ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: Can ไทเมือง ที่ 28-08-2008, 09:03



หัวข้อ: กบฎเสื้อเหลือง กับ น้ำตาของแม่พลอย สี่แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 28-08-2008, 09:03
วันพฤหัสบดี ที่ 28 สิงหาคม 2551
กบฎเสื้อเหลือง กับ น้ำตาของแม่พลอย สี่แผ่นดิน  
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 313 , 07:34:50 น.   


เมื่อคืนขึ้นหัวข้อว่า "ยินดีต้อนรับกบฎเสื้อเหลือง" ทั้ง 9

แล้วก็ตันๆ เขียนอะไรไม่ออก มันตื้นๆ ตันๆ หวั่นๆ ไม่ทราบจะเกิดอะไรขึ้น

ระหว่างมีคำสั่งศาลและหมายจับแกนนำทั้ง 9 ฝนฟ้าได้เทลงมาอย่างหนัก

ประชาชนผู้กล้าได้ยืนหยัดต่อสู้ อยู่ในทำเนียบรัฐบาลอย่างไม่หวาดหวั่น

รอแต่ว่าตำรวจจะเข้าดำเนินการอย่างไรต่อไป....แกนนำบอกว่า อย่าขัดขวางการเข้ามาบุกจับแกนนำ อย่าตามไป...ให้อยู่สู้ต่อ....

การขัดขวางให้กระทำตามสมควรแก่เหตุ แข็งขืนแต่พองาม

นั่นหมายความว่ายินยอมให้จับอยู่แล้ว เพียงแต่ตำรวจกล้าพอที่จะเข้าไปจับกุมตามหมายจับหรือไม่...หากดำเนินการต่อไป อยากให้มองถึงเหตุการณ์ในอดีต

ความรุนแรงในอดีตนั้น

14 ตุลาคม 2516 เกิดจากการจับกุม 13 กบฎ

http://www.oknation.net/blog/home/album_data/263/263/album/24965/images/221676.jpg(http://)

พฤษภาทมิฬ เกิดจากการเข้าจับกุมพลตรีจำลอง ศรีเมือง

(http://www.oknation.net/blog/home/album_data/263/263/album/24965/images/221675.jpg)

เมื่อจับกุมแกนนำไปแล้ว สิ่งที่ตามมาภายหลัง น่ากลัวกว่าตอนบุกเข้าจับกุมเสียอีก

ดังนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฝ่ายถืออำนาจรัฐ จะต้องใช้วิจารณญาณอย่างมาก ทำอย่างไรไม่ให้เกิดความสับสน

เมื่อบุกเข้าจับกุมแล้ว ต้องมีแผนสำรองครบถ้วนรอบด้าน ป้องกันเหตุที่ไม่คาดฝัน

เนื่องเพราะแม้จับแกนนำรุ่น 1 ก็ยังมี แกนนำรุ่น 2 และนอกจากนั้น ยังแต่งตั้งแกนนำเงา ที่พร้อมจะขึ้นนำการชุมนุมเป็นรุ่นที่ 3 มาสำรองไว้แล้ว

แกนนำรุ่น 2 มีศิริชัย ไม้งาม สาวิตต์ แก้วหวาน สำราญ รอดเพชร

หากแกนนำรุ่นนี้จบเกมไปตามระบวนการของกฎหมายไม่ว่ากรณีใด

แกนนำรุ่น 3 อันมี อัญชลี ไพรีรักษ์ สโรชา พรอุดมศักดิ์ ปานเทพ พงษ์พัวพันก็จะทำหน้าที่ต่อ

ฝ่ายที่เป็นประชาชนที่ร่วมชุมนุม ยังมีลูกหลานที่รอเคลื่อนไหวสืบเนื่องต่อไปไม่สิ้นสุด

และเชื่อว่า ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลชาติชั่วขายชาติ คงไม่หยุดเพียงแค่ ทุกคนถูกจับเท่านั้น

ในเรื่องของศาลแพ่ง ตำรวจตั้งใจว่าจะใช้กระบวนการบังคับคดีก็น่าจะพัฒนาไปในทางที่ดี

แต่ต้องไม่ลืมว่า คำสั่งศาลยังไม่ถึงที่สุด เพราะมีคำสั่งคุ้มครองจากการชุมนุมที่สะพานมัฆวานคุ้มครองอยู่

การต่อสู้ในแง่มุมทางกฎหมายยังไม่สิ้นสุด

การเข้าจับกุมแกนนำทั้ง 9 ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างจริงใจของกลุ่มพันธมิตร

พอดีเมื่อเช้าได้อ่านจดหมายของตาอ้น จากหนังสือ"สี่แผ่นดิน" ของ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช จาก บล็อคคุณ Kati ในหัวข้อ  "ข้อหากบฎ" ทำให้เชื่อว่า

"กบฎเสื้อเหลือง" ทั้ง 9 และประชาชนผู้สนับสนุนแนวคิด "เราจะสู้เพื่อในหลวง" ย่อมสะท้อนสะท้านใจเป็นอย่างยิ่ง

ใครเล่าจะมาคิดว่า คนที่บอกว่า "เราจะสู้เพื่อในหลวง" ต้องมากลายเป็นกบฎของแผ่นดิน

"น้ำตาของแม่พลอย" จะต้องหลั่งออกมา ในยามที่บ้านเมืองมีความแตกแยกทางความคิดถึงที่สุด จนต้องหยิบอาวุธขึ้นมาประหัตประหารกัน

นึกถึงยุคเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ต่อมาจนถึง กบฎบวรเดช ผมเริ่มลึกซึ้งกับแนวคิดแบบ "ตาอ้น" ลูกเลี้ยงของ "แม่พลอย" มากยิ่งขึ้น

นักวิชาการบางท่านก็ไม่เห็นด้วยในข้อหากบฎ เค้าบอกว่าสาหัสสากรรจ์ เกินเหตุหรือไม่

การจะเป็นกบฎนั้นต้องเป็นกองกำลังบุกเข้ายึดอำนาจรัฐ แค่ปืนพกไม่กี่กระบอก คงไม่สามารถเป็นกบฎหรือยึดอำนาจรัฐด้วยอาวุธได้

ความผิดฐานพกพาอาวุธเป็นความผิดเฉพาะตน ไม่น่าจะเกี่ยวพันมาถึงแกนนำทั้ง 5

ความผิดที่ NBT กับความผิดที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นคนละส่วนกันหรือไม่

กระบวนการต่อสู้ทางกฎหมายยังต้องต่อสู้กันอีกเยอะ การตั้งข้อหาที่หนักเกินกว่าความผิด ก็น่าจะเข้าข่าย ป.อาญา มาตรา 157 ได้เช่นกัน

นั่นเป็นสิ่งที่สังคมจะต้องช่วยกันประเมิน จะว่าไปการต่อสู้ในครั้งนี้ มันน่าจะเลยไปใกลกว่า ประมวลกฎหมายอาญาแล้วหรือไม่

ในเมื่อรัฐบาลชาติชั่วขายชาติ กระทำการผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ยังหน้าระรื่นอยู่ในอำนาจ

เข้ามาแล้วจะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อช่วยตนเองและพวกพ้อง

.....นี่มิใช่กบฎรัฐธรรมนูญหรือ...?

ทำไม พันธมิตรต้องคัดค้าน...ให้ถึงที่สุด!

ใช้อำนาจครอบครองสื่อของประชาชนก่นด่าประนามประชาชนที่ไม่เห็นด้วยอย่างหน้าด้านๆ

ยึดเอาอำนาจของประชาชนมาอย่างฉ้อฉล ด้วยกลเกมโกงเลือกตั้ง

ความชอบธรรมของรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ยังมีอยู่จริงหรือไม่

ใครคือคนเลือกนายสมัคร ใครคัดเลือกคนเข้าเป็นรัฐมนตรี...ผู้มีวิจารณญาณย่อมมองออกว่า....

มันคือหุ่นเชิดของนักการเมืองฉ้อฉลที่ทำผิดแล้วหนีคดีหลบลี้ไปอยู่ต่างประเทศอย่างขี้ขลาด

รัฐมนตรียื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ยังได้รับการแต่งตั้งเข้ามาใหม่

รัฐมนตรีแต่ละคน มีคดีติดตัว จนไม่อาจยอมรับได้

เมื่อกฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีคุณธรรมจริยธรรมกำกับ

ก็ต้องใช้ความเชื่อที่ว่า คุณธรรม จริยธรรม ย่อมอยู่เหนือกฎหมายทั้งมวล

นี่คือสิ่งที่ประชาชนบางส่วนมองว่ายังมีเหตุผลที่จะต้องต่อสู้ต่อไปไม่สิ้นสุด

เปลี่ยนความคับแค้นให้เป็นพลัง...ไม่ต้องนั่งคร่ำครวญ

เมื่อเชื่อว่า การต่อสู้นั้นชอบธรรมในแง่การเมืองเพราะรัฐบาลชาติชั่ว ประชาชนก็ต้องต่อต้าน

อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป

Let It Be

ช่างแม่ง....

แคน ไทเมือง


จดหมายจากตาอ้นในบล็อคคุณKatihttp://www.oknation.net/blog/Kati1789/2008/08/28/entry-1

หากตามหาอ่านตอนจบของ "ตาอ้น" แล้วคนที่ใจแข็งที่สุดยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้

ในเหตุการณ์จริง สมัยหนึ่งสมเด็จพระพันวสาอัยยิกาเจ้าฯ เสด็จไปหาตำรวจด้วยพระองค์เอง ตรัสว่า

"พวกเธอขังลูกหลานพระเจ้าแผ่นดินได้อย่างไร ฉันมาขอประกันตัวด้วยทรัพย์สินทั้งหมดที่ฉันมี เพื่อนำตัวลูกพระเจ้าอยู่หัวไปคุมขังด้วยตัวฉันเอง...."

........( ถ้อยคำอาจคลาดเคลื่อน แต่ความหมายในเนื้อหาน่าจะประมาณนี้ ).....

*************************************************

ลูกหลานแม่พลอย...ไปอยู่หนใดบ้างหนอ...ในเวลาคับขันเช่นวันนี้..!

แคน ไทเมือง
 
http://www.oknation.net/blog/canthai/2008/08/28/entry-2


หัวข้อ: Re: กบฎเสื้อเหลือง กับ น้ำตาของแม่พลอย สี่แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: OMEGA ที่ 28-08-2008, 09:07

"กบฎไม้กอล์ฟ"
 :slime_hmm:

พูดไรไม่ออก


หัวข้อ: Re: กบฎเสื้อเหลือง กับ น้ำตาของแม่พลอย สี่แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: คนไกลเมือง ที่ 28-08-2008, 09:13
มิเห็นจะกลัวเลยครับท่านแคน นี่ก็จับเครื่องบินจากภูเก็ตมาเป็นกบฏ กับเขาตั้งแต่เมื่อคืนเนี่ย หุหุ
เมื่อเช้าบริษัทให้มานั่งมอนิเตอร์งานในเน็ตคาเฟต์ เลยต้องมาจับเจ่าอยู่เนี่ย


หัวข้อ: Re: กบฎเสื้อเหลือง กับ น้ำตาของแม่พลอย สี่แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 28-08-2008, 09:16
คืนหนึ่ง

ผมอ่านพบ

จดหมายฉบับหนึ่ง

ซึ่งวางแอบซ่อนอยู่ภายในหนังสือเล่มใหญ่ หนังสือที่ผมอ่านวนเวียนไปมา ด้วยความตระหนักในสิ่งที่แอบซ่อน ในแต่ละความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย ที่ผมอยากรู้อยากเข้าใจ หลายครั้งที่ผมต้องนั่งคิดและใคร่ครวญ ในการอ่านและเชื่อมโยงแต่ละเรื่องราว บางเรื่องก็ยากเย็นเกินตัว มากกว่าจะใช้ชีวิตและประสบการณ์ที่ผ่านมา เพื่อหยิบจับหรือเข้าใจ

แต่บางครั้งผมก็อดสะท้อนใจไม่ได้

ยามมองเห็นเรื่องราวภายใน

ซึ่งผ่านวันเวลาเนิ่นนาน

ไม่ว่าความจริงใดใด ของฝั่งฟากแห่งศรัทธามนุษย์จะเป็นเช่นไร หลายครั้งที่ผมพบว่า ความจริงในแต่ละความเชื่อ ในแต่ละศรัทธานั้น ได้ทดลองทดสอบผู้คนมาในทุกยุคทุกสมัย หลายครั้งที่เราได้รับบทเรียนแห่งความผิดพลาด เป็นเครื่องยืนยันชีวิต หลายครั้งที่เราผ่านมาด้วยความสำเร็จ และบ่อยครั้งที่เราต้องจ่ายต้นทุนแห่งศรัทธาอันแสนแพง เพียงแต่วันนี้ ผมกลับนึกย้อนถึงจดหมายซึ่งเขียนถึงแม่ จดหมายฉบับน้อย ซึ่งแอบซ่อนอยู่

ในสนาม

กราบเท้า แม่ที่รักของลูกคนเดียว

ลูกต้องขอประทานโทษที่ลูกได้ทำให้แม่ต้องเดือดร้อน

เป็นห่วงใย โดยมิได้ปรึกษาหารือก่อนเลย หนังสือฉบับนี้ลูกนั่งเขียนในทุ่งนาบางเขน ทุ่งนาของเมืองไทยที่มีคนไทยเป็นเจ้าของแต่บัดนี้กำลังกลายเป็นสนามรบระหว่างคนไทยกับคนไทยด้วยกัน

เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ลูกไม่รู้ว่าจะอธิบาย

ให้แม่ฟังอย่างไรถูก

และกว่าแม่จะได้รับจดหมายฉบับนี้แม่ก็คงจะทราบเรื่องราวอยู่บ้างแล้ว ลูกอยากจะบอกให้แม่ของลูกรู้ ว่าที่ลูกทำไปคราวนี้ ลูกทำไปด้วยความสุจริตใจ ด้วยความเชื่อถือโดยบริสุทธิ์ ว่าเป็นการกระทำที่ถูก ลูกไม่ได้ทำไปเพื่อหวังอำนาจวาสนา หรือเพื่อที่จะทำไปตัวเองเป็นใหญ่เป็นโต แต่ตั้งแต่ลูกจำความได้มา ลูกก็เคยแต่ได้รับคำสั่งสอนอบรม

ให้ซื่อสัตย์

กตัญญูต่อพระเจ้าอยู่หัว

คุณพ่อคุณแม่ซึ่งเป็นที่รักนับถือของลูก

ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดก็ได้สอนมาอย่างนั้น ทำให้ลูกมีความจงรักภักดี มีความกตัญญูมากขึ้นไปอีก ลูกเข้ามาเป็นทหารด้วยความสมัครใจของลูกเอง คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยบังคับเลย ได้แต่ตามใจ เมื่อเป็นทหาร ก็รู้สึกอยู่ว่าตนมีหน้าที่รักษาแผ่นดินรักษาพระบรมเดชานุภาพ เมื่อจำเป็นก็ต้องถวายชีวิตเป็นราชพลี ลูกได้ร่วมทำการกับเขาทั้งนี้ด้วยความรู้สึก ด้วยความเชื่อมั่น เหล่านี้เป็นที่ตั้งมิได้มีความหวังความปรารถนาอย่างอื่น

ผ่านเข้ามาในหัวใจเลย

ขณะนี้ เป็นเวลาที่

คนอื่นเขาจะต้องประณาม

จะต้องกล่าวร้ายลูก และคนที่อยู่ทางฝ่ายลูก แต่ลูกก็รู้อยู่เสมอ ว่าแม่คงจะเข้าใจและเห็นใจ และถ้าคุณพ่อมีทางใดที่จะรู้ได้ คุณพ่อก็คงจะพอใจ เวลานี้ลูกยึดถือเอาแต่ความซื่อสัตย์กตัญญูต่อแผ่นดิน และความรักที่ลูกมีต่อแม่ทูนหัวของลูกเป็นเครื่องคุ้มครองตัว ลูกสวดมนต์ภาวนาและคิดถึงคุณพ่อคุณแม่อยู่เสมอ เพราะในยามนี้เป็นยามที่ลูกคิดถึงแม่มากที่สุด



แม่ทูนหัวของลูก

ขออย่าให้แม่นึกแต่น้อยว่า

ลูกชอบทำสิ่งที่ลูกกำลังทำอยู่

ลูกไม่อยากเห็นคนไทยรบกันเองเลยและเมื่อแรกก็คิดไปไม่ถึง หรือไม่ได้นึกว่าเรื่องราวจะรุนแรงถึงเพียงนี้ ลูกปืนทุกลูกที่ยิงออกไปทั้งสองข้างนั้นดูเหมือนจะถูกที่หมายทุกครั้งไป ที่หมายนั้นก็คือหัวใจของลูกเอง ทุกครั้งที่ลูกยิงปืนด้วยตนเองหรือสั่งให้ทหารยิง น้ำตาของลูกจะไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกเหมือนกับลูกกำลังทำบาปอย่างหนัก ต้องฆ่าพี่น้อง บางครั้งลูกแทบจะทนไม่ได้ อยากจะวิ่งหนีหลบหลีกไปเสีย แต่ลูกก็ไม่อาจทำได้

เพราะไม่สามารถจะทิ้งทหาร

ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา

และไม่สามารถเสียสัตย์ที่มี

ต่อเพื่อนร่วมตายทุกคน ลูกมองไปข้างหน้านอกแนวของตน เห็นคนวิ่งขวักไขว่ และรู้ดีว่าเป็นทหารฝ่ายรัฐบาลแต่ลูกก็ต้องใจหาย เมื่อคิดได้ว่าคนเหล่านั้น เมื่อเร็วๆนี้เองเป็นเพื่อนร่วมตายของลูกทุกคน เพราะเป็นทหารในกองทัพเดียวกัน เป็นข้าพระเจ้าอยู่หัวองค์เดียวกัน ลูกอาจอยู่ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาคอยดูแลทุกข์สุขของนายสิบพลทหารเหล่านั้นก็ได้

และนายทหารฝ่ายข้างโน้น

หลายคนก็เคยเป็นเพื่อนร่วมกิน

ร่วมนอนร่วมโรงเรียนกันมา

บางคนก็เคยเป็นผู้บังคับบัญชา หรือเคยเป็นครูถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ ลูกไม่เคยมีเรื่องส่วนตัวโกรธเคืองกับเขาเหล่านั้นเลย มีแต่ความรักความห่วงใยความหวังดี แต่แม่ทูนหัวของลูก ขณะที่ลูกกำลังเขียนหนังสือนี้เอง เราต่างคนต่างกำลังยิงกันฆ่ากัน ความเศร้าใจของลูกนั้นสุดที่จะพรรณณา ลูกต้องเขียนหนังสือถึงแม่ เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่ลูกอยากอยู่ใกล้แม่ที่สุด

เพราะแม่คนเดียว

ที่สามารถปลอบลูกให้คลายทุกข์ได้

แม่คนเดียว เป็นคนที่อาจอธิบายให้ลูกเข้าใจ

เหตุผลต่างๆ ได้ ลูกอยากนั่งแทบฝ่าเท้าแม่ เอาหัวซบบนตักแม่ อยากรู้สึกว่ามือของแม่ที่เต็มไปด้วยความรักความเมตตานั้น กำลังลูบหัวลูก การณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป ลูกเองก็ไม่อาจคาดคะเนได้ ถ้าลูกเป็นอันตรายลงไป ลูกอยากให้แม่รู้ไว้ว่า ความคิดสุดท้ายของลูกจะจดจ่ออยู่ที่ตัวแม่ แต่ถ้าหากลูกไม่ตาย ลูกจะต้องหาหนทางมากราบเท้าแม่

ขอประทานโทษที่ทำให้แม่ต้องวิตกกังวลห่วงใย

จากลูก

อ้น

หลังจากอ่านจดหมายฉบับนี้จบลง ผมเพียงแต่ปิดหน้าหนังสือ ปิดหน้าจดหมายของเรื่องราวความรู้สึกลง ในท่ามกลางข้ามคืน ซึ่งฝนกำลังตกพร่ำลงมาในกรุงเทพมหานคร รุ่งเช้าวันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม 2551 เมื่อฝนกำลังตกพร่ำลงมาไม่ขาดระยะ มีเสียงคำรามของฟ้าฝน เมฆหมอกปกคลุมแม้มืดมัวเพียงใดก็ไม่อาจแลเห็นได้ จากข้ามคืนอันมืดมน

หลังจากคิด

และหวั่นใจอยู่ลึกลึก

ว่าเรื่องราวหลายอย่างคงจบลง

ผมจึงปิดหนังสือเล่มใหญ่ เล่มนี้



หมายเหตุ : จดหมายฉบับนี้ เป็นจดหมายซึ่ง ตาอ้น เขียนถึง แม่พลอย ในเหตุการณ์กบฎบวรเดช กลางทุ่งนาบางเขน ในแผ่นดินที่สาม รัชกาลที่เจ็ด หนังสือวรรณกรรมเรื่องยิ่งใหญ่ ผลงานการประพันธ์ของ พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช เรื่อง สี่แผ่นดิน

ขออภัยอย่างสูง : ต่อเจ้าของงานประพันธ์ และผู้รับผิดชอบในลิขสิทธิ์งานประพันธ์ชิ้น สำหรับการเว้นวรรค เน้นอักษรตัวใหญ่ และการตัดบรรทัดข้อความ เพื่อความเหมาะสมในการจัดวางหน้าอักษร จึงขออภัยอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้
 
อ่านในบล็อคคุณ Kati ได้อารมณ์กว่าครับ
http://www.oknation.net/blog/Kati1789/2008/08/28/entry-1


หัวข้อ: Re: กบฎเสื้อเหลือง กับ น้ำตาของแม่พลอย สี่
เริ่มหัวข้อโดย: คนไกลเมือง ที่ 28-08-2008, 09:24
ขอติดตลกหน่อยนะครับ
"เผอิญคงเขียนจดหมายถึงแม่เหมือนตาอ้นไม่ได้ซะละครับ เพราะแม่ผมดันเป็นกองหน้ามาก่อนผมอีก"

ตอนนี้ทำได้เพียงเขียนจดหมายอีเล็กทรอนิกส์ ถึงเจ้านายฝรั่งแทนไปก่อน...

ขอยืมคำพูดป๋าเปลวสีเงิน มาบอกเล่าต่อนะครับ
"นี่คงถึงเวลานับถอยหลังสำหรับสังคมไทยแล้วล่ะครับ ว่า ระหว่าง ถูกกฏหมาย แต่ผิดศีลธรรมจริยธรรม กับ ผิดกฏหมาย แต่ถูกศีลธรรมจริยธรรม อันใดจะอยู่คู่สังคมไทย"


หัวข้อ: Re: กบฎเสื้อเหลือง กับ น้ำตาของแม่พลอย สี่แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: tiew ที่ 28-08-2008, 09:35
ผมคิดว่า ทุกคนต้องตั้งหลักให้ดี การต่อสู้ยังคงต้องดำเนินต่อไป ความผิดความถูกในที่สุดแล้วจะต้องปรากฎออกมาอย่างแน่นอน


เมื่อเป้าหมายในการต่อสู้ยังไม่บรรลุ ก็ต้องกลับมาทบทวนบทเรียนใหม่ ว่าจะทำอย่างไรได้ต่อไป


เรื่องยังไม่จบหรอกครับ ที่ผ่านมาเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

ขณะนี้หลายๆอย่างตกไปอยู่ในการบวนการของตุลาการ  ปัญหาต่างๆ ความขัดแย้งทุกอย่างได้ตกไปอยู่ในความรับผิดชอบของตุลาการแล้ว


เมื่อเป็นเช่นนี้ ต้องรอครับ รอว่า...แล้วจะอย่างไร..



ส่วนอารมณ์ของเราที่เห็นใจ สงสาร หรือโกรธแค้น อะไรก็ตามแต่ที่มันเกิดขึ้นกับผู้นำ ผู้คนที่เสียสละอยู่ในกระบวนการต่อสู้ นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง


ผู้นำในการต่อสู้ที่จะรับไม่ต่อๆกันไป จะต้องปรับขบวนการ และกระบวนการในการกำหนดทิศทางขึ้นมาใหม่...


หัวข้อ: Re: กบฎเสื้อเหลือง กับ น้ำตาของแม่พลอย สี่แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 28-08-2008, 09:44
การจะเป็นกบฎนั้นต้องเป็นกองกำลังบุกเข้ายึดอำนาจรัฐ แค่ปืนพกไม่กี่กระบอก คงไม่สามารถเป็นกบฎหรือยึดอำนาจรัฐด้วยอาวุธได้

ความผิดฐานพกพาอาวุธเป็นความผิดเฉพาะตน ไม่น่าจะเกี่ยวพันมาถึงแกนนำทั้ง 5

ความผิดที่ NBT กับความผิดที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นคนละส่วนกันหรือไม่

กระบวนการต่อสู้ทางกฎหมายยังต้องต่อสู้กันอีกเยอะ การตั้งข้อหาที่หนักเกินกว่าความผิด ก็น่าจะเข้าข่าย ป.อาญา มาตรา 157 ได้เช่นกัน

นั่นเป็นสิ่งที่สังคมจะต้องช่วยกันประเมิน จะว่าไปการต่อสู้ในครั้งนี้ มันน่าจะเลยไปใกลกว่า ประมวลกฎหมายอาญาแล้วหรือไม่

ในเมื่อรัฐบาลชาติชั่วขายชาติ กระทำการผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ยังหน้าระรื่นอยู่ในอำนาจ

เข้ามาแล้วจะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อช่วยตนเองและพวกพ้อง

.....นี่มิใช่กบฎรัฐธรรมนูญหรือ...?

ทำไม พันธมิตรต้องคัดค้าน...ให้ถึงที่สุด!

ใช้อำนาจครอบครองสื่อของประชาชนก่นด่าประนามประชาชนที่ไม่เห็นด้วยอย่างหน้าด้านๆ

ยึดเอาอำนาจของประชาชนมาอย่างฉ้อฉล ด้วยกลเกมโกงเลือกตั้ง

ความชอบธรรมของรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ยังมีอยู่จริงหรือไม่

ใครคือคนเลือกนายสมัคร ใครคัดเลือกคนเข้าเป็นรัฐมนตรี...ผู้มีวิจารณญาณย่อมมองออกว่า....




ประชาชนได้อ่าน ได้ใช้สติปัญญาของตนพิเคราะห์แล้ว ตัดสินใจได้....

การชุมนุมเกือบร้อยวันอย่างสงบ สันติ อหิงสา ไม่สูญเปล่าหรอกครับ...
เป็นประจักษ์พยานเจตนารมณ์ของแกนนำพันธมิตรฯและประชาชนผู้ร่วมชุมนุม...

เมือคืนนี้ ถ้าประชาชนที่ร่วมชุมนุมในทำเนียบถึง'จุดเดือด ขาดสติสัมปชัญญะ'.....
ไอ้หอกหัก'หมัก เมถุน' โกวิท ณัฐวุฒิ วีระ จักรภพ จตุพร และ NBT ยับยั้ง รับมือ'ศัตรู'ของพวกเขาได้ฤา.....!!!





หัวข้อ: Re: กบฎเสื้อเหลือง กับ น้ำตาของแม่พลอย สี่แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 28-08-2008, 10:04
ความยุติธรรม บางทีก็จะหาจากกฎหมายไม่ได้ เพราะมันละเอียดอ่อน เลือกใช้ เลือกปฏิบัติได้

หาก เจ้าหน้าที่เลือกปฏิบัติหรือแจ้งข้อหาอย่างไม่เป็นธรรม คนที่ต่อต้านอำนาจรัฐ ก็มีความชอบธรรมที่จะต่อต้าน

เหมือนที่อดีตนักการเมืองไร้แผ่นดิน ต่อต้าน ไม่ยอมรับขบวนการยุติธรรม

ถ้าหากเชื่อมโยงการบุก NBT มาที่ 5 แกนนำ

ก็ลองเชื่อมโยง ทักษิณ กับรัฐบาลชาติชั่วขายชาติดูสิ

อย่างไหน ตรงใจกว่ากัน


หัวข้อ: Re: กบฎเสื้อเหลือง กับ น้ำตาของแม่พลอย สี่แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 28-08-2008, 16:29
ข่าวล่า "ลูกหลานแม่พลอย" จากทั่วประเทศ เหมารถจากต่างจังหวัดมาร่วมยึดทำเนียบ

"ไล่รัฐบาลกุ๊ย"

ถ้ามีเลือดของพ่อยกแม่ยกพันธมิตรหยดถึงพื้นแม้เพียงหยดเดียว

พลังศีลธรรมจะตื่นขึ้นทั่วประเทศ แน่นอน

รัฐบาลรอรับให้ดี ส่วนที่เห็นแกนนำ 9 คน และกลุ่มคนที่ทำเนียบแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งแค่นั้น

ที่อยู่ใต้น้ำ ยังมีอีกเยอะ


หัวข้อ: Re: กบฎเสื้อเหลือง กับ น้ำตาของแม่พลอย สี่แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 28-08-2008, 16:49
คำพูดนั้น อัญชลี เคยเอามาเล่าตอนเที่ยงคืน เรื่อง พระพันวษาอัยยิกาเจ้า ฟังไปน้ำตาร่วง (เป็นตอนยาวทีเดียว)

ปล. ลุงคะ สัญญาณวิทยุ หายเป็นพักๆ เห็นว่า สัญญาณทีวีโดนบล๊อค


หัวข้อ: Re: กบฎเสื้อเหลือง กับ น้ำตาของแม่พลอย สี่แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 28-08-2008, 16:56
http://www.managerradio.com/

ผมฟังเสียงทางเน็ต ภาพทางเคเบิ้ลครับ


หัวข้อ: Re: กบฎเสื้อเหลือง กับ น้ำตาของแม่พลอย สี่แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: boyk ที่ 28-08-2008, 17:09
ทางนี้ก็โอเคคับ

http://www.uthaisak.net/