ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ปุถุชน ที่ 17-06-2006, 15:08



หัวข้อ: รวยไม่กี่คน จนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 17-06-2006, 15:08
รวยไม่กี่คน จนทั้งจังหวัด......!   

วิเศษรวมใจ ขับไล่โลตัส....!

ไฟเผาแค่ตัวตลาด แต่โลตัสพิฆาตทั้งชุมชน....

ไฟไหม้สุดชอกช้ำ กระทืบซ้ำด้วยโลตัส....


เป็นข้อความป้ายผ้า หลายป้ายผ้าขึงในตลาดเก่าร้อยปีของ อ.วิเศษชัยชาญ ที่ห้างต่างชาติ เทสโก้ โลตัส จะไปเปิดสาขาใหม่ใน ได้ตกลงทำสัญญาเช่าที่ และยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างกับเทศบาลตำบลศาลเจ้าโรงทองแล้ว .....

เมื่อวันที่ 24 พฤกษภาคม 2549 ผู้ประกอบอาชีพร้านค้าขนาดเล็ก ขนาดย่อม ร้านโชว่ห่วย จากตลาดเก่าร้อยปีวิเศษชัยชาญ อ.วิเศษชัยชาญ  อ.เมือง อ.โพธิ์ทอง อ.ไชโย กว่า 300 คนภายใต้การนำของกำนันศาลเจ้าโรงทอง ได้เข้าร้องเรียนคัดค้านกับสำนักงานเทศบาลโรงทอง พร้อมกับเจรจากับนายวิฃัย ลิมป์วัฒนะชัย นายกเทศมนตรี เพื่อขอให้ทบทวนเกียวกับการออกใบอนุญาตให้กับห้างเทสโก้ โลตัส....

นายกเทศมนตรี ได้ยืนยันว่า ไม่สามารถที่จะระงับยับยั้งอย่างไรได้  เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอใบอนุญาต หากหลักฐานต่างๆ ถูกต้อง.....




นายกเทศมนตรีคนนี้ คงเลียนแบบอดีตนายกฯทักษิณและแกนนำพรรคไทยรักไทย กอดกฎหมายไว้กับร่างกาย ไม่สนใจความลำบากยากแค้นของคนไทยที่ประกอบอาชีพเล็กๆ น้อยๆ มีกฏหมาย ไม่มีความคิด ไม่มีสำนึก ไม่มีความรู้สึกผิดชอบ ไม่มีความรู้สึกควร ไม่ควร ต่อสังคมและชุมชน.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



ปล. ขอแก้ไข จะจนทั้งจังหวัด เป็นจนทั้งจังหวัด เพราะไม่จะอีกแล้ว



หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: idol ที่ 17-06-2006, 18:00
 :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: เออ ว่ะ บอกตรงๆ พี่ เรื่อง การรุกคืบของพวกโลตัส ไม่เห็นด้วยเลยน่ะ นี่ก็ตามข่าวเหมือนกัน ท่าทางจะยาก น่าเศร้าแทนคนแถวนั้นเหมือนกัน ครับ  :mozilla_sealed: :mozilla_cry:


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 17-06-2006, 18:13
มันเร็วและร้ายกาจยิ่งกว่า "อนาคอนดา" ซะอีก  แผล็บเดียวกะเขมือบ "ตลาด ๑๐๐ ปีวิถีไทย"
ให้หายไปจากลมหายใจชาววิเศษชัยชาญ

 คนไทยจะยอมเป็นเหมือนอาร์เจนตินางั้นหรือ?   คือปล่อยให้ห้างยักษ์อย่าง โลตัส คาร์ฟู
บิ๊กซี แม็คโคร ยกทัพมายึดประเทศ ที่อาร์เจนตินา พรึ่บเดียว ๕๐๐  กว่าแห่งยึดประเทศ 

แล้วมันรุมสูบเลือดจนอาร์เจนตินา "แห้งตาย" ไม่มีทางฟื้นอยู่ขณะนี้!


ปีที่แล้ว จากประเทศไทยของเรา พวกร้านค้าปลีก-ค้าส่งต่างชาติ
มันกวาดกำไรอันเป็นเงินกระเป๋าไทยส่งกลับไปยังประเทศของเขา ๒ แสนกว่าล้านบาท! 




ข้อเขียนของคุณ เปลว สีเงิน



หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: จูล่ง_j ที่ 17-06-2006, 18:19
เห็นคุณ ปุถุชน เคยจิกเรื่องนี้มาหลายปี

คราวนี้ บทความคุณ เปลว สีเงิน เล่นเรื่องเดียวกับคุณปุถุชน เคยตามจิกมาก่อน

น่าเป็นห่วงเหมือนกัน เงินไหลออกเยอะๆ


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: atumyata ที่ 17-06-2006, 18:22
ผมเห็นด้วยกับการต่อต้านห้างต่างชาติ  แต่ในขณะเดียวกันบรรดาร้านโชห่วยก็ต้องทำตัวให้น่าส่งเสริมด้วย ยกตัวอย่าง ในเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านมา พี่ผมเค้าเป็นข้าราชการครูถูกบังคับให้ใส่เสื้อเหลือง(ไม่ใส่ก็ไม่มีความผิด แต่ถูกเพ่งเล็งจากเจ้านาย) ผมต้องไปตระเวณหาซื้อให้ ตระเวณอยู่หลายร้าน และหลายวัน ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้เสื้อตัวล่ะ 299 แต่เข้าไปถามร้านไหนมีแต่ 590 เดินหาอยู่ 2 วัน จึงตัดสินใจซื้อที่ร้านหนึ่ง ถามพนักงานขาย บอกว่าตัวล่ะ 350 ผมก็ตกลงจ่ายเงิน ขณะที่รอเงินทอนอยู่สักพักพนักงานก็เอาเงินมาคืนและบอกว่า 350 ไม่ได้เถ้าแก่บอกว่า ต้อง 399 ก็เป็นซะอย่างนี้แล้วจะให้สงสารร้านโชห่วยได้อย่างไร   ร้านโชห่วยรุ่นเก่าจะต้องปรับปรุงและปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย ถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ สูญพันธุ์ไปลูกค้าก็ไม่เสียดาย


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 17-06-2006, 18:44
ผมเห็นด้วยกับการต่อต้านห้างต่างชาติ  แต่ในขณะเดียวกันบรรดาร้านโชห่วยก็ต้องทำตัวให้น่าส่งเสริมด้วย ยกตัวอย่าง ในเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านมา พี่ผมเค้าเป็นข้าราชการครูถูกบังคับให้ใส่เสื้อเหลือง(ไม่ใส่ก็ไม่มีความผิด แต่ถูกเพ่งเล็งจากเจ้านาย) ผมต้องไปตระเวณหาซื้อให้ ตระเวณอยู่หลายร้าน และหลายวัน ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้เสื้อตัวล่ะ 299 แต่เข้าไปถามร้านไหนมีแต่ 590 เดินหาอยู่ 2 วัน จึงตัดสินใจซื้อที่ร้านหนึ่ง ถามพนักงานขาย บอกว่าตัวล่ะ 350 ผมก็ตกลงจ่ายเงิน ขณะที่รอเงินทอนอยู่สักพักพนักงานก็เอาเงินมาคืนและบอกว่า 350 ไม่ได้เถ้าแก่บอกว่า ต้อง 399 ก็เป็นซะอย่างนี้แล้วจะให้สงสารร้านโชห่วยได้อย่างไร   ร้านโชห่วยรุ่นเก่าจะต้องปรับปรุงและปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย ถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ สูญพันธุ์ไปลูกค้าก็ไม่เสียดาย


คุณ atumyata...

ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ และ ขนาดยักษ์ มีดี มีชั่ว คละกันไป
ร้านค้าปลีกที่ไม่มีศีลธรรม ไม่มีคุณธรรม ย่อมอยู่ไม่นาน ยิ่งร้านค้าปลีกยุคใหม่....

เรื่องนั้นเป็นเรื่องกรรมใคร ใครก่อต้องรับกรรม....
ร้านเล็กๆ ดีๆ ก็มี ร้านที่"ให้เชื่อ"  "กินก่อนจ่ายทีหลัง" ก็มีไม่ใช่เหรอ....

 แต่รัฐบาลปล่อยให้"ปลาใหญ่กินปลาเล็ก" ปล่อยให้ค้าปลีกยักษ์ อุดมด้วยเงินทุน วิทยาการ และเทคโนยีเข้ามาทำร้ายร้านค้าปลีกไทย ร้านโชวห่วยไทย
จะปล่อยให้เป็นไปตามระบอบทุนนิยม ใครใหญ่กว่า ใครเก่งกว่า ใครมีพรรคพวกมากกว่า คนนั้นชนะอย่างนั้นเหรอ....?


เมื่อไหร่ประเทศไทยจะมีกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีพาณิชย์สำหรับค้าปลีกไทย......!



หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 17-06-2006, 19:51
ผมไป เกาหลี จีน แคนาดา ออส ฯลฯ แต่ยังไม่เคยเจอประเทศไหนที่ห้างยักษ์จะเปิดอย่างบ้าระห่ำ ทุกหัวระแหง ได้เท่าเมืองไทยอีกแล้ว ไม่มี

อาจจะมีคือ อาร์เจนติน่า แต่ไม่เคยไป ที่อาร์เจนติน่า ห้างคาร์ฟูร์ โปรโมดิส มีส่วนแบ่งตลาดค้าปลึกทั้งประเทศถึง 30% คิดเป็นยอดขายทั้งหมด $4,000,000,000 หรือ 160,000,000,000 บาท

และผมก็ไม่เคยทำสถิติหรอก เพราะไม่ใช่นักวิชาการ แต่ว่า ไม่มียุคไหนอีกแล้วที่คนทำมาค้าขายจะทุกข์ยากลำบากเท่ายุคนี้ คุณคิดดูสิครับ คนจนไปค้าขายริมถนนก็ถูกขูดรีด ขายที่อื่นก็ทำเลสู้ในห้างยักษ์ไม่ได้ ก็ต้องมาให้เขาขูดแพงๆ แค่รถเข็นคันเล็กๆ ขายกิ๊บติดผม หมวก ในห้างยักษ์ภูธร (ย้ำนะว่าภูธร) ทราบมาว่า ต่อเดือนต้องจ่ายถึง 15,000 บาท แค่พื้นที่กระจ้อยร่อยแค่นั้น ซึ่งเป็นผลพลอยได้ที่ไม่ต้องลงทุนเพิ่มเลย


คนมีตึกแถวริมถนนทำเลดีๆ สัก 3 ห้อง ให้เ่ช่าทั้งตัวตึกอย่างมากก็ 100,000 บาท เทียบกับมูลค่าตึกสัก 30-40 ล้าน แถมยังต้องเผชิญความเสี่ยงมากมาย เจอผู้เช่าโหลยโท่ย นักเลง มาเฟีย ถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลบ้าง

ตายไหม :?:


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: tom ที่ 17-06-2006, 22:29
ผมเคยติดต่อจะขายของให้โลตัส

ตอนแรกเห็นจำนวนที่จะขายได้ก็ตาโตอยู่หรอก แต่พอดีลราคาแล้วอยากร้องให้
จะไปขายส่งให้ ร้านค้าขาประจำกัน ก็ไม่มีใครอยู่รอดแล้ว
ขายจากโรงงานเข้าโลตัส จะเหลือกำไรคิดแค่ค่าดอกเบี้ยสำหรับ credit term 60 วัน ก็เหลือไม่ถึง 5% แล้วครับ
ถ้าเดือนใหน มีอะไรตะกุกตะกัก หน่อย ...เหงื่อตกครับ ...
ใครเป็นเจ้าของกิจการจะรู้ ว่าเวลาเงินไม่พอจ่ายค่าแรงน่ะ
มือเย็นใจสั่น...น้ำลายเหนียว...เป็นยังไง....จะตอบลูกน้องตัวเองว่าไง....

แถมจะโดนขู่บ่อยๆว่าเดี๋ยวนำเข้าจากจีน...มาแทนซะหรอก...เฮ่อ...

เอาใจช่วยคน วิเศษฯ ครับ


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 18-06-2006, 09:09
โลตัสนี่ร้ายกว่าเพื่อนครับถ้าเทียบกับ คาร์ฟู หรือ บิ๋กซี........ผู้ผลิตหลายรายทีนำสินค้าโลตัส ตอนนี้กำลังหน้าเขียวอยู่ครับ เวลาที่สินค้าขายไม่ดี เค้าก็เอาออกจากชั้นวาง....หากสินค้าขายดี เค้าก็จะเพิ่มค้าใช้จ่าย เพิ่มเงินคืนกำไรรายปีและค่าใช้อีกสารพัด เช่น ค่าส่งเสริมการขาย ฯลฯ.......เท่านั้นยังไม่พอ ยังทำ In house brand เช่น นำดื่มโลตัส หรือ สินค้าอื่น ยี่ห้อโลตัส โดยจ้างผู้ผลิตทำขึ้นมาแข่งกับผู้ผลิตเอง....ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมผู้ผลิตถึงให้ความร่วมมือ เพราะระยะยาว เสร็จแน่ครับ.........ผมเองพยายามล็อบบี้ลูกค้าไม่ให้ส่งสินค้าให้โลตัส ก็พอประสพความสำเร็จในระดับหนึ่งเท่านัน.......ระยะยาวแล้วอันตรายจริง ๆ


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: stromman ที่ 18-06-2006, 10:42
ทุกวันนี้ผมไปห้างพวกนี้น้อยลง ซื้อของตามร้านของชำแถวบ้านมากขึ้น เครื่องใช้สำนักงานก็ร้านหนังสือใกล้บ้านครับ ช่วยกันคนละนิดไม่งั้นลูกหลานเราเกิดมาทีหลังคงรู้แต่วิธีเป็นลูกจ้า ไม่มีโอกาสได้เป็นพ่อค้า แม่ค้ากะเขา ช่วยๆกันต่อต้านครับ


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: p ที่ 18-06-2006, 10:59

พรรคพวกต่างชาติเคยกระแนะกระแหนผมว่า
ไหนว่าคนไทยยากจน
ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆที่ไหนก็เห็นมีคนเต็มตลอดเวลาเลย
จะเดินไปไหนก็หาของกินได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ช่วยผมคิดหน่อยครับว่า
ภาพที่ชาวต่างชาติได้พบเห็นนั้น
เป็นภาพจริง หรือภาพลวงตากันแน่ครับ

 :?:


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: reach4star ที่ 18-06-2006, 13:34
ตัวเองเป็นอีกคนที่ไม่อยากให้เงินไหลออกนอกประเทศ  แต่ก็ต้องยอมรับในการบริการของเค้าแบบ one stop service และประเทศของเรามีฤดูร้อนเกือบตลอดปี  ห้างใหญ่เค้ามีแอร์เย็นๆ คนก็ชอบไปเดิน  ไป ช๊อป  ถ้าคนไทยหรือรัฐบาลคิดเอาอย่างเค้าก้น่าจะลองศึกษาดู  ในเมืองใหญ่หลายที่สามารถทำเป็นรูปแบบ one stop service แต่ที่เห็นๆ ส่วนมากจะเน้นการขายเสื้อผ้ามากกว่า  คนต้องการไปซื้ออย่างอื่น ก้ต้องขับรถไปอีก   ซึ่งปัญหาการจราจรเกิดขึ้นทุกเมืองในประเทศไทย ไม่เฉพาะกรุงเทพ  ถนนติด  หาที่จอดรถไม่ได้ อากาศร้อนคนก็ไม่ชอบเดิน  เป็นไปได้มั้ยที่จะจัดแบบ โซน เช่นเมื่อก่อนที่เคยคิดจะจัดโซนแหล่งบันเทิง  ก็มาใช้หลักนี้ จัดการตลาดของคนไทย  เรียกชื่อโก้โก้  ติดแอร์ ให้บริการแบบ one stop service ก็น่าจะดี


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 18-06-2006, 13:40
ผมขอแสดงความคิดเห็นรวมๆ.....

1.  ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกกระมั่งที่ผมรู้ว่า รัฐบาลสนับสนุนให้ค้าปลีกขนาดยักษ์อย่างนั้นตั้งในเมือง ในชุมชนได้  มาเลย์ได้ออกกฎหมายหลายปี ตื่นตัวทีหลังไทย แต่กฏหมายมีผลบังใช้ก่อนเรา5-6 ปี เวลานี้ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับค้าปลีก เพราะอิทธิพลของนายทุนใหญ่หนุนหลังบริษัทไทยลักไทยจำกัด และคุณทักษิณตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าสำหรับค้าปลีกต่างชาติ แต่ลืมตั้งกระทรวงค้าปลีกไทย.....

2.  ประเทศที่เจริญแล้ว ต่างให้ความสนใจแก่การค้าปลีกและคุ้มครองการค้าปลีกขนาดเล็ก ขนาดกลางให้อยู่รอดร่วมกับค้าปลีกขนาดใหญ่และค้าปลีกขนาดยักษ์  อุตสาหกรรมค้าปลีกเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ มีสัดส่วนสูงถึง 20 % เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เป็นต้น....

3.  คนที่ไปต่างประเทศที่เจริญแล้ว ย่อมเห็นค้าปลีกขนาดเล็ก ขนาดกลาง ที่เป็นร้านโชวห่วย(ปาป้า มาม่า) ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้าในเมือง ในชุมชน  และศูนย์การค้าขนาดใหญ่และค้าปลีกขนาดยักษ์ อยู่นอกเมืองกันทั้งนั้น.....

4. รัฐบาลกำกับการแข่งขัน ให้ความเป็นธรรม ไม่มีการผูกขาด กีดกัน ขัดขวางในระหว่างค้าปลีกขนาดต่างๆ เพื่อให้เป็นกำลังเศรษฐกิจของชาติ ที่สร้าง"แรงงาน" และ "ผู้ประกอบการ" หรือ "เจ้าของกิจการขนาดเล็ก" "เจ้าของกิจการขนาดกลาง" เพื่อไม่ต้องเป็น "ลูกจ้าง" ทั้งประเทศ.....

5. รัฐบาล และข้าราชการประจำปัญญาอ่าน พูดเป็น "แผ่นเสียงตกร่อง" อยู่เสมอว่า ประเทศไทยเป็นสมาชิกองค์การค้าโลก และอยู่ในระบอบการค้าเสรี จึงต้องไม่ขัดขวาง กีดกัน.....

นายกฯ รัฐมนตรี และข้าราชการประจำ ทำเหมือนกับไม่เคยไปประเทศที่เจริญแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมัน และเนเธอแลนด์ เป็นต้น  พวกนี้จึงไม่ประสา ไม่รู้ว่าประเทศเหล่านี้เป็นสมาชิกองค์การค้าโลก ระดับชั้นนำ และสนับสนุนการค้าเสรีมาตลอดนั้น มีกฎหมายค้าปลีกของตนเอง....



ผมเคยเสนอให้รัฐบาลนี้มีกฎหมายค้าปลีก ถ้าไม่มีปัญญาจะร่างกฎหมายค้าปลีก ก็ให้คัดลอกกฎหมายค้าปลีกของฝรั่งเศส หรือ ประเทศอื่นๆ มาใช้ก็ได้  ถ้ารัฐบาล"ปัดฝุ่น"กฎหมายฝรั่งเศส แล้วแปลงโฉมเป็นกฏหมายค้าปลีกไทย......

ผมอยากจะรู้ว่า ค้าปลีกขนาดยักษ์ อย่างคาร์ฟูร์ หรือ บิ๊กซี(คาซิโน) ที่มีสัญชาติฝรั่งเศส จะคัดค้าน หรือไม่.....?

ผมอยากจะรู้ว่า แมคโคร ของเนเธอแลนด์ เทสโก้ โลตัสของอังกฤษ จะคัดค้าน หรือไม่  ?



วันใดที่ประเทศไทยมีรัฐบาลธรรมาภิบาล ไม่งมงาย ประเทศไทยจะมีกฏหมายค้าปลีกไทยของตนเอง เพื่อให้ค้าปลีกขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ และขนาดยักษ์ อยู่ร่วมกันในอุตสาหกรรมค้าปลีกไทย เป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจไทย.....



หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 18-06-2006, 13:55
ตัวเองเป็นอีกคนที่ไม่อยากให้เงินไหลออกนอกประเทศ  แต่ก็ต้องยอมรับในการบริการของเค้าแบบ one stop service และประเทศของเรามีฤดูร้อนเกือบตลอดปี  ห้างใหญ่เค้ามีแอร์เย็นๆ คนก็ชอบไปเดิน  ไป ช๊อป  ถ้าคนไทยหรือรัฐบาลคิดเอาอย่างเค้าก้น่าจะลองศึกษาดู  ในเมืองใหญ่หลายที่สามารถทำเป็นรูปแบบ one stop service แต่ที่เห็นๆ ส่วนมากจะเน้นการขายเสื้อผ้ามากกว่า  คนต้องการไปซื้ออย่างอื่น ก้ต้องขับรถไปอีก   ซึ่งปัญหาการจราจรเกิดขึ้นทุกเมืองในประเทศไทย ไม่เฉพาะกรุงเทพ  ถนนติด  หาที่จอดรถไม่ได้ อากาศร้อนคนก็ไม่ชอบเดิน  เป็นไปได้มั้ยที่จะจัดแบบ โซน เช่นเมื่อก่อนที่เคยคิดจะจัดโซนแหล่งบันเทิง  ก็มาใช้หลักนี้ จัดการตลาดของคนไทย  เรียกชื่อโก้โก้  ติดแอร์ ให้บริการแบบ one stop service ก็น่าจะดี



 ผมสนับสนุนให้ประเทศไทยมีค้าปลีกทุกขนาด ตั้งแต่ร้านโชวห่วย ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ร้านค้าปลีกขนาดกลาง ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ และร้านค้าปลีกขนาดยักษ์ในประเทศไทย แต่รัฐบาลต้อง"กำกับ" การค้าปลีกไม่ให้เป็น "ปลาใหญ่กินปลาเล็ก" หรือ ทำลายธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็ก ขนาดกลางให้หมดไปจากประเทศไทย....

สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ขับไล่ผู้อยู่อาศัยและค้าปลีกขนาดเล็ก หลายพันคนแถวเจริญผล เพื่อสร้างห้างค้าปลีกขนาดยักษ์ เทสโก้-โลตัส.....!

ห้างค้าปลีกขนาดยักษ์เข้าไปตั้งในกลางเมืองในต่างจังหวัด กลางอำเภอ ทำให้คนไทยที่ค้าปลีกเล็กน้อย ต้องวอดวายหายไป  ผมเชื่อว่าคนที่อ่านกระทู้นี้ของผม บางคนเคยเล่าเรียนหนังสือจนถึงอุดมศึกษาด้วยเงินจากครอบครัวที่ค้าปลีกเล็กน้อยมาแล้ว.....


 ร้านชำ ร้านโชวห่วยในหมู่บ้าน ในตำบล ลดหายไป  คนในหมู่บ้าน รวมกันจ้างรถกะบะ รถสองแถวเข้าเมือง เพื่อซื้อสินค้าในห้างค้าปลีกขนาดยักษ์ แล้วกลับบ้าน  ทำให้"เงิน"ที่เคยหมุนเวียนในหมู่บ้าน ในตำบลหลายรอบ สูญหาย หมดสิ้นไปแล้ว  คนในหมู่บ้านพึ่งพาเงินจากลูกหลาน สามี ภรรยา ส่งเงินเดือนกลับบ้านเพื่อใช้จ่ายในครอบครัว....



 ถ้าค้าปลีกขนาดเล็ก ขนาดกลางของคนไทยอยู่รอด ผู้ประกอบการผลิตขนาดเล็ก ขนาดกลางของคนไทย ก็จะอยู่รอดด้วย เช่นกัน



หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: O_envi ที่ 18-06-2006, 16:38
โลตัสเนี่ยมันใช้วิธีบีบผู้ผลิตครับที่มันขายถูกได้เพราะแบบนี้แหละ
มันรวยอยู่คนเดียว


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: นู๋เจ๋ง ที่ 18-06-2006, 17:40
ปลุกจิตสำนึกลูกหลานไทย ให้กินขนมกล้วย กล้วยทอด ขนมตาล แทน ขนมกรอบ ขบเคี้ยว

เริ่มต้น ชาตินิยม ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ ตั้งแต่ในครอบครัว เถอะค่ะ

มีพี่น้อง ลูกหลาน เน้นๆ ให้เรียน กฎหมายระหว่างประเทศ ภาษาต่างประเทศ เจ๋งๆ ด่า เถียงกับฝรั่งได้

ไม่เกิน 10 ปี ข้างหน้า มีการฟ้องร้อง พิพาท ระหว่างประเทศเพียบๆแน่


ใครจะเป็น ฮีโร่ วีระบุรุษของไทย จะได้ เกิด มีชื่อมีเสียง กันตอนนั้นแหละค่ะ


แล้ว กฎหมาย ให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี ก็เลิกๆ ซะ ใครเป็น สส สว รัฐบาลใหม่ ดูแลดีๆ

ยังไม่สาย ช่วยๆกันนะคะ



หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 18-06-2006, 22:36
ในฐานะผู้บริโภคคนหนึ่ง อาจจะเลือกซื้อสินค้าราคาถูกสมคุณภาพได้ ดังนั้นการไปซื้อสิ้นค้านจากห้างค้าปลีกขนาดยักษ์ ไม่มีใครตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์ ....

แต่รัฐบาลและสังคมต้องไม่ให้ห้างค้าปลีกขนาดยักษ์"กินรวบ" ค้าปลีกทุกขนาด เพราะอำนาจทุนนิยม เทคโนโลยี และความสัมพันธ์กับนักธุรกิจการเมืองของพวกเขา ข่มเหง รังแกผู้ประกอบการค้าปลีกขนาดเล็ก ขนาดกลาง รวมทั้งผู้ประกอบการผลิตและค้าส่งขนาดเล็ก ขนาดกลางของคนไทยด้วย....

สหรัฐอเมริกามีแนวคิดว่า ถ้าผู้บริโภคจะซื้อของจำนวนมาก ราคาถูก ขอให้ไปซื้อจากห้างค้าปลีกขนาดยักษ์หรือศูนย์การค้าขนายใหญ่ ขนาดยักษ์ได้.....
ถ้าต้องการความสะดวก ใส่ชุดนอนลงจากคอนโด หรือชุดลำลองเดินไปซื้อของปากซอย ร้านชำ ร้านโชวห่วย ร้านมินิมาร์ท แพงหน่อย แต่ให้ความสะดวก ประหยัดเวลา....

ข้าราชการเมือง ข้าราชการประจำ แสร้งไม่เข้าใจ หาว่าร้านค้าปลีกขนาดเล็กหนีภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีรายได้สิ้นปี.....

1.  ร้านค้าปลีกขนาดเล็กซื้อสิ้นค้าจากผู้ค้าส่ง หรือไปซื้อจากห้างค้าปลีกขนาดยักษ์ไปขายต่อ ย่อมมี"VAt" แฝงอยู่ในราคาสินค้าแล้ว  เมื่อเขาขายสินค้าไป เขาไม่ได้นำ"ภาษีขาย" ไปส่งสรรพกรก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้ขอคืน"ภาษีซื้อ" เช่นกัน  คนที่เข้าใจระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ย่อมเข้าใจดีว่า ภาษีขาย-ภาษีซื้อ=ภาษีนำส่งสรรพกรนั้น ต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น...

2.  ร้านค้าปลีกขนาดเล็กเหล่านั้นได้เสีย"ภาษีประเมิน" เป็นรายเดือน รายปี ซึ่งบางครั้งเจ้าหน้าที่สรรพกรพยายามรีด"เลือดปู" เหมือนกัน.....

ข้าราชการที่มีเงินเดือน รายได้จากภาษีของประชาชน รวมทั้งพวกร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ผู้ประกอบการผลิตขนาดเล็ก ควรจะหาหนทาง ชี้แนะ ปรับปรุงระเบียบการต่างให้พวกเขาได้.....

    พวกสรรพกร ยังเข้าใจวิธีการทำให้การซื้อ-ขายหุ้น 73,000ล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษีแม้แต่หนึ่งบาท ทำไมไม่ใช้ปัญญาและความสุจริตของท่านช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยเหล่านี้บ้าง ?

   


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 18-06-2006, 22:45
เนื้อหาซ้ำ ขอลบออก


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 18-06-2006, 23:09
ข้าราชการเมือง ข้าราชการประจำ แสร้งไม่เข้าใจ หาว่าร้านค้าปลีกขนาดเล็กหนีภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีรายได้สิ้นปี.....

1.  ร้านค้าปลีกขนาดเล็กซื้อสิ้นค้าจากผู้ค้าส่ง หรือไปซื้อจากห้างค้าปลีกขนาดยักษ์ไปขายต่อ ย่อมมี"VAt" แฝงอยู่ในราคาสินค้าแล้ว  เมื่อเขาขายสินค้าไป เขาไม่ได้นำ"ภาษีขาย" ไปส่งสรรพกรก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้ขอคืน"ภาษีซื้อ" เช่นกัน  คนที่เข้าใจระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ย่อมเข้าใจดีว่า ภาษีขาย-ภาษีซื้อ=ภาษีนำส่งสรรพกรนั้น ต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น...

2.  ร้านค้าปลีกขนาดเล็กเหล่านั้นได้เสีย"ภาษีประเมิน" เป็นรายเดือน รายปี ซึ่งบางครั้งเจ้าหน้าที่สรรพกรพยายามรีด"เลือดปู" เหมือนกัน.....

ข้าราชการที่มีเงินเดือน รายได้จากภาษีของประชาชน รวมทั้งพวกร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ผู้ประกอบการผลิตขนาดเล็ก ควรจะหาหนทาง ชี้แนะ ปรับปรุงระเบียบการต่างให้พวกเขาได้.....

  พวกสรรพกร ยังเข้าใจวิธีการทำให้การซื้อ-ขายหุ้น 73,000ล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษีแม้แต่หนึ่งบาท ทำไมไม่ใช้ปัญญาและความสุจริตของท่านช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยเหล่านี้บ้าง ?

คุณปุถุชน ซึ่งคร่ำหวอดขนาดนี้ ยังถามหา "ปัญญา" และ "ความสุจริต" จากกรมสรรพากิน อีกหรือ :?: ไปขอ vat คืนระวังความซวยจะมาเยือน :?:

อย่างที่ผมพูดหลายครั้งแล้วว่า ประเทศนี้ต้องสาป ประชาชนในหลักล้านก็ไม่ค่อยจะคิดถึงศักดิ์ศรี ก็จะมีโจรปล้นชาติขึ้นมาโกงไปเรื่อยๆแหละ ประชาชนก็ไม่ได้รับความยุติธรรม จะมีแต่ความวุ่นวาย ใครบอกว่า เราจะไม่เป็นอย่างอาร์เจน ตอนนี้ก็แววออกแล้ว

   


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 19-06-2006, 13:18
แล้วพวก 7-112 เนี้ยล่ะครับ เป็นพวกเงินทองรั่งไหลด้วยหรือไม่ครับ


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 19-06-2006, 15:39
เนื้อหาของกระทู้นี้ถ้าไปตั้งใน"ราชดำเนิน"เวลานี้ คงไม่มีคนอ่านร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างนี้หรอก
เพราะเคยแสดงความคิดเห็นทำนองนี้หลายครั้ง ล้วนแต่สมน้ำหน้าคนไทยตัวเล็ก แล้วยังโอหังอยากจะเป็น"ผู้ประกอบการ" เสีย

นอกจากนั้น จะนำความคิดเห็นสุดโต่งของผู้บริโภคอย่างคนไทยๆ กลุ่มหนึ่ง ซึ่งแปลกประหลาด แตกต่างจากที่นี่ และผู้บริโภคในประเทศที่เจริญแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และญี่ปุ่น เป็นต้น ผู้บริโภคเหล่านั้นคิดถึงสิทธิหน้าที่ ผลประโยชน์ของเขาแล้ว ยังคิดถึงเพื่อนร่วมชาติของเขาในธุรกิจค้าปลีกด้วย....

 ถ้าว่าไปแล้ว นักการเมือง รัฐมนตรีของประเทศที่เจริญแล้วที่กล่าวมานั้น เป็นรัฐมนตรีที่มีความรักและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภคของเขาน้อยกว่านักการเมืองไทยหรือรัฐมนตรีไทย จึงมีกฎหมายค้าปลีกของเขา กฏหมายการค้าไม่เป็นธรรม ฯลฯ ใช้ในประเทศของเขาได้  หรือ ?


ข้อเท็จจริงคือนักการเมือง รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์หรือรัฐมนตรีกระทรวงการค้าของเขาคิดถึง การอยู่ร่วมกันของค้าปลีกทุกขนาด ทุกประเภท ในประเทศของเขา ให้เป็นกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเขา และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคระยะยาว มากกว่า.....

 ถึงแม้รัฐมนตรีเหล่านั้นจะถือหลักการค้าเสรี คนที่แข็งแรงกว่า ปรับปรุงดีกว่าจะอยู่รอด แต่เขาก็พยายามกำจัด "ปลาใหญ่กินปลาเล็ก" ไม่เลือกที่และวิธีการด้วย ซึ่งรัฐมนตรีและข้าราชการประจำยุคนี้ไม่มีในสมองและจิตใจ....



 


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 20-06-2006, 10:54
'สองนคราค้าปลีกไทย' ผนึกพลังท้องถิ่น ต้านธุรกิจข้ามชาติ

หลังวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 สังคมไทยได้รู้จักห้างค้าปลีกข้ามชาติ อันได้แก่ เทสโก้-โลตัส บิ๊กซี และคาร์ฟูร์ มากขึ้น เพราะกิจการต่างชาติเหล่านี้เข้ามาซื้อห้างค้าปลีกของคนไทยและขยายตัวอย่างรวดเร็ว จากที่เคยมีสาขารวมกันเพียง 18 สาขาในปี 2539 กลายเป็น 120 สาขาในปี 2547 จนนำไปสู่ข้อถกเถียงถึงบทบาทที่เหมาะสมของรัฐ ว่าควรเข้าแทรกแซง และจำกัดการขยายตัวดังกล่าวหรือไม่

แนวคิดในสังคมไทยต่อประเด็นนี้ แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลัก กลุ่มแรก ซึ่งในทางวิชาการจัดได้ว่ามีแนวคิดแบบเศรษฐศาสตร์นีโอคลาสสิก สนับสนุนให้มีการแข่งขันอย่างเสรี เพราะผู้บริโภคย่อมจะได้รับประโยชน์จากราคาสินค้าที่ลดลง ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่ง กล่าวได้ว่าเป็นกลุ่ม เศรษฐศาสตร์กระแสรอง แสดงความกังวลต่อขนาดที่ใหญ่โตและผลด้านลบต่อโชห่วยและชุมชน จึงเสนอให้รัฐเข้ามาควบคุมการเติบโตของห้างเหล่านี้

จนกระทั่งปัจจุบัน ข้อถกเถียงดังกล่าวเสมือนไร้ข้อสรุปที่ชัดเจน และเป็นที่สนใจมากขึ้นในบางครั้งบางคราว แต่การค้าปลีกไทยก็คล้ายกับหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและผ่านไปในประเทศนี้ เพราะสังคมไทยแทบจะไม่ได้เรียนรู้อะไรจากประสบการณ์ดังกล่าวเพียงพอที่จะปรับตัว และเตรียมพร้อมสำหรับกระแสโลกาภิวัตน์ที่ไหลเชี่ยวกรากมากขึ้นทุกขณะ ทั้งนี้ เนื่องจากมุมมองต่อปรากฏการณ์ดังกล่าว มีข้อจำกัดสำคัญ 3 ประการ ที่ยังไม่ได้รับการวิเคราะห์อย่างจริงจัง

ประการแรก แม้แนวคิดของทั้งสองกลุ่ม จะเสมือนแตกต่างกัน แต่แท้จริงแล้วมีฐานคิดที่ยึดตรรกะแบบกลไกตลาดเป็นศูนย์กลางเช่นเดียวกัน โดยทั้งสองต่างมองว่า  เมื่อกฎระเบียบของรัฐลดลง ห้างค้าปลีกต่างชาติย่อมสามารถใช้ความได้เปรียบทางตลาดที่มี (เช่น เทคโนโลยี ทักษะการจัดการ ทุน) เอาชนะโชห่วยได้ไม่ยาก

ประการที่สอง ไม่เคยมีใครตั้งคำถามว่า ประเทศอื่นที่เผชิญเงื่อนไขคล้ายไทย คือ เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ มีการผ่อนคลายกฎระเบียบ และมีไฮเปอร์มาร์เก็ตกลุ่มเดียวกันเข้ามาลงทุน จะต้องมีทิศทางตลาดค้าปลีกเช่นเดียวกับไทยหรือไม่ ?

ประการที่สาม เมื่อทั้งสองแนวคิดหรือสังคมไทยทั่วไปต้องการจะจัดการกับปัญหาดังกล่าว ก็จะเริ่มต้นจากการไปดูกฎระเบียบของประเทศอื่นๆ เพื่อหวังจะหยิบยืมมาใช้กับประเทศไทย โดยละเลยที่จะศึกษาว่า การบังคับใช้กฎระเบียบในประเทศนั้นๆ เป็นอย่างไร

ฐานคิดที่จะช่วยลดข้อจำกัดทั้งสามประการ เพื่อจะเรียนรู้ปรากฏการณ์ดังกล่าวอย่างถ่องแท้ยิ่งขึ้นอยู่ที่ว่า เราต้องมองเงื่อนไขในการแข่งขันทางธุรกิจของแต่ละสังคมให้กว้างไกลกว่าการยึด "ตลาด" เป็นศูนย์กลาง

โดยเฉพาะบทบาทของสถาบันหลักๆ คือ บทบาทของการเมือง กลุ่มทุนท้องถิ่น วัฒนธรรม ที่ล้วนแตกต่างหลากหลายตามพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของแต่ละสังคม เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การรับมือกับบรรษัทข้ามชาติของแต่ละประเทศย่อมมีรูปแบบที่ต่างกัน จนนำไปสู่ผลลัพธ์เฉพาะตัวที่ต่างกันด้วย

 ธรรมชาติของห้างค้าปลีกต่างชาติ ย่อมไม่อาจเติบโตในตลาดต่างประเทศได้ง่าย เพราะต้องเผชิญข้อจำกัดหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายผังเมือง การทำความเข้าใจวัฒนธรรมผู้บริโภค รวมทั้งการแสวงหาทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม จึงทำให้ห้างต่างชาติต้องปรับตัวในทิศทางต่างกัน จนเกิดผลลัพธ์ที่ต่างกัน เห็นได้ชัดจากประเทศที่อยู่ในเอเชียตะวันออก ซึ่งมีห้างต่างชาติเข้าไปลงทุนจำนวนมาก ล้วนมีผลลัพธ์การค้าปลีกที่ต่างจากไทย (ดูคคห.ถัดไป)

 ในกรณีของไทย รัฐไทยมีนโยบายที่เอื้อต่อบรรษัทข้ามชาติอย่างไร้ยุทธศาสตร์ต่อรองมาโดยตลอด กฎระเบียบด้านการค้าปลีกเปิดเสรีเกินกว่าระดับที่ผูกพันกับ WTO มายาวนานตั้งแต่ก่อนวิกฤติเศรษฐกิจ พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ปี 2542 จึงมิได้มีผลต่อธุรกิจค้าปลีกดังที่สังคมทั่วไปเข้าใจ เพราะจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีไฮเปอร์มาร์เก็ตต่างชาติรายใดใช้สิทธิประโยชน์ตามกฎหมายฉบับนี้ เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านการขายสินค้าเกษตรบางรายการ

 ห้างต่างๆ จึงหันไปใช้ผู้ถือหุ้นแทน (Nominee) เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามนิติบุคคลสัญชาติไทยทั่วไป ส่วนกลุ่มทุนไทยที่เคยเป็นเจ้าของเดิม ( เครือเซ็นทรัลและเครือเจริญโภคภัณฑ์) ก็หันมาเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Alliances) กับห้างต่างชาติ โดยเป็นผู้จัดหาทำเลทองแลกเปลี่ยนกับการเรียนรู้เทคโนโลยีเพื่อประโยชน์อื่นๆ ของเครือ

ร้านค้าส่งและโชห่วยบางส่วนก็ได้รับประโยชน์จากไฮเปอร์มาร์เก็ตจากสินค้าราคาถูกและการซื้อหลังร้าน จึงมิได้ร่วมขบวนต่อต้านมากนัก แต่เงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้ เกิดขึ้นได้ก็เพราะ วัฒนธรรมของสังคมไทย ที่เชื่อมั่นในรัฐและกลุ่มทุนขนาดใหญ่ว่าจะดำเนินงานเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม แรงเสียดทานต่อกิจการต่างชาติจึงค่อนข้างน้อย

อย่างไรก็ดี ผลลัพธ์ตลาดค้าปลีกที่ไฮเปอร์มาร์เก็ตต่างชาติครองตลาดเหนือร้านค้าท้องถิ่นก็เกิดขึ้นเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงบางจังหวัดที่มีความเป็นเมืองสูงเท่านั้น (เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา) เพราะในท้องถิ่นอื่นๆ ของไทยก็มีผลลัพธ์ค่อนข้างหลากหลาย

ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะตัวอย่างที่แตกต่างจากกรุงเทพฯ อย่างชัดเจน คือ  จังหวัดแพร่ ซึ่งร้านค้าปลีกสามารถรวมตัวกันแข่งขันเหนือไฮเปอร์มาร์เก็ตต่างชาติได้ โดยหอการค้าจังหวัดเป็นแกนนำในการจัดโครงการ "รวมใจคืนกำไรให้กับชาวแพร่" (ซื้อสินค้าจากร้านท้องถิ่นแล้วสามารถส่งคูปองชิงรางวัล) และได้รับการตอบสนองจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี

แต่หากไม่มีเงื่อนไขทางสถาบันรองรับ การใช้กลยุทธ์การตลาดดังกล่าวย่อมไม่อาจสำเร็จได้ เพราะหอการค้าสามารถกระตุ้นให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคในท้องถิ่นนำความเป็น "ท้องถิ่นนิยม" เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการบริโภค

กล่าวคือ ผู้ซื้อมิได้พิจารณาจากปัจจัยราคาเท่านั้น แต่ คำนึงถึงความคุ้นเคยและผลต่อส่วนรวมไปพร้อมกัน นอกจากนี้ หอการค้ายังกระตุ้นให้ผู้ขายปรับตัวด้านการบริการและเทคโนโลยีด้วย ร้านค้าท้องถิ่นจึงสามารถดำรงอยู่ร่วมกับไฮเปอร์มาร์เก็ตต่างชาติได้ภายใต้ระดับการแข่งขันที่สูงขึ้น

ในขณะที่ "นคราเมือง" ซึ่งมีชนชั้นกลางรายได้สูง มีข้อมูลข่าวสารค่อนข้างสมบูรณ์ ไม่สามารถรวมตัวกันเพื่อแข่งขันและต่อรองกับห้างต่างชาติได้ "นคราท้องถิ่น" เช่นจังหวัดแพร่ กลับสามารถรวมตัวกันเพื่อครอบส่วนแบ่งตลาดเหนือไฮเปอร์มาร์เก็ตต่างชาติได้ เพราะรู้จักใช้ความสัมพันธ์แบบที่มิใช่ตลาดในท้องถิ่นมาสร้างประโยชน์ เพื่อให้การแข่งขันที่สูงขึ้นนำไปสู่สวัสดิการของท้องถิ่นที่สูงขึ้นเช่นกัน

http://www.bangkokbiznews.com/2006/06/20/news_20902494.php?news_id=20902494
..................................................................................................................................................

ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะตัวอย่างที่แตกต่างจากกรุงเทพฯ อย่างชัดเจน คือ  จังหวัดแพร่ ซึ่งร้านค้าปลีกสามารถรวมตัวกันแข่งขันเหนือไฮเปอร์มาร์เก็ตต่างชาติได้ โดยหอการค้าจังหวัดเป็นแกนนำในการจัดโครงการ "รวมใจคืนกำไรให้กับชาวแพร่" (ซื้อสินค้าจากร้านท้องถิ่นแล้วสามารถส่งคูปองชิงรางวัล) และได้รับการตอบสนองจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี .....

ปล. การต่อสู้ระหว่างหอการค้าจังหวัดแพร่ ร้านค้าปลีก และประชาชนที่มีสำนึก"ท้องถิ่นนิยม" กับห้างค้าปลีกยักษ์ ยังไม่สิ้นสุดลง แต่มีแนวโน้มว่าจะฝ่ายแรกน่าจะพ่ายแพ้ในระยะยาว เพราะ"ทางการ" ไม่ได้ให้การสนับสนุนหรือเหลี่ยวแลอย่างไร เหมือน"มวยคนละรุ่น" วันหนึ่งเมื่อฝ่ายแรกอ่อนแรง และถูกเจาะความสามัคคี....



หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 20-06-2006, 11:00
เมื่อเราทำความเข้าใจต่อ "วิธีคิด" และ การบังคับใช้กฎระเบียบของรัฐไทยที่มีต่อธุรกิจข้ามชาติ แล้ว ย่อมตระหนักได้ว่า การเรียกร้องให้รัฐออกนโยบายที่ขัดกับวิธีคิดพื้นฐาน ย่อมจะนำไปสู่การบังคับใช้ที่ล้มเหลวในท้ายที่สุด อย่างไรก็ดี สังคมก็ยังควรเรียกร้องให้รัฐไทยมีการบังคับใช้กฎระเบียบเท่าที่ตัวอักษรบังคับใช้ เปิดเสรีอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามเงื่อนไขภายใน และมีวิธีการพิจารณา Nominee ตามหลักการสากล (คิดตามอำนาจการออกเสียง)

ส่วนความเป็นท้องถิ่นนิยมนั้นย่อมไม่อาจยั่งยืนได้ หากร้านค้าปลีกท้องถิ่นเป็นเพียงผู้นำสินค้าจากส่วนกลางมาวางขาย แต่ต้องมุ่งไปสู่การเป็น "เครือข่ายการผลิตและการบริโภคในระดับท้องถิ่น" ที่สามารถทดแทนการนำเข้าจากส่วนกลางได้ โดยแสวงหาประโยชน์จากโลกาภิวัตน์และการเข้ามาของบริษัทข้ามชาติเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีด้านต่างๆ ควบคู่ไปกับการสร้างแรงกระตุ้น เพื่อการสลายวัฒนธรรมอุปถัมภ์แบบเก่า ที่พึ่งพิงรัฐและการเมืองส่วนกลาง มาสู่การจัดสถาบันภายในด้วยตนเอง เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน

ในแง่ของทฤษฎีและฐานคิด การทำความเข้าใจบทบาทของสถาบัน จึงช่วยให้วิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดจากบริษัทข้ามชาติได้อย่างลุ่มลึกยิ่งขึ้น โดยต้องมองกลไกตลาดเป็นสถาบันหนึ่ง ที่ทำงานร่วมกับสถาบันอื่นๆ ในระบบเศรษฐกิจ

และในการจัดการกับทุนบริการข้ามชาตินั้น นอกจากจะอาศัยการออกกฎระเบียบจากรัฐส่วนกลางแล้ว ยังจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับกลไกในระดับท้องถิ่นและเครื่องมือเชิงวัฒนธรรมด้วย



กรณีตัวอย่างประเทศตะวันออก

 ประเทศไต้หวัน มีเงื่อนไขทางสถาบันที่เอื้อต่อห้างต่างชาติเป็นพิเศษ โดยเฉพาะนโยบายของรัฐและความอ่อนแอของเครือข่ายผู้ผลิต-ผู้ค้าส่ง จึงมีห้างต่างชาติเข้าไปลงทุนมากเป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออก (รองจากจีน)

 ส่วน เกาหลีใต้ นั้น รัฐบาลเลือกเปิดเสรีอย่างค่อยเป็นค่อยไป เครือข่ายผู้ผลิตในประเทศ (Chaeblos) ก็มีความเข้มแข็ง อีกทั้งผู้บริโภคส่วนหนึ่งก็มีความสำนึกต่อผลประโยชน์ของผู้ประกอบการท้องถิ่น ไฮเปอร์มาร์เก็ตของท้องถิ่น (E-Mart) จึงยังครองตลาดเหนือห้างต่างชาติมาอย่างต่อเนื่อง

 ในขณะที่ ญี่ปุ่น นั้น แม้ว่าจะมีแรงดึงดูดจากกำลังซื้อต่อหัวที่สูงสุดในโลก แต่ด้วยการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดและสร้างต้นทุนกับห้างต่างชาติสูงกว่าตัวอักษรที่เขียนไว้ (Large-Scale Retail Store Location Law : LLSL) ประกอบกับความซับซ้อนของเครือข่ายการค้าในประเทศ (Retailing Keiretsu) และวัฒนธรรมการบริโภคที่เอื้อกับร้านค้ารายย่อย ไฮเปอร์มาร์เก็ตต่างชาติจึงยังล้มลุกคลุกคลานแข่งขันกับห้างท้องถิ่นไม่ได้

http://www.bangkokbiznews.com/2006/06/20/news_20902494.php?news_id=20902494




หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: HILTON (ปาล์มาลี) ที่ 20-06-2006, 12:11
ที่สำคัญคือ  ไอ้ที่ว่ารวยนะ  มันดันไม่ใช่คนจังหวัดนั้นอีกละซิ


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: p ที่ 20-06-2006, 12:24

... และในการจัดการกับทุนบริการข้ามชาตินั้น นอกจากจะอาศัยการออกกฎระเบียบจากรัฐส่วนกลางแล้ว ยังจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับกลไกในระดับท้องถิ่นและเครื่องมือเชิงวัฒนธรรมด้วย


ท่านปุถุชน ครับ

บ้านเราคงยากครับ
เพราะคนมีอำนาจในบ้านเมืองก็คบกับต่างชาติเพื่อผลประโยชน์ตนและพวกพ้อง
เพราะคนในระดับท้องถิ่นถูกปลูกฝังและมอมเมาให้เป็นคนรสนิยมสูง และเห่อของนอก

วังเวงไหมครับ อนาตคตของชาติ

 :mozilla_yell: :mozilla_yell: :mozilla_yell:


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 20-06-2006, 13:20
ไม่จำเป็นไม่ไปห้างครับ อยากกิน KFC ก็หาซื้อเอาตามรถเข็นถึงจะไม่ถูกสุขอนามัยนัก แต่ได้เห็นสีหน้า
และรอยยิ้มที่เปื้อนเหงื่อของคนขายแล้วมีความสุขดีครับ
เวลาไปต่างจังหวัดอยากได้อยากกินอะไรก็หาเอาตามร้านชำข้างทางไม่จำเป็นจริงๆไม่เข้าปั๊มหรอกครับ


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 20-06-2006, 13:42
ไม่จำเป็นไม่ไปห้างครับ อยากกิน KFC ก็หาซื้อเอาตามรถเข็นถึงจะไม่ถูกสุขอนามัยนัก แต่ได้เห็นสีหน้า
และรอยยิ้มที่เปื้อนเหงื่อของคนขายแล้วมีความสุขดีครับ
เวลาไปต่างจังหวัดอยากได้อยากกินอะไรก็หาเอาตามร้านชำข้างทางไม่จำเป็นจริงๆไม่เข้าปั๊มหรอกครับ



คุณเกตุเป็นคนไทยคนหนึ่งที่ทำให้ร้านชำ ร้านโชว่ห่วย ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ขนาดกลางของคนไทยอยู่รอดทุกวันนี้.....

ถ้าใครมีญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงทำร้านค้าเล็กๆ เหล่านี้  ขอให้เขาแก้ไข
1.  ทำร้านให้สว่างพอให้คนยืนฟุตบาทหน้าร้านมองเห็นสินค้าภายใน
2.  จัดเรียงสินค้าเป็นระเบียบ สะอาด ใหม่เสมอ
3. เลือกขายสินค้าจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันที่ใช้หมดไปอย่างรวดเร็ว
4.  ติด/ขายตามราคาข้างกล่อง ขายต่ำกว่ากล่องคงไม่ได้ เพราะซัพพลายเออร์ไม่ยอมขายให้
5.  อุดหนุนผู้ผลิตสินค้าคนไทยที่มีคุณภาพดีด้วย.....
6.   หน้าร้าน หลังคามีป้ายทำให้รู้ว่าเป็นร้านชำ ร้านโชวห่วย มินิมาร์ท  คนไทยอย่างคุณเกตุและผมจะได้หาพบและเข้าอุดหนุนได้ทุกคราวที่มีโอกาส...
7. ซื่อสัตย์และอัธยาศัยต่อลูกค้า

การแก้ไขขั้นต้นเหล่านี้ จะช่วยเหลือพวกเขาเปิดร้านต่อไปได้ในระดับหนึ่ง จนกว่าจะมีรัฐบาลของคนไทย คนค้าปลีกไทยบ้าง....

ปล. ส่วนการทำบัญชีให้สอบถามนักบัญชีที่มีความรู้ความสามารถ ทำบัญชีอย่างถูกต้อง อย่างประหยัด ไม่เลี่ยงภาษี จะได้ไม่ต้องกลัวการ"ประเมิน" ของเจ้าหน้าที่สรรพากร

ปล. คนไทยส่วนหนึ่งรังเกียจร้านค้าเหล่านี้ มักจะ"พาซื่อ"หาข้ออ้างว่าว่าร้านโชวห่วยเป็นของคนจีนต่างชาติ ไม่ใช่ร้านคนไทยเชื้อสายจีน คนไทยแท้ คนไทยเชื้อสายอื่นๆ ตามท้องถิ่น จึงไม่ต้องการอุดหนุน แต่อุดหนุน" ฝรั่งหัวแดง/หัวดำ"ดีกว่า..........................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า






หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 20-06-2006, 14:31
ไม่จำเป็นไม่ไปห้างครับ อยากกิน KFC ก็หาซื้อเอาตามรถเข็นถึงจะไม่ถูกสุขอนามัยนัก แต่ได้เห็นสีหน้า
และรอยยิ้มที่เปื้อนเหงื่อของคนขายแล้วมีความสุขดีครับ
เวลาไปต่างจังหวัดอยากได้อยากกินอะไรก็หาเอาตามร้านชำข้างทางไม่จำเป็นจริงๆไม่เข้าปั๊มหรอกครับ

แต่สำหรับผมนะ ไก่ทอดข้างถนนน่ะ สู้ไก่ KFC ไม่ได้หรอกครับ... กินให้เหมือนก็ไม่ได้ด้วย

บอกตรงๆว่าผมชอบมากเลย แต่ช่วงหลังนี้ผมเลิกกินเลยล่ะ

เพราะว่าทุกครั้งที่กิน ที่เสียเงิน ผมรู้สึกว่าผมเสียค่าโง่ให้เขาเยอะเกินไป และค่าโง่ไหลไปข้างนอกด้วย

แล้วเมื่อไรจะมีไก่ทอด แบรนไทยออกมาบ้างล่ะเนี้ย?

ไก่ทอดหาดใหญ่น้ำมันดำปี๋ กินแล้วเป็นมะยิงแน่ๆเลย



ตอนนี้เลิกกิน KFC แล้วไปกิน แมคโดนัล แทนแล้วครับ  :mozilla_laughing:


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-07-2006, 14:16
รัฐเหลวคุม"ค้าปลีกข้ามชาติ"ดิสเคาท์สโตร์ปูพรมมินิมาร์ท

จับตาทุนค้าปลีกข้ามชาติกินรวบตลาดเบ็ดเสร็จ สะท้อนบังคับใช้กฎหมาย-นโยบายรัฐเหลว ไม่ทันเกมธุรกิจ ส่งผลดิสเคาท์สโตร์ "กลายพันธุ์" หนีกฎ-กติกา ใช้ความได้เปรียบคลอดรูปแบบร้านหลากหลายไซส์ลุยปูพรม ขณะที่อิทธิพล-ผลประโยชน์ท้องถิ่น-พลังประชาชนอ่อนแอ

มาตรการจัดระเบียบธุรกิจค้าปลีก เพื่อชะลอการขยายเครือข่ายของร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ข้ามชาติ ตลอดช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงความล้มเหลวของระบบจัดการภาครัฐระดับชาติจนถึงระดับท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี

 แม้ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จะปรากฏข่าวความเคลื่อนไหวของประชาชนในจังหวัดต่างๆ เพื่อต่อต้านการก่อสร้างห้างดิสเคาท์สโตร์ในหลายพื้นที่ แต่ในภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ ในช่วง 1-2 ปีมานี้ กล่าวได้ว่าการขยายสาขาของร้านค้าปลีกประเภทดิสเคาท์สโตร์มีการชะลอตัว

และที่ต้องจับตา คือการปรับแผนธุรกิจใหม่ โดยอาศัยความได้เปรียบของทุน โนว์ฮาว และรูปแบบร้านค้าปลีกหลากหลายประเภท เพื่อประยุกต์ให้สอดคล้องกับตลาดผู้บริโภคและโอกาสทางการตลาด ส่งผลให้เกิดการกลายพันธุ์เป็นร้านค้าปลีกขนาดเล็ก แต่มีอำนาจต่อรองสูง แถมต้นทุนต่ำเนื่องจากเป็นเครือข่ายเดียวกับค้าปลีกข้ามชาติรายใหญ่

ยุทธศาสตร์ธุรกิจ "กลายพันธุ์"

 แหล่งข่าวจากกลุ่มธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ กล่าวว่า แม้จะมีช่องโหว่ของกฎหมายผังเมืองแต่ไม่มีผล เพราะธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ยึดพื้นที่การค้าในหัวเมืองขนาดใหญ่จนหมดแล้ว เหลือเพียงจังหวัดขนาดกลางและเล็ก ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ร้านขนาดใหญ่ เพราะยังมีร้านขนาดเล็กหลากหลายรูปแบบเลือกให้เหมาะสมกับกำลังซื้อในย่านนั้นๆ

ทั้งนี้ การเติบโตของชุมชน ฐานประชากรในพื้นที่ การขยายตัวของเมือง เป็นโอกาสทางการตลาดที่สำคัญ แม้ว่าภาวะการแข่งขัน รวมถึงกำลังซื้อในสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวจะยังไม่เอื้ออำนวยมากนัก แต่ความพร้อมของทุนต่างชาติ ที่ไม่ต้องกังวลถึงภาวะเสี่ยงหรือสภาพคล่องทางการเงิน ทำให้สามารถใช้เม็ดเงินที่มีอยู่หว่านไว้รอเก็บเกี่ยวประโยชน์

 ขณะนี้ ผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ต่างหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนขยายเครือข่ายร้านขนาดเล็กมากขึ้น ทั้งกลุ่มทุนข้ามชาติและกลุ่มทุนท้องถิ่นอย่างเซ็นทรัลรีเทล เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบของทำเล ซึ่งแน่นอนว่าใครเปิดตลาดก่อนย่อมได้เปรียบ เช่น "เซเว่นอีเลฟเว่น" เจ้าของเครือข่ายร้านคอนวีเนียนสโตร์ ที่สร้างเครือข่ายสาขามากกว่า 3,000 แห่งทั่วประเทศ ทิ้งห่างคู่แข่งหลายช่วงตัว ขณะที่เทสโก้ โลตัส เร่งขยายร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ปัจจุบันมีเครือข่ายเกือบ 200 แห่งทั่วประเทศ ไม่นับรวมร้านขนาดใหญ่อย่างซูเปอร์เซ็นเตอร์อีก 55 สาขา

"ท็อปส์ เดลี่" ประกาศแผนผุด 200-500 สาขา

นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ในระยะยาว ร้านค้าปลีกขนาดเล็กจะเป็นรูปแบบธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตมากที่สุด ขณะที่แผนธุรกิจของเซ็นทรัลรีเทลจะเร่งขยายร้านค้าปลีก "ท็อปส์ เดลี่" ตั้งเป้าหมายเปิดบริการไม่ต่ำกว่า 200-500 แห่งภายใน 5 ปี และมองถึงการสร้างเครือข่ายนับพันสาขาในอนาคตข้างหน้า

โดยมุ่งเจาะย่านชุมชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ขณะนี้เปิดบริการ 3 แห่ง ได้แก่ อ่างทอง เชียงราย เชียงใหม่ ปีนี้คาดว่าจะมีสาขาไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง และจะมีการขยายตลาดผ่านเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ด้วย

ร้านท็อปส์ เดลี่ จัดอยู่ในประเภท "มินิ ซูเปอร์มาร์เก็ต" เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดย่อม แต่มีส่วนของสินค้าคอนวีเนียนสโตร์มากกว่า "เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส คอนวีเนียนสโตร์" ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญ รวมทั้ง "มินิ บิ๊กซี" ของบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ที่เซ็นทรัลรีเทลถือหุ้นอยู่ด้วย แต่คอนเซปต์ระหว่างท็อปส์ เดลี่ และมินิ บิ๊กซี แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยมินิ บิ๊กซี เน้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่เป็น "เฮ้าส์แบรนด์" เป็นหลัก

"ในอนาคตเราอยากเห็นท็อปส์ เดลี่ มีเป็นร้อยเป็นพันสาขา ซึ่งหากไม่ถึงระดับนั้นก็ไม่ต้องทำดีกว่า เพราะจะไม่ได้ Economies of scale ซึ่งการบริหารจัดการร้านค้าปลีก โดยเฉพาะร้านขนาดเล็กต้นทุนสูงต้องทำให้ได้ปริมาณระดับหนึ่งเพื่อให้เกิดการประหยัดจากปริมาณเครือข่าย" ผู้บริหารเซ็นทรัลรีเทลกล่าว

ดัน "ตลาดโลตัส-เอ็กซ์เพรส" โตเท่าตัว

ส่วนแหล่งข่าวจากเทสโก้ โลตัส กล่าวว่า ในปีนี้เทสโก้ โลตัส ให้ความสำคัญกับการขยายเครือข่ายร้านขนาดเล็กมากขึ้นเป็นเท่าตัวเทียบกับทุกปีที่ผ่านมา โดยร้าน "เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส คอนวีเนียนสโตร์" ตั้งเป้าหมายเปิดบริการอย่างน้อย 150 แห่ง จากปีที่ผ่านมาเปิดเพิ่มเพียง 60 แห่ง ส่วน "ตลาดโลตัส" ขยายเพิ่ม 20 แห่ง จากปีที่ผ่านมาเปิดบริการ 6 แห่งเท่านั้น

ในการเข้าลงทุนของเทสโก้ โลตัสในเขตต่างจังหวัด แม้จะถูกต่อต้านจากกลุ่มผู้ค้าในท้องถิ่น แต่บริษัททำตามขั้นตอนของกฎเกณฑ์ กฎหมาย จึงสามารถเปิดบริการได้ ปัจจุบันเทสโก้ โลตัส มีร้านค้าปลีกรวมประมาณ 230 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็น เทสโก้ โลตัส ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 55 แห่ง อยู่ในกรุงเทพฯ 24 แห่ง ต่างจังหวัด 31 แห่ง ตลาดโลตัส 13 แห่ง ร้านคุ้มค่า 15 แห่ง และเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส คอนวีเนียนสโตร์ 151 แห่ง

 ผังเมืองเชียงใหม่ชี้ต่างชาติใช้ช่องว่างกฎหมายรุกขยายกิจการในพื้นที่เกินกำหนด

แม้ว่าในมุมของผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ มีแนวโน้มจะหันไปให้ความสนใจกับการขยายตลาดในรูปแบบร้านค้าขนาดเล็กมากขึ้น แต่ในส่วนของประชาชนในจังหวัดต่างๆ ที่มีการรวมตัวเพื่อต่อต้านธุรกิจข้ามชาติ ยังคงมีเป้าหมายหลักไปที่ดิสเคาท์สโตร์ขนาดใหญ่ และจากความเคลื่อนไหวในการต่อต้านคัดค้านที่ผ่านมาในทั่วทุกภูมิภาค ล้วนสะท้อนบทเรียนแห่งความล้มเหลวแทบทั้งสิ้น

นายอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ นักผังเมือง 7 ว. สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายที่ออกมาใช้ควบคุมกิจการค้าปลีก และค้าส่งจากต่างประเทศไม่ให้รุกขยายกิจการในประเทศไทยอย่างไร้ขอบเขต แต่ไม่สามารถหยุดหรือควบคุมการรุกคืบขยายกิจการเข้ามาของโมเดิร์นเทรดในประเทศไทยได้ 100% เนื่องจากติดขัดเงื่อนไขการค้าเสรีกับองค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) และโมเดิร์นเทรดได้ใช้ช่องว่างทางกฎหมายที่มีในการรุกขยายกิจการก่อสร้างในพื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างไม่ผิดกฎหมาย

ยกตัวอย่างจังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันมีกฎหมาย 2 ฉบับ ที่ควบคุมกิจการค้าปลีกค้าส่งคือ กฎกระทรวงตามกฎหมายควบคุมอาคาร ซึ่งจะใช้บังคับการก่อสร้างในเขตผังเมืองรวมของเมืองเชียงใหม่ และเขตเทศบาลที่อยู่ใกล้เคียง สาระคือห้ามกิจการค้าปลีก-ค้าส่งหรือซูเปอร์สโตร์ ก่อสร้างในพื้นที่เกินกว่า 1,000 ตารางเมตร ในเขตเมืองชั้นใน และบริเวณโดยรอบ

 แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ โมเดิร์นเทรดอาศัยช่องว่างของกฎหมายที่เปิดโอกาสให้ท้องถิ่น เช่น เทศบาล หรือ อบต.ซึ่งเป็นหน่วยงานในท้องถิ่น สามารถที่จะออกเทศบัญญัติหรือข้อบังคับที่ขัดแย้งกับกฎกระทรวงฉบับนี้ได้ หากเป็นความต้องการของท้องถิ่น โดยมีโมเดิร์นเทรดบางแห่ง ประสานงานผ่านทางผู้ปกครองท้องถิ่นที่ดูแลพื้นที่ เพื่อให้ใช้อำนาจออกเทศบัญญัติ หรือข้อบังคับเพื่อจะขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข ให้สามารถสร้างโมเดิร์นเทรดได้ในพื้นที่เกิน 1,000 ตารางเมตร กฎหมายอีกฉบับคือ ประกาศของกรมโยธาธิการและผังเมือง เรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ในการวางและจัดทำผังเมืองรวมของ จ.เชียงใหม่ ซึ่งออกมาตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2546 โดยประกาศของกรมโยธาธิการและผังเมืองตัวนี้ ได้กำหนดให้สามารถก่อสร้างได้ในพื้นที่ 300-1,000 ตารางเมตร

 กรณีที่จะสร้างเกินพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร จะต้องทำตามเงื่อนไขปลีกย่อยอีก 10 ข้อ ที่มีการกำหนดไว้ อาทิ การสร้างอาคารต้องอยู่ติดกับถนน 4 เลน หรือการที่กำหนดว่า จะต้องมีเขตทางห่างจากถนนไม่น้อยกว่า 40 เมตร ฯลฯ ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้กลับไม่มีผลตามความมุ่งหวัง เนื่องจากธุรกิจขนาดใหญ่มีทุนเป็นกุญแจสำคัญ เพื่อจะสร้างให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ได้อย่างง่ายดาย

อิทธิพล-ผลประโยชน์ท้องถิ่นปัญหาใหญ่

นักวิเคราะห์ในธุรกิจค้าปลีก กล่าวว่า การที่กฎหมายต่างๆ ไม่ถูกนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอิทธิพล ผลประโยชน์ต่างๆ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐในท้องถิ่น มีความเกรงใจอิทธิพลของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ขณะที่การรวมพลังของผู้ได้รับความเดือดร้อนในท้องถิ่นเพื่อสร้างแนวต้านไม่เข้มแข็งพอ

"ต้องยอมรับว่า เจ้าของที่ดินเหล่านั้น ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจท้องถิ่น เป็นกลุ่มนักการเมืองมีอิทธิพลในท้องถิ่นนั้นๆ ขณะที่ตัวแทนภาครัฐในพื้นที่ก็อาจเกี่ยวเนื่องกับผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นไม่มากก็น้อย" แหล่งข่าวกล่าว

ปลุกจิตสำนึกกลุ่มทุนการเมืองภูธร

สอดคล้องกับแหล่งข่าวในกลุ่มหอการค้าจังหวัด กล่าวว่า กลุ่มผลประโยชน์ในท้องถิ่นเป็นตัวแปรและกลไกสำคัญต่อหลักการหรือกฎเกณฑ์ วิธีปฏิบัติต่างๆ

 "จุดที่มีการรวมตัวต่อต้านค้าปลีกขนาดใหญ่ เมื่อถึงระดับหนึ่งก็ค่อยๆ ลดความเข้มแข็งลงเพราะไม่มีฟีดแบ็ค นอกจากนี้ยังมีปัญหาความไม่จริงใจ ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ใครผลประโยชน์มัน ในที่สุดแกนนำก็ค่อยๆ ถอยออกมา"

แหล่งข่าวรายเดียวกันชี้ว่า ในท้องถิ่นมีผลประโยชน์แฝงตัวอยู่ในหลายกลุ่ม ตั้งแต่ผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มรับงานต่อเนื่องต่างๆ เหล่านี้เป็นปัญหาที่มีมานาน และเป็นอุปสรรคต่อการจัดแนวทางจัดการปัญหาธุรกิจค้าปลีกไม่คืบหน้ามาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งๆ ที่จังหวัดหรือท้องถิ่นมีสิทธิวางมาตรการอย่างเต็มที่ภายใต้ข้อกฎหมายเทศบัญญัติ

http://www.bangkokbiznews.com/2006/07/03/index_page1.php





หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-07-2006, 14:20
 รักษาการนายกฯทักษิณ อ้าง กฏ กติกา รัฐธรรมนูญ เพื่อสร้างความชอบธรรมของตนเอง โดยไม่พูดถึงการตีความเพื่อให้เป็น "กฎกู" มากกว่า จึงไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนที่ไม่เห็นด้วย

เช่นเดียวกับการก่อสร้างค้าปลีกขนาดยักษ์สาขาใหม่ หรือการขยายสาขาในรูปแบบอื่น ก็อาศัย กฏ กติกา ช่องว่างทางกฎหมายตีความเข้าเป็นประโยชน์ของค้าปลีกขนาดยักษ์และกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่น....

เ มื่อปีที่แล้ว ค้าปลีกขนาดยักษ์ได้สร้างอาคารขนาดหนึ่ง 10,000 ตารางเมตร สูง 10 เมตร ที่แม่สาย เชียงราย(?) แต่บริเวณนั้นสร้างอาคารสูง 10 เมตรไม่ได้ตาม กฎ กติกา ผังเมือง จึงแก้ไขแบบเปลี่ยนลดความสูงลง 9.90 เมตร เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ก็ผ่าน ออกใบอนุญาตให้ เพราะอ้างว่าได้ปฎิบัติตามกฎเกณฑ์แล้ว.....

นอกจากนั้นยังแสร้งบิดเบือนข้อเท็จจริง ทั้งนักธุรกิจการเมือง นักการเมืองส่วนกลาง และส่วนท้องถิ่น โดยแอบอ้างการเข้าเป็นสมาชิกองค์การค้าโลก(WTO) การค้าเสรี ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น เช่นการให้เปิดเสรีโดยไม่กำหนดขอบเขต บริเวณ หรือระยะห่าง....

คนที่เคยไปต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เนเธอแลนด์ เป็นต้น จะเห็นว่า ค้าปลีกขนาดยักษ์ อยู่นอกเมืองทั้งสิ้น เช่น สหรัฐอยู่ห่าง 6 ไมล์(ประมาณ 9 กม.) เป็นต้น แต่ประเทศไทยสามารถตั้งได้ใจกลางเมือง ใจกลางที่ชุมชนได้เช่น พระรามสี่ เจริญผล หรือในตัวเมืองเชียงใหม่ เป็นต้น


 ดังนั้นกลุ่มค้าปลีกขนาดยักษ์ ด้วยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ของรัฐและนักการเมืองท้องถิ่น อ้างกฎ กติกา และ "กฎกู" สร้างความชอบธรรมในการประกอบการค้าของพวกเขา เช่นเดียวกับ "รักษาการนายกฯ"อ้าง"กฎกู" ของเขาเพื่อครองอำนาจต่อไป....


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: THE THIRD WAY ที่ 03-07-2006, 14:24
ผู้มีอำนาจบอกว่าไม่มีกฎหมายห้าม
ท่าจะบ้ากันใหญ่
เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
ต้องทำได้สิ
ทีอย่างอื่นฉลุยเชียว


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 03-07-2006, 17:28
คุณปุถุชน คงทราบดีอยู่แล้วใช่ไหมว่า ในประเทศอาร์เจนติน่า ธุรกิจค้าปลีกของห้างคาร์ฟูร์ที่นั่นไม่ได้มีแค่ไฮเปอร์มาร์เ็ก็ต แต่มีทุกรูปแบบตั้งแต่แบบเอ๊กซเพรส จนถึงร้านขนาดย่อมแบบ 7-11 ภายในยี่ห้อที่แตกต่างกัน

เดี๋ยวนี้เราเริ่มเห็นเทสโก้ เปิดในรูปแบบตึกแถวแล้ว จากแต่ก่อนที่มาอยู่เฉพาะปั๊มป์น้ำมัน และกำลังมี "ตลาดโลตัส" ผมไม่รู้ว่าจะออกมารูปแบบไหน แต่ฟังชื่อแล้วสยอง

เดี๋ยวนี้ผ่านไปที่ไหน ตึกแถวการค้าริมถนนสายหลักๆ เช่น สุขุมวิท(ในเมือง) คลองตัน เอกมัย พัฒนาการ จรัลฯ(สายเดีียวกับไอ้หน้าเหลี่ยม) เอกชัย สภาพไม่ต่างกันคือ
  • มีร้านค้าที่เปิด สลับกับที่ถูกปล่อยร้าง เรียกว่าเปิดทำอะไรอยู่ 1 ร้าน สลับกับร้าง 1-2 ร้าน ผมประมาณจากสายตาแล้ว อัตราการเข้าอยู่เพียงแค่ 50% อย่างมาก
  • เป็นร้านอาหารตามสั่ง ข้าวมันไก่ ก๋วยเตี๋ยว ดาษดื่นที่สุด นอกนั้นก็ร้านทำผม ร้านเกมส์และเน็ตกินเงินเด็กไทยกันเอง ขายของก๊อกๆแก๊กๆ มีกี่ร้านกันที่ขายดี มีคนนั่งเต็ม :?: ร้านฮาร์ดแวร์สมัยนี้ก็น้อยลง คนไปโฮมโปรกันหมด เพราะสะดวกสบายกว่า และขยายสาขาไม่หยุด นอกนั้นก็ไดนาโม มุ้งลวด ศูนย์ถ่วงล้อ (สินค้าและบริการที่ห้างใหญ่ยังไม่โดดลงมาทำ) แปลว่า คนไทยหมดท่าแล้ว ภาษาแต้จิ๋วเรียกว่า บ่อโหล่ว 無路 หรือไม่มีทางไปแล้ว (ไม่ได้ดูถูก แต่เห็นใจเพราะเราก็กระทบไปกับเขา)
  • เห็นร้านแนว 7-11 Family Mart Lotus Express ผุดมากขึ้น

และคาดว่าคุณปุถุชนรู้ดีอยู่แล้วว่า ในต่างประเทศ ห้างยักษ์ในลักษณะเดียวกับโฮมโปร คาร์ฟูร์ มีการเปิดคลินิกวัดสายตาประกอบแว่น ศูนย์ถ่วงล้อ ปั๊มป์น้ำมันแบบมียี่ห้อตัวเอง ขายอุปกรณ์ประดับยนต์แบบเต็มรูปแบบ ติดวิทยุรถยนต์ คือสรุปว่า อะไรที่ตึกแถวทำได้ มันมีหมด

ผมเกรงว่าเมืองไทยกำลังเจริญรอยตามนั้น แต่ต่างกันตรงที่ รัฐบาลเถื่อนของไทยปล่อยให้มันแพร่กระจาย จนฆ่าคนไทยไปเรื่อยๆ ในขณะที่คนไทย (ไม่ว่าจะ กินเงินเดือน หรือค้าขาย) ต่างบ่อโหล่วไปแล้ว ไม่สามารถไปทำอะไรที่มีคุณค่ามากกว่านี้ได้ (หรือภาษาวิชาการ เขาว่า move up the value chain) เพราะทักษะก็มีอยู่เท่านี้


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 03-07-2006, 17:44
ผมงงว่า การทำมาหากินฝืดเคืองลงทุกวัน ช่องทางค้าขายก็น้อยลง เกษตรกรก็ยากลำบาก คนกินเงินเดือนก็เจอของแพง ฝีมือไอ้หน้าเหลี่ยมทั้งนั้น จริงๆคนไทยส่วนใหญ่ก็น่าจะรู้สึกได้อยู่แล้ว แต่กลับยังคิดไม่ได้ว่าเพราะอะไร ยังคงจมปรักอยู่กับผลประโยชน์สั้นๆ เช่น เงินกู้เบี้ยหัวแตกทั้งหลาย ได้มาแค่ไม่กี่หมื่น แต่ถูกปล้นไปเป็นแสนทุกวินาที เกิดอะไรขึ้น


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: แนวสกา ที่ 03-07-2006, 17:50
 :)เคยอ่านบทความเรื่อง โลตัส นี้บ้างครับ แล้วก็เลยซื้อของร้านโชว์ห่วย

เพื่อสนับสนุนไทยด้วยกัน แพงกว่าบ้างก็ไม่เป็นไร (ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าร้านจะซื้อมาจากที่นั่นรึเปล่า) :)


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-07-2006, 20:46
 และคาดว่าคุณปุถุชนรู้ดีอยู่แล้วว่า ในต่างประเทศ ห้างยักษ์ในลักษณะเดียวกับโฮมโปร คาร์ฟูร์ มีการเปิดคลินิกวัดสายตาประกอบแว่น ศูนย์ถ่วงล้อ ปั๊มป์น้ำมันแบบมียี่ห้อตัวเอง ขายอุปกรณ์ประดับยนต์แบบเต็มรูปแบบ ติดวิทยุรถยนต์ คือสรุปว่า อะไรที่ตึกแถวทำได้ มันมีหมด

ผมเกรงว่าเมืองไทยกำลังเจริญรอยตามนั้น แต่ต่างกันตรงที่ รัฐบาลเถื่อนของไทยปล่อยให้มันแพร่กระจาย จนฆ่าคนไทยไปเรื่อยๆ ในขณะที่คนไทย (ไม่ว่าจะ กินเงินเดือน หรือค้าขาย) ต่างบ่อโหล่วไปแล้ว ไม่สามารถไปทำอะไรที่มีคุณค่ามากกว่านี้ได้ (หรือภาษาวิชาการ เขาว่า move up the value chain) เพราะทักษะก็มีอยู่เท่านี้....


เดี๋ยวนี้ เมืองไทยก็เป็นอย่างนั้นแล้ว บางสาขามีร้านค้าปลีก ร้านค้าบริการต่างๆ ครบครันในพื้นที่ 2-30,000 ตารางเมตร ซึ่งศูนย์การค้าใหญ่อย่างนี้ ควรจะอยู่นอกเมืองอย่างต่างประเทศ....



หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-07-2006, 21:03
:)เคยอ่านบทความเรื่อง โลตัส นี้บ้างครับ แล้วก็เลยซื้อของร้านโชว์ห่วย

เพื่อสนับสนุนไทยด้วยกัน แพงกว่าบ้างก็ไม่เป็นไร (ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าร้านจะซื้อมาจากที่นั่นรึเปล่า) :)



ก่อนปี2548 ซัพพลายเออร์รายใหญ่เช่น ยูนิลิเวอร์ พี แอนด์ จี คอลเกต เป็นต้น สนับสนุนการขายผ่านห้างค้าปลีกขนาดยักษ์อย่าง บิ๊กซี โลตัส คาร์ฟูร์ และแมคโครมากกว่า ผ่านยี่ปั๊ว ไปสู่ร้านโชวห่วย ทำให้ร้านโชวห่วยต้องหันไปซื้อสินค้าจากค้าปลีกขนาดยักษ์ ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ไทยเพื่อการค้าต่างชาติ ก็มีความคิดไร้เดียงสา ดีอกดีใจ เห็นดีเห็นงามไปด้วย....

ภายหลังซัพพลายเออร์รายใหญ่มีความสำนึกว่า ภัยจากห้างค้าปลีกขนาดยักษ์กำลังจะย้อนศรถึงพวกเขา ในฐานะที่มีอำนาจการต่อรองสูง จึงต้องเปลี่ยนนโยบาย ขายสินค้าผ่านยี่ปั๊วไปถึงร้านโช่วห่วย ควบคู่ไปด้วย เพื่อคานอำนาจ.....

พวกเขาจึงหันไปขายให้ยี่ปั๊วเพิ่มขึ้น และสนับสนุนช่องทางค้าปลีกขนาดเล็กใหม่......... 
แต่รัฐบาลนี้ นักธุรกิจการเมืองยังไม่มีความสำนึก ยังหลงดีใจกับ"เศษเนื้อ"ของห้างค้าปลีกขนาดยักษ์ว่า ได้ส่งสินค้า"โอทอป" ปีละ หลายพันล้านบาทไปต่างประเทศ( กอบโกยในประเทศไทยปีละหลายแสนล้านบาทไปเรียบร้อยโรงเรียนทักษิณแล้ว) ในขณะที่ร้านโช่วห่วย ไม่มีปัญญาทำให้ จึงไม่ต้องไปสนใจมัน(ร้านโชวห่วย)..

คนไทยต้องมีจิตสำนึกเหมือนชาวอังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เป็นต้นที่อุดหนุนร้านค้าปลีกขนาดเล็กบ้างเพื่อให้คนในชาติมีโอกาสเป็นเจ้าของกิจการบ้าง แม้จะเป็นขนาดเล็กก็ตาม แทนที่จะเป็น"ลูกจ้างกินเงินเดือน"ทั้งหมด ....

ขอให้เรื่องเล่าว่า เปิดร้านโชว่ห่วย ร้านชำเล็กๆ สามารถส่งลูกเรียนสำเร็จปริญญาตรี ไปเป็นลูกจ้างฝรั่งหลายคนแล้ว.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า








หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 04-07-2006, 11:15
โลตัส - อังกฤษ

แมคโคร - เนเธอร์แลนด์

คาฟู บิ๊กซี - ฝรั่งเศส

ผมเข้าใจถูกตามนี้ไหมครับ? เห็นกระทู้ข้างบนบอกมา แต่ผมไปคุยกะอีกคนก็อีกอย่าง


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 04-07-2006, 11:50
ไม่จำเป็นไม่ไปห้างครับ อยากกิน KFC ก็หาซื้อเอาตามรถเข็นถึงจะไม่ถูกสุขอนามัยนัก แต่ได้เห็นสีหน้า
และรอยยิ้มที่เปื้อนเหงื่อของคนขายแล้วมีความสุขดีครับ
เวลาไปต่างจังหวัดอยากได้อยากกินอะไรก็หาเอาตามร้านชำข้างทางไม่จำเป็นจริงๆไม่เข้าปั๊มหรอกครับ

แต่สำหรับผมนะ ไก่ทอดข้างถนนน่ะ สู้ไก่ KFC ไม่ได้หรอกครับ... กินให้เหมือนก็ไม่ได้ด้วย

บอกตรงๆว่าผมชอบมากเลย แต่ช่วงหลังนี้ผมเลิกกินเลยล่ะ

เพราะว่าทุกครั้งที่กิน ที่เสียเงิน ผมรู้สึกว่าผมเสียค่าโง่ให้เขาเยอะเกินไป และค่าโง่ไหลไปข้างนอกด้วย

แล้วเมื่อไรจะมีไก่ทอด แบรนไทยออกมาบ้างล่ะเนี้ย?

ไก่ทอดหาดใหญ่น้ำมันดำปี๋ กินแล้วเป็นมะยิงแน่ๆเลย



ตอนนี้เลิกกิน KFC แล้วไปกิน แมคโดนัล แทนแล้วครับ  :mozilla_laughing:

เปลี่ยนจากกินพวกนั้น มากิน Chaster Grill ครับ ถึงจะเป็นของ CP แต่ว่าอย่างน้อยก็เป็นของคนไทยล่ะวะ




ว่าแต่ว่า ไอ้ 7-11 เนี่ย ผมว่ามันก็มีผลกับโชว์ห่วยมากๆ เหมือนกับห้างขายปลีกยักษ์ใหญ่เหล่านั้นเมหือนกันนะ

เพราะสินค้าใน 7-11 เนี่ย ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ต่างจากร้านโชว์ห่วยนักหรอก แล้วสินค้าพวกนี้ ก็เป็นสินค้าทำเงินให้กับร้าน
โชว์ห่วยด้วยจริงหรือไม่

เช่น ไอติม, ขนมขบเคี้ยว, บุหรี่, เหล้า, เครื่องดื่มอื่นๆ, มาม่า และ ยังมีอีกหลายอย่างนะ ผมว่า


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 04-07-2006, 13:09
ผมเกลียด CP ครับ พยายามไม่อุดหนุนมันอยู่  :mrgreen:


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 04-07-2006, 22:17
โลตัส- เทสโก้ - อังกฤษ

แมคโคร - เนเธอร์แลนด์

คาร์ฟูร์  บิ๊กซี( คาซิโน) - ฝรั่งเศส

ผมเข้าใจถูกตามนี้ไหมครับ? เห็นกระทู้ข้างบนบอกมา แต่ผมไปคุยกะอีกคนก็อีกอย่าง


ผมขอแก้ไขข้อมูลดังในวงเล็บนะครับ


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 04-07-2006, 22:37
ผมมีข้อสังเกตุอย่างหนึ่งที่อยากจะบอกเล่าให้ฟัง.....


ผมตั้งกระทู้ทำนองนี้ใน"ราชดำเนิน" หลายครั้งหลายหนหลายปี เป็นระยะ ผมพอสรุปได้ว่า
 ในการตั้งกระทู้ครั้งหนึ่ง จะมีคนแสดงความคิดเห็นด้วย
หรือแสดงความคิดเห็นอย่างในเสรีไทยอย่างนี้
หนึ่งกระทู้ มีเพียง 1-2 คนจากจำนวนหลายสิบ คคห.
 นอกนั้นจะตำหนิ ติเตียน ไม่อุดหนุนร้านค้าปลีกขนาดเล็ก
แต่แสดงความพอใจที่จะสนับสนุนค้าปลีกขนาดยักษ์....



เรื่องความเข้าใจการรุกรานการค้าปลีกของห้างต่างชาติ
การมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาการค้าปลีกในเมืองไทย
การช่วยเหลือ ร้านโชว่ห่วย ผู้ค้าปลีกขนาดเล็ก ขนาดกลาง
การไม่เหลี่ยวแล การไม่สนับสนุนผู้ประกอบการตัวเล็กให้เป็นเจ้าของกิจการ
การปล่อยให้ผู้ค้าปลีกขนาดยักษ์ใช้อำนาจคุกคาม การค้าไม่เป็นธรรม ฯลฯ


    เรื่องอย่างนี้ ยังแบ่งเป็นความคิดเห็นของคนรักทักษิณ และคนต่อต้านทักษิณ  ?





หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 05-07-2006, 09:49
อันนี้ผมว่าเป็นเพราะนโยบายของทักษิณครับ คนสนับสนุนก็คงสนับสนุนอยู่นั่นแหละครับ

ถ้าคิดแบบแคบๆคือ ตูซื้อของหาได้ราคาถูก โชว์ห่วยจะตายก็เรื่องของมันสิ ให้มันไปหางานอื่นทำ

แล้วก็ต้องมาแย่งงานกันทำอีกต่อนึง เงินจะไหลออกไปก็ช่างมัน ไม่เกี่ยวกะตู ตูมีเงินอยู่แล้ว เฮ่อ...

ขอบคุณคุณปุถุชน สำหรับข้อมูลครับ

ดอกบัว - อังกฤษ

ตระกูล C - ฝรั่งเศส

แมคโค - ฮอลแลนด์


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 05-07-2006, 13:32
อันนี้ผมว่าเป็นเพราะนโยบายของทักษิณครับ คนสนับสนุนก็คงสนับสนุนอยู่นั่นแหละครับ

ถ้าคิดแบบแคบๆคือ ตูซื้อของหาได้ราคาถูก โชว์ห่วยจะตายก็เรื่องของมันสิ ให้มันไปหางานอื่นทำ

แล้วก็ต้องมาแย่งงานกันทำอีกต่อนึง เงินจะไหลออกไปก็ช่างมัน ไม่เกี่ยวกะตู ตูมีเงินอยู่แล้ว เฮ่อ...

ขอบคุณคุณปุถุชน สำหรับข้อมูลครับ

ดอกบัว - อังกฤษ

ตระกูล C - ฝรั่งเศส

แมคโค - ฮอลแลนด์



ผมคิดว่า การขยายเครือข่าย สาขาของห้างค้าปลีกยักษ์ต่างชาตินั้น
การเอาหูไปนา เอาตาไปไร่  การสนับสนุนทางอ้อม
ของเจ้ากระทรวงพาณิชย์ในสมัยของอดีตนายกฯทักษิณ
เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก

เป็นสาเหตุให้บรรดา"คนรักทักษิณ สาวกฯ หวอรูม ปกป้องมากกว่า.....




หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 05-07-2006, 13:48
ทุกข์ แทบทุกประการของประชาชน
พ่อหลวงของเราได้ทรง ให้ทางออกไว้แล้วเสมอ

พรบ.สหกรณ์ พศ.2545


ลองหาดูที่ google ละกันนะ

สหกรณ์ คือทางออกของ ร้านเล็กๆ รวมทุนเพื่อต่อรอง กำไรเพื่ออยู่รอด
สหกรณ์คือ การรวมเพื่ออยู่รอด ที่ควรน้อมนำมาใช้  แม้จะต้องฝ่าด่านของคุณภาพผู้เป็นสมาชิก และอื่นๆอีกมากมาย แต่เท่าที่มอง ก็มีหนทางนี้หนทางเดียว ที่จะเป็นแสงสว่างในอุโมงค์อันมืดมิด ที่กำลังของหนูตัวน้อยนิด จะรวมพันธมิตรไปสู้กะทุนต่างชาติที่มหาศาล
ภายใต้การจัดการที่ เป็นระบบ ระเบียบถูกต้องตามกฎหมายและยังต้องอาศัยวิทยาการ เทคโนโลยีอีกมากมาย

ยังมองไม่เห็นตัวอย่างสหกรณ์เพื่อการค้า ที่เป็นรูปธรรมเกิดขึ้นได้สักราย
มีแต่พวกสหกรณ์การเกษตรต่างๆ
อยากให้ขยายผล หากท่านใดมีช่องทางรวมตัว นำอาชีพต่างๆมารวมกันตั้งสหกรณ์ได้

เพราะรัฐเพิกเฉยที่จะโปรโมทสนับสนุน ทั้งๆที่ สหกรณ์เป็นกลไกหนึ่งของ เศรษฐกิจพอเพียงที่ทันสมัย

พูดแล้ว เซ็ง ทรราชย์ เมื่อไหร่ จะไล่มันออกไปได้สักที


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 05-07-2006, 18:57
ทุกข์ แทบทุกประการของประชาชน
พ่อหลวงของเราได้ทรง ให้ทางออกไว้แล้วเสมอ

พรบ.สหกรณ์ พศ.2545


ลองหาดูที่ google ละกันนะ

สหกรณ์ คือทางออกของ ร้านเล็กๆ รวมทุนเพื่อต่อรอง กำไรเพื่ออยู่รอด
สหกรณ์คือ การรวมเพื่ออยู่รอด ที่ควรน้อมนำมาใช้  แม้จะต้องฝ่าด่านของคุณภาพผู้เป็นสมาชิก และอื่นๆอีกมากมาย แต่เท่าที่มอง ก็มีหนทางนี้หนทางเดียว ที่จะเป็นแสงสว่างในอุโมงค์อันมืดมิด ที่กำลังของหนูตัวน้อยนิด จะรวมพันธมิตรไปสู้กะทุนต่างชาติที่มหาศาล
ภายใต้การจัดการที่ เป็นระบบ ระเบียบถูกต้องตามกฎหมายและยังต้องอาศัยวิทยาการ เทคโนโลยีอีกมากมาย

ยังมองไม่เห็นตัวอย่างสหกรณ์เพื่อการค้า ที่เป็นรูปธรรมเกิดขึ้นได้สักราย
มีแต่พวกสหกรณ์การเกษตรต่างๆ
อยากให้ขยายผล หากท่านใดมีช่องทางรวมตัว นำอาชีพต่างๆมารวมกันตั้งสหกรณ์ได้

เพราะรัฐเพิกเฉยที่จะโปรโมทสนับสนุน ทั้งๆที่ สหกรณ์เป็นกลไกหนึ่งของ เศรษฐกิจพอเพียงที่ทันสมัย

พูดแล้ว เซ็ง ทรราชย์ เมื่อไหร่ จะไล่มันออกไปได้สักที



ตามหลักการ สหกรณ์น่าจะเป็นอย่างนั้น
แต่ข้อเท็จจริงนั้น สหกรณ์ในปัจจุบันไม่สามารถแข่งขันได้กับค้าปลีกสมัยแล้ว
ไม่ใช่ไม่สามารถแข่งขันกับร้านค้าต่างชาติเท่านั้น ยังไม่สามารถแข่งขันกับร้านคนไทยด้วยกัน
 เนื่องจากความไม่เข้าใจในการบริหารจัดการ การบริหารต้นทุน
และการแสวงหาแหล่งซื้อสินค้าราคาถูก


ถึงอย่างไรก็ตามร้านค้าสหกรณ์ขนาดเล็กสามารถจัดตั้งในหมู่บ้าน ในตำบลได้
ถ้าคนในหมู่บ้านให้ความร่วมมือ และมีความรู้การจัดการ การเลือกสินค้าขาย

 ปัญหาอย่างหนึ่งของร้านค้าสหกรณ์ หรือร้านค้าคนไทย คือไม่สามารถซื้อสินค้าราคาถูกได้
ต้องไปซื้อจากค้าปลีกขนาดยักษ์ แล้วไปขายต่ออีกต่อหนึ่ง....

เว้นแต่ว่าจะขายสินค้าจากผู้ผลิตคนไทยด้วยกัน ซึ่งก็ไม่เป็นที่นิยมของผู้บริโภค




หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 30-10-2006, 21:08
วันนี้ คนไทยเริ่มตื่นตัว พิจารณาถึงการรุกฆาตค้าปลีกไทยของ ค้าปลีกยักษ์ต่างด้าว
ในทุกขนาดค้าปลีก ไม่เว้นการค้าปลีกเล็ก ๆ อย่างร้านโชวห่วย เช่น 7/11 Tesco Express เป็นต้น

ค้าปลีกยักษ์ ไม่ว่าจะเป็น  "เทสโก้"จากอังกฤษ คาร์ฟูร์จากฝรั่งเศส บิกซี(คาซีโน)จากฝรั่งเศส และแมคโคร์จากเนเธอร์แลนด์ กำลังขยายสาขาขนาดหลายหมื่นตารางเมตร หลายพันตารางเมตร และ 1-2 ตารางเมตร
การรุกคืบ รุกฆาตค้าปลีกไทยเข้าไปในหัวเมืองใหญ่ อำเภอใหญ่ ตลาดการค้าเก่า ทำลายชุมชนไทย เช่นตลาดร้อยปีอ่างทอง ตลาดบ้านแพ้ว ตลาดบ้านแม่สาย เป็นต้น...

ข้าราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบการค้า-การขายเช่นกรมการค้าภายใน กรมพัฒนาการค้า กระทรวงพาณิชย์ ยังทีอาการซึมเซา ยังไม่สร่างมนต์เป่ากระหม่อมจากค้าปลีกยักษ์จากต่างด้าว

ผู้บริโภคบางส่วนยังเห็นแก่ได้ เห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า โดยไม่คำนึงถึงอนาคตการบริโภคจับจ่าย การถูกบังคับให้บริโภคสินค้า"เฮ้าส์แบรนด์" หรือ 2-3 "ยี่ห้อ"ที่ได้จ่ายเงินพิเศษให้ค้าปลีกยักษ์ต่างด้าว ยินยอมจ่ายเงินซื้อสินค้าแพงกว่าโดยไม่รู้ตัว เพราะปลอบใจว่า "ราคา"ถูกกว่าป้ายข้างกล่อง ทั้งที่ราคาป้ายข้างกล่องนั้นได้ปรับราคาขึ้น เพื่อจะได้ให้ส่วนลด ค่าการตลาดต่าง ๆ ค่าร่วมฉลองวันเกิด ให้ห้างค้าปลีกยักษ์ได้..... :!:

วันนี้ หนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ได้รายงานข่าวการเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการค้าปลีกขนาดเล็ก ร้านโชวห่วยในต่างจังหวัด ในตลาดหัวเมือง ในอำเภอต่าง ๆ เกือบทุกวัน รวมทั้งนักวิชาการ คณาจารย์ในรั้วมหาวิทยาลัยที่เริ่มระแวง เริ่มตระหนกถึงภัยของค้าปลีกยักษ์  เรียกร้องให้ข้าราชการที่มีความรับผิดชอบให้สำนึกถึงหน้าที่และตำแหน่งของเขา เขามาดูแลการค้าปลีกไทยขนาดเล็กบ้าง

ผู้บริโภคที่ยินยอมซื้อสินค้า ประเภท ยี่ห้อ ที่ค้าปลีกยักษ์นำมาขาย ซึ่งมียี่ห้อ ประเภท ขนาดให้เลือกจำกัด แทนร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ขนาดกลางที่มีสินค้า ยี่ห้อ ขนาดหลากหลายมากกว่า และราคาอาจจะถูกกว่า โดยไม่รู้ตัว.... :!:

ผู้บริโภค ท่านได้เล่าเรียนมาจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี-โท-เอก ได้เป็นข้าราชการประจำ ลูกจ้างบริษัท ห้างร้านต่าง ๆ และ ครู อาจารย์สถาบันการศึกษาต่าง ๆ  ท่านเคยคิดถึงพ่อแม่ พี่น้องที่เคยเลี้ยงดู ส่งเสียให้ท่านเล่าเรียนถึงระดับนี้หรือไม่.....

ท่านกำลังเป็นคนไทยจำนวนหนึ่งที่จะส่งเสริมให้คนไทยเป็นลูกจ้างเหมือนคุณ หนีความยากลำบากในการประกอบอาชีพเจ้าของร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ขนาดกลางของไทย..... :!:


ท่านกำลังให้เจ้าของ ผู้ผลิต เกษตรกรไทย ขายสินค้าในราคาที่ค้าปลีกยักษ์กำหนดราคาให้
ถ้าอยากจะขายให้พวกเขา

ท่านกำลังให้เจ้าของ ผู้ผลิต เกษตรกรไทย ผลิตสินค้า ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ตามประเภท ชนิด ขนาดที่ค้าปลีกยักษ์ต่างด้าวกำหนดให้ผู้ประกอบการคนไทยต้องทำ ถ้าอยากจะขายให้พวกเขา






หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 30-10-2006, 21:32
เห็นอาเจนติน่าลางๆแล้ว


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 30-10-2006, 21:51
ร้านของเด็ก ๆ หน้าบ้านผม ใช้วิธีขายของในราคาต่ำกว่าเซเว่น มีคนนิยมมากครับ

ต้องปรับตัวสู้ บางอย่างแพง บางอย่างถูก...ดูให้ดี ๆ ลูกค้าจะติดใจเอง...

อ้อ...เค้าอาศัยเปิดสาย ๆ ขายถึงดึกสู้ครับ ทำเลต้องดีหน่อย


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 30-10-2006, 21:52
ผมว่าต้านยักษ์ใหญ่ค้าปลีกตอนนี้น่าจะช้าไปหน่อยแล้ว ในอเมริการ้านค้าปลีกเล็กๆบางเมืองก็ประสบปัญหาแบบเดียวกับในเมืองไทย (อาจจะรุนแรงน้อยกว่า) ลองอ่านเล่มนี้ดู

http://www.dollardays.com/i-210646-n-0/wholesale-the-secrets-of-retailing-how-to-beat-wal-mart.html (http://www.dollardays.com/i-210646-n-0/wholesale-the-secrets-of-retailing-how-to-beat-wal-mart.html)

B2S หรือ Asia Book มีขาย

ไม่ใช่ต้องการให้ไปลอกวิธีต่อสู้เขามานะ แต่อยากจะให้เห็นว่าถึงเล็กแต่ก็ยังมีทางสู้ได้

สูดลมหายใจลึกๆ ตั้งสติ แล้วค่อยๆ สู้

ปลาใหญ่กินปลาเล็กแน่นอน  แต่ปลาเล็กในบางครั้งก็สามารถสู้ปลาใหญ่ได้ แต่ต้องฉลาดกว่าปลาใหญ่หน่อย

 :slime_worship:

เพิ่มเติมเล็กน้อย: อยากให้มาดูร้านโชวห่วยชื่อ 'กันเอง' ปากซอยลาดพร้าว 101 อยู่ห่างเซเว่นไม่กี่ห้อง เจ๊ที่นั่งเก็บตังค์เห็นแกนั่งเก็บเงินตลอดเวลาเลย รายได้น่าจะไม่น้อยกว่าร้านเซเว่นข้างๆ ไม่รูแก้ทำได้ยังไง


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 30-10-2006, 22:11
ร้านของเด็ก ๆ หน้าบ้านผม ใช้วิธีขายของในราคาต่ำกว่าเซเว่น มีคนนิยมมากครับ

ต้องปรับตัวสู้ บางอย่างแพง บางอย่างถูก...ดูให้ดี ๆ ลูกค้าจะติดใจเอง...

อ้อ...เค้าอาศัยเปิดสาย ๆ ขายถึงดึกสู้ครับ ทำเลต้องดีหน่อย

ยิ่งแข่งราคากับพวกนี้ ผมว่ายิ่งลงเหวนะ ร้านค้าปลีกถ้าแข่งราคากับพวกยักษ์ใหญ่ ไม่ถึงปีก็หมดตูด
ยิ่งถ้าร้านค้าปลีกที่ไม่รู้เลยว่าสินค้าตัวไหนกำไร ตัวไหนขาดทุน ขายๆไปลืมรวมค่าโสหุ้ย ยิ่งขายเยอะ ยิ่งเจ๊งเร็ว  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 30-10-2006, 22:14
^
^
^
^
ขอบคุณ sleepless ที่แนะนำหนังสือและชื่อร้านโชวห่วย "กันเอง" ปากซอย ลาดพร้าว 101.


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 30-10-2006, 23:42
ถ้าปรับตัวไม่ได้ ก็ให้มันตายไปซะ

จำเคสเพิงหมาแหง๋น แบกะดิน ได้หรือเปล่าครับ คุณปุถุชน

ยังตอบผมไม่ได้เลย ว่าร้านโชว์ห่วยทำให้พวกเขาเจ๊งใช่หรือเปล่า ?
:slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 30-10-2006, 23:49
ถ้าปรับตัวไม่ได้ ก็ให้มันตายไปซะ

 จำเคสเพิงหมาแหง๋น แบกะดิน ได้หรือเปล่าครับ คุณปุถุชน

ยังตอบผมไม่ได้เลย ว่าร้านโชว์ห่วยทำให้พวกเขาเจ๊งใช่หรือเปล่า ?
:slime_bigsmile:




 จำเคสเพิงหมาแหง๋น แบกะดิน ได้หรือเปล่าครับ คุณปุถุชน :?:




หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: type ที่ 31-10-2006, 00:01
ถ้าปรับตัวไม่ได้ ก็ให้มันตายไปซะ

จำเคสเพิงหมาแหง๋น แบกะดิน ได้หรือเปล่าครับ คุณปุถุชน

ยังตอบผมไม่ได้เลย ว่าร้านโชว์ห่วยทำให้พวกเขาเจ๊งใช่หรือเปล่า ?
:slime_bigsmile:


ก็เลิกขายเพิงหมาแหงนเลิกแบกะดิน
ไปเป็นพนักงานโลตัส กันแย้ว
มางานมีเงินเดือนกันแย้วครับ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จะจนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊ยเก๋า ที่ 31-10-2006, 12:13

พรรคพวกต่างชาติเคยกระแนะกระแหนผมว่า
ไหนว่าคนไทยยากจน
ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆที่ไหนก็เห็นมีคนเต็มตลอดเวลาเลย
จะเดินไปไหนก็หาของกินได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ช่วยผมคิดหน่อยครับว่า
ภาพที่ชาวต่างชาติได้พบเห็นนั้น
เป็นภาพจริง หรือภาพลวงตากันแน่ครับ

 :?:
ภาพที่เห็น เป็นภาพจริงครับ แต่สิ่งเป็นความจริงคือสิ่งที่มองไม่เห็น คือกำลังการซื้อ


หัวข้อ: Re: รวยไม่กี่คน จนทั้งจังหวัด......!
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 31-10-2006, 21:08
Eight Ways to Beat Wal-Mart


Support your friends and neighbors and local businesses.

Say NO to an SS Wal-Mart!


Quote scripture: Wal-Mart founder Sam Walton said it best in his autobiography: "If some community, for whatever reason, doesn't want us in there, we aren't interested in going in and creating a fuss." Or, as one company VP stated, "We have so many opportunities for building in communities that want Wal-Marts, it would be foolish of us to pursue construction in communities that don't want us." The greater the fuss raised by local citizens, the more foolish Wal-Mart becomes.

Learn Wal-math: Walmathematicians only know how to add. They never talk about the jobs they destroy, the vacant retail space they create, or their impact on commercial property values. In our town, the company agreed to pay for an impact study that gave us enough data to kill three Wal-Marts. Dollars merely shifted from cash registers on one side of town to Wal-Mart registers on the other side of town. Except for one high school scholarship per year, Wal-Mart gives very little back to the community.

Exploit their errors: Wal-Mart always makes plenty of mistakes. In our community, the company tried to push its way onto industrially zoned land. it needed a variance not only to rezone land to commercial use but also to permit buildings larger than 40,000 square feet. This was the hook we needed to trip the company up. Rezoning required a Town Council vote (which Wal-Mart won), but our town charter allowed voters to seek reconsideration of the vote and, ultimately, a referendum. All we needed was the opportunity to bring this to the public -- and we won.

Fight capital with capital: In our town (pop. 20,000) Wal-Mart spent more than $30,000 trying to influence the outcome of a general referendum. It even created a citizen group as a front. But Greenfield residents raised $17,000 to stop the store -- roughly half of it from local businesses. If Wal-Mart is willing to spend liberally to get into your town, its competitors should be willing to come forward with cash also.

Beat them at the grass roots: Wal-Mart can buy public relations firms and telemarketers, but it can't find bodies willing to leaflet at supermarkets, write dozens of letters to the editor, organize a press conference, or make calls in the precincts. Local coalitions can draw opinion makers from the business community (department, hardware, and grocery stories; pharmacies; sporting goods stores) and enlist environmentalists, political activists, and homeowners.

Get out your vote: Our largest expenditure was on a local telemarketing company that polled 4,000 voters to identify their leanings on Wal-Mart. Our volunteers then called those voters leaning against the WAL two days before the election. On election day, we had poll watchers at all nine precincts. If our voters weren't at the polls by 5 p.m., we reminded them to get up from the dinner table and stop the megastore.

Appeal to the heart as well as the head: One theme the Wal-Mart culture has a hard time responding to is the loss of small-town quality of life. Wal-Mart's impact on small-town ethos is enormous. We had graphs and bar charts on job loss and retail growth -- but we also communicated with people on an emotional level. Wal-Mart became the WAL -- an unwanted shove into urbanization, with all the negatives that threaten small-town folks.

Hire a professional: The greatest mistake most citizen groups make is trying to fight the world's largest retailer with a mimeo-machine mentality. Most communities have a political consultant nearby, someone who can develop a media campaign and understand how to get a floppy disk full of town voters with phone numbers. Wal-Mart uses hired guns; so should anti-Wal-Mart forces.

"Your real mission," a Wal-Mart executive recently wrote to a community activist, "is to be blindly obstructionist." On the contrary, we found it was Wal-Mart that would blindly say anything to bulldoze its way toward another grand opening in America. But if community coalitions organize early, bring their case directly to the public, and trumpet the downside of megastore development, the WALs will fall in Jericho.