ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: O_envi ที่ 17-06-2006, 14:54



หัวข้อ: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: O_envi ที่ 17-06-2006, 14:54


17 มิถุนายน 2549    กองบรรณาธิการ

ก็คงต้องขึ้นต้นด้วยเหตุแห่งคำตอบจาก "ท่านผู้อ่าน" อีกนั่นแหละ คือ วานนี้ผมคุยถึงเรื่องภาพประทับใจหลายๆ
ภาพจากวันประวัติศาสตร์ "ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี"


และมีอยู่ภาพหนึ่งที่ผมฝากคำถามถึงท่านผู้อ่าน

นั่นคือ พระฉายาลักษณ์ "เจ้าหญิงลัลลา ซัลมา เบนนานี" แห่งโมร็อกโก ผู้ทรงพระสิริโฉมงามสง่านั่นเอง

ผมดูภาพจากเดลินิวส์ บ้านเมือง และกรุงเทพธุรกิจ ซึ่งเป็นภาพที่ "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ  
สยามมกุฎราชกุมาร  เสด็จฯ ส่งเจ้าหญิงลัลลา ซัลมา เบนนานี ณ สนามบินดอนเมือง เมื่อ ๑๔ มิ.ย.

จากภาพนั้น จะเห็นเจ้าหญิงทรงสวมสร้อยพระศองามเด่นมาก และผมเขียนไปว่า
"คล้ายๆ ห้อยพระสมเด็จ ใช่ หรือ ไม่ใช่ ลองไปค้นหาภาพมาเพื่อวินิจฉัยกันดูเถอะครับ"

ปรากฏว่า  พอผมเข้าสำนักงาน เลขาฯ ก็บอกว่ามีท่านผู้อ่านโทรศัพท์มาแต่เช้าหลายราย    
โดยเฉพาะสุภาพบุรุษท่านหนึ่งให้ความรู้-ความเข้าใจ และฝากตำหนิถึงผมว่า

เจ้าหญิงแห่งโมร็อกโกทรงเป็นมุสลิม  จะไม่ทรงห้อยพระเครื่องหรือพระสมเด็จ  
ดังที่ผมฝากให้ช่วยกันดูว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ เด็ดขาด และย้ำให้ผมแก้ไขให้ถูกต้องเป็นการด่วน

ครับ..เมื่อผมทราบก็ตกใจ เกรงจะนำไปสู่ความเข้าใจผิดกันโดยไม่มีเจตนา  
จึงขอให้ผู้อ่านทราบและเข้าใจตามที่สุภาพบุรุษท่านนั้นกรุณาชี้แจงให้ทราบด้วย

ความผิดพลาดเป็นสมบัติของมนุษย์

การให้อภัยเป็นประดุจน้ำใจจากสวรรค์

หัจญีประยูร วทานยกุล ท่านเคยว่าไว้ ฉะนั้น เมื่อผมผิดพลาด "ด้วยไม่รู้" อัลลอฮ์ย่อมให้อภัยเป็นแน่

กลับมาสู่เรื่องของวันเสาร์นี้บ้าง    ผมมี "ข้อคิด-คำนึง" ของคุณสันติ ฉัตรชัยเวช ซึ่งส่งมาให้ผมนานแล้ว
ตั้งแต่กลางเดือนที่แล้วโน่น

ท่านเคยโทร.มาถามว่า "ได้รับหรือยัง..เมื่อไหร่จะนำลงพิมพ์" ผมก็เรียนท่านไปด้วยความเกรงใจว่า

"ได้รับแล้ว ส่วนจะลงพิมพ์เมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์อันเหมาะสม"

วันนี้ "สถานการณ์เหมาะสมแล้วครับ"

เรื่อง "ร้านค้าปลีกต่างชาติ" ที่รุกคืบหน้ากลืนกินประเทศไทย-คนไทยนั่นแหละ
ท่านคงจำกันได้ว่าเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ไฟไหม้ตลาดเก่าแก่อายุ ๑๐๐ ปี ที่วิเศษชัยชาญ อ่างทอง

ไหม้ซากยังไม่ทันเย็นดี  ไฟหายนะทางเศรษฐกิจชีวิตรากฐานไทย ก็คุไหม้ ท้าทายชีวิต-จิตใจ
"ชาววิเศษชัยชาญ" ขึ้นแล้ว

ห้างยักษ์ ค้าปลีก-ค้าส่ง ของชาวต่างชาติ..มันมาแล้วครับ!

เตรียมยึดพื้นที่ ๗ ไร่ บริเวณสี่แยกไฟแดงถนนโพธิ์พระยา-ท่าเรือ
ตัดกับถนนเสนา-ชันสูตร  ต.ศาลเจ้าโรงทอง  อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง

ห้างโลตัส..เขาละ!

มันเร็วและร้ายกาจยิ่งกว่า "อนาคอนดา" ซะอีก  แผล็บเดียวกะเขมือบ "ตลาด ๑๐๐ ปีวิถีไทย"
ให้หายไปจากลมหายใจชาววิเศษชัยชาญ

คนไทยจะยอมเป็นเหมือนอาร์เจนตินางั้นหรือ?   คือปล่อยให้ห้างยักษ์อย่าง โลตัส คาร์ฟู
บิ๊กซี แม็คโคร ยกทัพมายึดประเทศ ที่อาร์เจนตินา พรึ่บเดียว ๕๐๐  กว่าแห่งยึดประเทศ  

แล้วมันรุมสูบเลือดจนอาร์เจนตินา "แห้งตาย" ไม่มีทางฟื้นอยู่ขณะนี้!

ปีที่แล้ว จากประเทศไทยของเรา พวกร้านค้าปลีก-ค้าส่งต่างชาติ
มันกวาดกำไรอันเป็นเงินกระเป๋าไทยส่งกลับไปยังประเทศของเขา ๒ แสนกว่าล้านบาท!

เอาละครับ  ให้ผมพูดก็ยืดเยื้อ อ่านที่ "คุณสันติ ฉัตรชัยเวช" เขียนมาดีกว่านะครับ

อันตรายของระบบทุนข้ามชาติต่อคน และวัฒนธรรมท้องถิ่น

เมื่อเช้ามืดวันที่  ๖ ธันวาคม ๒๕๔๘ เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าสลดใจขึ้นในท้องที่ อ.วิเศษชัยชาญ  
จ.อ่างทอง  เพลิงได้โหมกระหน่ำเผาผลาญตลาดศาลเจ้าโรงทอง ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีอายุกว่า
๑๐๐ ปีจนหมดทั้งชุมชน ทำให้ชาวบ้านร้านตลาดต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทองที่สะสมมาชั่วชีวิต  
สถานที่อยู่อาศัยในพริบตา

ยิ่งไปกว่านั้น เอกลักษณ์ของตลาดอันเป็นชุมชนชาวจีน-ไทย ที่สืบทอดกันมากว่า ๑๐๐ ปี
มอดมลายไปกับเพลิงอันเกรี้ยวกราดด้วย!

นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้   เป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว   การฟื้นฟูสภาพของตลาดให้กลับมาเหมือนเก่ายังไม่เห็นเป็นรูปธรรม
ชาวตลาดก็ยังต้องขวนขวายหาที่ว่างในพื้นที่ที่ถูกไฟไหม้เป็นแหล่งทำมาค้าขายเพื่อเลี้ยงชีพต่อไป
ฝนตกครั้งไรก็ต้องเก็บของหนีฝนกันจ้าละหวั่น

แต่แล้วจู่ๆ ก็มีข่าวที่ค่อนข้างแน่นอนว่า   บริษัทข้ามชาติด้านธุรกิจค้าปลีกจะมาลงทุนสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ขึ้นในท้องที่ตลาดศาลเจ้าโรงทอง  โดยอ้างเหตุผลเพียงว่า เพื่อความเจริญก้าวหน้าของท้องถิ่น
แต่ก็ถูกต่อต้านโดยชาวบ้านในท้องที่ที่มองเห็นความหายนะกำลังคืบคลานเข้ามา
ถ้ามีห้างสรรพสินค้าของบริษัทข้ามชาติมาดูดเงินทองคนในพื้นที่

หากแต่เสียงคัดค้านต่อต้านจะยืนหยัดไปได้นานแค่ไหน  
จะต้านกระแสเงินตราตัวเลขที่บริษัทข้ามชาติพยายามมาอ้างเพื่อคำว่าเศรษฐกิจได้หรือ และแน่นอน  
 เสียงคัดค้านเงียบลงเมื่อไหร่    ความเสียหายก็จะบังเกิดกับชาว อ.วิเศษชัยชาญ ทันที  
และเกิดกับชนชั้นทุกระดับด้วย   จึงขอร่วมคัดค้านการเกิดของห้างสรรพสินค้า ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

๑.ความเสียหายข้อแรก  คือ เป็นการทำลายระบบการค้าแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นระบบที่เกื้อกูล  
ถ้อยทีถ้อยอาศัยตามพื้นฐานวัฒนธรรมของชาวพุทธ ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของชาวตะวันออก    
ผลกระทบส่วนนี้ดูได้จากธุรกิจร้านโชห่วยต้องปิดตัวลงอย่างสิ้นเชิงในหลายพื้นที่ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

๒.จากข้อแรกจะส่งผลถึงข้อสอง  กล่าวคือ ธุรกิจของครอบครัวล้มละลายลง  
ความผูกพันระหว่างพ่อแม่กับบุตรก็พลอยเหินห่างไปด้วย  การค้าระดับครอบครัวคือโรงเรียนที่สอนให้เด็กรู้จักรับผิดชอบ  
รู้จักวิธีทำมาหากินที่สุจริต  ฝึกให้เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์  มีความนอบน้อม มีสัมมาคารวะ
อดทน เมื่อเด็กไม่มีสถานที่ฝึก  เด็กก็ว่างงาน จะเอาเวลาที่เหลือไปทำอะไรถ้าไม่คบเพื่อนเที่ยวเตร่ใช้จ่ายเงิน

๓.ส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ในชุมชน  เมื่อผู้ซื้อไม่ว่าจะเป็นชาวไร่ ชาวนา  ข้าราชการ
จับจ่ายซื้อขายในตลาด ความรู้จักมักคุ้น ความผูกพันจะเกิดขึ้น  ระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขาย
การช่วยเหลือเกื้อกูลกันจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ แม้ในยามที่เงินขาดมือก็สามารถรับของมาก่อน    
เมื่อขาดร้านค้าระดับชาวบ้านแล้ว    ชาวบ้านจะเอาเครดิตที่ไหนมาซื้อของในห้างใหม่ๆ ในราคาปกติ

๔.ความสัมพันธ์ในสังคมชนบท    ไม่ใช่มีเพียงเฉพาะระดับชาวบ้าน (ผู้ซื้อและผู้ขาย) เท่านั้น  กับองค์กร  
หรือสถานที่ที่เป็นสาธารณประโยชน์ เช่น วัด  โรงเรียน โรงเจ สมาคม โรงพยาบาล ฯลฯ เหล่านี้ล้วนผูกพัน
ยามใดที่สถานที่เหล่านั้นต้องการแรงสนับสนุนด้านกำลังกาย   กำลังทรัพย์  
ผู้ประกอบกิจการย่อมยื่นมือเข้าสนับสนุน   โดยสละทรัพย์ที่เป็นผลกำไรจากการค้าขายตามอัตภาพ  
ถือว่า  เป็นการค้ำจุนประคับประคองซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง  ถ้าธุรกิจระดับชาวบ้านต้องล้มครืน  
อยากถามว่า  ท่านหวังความเกื้อหนุนของบริษัทข้ามชาตินี้สักเพียงไร   และพวกนั้นจะเข้าใจวัฒนธรรม  
วิถีชีวิตของท้องถิ่นหรือ?

๕.ที่ส่งผลกระทบมากที่สุด   คือ   พฤติกรรมของเด็กในวัยเรียนทุกระดับจนถึงผู้ใหญ่ด้วยจะแปรเปลี่ยนชนิดกู่ไม่กลับ
เป็นธรรมดาห้างสรรพสินค้าต้องตกแต่งปรับสถานที่ภายในให้ดึงดูดลูกค้าทุกระดับมาใช้บริการ  
เพื่อผลกำไรที่มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ การติดเครื่องปรับอากาศให้เย็นฉ่ำจะเป็นจุดดึงดูดในข้อแรก  
 ต่อมาหาวิธีการล่อใจเด็กให้มาใช้บริการมากที่สุด  เช่น ห้องเล่นเกม  ห้องขายเครื่องแต่งตัวตามแฟชั่น  
โรงภาพยนตร์ ห้องอาหารประเภทอาหารขยะ ซึ่งขายในราคาที่สูงกว่าระดับชาวบ้านขาย ประเทศเราเป็นเมืองร้อน  
เด็กนักเรียนจะหนีโรงเรียนไปรับความเย็นจากแอร์ในห้าง ดีกว่ามานั่งจับเจ่าฟังครูพูดในห้องเรียน  
ค่าใช้จ่ายของนักเรียนจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว  เพราะความหลงใหลในระบบสุขนิยมและบริโภคนิยม  
ยิ่งไปกว่านั้น พ่อค้าแม่ขายระดับชาวบ้านก็ต้องเลิกประกอบอาชีพ เพราะทำไปก็ไม่มีคนซื้อ

อย่าหลงเพียงแค่ตัวเลขเงินที่จ่ายเป็นภาษีบำรุงท้องที่เพียงหยิบมือเดียว  
มันไม่คุ้มกันหรอกครับที่จะแลกกับการล่มสลายของวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น
รวมถึงวิถีชีวิตที่สุขสงบ เกื้อกูลแบบสังคมชนบท ทั้งยังเป็นการฝืนปรัชญา "เศรษฐกิจพอเพียง"
อย่างแท้จริง

ครับ..นี่คือ "ข้อคิดคำนึง" ของคุณสันติ   ซึ่งไม่ทราบว่าพื้นเพเป็นชาววิเศษชัยชาญด้วยหรือไม่    
ห้างโลตัสจะเกิดขึ้นแทน "ตลาดศาลเจ้าโรงทอง" ได้หรือไม่  ก็ขึ้นอยู่กับแกนนำชุมชุน  
และเทศบาลศาลเจ้าโรงทองแหละครับ   สำหรับผมจะบอกเพียงว่า   นี่คือสัญญาณอันตรายของ
"วิถีไทย" จากต่างชาติอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลัง "เขมือบไทย" อยู่ขณะ


หัวข้อ: Re: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: O_envi ที่ 17-06-2006, 15:03
เราต้านหน้าเหลี่ยมแล้วอย่าลืมโลตัสด้วยนะครับ ตอนนี้ผมไม่เข้ามานานมากแล้ว
ผมนึกไม่ออกว่าประเทศจะเป็นยังไงถ้ามีเถ้าแก่เป็นชาวต่างชาติลูกจ้างเป็นคนไทย
จริงๆ ของโลตัสก็ไม่ถูกนะครับต้องซื้อปริมาณเยอะ ทำให้เราต้องบริโภคเยอะตามไปด้วย
แถมยังต้องมีค่ารถแท็กซี่สามล้อในการเดินทางอีกคิดไปคิดมาอาจแพงกว่าด้วยซ้ำ
มาซื้อของปริมาณน้อยๆ ใกล้บ้านเดินก็ถึงดีกว่าครับ


หัวข้อ: Re: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 17-06-2006, 15:08
ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ

เขาไปบีบซัพพลายเออร์ ราคาเท่าไหร่ก็ต้องยอม

เพราะไม่งั้นไม่มีที่ให้วางสินคา มีขนาดลดต่ำกว่าทุนเลยยังมี

ราคาสินค้าที่ขายเลยต่ำกว่า ร้านค้าย่อย หรือห้างอื่นๆ

เขาทำโฆษณาสร้างภาพลักษณ์ ก็แก้ภาพลดแรงต้านทานได้แล้ว

ยังไงลูกค้าก็เข้าครับ

----------

ทางแก้ทางเดียวคือ รัฐ ต้องกำหนด ดูแล หรือมีข้อบังคับออกมาเพื่อลดสิ่งเหล่านี้



หัวข้อ: Re: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Limmy ที่ 17-06-2006, 22:11
ในหลายประเทศเขามีกฏหมายบังคับให้ห้าง Discount Store พวกนี้อยู่ห่างจากชุมชนออกไปอย่างน้อย 5 กิโลเมตรครับ

ร้านค้าในชุมชนถึงจะอยู่ได้

บ้านเรานี่ผ่ามาตั้งในชุมชนเลย ยิ่งโลตัสพระราม 1 นี่สร้างทับตลาด จำได้ว่าเคยเข้าไปซื้อขนมชั้นหวานดำรงค์ที่ตลาดนั้น ตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ไหนแล้ว

มีอยู่วันพาเพื่อนเกาหลีไปทานข้าวแถวพระราม 4 เห็นโลตัสตั้งอยู่ตรงข้ามกับคาร์ฟู เพื่อนมันยังงงเลย

ผมว่าในกรุงเทพนี่ห้างพวกนี้ออกจะเยอะเกินความจำเป็นนะครับ


หัวข้อ: Re: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นู๋เจ๋ง ที่ 18-06-2006, 08:13
กฎหมาย และ ชาตินิยม

จะทำให้ประเทศไทย รอดพ้นได้


หัวข้อ: Re: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: kobkla ที่ 18-06-2006, 08:18
ขอโทษทีเถอะ อันนี้ไม่ชัวร์จริงๆ Lotus ใช่ของ CP หรือเปล่า


หัวข้อ: Re: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 18-06-2006, 14:03
ขอโทษทีเถอะ อันนี้ไม่ชัวร์จริงๆ Lotus ใช่ของ CP หรือเปล่า



เวลานี้เจ้าสัวฯ จะมีหุ้นในห้างเทสโก้-โลตัส" ถึง 10% หรือไม่
เคยได้ข่าวว่าขายหมดแล้วด้วยกระมั่ง  แต่ยังมีผลประโยชน์อย่างอื่นเกื้อกุลกัน



หัวข้อ: Re: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 18-06-2006, 14:20
กลับเมืองไทยทุกปี จะเห็นห้างใหม่ๆๆเช่นโลตัส สร้างขึ้นมาใหม่ตลอด

แล้วห่างนี้ก็มักจะสร้างไกล้ๆห้างสรรพสินค้าอื่นๆๆค่ะ

มันเยอะเกินความจำเป็นจริงๆๆค่ะ 

บางครั้งดิฉันยังเดินซื้อพวกผักผลไม้ ตรงตลาดอมรพันธ์ แยกเกษตรเลย เพราะอย่างน้อยชุมชนแห่งงนี้ฉันเห็นมันมาเกือบสิบปีแล้ว

การพัฒนามักจะมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงค่ะ ขึ้นอยุ๋กับว่าเราจะทำให้การเปลี่ยนแปลงนั้น ไปในแนวทางได  :mrgreen: :mrgreen:


หัวข้อ: Re: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 18-06-2006, 16:57
กฎหมาย และ ชาตินิยม

จะทำให้ประเทศไทย รอดพ้นได้

จริงอย่างยิ่ง และมีให้เห็นแล้วในเกาหลี ใครจะไปเชื่อว่า Wal-Mart เจ๊งในเกาหลี


หัวข้อ: Re: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: uU ที่ 18-06-2006, 19:42
หลังดูซีดีคุณนิติภูมิ ที่บ้านเราตกลงกัน แล้วเดี๋ยวนี้เราซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากร้านโขวห่วยที่ตลาดใกล้บ้าน
ยกเว้นของที่หาไม่ได้จริงๆ ค่อยไปซื้อที่ห้าง เพื่อช่วยคนไทยด้วยกัน ก้ไม่รู้ว่าจะช่วยได้ซักแค่ไหน
ร้านค้าปลีกย่อยหลายร้านก็ไปรับสินค้ามาจากห้างอีกที 
อีกอย่างเบื่อเล่ห์เหลี่ยมห้างด้วย สังเกตดูสิมันมักจะมีสินค้านำร่องที่โฆษณาว่าถูกอยู่ไม่กี่อย่าง
แต่สินค้าตัวอื่นๆมันก็แกว่งราคาส่วนมากขึ้น บางทีที่ชั้นมันบอกลดราคา แต่มันไม่ได้คีย์ลดในระบบ ฯลฯ


หัวข้อ: Re: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 18-06-2006, 22:33
หลังดูซีดีคุณนิติภูมิ ที่บ้านเราตกลงกัน แล้วเดี๋ยวนี้เราซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากร้านโขวห่วยที่ตลาดใกล้บ้าน
ยกเว้นของที่หาไม่ได้จริงๆ ค่อยไปซื้อที่ห้าง เพื่อช่วยคนไทยด้วยกัน ก้ไม่รู้ว่าจะช่วยได้ซักแค่ไหน
ร้านค้าปลีกย่อยหลายร้านก็ไปรับสินค้ามาจากห้างอีกที 
อีกอย่างเบื่อเล่ห์เหลี่ยมห้างด้วย สังเกตดูสิมันมักจะมีสินค้านำร่องที่โฆษณาว่าถูกอยู่ไม่กี่อย่าง
แต่สินค้าตัวอื่นๆมันก็แกว่งราคาส่วนมากขึ้น บางทีที่ชั้นมันบอกลดราคา แต่มันไม่ได้คีย์ลดในระบบ ฯลฯ



ในฐานะผู้บริโภคคนหนึ่ง อาจจะเลือกซื้อสินค้าราคาถูกสมคุณภาพได้ ดังนั้นการไปซื้อสิ้นค้านจากห้างค้าปลีกขนาดยักษ์ ไม่มีใครตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์ ....

แต่รัฐบาลและสังคมต้องไม่ให้ห้างค้าปลีกขนาดยักษ์"กินรวบ" ค้าปลีกทุกขนาด เพราะอำนาจทุนนิยม เทคโนโลยี และความสัมพันธ์กับนักธุรกิจการเมืองของพวกเขา ข่มเหง รังแกผู้ประกอบการค้าปลีกขนาดเล็ก ขนาดกลาง รวมทั้งผู้ประกอบการผลิตและค้าส่งขนาดเล็ก ขนาดกลางของคนไทยด้วย....

สหรัฐอเมริกามีแนวคิดว่า ถ้าผู้บริโภคจะซื้อของจำนวนมาก ราคาถูก ขอให้ไปซื้อจากห้างค้าปลีกขนาดยักษ์หรือศูนย์การค้าขนายใหญ่ ขนาดยักษ์ได้.....
ถ้าต้องการความสะดวก ใส่ชุดนอนลงจากคอนโด หรือชุดลำลองเดินไปซื้อของปากซอย ร้านชำ ร้านโชวห่วย ร้านมินิมาร์ท แพงหน่อย แต่ให้ความสะดวก ประหยัดเวลา....

ข้าราชการเมือง ข้าราชการประจำ แสร้งไม่เข้าใจ หาว่าร้านค้าปลีกขนาดเล็กหนีภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีรายได้สิ้นปี.....

1.  ร้านค้าปลีกขนาดเล็กซื้อสิ้นค้าจากผู้ค้าส่ง หรือไปซื้อจากห้างค้าปลีกขนาดยักษ์ไปขายต่อ ย่อมมี"VAt" แฝงอยู่ในราคาสินค้าแล้ว  เมื่อเขาขายสินค้าไป เขาไม่ได้นำ"ภาษีขาย" ไปส่งสรรพกรก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้ขอคืน"ภาษีซื้อ" เช่นกัน  คนที่เข้าใจระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ย่อมเข้าใจดีว่า ภาษีขาย-ภาษีซื้อ=ภาษีนำส่งสรรพกรนั้น ต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น...

2.  ร้านค้าปลีกขนาดเล็กเหล่านั้นได้เสีย"ภาษีประเมิน" เป็นรายเดือน รายปี ซึ่งบางครั้งเจ้าหน้าที่สรรพกรพยายามรีด"เลือดปู" เหมือนกัน.....

ข้าราชการที่มีเงินเดือน รายได้จากภาษีของประชาชน รวมทั้งพวกร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ผู้ประกอบการผลิตขนาดเล็ก ควรจะหาหนทาง ชี้แนะ ปรับปรุงระเบียบการต่างให้พวกเขาได้.....

  พวกสรรพกร ยังเข้าใจวิธีการทำให้การซื้อ-ขายหุ้น 73,000ล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษีแม้แต่หนึ่งบาท ทำไมไม่ใช้ปัญญาและความสุจริตของท่านช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยเหล่านี้บ้าง ?

   


หัวข้อ: Re: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: NiTeLiGhT ที่ 19-06-2006, 02:26
ที่อเมริกาพวก Wal mart ยังอยู่ห่างตัวเมืองเลย เวลาจะไปซื้อของก็ต้องลงทุนขับรถไปไกลหน่อย  อีกอย่างเค้ามีกฏอันหนึ่งว่าถ้าคุณจะสร้างอะไรในถิ่นที่เจริญและมีประชากรหนาแน่น 1 แห่ง  คุณจะต้องไปสร้างที่ ๆ ไม่มีความเจริญและไม่มีความหนาแน่น 1 แห่งคู่กันเสมอ

รัฐบาลมีอยู่ช่วงหนึ่ง เกี่ยวกับร้านค้าปลีกเข้มแข็ง ที่คิดจะช่วยเหลือพวกโชวห่วย แต่ตอนนี้ชะลอโครงการดังกล่าวไปแล้ว น่าจะโดนล๊อบบี้อยู่หมัด

ผมว่าองค์กรภาคประชาชนเริ่มเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อย ๆ เราต้องร่วมกันเรียกร้องและควบคุมร้านค้าปลีกรายใหญ่ ว่าอะไรควรขายได้ อะไรไม่ควรขาย ที่ไม่ควรขายนี้ เพื่อสงวนไว้ให้เป็นอาชีพสำหรับคนอื่นๆบ้าง   ยกตัวอย่างเช่น แต่ก่อนขนมจีบซาละเปา ก็มีขายกันอยู่ทั่วไป เดี๋ยวนี้พอ cp อยู่ในเซเว่นแล้ว พวกที่จะประกอบอาชีพขายขนมจีบซาละเปาล้มตายกันไปจนหมด  เข้าทำนองปลาใหญ่กินปลาเล็ก  อีกหน่อยพวกขายไข่ปิ้ง อาจจะโดนฉกอาชีพไปอยู่ในเซเว่น อีกก็เป็นได้ ใครจะไปรู้... 

ซึ่งทำให้ผมคิดว่า(แค่ความคิดผมนะครับ) cp ถึงแม้จะไม่มีหุ้นอยู่มากในโลตัส แต่ก็ถือได้ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด เพราะอาหารต่างๆ โดยแกนหลักแล้วถูกควบคุมราคาขายมาตั้งแต่ต้นแล้ว ตั้งแต่ต้นทุนในการผลิตจากอาหารสัตว์ จนถึงราคาขายของอาหาร อาทิเช่น หมู ไก่ ฯลฯ เพราะซีพีมี power มากในการกำหนดราคา ถ้าไม่เล่นด้วย โลตัสก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน    แต่ที่แสดงให้เห็นว่าดึงตัวเองออกมาจากโลตัส  เพื่อปกป้องภาพพจน์โดยรวมของบริษัทไว้ เพื่อป้องกันการต่อต้าน       เพราะถ้าลองคนต่อต้านตั้งแต่ต้นตอแล้ว ทุกอย่างก็จะขายไม่ออก  สู้ให้ประชาชนไปต่อต้านโลตัสดีกว่า นับว่าเป็นการวางนโยบายที่ลึกซึ้งมาก

ทุกวันนี้การผลิตใช้เทคโนโลยีค่อนข้างสูงเข้ามาช่วย ทำให้ผลิตได้เร็วและเพิ่มผลผลิตได้มากกว่าแต่ก่อน ทำให้ต้นทุนถูกลง แต่ผมถามหน่อย ปัญหาไข้หวัดนกมันควบคุมได้ตั้งนานแล้ว  ไก่ไข่ก็เลี้ยงเพิ่มได้พอสมควรแก่เวลาแล้ว  แต่เหตุใด  ราคาไข่ไก่ ไม่เคยลดเลย มีแต่แพงกว่าในอดีตมากเหลือเกิน
เป็นเพราะใคร ???


หัวข้อ: Re: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: cha_srt ที่ 19-06-2006, 08:41
ลองเช็คราคาดูดี ๆ ละกัน ที่ผมเช็คมา ราคาเท่า หรือแพงกว่าร้านค้าละแวก
บ้านหลายอย่างที่เดียว


หัวข้อ: Re: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นู๋เจ๋ง ที่ 19-06-2006, 09:32
อ่อ ไอ้โม่งเบื้องหลัง คือ CP นิเอง

วาว...บรรเจิด ...

ความคิดนี้ได้เกิดเรยนะนี่



หัวข้อ: Re: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: HILTON (ปาล์มาลี) ที่ 19-06-2006, 12:39
นี้ละทุนนิยม  ปลาใหญ่กินปลาเล็ก  ประเทศที่ ไม่โง่  เขาไม่ให้ บิกซุปเปอร์สโตร์ เหล่านี้อยู่ในบริเวน เขตเมือง  เพราะจะทำให้ธุระกิจรายเล็กถึงกลาง  ค่อยๆตายไป  แล้วสุดท้ายเจ้าของกิจการเหล่านั้จะเล็กลง  ๆ  ไปเรื่อยๆ  คนก็จะไม่สามารถสร้างธุระกิจขนาดเล็กได้ต่อไปในอนาคต   บ้านเราไม่คุมเข้ม  นี้เคยเป็นข้อสอบวิชาเศรษฐศาสตร์  ระดับต้น ของยุโรบ  วันนี้เราตื้นตัวช้าไปเกินกว่าจะทำอะไรได้แล้ว  วิธีเดียวที่จะอยู่สู้ได้  คือการพัฒนาร้านเชี่ยวชาญเฉพาะด้านแข่งสู้


หัวข้อ: Re: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 20-06-2006, 00:17
10% สุดท้ายไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะว่าขายไปหรือยัง

ส่วนเรื่องเทสโก้ (เออ แอนเรียกเค้าว่าเทสโก้หล่ะ เพราะความเป็นโลตัสไม่เหลือแล้วนิ) จริงค่ะ เรื่องบีบซัพพลายเออร์ โหด***มมากๆ ด้วยเพราะบีบขายส่งราคาต่ำกว่าป้าย 40% ไม่รู้ว่าอยู่กันได้ยังไง ของไทยเองก็ใช่ย่อย เซงท่านนี่แหละตัวดี บีบแรงเหมือนกัน มีเดอะมอลล์จะน้อยหน่อย (ปกติส่งกันที่ 30% ใช่ป่าวคะ เค้าก็ประมาณนี้ค่ะ แต่เซงท่านเท่าที่ทราบ 35-40) แอนเลยชอบซื้อเดอะมอลล์มากกว่า กลับมาเรื่องเทสโก้ต่อ นอกจากนี้ เวลาเปิดสาขาใหม่ (ไม่ว่าที่ไหนในประเทศ) จะบังคับให้ซัพพลายเออร์ขายในราคาลด 50% หรือต่ำกว่า เพื่อฉลองเปิดสาขา แม้ว่า จะเปิดสาขาใหม่ที่สุราษฎร์ แต่สาขาที่โคราชก็จะบีบซัพพลายเออร์ให้ขายลด 50% ด้วย โดยซัพพลายเออร์ท้องถิ่นไม่เล่นด้วยก็มีค่ะ ปรากฏว่า ของสดที่ขายในสาขานั้นๆ ส่วนใหญ่จะเกือบเน่า (อิอิ) เพราะตลาดเค้าอยู่ใกล้เมืองกว่า คนในชุมชนส่วนใหญ่ไม่ค่อยซื้อของสดในห้าง (ยกเว้นพวกเบอร์ห้า นึกว่าเท่) แต่กรณีที่อ่างทองนี่เข้าใจว่าอยู่กลางเมืองเลย แอนไม่ค่อยเห็นด้วยอ่ะที่จะให้มีห้างมาเปิดใกล้ขนาดนี้ น่าจะลองปรึกษาคุณรสนาดูนะคะ เค้าทำเรื่องมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค แอนว่าน่าจะช่วยได้อ่ะ


หัวข้อ: Re: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 20-06-2006, 07:49
กฎหมาย และ ชาตินิยม
.......................................................................................................................................................................
เห็นด้วยกับความเห็นนี้ครับ แต่ใครละครับจะเป็นผู้นำในการที่จะให้ประชาชนมีจิตสำนึกได้
เพราะไอ้พวกผู้นำทั้งหลายมันทำตัวตรงกันข้ามหมด


หัวข้อ: Re: 'โลตัส'กับ'ศาลเจ้าโรงทอง' โดยเปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: p ที่ 20-06-2006, 08:24
เห็นด้วยกับความเห็นนี้ครับ แต่ใครละครับจะเป็นผู้นำในการที่จะให้ประชาชนมีจิตสำนึกได้
เพราะไอ้พวกผู้นำทั้งหลายมันทำตัวตรงกันข้ามหมด

ดีใจจังเลยที่คุณเกตุคิดเหมือนพวกเรา

คุณเกตุครับ
ก็คุณเกตุและพวกเราทุกคนนั่นแหละครับเป็นผู้นำ
ที่จะให้ประชาชนมีจิตสำนึกได้
และขจัดไอ้พวกผู้นำทั้งหลายมันทำตัวตรงกันข้ามให้หมดไป