ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 กันยายน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ "คุยได้ คุยดี" ทางวิทยุเอฟเอ็ม 96.5 โดยมี นายวีระ ธีรภัทร เป็นผู้จัดรายการ ว่า ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะผมคิดว่าได้แก้เคล็ดไปแล้วเมื่อตอนได้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและส.ว. แต่ต่อมามีคนมาถามให้เป็นหัวหน้าพรรค ก็เลยไม่ขัดข้องและประสบความสำเร็จ ได้เป็นนายกฯ แต่กลับมีกลุ่มคนพยายามหาเรื่อง ตอนแรกเป็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากนั้นเป็นเรื่องเขาพระวิหาร แล้วก็มาเรื่องการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ก็หาเรื่องมาจนได้


เมื่อถามว่า สาเหตุของคนกลุ่มนี้คืออะไร นายสมัคร กล่าวว่า มีสาเหตุมาจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พวกนั้นทำอะไรตนไม่ได้ จึงนำตนไปผูกพันกับอดีตนายกฯ ด้วย อย่างไรก็ตาม ทุกคนมีสิทธิไม่ไว้วางใจตน แต่ต้องทำภายในสภา และทุกคนสามารถแสดงความเห็นได้ แต่การแสดงความคิดเห็นตอนนี้มันเกิดกว่าเหตุและไม่มีขอบเขต อยากถามว่าหากตนลาออกไป แล้วนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯ จากนั้นมีกลุ่มคนออกมาไล่แบบนี้อีก จะสามารถทำได้หรือไม่


"การกล่าวหาผมสามารถทำได้ แต่ต้องมีการพิสูจน์ อยากถามว่าผมสั่งศาลได้เหรอ ผมยืนยันว่าไม่เป็นนอมินิ ผมพยายามแสดงให้คนว่าเป็นคนละคน คนละเวลา คนละพรรค แต่กลับมีคนที่มีที่มาไม่ถูกต้องมาไล่ผม ผมว่าเรื่องแบบนี้ไม่สามารถทำได้" นายสมัคร กล่าว


เมื่อถามว่า มีคนข้องใจว่าเหตุใดนายสมัครจึงไม่ยอมถอนพาสปอร์ตแดงของพ.ต.ท.ทักษิณ นายสมัคร กล่าวว่า จริงๆ แล้วเรื่องนี้ต้องเป็นการตัดสินใจของกระทรวงการต่างประเทศ แต่กลับโยนมาให้ตน ทั้งนี้ ตามปกติพ.ต.ท.ทักษิณสามารถถือพาสปอร์ตธรรมดาได้อยู่ จึงคิดว่ายังไม่จำเป็นต้องรีบถอนพาสปอร์ตแดงตอนนี้ อยากถามว่า หากมีพาสปอร์ตแดงไป จะสามารถช่วยอะไรได้ เขาก็ปฏิบัติกับเราเหมือนปกติทุกประการ

 

เมื่อถามว่า ประชาชนไม่ค่อยมีความสุขในช่วงนี้ นายสมัคร กล่าวว่า ไม่มีคนฉุกคิดเลยหรือว่าตอนนี้มันมีอะไรหนักหนา อยากบอกว่าผู้ชุมนุมอยากออกมาข้างนอกทำเนียบรัฐบาล แต่ว่าพวกเขากลับไม่ให้ออกและยึดบัตรประชาชนไว้ ตนคิดว่าเป็นเรื่องเกินกว่าเหตุ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ทำเนียบฯ จะขอเอกสาร ก็ไม่สามารถทำได้

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานครมา 2 แล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยนั้น นายสมัคร กล่าวว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินฯ ทำให้ทหารและตำรวจสามารถออกมาปฏิบัติหน้าที่ได้ตามกฎหมาย แต่ชีวิตประจำวันของเราก็ดำเนินไปตามปกติ ทั้งนี้ จะพยายามทำให้ภาวะฉุกเฉินจะไปโดยเร็วที่สุด แต่เราต้องคอยฉีดที่ละนิดละหน่อย ขอยืนยันว่าตนทำเพื่อบ้านเมืองและเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย


"คนที่ละเมิดกฎหมายอยู่ในทำเนียบฯ แล้วมาหาว่ารัฐบาลเสียรังวัด แปลว่าตอนนี้ทหารก็เอาไม่อยู่เหรอ เมื่อรัฐบาลเอาทหารมาถ่วงน้ำหนัก ผบ.ทบ. (พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา) บอกว่าเอ็นบีทีก็ปลุกระดม เอเอสทีวีก็เหมือนกัน เมื่อปิดอันนั้นก็ต้องปิดอันนี้ด้วย ทหารบอกว่ามีแต่กำแพงไม่มีประตู แต่รัฐสภามีประตู ผมต้องกลับไปสภาอีกครั้งหนึ่ง มีการพูดมาตรา 165 เรื่องการทำประชามติ นี่คือประตูที่อยู่ที่สภา แล้วจะให้สภาทำไปตามกรรมวิธี" นายสมัคร กล่าว


เมื่อถามว่ามีประตูที่รัฐสภาที่ง่ายกว่านั้น เช่น การลาออกหรือการยุบสภา นายสมัคร กล่าวว่า ทำไมตนต้องทำตามเสียงเรียกร้อง ทั้งนี้ การตัดสินยุบสภานั้นไม่ยาก แต่การตัดสินใจอยู่นั้น กลับยากกว่า ใครจะมาสั่งให้ตนยุบสภาไม่ได้ อยากถามคนพวกนั้นเป็นใครมาจากไหน ส่วนการลาออกนั้น อยากถามว่ามีเหตุผลที่ผมต้องลาออกหรือไม่ เพราะแม้ว่าตนลาออก พวกนั้นก็ไม่เลิก เพราะจะเอาระบอบ 70 - 30 กันให้ได้ ทั้งนี้ เหตุการณ์ตอนนี้มันไม่ตึงแล้ว เพราะตนเริ่มหย่อนแล้ว


"อยากถามว่าคนพวกนี้มันอะไร เป็นโอมชินริเกียว หรือพวกดาวิเดียนหรือเปล่า ผมก็ท้าไปเลยว่ามันเป็นยังไง อยากถามว่าสาเหตุที่คนไม่มาเที่ยวไทยเป็นเพราะใคร อยากถามว่าเป็นเพราะผมหรือ มันเป็นเพราะใคร สำคัญคือผมมีหน้าที่รับผิดชอบ ผมไม่ชอบให้ใครมาข่มขู่ แม้ว่าผมตายไปกี่ 100 ปี คนก็จะต้องจดจำมาตรการของผมไว้" นายสมัคร กล่าว


นายสมัคร กล่าวถึงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนว่า บ้านเมืองเสียหายเพราะสื่อมวลชนไม่เน้นความเป็นจริง และไม่ชอบตั้งข้อสังเกต เช่น ทำไมมีแค่รถไฟและสนามบินภาคใต้ที่ปิดให้บริการ

 

 

นอกจากนี้ นายสมัครได้เปรียบพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินกับเหตุการณ์พันธมิตรฯ ชุมนุมในทำเนียบฯ ว่า ทุกคนคิดว่าถ้าได้รับปืนต้องยิงทันที ถ้าได้ดาบก็ต้องฟันทันที แต่ไม่ใช่ ถ้าได้รับปืนแล้วก็ยืนคุมเกมก่อนได้ ตนได้บอกพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการกองทัพบก(ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินว่ารอได้ ให้ประคับประคองไว้ก่อน ให้ล้อมทำเนียบฯ ไว้แล้วไม่ให้เข้าเพิ่ม แต่อยากคนข้างในให้ออก คนอยากจะกลับบ้านก็มีแล้ว เพราะบรรยากาศในทำเนียบฯ ไม่สวยงามเหมือนวันที่ 26 ส.ค.


นายสมัคร กล่าวถึงการเรียกประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นัดพิเศษว่า เพื่อยืนยันการประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินภายในครม. ภายใน 3 วัน จากนั้นที่ประชุมก็มีความเห็นส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความการทำประชามติ ซึ่งการทำประชามติ จะเป็นในรูปแบบคำถาม 2 ช่อง สอบถามความเห็นว่าฝ่ายใดถูกต้อง กาช่องรัฐบาลหากเป็นว่ารัฐบาลทำถูกต้อง แต่หากเห็นว่าพันธมิตรฯ ถูกต้องก็ก่าช่องพันธมิตรฯ คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือน ซึ่งระหว่างนี้พันธมิตรฯจะยึดทำเนียบฯ ไว้ก่อนก็ไม่เป็นไร


เมื่อผู้ดำเนินรายการ ถามว่าขณะนี้มีภารกิจใดคั่งค้างอยู่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งานที่ตั้งใจจะทำคืองานถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในวันที่ 14 พ.ย. ถ้าเปลี่ยนรัฐบาลก็ต้องเปลี่ยนกรรมการดูใหม่ กว่าจะเข้าที่เข้าทาง ซึ่งขณะนี้ทหารจะซ้อมเดินกันแล้ว ถัดไปคืองาน "จากวันแม่ถึงวันพ่อ 116 วัน สร้างสามัคคี" แต่ธงสัญลักษณ์ก็อยู่ในขั้นของผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่แล้ว ถ้าไม่มีรัฐบาลก็ถวายธงคืนได้


นายสมัคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนเรื่องโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันนั้นยังไม่ได้ออกสเปคเลย แต่ได้สั่งให้พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ดูแล ลดจำนวนจาก 6,000 คันเหลือ 4,000 คัน และเอารถเมล์เก่ามาใช้ร่วม อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลา 7-8 เดือนที่ผ่าน ตนได้ทำงานเยอะ ทั้งงานรูทีน เจรจาความคืบหน้ากับต่างประเทศ โดยเฉพาะการดับชนวนเขาพระวิหาร แก้ปัญหาบ้านเมืองที่สะดุดไปหลังการัฐประหารปีกว่า แต่งานทุกอย่างที่ทำไม่จำเป็นต้องโฆษณา


เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร จะเกิดเหตุการณ์บานปลายหรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า เหตุการณ์รุนแรงหมายถึงอะไร ถ้าทางเราไม่ทำแล้วใครจะทำ ก็ต้องคนอื่นทำ สักวันนึงเรื่องก็จะจบด้วยสภาพของมันเอง ทั้งนี้ ต้องถามว่าจุดมุ่งหมายของพันธมิตรฯ คืออะไร การเมืองใหม่นั้นใช้ไม่ได้ จะให้เป็นส.ส.สรรหา 70% และส.ส.เลือกตั้งอีก 30% ก็ต้องรัฐธรรมนูญและต้องทำในสภาฯ ถ้าไม่ลงมติในสภาฯ ก็แก้ไม่ได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่แก้รัฐธรรมนูญเพื่อหนีการยุบพรรค แต่แก้เพื่อคนข้างหน้าที่จะเข้ามาเล่นการเมือง ถ้าคนอื่นเข้ามาบริหารประเทศก็ต้องเจอพวกตนขณะนี้


"309 ผมก็ไม่ต้องการแก้ ผมยืนยันชัดเจนว่าไม่ต้องการแก้ แก้ทำไมเขาขึ้นศาลหมดแล้ว แล้วมันก็ไปช่วยไม่ได้" นายสมัคร กล่าว


นายสมัคร กล่าวว่า หากศาลพิพากษารายการ"ชิมไปบ่นไป" ระบุว่าตนผิด ก็พร้อมจะลาออกจากตำแหน่ง ส่วนวันที่ศาลอุทธรณ์นัดอ่านคำพิพากษาตนหมิ่นนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าฯ กทม. ในวันที่ 25 ก.ย.นั้น ได้ยื่นเอกสารแจ้งศาลแล้วว่าจะต้องไปสหประชาชาติในวันที่ 26 ก.ย. คงไม่สามารถไปศาลได้ คาดว่าจะให้อนุญาตเลื่อนออกไป เพราะตนคงไม่หนี จากนั้นก็ต้องขึ้นศาลฎีกา ทั้งนี้ เรื่องทุจริตรถเรือดับเพลิงก็ยังตั้งไข่อยู่เลย คนที่เป็นผู้ว่าฯ กทม.เหมือนกับตนก็ยังลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ โดยไม่กลัวเกรง


เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องยึดทำเนียบฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์สอบถามหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณส่งข้อความสั้นทางโทรศัพท์มือถือมา ตนไม่โทรไปเอง

 

"คือสำคัญอยู่ที่ผมพูดผ่านล่าม เพราะผมไม่ต้องการ ผมไม่ติดต่ออะไรต่างๆ ก็มีคนคอยประสาน คอยบอกว่าท่านบอกอย่างนั้น ส่งแมสเซจอย่างนี้ แล้วเขาต้องบอกเขาต้องตัดออกไป เขาตัดขาดเลย วันที่ภรรยาท่านถูกคดีอย่างนั้น ท่านก็ตัดสินใจ ท่านก็ออกไป ผมต้องขาด ต้องให้ขาด เพราะท่านไป ไปเจออะไรต่างๆ ผมยังบอกผ่านล่ามไปเลย จะไปเดินให้เขาถ่ายรูปทำไม ไปอยู่เงียบๆ นั่นคือความสัมพันธ์ที่มี" นายกรัฐมนตรี กล่าว
 
 
   :slime_hitted: :slime_slapped:
 

หมักเมถุนเสพสถุน ตอแห.ลไปวันๆ

หมักจะยึดเองหรือเปล่า

เพราะสั่งใคร ก็ไม่มีใครทำตามอยู่แล้ว

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

โกหกไปวันๆ นายกบ้าไปแล้ว :slime_sentimental:

ตอแหลไฟแลบเหมือนเดิม

เห็นแต่ นปก.อะ
หลอกว่าจะพาไปชุมนุมพันธมิตร จ่ายทีหลัง ยึดบัตรไว้ด้วย
ไม่อยู่ถึงเวลาจ่ายค่าจ้างก็ไม่คืนบัตร แต่ก็โดนหักหัวคิว
เผลอๆนายหน้าได้ตังมาไม่ครบ ไม่จัดรถมารับ ไม่จ่ายตัง โดนลอยแพอีกต่างหาก

 :slime_surrender: