจังที่ไม่ยอมรับ คตส. เพราะถ้า คตส.บอกว่า ไอ้หมักไม่ผิดเนี่ย คุณเอกต้องประท้วงแน่นอนเลย


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 17:30
"วิพากษ์มาตรา 309 กฎหมายนิรโทษกรรม



โดย: ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช

คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


 

ในบรรดา 309 มาตราของร่างรัฐธรรมนูญ 2550 เรื่องหนึ่งที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดคือ “มาตรา 309” ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ “การนิรโทษกรรม”

 

ประเด็นก็คือ มีความจำเป็นเเละเหมาะสมเพียงไร ที่รัฐธรรมนูญฉบับถาวรจะรับรองเรื่องนิรโทษกรรมไว้ เเละมาตรา 309 นั้นมีไว้เพื่อใคร เเละควรหรือไม่ที่จะนิรโทษกรรมต่อไปอีกหลังจากที่รัฐธรรมนูญ 2550 มีผลใช้บังคับหากร่าง 2550 ผ่านประชามติ

 

วัตถุประสงค์ของข้อเขียนนี้พยายามทำความกระจ่างกับคำถามข้างต้น

 

 

1. นิรโทษกรรมคืออะไร

นิรโทษกรรมหมายถึง การตรากฎหมายย้อนหลังเป็นคุณเเก่ผู้กระทำความผิดทางการเมืองหรือความผิดอาญาก็ได้ เเก่บุคคล หรือ กลุ่มบุคคล โดยบุคคลดังกล่าวจะไม่ตกอยู่ภายใต้การดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีความมุ่งหมายเพื่อให้ลืมความบาดหมางกับเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นเเล้ว

 

 

2. เงื่อนไขด้าน “องค์กร” ผู้มีอำนาจตรากฎหมายนิรโทษกรรม

จากการศึกษากฎหมายนิรโทษกรรมของไทยที่ผ่านมาในอดีต ซึ่งปรากฎอยู่หลายฉบับ พบว่า หากไม่นับพระราชกำหนดนิรโทษกรรมในคราวเปลี่ยนเเปลงการปกครองเเผ่นดิน พุทธศักราช 2475 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานนั้น โดยปกติ กฎหมายนิรโทษกรรมจะตราอยู่ในรูปของ “พระราชบัญญัติ” หรือ “พระราชกำหนด” เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายบริหารเท่านั้นที่มีอำนาจตรากฎหมายนิรโทษกรรม

 

เเต่ร่างรัฐธรรมนูญ 2550 (ซึ่งผู้ร่าง ประสงค์จะให้เป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับถาวร เเละเป็นผลผลิตของส.ส.ร. ที่มาจากคมช.) เดินตามมาตรา 222 ของรัฐธรรมนูญปี 2534 ซึ่งออกในสมัยรสช. โดยมาตรา 309 กลับรับรองเรื่องนิรโทษกรรมไว้ ขณะที่หากเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2517 ที่ร่างในบรรยากาศประชาธิปไตยมากกว่านี้ มาตรา 4[1] กลับห้ามมิให้มีการนิรโทษกรรมไว้อย่างชัดเจน

 

เนื่องจากมีหลักกฎหมายทั่วไปว่า “บุคคลไม่สามารถอ้างประโยชน์จากการกระทำความผิดของตนได้” หรือหลัก “ไม่มีใครเป็นผู้พิพากษาในเรื่องที่ตนเองมีส่วนได้เสีย” [2] การออกกฎหมายนิรโทษกรรม ควรให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้พิจารณาในเรื่องนี้จะสมควรกว่า

 

อีกทั้งมีเรื่องการลงประชามติของรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งไม่ควร “ยืมมือประชาชน” มาฟอกตัวให้กับผู้กระทำความผิดฐานล้มล้างรัฐธรรมนูญเเละองค์กรเฉพาะกิจอย่างคตส.ด้วย

 

 

3. เงื่อนไขด้าน “เวลา”

รากศัพท์ของคำว่า “amnesty” มาจากภาษากรีก คือ “amnestia” เเปลว่า “ทำให้ลืม” คือลืมจากเหตุการณ์หรือความผิดในอดีต (past offense)

 

วัตถุประสงค์ของกฎหมายนิรโทษกรรมคือ ทำให้สังคมลืมเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นเเละสิ้นสุดลงเเล้ว ดังนั้น ในกฎหมายนิรโทษกรรมของไทยนั้น ในอดีตจะเขียนไว้ในสองลักษณะ

 

ลักษณะเเรก จะกำหนดวันที่จะได้รับนิรโทษกรรมไว้อย่างชัดเจน เช่น พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเเก่นักเรียน นิสิต นักศึกษาเเละประชาชน ซึ่งกระทำความผิดเกี่ยวเนื่องกับการเดินขบวนเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2516

 

ลักษณะที่สอง ซึ่งมักจะใช้กับการนิรโทษกรรมเเก่ผู้กระทำรัฐประหารนั้น กฎหมายมักจะเขียนนิรโทษกรรมกับบรรดาการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนที่กฎหมายนิรโทษกรรมจะประกาศใช้ ดังปรากฎให้เห็นจาก พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเเก่ผู้ทำรัฐประหาร พ.ศ. 2490 มาตรา 3 ซึ่งบัญญัติว่า

 

“บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลใดๆ ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เนื่องในการกระทำรัฐประหารเพื่อเลิกใช้รัฐธรรมนูญเเห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 เเละประกาศใช้รัฐธรรมนูญเเห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 หากเป็นการผิดกฎหมายใดๆ ก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดเเละความรับผิดโดยสิ้นเชิง เเละการใดๆ ที่ได้กระทำ ตลอดจนบรรดาประกาศเเละคำสั่งใดๆ ที่ได้ออกสืบเนื่องในการกระทำรัฐประหารที่กล่าวเเล้ว ให้ถือว่าเป็นอันชอบด้วยกฎหมายทุกประการ”

 

ความทำนองเดียวกันก็ปรากฎในพระราชนิรโทษกรรมเเก่ผู้กระทำการยึดอำนาจการบริหารราชการเเผ่นดินเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 (มาตรา 3) เเละ พระราชนิรโทษกรรมเเก่ผู้กระทำการปฎิวัติเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 (มาตรา 3) เเละ พระราชนิรโทษกรรมเเก่ผู้กระทำการปฎิวัติเมื่อวันที่ 17 พฤศจิการยน พ.ศ. 2514 (มาตรา 3)

 

กล่าวให้ง่ายเข้า กฎหมายจะนิรโทษกรรมได้ 3 ช่วงเวลาเท่านั้นคือ

1. ก่อนวันทำรัฐประหาร (เช่นการตระเตรียมการทั้งหลาย)

2. วันทำรัฐประหาร เเละ

3. หลังวันทำรัฐประหาร

 

เเต่ทั้งนี้ ต้องก่อนวันที่พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมมีผลใช้บังคับเท่านั้น ซึ่งก็ต้องไปดูว่า กฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนั้นๆ มีผลใช้บังคับเมื่อใด โดยปกติเเล้วจะเขียนไว้สองเเบบคือ มีผลให้ใช้บังคับตั้งเเต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

 

ซึ่งหมายความว่า การกระทำหลังจากกฎหมายนิรโทษกรรม เเม้จะเกิดขึ้นเป็นผลเกี่ยวเนื่องหลังจากวันทำรัฐประหารก็ตาม เเต่หากการกระทำนั้นมีผลต่อเนื่องมายังวันที่กฎหมายนิรโทษกรรมมีผลใช้บังคับเเล้ว ความผิดต่อเนื่องที่เกิดขึ้นภายหลังจากวันที่กฎหมายนิรโทษกรรมมีผลใช้บังคับ ก็ไม่ได้รับการยกเว้นความผิดอีกต่อไป

 

ยกตัวอย่างเช่น พ.ร.บ. นิรโทษกรรมเเก่ผู้กระทำการปฎิวัติเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 มาตรา 3 บัญญัติว่า “บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลใดๆ ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ซึ่งได้กระทำเนื่องในการปฎิวัติเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 ก็ดี ….เเละไม่ว่ากระทำในวันที่กล่าวนั้น หรือก่อนหรือหลังวันที่กล่าวนั้น หากการกระทำนั้นผิดกฎหมาย ก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิด….”

 

ผลในทางกฎหมายก็คือ “การกระทำในวันที่กล่าวนั้น” ซึ่งหมายถึงวันทำรัฐประหารในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 เเละ “ก่อนวันที่กล่าวนั้น” ซึ่งหมายถึงวันก่อนวันทำรัฐประหาร หรือก่อนวันที่ 20 ตุลาคม เเละ “หลังวันที่กล่าวนั้น” คือหลังวันทำรัฐประหารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 ย่อมได้รับการนิรโทษกรรม

 

เเต่เมื่อมาตรา 3 บัญญัติว่า “ให้ใช้กับบรรดาการกระทำก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ” ก็ต้องไปดูว่า กฎหมายนี้ใช้บังคับเมื่อใด

 

มาตรา 2 ของพ.ร.บ.นี้ระบุว่า “พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งเเต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป” พ.ร.บ. นิรโทษกรรมเเก่ผู้กระทำการปฎิวัติเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2502 ดังนั้น บรรดาการกระทำที่กระทำขึ้นก่อนวันทำรัฐประหารในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 ก็ดี วันทำรัฐประหารในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 ก็ดี เเละรวมถึงวันหลังวันทำรัฐประหารก็ดี เรื่อยมาจนถึงวันที่ 2 เมษายน 2502 ก็ดี ล้วนได้รับการนิรโทษกรรมทั้งสิ้น

 

เเต่บรรดาการกระทำนับตั้งเเต่วันที่ 3 เมษายน 2502 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นวันที่กฎหมายนิรโทษกรรมเริ่มประกาศใช้ เเม้จะเป็นผลมาจากการปฎิบัติตาม “คำสั่ง” หรือ “ประกาศ” ของคณะรัฐประหารก็ตาม ย่อมไม่ได้รับอานิสงค์ของกฎหมายนิรโทษกรรมด้วย ซึ่งย่อมหมายความว่า การกระทำนั้น ๆ เป็นความผิดเเละต้องได้รับโทษ

 

มีข้อสังเกตว่า รัฐธรรมนูญฉบับถาวรที่ตราขึ้นหลังจากที่มีการทำรัฐประหาร ในบทเฉพาะกาลมักจะบัญญัติรับรองให้บรรดาคำสั่งหรือประกาศของคณะรัฐประหารยังคงมีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป [3] เเต่มิได้ไปไกลถึงขนาดนิรโทษกรรมหรือห้ามมิให้ฟ้องร้องกับผู้ปฎิบัติตามคำสั่งหรือประกาศของคณะรัฐประหาร เเม้ว่าการกระทำนั้นจะเกิดขึ้นหลังจากที่กฎหมายมีผลใช้บังคับเเล้วก็ตาม เเต่คราวนี้ เนื้อความของมาตรา 309 คล้ายคลึงกับมาตรา 222 ของรัฐธรรมนูญปี 2534 ซึ่งออกในสมัยรสช.มาก เเม้ว่าถ้อยคำจะเเตกต่างกัน

 

กล่าวคือ มาตรา 222 ได้รับรองให้บรรดา “คำสั่ง” เเละ “ประกาศ” ของรสช. ซึ่งออกใช้บังคับก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ยังมีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้ต่อไป เเละการยกเลิกหรือเปลี่ยนเเปลงประกาศหรือคำสั่งของรสช. ดังกล่าว ไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อการปฎิบัติหน้าที่ของบุคคลซึ่งได้กระทำไปตามคำสั่งหรือประกาศดังกล่าว เเละให้บุคคลนั้นได้รับความคุ้มครอง ผู้ใดจะนำไปฟ้องร้องในทางใดมิได้

 

ในขณะที่มาตรา 309 [4] (ซึ่งโยงกับมาตรา 36 และ 37) รับรองว่า ประกาศ คำสั่ง รวมถึงการกระทำที่ปฎิบัติตามคำสั่งและประกาศ ย่อมชอบด้วยกฎหมาย ไม่ว่าจะกระทำ “ก่อน” หรือ “หลัง” ใช้รัฐธรรมนูญปี 2549 และ 2550 (ถ้าประชามติผ่าน) ซึ่งย่อมส่งผลให้องค์กรเฉพาะกิจอย่าง คตส. หรือ คมช. ที่ได้กระทำการใดๆ โดยอาศัยประกาศหรือคำสั่งของคณะรัฐประหารนั้นเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายเเละรัฐธรรมนูญต่อไป เเม้ว่าการกระทำนั้นจะกระทำขึ้นหลังจากที่รัฐธรรมนูญ 2550 มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญเเล้วก็ตาม

 

ซึ่งการยอมรับให้มีการตรากฎหมายลักษณะเช่นนี้ดำรงอยู่ต่อไป จะมีผลเป็นการบั่นทอนหลักนิติรัฐ ทำให้คตส. เเละคมช. อาจปฎิบัติหน้าที่โดยละเลยต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่นๆ ก็ได้ เพียงอ้างว่าตนได้ปฎิบัติตามประกาศหรือคำสั่งของคณะรัฐประหาร เเละได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 309 เเล้ว อันเป็นการจำกัดสิทธิในกระบวนยุติธรรมของผู้ถูกกล่าวหา

 

อีกทั้งยังเกิดปัญหาตามมาว่า หากร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ผ่านประชามติ ประกาศใช้เป็นกฎหมายเเล้ว ก็ไม่มีการควบคุมตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของบรรดาคำสั่ง ประกาศ เเละการกระทำที่ปฎิบัติตามคำสั่งหรือประกาศนั้นไม่ได้ด้วย เนื่องจากมาตรา 309 ได้รับรองเรียบร้อยเเล้วว่า “การนั้น” เเละ “การกระทำ” นั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้

 

การเขียนเช่นนี้เท่ากับหนีการตรวจสอบจากศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการละเมิดหลักนิติรัฐที่ยอมรับให้มีกลไกการทบทวนตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ เเละมีผลทำให้หลัก “ความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ” เป็นหมันไป

 

 

 

4. พ.ร.บ. ให้ความคุ้มครองเเละห้ามฟ้องร้องบุคคลผู้ปฎิบัติการเกี่ยวเเก่มาตรา 17 เเห่งรัฐธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2508 [5]

 

หากมองย้อนกลับไปในทางประวัติศาสตร์จะพบว่า มาตรา 222 (สมัยรสช) เเละร่างมาตรา 309 (สมัยคมช.) มิใช่ของใหม่ เเต่เป็นมรดกทอดมาตั้งเเต่ปีพ.ศ. 2508 เเล้ว

 

โดยพ.ร.บ.ให้ความคุ้มครองฯ นี้ ออกมาหลังจากการทำรัฐประหารโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร เเต่พ.ร.บ.ดังกล่าวออกโดยจอมพลถนอม กิตติขจร ในฐานะนายกรัฐมนตรี

 

เนื้อหาสาระสำคัญของพ.ร.บ.นี้ ให้ความคุ้มครองมิให้ฟ้องร้องนายกรัฐมนตรี รวมทั้งผู้ได้รับมอบอำนาจจากนายกรัฐมนตรี อันเป็นผลมาจากการที่นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 17 ไม่ว่าจะได้มีคำสั่งหรือการกระทำก่อนหรือหลังวันที่พ.ร.บ.นี้มีผลใช้บังคับ เเละถ้ามีการฟ้องร้องอยู่ในระหว่างที่พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับอยู่ ให้ศาลจำหน่ายคดีเสีย

 

กล่าวง่ายๆ ก็คือ กฎหมายนี้ให้ความคุ้มกันเเก่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีรวมทั้งผู้ได้รับมอบอำนาจหรือปฎิบัติตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 17 ซึ่งคนไทยรับรู้มาโดยตลอดว่ามาตรา 17 เป็นมาตรา 17 ที่ให้อำนาจเเก่นายกรัฐมนตรีจะกระทำอะไรก็ได้ หากการกระทำนั้นกระทำในนามของ “ความมั่นคงของรัฐ” หรือในนามของ “รักษาราชบัลลังก์” มาตรา 17 จึงเปรียบเสมือน “เช็คเปล่า” ที่นายกรัฐมนตรีกรอกตัวเลขตามใจชอบ

 

ประเด็นสำคัญอยู่ที่พ.ร.บ.ให้ความคุ้มครองฯ นี้ ใช้คำว่า “ไม่ว่าจะได้มีคำสั่งหรือกระทำก่อนหรือหลังวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ” ซึ่งละม้ายคล้ายคลึงกับมาตรา 222 เเละร่างมาตรา 309 เเม้มาตรา 309 ของร่างรัฐธรรมนูญ 2550 (ซึ่งโยงกับมาตรา 36 เเละ 37 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี พ.ศ. 2549) จะมิได้มีความรุนเเรงเท่ากับมาตรา 17 ก็ตาม เเต่ผลในทางกฎหมายคล้ายกันคือ เป็นการให้ความคุ้มกัน (Immunity) เเก่ผู้ปฎิบัติตามคำสั่งก็ดี ประกาศก็ดีของคณะรัฐประหารว่า ชอบด้วยกฎหมาย เเละชอบด้วยรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2550

 

ซึ่งเท่ากับตัดช่องทางมิให้ตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของบรรดาประกาศเเละคำสั่ง รวมทั้งการกระทำคตส. หรือคมช. เเม้ว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 จะมีผลใช้บังคับเเล้วก็ตาม

 

สรุปก็คือ กฎหมายนิรโทษกรรมจะมีผลใช้บังคับกับเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นก่อนวันที่กฎหมายประกาศใช้ เเต่มาตรา 309 บัญญัติว่า “บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญเเห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายเเละรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าว ไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นเเละการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้”

 

หมายความว่า หากร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ผ่านประชามติ ก็มีผลทำให้บรรดาการทำใดๆ เช่น การปฎิบัติหน้าที่ของคตส. (อาจรวมถึงคมช.ด้วย) ไม่อาจถูกตรวจสอบได้ เเม้ว่าการกระทำนั้นจะเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐธรรมนูญ 2550 นี้มีผลใช้บังคับเเล้วก็ตาม

 

และดังที่ได้กล่าวมาเเล้วว่า เจตนารมย์ของนิรโทษกรรมคือ การลืมเหตุการณ์ในอดีต ไม่ใช่ลืมเหตุการณ์ในอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น

 

 

บทส่งท้าย

 

หากยอมรับการตรารัฐธรรมนูญชนิดบิดเบือนหลักกฎหมายนิรโทษอย่างมาตรา 309 เเล้ว ก็เท่ากับยอมให้บั่นทอนหลักนิติรัฐอีกครั้ง เเละเเทนที่จะสร้างความสมานฉันท์เเก่คนในชาติอันเป็นวัตถุประสงค์ของกฎหมายนิรโทษกรรม เเต่กลับถูกดัดเเปลงบิดเบือนเป็นวิธีการป้องกันตนเองให้รอดพ้นจากการดำเนินคดีเเละควบคุมตรวจสอบตามกฎหมาย ซึ่งก็เท่ากับยอมรับโดยปริยายว่า สิ่งที่คณะรัฐประหารเเละบรรดาองค์กรที่เป็นผลผลิตของรัฐประหารได้กระทำหลังจาก 19 กันยายนนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เเละไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หลังจากการทำรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาก็มีการบั่นทอนหลักนิติรัฐครั้งเเล้วครั้งเล่า ในคดียุบพรรคมีการยอมรับว่า การตรากฎหมายย้อนหลังลิดรอนสิทธิของพลเมืองได้ ตราบเท่าที่ไม่เข้าข่ายโทษอาญา 5 สถานเป็นอันใช้ได้ เเต่คราวนี้ เปิดช่องให้มีการนิรโทษกรรมล่วงหน้าได้

 

“กฎหมายนิรโทษ” จึงมิได้เป็นอะไรมากไปกว่า “เครื่องมือ” รับใช้ของเผด็จการที่หาทางหนีที่ไล่มิให้ใครมาเอาผิดตามกฎหมายได้

 

หลักนิติรัฐจะกลับมาดำรงอยู่อีกครั้งในสังคมไทยหรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบในวันที่ 19 สิงหาคมนี้"


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 25-09-2008, 17:35
หลักนิติรัฐจะกลับมาดำรงอยู่อีกครั้งในสังคมไทยหรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบในวันที่ 19 สิงหาคมนี้

มันเลยวันมาแล้วนี่ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย และนั่นก็คือความเห็นของคนคนนึงเท่านั้น


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: Matahari ที่ 25-09-2008, 17:43
อ้างถึง
ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช

   มารนปกตัวสุดท้ายตัวนี้มันเอาหมาไหนมาอ้าง ก็ไอ้พวกนักกมที่กินขี้เหลียม มันไม่แปลกวะทีมันจะวิจารณ์วะ ล
   เหมือนวรเจตน์ทำเป็นเก่งออกมาหอนเรื่อง ศาลปกครองตัดสินเรื่องเขาพระวิหาร โดนดร.สมปอง สุจริตกุล ที่จบกมหมาชนและทำงานต่างประเทศออกมาด่า และโดนดร.อมร รักษาสัตย์ ตอกหน้าหงายเรื่องกม มหาชน
   พวกนักกม กินขี้เหลี่ยมหอนเก่งอย่างเดียวประชาธิปไตย ไปตามหลักการ  ปล่อยไป แต่ไหงพวกเลี้ยก้นทักษิณก็ได้ดิบดี ขนาดกล้าไปร่วมงานเหลียมที่กินโกงได้อย่างไรอย่างอาย เช่น นายพิชิต อ.ธรรมศาสตร์ เลียก้นเหลียมจนได้ดีเป็นบอร์ดการบินไทย
  ก่อนหอนนะหานักวิชาการทีเป็นกลางนะ อย่าเอานักวิชาการสีเทามาอ้างเนอะมันไม่ขลังวะ 
 


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: 1ktip ที่ 25-09-2008, 21:23
ตอนนี้เล่นมุกใต้ดิน ให้พวกเสื้อแดง ดูจากข้อความบนเสื้อ น่าจะเป็นพวก nocoup หรือแนวร่วม ไปไล่ติดสติ๊กเกอร์รูปสนธิกับอภิสิทธิ์

พร้อมเนื้อความประมาณว่า อยากได้ม็อบให้เลือกอภิรักษ์ แปะเลอะเทอะตามป้ายรถเมล์อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 25-09-2008, 21:27
*หมายเหตุจากเจ้าของกระทู้ครับ*

ออกไปข้างนอกเพิ่งได้กลับมาดูกระทู้ พบว่าประเด็นไหลไปที่ไหนแล้วก็ไม่รู้  :slime_hmm:

หัวข้อกระทู้ที่ผมตั้งคือ โครงการอัจฉริยะต่างๆ เช่น ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ เป็นโครงการลงทุนของเอกชน
โดยที่ กทม. ไม่ได้ใช้งบประมาณดำเนินการอย่างที่คนส่วนใหญ่อาจเข้าใจผิด และที่ผ่านมาก็ถูกโจมตี
จากฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมาโดยตลอด ล่าสุดคือคุณชูวิทย์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.

ผมคิดว่า้ข้อเท็จจริงเรื่องนี้สมควรที่สาธารณชนจะไ้ด้รับรู้ จึงตัดสินใจเอามาตั้งเป็นกระทู้นี้

...

ส่วนประเด็นนอกเรื่องที่มีคนพยายามเอามาโพสต์ในกระทู้ ขอแนะนำว่าอย่าไปสนใจครับ
และเรื่องที่เอามาโพสต์นอกประเด็นผมถือเป็นความไม่มีมารยาทของผู้โพสต์เอง

อย่างไรก็ตาม... หากมีเรื่องนอกประเด็นที่ผมเห็นว่ามีเนื้อหาที่ควรจะนำมาพูดคุยกัน
ผมคงจะรวบรวมตั้งเป็นกระทู้ใหม่แยกต่างหากต่อไป

สำหรับ login TLE ผมประกาศเลิกเสวนาไปแล้ว เนื่องจากแสดงทัศนคติที่ผมรับไม่ได้หลายเรื่อง
ทั้งกรณีหมิ่นสถาบัน และอื่นๆ เช่น ชื่นชมยินดีกับพฤติกรรมพยายามฆ่าพันธมิตรของกลุ่มคนรักอุดร
ส่วนสมาชิกท่านใดยังต้องการเสวนากับ login TLE ก็เชิญได้ตามอัธยาศัยนะครับ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 25-09-2008, 21:35
หลักนิติรัฐจะกลับมาดำรงอยู่อีกครั้งในสังคมไทยหรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบในวันที่ 19 สิงหาคมนี้

มันเลยวันมาแล้วนี่ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย และนั่นก็คือความเห็นของคนคนนึงเท่านั้น

วันที่ 19 สิงหาคม ตามบทความ น่าจะหมายถึง 19 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ที่เป็นวันลงประชามติ
ผมเคยทำบทวิเคราะห์เอาไว้เกี่ยวกับการลงประชามติวันนั้นอยู่ที่กระทู้นี้ครับ  :slime_smile:

==ควันหลง..วิเคราะห์ผลการลงประชามติ ร่างฯ รธน50 บนแผนที่ประเทศไทย=
http://forum.serithai.net/index.php?topic=16979.0


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: อยู่บำรุ๊ง .. บำรุง ที่ 25-09-2008, 21:51
เห็นเป็นประจำว่าชอบดึงไปนอก Topic ถ้าต้องการพูดคุยเรื่องไหน

ก็ไปเอาข้อมูลเรื่องนั้นมาคุยกันหรือไม่ก็ ..

ไปตั้ง Topic เองเถอะครับแต่เดี๊ยวผมว่าพอแถไม่ออกก็เปลี่ยนเรื่องทุกที

 :slime_hmm: :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: chaturant ที่ 25-09-2008, 21:58
่ส่วนตัวผม ชอบ เรื่อง BRT ครับ อยากให้ทำหลายๆ ถนนเลยด้วย เพราะมันสะดวกมาก อยากให้ รถเมย์ใน กทม. มาเข้าระบบ BRT เลย ด้วยซ้ำ  เพราะตอนนี้ วิ่งทับเส้่นมั่วไปหมด ถนนละ สายไปเลย  อีกเรื่องก็คือ สวนสาธารณะ ต่างๆ สวยมากและเพิ่มขึ้นหลายที่  และ ถนน ก็มีการปรับปรุงหลายเส้นทาง ชอบ ป้ายจราจรอัจฉริยะ ชอบเรื่องรถไฟฟ้า ส่วนต่อขยาย ที่ไม่รอ รัฐบาล ถ้า รอ รัฐบาลก็อีกชาตินึง กทม. ออก เองหมด  แล้วอีกอย่าง อนาคตผมว่า ปชป. อาจจะได้เป็น รัฐบาล ได้มาประสานต่อเลย ดังเช่น โอน ขสมก. ให้ กทม ดูแลเพื่อ จำทำเป็น ระบบ BRT  และ ให้ กทม. ซื้อ รถไฟฟ้ามาดูแลเอง  และอีกอย่างที่สำคัญที่สุด    เกลียด พปช.  พรรค  เห้  เข้าใส้ครับ เลยต้องเลือกตรงข้าม ให้ พรรค นี้มันได้รู้ว่า คน กทม. เกลียด พรรค นี้ขนาดไหน


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 25-09-2008, 22:04
่ส่วนตัวผม ชอบ เรื่อง BRT ครับ อยากให้ทำหลายๆ ถนนเลยด้วย เพราะมันสะดวกมาก อยากให้ รถเมย์ใน กทม. มาเข้าระบบ BRT เลย ด้วยซ้ำ  เพราะตอนนี้ วิ่งทับเส้่นมั่วไปหมด ถนนละ สายไปเลย ............

เห็นด้วยค่ะ ว่าน่าจะให้รถเมล์วิ่งเหมือนกับ BRT เำพราะสายรถเมล์มันซ้ำซ้อนไปหมด และเลนส์รถเมล์ ก็มักจะมีรถส่วนตัววิ่งกับฉิว ๆ
โดยที่ตำรวจไม่จับ จนสุดท้ายก็ต้องยกเลิก บัสเลนส์ไป
แล้วรถเมล์เองก็ชอบขับออกมาเลนส์อื่น แล้วมันก็กลับไปเละเหมือนเดิม

คิด ๆ ดูแล้วเราต้องกลับไปแก้ที่วินัยของคนก่อน น่าจะดีกว่า...
^^'


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: บัวริมบึง ที่ 25-09-2008, 22:50

อย่ามากินแรงเอกซิเอ๊ะ...แค่เอกเอาทรัพย์สินทางปัญญามาโพสต์ให้อ่านฟรีๆนี่ก็ถือว่าบุญแล้วน๊ะ น้องๆในเว๊บที่เป็นโรคสมองฝ่อต่อมจริยธรรมอักเสบจะได้มีอาการกระเตื้องขึ้นมาบ้าง

นี่เอกผิดอีกแล้วซิน๊ะ!?! :slime_whistle:

ส๊าาาาาาาธุ :slime_worship:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: inthanon ที่ 25-09-2008, 22:57
ลิ่วล้อยังปฏิบัติงานดี
พวกแถก็คงยังแถต่อไป
ข้อมูลเอาแต่เรื่องเก่าก่อนมาตัดแปะ ไม่อัพเดท ที่เขาสรุปว่าไงมาให้ดู
แค่ข้าอ่านอย่างเดียวยังเหนื่อยกับพวกบัตรเติมเงินจิงจิ๊งงงง :slime_hitted:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 25-09-2008, 23:38
เห็นด้วยค่ะ ว่าน่าจะให้รถเมล์วิ่งเหมือนกับ BRT เำพราะสายรถเมล์มันซ้ำซ้อนไปหมด และเลนส์รถเมล์ ก็มักจะมีรถส่วนตัววิ่งกับฉิว ๆ
โดยที่ตำรวจไม่จับ จนสุดท้ายก็ต้องยกเลิก บัสเลนส์ไป
แล้วรถเมล์เองก็ชอบขับออกมาเลนส์อื่น แล้วมันก็กลับไปเละเหมือนเดิม

คิด ๆ ดูแล้วเราต้องกลับไปแก้ที่วินัยของคนก่อน น่าจะดีกว่า...
^^'


ถะถะถะ ถูกต้องนะคร้าบบบบบ   :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ +โครงการอัจฉริยะต่างๆ เอกชนออกเงินทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ ถูกโจมตี???==
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 26-09-2008, 01:17
ประภัสร์ ไม่เห็นด้วยกับ BRT

BRT ประชันโฉม METRO ใครตัวจริง.....ใครตัวปลอม

    ในการเสวนาเรื่อง “BRT ประชันโฉม METRO” ซึ่งจัดโดยมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ(มสช.)และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) มีประเด็น “ฮอต” ที่กระชากใจผู้คนในเมืองใหญ่หลายประการด้วยกัน
       
       ไม่ว่าจะเป็นวาทกรรมของ “ประภัสร์ จงสงวน” ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศ (รฟม.) ที่ออกมาท้าทายโครงการรถเมล์ด่วนพิเศษของผู้ว่า ฯ อภิรักษ์โกษะโยธินว่า เจ๊งมากกว่าเจ๋ง หรือแนวคิดของ ผศ.ดร.สิทธา เจนศิริศักดิ์ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมการศาสตร์ ม.อุบลราชธานี ที่เสนอให้เก็บค่าที่รถยนต์ส่วนตัวของคนกรุงเทพวันละ 50 บาททั้งในที่บ้านและที่สาธารณะเพื่อนำเงินลงทุนรถไฟฟ้าของรัฐบาลได้ทุกระบบ เป็นต้น
       **ขนส่งมวลชน สิ่งจำเป็นของคนเมือง
       สมเกียรติ พงษ์กันทา ที่ปรึกษา บ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด ให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับความจำเป็นในการสร้างระบบขนส่งว่า ระบบขนส่งมวลชน ถือเป็นส่วนหนึ่งในความสุขของชุมชนเมือง เนื่องจากสามารถช่วยลดความเครียดจากวิกฤติการจราจรที่นำมาซึ่งโรคหัวใจและอีกสารพัดของคนเมือง
       
       ทั้งนี้ ระบบขนส่งมวลชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถไฟฟ้าสามารถขนคนได้มากถึง 50,000 คน/ชั่วโมง/ทิศทาง โดยต้องการทางกว้างเพียง 9 เมตร ขณะที่รถเมล์ต้องการ 35 เมตรc]tรถยนต์ส่วนบุคคลต้องการ 175 เมตร ที่สำคัญคือ เกิดอุบัติเหตุน้อยกว่าทางถนนอย่างน้อย 12 เท่า กล่าวคือมีอัตราการเสียชีวิต 0.48 คน ต่อ 1,000 ล้านคนต่อกิโลเมตร ในขณะที่ทางถนนตาย 6 คน สามารถขนผู้โดยสารทั่วโลกเฉลี่ยมากกว่า 150 ล้านคน
       
       สำหรับในด้านการใช้พลังงาน รถไฟฟ้าในเมืองใช้พลังงานน้อยกว่ารถยนต์ 5 ถึง 20 เท่า รถไฟฟ้าชานเมืองใช้พลังงานน้อยกว่ารถยนต์ 3 ถึง 17 เท่า รวมทั้งสามารถลดปัญหาการจราจรโดยลดปริมาณลดยนต์
       
       “แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยังข้องใจและไม่เข้าใจก็คือ ทำไมถนนสุขุมวิท และถนนรัชดาภิเษกรถยังติดอยู่ทั้งๆที่มีรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดินแล้ว”
       
       สมเกียรติให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า การจัดระบบขนส่งมวลชนควรมีการพัฒนาบุคลากรเพราะปัจจุบันต้องซื้อทุกอย่างตั้งแต่ที่ปรึกษา ราง ล้อ ซึ่งตรงนี้น่าเป็นห่วงประเทศไทยมาก รวมถึงต้องพัฒนาระบบคมนาคม โทรคมนาคม การตรวจสอบความปลอดภัยของผู้โดยสาร การก่อการร้าย อุตสาหกรรมด้านนี้ต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ของการก่อการร้ายด้วย
       
       **เสนอเก็บค่าจอดรถคนกรุงวันละ 50 บาท
       
       ทีนี้ ก็มาถึงไอเดียเด็ดของ ผศ.ดร.สิทธา เจนศิริศักดิ์ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมการศาสตร์ ม.อุบลราชธานี ที่เสนอให้เก็บค่าจอดรถคนกรุงเทพวันละ 50 บาทกันบ้างว่า เป็นอย่างไร
       
       ผศ.ดร.สิทธาขยายความว่า ระบบขนส่งสาธารณะไม่ว่าจะเป็นรถบีอาร์ทีหรือเมโทร ต่างก็เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเมืองแต่ไม่สามารถทำให้การใช้ลดยนต์ลดลงได้ ดังนั้น แก้ปัญหาจราจรติดขัดไม่ได้จึงต้องใช้มาตรการด้านอื่นจัดการแทน
       
       กล่าวคือ ภาครัฐควรจัดเก็บภาษีค่าจอดรถยนต์ส่วนบุคคลกว่า 3 ล้านคัน ใน กทม. จำนวน 20 บาทต่อคันต่อวัน คิดเป็นเงิน 12,000 ล้านบาทต่อปี มาดำเนินโครงการบีอาร์ที 120 กิโลเมตร หรือเก็บภาษีจำนวน 50 บาทต่อคันต่อวัน จะได้เงิน 30,000 ล้านบาทต่อปี เพียง 7 ปี ก็สามารถลงทุนในทุกโครงการที่ภาครัฐวางแผนไว้ได้ทุกเส้นทาง
       
       “การจะลงทุนระบบขนส่งมวลชนไม่ว่าระบบ บีอาร์ที หรือ รถไฟฟ้า ผู้ลงทุนต้องประเมินว่า เมื่อลงทุนไปแล้ว ในอนาคตระบบดังกล่าวจะรองรับปริมาณผู้ใช้และการจราจร ที่จะแออัดเพิ่มสูงขึ้นได้มากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ต้องมีการวางแผนการเดินทางสำหรับทุกกลุ่มคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ด้อยโอกาสทางสังคม และที่สำคัญที่สุดนักการเมืองต้องกล้าเปลี่ยนแปลงการทำงาน”

**ผู้ว่าฯ รฟม.ค้านบีอาร์ทีกทม.
       ขณะที่ ประภัสส์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศ (รฟม.) ฟันธงตรงไปว่า โครงการรถเมล์ด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) ของ กรุงเทพมหานคร (กทม.) อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะจะมีประชาชนเข้ามาใช้บริการความจุไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน ขณะที่ก่อนจะมีการลงทุนในโครงการดังกล่าวทาง กทม. ควรจะมีการทดลองระบบก่อนว่า รถบีอาร์ที จะสามารถดำเนินการได้จริงหรือไม่
       
       “โดยส่วนตัวเห็นว่า รถบีอาร์ทีควรเป็นระบบ Feeder ที่อยู่ข้างนอกไม่ใช่ในเมือง และการจะเปลี่ยนพฤติกรรมคนใช้รถส่วนตัวให้มาใช้รถบีอาร์ทีไม่ง่ายเลย ระบบตั๋วร่วมที่จะใช้ร่วมกับรถไฟฟ้าก็ควรที่จะคุยให้ชัดเจนว่าเป็นร่วมแบบไหนเสียค่าแรกเข้าครั้งเดียวหรือใช้ได้ตลอดหรือต้องเสียทุกครั้งแต่ใช้บัตรโดยสารเพียงใบเดียว ผมกลัวว่ารถบีอาร์ทีที่อื่นประสบความสำเร็จจริงแต่เมื่อนำมาใช้ที่กทม.อาจไม่ประสบความสำเร็จ”
       
       ประภัสร์กล่าวอีกว่า ปัญหาระบบขนส่งมวลชนของไทยเป็น เพราะนโยบายทางการเมืองของรัฐบาล มีทิศทางที่ไม่ชัดเจน และสับสน เช่น ไม่สนับสนุนให้นำเงินกองทุนน้ำมันกว่า 4 หมื่นล้านบาทมาใช้ในโครงการรถไฟฟ้า , การสนับสนุนให้ประชาชนใช้รถยนต์ติดก๊าซเอ็นจีวี และรถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงาน(อีโคคาร์) ซึ่งเป็นนโยบายสวนทางการแก้ไขปัญหาการจราจรในปัจจุบันที่ควรลดปริมาณรถยนต์ส่วนบุคคล หรือนโยบายตั๋วร่วมระหว่างบีทีเอสกับรฟม. เพราะหากค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยระบบรางมีต้นทุนสูงกว่า ค่าใช้จ่ายด้วยรถส่วนบุคคล ย่อมส่งผลให้ประชาชนไม่นิยมใช้บริการ

       **เชียงใหม่เดินหน้าบีอาร์ที

       ดร. รังสรรค์ อุดมศรี อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เชียงใหม่ หัวหน้าโครงการจัดทำแผนแม่บทและออกแบบการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนเมืองเชียงใหม่(BRT) เปิดเผยว่า จากการศึกษาพบว่ารถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ทีมีความเหมาะสมและคุ้มค่าต่อการลงทุนในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่เนื่องจากคณะกรรมการวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่มีมติไม่ให้สร้างรถไฟฟ้า และเมื่อพิจารณาองค์ประกอบหลายด้านแล้วรถบีอาร์ทีจึงลงตัวที่สุดโดยมีโครงข่าย 4 เส้นทาง ครอบคลุมพื้นที่เขตเมือง 150 ตารางกิโลเมตร รองรับผู้โดยสารสูงสุด 301,400 เที่ยวต่อคนต่อวัน คาดว่าจะมีผู้โดยสารเต็มระบบในปี 2563
       
       ทั้งนี้ แต่ละเส้นทางในชั่วโมงเร่งด่วนจะมีผู้ใช้บริการอยู่ระหว่าง 2,500-7,500 คนต่อชั่วโมงซึ่งจะทำให้สัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในเมืองเชียงใหม่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 27.5 จากเดิมที่มีเพียงร้อยละ 8 จะช่วยทำให้ลดปัญหาวิกฤติจราจร พลังงาน และสิ่งแวดล้อมอย่างได้ผล มีการใช้ระบบขนส่งอัจฉริยะ ระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ โดยแบ่งงบประมาณในการลงทุน 2 เฟส คือ เฟสแรก
       8,041.8 ล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี จากระยะทาง 50 กิโลเมตร และ 10 ปีหลังในเฟสที่ 2 อีก 50 กิโลเมตร ทั้งนี้ตั้งเป้าจะมีประชาชนมาใช้บริการร้อยละ 30 ในส่วนของรถ 4 ล้อแดงนั้นจะให้เป็น Feedder ขนคนเข้าระบบบีอาร์ที
       
       อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แผนแม่บทรถบีอาร์ทีเมืองเชียงใหม่ได้ส่งให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) แล้ว
       
       **กทม.โต้เดือด BRT เจ๋งจริง
       หลังจากผู้ว่าฯ รฟม.ออกมาให้สัมภาษณ์ วันต่อมา พนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ก็ออกมาตอบโต้โดยยืนยันว่า รถเมล์ด่วนพิเศษ BRT เป็นทางเลือกหนึ่งในระบบขนส่งมวลชนเพื่อแก้ปัญหาจราจรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะเดินหน้า BRT สายแรก จากช่องนนทรีย์-ราชพฤกษ์ ให้แล้วเสร็จกลางปีหน้า และผลักดัน BRT สายที่ 2 จากหมอชิต - ศูนย์ราชการแห่งใหม่ แจ้งวัฒนะ แม้ นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะออกมาระบุว่า BRT อาจไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม
       
       ทั้งนี้ ขอยืนยันอีกด้วยว่า การผลักดัน BRT ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ กทม. ต้องการสร้างระบบขนส่งมวลชนที่มีความหลากหลาย สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ ทั้งยังมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ ซึ่ง BRT ใช้เงินลงทุนเพียง 100 ล้านบาท/กิโลเมตร ถูกกว่าการสร้างรถไฟใต้ดินถึง 30 เท่า และจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีครึ่งขณะที่รถไฟฟ้าใต้ดิน ใช้เวลาสร้างนานถึง 4 ปี จึงต้องการให้นายประภัสร์กลับไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ BRTให้ครบถ้วน และให้มีการเปิดบริการ BRT ก่อน แล้วจึงค่อยออกมาแสดงความคิดเห็นว่าโครงการดังกล่าวล้มเหลว
       
       “ข้อมูลของประภัสร์ เป็นข้อมูลเก่า น่าจะกลับไปศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อน อย่าเพิ่งมาบอกว่าโครงการบีอาร์ทีจะล้มเหลว ขอให้กทม.ได้เปิดใช้บีอาร์ทีสายแรกก่อนแล้วค่อยมาวิพากษ์วิจารณ์ซึ่งกทม.ก็พร้อมจะรับเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข แต่ตอนนี้ยังไม่ทันได้เห็นก็วิจารณ์ก่อนแล้ว เรื่องตัดกระแสจราจรก็ไม่กระทบมาก เพราะตัดแค่ 3 แยกเท่านั้นคือบนถนนนราราธิวาสฯ 2 แยก และอีกแห่งคือที่ถนนพระราม 3 ตัดนราธิวาสฯ ส่วนจะให้นำเอารถเมล์ขสมก.มาทดลองวิ่งก่อน มันก็เป็นไปไม่ได้เพราะประสิทธิภาพรถมันต่างกัน อีกทั้งยังไม่ได้มีการก่อสร้างสถานีเกาะกลางก็จะไม่ปลอดภัยกับประชาชน” รองผู้ว่าฯกทม.สรุป.-

ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์ 

ลิงค์มาจากที่นี่อีกที http://www.thainhf.org/index.php?module=news&page2=detail&id=118