ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: \(^_^)/ ที่ 11-08-2008, 12:35



หัวข้อ: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: \(^_^)/ ที่ 11-08-2008, 12:35
'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย   

(http://images.temppic.com/11-08-2008/images_vertis/1218432228_0.91847000.jpg) (http://www.temppic.com/img.php?11-08-2008:1218432228_0.91847000.jpg)

อ่านคำแถลง จาก NBT

http://www.matichon.co.th/ (http://www.matichon.co.th/)

เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 11 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง เอ็นบีที รายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ส่งแถลงการณ์จากลอนดอนประเทศอังกฤษเขียนด้วยลายมือตัวเอง อ้างเหตุไม่กลับมาสู้คดีที่ประเทศไทย ดังนี้

แถลงการณ์เรื่อง การไม่ไปรายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง 

ก่อนอื่นกระผมต้องกราบขอประทานอภัยต่อคณะผู้พิพากษาคดีที่ดินรัชดา และพี่น้องประชาชนผู้สนับสนุนผมทุกผ่าน ที่ผมและภรรยาได้เดินทางมาพำนักที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศที่ยึดหลักการประชาธิปไตยเหนือสิ่งอื่นใด และไม่ได้ไปรายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง

 สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมและครอบครัว พร้อมกับบุคคลใกล้ชิดเป็นผลพวงต่อเนื่องมาจากความต้องการขจัดผมออกจากการเมือง ด้วยการพยายามลอบสังหาร ตามมาด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร แต่งตั้งคณะบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์มาสอบสวนดำเนินคดีเฉพาะตัวผมและครอบครัว ร่างรัฐธรรมนูญที่สืบทอดอำนาจเผด็จการ แต่งตั้งบุคคลที่สนับสนุนการปฏิวัติรัฐประหารทั้งทางตรงและทางอ้อมเข้าไปเป็นกรรมการในองค์กรต่างๆ เพื่อดำเนินการกับผม 

เมื่อมีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังคงเลือกพรรคพลังประชาชน ที่ผู้สมัครส่วนมากมาจากพรรคไทยรักไทยเดิมให้กลับคืนมาทำหน้าที่ตัวแทนของพวกเขา

ผมคิดว่าสถานการณ์คงจะดีขึ้น ผมคงจะมีโอกาสได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์และได้รับความเป็นธรรม จึงเดินทางกลับประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551   แต่เหตุการณ์กลับยิ่งเลวร้ายลงเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวผมและครอบครัวเป็นเสมือนผลไม้ที่เกิดจากต้นไม้ที่เป็นพิษ ผลของมันก็ย่อมเป็นพิษตามไปด้วย นั่นก็คือ ยังคงมีการสืบทอดระบอบเผด็จการในการจัดการ การเมืองไทยในระบอบประชาธิปไตย ตามมาด้วยการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยเอาผลลัพธ์ที่อยากจะได้เป็นตัวตั้ง เพื่อจัดการกับผมและครอบครัว ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้ถือว่าผมเป็นศัตรูทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงระบบกฎหมาย ระบบข้อเท็จจริง และการสอบสวนดำเนินคดีตามหลักนิติธรรมสากล   ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายว่าด้วยพยานหลักฐาน การบังคับใช้กฎหมายที่มีผลเป็นโทษย้อนหลัง ไม่ยอมใช้หลักนิตธรรมและหลักนิติรัฐ ผมและครอบครัวได้ถูกดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรมเช่นนี้มาอย่างต่อเนื่อง
 
การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และการใช้ระบบ 2 มาตรฐานที่เห็นได้อย่างชัดเจน ทำให้ผมและครอบครัว พร้อมด้วยผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ได้รับความเป็นธรรมก็นับว่าหนักหนาแล้ว แต่ยังเทียบไม่ได้กับคนที่ระบบกระบวนการยุติธรรมของประเทศและองค์กรที่เกี่ยวข้องที่มีเกียรติ มีความน่าเชื่อถือสั่งสมมาเป็นเวลายาวนานต้องเสื่อมลง เพราะถูกนำมาใช้ทางการเมือง จนความเป็นกลางซึ่งเป็นผลเสียหายต่อประเทศอย่างใหญ่หลวง

 นอกจากนี้ ผมได้รับข่าวสารตลอดเวลาว่า ชีวิตของผมไม่ปลอดภัย เดินทางไปไหนมาไหนจึงต้องใช้รถกันกระสุนนี่คือผลที่ได้รับจากการที่ผมอาสาเข้ามาทำงานรับใช้ประเทศชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน ด้วยความทุ่มเททำงานอย่างหนักมาตลอดเวลาเกือบ 6 ปี ที่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี   

ผมจึงต้องกราบขออภัยอีกครั้งหนึ่งที่ต้องตัดสินใจอยู่ที่ประเทศอังกฤษและขอยืนยันว่า

  1.ผมและครอบครัวมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ทุกพระองค์อย่างหาที่สุดมิได้ แม้นว่ามีผู้จงใจใส่ร้ายมาตลอด

2.ถึงแม้นผมไม่ใช่คนดีสมบูรณ์แบบ แต่ผมขอยืนยันว่าผมไม่ได้เลวอย่างที่ถูกกล่าวหา เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผมจะแถลงความจริงให้ทุกท่านทราบ วันนี้ยังไม่ใช่วันของผม ขอให้ผู้สนับสนุนผมอดทนอีกนิดหนึ่งครับ

3. หากผมยังมีวาสนา ผมจะขอกลับมาตายบนผืนแผ่นดินไทยเฉกเช่นคนไทยทุกคนครับ   

ด้วยความเคารพรัก

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร


ฟังคำแถลงการของมันแล้ว...ยังไม่สำนึกจริงๆ..
ว่ามันทำความ "ผิด" อะไรไว้บ้างกับประเทศไทย..
สารเลวจริงๆ..ไอ้คน "ไร้ราคา" 





หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 11-08-2008, 12:43
แถลงการณ์หมิ่นศาล เด๋ว วัฒนา กะคุณปลื้มเอามั่งหรอก


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: TheBluECaT ที่ 11-08-2008, 12:44

(http://pics.manager.co.th/Images/551000010210102.JPEG)

(http://pics.manager.co.th/Images/551000010210103.JPEG)

(http://pics.manager.co.th/Images/551000010210104.JPEG)


http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000094540

------------------------------

เผื่อบรรดาสาวกฯ จะไม่เชื่อ...   :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: THE THIRD WAY ที่ 11-08-2008, 12:46
พอจนตรอก
อ้างวาสนา
ชะชะ


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 11-08-2008, 12:48
ต้องให้มันตั้งศาลเองมั้ง มันถึงจะบอกว่ายุติธรรมจริง

ก็เป็นไปตามคาดหละครับ ไม่ได้ผิดไปจากที่คิดไว้หรอก


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอ
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 11-08-2008, 12:51
1.ผมและครอบครัวมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ทุกพระองค์อย่างหาที่สุดมิได้ แม้นว่ามีผู้จงใจใส่ร้ายมาตลอด
(ไม่เชื่อ)

2.ถึงแม้นผมไม่ใช่คนดีสมบูรณ์แบบ แต่ผมขอยืนยันว่าผมไม่ได้เลวอย่างที่ถูกกล่าวหา เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผมจะแถลงความจริงให้ทุกท่านทราบ วันนี้ยังไม่ใช่วันของผม ขอให้ผู้สนับสนุนผมอดทนอีกนิดหนึ่งครับ
(จะให้รอนานมะ และไอ้อดทนรออีกนิดคืออะหยัง ?)

3. หากผมยังมีวาสนา ผมจะขอกลับมาตายบนผืนแผ่นดินไทยเฉกเช่นคนไทยทุกคนครับ   
(หากไม่มีวาสนา เฮียก็ตายที่บ้านสุดหรูในลอนดอนพร้อมนักร้องสาวเถอะเฮีย)


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: marrykate ที่ 11-08-2008, 12:54
ลุงเหลี่ยมจ๋า .... ที่บอกว่า

"กระบวนการยุติธรรมของประเทศและองค์กรที่เกี่ยวข้องที่มีเกียรติ มีความน่าเชื่อถือสั่งสมมาเป็นเวลายาวนานต้องเสื่อมลง"

นั่นเพราะมีคนเอากล่องขนมไปให้ใช่ไหมจ๊ะ
 :slime_bigsmile:




หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอ
เริ่มหัวข้อโดย: นักปฏิวัติ ที่ 11-08-2008, 12:56
ทรราช ที่ผ่านมา แม้ไม่ยอมรับความจริง หรือสำนึกผิด ก็มักเก็บตัวเงียบและเป็นข่าวน้อย
แต่ทักษิณ ไม่สำนึกผิด ทำตัวเป็นข่าวต่อเนื่อง และเดินเกมการเมืองมาโดยตลอด
โดยส่วนตัวผมคาดว่า ทักษิณจะมีจุดจบที่ไม่ธรรมดาแน่นอน (หรือจะเป็นอย่างที่สนธิเคยทำนาย ??)


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอ
เริ่มหัวข้อโดย: jrr. ที่ 11-08-2008, 12:57
เห็บหมัดเหา....หนีหมดเกลี้ยง

..........แม้แต่แถลงการ ยังต้องเขียนเอง !!!  :slime_dizzy:  :slime_dizzy:  :slime_dizzy:


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอ
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 11-08-2008, 12:58
น่ารังเกียจเป็นที่สุด
พอศาลตัดสินว่าตัวเองรอด (กรณีซุกหุ้น) เจือกบอกว่าศาลยุติธรรม
แต่พอศาลตัดสินว่าตัวเองผิด บอกศาลไม่ยุติธรรม

แล้วความยุติธรรมมันอยู่ที่ไหน
หรืออยู่ไหนก็ได้ ขอแค่ว่า ตรูไม่ผิดก็พอ..

น่ารังเกียจจริง ๆ คนแบบนี้...
ทุเรศทั้งบ้านเลย.....


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: marrykate ที่ 11-08-2008, 12:58
เขียนมาทำไมเนี่ยตั้งยืดยาว เมื่อยมือเปล่าๆ

ลุงเหลื่ยมก็แค่บอกมาคำเดียวว่า

"ผมทนอยู่ไม่คุกไม่ได้หรอกคับ มันเหม็น"

แค่นี้คนก็เข้าใจละค่ะ


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 11-08-2008, 13:06
 
หางโผล่อีกแล้ว วันก่อนยังเอาขนมไปให้ศาลอยู่แหม็บๆ

วันนี้หมิ่นศาลทั้งระบบเลย




หนีให้รอดนะไอ้กร๊วก ถ้าถูกส่งกลับมากูจะหัวเราะให้ฟันร่วงเลย :twisted:






หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอ
เริ่มหัวข้อโดย: \(^_^)/ ที่ 11-08-2008, 13:09
วันนี้อ้างว่า "ถูกกลั่นแกล้ง"...
ถูก "ปองร้ายหมายชีวิต"
ไม่ได้รับความ "ยุติธรรม" จาก " ศาล" ทั้งๆที่ศาลยังไม่ได้ "ตัดสิน"
อ้างโชค "วาสนา" ของตัวเองและครอบครัว..หุ หุ หุ   


     คอยดู..ต่อไปมันจะอ้าง..ว่า.. 

มันเป็น "รัฐบุรุษ"..แบบท่าน ปรีดี พนมยงค์ ที่ต้องลี้ภัยเช่นกัน..
หุ หุ หุ ยังหน้าด้านคิดออกมาได้อีกว่า..."ยังจะมีโอกาศกลับมาตาย" ใน "แผ่นดินไทย" อีก... 


  เอ็งเป็นได้แค่ "ถนอม..ประภาส" จอม "ทรราช" แค่นั้น..ไอ้ "ชั่ว"
อย่าหวัง "สูงไปกว่านั้น" ไอ้ "คนเส็งเคร็ง" ...ขาก...........ทุ้ย.....ส์ 


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: May The Force Be With You ที่ 11-08-2008, 13:12
มารอดูลิ่วล้อแถ

 โอ้มันจะฆ่าพ่อผม  โอ้มันจะเอาตำรวจมาจับ  มันแทรกแซงศาล  ศาลแทรกแซงไม่ได้ไม่ยุติธรรม  ศาลต้องมาจากการเลือกตั้ง  

มันอำมาตยาธิปไตย  ป๋าเปรมสั่ง  ตีนที่มองไม่เห็น :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: นีโอคอมมิวนิสต์ ที่ 11-08-2008, 13:16
หุหุ ดูจากแถลงการยังไม่ตัดท่อน้ำเลี้ยงเลย แสดงว่ายังมีกินมีใช้ต่อไปนะ อ้าวทำงานกันต่อไปยังไม่ถึงกับอดตายหรอก อิอิ :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: ooo ที่ 11-08-2008, 13:18
เอ็น บี ที หมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดกฏหมายจริงๆ ที่เผยแพร่ข้อแก้ตัวของทักษิณ

ดูกรณีของสนธิซิ เอาคำพูดของ ดา ตอร์ปิโด มาพูดซ้ำ ยังโดนเลย


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 11-08-2008, 13:19
หุหุ ดูจากแถลงการยังไม่ตัดท่อน้ำเลี้ยงเลย แสดงว่ายังมีกินมีใช้ต่อไปนะ อ้าวทำงานกันต่อไปยังไม่ถึงกับอดตายหรอก อิอิ :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:

ระวังท่อจะไม่มีน้ำ มีแต่ลม :mrgreen:



หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: ชามู ที่ 11-08-2008, 13:24
จากแถลงการณ์ของมัน

คนๆนี้ไม่เลิกแน่นอนครับ

บอกให้กองเชียร์อดทนรออีกนิด

ไม่มีสำนึกแม้แต่นิดเดียว


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: พบกันครึ่งทาง ที่ 11-08-2008, 13:25
วันนี้คงไม่ใช่วันของท่าน ไม่ใช่วันของไพร่แผ่นดินอย่างเรา
ไม่เป็นไรใครอยากว่าอะไรก็ให้เขาว่าไปเถิด

ในวันที่เราล้ม ลูกผู้ชายย่อมต้องกล้าเผชิญและอดทนต่อคำดูถูกเสียดสี
แม้ความยุติธรรมอาจถูกบิดเบือนได้ด้วยคนไม่กี่คน
แต่ความจริงย่อมไม่อาจถูกบิดเบือน
ไม่ช้าก็เร็ว กาลเวลาจะเป็นผู้พิสูจน์

คนจะยิ่งใหญ่ ไม่ได้อยู่ที่ชัยชนะ
หากแต่อยู่ที่ได้ทำคุณประโยชน์เพียงใด

วันนี้ท่านอาจจะแพ้  
แต่สิ่งที่ท่านทำจะอยู่ในใจคนยากอีกหลายคนตลอดไป.....
ขอคุณพระคุณเจ้าคุ้มครองท่านและครอบครัว


--------------------------------------------

เชิญเสียดสีกันตามสบาย หากมันจะบรรเทาความเกลียดชังเกินว่าเหตุผลใดๆที่อยู่ในใจท่าน
ทำเถิดหากคิดว่ามันเป็นประโยชน์


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: samepong(ยุ่งแฮะ) ที่ 11-08-2008, 13:26
มิน่าหละ
ผมถึงไม่เห็น ฤาษีจ๊ะ กับแก๊ซเน่าๆๆ มาทำงาน ที่แท้บัตรเติมเงินหมดนี่เอง


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: anti-coup ที่ 11-08-2008, 13:28
รัฐบาลชวน หลีกภัย
********************************************************************************************
ตอนที่ 1
9 พฤศจิกายน 2540 นายชวน หลีกภัยได้นำพลพรรคเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลภาพพจน์ “ความซื่อสัตย์” บวกกับทีมงานด้านเศรษฐกิจสังคมที่ประกอบไปด้วยบุคคลที่มีชื่อเสียง ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีชวน 2 เป็นความหวังในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาทุจริต คอรัปชั่น

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบ 3 ปี ในยุครัฐบาลชวน 2 ความคาดหวัง ความฝันของประชาชนที่ฝากไว้กับคณะรัฐมนตรีของนายชวน หลีกภัย กลับมิได้เป็นไปตามที่ฝัน รัฐบาลดรีมทีมไม่เพียงแต่จะซ้ำเติมความเสียหายแก่ประเทศชาติด้วยการสร้างความหายนะทางเศรษฐกิจให้เลวร้ายยิ่งขึ้น แต่ยังปล่อยให้มีการทุจริตคอรัปชั่นอย่างมโหฬารในหลายๆ ระดับของรัฐ

รัฐบาล “กินเมือง”
การโกงกินภาใต้การบริหารงานของรัฐบาลชวน 2 ประเดิมกันด้วยเหตุการณ์ “ประวัติ ถนัดค้า” รองอธิปดีกรมป่าไม้หอบเงินสด 5 ล้านบาท ที่ได้จากการรับสินบนตัดไม้สักจากป่าสาละวินเข้าไปให้นายกรัฐมนตรีเพื่อบริจาคให้กองทุนไทยช่วยไทย เมื่อ กุมภาพันธ์ 2541 บทสรุปก็คือ ประวัติ ถนัดค้า ถูกปลดจากรองอธิบดีกรมป่าไม้ แต่ไม่สามารถสืบค้นและจับกุมผู้บงการตัดไม้ป่าสาละวินที่แท้จริงได้

SDH ฮั้วเพื่อพรรคพวกตน
จากนั้นเดือนมิถุนายน 2541 รัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์โชว์ผลงานผลาญงบประมาณชาติ ในกรณีโครงการสื่อสัญญาณความเร็วสูงหรือ SDH มูลค่าหมื่นล้านบาทขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการฯ เตรียมการ “ฮั้ว” การประมูลของเอกชน 8 ราย ไว้ล่วงหน้า แต่บังเอิญคนในพรรคทนความอดสูไม่ไหว ทวี ไกรคุปต์ หนึ่งในสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จึงขุดคุ้ยก่อนจะถูกสาวไส้ต่อด้วยฝีมือพรรคฝ่ายค้าน
ภายหลังหลักฐานต่างๆ ออกมายืนยันว่า สุเทพ เทือกเทพสุบรรณ มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการ “ฮั้ว” ในฐานะผู้เซ็นอนุมัติ ทำให้สุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องระงับโครงการดังกล่าวไว้ชั่วคราว
ไม่เพียงไม่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความผิดปกติที่เกิดขึ้นในโครงการเท่านั้น แต่ปัจจุบัน SDH อยู่ระหว่างนำมารีไซเคิลใหม่อีกครั้ง โดยเปลี่ยนชื่อจาก SDH เป็นโครงการ TNEP หรือโครงการขยายข่าย ทศท. พ.ศ.2538-2541 ซึ่งเป็นที่เคลือบแคลงและสงสัยว่าเป็นโครงการที่จะเก็บเกี่ยวหาเงินเข้าพรรคไว้เป็นทุนสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่
เสี้ยวนาที่สุดท้ายในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2543 ก่อนที่จะนายกฯชวนจะประกาศยุบสภาเพียง 5 ชั่วโมง องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยในยุคที่ สุเทพ เทือกสุบรรณเป็น รมต.คมนาคม ได้เปิดไฟเขียวให้ สมบัติ อุทัยสาง ประธานคณะกรรมการ ทศท. และสุธรรม มลิลา ผอ.ทศท. ทายาท สุเทพ เทือกสุบรรณ เซ็นสัญญาพร้อมจัดหา และติดตั้งอุปกรณ์โครงการขยายโครงการข่ายสัญญาณความเร็วสูงทั่วประเทศ (เอสดีเอช.หรือที่แปลงโฉมเป็น TNEP. นั่นเอง) มูลค่าถึง 7,500 ล้านบาท

ผักสวนครัว รั้ว “กิน” ได้
เดือนกันยายน 2541 มีการขุดคุ้ยให้สาธารณชนรับรู้ถึงความผิดปกติของโครงการผักสวนครัวรั้วกินได้ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของ วิรัช รัตนเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จากพรรคชาติไทย ที่นำเงินงบประมาณ 500 ล้านบาทมาจัดซื้อเมล็ดพันธุ์พืชผักสวนครัว เช่น มะเขือเปราะ พริกขี้หนู บวบ เป็นต้น เพื่อนำไปให้ชาวบ้านปลูกไว้กินเอง โครงการนี้ถูกตรวจสอบพบว่าใช้วิธีพิเศษในการจัดซื้อเมล็ดพันธุ์พืชกล่าวคือ เมล็ดพันธุ์ที่จัดซื้อภายใต้วิธีพิเศษมีราคาที่แพงกว่าเมล็ดพันธุ์พืชชนิดเดียวกันที่ขายอยู่ตามท้องตลาดอย่างต่ำ 2 เท่า เป็นผลให้ต้องสูญเสียงบประมาณแผ่นดินหลายร้อยล้านบาทโดยเปล่าประโยชน์
ในที่สุด วิรัช รัตนเศรษฐ์ ในฐานะรัฐมนตรีที่เซ็นอนุมัติโครงการ ต้องจำนนต่อหลักฐานและข้อเท็จจริง แต่รัฐบาลทำได้เพียงกดดันให้ วิรัช รัตนเศรษฐ์ ลาออกจากเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยทั้งน้ำตา และถึงวันนี้ยังไม่สารถหาผู้ทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย และไม่ได้รับการเอาใจใส่ติดตามจากผู้นำรัฐบาลแม้แต่น้อย

“ทุจริตยา” การหากินบนคราบน้ำตาของผู้ยากไร้
เดือนพฤศจิกายน 2541 โครงการของงบประมาณจัดซื้อยาให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศวงเงิน 1,400 ล้านบาท โดยการอนุมัติ รักเกียรติ สุขธนะ รัฐมนตรีชาวยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พรรคกิจสังคม ถูกเปิดโปรงออกมา โดยที่นายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย “ผู้ซื่อสัตย์” ออกมาปกป้องอย่างออกหน้าออกตา
ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฎทั้งราคาในการจัดซื้อยาเวชภัณฑ์ที่แพงกว่าปกติ และผลิตภัณฑ์บางชนิดที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานกดดันให้ “รักเกียรติ สุขธนะ” ต้องยอมลาออกจากเก้าอี้รัฐมนตรีไปอีกคนอย่างไม่ค่อยเต็มอกเต็มใจนัก
รวมไปถึงการปลด นพ.ปรากรม วุฒิพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้นออกจากตำแหน่ง เพราะมีข้อมูลพัวพันกับขบวนการจัดซื้อยาแพง ตลอดจนการลงโทษข้าราชการระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุขอีก 3-4 คน รวมทั้งการขึ้นบัญชีดำรายชื่อบริษัทขายยาและเวชภัณฑ์ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ป.ป.ป.)

ส่วนนักการเมืองอย่าง “จิรายุ จรัสเสถียร” ที่ปรึกษา “ธีระวัฒน์ ศิริวันสาณฑ์” อดีตรมช. สาธารณสุขที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการทุจริต เพราะมีเงิน 31 ล้านบาทมาจากการเล่นพนัน เมื่อครั้งที่ไปเที่ยวออสเตรเลีย
***********************************************************************************************

ตอนที่ 2

ปล่อย “คนโกง” ให้ลอยนวล
คนในรัฐบาลชวนคดโกงงบประมาณแผ่นดินยังไม่พอ กระทั่งการเลือกตั้งก็มีเรื่องฉาวโฉ่ไม่แพ้กันซึ่งมีทุกระดับ ตั้งแต่โครงการสร้างระดับบนจนถึงระดับล่าง
กลางปี 2542 ปฎิบัติการ “โกง” ครั้งมโหฬารในการเลือกตั้งสมาชิกเทศบาลนคร จังหวัดสมุทรปราการ ถึงขั้นต้องให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ สูญเสียงบประมาณไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะผลที่ออกมาไม่สามารถหาคนโกงมาลงโทษได้ เนื่องจากนายวัฒนา อัศวเหม เป็นบิดาของหัวหน้าผู้สมัครทีมหนึ่ง ซึ่งในขณะนั้นนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้มีบุญคุณต่อพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลชวน 2 เป็นผลสำเร็จ บุญคุณย่อมต้องทดแทน เป็นเหตุให้ข่าวการปฏิบัติการโกงเลือกตั้งหายเงียบไปอีกครั้งหนึ่ง

ยืมหลังบ้านนายกฯเป็นแหล่งค้า “ซีดีเถื่อน”
ตุลาคม 2542 มีการเปิดโปรงขบวนการค้าซีดีเถื่อน ซึ่งคนของรัฐบาลได้ใช้ “บ้านพิษณุโลก” อันเป็นบ้านพักของนายกรัฐมนตรี เป็นสถานที่เก็บซีดีเถื่อนก่อนกระจายสู่ท้องตลาด จนขยายผลสู่การทลายแหล่งผลิตซีดีเถื่อนแหล่งใหญ่ในบริเวณท่านน้ำเมืองนนท์ ร้านที่ตรวจพบซีดีเถื่อนเป็นของส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล สังกัดกลุ่มงูเห่า และ ตรวจสอบพบว่าเครื่องมือผลิตซีดีเถื่อนถูกนำเข้ามาโดยผิดกฎกรมศุลกากร
ในกรณีซีดีเถื่อน รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ได้แสดงให้เห็นความ**วชาญในการจัดการทำให้เรื่องเงียบหาย อยู่ในฐานะของรัฐบาลที่ปกป้องผู้กระทำผิดอย่างเห็นได้ชัด

เงินกู้ไร้ที่มา 45 ล้านบาท / ปฏิบัติการรุกอุทยาน
เอามาสร้างเป็นบ้าน 3 หลัง
นอกจากนี้พิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีกู้เงิน 45 ล้านบาทจากบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ของพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า เป็นการจงใจแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่เป็นเท็จ เพราะไม่มีที่มาที่ไปของเงินชัดเจน ก็สะท้อนถึงการทุจริตคอรัปชั่นที่กลาดเกลื่อนในรัฐบาลชวน 2 ได้อย่างแจ่มชัด ทว่าการตัดสินลงโทษไม่ได้มาจากการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ
กรณีของพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ยังมีเรื่องคฤหาสน์ 3 หลังในพื้นที่ป่าเมืองกาญจนบุรี เหนือเขื่อนศรีนครินทร์ ที่กรมป่าไม่ตรวจสอบพบว่าบุรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเป็นการจับจองที่ดินสาธารณะโดยมิชอบที่เกี่ยวโยงกับ ประหยัด เวสสบุตร ปลัดจังหวัดกาญจนบุรี และ ดิเรก อุทัยผล อดีตผู้ว่าราชการกาญจนบุรี ซึ่งล้วนเป็นคนไกล้ชิดของพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ กระทั่งถึงวันนี้ก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปนำผู้กระทำผิดกฎหมายมาลงโทษได้ ล่าสุดอัยการได้สั่งฟ้องผู้ต้องหา 3 คน คือปราจีน เวสสบุตร จุฑามาศ เวสสบุตร ธวัช ศรีกรวิไล
แตกต่างจากกรณีซื้อขายตำแหน่งสำนักงานรพช. ที่ถูกเปิดโปงในเดือนกันยายน 2541 เริ่มต้นจาการจับกุม น.อ.ธาตรา ธารบุญ จากนั้นขยายผลสู่การจับกุม จ.ส.ต.สุวิทย์ มลธุรัช คนขับรถของเสธ.หนั่น และ สันติ เกรียงไกรสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เพราะผลตรวจสอบพบว่ามีการอ้างชื่อ ฉวีวรรณ ขจรประศาสน์ ภรรยา พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เข้าไปเกี่ยวข้อง
กรณีผืนป่าท่าชนะ จังหวัดสุราษฏร์ธานี พบว่าป่าได้ถูกทำลายไป422 ไร่ ต้นไม่ถูกตัดโค่น 1,293 ต้น เมื่อเดือนมีนาคม 2543 จนข้าราชการกรมป่าไม้ด้วยกันทนไม่ไหว พยายามนำข้อเท็จจริงของการทำลายป่าครั้งนี้ออกมาเปิดเผย เรื่องจริงร้อนถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เพิ่งรอดจากการไม่ถูกสั่งฟ้องในความผิดฐานไม่สั่งเพิกถอนสัมปทานพื้นที่ป่าสงวนป่าท่าชนะ และเปลี่ยนพื้นที่สัมปทานโดยไม่ได้นำเสนอรับอนุมัติจาก ครม. ซึ่งพื้นที่เปลี่ยนแปลงเกิน 2,000 ไร่ ความผิดครั้งนั้นถ้า ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ไม่เล่นบทอีแอบให้นิพนธ์ พร้อมพันธ์ไปวิ่งเต้นกับอัยการสูงสุดในขณะนั้นให้ออกคำสั่งไม่ฟ้องสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็คงถูกดำเนินคดีอาญาอย่างแน่นอน
การบุกรุกตัดไม้เมื่อเดือนมีนาคม 2543 สุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงกับออกมาแก้ตัวว่าเป็นการพยายามนำเรื่องป่าท่าชนะมาเป็นประเด็นการเมือง เพื่อหวังให้ตนตายทางการเมือง แต่ข้อเท็จจริงแล้ว สุเทพ เทือกสุบรรณได้สั่งการลับผ่านอธิบดีกรมป่าไม้ ให้ข้าราชการผู้รู้ข้อมูลฉาวของตนมากที่สุดในกรมป่าไม้ยุติการเปิดเผยข้อมูลป่าท่าชนะเด็ดขาด
เบื้องหลังการตัดไม้ครั้งนี้ ในทางการสิบสวนสอบสวนต้องดำเนินการหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ แต่อธิบดีกรมป่าไม้ที่ซึ่งเป็นคนของสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ดำเนินการเพียงแค่ยึดไม้เท่านั้น โดยไม่มีการสืบสาวหาผู้กระทำผิดใดๆ ทั้งที่รู้ว่ากลุ่มผู้ที่ลักลอบตัดไม้ครั้งนี้เป็นกลุ่มนายทุนท้องถิ่นที่มีสายสืบพันธ์ทางผลประโยชน์กับสุเทพ เทือกสุบรรณ อย่างลึกซึ้ง และถ้าสืบสวนไปมากกว่านี้ก็จะเป็นการนำไปสู่การเรื้อฟื้นคดีป่าท่าชนะ ซึ่งจะได้ตัวผู้กระทำผิดซ้ำสองถัดจากกรณี สปก.4-01 คือ สุเทพ เทือกสุบรรณ
***********************************************************************************************

ตอนที่ 3

รัฐบาลเล่นกล “เบี้ยว” แม้กระทั่งชาวบ้าน
กรณีม๊อบเขื่อนปากมูลและฝายราษีไศล เป็นความทุกข์ยากของประชาชนในเขตโครงการที่เดือดร้อนจาการต้องถูกอพยพ และขาดรายได้จากการประมง เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามพันธะสัญญาในโครงการต่อเนื่องซึ่งรัฐบาลเดิมเคยสัญญาไว้ รัฐบาลชุดนี้ยังปัดความรับผิดชอบและไม่ใส่ใจต่อความทุกข์ยากของประชาชน ปล่อยให้ประชาชนรอคอยการแก้ปัญหามานนานถึง 14 เดือน โดยไม่ยอมเจรจา ไม่ยอมพบ ส่งแค่ตัวแทนรัฐบาลที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจมารับฟังปัญหา และท้ายสุดก็แก้ปัญหาไม่ได้

ผลาญงบประมาณเพื่อประโยชน์พวกพ้อง
ล่าสุดการจัดสรรงบประมาณประมาณประจำปี 2544 ได้สะท้อนให้เห็นถึงการมุ่งหาผลประโยชน์ของคนในพรรคร่วมรัฐบาลโดยไม่สนใจว่า “เงิน” นั้นมาจากภาษีของประชาชนโดยการเร่งรีบอนุมัติผ่านงบประมาณปี 2544 และฉวยโอกาสโค้งสุดท้ายของการจัดสรรงบประมาณอนุมัติโปรเจคยักษ์ซึ่งใช้เงินมหาศาล เช่น โครงการสร้างไซโล 66 แห่งทั่วประเทศภายใต้วงเงิน 10,800 ล้านบาทของ ประภัตร โพสุธน ซึ่งได้รับการอนุมัติโดยไม่ต้องพิจารณารายละเอียด
ไม่เพียงเท่านี้รัฐบาลชุดนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการใช้อำนาจในทางมิชอบโดย ประภัตร โพธสุธน มีคำสั่งใช้ชะลอการใช้เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคการเกษตรจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ในวงเงิน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยให้เหตุผลว่าโครงการที่ดำเนินการไม่โปร่งใสหลายโครงการมีปัญหา หลังจากนั้นก็ได้ให้คณะรัฐมนตรียกเลิก มติครม.เศรษฐกิจเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2543 ที่ระบุให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตรวจสอบโครงการที่มีมูลค่าเกิน 500 ล้านบาท เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของโครงการ
การยกเลิกมติครม. ดังกล่าวดูเหมือนเป็นการสมยอม ครม. ทั้งคณะ ที่ใช้เงินกู้เอดีบี โดยไม่คำนึงถึง ความถูกต้อง ทั้ง ๆ ที่เงิน 600 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นเงินที่กู้มาและต้องจ่ายดอกเบี้ย แต่รัฐบาลชุดนี้กลับใช้เพื่อหวังผลทางการเมืองมากกว่าเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน
แม้แต่ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ผู้ว่าราชการธนาคารแห่งประเทศไทย ยังไม่เห็นชอบกับพฤติกรรมของรัฐบาล โดยได้ออกมาพูดว่า “รัฐบาลไม่จำเป็นต้องรีบผ่านงบประมาณเพราะถึงแม้ว่างบประมาณปี 2544 จะล่าออกไป แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะหากผ่านไม่ทัน ก็สามารถใช้งบปีที่แล้วก่อนได้อยู่แล้ว จนกว่างบใหม่จะเสร็จ ซึ่งปฏิบัติเช่นนี้กันมาโดยตลอด” การพูดของผู้ว่าธนาคารชาติเป็นการตอกย้ำถึงความไม่พอไม่ชอบมาพากลในกลไกการจัดสรรงบครั้งนี้อย่างชัดเจน
ระยะเกือบ3ปี ภายใต้การบริการของรัฐบาลชวน2จึงนับเป็นยุดของ “ขบวนการโกงกินบ้านเมือง” ที่มีฐานเงิน อำนาจ และความชอบธรรมอยู่ในมือ ในการกระทำทุจริตฉ้อฉลหลากหลายรูปแบบ โดยไม่ได้คำนึงถึงผลเสียหายต่อส่วนรวม

***********************************************************************************************
ตอนที่ 4

ครม. ชวนดื่มกินงบผูกพัน 6.5 หมื่นล้านบาท จนหยุดสุดท้าย
หลังจากนายชวน หลีกภัย ประกาศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2543 ขบวนการผลาญงบก็ยังไม่ลดละ ครม.ชุดของนายชวน ที่เป็นครม.รักษาการ ได้มีมติอนุมัติงบประมาณผูกพัน เป็นจำนวนเงินสูงถึง 64,653.1 ล้านบาท ไปเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2543 ที่ผ่านมานี้ มีรายการใหญ่ๆที่ครม. อนุมัติคือ
1. รายการค่าก่อสร้างและปรับปรุงระบบคมนาคม ของกระทรวงคมนาคมด้วยวงเงินสูงถึง 33,051.3 ล้านบาท หรือ 51.1 เปอร์เซ็นต์ ของวงเงินของผูกพันทั้งหมด
2. รายการขออนุมัติงบผูกพันข้ามปีงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ 2544 ที่เป็นรายการขนาดใหญ่ซึ่งมีวงเงินงบประมาณทั้งสิ้นสูงเกิน 1,000 ล้านบาท มีจำนวน 10 รายการประกอบด้วย กระทรวงกลาโหม 3 รายการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 รายการ และกระทรวงมหาดไทย 5 รายการ รวมเป็นค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 16,844.9 ล้านบาท และเป็นงบประมาณที่จะต้องจ่ายในปี 2544 จำนวน 2,129.4 ล้านบาท
3.รายการส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายการต่างๆ ที่มีวงเงินการก่อหนี้ผูกพันทั้งสิ้นไม่เกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 743 รายการ เป็นเงินงบประมาณรายการใหม่ในปีงบประมาณ 2544 จำนวน 9,380.3 ล้านบาท และเป็นจำนวนภาระผูกพันทั้งสิ้น 47,808.2 ล้านบาท
การที่รัฐบาลของนายชวน มีมติอนุมัติงบประมาณผูกพัน เป็นจำนวนเงินสูงถึง 64,653.1 ล้านบาท เป็นการก่อหนี้สาธารณะของรัฐบาล จะทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น ซึ่งโดยมารยาททางการบริหารแผ่นดินแล้ว รัฐบาลที่รักษาการจะไม่อนุมัติงบประมาณ อนุมัติโครงการใดๆ ในช่วงที่รักษาการ
การที่รัฐบาลของนายชวน หลีกภัย อนุมัติงบประมาณผูกพันในช่วงที่รักษาการนี้ ได้สะท้อนให้เห็นว่ามีขบวนการผลาญงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งเป็นภาษีอากรของประชาชน ที่กระทำกันจนถึงนาทีสุดท้ายจนเรียกได้ว่าไม่ให้เหลือติดก้นขวด นี่แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ยังกล้าทำโดยไม่เกรงใจประชาชนเลยแม้แต่น้อย แสดงให้เห็นธาตุแท้ของรัฐบาลชวนได้ชัดเจน ซึ่งตรงข้ามกับที่รัฐบาลบอกเสมอว่าบริหารงานด้วยความโปร่งใส เล่นบทหน้าซื่อมือสะอาดกับประชาชนมาตลอด ถึงวันนี้คงเห็นความจริงกันแล้ว

ดรีมทีมปชป. กับหายนะทางเศรษฐกิจ : สร้างภาพดีเข้าตัว เอาชั่วให้ผู้อื่น
ตลอดเวลาเกือบ 3 ปีที่รัฐบาลชวนเข้ามาประเทศ ได้สร้างภาพหลอกประชาชน รวมทั้งนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศให้เชื่อว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยจะฟื้นตัวด้วยฝีมือของทีมเศรษฐกิจ

รับบาลชุดนี้เริ่มหลอกประชาชนตั้งแต่ให้ทำตามเงื่อนไขไอเอ็มเอฟ. เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนทั้ง แล้วก็หลอกต่อไปอีกว่า การให้ฝรั่งมาซื้อสินทรัพย์จากปรส. นั้นเป็นสิ่งที่ดีต่อชาติ เพราะฝรั่งจะเอาเงินเข้ามา เอาเข้าจริงๆ ฝรั่งก็ไม่เอามาเงินเข้ามา กลับมาหลอกขอยืมเงินในประเทศเพื่อซื้อทรัพย์สินจากปรส. ไปในราคาถูกแสนถูก แล้วบริษัทฝรั่งเหล่านั้นก็เอาไปขายต่อสร้างกำไรมหาศาล
เท่านั้นยังไม่พอ รัฐบาลชุดนี้หลอกพวกเราอีกครั้งว่า จะแก้ปัญหาสถาบันการเงินได้อย่างเบ็ดเสร็จด้วยมาตรา 14 สิงหาคม (2541) โดยเข้าไปรับหนี้เอกชนเข้ามาเป็นหนี้รัฐบาล ทำให้หนี้สาธารณะที่ประชาชนคนไทยต้องแบกรับหนี้พุ่งสูงถึง 3,260,000 ล้านบาท หรือราว 70,000 บาทต่อคน

ความอ่อนแอในระบอบเศรษฐกิจเกิดขึ้นเกือบทุกๆด้านไม่เพียงแต่ปัญหาในเชิงโครงสร้างระบบเงิน และสถาบันการเงินและสถาบันการเงินของประเทศเท่านั้น การผลิตและการลงทุนก็ลดต่ำลงไปด้วย
ดรีมทีมเศรษฐกิจนำโดยรัฐมนตรีคลัง ธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ ยังคงไม่ยอมรับความจริง โดยทันทีที่การส่งออกของประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้น รัฐบาลก็รีบอ้างว่าสิ่งนี้คือสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งๆที่ยอดการส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบทั้งหมดเป็นการส่งออกของบริษัทต่างชาติที่กระจุกตัวอยู่เพียงไม่กี่ธุรกิจ และใช้วุตถุดิบนำเข้าเกือบทั้งหมดผลประโยชน์ที่ตกแก่คนไทยจึงมีเพียงน้อยนิด
ความไว้วางใจและความชื่อมั่นจึงไม่มีเหลือ ทุกวันนี้นักลงทุนต่างชาติสั่งลดการลงทุนในประเทศ ในขณะเดียวกันนักลงทุนไทยก็ไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจของตัวเองส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นตกต่ำกว่าระดับ 300 จุด จากที่เคยสูงกว่าระดับ 400 จุดเมื่อครั้งที่รัฐบาลเริ่มเข้ามาบริหารประเทศ สร้างความเสียหายแก่นักลงทุนรายย่อยอย่างมหาศาล

ปล่อย “คนโกง” ให้ลอยนวล
คนในรัฐบาลชวนคดโกงงบประมาณแผ่นดินยังไม่พอ กระทั่งการเลือกตั้งก็มีเรื่องฉาวโฉ่ไม่แพ้กันซึ่งมีทุกระดับ ตั้งแต่โครงการสร้างระดับบนจนถึงระดับล่าง
กลางปี 2542 ปฏิบัติการ “โกง” ครั้งมโหฬารในการเลือกตั้งสมาชิกเทศบาลนคร จังหวัดสมุทรปราการ ถึงขั้นต้องให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ สูญเสียงบประมาณไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะผลที่ออกมาไม่สามารถหาคนโกงมาลงโทษได้ เนื่องจากนายวัฒนา อัศวเหม เป็นบิดาของหัวหน้าผู้สมัครทีมหนึ่ง ซึ่งในขณะนั้นนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้มีบุญคุณต่อพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลชวน 2 เป็นผลสำเร็จ บุญคุณย่อมต้องทดแทน เป็นเหตุให้ข่าวการปฏิบัติการโกงเลือกตั้งหายเงียบไปอีกครั้งหนึ่ง

ยืมหลังบ้านนายกฯเป็นแหล่งค้า “ซีดีเถื่อน”
ตุลาคม 2542 มีการเปิดโปรงขบวนการค้าซีดีเถื่อน ซึ่งคนของรัฐบาลได้ใช้ “บ้านพิษณุโลก” อันเป็นบ้านพักของนายกรัฐมนตรี เป็นสถานที่เก็บซีดีเถื่อนก่อนกระจายสู่ท้องตลาด จนขยายผลสู่การทลายแหล่งผลิตซีดีเถื่อนแหล่งใหญ่ในบริเวณท่านน้ำเมืองนนท์ ร้านที่ตรวจพบซีดีเถื่อนเป็นของส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล สังกัดกลุ่มงูเห่า และ ตรวจสอบพบว่าเครื่องมือผลิตซีดีเถื่อนถูกนำเข้ามาโดยผิดกฎกรมศุลกากร
ในกรณีซีดีเถื่อน รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ได้แสดงให้เห็นความ**วชาญในการจัดการทำให้เรื่องเงียบหาย อยู่ในฐานะของรัฐบาลที่ปกป้องผู้กระทำผิดอย่างเห็นได้ชัด
เงินกู้ไร้ที่มา 45 ล้านบาท / ปฏิบัติการรุกอุทยาน
เอามาสร้างเป็นบ้าน 3 หลัง

**********************************************************************************************
ตอนที่ 5

รัฐบาลนายกฯชวน ตัวการเศรษฐกิจไม่ฟื้น
นับตั้งแต่ที่รัฐบาลนายกฯชวน เข้ามาบริหารประเทศเมื่อปลายปี 2540 และดำเนินงานตามนโยบายของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ด้วยการใช้นโยบายเศรษฐกิจที่เข้มงวด ตรึงดอกเบี้ยให้สูง และชะลอการใช้จ่ายของภาครัฐ โดยอ้างว่าเพื่อต้องการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ได้ส่งผลให้เงินบาทแข็งตัวจริง แต่ผลเสียหายที่ตามมา คือรายได้ประชาชาติ (GDP) หดตัวลงกว่า 10 % ในปี 2541 ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของไทย ภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดนี้ ผู้ที่อาจได้รับประโยชน์บ้างก็คือธุรกิจขนาดใหญ่ธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งได้อานิสงส์จากเงินบาทแข็งตัว จนเป็นผลให้ภาระหนี้ต่างประเทศลดลง
ท้ายที่สุดใช้นโยบายดอกเบี้ยสูง ได้สร้างผลกระทบต่อธุรกิจให้ต้องมีอันล้มละตายหลายหมื่นราย และจำนวนคนว่างงานได้เพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านคน ความเสียหายที่เกิดขึ้นยังเห็นได้จากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เพิ่มขึ้น จากการที่ NPL ในภาคอุตสาหกรรมที่ปรับโครงสร้างไปแล้วกลับคืนมาเป็น NPL อีกครั้งถึง 3,965 ล้านบาท และในภาคธุรกิจอีก 1.3759 หมื่นล้านบาท และยังมี NPL ที่เกิดขึ้นใหม่เพิ่มขึ้นอีกในหลายภาคธุรกิจ

ถมเงินเข้าสู่ธนาคาร ยิ่งถมยิ่งพัง
ในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ แทนที่รัฐบาลจะเร่งแก้ปัญหาโครงสร้างทางการเงินพร้อมๆกับการแก้ปัญหาโครงสร้างการผลิตหรือการประกอบการโดยตรง รัฐบาลกลับยืนยันใช้นโยบายดอกเบี้ยสูงตามการชัดจูงของไอเอมเอฟ. และบอกกับประชาชนว่าต้องเร่งให้ธนาคารเพิ่มทุนมากๆ เพื่อสำรองความเสียหายก่อน เมื่อธนาคารเพิ่มทุนแล้วก็จะมีความมั่นคง สามารถปล่อยกู้ให้ธุรกิจฟื้นตัวได้
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้กลับตรงกันข้าม เพราะแม้ว่าธนาคารจะได้เพิ่มทุนไปหลายแสนล้านบาทแล้วก็ตาม ก็ยังไม่สามารถทำให้ธนาคารต่างๆยอมปล่อยกู้เพิ่มให้กับผู้ประกอบการจนกระทั่งทุกวันนี้ เพราะต่างเกรงว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดี ตัวเลข NPL ใหม่อีกรอบนั้น มีมากถึง 3-4 หมื่นล้านบาทต่อเดือนในปัจจุบัน
รัฐบาลได้พยายามผลักดันให้ธนาคารเพิ่มทุน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จึงออกมาตราการ 14 สิงหาคม 2541 มูลค่า 300,000 ล้านบาท เพิ่มทุนให้สถาบันการเงิน โดยหวังว่าถ้าสถาบันการเงินแข็งแรงขึ้น ธุรกิจอื่นก็จะดีขึ้นตามมา
นอกจากนี้ในปี 2541 รัฐบาลยังได้เร่งออกพระราชกำหนด 11 ฉบับเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และขออำนาจออกพันธบัตรรัฐบาลขายให้แก่กับต่างประเทศมูลค่า 200,000 ล้านบาท แต่สถานการณ์ก็ยังคงไม่ดีขึ้น

ปฏิบัติการยึดธนาคาร ยิ่งยึดยิ่งเจ๊ง
หลังจากที่รัฐบาลพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะให้ธนาคารต่างๆ เพิ่มทุนในช่วงที่เกิดวิกฤตช่วงนั้น ปรากฎว่าเป็นความพยายามที่ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าในการแก้ปัญหาสถาบันการเงิน ทำให้รัฐบาลตัดสินใจเข้าไปยึดกิจการธนาคารและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์บางส่วน โดยมุ่งนำมาควบรวมขายให้กับต่างชาติ
ในการขายธนาคารพาณิชย์แต่ละครั้งนั้น รัฐบาลอ้างว่าขายแล้วจะไม่ขาดทุน เพราะตั้งราคาขายเท่ากับราคาที่ยึดมา แต่จนถึงวันนี้รัฐบาลยังไม่ยอมเปิดเผยเงื่อนไขการขายธนาคารที่แท้จริงออกมา และไม่เปิดเผยราย และไม่เปิดเผยรายละเอียดของสัญญา แต่ข้อเท็จจริงคือ รัฐบาลยอมชดใช้ความเสียหายจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารดังกล่าว (ซึ่งได้แก่ ธนาคารรัตนสิน และธนาคารศรีนคร) ถึง 85% ให้กับผู้ซื้อต่างชาติ นอกจากนั้นยังยอมจ่ายดอกเบี้ยให้กับสินเชื่อที่เป็น NPL ให้กับผู้ซื้อเป็นระยะเวลา 3-5 ปีอีกด้วย
ด้วยเงื่อนไขนี้ การขายธนาคารที่รัฐยึดมาจึงเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ซึ่งเป็นนักลงทุนต่างชาติอย่างที่สุด โดยที่ต้องซ่อนการขาดทุนดังกล่าวเอาไว้เป้นภาระของผู้เสียภาษีในอนาคตจำนวนหลายแสนล้านบาท ขณะเดียวกันยังสร้างความไม่เท่าเทียมกันระหว่างธนาคารที่ขายให้ กับธนาคารที่ยังเป็นของคนไทย เพราะธนาคารคนไทยยังคงต้องแบกภาระแก้หนี้ NPL สูงถึง 35-40 % ของสินเชื่อทั้งหมดด้วยตัวเอง
ปฏิบัติการการยึดธนาคารครั้งนี้ สร้างความเสียหายแก่ประเทศอย่างมหาศาล จนถึงวันนี้ได้สร้างภาระให้กับกองทุนฟื้นฟูแล้วประมาณ 1.4 ล้านบาท ซึ่งสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลต้องหาแหล่งเงินมากลบความเสียหายในครั้ง

**********************************************************************************************
ตอนที่ 6

มิยาซาวา : ขบวนการกู้มาโกง
หลังจากรัฐบาลใช้เงินมหาศาลไปใช้ในการฟื้นฟูสถาบันการเงิน รัฐได้ออกมาตรการใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยมุ่งที่ภาคการผลิต โดยอาศัยเงินกู้จากต่างประเทศ เพื่อเพิ่มรายจ่ายภาครัฐในปีงบประมาณ 2542-2543 อาทิ เงินกู้มูลค่า 53,397.90 ล้านบาทในโครงการมิยาซาวา
จากการประเมินผลโดยหน่วยงาน OECF ของญี่ปุ่นเอง สำนักงานงบประมาณกรมบัญชีกลาง ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานประเมินผลจากภาคเอกชนพบว่า ผลลัพธ์จากโครงการมิยาซาวาได้ผลน้อยมาก และไม่มีแรงส่งพอที่จะทำให้เกิดดุลยภาพทางเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพได้ เพระมีปัญหาทุจริตคอรัปชั่นคดโกงในทุกขั้นตอนของการบริหารและการจัดการ ตลอดจนการใช้จ่ายเงินกู้ในโครงการไม่มีกลยุทธ์และทิศทางที่มีประสิทธิภาพ

ประมูล ปรส. ผลงานอัปยศ
นับตั้งแต่ที่รัฐบาลปิดกิจการของบริษัทเงินทุน 56 แห่ง และเร่งให้ ปรส. ประมูลขายทรัพย์ออกอย่างรวดเร็ว โดยไม่พยายามดูแลให้สินทรัพย์ดังกล่าวขายให้ได้ในราคาสูงนั้น ผลปรากฏว่าสินทรัพย์มูลค่า 870,000 ล้านบาท ขายได้เพียง 160,000 ล้านบาทหรือไม่ถึง 20% และผู้ประมูลซื้อสินทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง ส่วนสินทรัพย์ที่เหลือประมาณ 100,000 ล้านบาทนั้น รัฐบาลยอมขายให้กับ บบส. ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ โดยแลกกับพันธบัตรของบบส.
การที่รีบร้อนขายสินทรัพย์ในขณะที่เศรษฐกิจตกต่ำเต็มที่เช่นนี้ ทำให้ ปรส. ได้ราคาต่ำ มิหนำซ้ำรัฐบาลยังกีดกันมิให้ลูกหนี้หรือรายย่อยเข้าซื้อสินทรัพย์ดังกล่าว ผลคือ บริษัทต่างชาติเหล่านี้สามารถเร่งรัดให้ลูกหนี้ไทยจ่ายคืนเป็นสัดส่วน 60-70 % ของเงินต้น
ความเสียหายประมาณ 600,000 ล้านบาทจากการประมูลของ ปรส. นับเป็นภาระภาษีของประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งรัฐบาลต้องยอมออกพันธบัตรชดใช้ความเสียหายไปแล้ว 500,000 ล้านบาท แต่ก็ยังเหลืออีก 100,000 ล้านบาท

หมกเม็ดความเสียหาย ตบตาประชาชนทั่งประเทศ
ความเสียหายซึ่งถูกซุกซ่อนไว้ที่กองทุนฟื้นฟู เป็นการสร้างภาระให้กับประชาชนอย่างมาก เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้รัฐบาลต้องชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกองทุนฟื้นฟูฯ โดยอาศัยเงินงบประมาณซึ่งก็คือเงินภาษีของประชาชน
ที่ผ่านมากองทุนฟื้นฟูฯ มีเงินกองทุนติดลบกว่า 200,000 ล้านบาท และหากนับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คาดว่าจะมีหนี้ทั้งสิ้น 1 ล้านล้านบาท โดยที่รัฐบาลยังไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาชดใช้

รวมบัญชี ทุบคลังหลวงชดเชยความผิดพลาดรัฐบาล
เพื่อลดแรงกดดันทางการเมืองจากการที่จะต้องขึ้นภาษีที่เรียกเก็บจากประชาชนในการหาเงินมาใช้หนี้ นายกฯชวนเอาตัวรอดด้วยการนำเอาเรื่องการรวมบัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทยมาเป็นข้ออ้างในการบังคับให้ธปท. ต้องนำทุนสำรองส่วนเกินมาชดใช้หนี้กองทุนฟื้นฟูฯ โดยให้เหตุผลว่าหากไม่ใช้วิธีนี้ รัฐบาลจำเป็นต้องหารายได้เพิ่มโดยการเก็บภาษีจากประชาชน และแม้ว่าในท้ายสุดธปท. จะยอมให้นำเงินทุนสำรองจำนวน 1.3 แสนล้านบาทไปชดใช้หนี้กองทุนฟื้นฟูฯ แต่ผลที่ตามมาคือ ผู้ประกอบการ นักลงทุน และประชาชนต่างสูญเสียความเชื่อมั่น
การบีบให้ ธปท. รับภาระหนี้เงินบาทของกองทันฟื้นฟูฯ ยังทำให้นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเป็นห่วงว่า อาจมีการพิมพ์เงินเพิ่มขึ้นกว่า 55,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นการเสียวินัยทางการเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงในขณะนี้
***********************************************************************************************
ตอนที่ 7

สร้างภาพเศรษฐกิจฟื้นบอกความจริงประชาชนครึ่งเดียว
รัฐบาลอ้างกับประชาชนตั้งแต่ปี 2542 ว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นฟูแล้ว แต่ทุกวันนี้ประชาชนเริ่มเห็นแล้วว่า การฟื้นตัวนั้นจำกัดอยู่เฉพาะบางสาขา เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ และการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเจ้าของกิจการส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ
สินค้าที่คนไทยเป็นผู้ผลิตโดยเฉพาะสินค้าเกษตร เช่น ข้าว น้ำตาล ปัจจุบันมีราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการจะกระตุ้นยอดขายได้ก็ต้องลดราคา ทำให้สัดส่วนของกำไรลดลง และการจ้างงานก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น
สำหรับภาคการเงิน ภายหลังจากที่ธนาคารต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของธนาคารไทยแล้ว ปัญหาการปลดพนักงานออกก็ไม่มีที่ท่าว่าจะลดลง ทั้งธนาคารไทยและธนาคารลูกครึ่งยังมีแนวโน้มที่จะลดจำนวนพนักงานลงอีก โดยในปีนี้มีแผนจะลดคนประมาณ 2 หมื่นคนซึ่งผลของการลดคนดังกล่าวย่อมทำให้การฟื้นตัวของการอุปโภค บริโภค เป็นปอย่างเชื่องช้า

ประชาชนตกงาน ธุรกิจละลาย
ผลพวงจากความผิดพลาดของการบริหารงานภายใต้รัฐบาลชวนนั้น มีผลสรุปที่ชัดเจนคือ ประชาชนยังตกอยู่ในภาวะที่ยากลำบากอยู่เช่นเดิม ยอดคนตกงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการตกงานของคนไทยที่มีค่าครองชีพสูง มีถึง 2.5 ล้านคน
ธุรกิจจำนวนไม่น้อยกำลังประสบปัญหาต้องปิดกิจการ จากการรายงานของกระทรวงพาณิชย์ระบุชัดเจนว่า ในช่วงปี 2540 ปีแรกที่ประเทศไทยเริ่มประสบวิกฤตเศรษฐกิจ มีธุรกิจบริษัทและห้างหุ้นส่วนปิดกิจการ 9,856 ราย เฉพาะบริษัทจดทะเบียน 5,621 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2539 ถึง 45.47 % และจากปี 2540-2542 มีบริษัทและห้างหุ้นส่วนปิดกิจการไปแล้ว 29,202 ราย และมีอีกมากมายที่กำลังจะปิดตัว
ม.ร.ว. ปรีดียาธร เทวกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าถึงกับออกมาเตือนรัฐบาลว่า มีผู้ส่งออกรายย่อย 1.1 หมื่นรายจากจำนวนทั้งหมด 1.4 หมื่นรายกำลังจะตาย เพราะนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนที่ผิด และนโยบายการงเงินที่เข้มงวดที่สุดในโลกของรัฐบาล ทำให้สถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้ให้กับบริษัทในประเทศตั้งแต่เดือน มีนาคม 2541
***********************************************************************************************

ตอนที่ 8

ไม่ช่วยไม่ว่า แต่กลับซ้ำเติมเกษตรกร
รัฐบาลขาดวิสัยทัศน์และความเข้าใจที่ถ่องแท้ว่าภาคเกษตร คือภาคการผลิตพื้นฐานของสังคมไทย และเป็นความหวังในการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคม ปัจจุบันภาคเกษตรกรรมสามารถสร้างความมั่นคงให้กับประเทศได้ ด้วยการเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของโลก แต่ที่ผ่านมารัฐบาลขาดการจัดการด้านการเกษตรอย่างเป็นระบบภาคเกษตรของไทยจึงเต็มไปด้วยปัญหา เกษตรกรไทยจำนวนมากมีฐานะความเป็นอยู่ยากจนแร้นแค้น มีภาระหนี้สิน ขาดแคลนที่ดินทำกิจ และประสบปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำลงกว่า 50% ผลกระทบดังกล่าวได้จุดชนวนให้ชาวนารวมตัวกัน เพื่อเรียกร้องขอความช่วยเหลือหลายต่อหลายครั้ง แต่รัฐบาลกลับเพิกเฉยไม่ใส่แก้ปัญหา
ไม่เพียงแต่ไม่เหลียวแลช่วยเหลือปัญหาของเกษตร รัฐบาลชวน2กลับซ้ำเติมเกษตรให้ลำบากยิ่งขึ้นไปอีก เห็นได้ชัดจากแผนกู้เงินจากธนาคารพัฒนา เอเชีย (เอดีบี) วงเงิน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร รัฐบาลได้ใช้เงินส่วนหนึ่งเป็นทุนในการจัดทำโครงการจัดรูปที่ดินและระบบชลประทาน เพื่อให้เกษตรที่ต้องการเพิ่มผลผลิตเข้าร่วมโครงการ และตั้งเงื่อนไขขอจัดเก็บค่าใช้น้ำในระบบส่งน้ำสำหรับผู้ต้องการใช้น้ำเพื่อการเกษตร เกษตรกรในพื้นที่ที่มีการจัดรูปที่ดินส่วนหนึ่งร่วมกับ NGOs ได้ชุมนุมกันเพื่อต่อต้านเงื่อนไขและแนวทางดังกล่าวของรัฐบาล ก่อนและระหว่างการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชียที่จังหวัดเชียงใหม่ (ต้นเดือนพฤษภาคม 2543)

รัฐบาลกลับอ้างว่าเป็นการชุมนุมแบบจัดตั้ง จงใจก่อความไม่สงบ และเห็นว่าเกษตรกรและ NGOs ไม่ฟังเงื่อนไขและคำอธิบายที่ชัดเจน รัฐบาลได้ให้คำอธิบายว่า การจัดเก็บภาษีน้ำจะทำเฉพาะผู้ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ และเต็มใจจะจ่ายค่าใช้น้ำและค่าระบบส่งน้ำที่รัฐบาลต้องลงทุนไปเท่านั้น เพื่อรัฐบาลจะได้นำรายได้ทีจัดเก็บนี้ไปใช้คืนทุนในปี 2543 20% ปี 2544 30% อีก 50 % สำหรับผู้ที่อยู่ในโครงการแต่ไม่ต้องการใช้น้ำ สามารถย้ายออกจากโครงการได้
เห็นได้ชัดว่าโครงการดังกล่าวไม่กระจายการช่วยเหลือไปสู้เกษตรผู้ยากจน แต่เป็นการบรรเทาและช่วยเหลือเกษตรที่มีความสามารถจ่ายลงทุนได้เท่านั้น ในขณะที่เกษตรที่ยากจนจำเป็นต้องเลือกที่จะย้ายออกจากพื้นที่โครงการ อย่างไรก็ตาม ท้ายสุดการต่อต้านในงานประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชียที่จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนั้น ทำให้ผู้บริหารเอดีบีต้องออกมายืนยันว่าจะไม่จัดเก็บค่าน้ำจากเกษตรกร ซึ่งล้วนเป็นผลงานที่เกิดจากการต่อสู้ดิ้นรนเกษตรกรเองทั้งสิ้น
ยิ่งไปกว่านั้นรัฐบาลยังออกมาแสดงทัศนะกล่าวหาเกษตรกรว่า การก่อความไม่สงบในระหว่างการจัดประชุมนั้นทำให้เสียภาพพจน์ของประเทศไทย และกล่าวว่าเอดีบีเป็นองค์กรที่ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำมาก ประเทศไทยจำเป็นต้องกู้เงินจากองค์กรนี้ การชุมนุมทำให้ไทยถูกจับตามอง และสูญเสียความน่าเชื่อถือไป
ที่ผ่านมารัฐบาลมีแผนกู้เงินจากเอดีบีตั้งแต่ปี 2542-2545 รวมเป็นเงิน 1,480 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีเงื่อนไขบังคับให้รัฐบาลลดค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการหลายรายการเช่นให้รัฐบาลลดจำนวนจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเหลือเพียง 50% จากที่จ่ายปัจจุบัน กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ส่งผลให้ไม่มีการปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำมาตั้งแต่ปี 2541
การดำเนินการเพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตรที่บ่งชัดถึงความล้มเหลว ในการจัดการกับภาคเกษตรของรัฐบาลชุดนี้ ยังเห็นได้ชัดจากการไม่ประสบความสำเร็จหลังจากการจัดตั้งกองทุนนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรตามพ.ร.บ. กองทุนฟื้นฟูเกษตรฯ วัตถุประสงค์ของกองทุนนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยซึ่งไร้หลักประกันในการกู้เงิน โดยกองทุนฯนี้จะเป็นแหล่งเงินกู้ของเกษตรกร โดยให้เกษตรกรเป็นผู้บริหารกองทุนฯ ในชุมชนของตนเองโดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันกู้ แต่ให้เกษตรกรในชุมชนเป็นผู้ค้ำประกันเอง ทั้งนี้เกษตรกรผู้สนใจเข้าร่วมโครงการจะต้องสมัครขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกกองทุนฯ และจะได้รับสิทธิในการเลือกตั้งผู้แทนชุมชนเข้าไปบริหารกองทุน และรับสิทธิในการกู้เงิน
จนถึงวันนี้การจัดการกับโครงสร้างกองทุนยังไม่เสร็จสิ้น ยังไม่มีเกษตรกรได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกกองทุนฯ และมีข้อมูลว่าในปี 2542 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัดสรรเงิน 33 ล้านบาทใช้สำหรับการเตรียมการเลือกตั้งกรรมการบริหารกองทุนฯ ซึ่งเป็นตัวแทนเกษตรกร เงินจำนวนนี้ถูกใช้ไปหรือไม่อย่างไร ตลอดจนเงินทุนประเมินรอบแรกที่รัฐจัดสรรให้กับกองทุนฯ จำนวน 1,800 ล้านบาท ถูกจัดการไปอย่างไร จนถึงวันนี้ไม่มีการให้ข้อมูลกับประชาชนผู้เสียภาษีและเกษตรกรผู้รอคอยการช่วยเหลือ
ท้ายที่สุดการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร 4.8 ล้านครอบครัว รวมมูลค่าหนี้ 230,000 ล้านบาท ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2542 นั้น ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างแท้จริง และยังกลับเป็นมาตรการที่นำปัญหาไปกองไว้ที่ ธ.ก.ส. เกิดอะไรขึ้นกับการบริหารงบประมาณของรัฐบาลชุดนี้กันแน่?
ความแยแสต่อความยากไร้ของเกษตรกรของรัฐบาลชวน 2 นั้น เน้นย้ำให้เห็นชัดอีกครั้งจากเหตุการณ์การเรียกร้องของเกษตรกรให้รัฐบาลประกันราคามันสำปะหลัง ซึ่งตกต่ำลงอย่างหนักในช่วงเดือนตุลาคม 2542 ทั้งๆที่ผลผลิตล้นตลาด นายกชวนไม่เพียงไม่ออกมาหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมเกษตรกร แต่ในที่สุดวันที่ 27 ตุลาคม 2542 ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าละอายไปทั่วโลก เมื่อรัฐบาลปล่อยสุนัขตำรวจไล่กัดเกษตรกรที่มาชุมนุมประท้วงบริเวณหน้าทำเนียบฯ มีชามบ้านได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งเด็ก ผู้หญิง และ คนชรา
วิธีการใช้ความรุนแรงเพื่อจัดการขับไล่ชาวบ้าน และเกษตรกรผู้ยากไร้ที่เรียกร้องความเป็นธรรมจากรัฐบาล ยังคงเกิดขึ้นอีกหลายครั้งในช่วงเวลาของการบริหารงานภายใต้รัฐบาลชุดนี้ อาทิ กรณีที่รัฐบาลใช้กำลังเข้าสลายม็อบชาวบ้านที่เดือดร้อนกรณีเขื่อนปากมูล (เดือนกรกฎาคม 2543) ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล รัฐบาลใช้กำลังเสริมกว่า 5 กองพัน ทั้งจากตชด. พลร่มค่ายนเรศวร ประจวบฯ และตำรวจปราบจราจล กว่า 5 กองพัน เข้าเคลียร์พื้นที่ม็อบปากมูล เพื่อล้างทำเนียบฯ เตรียมการต้อนรับประธานาธิบดีจีนที่มาเยือนประเทศไทย (18 ก.ค. 48) ปรากฎว่ามีผู้บาดเจ็บมากกว่า 50 คน และถูกจับอีก 202 คน
นอกจากนี้วิกฤตหนี้สาธารณะ ทำให้รัฐบาลปฏิเสธร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม สำหรับจัดตั้งกองทุนสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสและว่างงาน รวมทั้งการปัดสวะปัญหาหนี้สินกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายด้วยมติให้ปรับราคาน้ำตาลทรายขั้นต่ำ 2 บาทต่อกิโลกรัม
***********************************************************************************************

ตอนที่ 9

“มูมมาม” งาบโครงการทิ้งทวนจนนาทีสุดท้าย
รัฐบาลชวนมาบริหารบ้านเมืองด้วยความหวังของประชาชนว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ด้วยดรีมทีมของพรรคประชาธิปัตย์ โดยรัฐบาลชวนได้ให้คำมั่นกับประชาชนว่า เมื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจฟื้นและออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเสร็จจะยุบสภา แต่แล้วรัฐบาลชวนก็บิดเบือนสัญญาที่เคยให้กับประชาชน
กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ร.ม.ต. คมนาคม อนุมัติโครงการ เอสดีเอช,ไอพีเน็ตเวอร์ก,ซิพกราด และโครงการโทรศัพท์มือถือ 1900 รวมมูลค่าโครงการทั้งหมด 24,216 ล้านบาทโดยใช้เวลาอนุมัติเพียงเดือนเดียวเท่านั้น และดำเนินการประมูลไม่มีความโปร่งใส ล่าสุดที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2543 ก่อนจะมีการยุบสภานายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็นำโครงการจัดซื้อเครื่องบิน 5 ลำ มูลค่า 3 หมื่นล้านบาทของการบินไทยเข้าที่ประชุม ความไม่ปกติเกิดขึ้นเมื่อยังไม่มีการเลือกแบบเครื่องบิน แต่สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็อนุมัติเงินมัดจำกับบริษัทโบอิ้งไปแล้ว 2 ลำๆละ 2 แสนเหรียญสหรัฐ และเมื่อการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2543 กระทรวงคมนาคมก็อนุมัติให้กับคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในเรื่องปรับโครงสร้างการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นวงเงิน 124,566 ล้านบาท ในขณะที่ทรัพย์สินของการรถไฟขณะนี้มีอยู่ 58,755.3 ล้านบาท หนี้สินอีก 36,803 ล้านบาท
บัญญัติ บรรทัดฐาน ร.ม.ต. มหาดไทย ผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ไม่น้อยหน้า ทั้งที่กลิ่นฉาวของการถือหุ้นในบริษัท ศรีสุบรรณเทรดดิ้ง จำกัดยังไม่ทันจางก็กวาดไปอีก 1,823,000,000 ล้านบาท จากการอนุมัติจัดซื้อรถจักรยานยนต์และรถกระบะของสายตรวจตำรวจ

พิสิฐ ลี้อาธรรม รมช.คลัง ได้อนุมัติเรื่องการจ่ายเงินโบนัสคืนให้กับผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ งบประมาณถึง 20 ล้านบาท

สาวิตต์ โพธิวิหค รมต. ประจำสำนักนายกฯ เสนอเรื่องขอกู้เงินเพื่อรีไฟแนนซ์เงินกู้เดิม 3.5 หมื่นล้านบาทให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทสไทย (กฟผ.) ครม. ก็อนุมัติให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้อีก 9 พันล้านบาท

วัฒนา อัศวเหม รมช.มหาดไทย ผู้ดูแลการเคหะแห่งชาติ อนุมัติโครงการในการศึกษาโยกย้ายประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนดินแดง งบประมาณ 200 ล้านบาท โครงการรื้อถอนอาคารเดิม และโครงการก่อสร้างอาคารใหม่ งบประมาณอีก 7,798 ล้านบาท

ประภัตร โพธสุธน ร.ม.ต.เกษตรและสหกรณ์ ผู้สร้างสถิติฮือฮาทำงาน 7 เดือน เสนอกฎหมายแค่ 3 ฉบับ แต่อนุมัติไป 133 เรื่องกับอีก 11 โครงการ โดยอนุมัติถี่ยิบในช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม และอีก 2 โครงการยักษ์ ก่อนยุบสภาเพียงอึดใจ ก็หนีบโครงการชลประทานระบบท่อ มูลค่า 699 ล้านบาท และโครงการจัดหาและการบำรุงรักษาอากาศยานเพื่อเกษตร พ.ศ. 2544-2549 อีก 3,031 ล้านบาท แต่ถูกโยนตะกร้าไปเสียก่อน

รัฐบาลชวนอนุมัติเรื่องและโครงการต่าง ๆ โดยที่ขั้นตอนดำเนินการโครงการเหล่านั้นไม่มีความโปร่งใส มีการฮั้วประมูลกัน หรือบางโครงการก็ยังต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมอีกครั้ง การรีบร้อนก่อนยุบสภาเช่นนี้ เป็นสิ่งสะท้อนประจักษ์ชัดเจนว่ารัฐบาลชวนมีเจตนาที่จะหาเศษหาเลยกอบโกยเข้าพกเข้าห่อของตนไว้ก่อน ด้วยโครงการใหญ่ๆ เหล่านี้เปรียบเสมือนเนื้อก้อนโตบนเขียงทองคำ ที่พร้อมจะถูกเฉือนเป็นทุนแจกจ่ายให้กับลูกพรรคนำไปโปรยหว่านยังหัวคะแนนในที่สุด นี่คือหลักฐานชิ้นล่าสุดที่พิสูจน์ว่ารัฐบาลชวนมีความซื่อสัตย์เพียงใด
ถึงวันนี้คงต้องทบทวนสิ่งที่นายกฯชวนเคยบอกประชาชนเสมอว่า “ผมไม่เคยสักครั้งที่ควักเงินจ่ายค่ากาแฟในการหาเสีย”
สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างการจัดการปัญหาของประเทศ ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลชวน 2 เท่านั้น สิ่งที่เราพบก็คือ รัฐบาลคอรัปชั่นโอบอุ้มพวกพ้องตนเอง ไม่มีประสิทธิภาพ และขาดวิสัยทัศน์ในการจัดการกับปัญหาความทุกข์ร้อนของแผ่นดินอีกทั้งยังสร้างภาระและความเจ็บแค้นให้กับประชาชนผู้ยากไร้ที่เป็นกำลังสำคัญของชาติด้วยหากที่ผ่านมารัฐบาลจะเปิดใจให้กว้าง รับฟังปัญหา และอยู่เคียงข้างประชาชนผู้ยากไร้มากกว่านี้ ความทุกข์ยากและเจ็บปวดของคนไทยอาจบรรเทาลงมากกว่าทุกวันนี้ และเราอาจฟื้นตัวเองขึ้นได้บ้าง แม้ไม่ทั้งหมดก็ตาม
***********************************************************************************************
ตอนที่ 10 อวสานรัฐบาลหัวครก!!!!!!!!!!!

เพราะนายกรับมนตรีที่ชื่อ ชวน หลีกภัย
ผลงานอัปยศในช่วง 3 ปีภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาลนี้ นายกรัฐมนตรีที่ชื่อชวน หลีกภัยไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบต่อประชาชนทั้งประเทศได้ การอ้างว่าคนเองมาจากการเลือกตั้ง และถ้าประชาชนไม่พอใจการกระทำของตนเองหรือพวกพ้องในพรรคประชาธิปัตย์ ก็อย่าเลือกพวกเขาเข้ามาอีก คือคำท้าทายที่แสดงความเป็น “นักเลือกตั้ง” ที่ฝังลึกในกมล**อย่างชัดเจนที่สุด
นายชวน หลีกภัยภาคภูมิใจนักหนาและมักอวดอ้างว่าเล่นการเมืองมายาวนานถึง 30 ปี ทั้งก็เคยดำรงตำแหน่งเจ้ากระทรวงในกระทรวงใหญ่หลายแห่ง แต่ไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า มีผลงานอะไรบ้างที่เป็นชิ้นเป็นอันในระหว่างดำรงตำแหน่งเหล่านั้น และประชาชนก็ไม่มีใครจดจำได้เช่นกัน

นายกรัฐมนตรีที่ชื่อชวน หลีกภัยไม่ได้เป็นอะไรอื่นที่มากกว่านักเลือกตั้ง ที่ถนัดในการใช้คารมเชือดเฉือนคู่แข่งและผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับตน และตลอกชีวิตของการ “เล่น” การเมืองที่ผ่านมา ก็อาศัยเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงทางการเมือง กระทั่งบิดเบือนหลักการประชาธิปไตย ไต่เต้าขึ้นมาดำรงตำแหน่งบริหารสูงสุดของประเทศด้วยเหตุนี้จึงหวังไม่ได้ว่าคนอย่างนายชวนจะมีวิสัยทัศน์ และความสามารถในการบริหาร โดยเฉพาะในยามวิกฤติที่ประเทศต้องการ “ผู้นำ” ไม่ใช่ “ปลัดประเทศ”

นายชวน หลีกภัยผู้สักแต่เซ็นหนังสือไปวันๆ และโยนกลองการตัดสินใจเรื่องนโยบายเศรษฐกิจให้กับรัฐมนตรีคลังปู้ยี่ปู้ยำจนบ้านเมืองล่มจมเพราะความไม่รู้ และความดื้อตาใส ไม่ฟังแม้แต่เสียงทักท้วงของคนร่วมพรรค ซึ่งไม่เห็นด้วยกับแนวทางแก้ไขปัญหาที่กลับทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเลวร้ายลงไปอีก ย่อมไม่สมารถเอาแต่ “แก้ตัว” และ “ลอยตัว”
หมดเวลาของนายชวน หลีกภัย, รัฐบาลชุดนี้ และพรรคประชาธิปัตย์แล้ว

ประชาชนกำลังจะให้บทเรียนครั้งสำคัญ เพื่อสั่งสอน “นักเลือกตั้ง” อย่างนายชวน หลีกภัย และพรรคประชาธิปัตย์ให้หลาบจำตลอดไป


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอ
เริ่มหัวข้อโดย: \(^_^)/ ที่ 11-08-2008, 13:31
  พอเงิน 2 ล้านซื้อศาลไม่ได้
กระบวนการยุติธรรมก็เลย มี 2 มาตรฐาน
มาตรฐานเดียวของกระบวนการยุติธรรม
สำหรับ "ไอ้เหลี่ยม" คือ สามารถติดสินบนศาลได้   
ไอ้สารเลว..ไอ้ชั่ว.....ไอ้คน "เส็งเคร็ง" ถุย......ส์


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: Scorpio6 ที่ 11-08-2008, 13:38
ขอให้ทักษิณไปดี :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอ
เริ่มหัวข้อโดย: chaturant ที่ 11-08-2008, 13:41
1.ผมและครอบครัวมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ทุกพระองค์อย่างหาที่สุดมิได้ แม้นว่ามีผู้จงใจใส่ร้ายมาตลอด
(ไม่เชื่อ)

2.ถึงแม้นผมไม่ใช่คนดีสมบูรณ์แบบ แต่ผมขอยืนยันว่าผมไม่ได้เลวอย่างที่ถูกกล่าวหา เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผมจะแถลงความจริงให้ทุกท่านทราบ วันนี้ยังไม่ใช่วันของผม ขอให้ผู้สนับสนุนผมอดทนอีกนิดหนึ่งครับ
(จะให้รอนานมะ และไอ้อดทนรออีกนิดคืออะหยัง ?)

3. หากผมยังมีวาสนา ผมจะขอกลับมาตายบนผืนแผ่นดินไทยเฉกเช่นคนไทยทุกคนครับ   
(หากไม่มีวาสนา เฮียก็ตายที่บ้านสุดหรูในลอนดอนพร้อมนักร้องสาวเถอะเฮีย)


2.ถึงแม้นผมไม่ใช่คนดีสมบูรณ์แบบ แต่ผมขอยืนยันว่าผมไม่ได้เลวอย่างที่ถูกกล่าวหา เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผมจะแถลงความจริงให้ทุกท่านทราบ วันนี้ยังไม่ใช่วันของผม ขอให้ผู้สนับสนุนผมอดทนอีกนิดหนึ่งครับ


คำนี้น่าคิดน่ะครับ วันนี้ยังไม่ใช่วันของผม ถ้าคิดแบบไกลๆเลย วันของมันคือ แก้กฏหมายรองรับก่อน หรือไม่ก็ ปฏวัติตัวเองหลุดเลย หรือไม่ก็เอาสถาบันให้ล้มก่อน       :slime_mad: :slime_mad:


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: ป่าเมืองลุง ที่ 11-08-2008, 13:49
ทักษิณจะพูดความจริงต่อเมื่อพูดแล้วตนเองจะได้เปรียบ


ทักษิณกลับมาเพราะคิดว่าตนจะมาเป็นใหญ่


ทักษิณพร้อมที่จะให้เมื่อคิดว่าจะได้มากกว่า


ทักษิณจะเล่นเฉพาะในเกมที่เข้าใจว่าตนเองชนะ


หากทักษิณกลับมานั่นหมายความว่าต้องไม่ติดคุก

....ยืมเขามาครับ :slime_cool: :slime_cool:
 :slime_smile: :slime_smile: :slime_smile:


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอ
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 11-08-2008, 13:51
เรียน คุณ anti-coup

กรุณา "คุยให้ถูกเรื่อง" หรือ "อยู่ในประเด็น"
ที่นี่ไม่ใช่ประชาไท - ราชดำเนิน
อันเป็นเว็บบอร์ดที่ตั้งขึ้นเพียงเพื่อรองรับ "ความอยากเห่า" ของกลุ่มคนไร้สำนึก
หากจะเล่นที่นี่ก็จงรู้ัจัก "กาละเทศะ"
ไม่ใช่นึกอยากจะเบี่ยงประเด็น - ฟลัดกระทู้ - ไม่ดูตาม้าตาเรือ ก็ทำได้ตามอำเภอใจ
อันเป็นพฤติกรรมไม่ต่างจากคนพาลสันดานหยาบ ขาดการอบรมศึกษา หน้ามึนบ้าใบ้ ไร้ีวัฒนธรรม
ราวกับเพิ่งออกมาจากบ้านป่าเมืองเถื่อน

ถ้าคุณอยากจะนำเสนอประเด็นใหม่ คุยประเด็นอื่น ขอให้คุณตั้งกระทู้ใหม่
อย่าเสียมารยาทแบบนี้อีก


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: เช็คบิล ที่ 11-08-2008, 13:53
มันยังไม่สำนึกอีกน่ะ ตัวมันเองแท้ๆที่ตัดสินใจ ไม่มีใครไปแกล้ง แล้วทำไมไม่แย้งตอนนั้น พอจวนตัวก็ตีขลุมชิ่งออกนอกแล้วอ้างไม่กลับ

สันดานหน้าเหลี่ยมมันแกล้งชกลมมั่วไปหมด

หนีคดี ซะงั้น

กลับมาก่อน กลับมาก่อน กลับมาก่อน

อิอิ


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 11-08-2008, 13:54
วันนี้คงไม่ใช่วันของท่าน ไม่ใช่วันของไพร่แผ่นดินอย่างเรา
ไม่เป็นไรใครอยากว่าอะไรก็ให้เขาว่าไปเถิด

ในวันที่เราล้ม ลูกผู้ชายย่อมต้องกล้าเผชิญและอดทนต่อคำดูถูกเสียดสี
แม้ความยุติธรรมอาจถูกบิดเบือนได้ด้วยคนไม่กี่คน
แต่ความจริงย่อมไม่อาจถูกบิดเบือน
ไม่ช้าก็เร็ว กาลเวลาจะเป็นผู้พิสูจน์

คนจะยิ่งใหญ่ ไม่ได้อยู่ที่ชัยชนะ
หากแต่อยู่ที่ได้ทำคุณประโยชน์เพียงใด

วันนี้ท่านอาจจะแพ้  
แต่สิ่งที่ท่านทำจะอยู่ในใจคนยากอีกหลายคนตลอดไป.....
ขอคุณพระคุณเจ้าคุ้มครองท่านและครอบครัว


--------------------------------------------

เชิญเสียดสีกันตามสบาย หากมันจะบรรเทาความเกลียดชังเกินว่าเหตุผลใดๆที่อยู่ในใจท่าน
ทำเถิดหากคิดว่ามันเป็นประโยชน์




เจ้าของคคห. ควรสั่งให้จำเลยฯ ถอนฟ้อง'พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย' ก่อน.....
วันนี้ก็ไม่ใช่วันของจำเลยฯจะฟ้องใครเหมือนกัน
เดี๋ยวศาลฯยกฟ้องทุกคดี จำเลยฯจะคิดอีกว่า ศาลฯ สองมาตราฐาน.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: boyk ที่ 11-08-2008, 14:01
3. หากผมยังมีวาสนา ผมจะขอกลับมาตายบนผืนแผ่นดินไทยเฉกเช่นคนไทยทุกคนครับ   

พาดพิงคับ

ท่าน 3 หนารีบทำแถลงการณ์ด่วน!!


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอ
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 11-08-2008, 14:04
รัฐบาลชวน หลีกภัย
********************************************************************************************


เรียน คุณ anti-coup

กรุณา "คุยให้ถูกเรื่อง" หรือ "อยู่ในประเด็น"
ที่นี่ไม่ใช่ประชาไท - ราชดำเนิน
อันเป็นเว็บบอร์ดที่ตั้งขึ้นเพียงเพื่อรองรับ "ความอยากเห่า" ของกลุ่มคนไร้สำนึก
หากจะเล่นที่นี่ก็จงรู้ัจัก "กาละเทศะ"
ไม่ใช่นึกอยากจะเบี่ยงประเด็น - ฟลัดกระทู้ - ไม่ดูตาม้าตาเรือ ก็ทำได้ตามอำเภอใจ
อันเป็นพฤติกรรมไม่ต่างจากคนพาลสันดานหยาบ ขาดการอบรมศึกษา หน้ามึนบ้าใบ้ ไร้ีวัฒนธรรม
ราวกับเพิ่งออกมาจากบ้านป่าเมืองเถื่อน

ถ้าคุณอยากจะนำเสนอประเด็นใหม่ คุยประเด็นอื่น ขอให้คุณตั้งกระทู้ใหม่
อย่าเสียมารยาทแบบนี้อีก



ขอเสนอให้ผู้แลฯ ลบคคห.20 ของ'anti-coup'....
1. ไม่เกี่ยวข้องกับกระทู้นี้ มีเจตนาบิดเบือน เบี่ยงเบนความสนใจไปที่อื่นๆ....
2. จะเป็น'ตัวอย่าง' ของ'บัตรเติมเงิน'อื่นๆ สร้างความสับสน และความหนาแน่นของเวบฯ
3.จะทำให้สมาชิกเข้าเวบบอร์ดนี้ล่าช้า....



หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอ
เริ่มหัวข้อโดย: \(^_^)/ ที่ 11-08-2008, 14:17
  ในอนาคต..อาจได้เห็น "ภาพนี้".... 
 :slime_bigsmile:
 :slime_bigsmile:

(http://images.temppic.com/11-08-2008/images_vertis/1218438968_0.97466600.jpg) (http://www.temppic.com/img.php?11-08-2008:1218438968_0.97466600.jpg)



หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 11-08-2008, 14:25
รัฐบาลชวน หลีกภัย
********************************************************************************************
ตอนที่ 1
................



ยาว เปลืองที่โค้ทซ้ำ

ว่าแต่ ที่เขียนมาหมดนั่นหน่ะ รัฐบาลแม้ว มัวนั่งทำเบื๊อกอะไรอยู่ตั้ง 6-7 ปีหล่ะคะ ยังฟ้องทันนะ ทำดิ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: Limmy ที่ 11-08-2008, 14:36
มีความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมจริง ๆ ครับ

เป็นผลให้จนป่านนี้ไอ้ทนายถุงขนม ยังไม่ออกจากคุกเลย


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: 1ktip ที่ 11-08-2008, 15:04
ไม่ได้เกินคาดหมายซักเท่าไหร่ เพราะกลับมาแล้วมีโอกาสที่จะไม่ได้รับอนุญาตออกนอกประเทศสูง

คนขี้ขลาด เจ้าเล่ห์ ย่อมชิงหนีก่อนตอนที่ยังมีโอกาส


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 11-08-2008, 15:06
คนเราจะอ้างอะไรก็อ้างได้ทั้งนั้นโดยปราศจากหลักฐาน

นักโทษในคุกก็อ้างกันทั้งนั้นว่าไม่ได้ทำความผิด เรื่องนี้ใครๆก็พูดได้

แน่จริงก็บินกลับมาพิสูจน์ตัวในชั้นศาลจนถึงที่สุดสิครับ






หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: p ที่ 11-08-2008, 15:26
เอ็น บี ที หมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดกฏหมายจริงๆ ที่เผยแพร่ข้อแก้ตัวของทักษิณ

ดูกรณีของสนธิซิ เอาคำพูดของ ดา ตอร์ปิโด มาพูดซ้ำ ยังโดนเลย

ตำรวจดำเนินคดีกับทักษิณ และ เอ็น บี ที ได้แล้ว
หลักฐานชัดเจนครับ


 :slime_evil: :slime_evil: :slime_evil:


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: BeastGuy ที่ 11-08-2008, 15:32
อ่านจากแถลงการณ์แล้ว
ดูเหมือนยังไม่เลิกนิ
รอเวลาที่เหมาะสมเพื่อจะกลับมายิ่งใหญ่ ชัวร์ป้าบบบ
ทำไมต้องรอเวลาที่เหมาะสมถึงจะแถลง
เวลาที่เหมาะสมคือเวลาอะไร  :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: justy ที่ 11-08-2008, 15:38
มันจะอยู่หรือมันไปแล้ว

บ้านเมืองก็ยังวุ่นวายอยู่

เพราะยังไง...ไอ้ตัวเอี้ยนี่ มันไม่ยอมแน่นอน

มันถือว่ามัน...มีเงิน..และไม่เคยยอมรับความจริง

คนแบบนี้ไม่ควรให้มันอยู่ในสังคม กฏหมายมีเอาตัวมันมาลงโทษให้ได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ..ต้องไล่รัฐบาลโจร เครือข่ายของมันออกไปให้หมดด้วย


หัวข้อ: Re: 'แม้ว' ร่อนแถลงข้ามฟ้า แจงเหตุไม่กลับ อ้างกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง-ไม่ปลอดภัย
เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 11-08-2008, 16:42

  1.ผมและครอบครัวมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ทุกพระองค์อย่างหาที่สุดมิได้ แม้นว่ามีผู้จงใจใส่ร้ายมาตลอด

2.ถึงแม้นผมไม่ใช่คนดีสมบูรณ์แบบ แต่ผมขอยืนยันว่าผมไม่ได้เลวอย่างที่ถูกกล่าวหา เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผมจะแถลงความจริงให้ทุกท่านทราบ วันนี้ยังไม่ใช่วันของผม ขอให้ผู้สนับสนุนผมอดทนอีกนิดหนึ่งครับ

3. หากผมยังมีวาสนา ผมจะขอกลับมาตายบนผืนแผ่นดินไทยเฉกเช่นคนไทยทุกคนครับ   



*  3  ข้อนี้ ..... ไม่มีอันไหนที่แสดงว่า   "  ยอมรับผิด "  สักข้อนึง

    ยิ่งโดยเฉพาะ ข้อ 2.  > วันนี้ยังไม่ใช่วันของผม ขอให้ผู้สนับสนุนผมอดทนอีกนิดหนึ่งครับ  <  หมายความว่าอย่างไร ???

    ในแถลงการณ์ข้อ 2. ต้องการสื่อถึงพวก ลูกกระจ๊อก ทั้งหลายหรือไม่ว่า 

   >  สักวันหนึ่งจะกลับมา  ทวงคืน  < ขอให้รอเวลาที่เป็นวันของผม ???