ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: oversea ที่ 13-06-2006, 11:40



หัวข้อ: ไม่รู้ว่ามีใครรู้สึกเหมือนเราไหม
เริ่มหัวข้อโดย: oversea ที่ 13-06-2006, 11:40
ความคิดเห็นที่ 5 
 
 ไม่รู้ว่ามีใครรู้สึกเหมือนเราไหม

เราไม่มีโอกาสได้ไปดูนิทรรศการที่เมืองทองธานี แต่เท่าที่เห็นทางโทรทัศน์นั้น ที่เราเทอดพระเกียรติกัน ส่วนใหญ่ เห็นมีแต่เรื่องโครงการการเกษตร การกินดีอยู่ดี สิ่งประดิษฐ์ ศิลปะ ฯลฯ ซึ่งทุกเรื่องเป็นเรื่องที่สำคัญทั้งนั้น แน่นอน พระราชกรณียกิจ หรือพระอัจฉริยภาพเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทรงทำเพื่อให้คนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น และเป็นสิ่งที่สัมผัส พบเห็นได้โดยตรงทุกวัน
หรือการที่ทรงเป็นที่พึ่ง เมื่อมีเหตุคนไทยฆ่ากัน ก็ทรงเป็นกรรมการห้ามทัพ ตอน วันมหาวิปโยค 14 ตุลา และพฤษภาทมิฬ (ซึ่งพวกนักข่าวต่างประเทศพูดถึงกันนิดหน่อยเท่านั้น)

โดยส่วนตัว เรารู้สึกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเป็นให้เรา คือ การที่พระองค์ทรงเป็นหลัก ทรงเป็นที่พึ่งทางใจให้เรารู้สึกปลอดภัย อบอุ่นและมั่นคง เมื่อเราหวาดกลัวที่สุดในชีวิต คนอายุกลาง 40 อย่างเรา ที่โตมาในช่วงสงครามอินโดจีน จำความหวาดกลัว ความไม่มั่นใจ ในช่วงวัยรุ่นได้อย่างแม่นยำ

เราเคยกลัวว่า เวลานอนอยู่ อาจจะได้ยินเสียงเครื่องบินทิ้งระเบิด ของพวกคอมมิวนิสต์ บินเข้ามาถล่มกรุงเทพฯ กลางดึก หรือ เคยกลัวว่า วันหนึ่ง ขบวนรถถังจะบุกกรุงเทพฯ (แต่คุณพ่อคุณแม่ก็จะบอกว่า ไม่มีทางหรอก เข้ามาถึงดอนเมือง รถก็ติดแล้ว ฯลฯ) แล้วเรามักจะนอนไม่หลับ ทุกวัน ข่าวทีวี ก็มีแต่สงครามเวียดนาม จำนวนทหารและตำรวจตระเวณชายแดนที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ แล้วลาวและเขมรก็ตกเป็นคอมมิวนิสต์ เราตื่นขึ้นมาทุกวัน ก็มีแต่กลัวว่า เมืองไทยจะเป็นประเทศต่อไป...ตามทฤษฎี Domino

แต่ตลอดช่วงสงครามอินโดจีนนั้น ในหลวงและสมเด็จฯ นี่แหละ ที่ทรงเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจขอคนไทยเอาไว้ด้วยกัน
พระองค์เสด็จจังหวัดชายแดน ทรงเยี่ยมทหาร ตำรวจชายแดนทุกแห่ง แม้จะเป็นแดนอันตราย แต่ไม่เคยทรงกลัว เพราะทรงเป็นห่วงทหาร ตำรวจชายแดน และราษฎรของพระองค์มากกว่า ตอนนั้น สมเด็จพระบรมราชชนนีและสมเด็จพระพี่นาง ก็ทรงช่วยกันเสด็จเยี่ยมทหารและราษฎรเสมอ

ภาพที่ทุกพระองค์เสด็จพระราชทานดำเนินพระราชทานเพลิงศพวีรบุรุษผู้กล้าหาญ ผู้สละชีพเพื่อรักษาเอกราช อธิปไตยของชาติ ณ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ทุกปี ในช่วงเวลาสงครามนั้น ยังติดตา ติดใจเราอยู่จนทุกวันนี้ ตอนทรงจุดไฟพระราชทานเพลิงนั้น ไฟจะวิ่งตามสายที่ยาว วกวน อ้อมไปอ้อมมา นานแสนนาน... เพราะแต่ละปีนั้น ทหาร ตำรวจชายแดน เสียชีวิตเป็นพันๆ นาย มากมายเหลือเกิน ได้เห็นภาพที่พ่อแม่ลูกเมีย ญาติๆ ของเขาเหล่านั้นร้องไห้ที่เสีย ลูก พ่อ สามี หรือพี่น้องลุงน้าอา ขนาดเราเป็นเด็ก ก็ร้องไห้หน้าทีวีทุกปีในงานนี้

พระองค์นี่แหละ ที่เขาเหล่านั้น เสียสละชีวิตเพื่อปกป้อง
พระองค์นี่แหละ ที่ทำให้คนไทยรวมอยู่ได้ด้วยกันทุกวันนี้
พระองค์นี่แหละ ที่ทำให้คนไทยต่อสู้ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่คิดร้ายและคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ จนต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด

เราโตขึ้นมา รู้แต่ว่า มีเพียงพระบารมีของในหลวงเท่านั้น ที่จะปกป้องบ้านเมืองเรา และคุ้มครองคนไทยได้ และหากไม่มีพระองค์ ป่านนี้เราคนไทยจะกลายเป็นอะไรกันไปแล้วก็ไม่รู้ได้

วันนี้ ทหารผ่านศึกทั้งหลาย จะยังเหลืออยู่สักกี่คน เขาจะมีโอกาสได้รู้ไหมหนอ ว่าเรารักและบูชาเขา ขอบคุณเขาสำหรับความเสียสละอันใหญ่หลวง ลูกหลานของวีรบุรุษที่สละชีพเพื่อชาติซิ ที่ควรได้รับการดูแล และส่งเสริม

และวีรบุรุษเหล่านี้สิ ที่เราควรนึกถึง และควรที่จะนำเรื่องของเขามาเสนอเป็นส่วนหนึ่งในด้านพระราชกรณียกิจของพระองค์ในการฉลองครั้งนี้ด้วย

การที่พระองค์ทรงเป็นจอมทัพไทย ทรงเป็นศูนย์รวมความรักและความมั่นใจของคนไทยนั้น เป็นเรื่องสำคัญยิ่งในความเห็นของเรา พวกคอมมิวนิสต์ในรัฐบาลคงจะไม่อยากรื้อฟื้นใช่ไหม เพราะบัดนี้ มีแต่พวกมันที่สมคบกับนายทุนเท่านั้นที่กำลังห้อมล้อมพระองค์อยู่ คนไทยที่จงรักภักดีกลับถูกกันออกมาจนห่างจากพระองค์

เด็กๆ ที่เกิดหลังสงครามอินโดจีน ไม่เคยรู้รสความกลัวจะสิ้นชาติ จะถูกล้างเผ่าพันธุ์ ไม่เคยเห็นงานพระราชทานเพลิงศพทหารที่สละชีพเพื่อให้เรามีวันนี้ ไม่เคยเห็นข่าวการเสด็จทรงเยี่ยมเขาเหล่านั้นในเขต ผกค. ก็อาจไม่ซาบซึ้งมากเท่าเราคนแก่ ว่าความจริงนั้น อาชีพทหาร คือ อาชีพที่มีเกียรตินักหนา

แล้วดูซีว่าเกิดอะไรขึ้น ทหารที่เคยรัก เทอดทูน และสามารถยอมตายเพื่อพิทักษ์ราชบัลลังก์นั้น มาวันนี้เขาก้มหัวให้ใครอยู่ ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา คงศักดิ์ วันทนา หรือทำอะไรอยู่ ไตรรงค์ อินทรทัต

ตำรวจอย่างชิดชัย วรรณสถิตย์ วาสนา เพิ่มลาภ และ ผอ. กองสลาก นั้น ไม่อาจเทียบกันได้กับ จ่าสิบตำรวจตระเวณชายแดนที่ตายเพื่อชาติ ตำรวจในเมืองนั้น ร้อยทั้งร้อย เลวบัดซบแบบบริสุทธิ์

สมเด็จพระเทพฯ ทรงพระดำเนินไปขึ้นรถไฟ BTS กับนางข้าหลวงอีก 2 คน ไม่มีตำรวจคุ้มกัน
แต่ทรราชที่คิดล้างสถาบัน กลับมีตำรวจคุ้มกันเป็นสิบๆ

อยากรู้ว่า รัฐบาลชุดนี้ ห้ามการนำเรื่องการที่พระองค์เป็นขวัญและกำลังใจของชาติยามข้าศึกรุกรานนี้ มาทำ mini documentaries หรือเปล่า เพราะรักษาการรัฐมนตรีหลายคนเป็นคอมมิวนิสต์ เช่น พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ภูมิธรรม เวชยชัย สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี สุธรรม แสงประทุม และอย่ามาอ้างว่า ไม่ควรรื้อฟื้น เพราะกลัวว่าอาจจะไปกระทบกระเทือนประเทศเพื่อนบ้านที่ยังเป็นคอมมิวนิสต์อยู่ในขณะนี้ มันคนละเรื่องกัน ฟังไม่ขึ้น

2-3 วันมานี่ ทุกครั้งที่เห็นหน้ากบฏทักษิณ กาลกิณีพจมาร และเหล่าคอมมิวนิสต์ พรหมินทร์ ภูมิธรรม สุรพงษ์ ในงานมหามงคลครั้งนี้ เราเจ็บแค้น เจ็บใจ และเศร้าใจนัก เพราะเราจะเห็นแต่หน้าพวกมัน แสยะยิ้ม หัวเราะดังอย่างสะใจ เมื่อมันถึงบ้านและเปลี่ยนเสื้อผ้า รวมทั้งการที่มันจะ count down ถึงวันที่พระองค์จะต้านมันไม่ได้ เพราะตอนนี้ พวกมันได้ “ซื้อ” พสกนิกรของพระองค์ไปแล้ว 16 ล้านคน

แล้วหากพระองค์ท่านทรงไม่อยู่เสียแล้ว เหตุการณ์หลังจากนั้นจะน่ากลัวเหมือนเมื่อ 30 ปีก่อนไหมหนอ?
คนเคยฝันร้าย

http://www2.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000076560


หัวข้อ: Re: ไม่รู้ว่ามีใครรู้สึกเหมือนเราไหม
เริ่มหัวข้อโดย: narong ที่ 13-06-2006, 11:50
แล้วดูซีว่าเกิดอะไรขึ้น ทหารที่เคยรัก เทอดทูน และสามารถยอมตายเพื่อพิทักษ์ราชบัลลังก์นั้น มาวันนี้เขาก้มหัวให้ใครอยู่
ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา คงศักดิ์ วันทนา

สองคนนี้เขาอิงการเมืองเพื่อผลประโยชน์ตั้งนานแล้ว

หรือทำอะไรอยู่ ไตรรงค์ อินทรทัต

ส่วนคนนี้เขาดังมาจากการคุมการ์ดสถานบันเทิงอย่าไปหวังอะไรเลย

แต่อย่าเหมารวมทั้งกองทัพ ส่วนใหญ่ยังพอเข้มแข็งอยู่ มีแต่ส่วนหัวที่อิงการเมือง