ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: chaidan ที่ 23-09-2008, 16:24



หัวข้อ: บทความหมอประเวศ-การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ที่ดี
เริ่มหัวข้อโดย: chaidan ที่ 23-09-2008, 16:24
ขออนุญาติตัดแปะครับ
http://www.komchadluek.net/2008/09/23/x_main_a001_222498.php?news_id=222498 (http://www.komchadluek.net/2008/09/23/x_main_a001_222498.php?news_id=222498)
บทความหมอประเวศ-การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ที่ดี
การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ที่ดี โอกาสอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทย

ประเวศ วะสี

วิกฤตคือ โอกาส

ประเทศไทยวิกฤตสุดๆก็เป็นโอกาสสุดๆ เหมือนกัน

โอกาสอะไรโอกาสเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ที่ดี

ถ้าเราเข้าใจปรากฏการณ์ว่าเป็นโอกาสเราจะได้ไม่ทุกข์ไม่เครียดจนเกิน ไป มีสติปัญญา ช่วยให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ภวะใหม่ที่ดีเกิดขึ้นโดยเจ็บปวด น้อยที่สุด สูญเสียน้อยที่สุด หรือไม่สูญเสียเลย

๑.ตามปรกติวิกฤตนำไปสู่สงคราม

ตามปรกติในประเทศใดประเทศหนึ่งเมื่อวิกฤตสุดๆจนไม่มีทาง ไปก็จะเกิดสงครามหรือสงครามกลางเมือง เช่น สงครามกลางเมืองของสหรัฐ อเมริกา หรือการที่เยอรมนีและญี่ปุ่นเข้าสู่สงครามมีคนตายและทำให้คนตายหลาย สิบล้านคน การแพ้สงครามของเยอรมนีและญี่ปุ่นเป็นวิกฤตสุดๆ ของประเทศของ เขา แต่หลังจากแพ้สงครามปรากฎว่า เยอรมันและญี่ปุ่นเจริญอย่างรวดเร็ว เพราะ การแพ้สงครามเป็นโอกาสแก้ปัญหาที่ตามปรกติแก้ไม่ได้ และปัญหาที่แก้ไม่ ได้ ได้นำประเทศทั้งสองเข้าไปสู่สงคราม

สำหรับประเทศไทยซึ่งวิกฤตมากขึ้นเรื่อยๆจนถึง วิกฤตที่สุดในโลก มี ผู้ตั้งคำถามกันมานานแล้วว่าเราจะพ้นวิกฤตโดยไม่ต้องนองเลือดได้อย่างไร และ ก็มองไม่เห็นว่าจะไม่นองเลือดได้อย่างไร อาจจะเป็นบุญของประเทศเรา บุญซึ่ง เกิดจากเหตุปัจจัยเฉพาะบางอย่าง ประเทศของเรากำลังจะผ่านสภาวะวิกฤตสุดๆ ไป สู่สิ่งใหม่ที่ดีโดยไม่ต้องนองเลือด

๒.มหาวิกฤตการณ์สยาม

สังคมไทยไม่สามารถแก้ปัญหาหลักๆอันได้แก่ ความยากจนและ ความอยุติธรรมในสังคม ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยถ่างกว้างมากขึ้น ก่อให้ เกิดปัญหาทางสังคม สิ่งแวดล้อม และการเมืองอันสลับซับซ้อน การเอารัดเอา เปรียบและฉ้อฉลเพิ่มขึ้นทุกวงการ เป็นวิกฤตการณ์ทางศีลธรรมที่บีบคั้นคนไทย มากขึ้นๆ อย่างมองไม่เห็นทางออก เครื่องมือต่างๆ เช่น กลไกรัฐ ระบบการ ศึกษา ระบบการเมืองดูไม่มีน้ำยาที่จะแก้ไขสภาพวิกฤต หรือตัวเองก่อให้เกิด ปัญหาวิกฤตมากขึ้น อย่างที่เรียกว่าการเมืองน้ำเน่าก็วนเวียนอย่างนั้นและ เลวร้ายกว่าเดิม รัฐประหารก็ทำกันมาหลายครั้ง รัฐธรรมนูญก็ร่างกันมาหลาย ฉบับ เรียกว่าลองกันมาหมดทุกอย่างก็ไม่หายวิกฤต นี่แหละที่เรียกว่าวิกฤต สุดๆ หรือวิกฤตที่สุดในโลก จนไม่มีทางไปในภวะเดิม ต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่ภวะ ใหม่

๓.พลังอำนาจทางสังคม

เราคุ้นเคยอยู่กับพลังอำนาจ๒ ประเภท คือ

= พลังอำนาจรัฐ(รัฐฐานุภาพ) ใช้กฎหมายและกำลังติดอาวุธ คือทหารและตำรวจ

= พลังอำนาจเงิน(ธนานุภาพ) ใช้เงินเป็นอำนาจ ซึ่งอาจครอบงำอำนาจรัฐได้ด้วย

ทั้งสองอำนาจนี้ประสบความล้มเหลวในการขจัดความไม่ถูกต้องเป็นธรรม หรือกลับเป็นปัญหาเสียเอง ในสังคมสมัยใหม่ที่ซับซ้อนการใช้อำนาจเกือบจะแก้ ปัญหาอะไรไม่ได้เลย แต่กลับสร้างปัญหามากขึ้น ดังที่การปฏิวัติรัฐ ประหาร หรือการที่ทุนขนาดใหญ่เข้ามายึดอำนาจรัฐก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้แต่กลับ เป็นปัญหาเสียเอง

มีพลังอำนาจอีกชนิดหนึ่งที่เราไม่ค่อยรู้จักกันคือ พลังอำนาจทางสังคมหรือสังคมมานุภาพ

อำนาจสังคมยุติความชั่วร้ายทั้งปวง

ดังตัวอย่างต่อไปนี้

(๑) สมัยก่อนโจรปล้นควายชุกชุม โจรปล้นควายเป็นคนกลุ่มเล็กๆ มีปืน เที่ยวปล้นควายชาวบ้านก่อความเดือดร้อนทั่วไป เจ้าหน้าที่บ้านเมืองแก้ไขไม่ ได้ ต่อเมื่อชาวบ้านทั้งหมู่บ้านรวมตัวกันจัดเวรยามตีเกราะเคาะไม้ เมื่อโจร มาชาวบ้านตื่นขึ้นมาพร้อมกันทั้งหมู่บ้าน โจรก็ทำอะไรไม่ได้ การที่ชาวบ้าน รวมตัวกันทั้งหมู่บ้านนั่นแหละ คืออำนาจสังคมหรืออำนาจแห่งการรวมตัวกัน

(๒) ที่อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ย้อนหลังไป ๒๐ ปี ชาวบ้านเดือดร้อน มาก จากการให้สัมปทานป่าชายเลน และการที่มีเรือประมงขนาดใหญ่เข้ามาใช้อวน รุนชิดชายฝั่ง ซึ่งคราดเอาหญ้าทะเลไปหมด กุ้งหอย ปูปลาไม่มีที่อนุบาล ชาว บ้านยากจนลงเพราะขาดแคลนอาหาร ชาวบ้านจะร้องเรียนทางราชการอย่างไร ๆ ก็ไม่ ได้ผล เพราะเจ้าของเรือประมงขนาดใหญ่มีอำนาจมากกว่า ต่อมาชาวบ้านรวมตัวกัน สร้างเครื่องป้องกันไม่ให้เรือประมงขนาดใหญ่เข้ามาลากอวนชิดชายฝั่งซึ่งผิด กฎหมาย เอาปะการังเทียมและหญ้าทะเลลง ความสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อมกลับคืน มา กุ้งหอยปูปลากลับมา ชาวบ้านพ้นจากความอดอยากยากแค้น และขณะนี้รวมตัวกัน รักษาชายฝั่งทะเลอันดามันขยายตัวออกไปทั้งทางเหนือและทางใต้ อำนาจแห่งการ รวมตัวกันหรือความเป็นสังคมทำให้ความไม่ดียุติลงได้

(๓) ที่ดอนสามหมื่นจังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มลักลอบตัดต้นไม้ขึ้นไป พร้อมทั้งเครื่องมือ คือรถยนต์ เลื่อยไฟฟ้า ปืนเครื่องมือสื่อสาร คนตัดไม้ ทำลายป่ามีอำนาจเกินกำลังเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ดีๆ จึงถูก ฆ่าตายหรือฆ่าตัวตาย เช่น คุณสืบ นาคะเสถียร แต่เมื่อโจรตัดต้นไม้กลุ่มนี้ ขึ้นไปเจอชาวบ้านรวมตัวกันอยู่หนึ่งพันคน ก็ไม่กล้าตัดต้นไม้

จึงกล่าวว่าอำนาจสังคมหรืออำนาจแห่งการรวมตัวของประชาชนคือเครื่องยุติความชั่วร้ายทั้งปวง

สังคมคือผู้กำกับความถูกต้อง

ตัวอย่าง

(๑) เมื่อครั้งพุทธกาล พระที่กรุงโกสัมพีแบ่งเป็นสองพวกทะเลาะกันยืด เยื้อทำอย่างไรๆ ก็ไม่หยุด พระพุทธองค์เสด็จไปทรงห้ามก็ไม่เชื่อแถมยังว่า พระพุทธเจ้าเสียอีก พระบรมศาสดาจึงเสด็จหลีกเข้าป่าปาเลไลย์ไป ต่อมาชาวบ้าน รำคาญหยุดใส่บาตรพระทั้งนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงหมดกำลัง หยุดทะเลาะ เรื่องนี้ แสดงให้เห็นว่าแม้แต่พระศาสดาของพระเหล่านั้นเองยังยุติความขัดแจ้งไม่ ได้ แต่สังคมคือชาวบ้านทั้งหลายสามารถทำได้

(๒) คนเราจากทุกประเทศจะเจริญหรือไม่เจริญอย่างไรก็ไปเล่นฟุตบอล กันได้ทั่วโลก เพราะในการเล่นฟุตบอลมีกรอบ กติกา และกลไกชัดเจน มีผู้กำกับ เส้นดูแลให้เล่นอยู่ในกรอบ มีกรรมการกำกับให้เล่นตามกติกา กรรมการและผู้ กำกับเส้นอาจโกงได้ แต่โกงไม่ได้ เพราะมีคนดูคอยกำกับอยู่อีกทีหนึ่ง คนดู คือสังคมคอยกำกับความถูกต้อง

ผู้มีอำนาจใดๆ ไม่ว่าอำนาจรัฐ อำนาจเงิน หรือกรรมการหรือแม้แต่พระ อาจโกงได้เสมอถ้าไม่มีสังคมคอยกำกับ อำนาจสังคมคืออำนาจที่กำกับทำให้เกิด ความถูกต้อง นี่เป็นข้อที่เราจะต้องตราไว้ ว่าจะไม่ไปเรียกร้องผู้มีอำนาจ ใดๆ ให้เข้ามาแก้ปัญหา เพราะไม่สามารถแก้ได้ แต่อำนาจสังคมนั่นแหละที่จะ กำกับให้เกิดความถูกต้อง

๔.

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกับระบอบทักษิณ

พธม.กับระบอบทักษิณเป็นตัวอย่างให้เราเรียนรู้อย่างเป็นรูปธรรมถึง พลังอำนาจทางสังคมระบอบทักษิณคงจะมีทั้งคุณและโทษสุดแต่ผู้มอง แต่ที่ แน่ๆ ก็คือระบอบทักษิณทรงพลังอำนาจมหาศาล ทักษิณานุภาพนี้ไม่มีองค์กรหรือ สถาบันใดๆ จะต้านทานได้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะถูกหรือผิดแล้ว แต่ผู้มอง แต่ที่แน่ๆ คือเป็นการรวมตัวของมหาชนอันหลากหลายจำนวนมากนับแสน นับล้าน เป็นพลังทางสังคมที่ทำให้ทักษิณานุภาพแม้ทรงมหิธานุภาพเพียงใด ก็ อ่อนกำลังลงและเปิดโอกาสให้กระบวนการยุติธรรมเข้มแข็งขึ้น

การที่ขบวนการการเมืองภาคประชาชนเติบโตเข้มแข็งขึ้นส่วนหนึ่งเกิด จากวิกฤตการณ์สุดๆ ไม่มีทางไป และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากมีคนอย่างคุณ ทักษิณ และคุณสมัคร ถ้าปราศจากคนอย่างคุณทักษิณและคุณสมัครขบวนการประชาชนก็ จะไม่เติบโตอย่างนี้ การที่คนในชาติรวมตัวกันเป็นสังคมเข้มแข็ง เป็นเรื่อง ที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่ถ้าเกิดขึ้นเป็นทุนทางสังคมอันยิ่งใหญ่

การรวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชนจำนวนมากเกิดจากการมี เป้าหมายร่วมประชาชนควรจะรวมตัวร่วมคิดร่วมทำในทุกพื้นที่ ในทุกองค์กร และ ในทุกเรื่อง เกิด เป็นประชาสังคมหรือสังคมเข้มแข็ง

สังคมเข้มแข็งนั่นแหละคือประชาธิปไตยโดยสาระในขณะที่กลไกทางการเมืองอาจเป็นเพียงรูปแบบ

ประเทศใดที่สังคมเข้มแข็งเศรษฐกิจจะดี การเมืองจะดี และศีลธรรมจะดี นี้เป็นสัจจะซึ่งสามารถตรวจสอบจากหลักฐานในข้อเท็จจริงจากทั่วโลก

๕.

ประชาธิปไตยมาก่อนรัฐธรรมนูญ

เมื่อผมเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย(คพป.) เมื่อ พ. ศ. ๒๕๓๗ และ คพป.เสนอให้ยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่เพื่อปฏิรูปการเมือง นั้น มิตรที่เป็นนักทฤษฎีประชาธิปไตยเตือนผมว่าลัทธิรัฐธรรมนูญไม่นำไปสู่ ประชาธิปไตย ประชาธิปไตยต้องมาก่อนรัฐธรรมนูญ ผมเป็นหมอไม่มีความรู้ความ ชำนาญใดๆ ทางการเมือง แต่สังคมไทยได้เรียนรู้แล้วว่ารัฐธรรมนูญไม่มีพลังที่ จะต้านอำนาจเผด็จการ เรามีรัฐธรรมนูญมาหลายฉบับแล้วไม่สามารถสร้าง ประชาธิปไตยที่แท้ได้

สมมติว่าลองคิดกลับกันเสียว่าประชาธิปไตยมาก่อนรัฐธรรมนูญ

นั่นคือประชาชนจำนวนมากมีความสำนึกในอิสรภาพและศักดิ์ศรีแห่งความ เป็นคนของตนเองและพยายามทำอะไรดีๆ รวมตัวร่วมคิดร่วมทำเป็นกลุ่มและเชื่อม โยงกันเป็นเครือข่าย ในโครงสร้างเผด็จการ (รูป ก.)

(ก)  โครงสร้างเผด็จการ       (ข)   โครงสร้างประชาธิปไตยมีการรวมตัว

                 ใช้อำนาจสั่งการจากบนลงล่าง          ร่วมทำด้วยความสมัครใจเล็กหรือใหญ่

อาจใหญ่เป็นมวลชนมหาชนที่มี

วัตถุประสงค์ร่วมกัน

       

มีการใช้อำนาจสั่งการจากบนลงล่างโครงสร้างชนิดนี้มีความไม่เป็นธรรม สูงมีการเรียนรู้น้อย ไม่มีพลังที่จะแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ในโครงสร้าง ประชาธิปไตย (รูป ข.) คนแต่ละคนมีเสรีภาพ ใช้ศักยภาพของตนเองได้เต็มที่ รวม ตัวร่วมคิดร่วมทำด้วยความสมัครใจ ด้วยความเสมอภาคและภราดรภาพ เชื่อมโยงกัน เป็นเครือข่าย เกิดเป็นผลในทางสังคม หรือสังคมเข้มแข็ง

พลังทางสังคมที่เข้ามาตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐและมีส่วนในนโยบาย สาธารณะ(ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๘๗) เป็นการเมืองภาคพลเมืองหรือการเมืองภาค ประชาชน การเมืองภาคประชาชนมีพลังการตรวจสอบและกำกับให้เกิดความถูกต้องทาง การเมืองมากกว่ารัฐสภา และมากกว่าองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ในสภาพการณ์ ปัจจุบันนี่เป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่าประชาธิปไตยมาก่อนรัฐธรรมนูญ เพราะ ประชาชนสามารถรวมตัวกันเคลื่อนไหวประชาธิปไตยก่อนมีรัฐธรรมนูญ

๖.

ขบวนการมหาประชนเพื่อธรรมาธิปไตย-ประชาธิปไตย

พธม.คงจะมีทำผิดบ้างแต่ภาพรวมคือขบวนการประชาชนขนาดใหญ่ที่ตรวจสอบ อำนาจทางการเมือง การเมืองภาคประชาชนถ้าทะนุบำรุงหล่อเลี้ยงให้เติบโตแข็ง แรงมีความถูกต้องก็จะเป็นพลังทางศีลธรรมอันยิ่งใหญ่ที่จะกำกับตรวจสอบ และ ส่งเสริมให้เกิดความถูกต้องทุกด้าน ทั้งการเมือง สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวด ล้อม การศึกษา การพัฒนาจิตใจ และสันติวิธี

การเมืองภาคประชาชนต้องเป็นพลังทางจิตสำนึกพลังทางความรู้ พลังทาง การสื่อสาร พลังทางสังคม ซึ่งถ้าทำได้ธรรมาธิปไตยกับประชาธิปไตย จะเข้ามา ซ้อนทับกัน ประชาธิปไตยกับธรรมะจะต้องผนวกกัน

ขบวนการมหาประชาชนเพื่อธรรมาธิปไตยประชาธิปไตย จะเป็นปราการอัน แข็งแกร่งที่ทำให้การเมืองดีและขบวนการยุติธรรมแข็งแรง รวมทั้งสิ่ง ดีๆ อื่นๆ เกิดตามมา

พธม.ควรจะอยู่กับจุดแข็งของพธม. คือ สร้างขบวนการมหาประชาชนเพื่อ ธรรมาธิปไตย-ประชาธิปไตย มากกว่าเข้าไปสู่กลไกและรูปแบบทางการเมือง ซึ่งจะ เปลืองตัวและทำให้ตัวเองอ่อนแอลง ขบวนการมหาประชาชนเพื่อธรรมาธิปไตย -ประชาธิปไตย จะไปทำให้เกิดกลไกและรูปแบบทางการเมืองต้องปรับตัวไปสู่ ประชาธิปไตยเอง ซึ่งการกระจายอำนาจไปอย่างทั่วถึง และทุกส่วนของสังคม จะปฏิ สัมพันธ์ด้วยการเรียนรู้และตรวจสอบซึ่งกันและกัน แทนที่การใช้อำนาจจากบนลง ล่างแบบแยกส่วนตายตัวซึ่งเป็นการเมืองแบบเก่า ประชาธิปไตยจะกลายเป็น วัฒนธรรมที่เข้ามาอยู่เหนือกลไกทางการเมือง

๗.

ความมุ่งมั่นร่วมกันของคนไทยทั้งมวลในการบินออกจากเข่ง

การที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะมีการปฏิวัติประชาธิปไตยโดยมวลชนด้วย สันติวิธีเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่โอกาสกำลังอยู่ต่อหน้าเราแล้ว ด้วย ลักษณะพิเศษของคนไทยทำให้การปฏิวัติด้วยสันติวิธีเป็นไปได้และถ้าเป็นจริงจะ เป็นศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่ของคนไทยว่าเราเป็นคนที่เจริญ

คนไทยเหมือนไก่อยู่ในเข่งขณะที่รอความพินาศต่อชีวิตจะมาถึงด้วยกัน ทั้งหมดทั้งสิ้น ยังจิกตีกันร่ำไป ที่จิกตีเพราะในเข่งมันคับแคบบีบคั้นทำ ให้กระทบกระทั่งกัน

เข่งคือระบอบเผด็จการอันคับแคบต้องรวมตัวกันบินออกจากเข่ง นั่นคือ สร้างระบอบประชาธิปไตยการปฏิวัติประชาธิปไตยโดยคนไทยทั้งมวลสามารถทำได้ด้วย สันติวิธี ไม่มีการยึดอำนาจหรือการฆ่าแกงอะไรใครทั้งสิ้น แต่โดยคนไทยมี สำนึกประชาธิปไตยแล้วรวมตัวกันเป็นเครือข่ายประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ เชื่อมโยงกันเต็มประเทศ โดยไม่ต้องรอรัฐธรรมนูญ เพราะประชาธิปไตยต้องมาก่อน รัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญและองค์กรทางการเมืองที่จะเกิดตามมาเป็นระบบ ภายใต้ ระบอบประชาธิปไตย

ขบวนการมหาประชาชนเพื่อธรรมาธิปไตย-ประชาธิปไตยเป็นขบวนการที่ ใครๆ ก็เข้าร่วมได้ เพราะไม่ได้เป็นศัตรูกับใครและไม่ได้โค่นล้มอะไรใคร แต่ เป็นการที่ประชาชนจับมือกันสถาปนาระบอบประชาธิปไตยขึ้นเองด้วยสันติวิธี

โอกาสอยู่ต่อหน้าเราแล้วที่จะร่วมกันเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ที่ ดีในระบอบประชาธิปไตยอันเป็นธรรมนี้ ความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันเป็นเรื่อง ไม่ยาก ยุคศรีอาริยะที่คนไทยใฝ่ฝันกันมาเนิ่นนานจะเป็นจริงได้

ประเทศไทยที่เข้มแข็งเป็นธรรมและศานตินอกจากประโยชน์ของตัวเองแล้ว ยังช่วยชาวโลกได้ด้วย เพราะล้วนเป็นเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกเดียวกัน.


หัวข้อ: Re: บทความหมอประเวศ-การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ที่ดี
เริ่มหัวข้อโดย: chaturant ที่ 23-09-2008, 17:10
ชอบ ท่านนนนนนนนหมอ ประเวศ วะสี จังเลย


หัวข้อ: Re: บทความหมอประเวศ-การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ที่ดี
เริ่มหัวข้อโดย: หมักเมถุน ที่ 23-09-2008, 20:26
อ้างถึง
พธม.ควรจะอยู่กับจุดแข็งของพธม. คือ สร้างขบวนการมหาประชาชนเพื่อ ธรรมาธิปไตย-ประชาธิปไตย มากกว่าเข้าไปสู่กลไกและรูปแบบทางการเมือง ซึ่งจะ เปลืองตัวและทำให้ตัวเองอ่อนแอลง

เห็นด้วยกับข้อความนี้ของอ.หมอประเวศมากครับ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นทางพันธมิตรเอง ก็ได้ปรับเปลี่ยนท่าทีต่อเรื่องการเมืองใหม่ไปมากพอสมควร 
ซึ่งหลายคนมีความเห็นตรงกันว่าผู้ที่จุดประเด็นเรื่องนี้(ยะใส) อาจจะนึกเสียใจหรือเสียดาย ที่กลายเป็นประเด็นให้พวกที่บูชาระบอบประชาธิปไตยแค่รูปแบบ
นำไปบิดเบือนโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า และประชาชนส่วนมากที่รู้จักประชาธิปไตยแค่รูปแบบ ก็พร้อมที่จะเชื่อในสิ่งที่ถูกบิดเบือนเหล่านั้น เพราะไม่เข้าใจถึงหลักการและจิตวิญญาณของประชาธิปไตย :?


หัวข้อ: Re: บทความหมอประเวศ-การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ที่ดี
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 23-09-2008, 21:45
หลุมดำ ในความหมายของ ศ.นพ.ประเวศ วสี คืออะไร  

http://www.oknation.net/blog/canthai/2007/07/17/entry-1

จินตนาการใหญ่
ไทยเป็นมหาอำนาจทางความดี


http://www.oknation.net/blog/canthai/2008/09/13/entry-2



หัวข้อ: Re: บทความหมอประเวศ-การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ที่ดี
เริ่มหัวข้อโดย: Augustine ที่ 24-09-2008, 00:20
เห็นด้วยกับข้อความนี้ของอ.หมอประเวศมากครับ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นทางพันธมิตรเอง ก็ได้ปรับเปลี่ยนท่าทีต่อเรื่องการเมืองใหม่ไปมากพอสมควร 
ซึ่งหลายคนมีความเห็นตรงกันว่าผู้ที่จุดประเด็นเรื่องนี้(ยะใส) อาจจะนึกเสียใจหรือเสียดาย ที่กลายเป็นประเด็นให้พวกที่บูชาระบอบประชาธิปไตยแค่รูปแบบ
นำไปบิดเบือนโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า และประชาชนส่วนมากที่รู้จักประชาธิปไตยแค่รูปแบบ ก็พร้อมที่จะเชื่อในสิ่งที่ถูกบิดเบือนเหล่านั้น เพราะไม่เข้าใจถึงหลักการและจิตวิญญาณของประชาธิปไตย :?

เจ็บหนักเลย *--*