ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ผู้ทำลาย ที่ 30-06-2006, 14:59



หัวข้อ: แววเผด็จการในรัฐบาลทักษิณ
เริ่มหัวข้อโดย: ผู้ทำลาย ที่ 30-06-2006, 14:59
แววเผด็จการในรัฐบาลทักษิณ


ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ กรรมการบริหารและ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวระบุ 6 คำ ที่มีลักษณะของการเมืองการปกครองที่มีแววเผด็จการ

หนึ่ง… กุมอำนาจ

การปกครองเผด็จการจะตกอยู่ภายใต้ผู้นำคนเดียวที่กุมอำนาจ จริงหรือไม่ว่าประเทศไทยก็ตกอยู่ภายใต้ผู้นำที่กุมอำนาจและตัดสินใจเพียงคนเดียว ตั้งแต่ เป็นเจ้าของพรรค สามารถกำหนดคณะรัฐมนตรี เลือกกรรมการบริหารพรรค กำหนดตำแหน่งผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรค สามารถกำหนดใครลงสมัครได้ในแต่ละเขต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สามารถแต่งตั้งคนสนิทและญาติ ให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในองค์กรของรัฐ นอกจากนี้ยังบริหารประเทศแบบรวมศูนย์อำนาจที่ซุปเปอร์ซีอีโอเพียงคนเดียวและไม่ให้ความสำคัญกับกระจายอำนาจ กล่าวคือไม่กระจายงบประมาณไปให้กับท้องถิ่นตามที่กฎหมายกำหนด โดยทั้งหมดที่กล่าวมานั้น คนอื่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจใด ๆ ทั้งสิ้น

สอง…เพิ่มอำนาจ

รัฐบาลเผด็จการมีความพยายามที่จะเพิ่มอำนาจให้กับตนเอง รัฐบาลจะออกเป็นกฎหมายเพื่อสร้างความชอบธรรม เช่น ฮิตเลอร์ออก พ.ร.บ.มอบอำนาจ (Enabling Act) มากอสออกกฎอัยการศึก เพื่อมุ่งให้ตนเองมีอำนาจมากขึ้นและครองอำนาจอย่างยาวนาน ขณะที่การเมืองไทยมีความละม้ายคล้ายคลึงกัน ตั้งแต่การเสนอร่างพระราชกฤษฏีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุม พ.ศ…. เพื่อให้นายกฯ และรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงมีอำนาจในการพิจารณาและตัดสินใจเรื่องใด ๆ โดยไม่จำเป็นต้องประชุมคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ โดยให้ถือว่าการตัดสินใจนั้นเป็นมติ ครม.ได้ หรือการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ให้อำนาจเบ็ดเสร็จกับนายกฯ  

สาม…ทอนอำนาจ

การทอนอำนาจสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนและประชาชนเกิดขึ้นในรัฐบาลเผด็จการ ตั้งแต่สมัยซูฮาร์โตที่เซ็นเซอร์สื่อมวลชน สมัยมาร์กอสเข้าไปแทรกแซงข้อมูล เมื่อพิจารณาถึงสังคมไทย รัฐบาลมีพฤติกรรมที่อาจตั้งข้อสังเกตได้ว่าพยายามเข้าไปแทรกแซงสื่อมวลชนหรือไม่ อาทิ การใช้งบโฆษณาของหน่วยราชการเป็นเครื่องมือต่อรองกับสื่อ เพื่อให้สื่อต้องยอมโดยไม่ใช้เสรีภาพอย่างเต็มที่ การปิดกั้นวิทยุชุมชน การถอดรายการต่าง ๆ ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล การยัดเยียดแต่รายการของรัฐบาลขณะที่ข้อมูลข่าวสารของฝ่ายค้านปรากฎต่อสาธารณะน้อยและสั้นมาก การใช้กลไกของรัฐในการตรวจสอบฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้เกิดความกลัวและไม่กล้าที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ส่วนการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ปรากฏชัดในเหตุการณ์ฆ่าตัดตอน 2,500 ศพในการทำสงครามกับยาเสพติด ข่าวสารเกี่ยวกับการอุ้มฆ่าประชาชน หรือการเลือกปฏิบัติในการพัฒนาจังหวัดหากไม่เลือกพรรคของผู้นำรัฐบาล

สี่…ใช้อำนาจ

รัฐบาลเผด็จการทุกยุคจะใช้อำนาจเพื่อพวกพ้องและส่วนตัว สมัยมาร์กอสตอบแทนแก่นายทหารด้วยเงินทองเพื่อให้สยบต่ออำนาจ ขณะที่ฮิตเลอร์มีกองกำลังส่วนตัวไว้ป้องกันตัวและทำลายฝ่ายตรงข้าม จริงหรือไม่ว่าการปกครองของบ้านเราในขณะนี้ มีการใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของพวกพ้องให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ ขณะที่นโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล มีข้อครหาว่า ทำเป็นตนเองและพวกพ้องของตนเองมากกว่าทำเป็นประโยชน์ของประชาชนหรือไม่

ห้า…เหลิงอำนาจ

หลักสำคัญของเผด็จการคือการเหลิงอำนาจ โดยไม่ให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งจะสังเกตุได้เช่นกันในรัฐบาลชุดนี้ที่พยายามไม่ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมคิด ร่วมทำอย่างเต็มที่ อาทิ ใครวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจะถูกผู้นำตอบโต้อย่างรุนแรงและสวนกลับอย่างทันควัน หรือกระบวนการกำหนดนโยบายยังปิดกั้นการมีส่วนร่วม โดยเฉพาะการไม่นำข้อตกลง FTA เข้าพิจารณาในสภาซึ่งถือเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย และการนำรัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหุ้น โดยไม่สนใจข้อทักท้วงใด ๆ   

หก…ไม่ดุลอำนาจ

เผด็จการทุกยุคทุกสมัยไม่ชอบการถ่วงดุลอำนาจ ดังการปกครองแบบฟาสซิสม์ ที่เน้นประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ ไม่ต้องการให้มีการถ่วงดุล จึงไปลดอำนาจรัฐสภา ขณะที่สังคมไทยถูกข้อครหาเสมอว่า องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นอิสระจริง เพราะมีการแทรกแซง การทำงาน ตั้งแต่กระบวนการสรรหา กระบวนการคัดเลือกบุคคล และกระบวนการใช้อำนาจขององค์กรอิสระ

หากประเทศปกครองภายใต้ “กุม เพิ่ม ทอน ใช้ เหลิง ไม่ดุล” อำนาจ จะเกิดอาการที่เรียกว่า บูรณาการอำนาจนิยมอันนำไปสู่บริบูรณ์อำนาจนิยม  ซึ่งจะแสดงออกเป็น 2 ทาง คือ “ทรราชย์อำนาจนิยม” ที่บูรณาการอำนาจเพื่อตนเองและพวกพ้อง และ “เทวอำนาจนิยม” ที่บูรณาการอำนาจเพื่อประเทศชาติ แต่ที่น่ากลัวกว่าทรราชย์อำนาจนิยม คือ “เทวกิตติมอำนาจนิยม”  ซึ่งเป็นผู้นำที่คิดว่าตนเองเก่งที่สุดที่จะปกครองประเทศได้ทั้งหมด เลยคิดไปว่าตนเองเป็นเทวดา ทั้ง ๆ ที่ความจริงไม่ใช่