ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ยังคงรูปแบบการเลือกตั้งเพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนเหมือนเดิม และที่สำคัญที่สุดยังเป็นการปกครองในระบอบที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
หลักสำคัญคือแม้จะมีผู้แทนจากประชาชน แต่ต้องลดอำนาจของ สส.ลงและโอนอำนาจนั้นกลับสู่ประชาชนมากขึ้น โดยมีหลักใจความสำคัญดังนี้

- หน้าที่หลักคือในเรื่องของงานในฝ่ายนิติบัญญัติยังทำหน้าที่เช่นเดิม แต่ต้องเปิดช่องให้ประชาชนสามารถเข้าชื่อเพื่อให้ทางสภาพิจารณากฎหมายนั้นใหม่ได้

หากทางสภายังยืนยันหลักการเดิมว่าจะออกกฎหมายนั้นๆ ต้องตัดสินโดยวิธีประชามติ หากประชามติออกมาว่าประชาชนส่วนมากไม่รับกฎหมายนั้นๆ สภาต้อง

ถูกยุบ (ไม่ใช่รัฐบาลลาออก เพราะการออกกฎหมายเป็นเรื่องของสภา ไม่ใช่ของรัฐบาล แม้ฝ่ายรัฐบาลจะเป็นผู้ผลักดันก็ตาม)

หลักการพิจารณาประชามติไม่ใช่ยึดหลักเสียงข้างมาก(เพราะจะเกิดกรณีคนไม่รู้เรื่องอะไรเลยถูกชักจูงได้...นี่ใช้คำพูดที่นุ่มนวลที่สุดแล้วนะ) แต่ให้ดู

มติจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบนั้นมีน้ำหนักมากที่สุด เช่น ออกกฎหมายว่าจะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ก็ต้องดูน้ำหนักของประชาชนในพื้นที่ที่ส่งผลกระทบเป็นหลัก

แต่ประชาชนทั่วประเทศมีสิทธิออกเสียงประชามติเหมือนกันเพราะเสียภาษีให้ประเทศเหมือนกันแต่ค่าน้ำหนักอาจจะน้อยกว่าประชาชนในพื้นที่ที่ได้

รับผลกระทบ เป็นต้น (รายละเอียดคุยกันภายหลัง)

ไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมายทั่วไปเท่านั้น สำคัญที่สุดคือเรื่องงบประมาณ หากโครงการของรัฐ หรือ อะไรก็ตามที่มีงบประมาณเกินกว่า 5000 ล้านบาท (รวมถึง

งบทางการทหารด้วย เช่นซื้อเครื่องบิน) ต้องมีกฎหมายให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ให้สภารับกันเองกินกันเองอย่างแต่ก่อน ซึ่งอาจไม่ต้องจบที่ประชามติทุกครั้ง

เพราะมันเปลืองงบ แต่อาจใช้วิธีประชามติครั้งเดียว แต่เลือกเป็นพวง ว่าใครเห็นด้วยกับงบไหนบ้าง เข้าคูหาเลือกครั้งเดียวแล้วสรุปออกมา

หากงบไหนถูกประชาชนคัดค้านจนตกไป จะให้ยุบสภาหรือไม่นั้น ต้องพิจารณากันภายหลัง

- หนัาที่เกี่ยวกับฝ่ายบริหาร ฝ่ายบริหารยจะยังต้องได้รับความเห็นชอบจากสภา เพราะหากไม่ได้รับเลือกจากสภาแล้ว ฝ่ายบริหารก็จะไม่ต้องรับผิดชอบการ

กระทำต่อสภา นั่นก็จะทำให้ขาดอำนาจการตรวจสอบการบริหารจากสภา
แต่ที่เพิ่มเข้ามาก็คือตอนเลือก สส. จะต้องมีตัวเลือกอย่างน้อย 5 คนจากกการเลือกจากประชาชนให้ สส.ไปเลือกให้เหลือคนเดียวเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี

ในสภา โดยทั้งห้าคนจะต้องฟอร์มทีมรัฐมนตรีไว้ด้วยเสร็จสรรพ
ทั้งนี้ที่ไม่ให้ประชาชนเลือกทีมบริหารโดยตรงเลยก็เพราะยังต้องการให้ทีมบริหารต้องรับผิดชอบต่อสภา และหลีกเลี่ยงเรื่องความซ้ำซ้อนหากการเลือกนายกจะ

เหมือนเลือกประธานาธิบดี เพราะจะอย่างไรทีมบริหารก็ต้องได้รับโปรดเกล้าฯจากพระมหากษัตริย์

- สว. จะเป็นสภาสูงที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถาบันมากยิ่งขึ้น กล่าวคือเป็นสภาแต่งตั้งที่แต่งตั้งและพระราชทานจริงๆ ไม่ใช่เสนอชื่อจากฝ่ายบริหาร แต่เพื่อ

ไม่ให้ต้องกลายเป็นการเอาสถาบันลงมายุ่งกับการเมืองมากเกินไป สภาสว.จะเป็นสภาที่เป็นตัวแทนจากประชาชนภาคต่างๆเป็นตัวแทนเข้ามาจากกลุ่มอาชีพ

ต่างๆให้เลือกกันเข้ามาอีกส่วนหนึ่งด้วย เช่น อาชีพทนายความ หมอ วิศวกร สถาปนิก ครู นักบัญชี สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น โดยกลุ่มอาชีพที่ว่านี้จะ

ต้องมีการจัดการเป็นของตัวเองอย่างมีระบบ เช่น มีสภาวิชาชีพของตัวเอง เช่น สภาสถาปนิก สภาทนายความ สมาคมนักข่าว หรือการจัดตั้งเป็นสหภาพแรงงาน

ที่ถูกต้อง ที่สำคัญจะต้องเป็นอาชีพที่เสียภาษีให้กับแผ่นดินในวิชาชีพในตัว มีการขึ้นทะเบียนการเสียภาษีที่ถูกต้องและตรวจสอบได้ ไม่ใช่ตรวจสอบการเสียภาษี

ไม่ได้เลย ไม่อย่างนั้นก็จะเกิดการรวมตัวกันของอาชีพบ้าบออะไรก็ไม่รู้  ดังนั้นคนทำอาชีพค้าขายทั่วไปที่ไม่ได้เสียภาษี หรือ อาชีพเกษตรกรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน

เสียภาษีเช่นรับจ้างรายวัน หรืออาชีพอิสระอื่นๆ ที่ไม่ได้มีหลักฐานการเสียภาษีเป็นเรื่องเป็นราว จะไม่ได้รับสิทธิตรงนี้
หน้าที่ของสว.ทั้งสองส่วน คือทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมายร่วมกับภาคประชาชน รวมถึงตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารโดยตรง และเลือกองค์กรอิสระที่จะ

ขึ้นมาตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล

คร่าวๆก็มีเท่านี้ก่อน ถ้าเอารายละเอียดจริงๆจังๆมีหวังพิมพ์หนังสือออกมาเป็นเล่มๆ

กล่าวโดยสรุปก็คือ ลดอำนาจของ สส.ลง ไม่ใช่อยากทำอะไรก็ทำ แล้วมาอ้างว่าได้รับเลือกจากเสียงส่วนใหญ่ เรื่องนี้จุดอ่อนยังมีอยู่อีกมาก ผู้เสนอก็ไม่คิดว่าข้อ

เสนอนี้จะวิเศษวิโสมาจากไหน มันยังต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ปรับปรุงแก้ไขอีกเยอะ แต่ถ้าใครเห็นด้วยจะร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์ก็ยินดี ดีกว่ามานั่งเถียงกันเรื่องที่

เราทำอะไรไม่ได้

วันนี้เรามาเริ่มแม้จะยังลุ่มๆดอนๆ แต่มันก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยมิใช่หรือ

อ่านดูคร่าวๆ ยังไม่สามารถแสดงความเห็นอะไรได้ครับ

แต่ขอชื่นชม ที่มีกระทู้สร้างสรรค์ นำเสนอแนวคิดใหม่ๆออกมาครับ

ปล.ไหนๆ ก็เป็นความเห็นที่จริงจัง ผมคิดว่าคำพูดเล่นๆ(เช่นนี่โว้ย) ไม่ต้องใส่มาก็ได้ครับ เพราะเวลาคนนำไปอ้างอิง จะได้ดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

 :slime_o:

ขอบคุณค่ะ สำหรับกระทู้ดีๆอย่างนี้...
ขอร่วมด้วยช่วยนำเสนอค่ะ

อยากเพิ่มเติมส่วนที่เป็นวิชาชีพ.......

ผู้ที่จะเป็นผู้แทนของวิชาชีพ ต้องผ่านการสอบแข่งขัน โดยเลือกคนที่มีคะแนนสูงสุด
โดยแต่ละอาชีพควรมีสภาหรือคณะกรรมการของตัวเอง เช่น หมอ พยาบาล ครู นักสื่อสารมวลชน นักกีฬา ชาวนา กลุ่มโรงงานสิ่งทอ รัฐวิสาหกิจ ฯลฯ
ซึ่งขณะนี้แต่ละกลุ่มก็มีเห็นเด่นชัดกันหลายกลุ่มแล้วค่ะ  
แล้วให้คณะกรรมการออกข้อสอบ 2 ชุด ชุดที่หนึ่งเป็นชุดความรู้ความสามารถ อีกชุดเป็นจริยธรรมประจำตำแหน่ง
ใครสอบได้ที่ 1 ที่ 2 จะไดเข่าสภาเป็นผู้แทนของแต่ละอาชีพ
อย่างน้อยเราก็จะได้คนเก่ง คนดีที่มีคุณภาพ ในแต่ละอาชีพ มาเป็นผู้นำแถวหน้า

ขอบคุณมากครับแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ใส่อารมณ์มากไปนิด

มีอีกเรื่องก็พรรคการเมืองครับ มีสองทางเลือกคือพัฒนาให้ดีกว่านี้ไม่ก็ยุบทิ้งไปเลยดีกว่ามั้ย แล้วให้ประชาชนคุม สส.ด้วยตัวเอง

ตรงนี้ผมไม่เห็นด้วยกับคนที่มีคะแนนสูงสุดนะครับ น่าจะเป็นคนที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปในสังคมดีกว่า
การมีคะแนนสูงสุดไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนดี และให้มีกำหนดระยะเวลาการทำงานชัดเจน เช่น 4 ปี ห้ามต่อ ห้ามเกิน

เป็นไอเดียที่ดีนะครับ เรื่องสอบก็น่าจะเอาไว้กรณีมีผู้ต้องการเป็นตัวแทนหลายท่าน เอามาสอบวัดวิสัยทัศน์กัน

แต่การตรวจข้อสอบต้องโปร่งใสจริงๆ และเชื่อถือได้ด้วยเช่นกัน

นี่ล่ะครับประชาธิปไตย เข้ามาแสดงความคิดเห็นเข้ามาเยอะๆ ถ้าหากที่นี่โอเค ผมจะได้เอาไปตามเว็บไซท์อื่นๆครับ แต่อยากเริ่มที่นี่เป็นที่แรกดูฟี้ดแบคก่อน

มีกระทู้เก่า ที่ผมยังเก็บไว้ศึกษา เกี่ยวกับการเมืองใหม่
http://forum.serithai.net/index.php?topic=17506.0

ลองอ่านดู ก็ดีครับ มีแนวคิด ข้อมูล ความเห็น ที่มีประโยชน์มากๆครับ :slime_v: (ประเด็นนี้ ผมยังเป็นแค่นักเรียน ขอสังเกตการณ์ไปก่อน)

ผมเสนอให้ใช้วิธีง่าย ๆ สองวิธี

ในการเลือกตั้งให้มีคำถาม cross-check หนึ่งข้อ (เหมือนในแบบสอบถามความคิดเห็นที่มีมาตรฐาน)

มีช่องให้กาเลือก สส. สว. สมาชิกอบต. ฯลฯ และมีอีกคำถามนึงไว้ถามหลอก ถ้าตอบผิดก็เป็นบัตรเสีย

อีกวิธีหนึ่งก็คือ เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งชั่วคราว 5 ปี สำหรับความผิดที่สะท้อนถึงความไม่รับผิดชอบต่อสังคม

เช่น ทิ้งขยะเรี่ยราด สูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ขับรถฝ่าไฟแดง ดื่มเหล้าแล้วขับรถ ฯลฯ

เพราะเมื่อไม่มีจิตสำนึกต่อส่วนรวม ก็ไม่สมควรมีสิทธิ์กำหนดทิศทางของประเทศชาติ

 :slime_agreed:  :slime_agreed: ผมชอบแนวคิดนี้มากๆ

และขอเสนอแนวทาง แก้ปัญหาการซื้อขายเสียง (ตามปกติ เราแก้ที่ ผู้ขาย เช่น รัฐธรรมนูญ ม.237) แต่ผมเสนอแก้ที่ผู้ซื้อ โดยอาศัย คห.ข้างบน

ขอเวลาคิดดีๆ สักพัก จะกลับมานำเสนอแนวคิด

ดีคับ เสนอมาหลายๆแนวทาง ระดมสมอง หาทางออกให้ประเทศ

ข้อตั้งข้อสังเกตนิดเดียว

- จะทำอย่างไรให้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อประเทศ
- กระบวนการตรวจสอบภาคประชาชนจะต้องได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากภาครัฐ
- ไม่จำกัดระดับการศึกษาในการที่ประชาชนจะเสนอตัวเป็นผู้แทนองค์กรต่างๆ
- ประชาชนจะมีสำนึกทางการเมืองได้อย่างไร ขณะที่นักการเมืองก็ไม่ค่อยจะมีเอาซะเลย
- จะส่งเสริมให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมืองได้อย่างไร

จริงๆหลายสิ่งนั้นมีอยู่แล้ว เพียงแต่จะทำยังงัยให้มีผลปฏิบัติ

เหมือนกฎหมายหลายเรื่องมีอยู่แล้ว แต่ผู้บังคับใช้กฎหมายเลือกปฏิบัติ

ผมไปอ่านจากกระทู้ที่ท่านนักปฏิวัติมาบ้างแล้วนะครับ

ต้องขอติดต่อกับผู้เกี่ยวข้องในกระทู้นั้นทุกท่านเลยโดยเฉพาะ จขกท

แต่ผมยังอ่านได้นิดเดียวเอง ขอเวลาศึกษาอีกหน่อยครับ

แม้จะมีจุดที่ไม่ตรงกันบ้าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ตราบใดที่ยังมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ปฏิรูปการเมืองไทยใหม่

แต่ที่สำคัญต้องอยู่ภายใต้หลักที่ว่ามีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข

นั่นคือสำคัญที่สุดแล้วครับ


ดูเหมือนผมคงต้องลงรายละเอียดมากกว่านี้ แล้วเอาความคิดของเพื่อนๆมาแชร์กันแล้วล่ะครับ

สิ่งสำคัญคือจะต้องไม่ให้มันอยู่แค่บนกระดานเว็บบอร์ดแต่ต้องเอาไปนำเสนอได้จริง

มาช่วยๆกันนะครับ เพื่อบ้านเมืองของเรา

        ขอเสนอมั่งครับ
    ขอเสนอว่าในการออกเสียงเลือกคนมาเป็นส.ส.    น่าจะให้สิทธิ    วัว   ควาย ได้มีสิทธิ
ออกเสียง   เลือกได้ด้วย   จำนวนเสียงจะได้แยะๆไง   ที่ผ่านมาๆเห็นแต่รณรงค์ให้ออกไปใช้สิทธิกันเยอะๆ
   เพราะจำนวนวัว ควายในประเทศ  น่าจะหลายร้อยล้านตัว   โดยให้แต่ละตัวก็มี1เสียง  เท่ากับคนที่ฉลาดๆที่สนใจการบ้านการเมือง      เวลาเลือกตั้งที เราก็จะได้ผู้ไปออกเสียงจำนวนหลายร้อยล้านเสียง
 
      บางคนอาจสงสัย วัวควายจะออกเสียงยังไง    ไม่ยากครับ ก็ทำเป็นซอง  เป็นช่องแล้วในแต่ละซองก็ติดเบอร์ผู้สมัครไว้พร้อมกับหญ้าหรือของที่วัวควายชอบกิน   ถ้ามันเดินเข้าซองไหนก็ถือว่ามันเลือกเบอร์นั้น         แค่นี้เราก็จะเพิ่มจำนวนเสียง  อีกหลายเท่าตัวเลย
    อาจมีคนแย้ง  ว่าวิธีนี้ไม่ดี ช่วยหาเหตุผลมาหักล้างด้วยอย่าแย้งเฉยๆ

แหะๆ อันนี้เขาก็ได้ใช้สิทธิกัน...อ่ะ ไม่อาว ไม่พูดดีกว่า