ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

เท่าที่เห็นเขาโฆษณา มีทั้งหมอประเวศ อาจารย์นิธิ อาจารย์ปริญญา ฯลฯ

ติดตามชมตามสะดวกครับ

เฮอะ เฮอะ...

ท่าน นิธิ ......   เห็นชื่อแล้ว เสียวง่ะ...

คงมาเป็น ฝ่ายค้าน ตามระเบียบมั้ง...


 :slime_agreed: :slime_fighto: :slime_agreed:

ดีครับ ให้มาคุยกันถกกันทุกฝ่ายให้เคลียร์ สังคมทุกภาคส่วนจะได้เข้าใจ มองหาข้อดีข้อเสีย มองหาความเป็นไปได้

ถกกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่าปล่อยให้มันอึมครึม คิดกันเอง เออออกันเอง ถ้ามันดีจริงประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย

แล้วทุกอย่างมันจะดีเอง

เห็นรายชื่อผู้ร่วมรายการเท่าที่เห็นแล้ว แทบไม่น่าศรัทธาเท่าไร

แล้วควรจะเป็นใครละครับ ที่คุณศรัทธา

เท่าทีเห็นในความหมายผมตอนนี้ก็คือรายชื่อตามที่ จขกท ลงนั่นและครับ จะมีก็มีหมอประเวศที่โอเค ส่วนรายชื่อทั้งหมดจริงๆผมยังไม่เห็น ต้องดูอีกที

อย่าลืมบอกด้วยนะครับว่าของเก่าไม่ดียังไง

ติดตามรายการนี้สักพัก สรุปได้ดังนี้ครับ

1.อ.นิธิยิงตรงประเด็นการเมืองหมายถึง "การต่อรอง" ของคนกลุ่มต่างๆ ซึ่ีงเป็นประเด็นเปิดไปที่ "ยุทธวิธี" ที่เป็นรูปธรรมอันหลากหลายของประชาธิปไตย

2.อ.ประภาส (แกนนำคนสำคัญของสมัชชาคนจน) เน้นเนื้อหาการเมืองภาคประชาชน การรวมตัวเพื่อ "ต่อรอง" เพื่อใช้อำนาจประชาธิปไตยโดยตรง

3.อ.สุชัย (เขียนถูกเปล่าหว่า?) แตกประเด็นในเรื่องเวทีต่อรองมี 2 รูปแบบหลักคือ ในระบบเลือกตั้ง และนอกระบบเลือกตั้ง.. ถ้าไปเน้นแค่เวทีต่อรองในระบบเพียงประการเดียว ก็คือการทำลายเวทีต่อรองของภาคประชาชน

ทั้งหมดเห็นสอดคล้องกันว่าประชาธิปไตยต้องการ "โอกาส" ให้กับประชาชนทุกคน

ในที่นี้อาจารย์นิธิยิงประเด็นสำคัญ (อีกแล้ว) ในเรื่องเหตุผลของการปิดถนน... ตัวอย่างคือเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ภาคใต้ ซึ่งที่จริงผู้ว่าฯ ที่มีอำนาจตรงก็ไม่ได้สนับสนุนโรงไฟฟ้าแต่นิ่งๆ และการปิดถนนเองเป็นเรื่องที่ประชาชนทั่วไปไม่ยอมรับ แต่ถ้ามองในมุมของการ "ต่อรอง" สิ่งนี้เป็นการบีบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเข้ามาตัดสินเสียทีว่าจะเปิดหรือไม่เปิดโรงไฟฟ้า

--------------

ในความเห็นของผม... การเมืองใหม่ที่พันธมิตรกำลังนำเสนออยู่นี้ (70:30) อยู่ในพื้นที่ของประชาธิปไตยแบบมีตัวแทน... น่าสนใจอย่างยิ่งว่าจะเปิด "โอกาส" ให้ประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมได้ขนาดไหน หรือเพียงแค่การเปลี่ยนระบบตัวแทนมาที่กลุ่มสาขาอาชีพเท่านั้น??

การเมืองใหม่ของพันธมิตรจะต้องข้ามไปไกลมากกว่าการปักธงต่อสู้กับระบบรวบอำนาจเข้ามากินประเทศผ่าน "การเลือกตั้ง"... จึงอาจจะได้รับการสนับสนุนเพิ่มจากกลุ่มคนที่กว้างขึ้น และเป็นการปักธงเครือข่ายพันธมิตรฯ ให้มีพื้นที่และเติบโตอย่างมีคุณภาพเพื่อร่วมพัฒนาชาติประชาธิปไตยในอนาคตต่อไปครับ

ไม่อยากเชื่อเลยว่า อ.นิธิจะโจมตีรัฐธรรมนูญ40... ที่ไปเน้นการปฏิรูป "การเมือง" แต่เพียงอย่างเดียว ทำให้ในระดับเนื้อหาอย่างเรื่อง การจัดสรรทรัพยากรที่ไม่เป็นธรรม การปฏิรูปที่ดิน ฯลฯ ถูกละเลยไป เป็นสาเหตุให้เรายังคงได้นักการเมืองจากเงื่อนไขเดิมๆ ห่วยแบบเดิมๆ เข้ามาบริหารประเทศ... แกนำเสนอให้ใช้คำว่า "ปฏิรูปสังคม" ในครั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประเด็นอื่นๆ ได้มีพื้นที่เข้ามา

แกเห็นด้วยกับการนำเสนอแนวคิดปฏิรูปใดใดในช่วงนี้ ด้วยเหตุผลที่ธรรมดาแต่ตรงใจอย่างยิ่ง... ที่เรากำลังคุยกันอยู่เปรียบเสมือนการวางแผนให้กับประเทศชาติ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้วไม่เคยมีการวางแผนใดใดที่ได้ผลเต็ม 100% แต่ในขณะเดียวกัน จะวางแผนหรือไม่วางแผน ตัวสังคมเองก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว... วางแผนเสียหน่อยมันย่อมดีกว่า

กำลังดูอยู่ครับ

เอ่าเวง ลืมดู
ขอคลิปทีครับ

แนวทางประชาธิปไตยฐานรากครับ ศึกษาได้จากเนื้อหาของคุณหมอประเวศ วะสี ได้เลย

นั่นคือสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลขิงแก่ มีสภาองค์กรชุมชน ( พรบ. ออกแล้วมั๊ง )

มีชุมชนต้นแบบแล้วขยายแนวออกไป ( โดยมีวิทยากรครูแม่ไก่  ก็คล้ายๆ พัฒนากร นั่นแหละครับ )

พูดง่ายๆ คือ ประชาธิปไตยใหม่ หรือการเมืองใหม่ที่สร้างอำนาจตามแนวนอน หรือแนวขวาง

เมื่อองค์กรภาคประชาชาตามแนวขวางมีความเข้มแข็งในระยะหนึ่ง ก็จะเกิด "ผู้นำตามธรรมชาติ" ขึ้นมา

การเมืองใหม่ ในทัศนะหมอประเวศ ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่กำหนดนโยบายจากส่วนกลางหรือส่วนบนลงล่างตามแนวดิ่ง

ต้องเปิดพื้นที่ชุมชน ให้แต่ละชุมชุนมีที่ยืนของตนเอง มีเวทีของตนเอง ช่วยตัวเอง

แนวทางนี้ก็ต้องกลับไปใช้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง / คุณธรรม ในชุมชนสร้างเครือข่ายประชาชน

อาจถือว่าเป็นคลัสเตอร์เล็กๆ แล้วรวมกันเป็นพลังจากฐานราก

ชุมชนลักษณะนี้ สามารถสร้างขึ้นจากหมูบ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด เชื่อมร้อยกันขึ้นมา

หากมาถึงระดับอำเภอ ก็จะมีกลุ่มอาชีพ SML ต่างๆ

โดยสรุปคือเน้นความเข้มแข็งของชุมชน ไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยี่ หรือระดับทุนชาติ ทุนข้ามชาติ

ลองหาข้อมูลจากบล็อค คุณหมอพลเดช หรือกระทรวงพัฒนาสังคม ในสมัยรัฐบาลขิงแก่

เรื่อง "ชุมชนเข้มแข็ง"

หรือ "การเมืองใหม่ การเมืองที่ไม่ใช้เงินเป็นใหญ่"

หรือ "ยุทธศาสตร์รัตนโกสินทร์" ของหมอประเวศ

ต้องใช้จินตนาการที่ยิ่งใหญ่จริงๆครับ ถึงจะสร้างระบอบในฝันได้

มาอัพเดทต่อครับลุงแคน

ในช่วงสุดท้าย... พิธีกรนำร่องด้วยโมเดล "ประชาธิปไตยจากฐานราก" ของหมอประเวศ ตามด้วยการนำเสนอตัวอย่างจากชาวหมู่บ้าน (ลืมไปแล้ว ขออภัยอย่างยิ่ง) ซึ่งได้รับการตอบรับจากอ.ประภาส คุณชูชัย (เป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่ อ.สุชัย)

ในขณะที่รายการกำลังจะนำเข้าไปสู่ประเด็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดประชาธิปไตยจากฐานรากนี้เอง... อ.นิธิได้ดักคอกันอีกครั้งหนึ่งว่าเราอย่าเพิ่งไปมองแยกส่วนการเมืองในระบบกับนอกระบบออกจากกัน หรือแม้แต่การแยกการเมืองออกจากส่วนอื่นๆ ...ไม่เช่นนั้นเราจะแก้ปัญหาบางประการไม่ได้ เพราะมีอำนาจอีกอย่างน้อย 2 ประการคือ ทุน กับ ราชการ ที่มิได้มีการ accountable (ตรวจสอบ) ผ่านประชาชนแล้วสามารถใช้อำนาจได้เลย นักการเมืองไม่กล้ารื้อฝายของชาวบ้านที่มีเป็นร้อยปี แต่ราชการกล้าและสามารถทำได้เลย... สิ่งที่เราต้องการก็คือ "โอกาส" หรือ "พื้นที่" ให้กับประชาชนเข้าไปมีส่วนในเรื่องเหล่านี้ด้วย... ในรัฐธรรมนูญเก่าเขียนไว้ว่าเรามีสิทธิในทรัพยากร แต่ไม่เคยมีกฎหมายอื่นที่ให้อำนาจเช่นนั้นจริงๆ (เขียนไว้ให้ดูเล่น ประมาณนั้น)

พิธีกรพยายามนำเสนอกลับเข้ามาที่เรื่องรูปธรรมที่เป็น "เอกภาพ" กันอีกครั้ง... ทั้งในเรื่องรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และกระแสมวลชน (พยายามผลักดันประชาธิปไตยจากฐานรากอีกครั้ง) ถูกอาจารย์นิธิดักอีกเช่นเคย.... ม๊อบชาวกะเหรี่ยง แก้ปัญหาชาวกะเหรี่ยงนั้น แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเยาวราชมิจำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย และไม่จำเป็นต้องเดินทางไปสนับสนุนหรือประท้วงไปถึงดอยที่กะเหรี่ยงอยู่

สุดท้าย... เรื่องอนาคตการเมืองใหม่ อาจารย์ประภาสฝากสิ่งเหล่านี้ให้กับ "สื่อมวลชน" ให้มีรายการหรือพื้นที่ให้กับประชาชนได้นำเสนอเรื่องเหล่านี้มากๆ ทำไปเรื่อยๆ ยังมิต้องรีบสรุป

ตีความแบบผม เข้าใจว่าแกมองว่า ไปแก้ไขแต่รูปแบบ หรือระบบ ลืมมองเนื้อหาที่ยังมีความไม่เป็นธรรมอีกมากมาย

มีรัฐธรรมนูญดี แต่ไม่มีกฎหมายระดับรองๆ ออกมารองรับ แม้กฎหมายป่าชุมชุน รู้สึกยังไม่ได้แตะกันเลย

และเป็นกฎหมายฉบับแรก ที่ประชาชนร่วมกันร่างและนำเสนอสู่สภาผู้แทน...

ที่เราต่อสู้นกันอยู่ ในเวลานี้ เป็นการวางระบบการเข้าสู่อำนาจ ตลอดไปถึงการตรวจสอบและการใช้ประชาธิปไตยทางตรง