หัวข้อ: หวังว่าบิ๊กป็อกจะไม่ถูกหลอกใช้ให้เป็นเครื่องมือไอ้หมักนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: thai001 ที่ 02-09-2008, 16:25 คัดลอกมาให้อ่านๆกัน :slime_agreed: :slime_agreed: :slime_agreed:
เหตุการณ์ที่น่าจะวิเคราะห์กันต่อไป ว่านายสมัครคิดอย่างไร วางแผนอย่างไรไว้? แต่ก่อนอื่นขอสรุปลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ตามที่ผมเอง (ส่วนตัว) ได้ติดตามมาโดยตลอด เป็นดังนี้ 1. ไม้แรกที่ใช้กับพันธมิตร คือการเสนอข่าวบิดเบือนผ่าน NBT เพื่อใช้เป็นช่องต่อสู้กับ ASTV แบบเต็มรูปแบบ สิ่งใดที่มีประโยชน์ต่อรัฐบาลเติมเต็มทั้งภาพ และเสียง สิ่งใดที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐบาลตัดออกเกือบหมด โดยได้ทีมงานสาวกนายทักษิณจาก ITV เก่ามากันพร้อมหน้า นำทีมทำงานโดยนายจักรภพ 2. รัฐบาลเพลียงพล้ำเนื่องจากนายจักรภพ โดนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง จนต้องพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ แต่เพื่อเป็นการเพิ่มความเข้มข้นหลังจากที่มี รายการนายกฯ พบประชาชน (ซึ่งกลายเป็นประเพณีข้างเดียว) คือการเพิ่มรายการ ความจริงวันนี้ ส่ง 3 สหายมาปลุกปั่นประชาชนให้ชนกันแบบเต็มรูปแบบ 3. หลังจากที่ประท้วงกันที่สะพานมัฆวานฯ เป็นเวลาเนินนาน รัฐบาลก็ไร้ยางอายไม่ยอมลาออก ไม่ยอมรับผิดชอบความผิดพลาดจาการบริหารที่ชัดเจนมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง "ไทยเสียแผ่นดินแถบเขาพระวิหารให้เขมร" หรือ อื่นๆ พันธมิตรได้เคลื่อนขบวนเข้ายึดพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล และอีกหลายจุด เพื่อกดดันให้รัฐบาลรับผิดชอบ ไม่ใช่ทำเงียบเฉยไปเรื่อยเปื่อย ให้สัมภาษณ์แบบอืมๆ อ้าๆ ด่าผู้สื่อข่าวบ้าง "แล้วมันยังไง อะไรจะขนาดนั้น โอยผม ไม่หรอก ก็ว่ากันไป แหมพวกคุณก็ แล้วมันยังไงๆ " ฟังแล้วจับอะไรไม่ได้ รู้อย่างเดียวว่าใส่ความรู้สึกบ้าๆ บอๆ อะไรก็ไม่รู้ ไม่สมกับเป็น "นายกรัฐมนตรี" เลย 4. พันธมิตรไปพลาดภาพที่ออกมาในการบุกยึด NBT ซึ่งรัฐบาลถือโอกาสใช้เรื่องนี้ เป็นเหตุให้เกิดการ แจ้งความข้อหา "กบฎ" กับแกนนำพันธมิตรทั้ง 9 คน และถือความชอบธรรมพยายามจะเข้าสลายกลุ่มคนทั้งหมดในเวลาเดียวกัน แต่เหตุการณ์ขณะที่รัฐบาลเป็นต่อสื่อของรัฐเอง NBT กลับรายงานข่าวซ้ำซาก ฉายภาพการเข้าบุกยึดสถานีทั้งวันทั้งคืน ข้ามวันข้ามคืน จนกลายเป็นดาบย้อนกลับเข้าหา NBT เองอย่างไม่ตั้งใจ สไตค์คนไทยที่เห็นใครรังแก และกระทำในสิ่งที่ไม่ชอบธรรม เลยหลั่งไหลกันเข้าร่วมสมทบกับพันธมิตร เป็นจำนวนมหาศาลมากยิ่งขึ้น 5. รัฐบาลพลาดท่าอย่างร้ายแรง เพราะความรีบร้อนเนื่องจากการวิเคราะห์สถานการ์ไม่แม่นยำคิดแต่เพียงว่าตนเองเป็นต่อ ทำให้ภาพของการเข้าไปปิดหมาย (ตามคำอ้างของรัฐบาล และตำรวจ) โดยการมีการใช้ความรุนแรง ซึ่งไม่ใช่ความรุนแรงธรรมดา หากแต่เป็นการทำร้าย ผู้หญิง คนแก่ และบุรุษพยาบาลอาสา เป็นผลให้รัฐบาลหมดความชอบธรรมโดยทันที แต่นายสมัครก็ยังคงเป็นนายสมัคร ในเมื่อส้มหล่นได้เป็น นายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่ชั่วชีวิตทำพรรคการเมืองไปไม่รอด เลยไม่ยอมออกจากเก้าอี้ ไม่ว่าจะถูกบีบจาก พลพรรคใน พปช.ของตัวเองก็ตาม จนไม่มีใครสามารถทำอะไร หรือคุยอะไรได้ เพราะถือดีว่าตัวเองถืออาญาสิทธิ์ "ยุบสภา" ทำเอา สส.ทั้งพรรคพปช.เอง และพรรคร่วมรัฐบาล หงอเป็นไก่อยู่ในกำมือ 6. ทันทีที่ฝ่ายสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมกับพันธมิตรในการใช้สิทธิที่พวกตนเองพึ่งมีอยู่กดดันรัฐบาลอีกทาง ทำให้รัฐสภาจำเป็นต้องเปิดประชุมด่วนเพื่อหารือ หาข้อยุติ หาทางออก ซึ่งสมาชิกของทั้ง 2 สภา พร้อมใจกันลุกขึ้นชี้แจง ต้นเหตุแห่งการเกิดผล ต่างคนต่างลุกขึ้นชี้แจงเหตุผล ตลอดเวลานับสิบชั่วโมง สุดท้ายก็สูญเปล่า เพราะ "ธง"ที่ได้ตั้งไว้แล้วของนายสมัคร ฟังเข้าหูซ้ายออกไปทางหูขวา ลุกขึ้นมาอธิบายประเด็นต่างๆ แบบสไตค์นายสมัคร อืมๆ อ้าๆ แถมมีอยู่ช่วงหนึ่ง ประเด็นไทยเสียดินแดนปราสาทเขาพระวิหารไป เพราะเซ็นต์รับรองอนุญาตให้เขมรขึ้นทะเบียนปราสาทฝ่ายเดียว กลับออกมาบอกว่าตอนนี้รัฐบาลแก้ไขปัญหาได้แล้ว ที่กำลังจะรบกันเลิกคิดจะใช้กองกำลังทหารระหว่างประเทศไปแล้ว (คนฟัง อ้าว....... แล้วใครทำให้เกิดปัญหาว่ะ เองแก้เพราะเป็นหน้าที่ เองลาออก ก็มีคนเข้าไปแก้) กลายเป็นนายสมัครหลงคิดว่าตนเองเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้าไปแก้ไขปัญหาปราสาทเขาพระวิหารได้ (แก้ปัญหาไม่ให้รบกันได้ แต่ไม่ได้แก้ปัญหาที่ตนเองสร้างขึ้น คือการได้คืนสิทธิในปราสาทเขาพระวิหาร) 7. ด้วยความที่ยิ่งเนินนาน ยิ่งนานวัน ทำให้นายสมัครยิ่งหมดความชอบธรรมที่จะนั่งบริหารประเทศต่อไป แผน "ขวาพิฆาตซ้าย" ที่เคยใช้ได้ผลเมื่อสมัย 6 ตุลาคม มีนักศึกษาประชาชนต้องตายในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หลายศพ ที่เหลือเดินทางหนีตายเข้าป่า (หลายคนปัจจุบันได้ดิบได้ดีในรัฐบาล) ถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่ กลุ่มนปก.แทนที่นักเรียนอาชีวะ ได้ถูกกระตุ้นจาก สส.ในพรรค พปช.เอง ในการเคลื่อนคนเข้ามาหาฝั่งพันธมิตร แผนตรงนี้ถูกตระเตรียมมาแบบเบ็ดเสร็จจากท้องสนามหลวง จ้างคนมาบาดเจ็บล้มตายราคาถูก ลุยเดินผ่านกองกำลังตำรวจ แบบมีอิดๆ ออดๆ เล็กน้อย ภาพการถือไม้ ถืออาวุธ ตามสไตค์ นปก. เห็นได้ชัดมาก คำกล่าวอ้างที่ว่า เดินทางมาเพื่อกดดันจึงฟังไม่ขึ้น ประกอบกับภาพเสธ.แดงปิดท้ายขบวน กลิ่นเหล้า (ช่วงเข้าพรรษา ที่ทีวีรณรงค์นี่หว่า) แก้งค์มอเตอร์ไซค์ (พึ่งฆ่าตำรวจไปหยกๆ นี่) และสุดท้ายการวิ่งเข้าใส่ทางการ์ดพันธมิตรทันที จึงสามารถสรุปได้ว่า "รัฐบาลต้องการให้เกิดความรุนแรง เพื่อหาความชอบธรรมในการใช้อำนาจ" ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พยายามบิดเบือนใส่ความว่า พันธมิตรพยายามใช้กำลัง ไม่ใช่อารยะขัดขืน ด้วยแผนการณ์นี้เองนายสมัครก็ถือเอาความชอบธรรมในการประกาศ พรก.ฉุกเฉินทันที โดยนำเอากองกำลังทหารเข้าใช้ในสถานะการณ์นี้ สิ่งที่ผมจะวิเคราะห์เหตุการณ์ที่จะดำเนินต่อไป อาจจะถูกหรือผิด ? ไม่ทราบได้ดังนี้ ผมวิเคราะห์จากการแต่งตั้ง "ให้ผู้บัญชาการทหารบก รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน" -- ทำไม? หรือโดยปกติการแต่งตั้งหัวหน้าผู้รับผิดชอบตาม พรก.ฉุกเฉินน่าจะเป็น "ผบ.สูงสุด" หรือเปล่า (หรือผมผิดพลาดเรื่องข้อเท็จจริง) ถือว่าเป็นเผือกร้อน หรือต้องการจะวัดใจ พล.อ.อนุพงษ์ ว่าวันนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ยืนข้างใครกันแน่ และผมเชื่อได้ว่า ทั้งนายทักษิณ นายสมัคร และอีกหลายๆ คน เคลือบแคลงใจอยู่ ? (เพราะที่ผ่านมาผมค่อนข้างมั่นใจ พล.อ.อนุพงษ์ พอสมควรว่าไม่ได้ยืนข้างนายทักษิณ) - หาก พล.อ.อนุพงษ์ยืนข้าง นายทักษิณ และนายสมัคร จะมีการใช้กำลังเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตร และปิดการเสนอข่าว ASTV โดยทันที โดยไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด ไม่ต้องไปเรียกร้องเอาผิดจากใคร หรือไปฟ้องใครได้ ประเทศไหนๆ ในโลก ก็รับรู้เหมือนกันหมดว่า พรก.ฉุกเฉิน ให้ถือว่ารัฐบาลชอบธรรมในการใช้ "กำลัง" ไม่เกิน 2 เดือนนายทักษิณกลับเมืองไทยแน่ๆ จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านสภาอย่างไร้การขัดขวาง จะเห็นมีการซื้อตัว สส. สว. ในการยกมือ หรือ งดออกเสียง แม้แต่ขาดประชุมสภา - หากพล.อ.อนุพงษ์ ยืนข้างประชาชน กลุ่มพันธมิตร และความถูกต้อง พวกเราอาจจะได้เห็น "แผนต่อไปนี้" คือ การมี "คำสั่งปลด" พล.อ.อนุพงษ์ จากตำแหน่ง เพราะบกพร่องในหน้าที่ ไม่สามารถคลี่คลายปัญหาได้ เหมือนที่ปลดฝั่งตำรวจมาแล้ว แล้วตั้ง "ทหารฝั่งตัวเองบางคน" เข้ามาเป็น ผบ.ทบ. ยึดกองกำลังทหารเข้าอยู่ในกำมือ สิ่งที่จะตามมาคือ : ใช้กำลังจัดการกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตร และสื่ออย่าง ASTV อย่างเต็มรูปแบบ โดยทันที แล้วแก้รัฐธรรมนูญตามกระบวนการทางรัฐสภา หรือ : ปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรดำเนินต่อไป ยกเลิกใช้ พรก.ฉุกเฉิน และรอการปรับเปลี่ยนในกรมกองให้เรียบร้อยภายใน 1 สัปดาห์ แล้วเรียกใช้บริการ นปก.อีกครั้ง ทำให้เกิดสถานะการณ์นองเลือดอีกครั้ง คราวนี้ทหารออกมาปฏิวัติเลย พร้อมทั้งฉีกรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ทิ้ง สุดท้ายนายทักษิณเดินทางกลับเข้าประเทศอย่างไร้มนทิน ถูกต้อง ชอบธรรม............ จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเดินทางไหน มันก็เหนื่อย แสนเหนื่อย "พลังประชาชน" แทบจะมีโอกาสชนะ "พลังเงิน" หริบหรี่จริงๆ เลย อีกสิ่งหนึ่งวันนี้ที่พันธมิตรควรจะกระทำคือ การออกใบปลิว หรือเอกสาร ชี้แจงต่อประชาชน แจกจ่ายให้ผู้คนได้รับรู้ความเป็นจริงให้ได้มากที่สุด (พิมพ์แสนใบ ล้านใบ ก็คุ้มกว่านั่งตั้งมั่นในทำเนียบเพียงอย่างเดียว ปฏิบัติการเชิงรุกต้องมี และเข้มข้นให้สุดๆ เลยทีเดียว) อย่างน้อยขอฝากประเด็นสำคัญที่ต้องมีคือ "รัฐบาลนายสมัคร หมดความชอบธรรมจะเป็นรัฐบาลตั้งแต่ ไทยเสียดินแดนบางส่วนให้กับเขมร เพราะฝีมือบริหารของรัฐบาลเอง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว" และได้แต่ภาวนาให้ผู้ที่คิดแก้เกมส์หมากนี้ได้พบทางออกที่ดีด้วย แต่สุดท้ายถ้าจะคิดแก้ไขปัญหาความแตกแยกในประเทศชาติได้จริงๆ ทางออกมีเพียง http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9510000103388 ความคิดเห็นที่ 63 (ขอโทษครับ ไม่อยากเขียนหลายครั้ง) เรื่องอื่น ทางออกอื่น ไม่ต้องไปคิดหรอกครับท่านนักวิชาการทั้งหลาย ลองเอาใจนายทักษิณมาใส่ใจคุณกันสิครับ "เงิน 7-8 หมื่นล้านบาท" ไม่ใช่บาทสองบาท คุณไม่ได้สำเร็จอรหันต์ อย่าบอกว่าถ้าเป็นผม เป็นฉัน ผม/ฉัน จะทำเพื่อประเทศชาติยอมสละ และไม่หันกลับมามอง................. อย่าโกหกใจตัวเองครับ และแถม "คดีความ" ที่ทำให้ตัวเองไม่สามารถกลับมาตายบนแผ่นดินเกิดแล้วละก็ ตัวนายทักษิณเองคงไม่เท่าไรมั๊งครับ เพราะก็แก่แล้ว แต่ลูกๆ ละครับ ต้องระหกระเหินชั่วชีวิต คุณเป็นพ่อเป็นแม่ คิดอย่างไร ? คนในแผ่นดิน หัวข้อ: Re: หวังว่าบิ๊กป็อกจะไม่ถูกหลอกใช้ให้เป็นเครื่องมือไอ้หมักนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: thai001 ที่ 02-09-2008, 16:30 และอีกอันหนึ่งก้อปมาจาก http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9510000103388 ความคิดเห็นที่ 63 ครับ
พยายามนั่งวิเคราะห์หลายรอบ หลายตลบ !!! ทุกวันนี้พันธมิตรยังต้องรับเงินบริจาคอยู่เลย ส่วนนายทักษิณ แม้จะเริ่มหมดตูดแต่ก็ยังมีเงินอีกเป็นจำนวนไม่น้อยที่พอจะต่อสู้ไปได้อีกระยะ คนกลุ่มหนึ่งทำเพื่อชาติ เงินทุนก็ไม่มาก จำนวนคนที่เข้าร่วมก็ต้องทำความเข้าใจ เชิญชวน เหนื่อยกาย เป้าหมายเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เพื่อสถาบัน อย่างเดียว เรียกว่า "ใช้ประชาชนสู้" ขณะที่นายทักษิณ มีเป้าหมายอยู่ที่เงิน 7-8 หมื่นล้านบาท มันทำทุกอย่างทุกวิถีทาง ใช้เงินซื้อหมด ซื้อวิญญาณของพวกขายชาติ ซื้อความเป็นคนจากนักการเมือง เรียกว่า"ใช้เงินสู้" วันนี้นายสมัคร กับรัฐบาลลาออก หรือ ยุบสภา ระบบทักษิณยังไงก็ยังคงอยู่ในแทบทุกหัวระแหงในประเทศ ทั้งสส.ในพรรค และพรรคร่วม ยังไงก็กลับมา ความสัมพันธ์ไม่มีทางตัดขาดกันไปได้ เพราะผลประโยชน์อีกมหาศาลที่จะเอื้อกัน แม้แต่ทุกวันนี้จะเห็นได้จาก "หมอเลี้ยบ" ที่ให้สัมภาษณ์ชูประเด็นโครงการเมกาโปรเจค โดยที่ไม่ได้สนใจพระราชดำรัสของในหลวงของพวกเราเลย ที่ทรงต้องการให้ชาติประหยัด แปลกไหมที่ "หมอเลี้ยบ" ย้ำพูด ย้ำให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่ รัฐบาลกำลังจะมีเมกาโปรเจคทำ ในช่วงนี้ตลอดเวลา (หากนักข่าวต้องการพิสูจน์หลังจากที่อ่านความคิดเห็นผมแล้ว ลองไปสัมภาษณ์ดูสิ) เหมือนเป็นวิธีการส่งสัญญาณให้ สส.ในพรรค และสส.พรรคร่วม ร่วมมือร่วมใจในการต่อสู้ศึกในครั้งนี้ พูดง่ายๆ ว่า "ถ้าชนะมีรางวัลโว้ย" แล้วชัยชนะละมันอยู่ตรงไหน ประเทศไทยวันนี้มันมาไกลเกินกว่าที่ใครๆ คิดแล้ว (ความเห็นส่วนตัว) มาไกลเกินกว่าที่ผมเห็นใครต่อใคร ออกมาให้ความเห็นเรื่องทางออก? ไม่มีทาง ? สิ่งเดียวที่จะกู้ชาติ แก้วิกฤตประเทศได้ ฟันธงครับ? 1. นายทักษิณ และนายเนวิน ต้อง "ตาย" 2. นักการเมืองอีกหลายๆ คน ต้องรับผิดตามคดีต่างๆ ที่โดนฟ้องอยู่ อาจจะโดนจับเข้า "คุก" หรือ หนีคดี เหมือน กำนันเปาะ และนายวัฒนา ฯลฯ 3. มีนักการเมืองหน้าใหม่ มาจากฝั่ง "นักวิชาการ" เข้าไปทำงานในสภามากยิ่งขึ้น 4. จะต้องไม่ใช่นักการเมืองรุ่นใหม่ ที่สืบทอดบารมี และความมีอิทธิพลจากผู้เป็นพ่อ เป็นแม่ ที่เป็น สส.เก่า สุดท้าย ท้ายสุด "ต้องนำเอา โครงการเศรษฐกิจพอเพียง" เป็นหลักในการดำเนินชีวิตของประชาชนทุกคนให้ได้ เป็นเป้าหมายที่ประเทศชาติจะดำรงอยู่ในโลกใบนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็น "ประเทศเด่นดัง"อะไร ขอเพียงเป็น "ประเทศที่มีความสงบสุข รอยยิ้ม รัก สามัคคี"ที่สุดในโลกใบนี้ เป็นพอแล้ว เทคโนโลยี่เราทันเค้า แต่ความฟุ่มเฟือยอย่าตามมา... คนในแผ่นดิน หัวข้อ: Re: หวังว่าบิ๊กป็อกจะไม่ถูกหลอกใช้ให้เป็นเครื่องมือไอ้หมักนะครับ เริ่มหัวข้อโดย: คนไทยคนหนึ่ง ที่ 02-09-2008, 16:34 อนุพงษ์น่าจะมีความคิด ว่าประว้ติศาสตร์จะจารึกชื่อของคุณไปช่วงลูกช่วงหลาน
ว่าคุณมีบทบาทอะไรในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้ จะเป็นพระเอก หรือผู้ร้าย จะอยู่ฝ่ายอธรรม หรือ ฝ่ายธรรมะ เหตุการณ์ที่ประชาชนลุกขึ้นมาสู้กับรัฐบาลของโลกในอดีต ไม่เคยมีรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยที่ไหนในโลกชนะแม้แต่ครั้งเดียว |