ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: จงเจริญ ที่ 10-08-2008, 19:28



หัวข้อ: วิกฤตที่สุดในโลกที่จะทำให้สิ้นแผ่นดินสิ้นชาติหรือไม่?
เริ่มหัวข้อโดย: จงเจริญ ที่ 10-08-2008, 19:28
จากบทความของคุณ สิริอัญญา  เมื่อ 10 สิงหาคม 2551  ที่ว่า 6 วิกฤตใหญ่ทำให้สิ้นชาติ!  ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งจึงนำมาเสนอที่นี่เพื่อให้พวกเราที่ยังไม่ได้อ่านจะได้ทราบ

ประเทศไทยของพวกเรากำลังวิกฤตที่สุดในโลกแล้วหรือครับ

       
       สถานการณ์บ้านเมืองในวันนี้พิเคราะห์กันให้จงดีเถิดว่ามันเป็นวิกฤตที่สุดในโลกที่จะทำให้สิ้นแผ่นดินสิ้นชาติหรือไม่?  จะได้ไม่คิดประมาทกันต่อไป

แล้วจะได้คิดอ่านทำการรักษาบ้านรักษาเมืองไว้ให้ลูกหลานสืบไป
       
       ได้พิจารณาดูโดยแยบคายแล้ว อาจสรุปสถานการณ์บ้านเมืองในวันนี้ได้ว่ามีวิกฤตร้ายแรงที่เกิดขึ้นและกำลังขยายตัวลุกลามไป อันอาจมีผลทำให้สิ้นแผ่นดินสิ้นชาติได้ คือ

       
      วิกฤตที่หนึ่ง  คือวิกฤตที่คนชั่วขายชาติขายแผ่นดินให้เขมรในพื้นที่บริเวณเขาพระวิหาร  ทำให้ประเทศไทยเสียอธิปไตยเป็นครั้งแรกในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน

 ทำให้กระทบต่อพระบรมเดชานุภาพอย่างร้ายแรง และกำลังลุกลามไปตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เกือบ 40 จุด
       
       เขมรนั้นเป็นชนชาติชั่วตั้งแต่ประวัติศาสตร์มาแล้ว ยามใดที่ไทยมีวิกฤต เขมรก็จะคอยซ้ำเติมและเบียดเบียน จนสมัยหนึ่งได้สร้างความเคียดแค้นแก่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นที่สุด

 เป็นเหตุให้เสร็จศึกอื่นแล้วจึงทรงกรีธาทัพไปปราบเขมร แล้วตัดหัวพระยาละแวกผู้ครองเขมร เอาเลือดหัวมาล้างพระบาท
       
       วันนี้เขมรก็ยังไม่ทิ้งความชาติชั่ว ได้แผ่นดินบริเวณปราสาทพระวิหารแล้วยังไม่พอ ยังรุกเอาพื้นที่รอบนอกอีกกว่า 3,000 ไร่

 แล้วยังบุกเข้ามายึดเอาแผ่นดินย่านสุรินทร์และแนวชายแดนอื่นซ้ำเข้าไปอีก
       
       ยิ่งกว่านั้น ยังเอาพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยซึ่งเป็นดินแดนของไทยเอาไปให้สัมปทานแก่ชาติมหาอำนาจและชาติอื่นๆ ทำการเจาะก๊าซและน้ำมันไปเกือบหมดแล้ว
       
       
       
       
       
       วิกฤตที่สอง  เป็นวิกฤตความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  ซึ่งเคยมอดมาตั้งแต่ยุคสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และคุโชนลุกลามเป็นไฟลามทุ่งในยุคสมัยรัฐบาลทักษิณ

 ไฟสงครามกลางเมืองโหมกระพือทั้งพื้นที่สามจังหวัด คือยะลา ปัตตานี นราธิวาส และอีก 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา คือจะนะ เทพา นาทวี และสะเดา
       
       มาวันนี้ปราการสำคัญ ณ จุดยุทธศาสตร์เบตงคงแตกแล้ว กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจึงรุกขึ้นสู่อีก 2 อำเภอของจังหวัดสงขลา คืออำเภอหาดใหญ่และอำเภอเมือง

ที่อุกอาจก่อเหตุถึงตำบลบ่อยาง คือบริเวณแหลมสมิหลาของอำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
       
       
   
       
       วิกฤตที่สาม  คือวิกฤตที่คนไทยแตกแยกออกเป็นสองฝ่าย  ฝ่ายหนึ่งต้องการขับไล่ไสส่งพวกฉ้อฉลปล้นชาติขายชาติขายแผ่นดินออกไปจากอำนาจ

กับพวกหนึ่งต้องการเปลี่ยนการปกครองไปเป็นระบอบสาธารณรัฐที่มีอำนาจรัฐหนุนหลัง และใช้อันธพาลการเมืองเป็นเครื่องมือ
       
       รัฐบาลนอกจากไม่สร้างความสามัคคีในชาติ กลับใช้กลอุบายเล่ห์ร้ายนานาประการเพื่อทำลายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กระทั่งบังอาจเอื้อมเอาพระบารมีมาเป็นเครื่องมือ

สลายการชุมนุมก็ยังกล้ากระทำ กราบบังคมทูลเท็จก็ยังกล้ากระทำ
       
       ทำให้เหตุปัจจัยที่จะเกิดเป็นสงครามกลางเมืองระหว่างคนไทยด้วยกันเกิดขึ้นและกำลังขยายตัวไปอย่างกว้างขวางทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด หากจัดการแก้ไขไม่ถูกต้อง

 เลือดไทยคงต้องนองแผ่นดินในครั้งนี้
       
       และถึงวันนั้นแม้อัศวินม้าขาวจะเข้ามากอบกู้ชาติก็ยากจะสำเร็จ ถึงสำเร็จก็ยากที่จะฟื้นฟูชาติให้สำเร็จได้ในเร็ววัน
       
       ความบอบช้ำของชาติบ้านเมืองและความพินาศฉิบหายสุดที่จะประมาณนัก!
       
      วิกฤตที่สี่ คือวัฒนธรรมแห่งการฉ้อฉลปล้นชาติปล้นแผ่นดินหรือการฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือการทุจริตคอร์รัปชันกำลังขยายตัวลุกลามงอกงามยิ่งกว่ายุคไหนๆ ในประวัติศาสตร์
       
       เป็นการคอร์รัปชันแบบดิจิตอลและแบบโคตรโกงมหาโกง นั่นคือเป็นกระบวนการโกงชาติขนาดใหญ่นับแสนๆ ล้าน และใช้เล่ห์กลชั้นเชิงตลอดจนการย่ำยีกฎหมายบ้านเมืองทุกรูปแบบ

 ไม่เกรงหน้าอินทร์ ไม่กลัวหน้าพรหม ไม่แยแสต่อการตรวจสอบหรือกระบวนการยุติธรรมใดๆ เพราะเอามาไว้ในฝ่าเท้าเกือบหมดสิ้นแล้ว
       
       ยกระดับขึ้นเป็นการโกงชาติที่ถึงขนาดสิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน ขายชาติ ขายอธิปไตย ขายผลประโยชน์แห่งชาตินับล้านๆ บาทอย่างโจ๋งครึ่ม
       
       การทำให้การฉ้อฉลปล้นชาติและการโกงชาติเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องที่เป็นปกติโดยการดึงเอาคนชั่วช้าเลวทรามทุกสารทิศเข้ามามีอำนาจในบ้านเมือง

 สวนคำสั่งสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงสั่งสอนมาตลอดรัชกาลว่าให้ส่งเสริมคนดีให้มีอำนาจในบ้านเมืองอย่างหน้าตาเฉย และโดยที่ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเอาไว้ได้
       
       วิกฤตนี้วิกฤตเดียวก็สามารถทำให้ประเทศไทยของเราสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินและสิ้นทุกสิ่งอย่างได้ มันจะทำลายประเทศชาติทั้งปัจจุบันและตลอดไปในอนาคตชั่วลูกหลานเหลนโหลน
       
       วิกฤตที่ห้า  คือวิกฤตทุรยุคที่เกิดข้าวยากหมากแพงทุกแห่งหน  ประชาชนมีรายได้ไม่พอรายจ่าย ไม่ว่าจะเป็นประชาชนเหล่าไหนพวกไหน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการทหารตำรวจ

หรือพลเรือนหรือประชาชนชาวบ้านธรรมดา ไม่ว่าหน้าไหนๆ ต่างก็มีรายได้ไม่พอรายจ่ายมากขึ้นและมากขึ้นทุกที และเดินไปสู่หนทางสิ้นเนื้อประดาตัวมากขึ้นทุกที
       
       อย่าว่าแต่คนที่อาศัยรายได้จากการทำงานใดๆ เลย แม้คนมีเงินฝากอยู่ในธนาคารดีๆ ก็ขาดทุน เพราะอัตราดอกเบี้ยได้รับน้อยกว่าค่าเงินเฟ้อ ค่าเงินก็ลดลงจนมีมูลค่าแท้จริงด้อยค่าลงโดยลำดับ

 สักวันหนึ่งเงินพันบาทจะซื้อได้ก็แค่บุหรี่ซองเดียวเท่านั้น
       
     
       
       วิกฤตที่หก  คือวิกฤตที่เกิดจากรัฐเป็นภัยของประชาชนเสียเอง  ในสมัยโบราณนั้นเรียกภัยที่เกิดจากผู้ถืออำนาจรัฐว่าราชภัย แต่ในวันนี้ไม่มีราชภัยแล้ว

 แต่มันเป็นรัฐภัยที่มีรัฐตำรวจเป็นศูนย์กลางของสรรพภัยในประเทศนี้
       
       ภัยจากโจรผู้ร้ายชุกชุม ภัยจากนักอุ้มซุ้มมือปืน ภัยจากการข่มเหงกดขี่ ภัยจากการกลั่นแกล้งและการใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ถึงขนาดกฎหมายที่ควรเป็นขื่อแปของบ้านเมือง

ก็ถูกบิดผันมาใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งทำลายล้างอาณาประชาราษฎร แล้วใช้เป็นเกราะกำบังคุ้มกันความชั่วช้าเลวทรามให้กับเหล่าอันธพาลที่ย่ำยีราษฎรนั้น
       
       ประชาชนชาวไทยทั้งชาติกำลังถูกมายาภาพของสื่อในเงื้อมมืออำนาจรัฐปกปิดบิดเบือนและแปรผันไม่ให้รู้ความจริงหรือให้รู้บ้างก็ให้รู้เพียงบางส่วน มิหนำซ้ำยังบิดเบือน พลิกขาวเป็นดำ

 กลับดำเป็นขาว ฉีดยาชาให้กับสติปัญญาของประชาชนที่ไม่รู้สึกรู้สาอันใดต่อการฉ้อฉลปล้นชาติ ต่อการขายชาติ ต่อการสร้างความพินาศฉิบหายให้กับบ้านเมือง
       
       หกวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นและกำลังขยายตัวลุกลามไปอย่างกว้างขวางรวดเร็วนั้นมันเป็นวิกฤตเสียยิ่งกว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นในยามใกล้เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง
       
       เราเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่งเพียงเพราะขุนนางฝ่ายเหนือบางกลุ่มขายตัวยอมเป็นพวกพม่า เราเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองเพราะเหตุแตกสามัคคีกันภายในและมีคนชั่วขายตัวให้พม่า
       
       แต่ครานี้สารพัดวิกฤตที่เป็นมหาวิกฤตยิ่งกว่าการเสียกรุงศรีอยุธยาทั้งสองครั้งได้บังเกิดขึ้นแล้ว!
       
       ชนชาวไทยทั้งผองจะร่วมกันกู้ชาติ หรือจะปล่อยให้เป็นไปสุดแท้แต่บุญกรรม ดังคำของซุยเป๋งเพื่อนของขงเบ้งที่เคยกล่าวไว้ว่า “ฟ้าจะถล่ม กบทูจะหัก จะเอาแขนค้ำยันไว้ได้หรือ?”
       
       วันหนึ่งข้างหน้าประวัติศาสตร์อาจต้องบันทึกว่ากรุงรัตนโกสินทร์สิ้นแล้วในยุคสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี
 
 


หัวข้อ: Re: วิกฤตที่สุดในโลกที่จะทำให้สิ้นแผ่นดินสิ้นชาติหรือไม่?
เริ่มหัวข้อโดย: indexthai ที่ 10-08-2008, 19:48
การพังทลายของตลาดหุ้น ทำให้สภาพคล่องของระบบเสียหาย ทำให้เอกชนล้มลง คนตกงาน ค่าเงินเสียหาย ไม่ได้รับความเชื่อมั่น เงินไหลออกนอกประเทศ เกิดสภาพเงินเฟ้อ ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ของประเทศตกลงรุนแรง หรือทำให้ระบบยากจนลงตลอดเวลา มีนัยสำคัญ

การล่มสลายโลกทุนนิยม
http://www.oknation.net/blog/indexthai/2008/06/17/entry-1


หัวข้อ: Re: วิกฤตที่สุดในโลกที่จะทำให้สิ้นแผ่นดินสิ้นชาติหรือไม่?
เริ่มหัวข้อโดย: นักปฏิวัติ ที่ 10-08-2008, 21:28
เห็นด้วยครับ และขอสนับสนุนทางแก้วิกฤติ ที่ทุกคนคาดหวัง  :slime_agreed:

"...ประเทศไทยอาจเหลือเพียงสถาบันเดียว คือ ศาลยุติธรรม ซึ่งมีหลักการปกครองโดยหลักกฎหมาย (rule of law) ที่จะมาช่วยคลี่คลายวิกฤตการณ์ในที่สุด ทั้งนี้เพราะในอนาคตคดีความต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับรัฐบาลทักษิณ คมช. และองค์กรที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งที่จะเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน จะเข้าไปคับคั่งที่ศาล ทั้งนี้ ศาลย่อมพิพากษาตัดสินโดยปราศจากอคติล่วงหน้า โดยหลักดุลยพินิจที่ดี (discretion) โดยหลักการสมเหตุสมผล (reasonableness) โดยหลักความยุติธรรม (fairness) และการคำนึงบริบทประวัติศาสตร์ สังคม โดยรวมด้วย (proportionality) ถ้าทุกฝ่ายยอมรับการตัดสินของศาล วิกฤตในไทยก็อาจคลี่คลายได้ในที่สุด
..."
จาก “ธีรยุทธ” ตุลาการภิวัฒน์กับการรอมชอมในสังคมไทย
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 5 เมษายน 2551 23:23 น.
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000040671

และการยืนหยัดสู้ของพันธมิตร รวมทั้งทุกคนผู้ทีคิดดี พูดดี ทำดี ต่อประเทศชาติและต่อโลกครับ


หัวข้อ: Re: วิกฤตที่สุดในโลกที่จะทำให้สิ้นแผ่นดินสิ้นชาติหรือไม่?
เริ่มหัวข้อโดย: เอกราช ที่ 11-08-2008, 15:07
วิกฤตที่หก คือวิกฤตที่เกิดจากรัฐเป็นภัยของประชาชนเสียเอง
***********************************************************

วิกฤตที่หก คือวิกฤตที่อันตรายที่สุด
ต้องช่วยกันแก้ไขวิกฤตนี้อย่างเร่งด่วน......


 :slime_mad: :slime_mad: :slime_mad:


หัวข้อ: Re: วิกฤตที่สุดในโลกที่จะทำให้สิ้นแผ่นดินสิ้นชาติหรือไม่?
เริ่มหัวข้อโดย: CatEyE ที่ 11-08-2008, 16:32
หลายๆเรื่องล้วนเกิดจากทักษิณทั้งนั้น ล้างบางให้สิ้นซาก ก็ทำลำบากเสียแล้ว คมช. ทำเสียเรื่อง
ส่วนตัวแล้ว ทุกปัญหามีทางออก ต้องค่อยๆแก้กันไป ข้อหก ควรแก้เร็วที่สุด ควรยึดพระราชดำรัสของในหลวง

"อย่าให้คนชั่วมีอำนาจมาปกครองคนดี จงส่งเสริญคนดีให้มีอำนาจปกครองคนชั่ว เพื่อไม่ให้คนชั่วมีโอกาสทำชั่วได้อีก "




หัวข้อ: Re: วิกฤตที่สุดในโลกที่จะทำให้สิ้นแผ่นดินสิ้นชาติหรือไม่?
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 11-08-2008, 16:50
เห็นด้วยกับบทความนี้อย่างมากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยจากผู้ปกครองประเทศหรือรัฐบาลที่กำลังย่ำยีประเทศชาติให้พินาศย่อยยับ


หัวข้อ: Re: วิกฤตที่สุดในโลกที่จะทำให้สิ้นแผ่นดินสิ้นชาติหรือไม่?
เริ่มหัวข้อโดย: marrykate ที่ 11-08-2008, 17:18
เห็นด้วยค่ะคุณลุงอู๊ด

แต่วิกฤตแต่ละอย่างมันดูยิ่งใหญ่

เกินกำลังที่ประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่งอย่างหนู

จะเข้าไปช่วยแก้ไข หรือทำอะไรให้มันบางเบาลงได้

เฮ้อ .... คิดแล้วกลุ้ม
 :slime_hmm:



หัวข้อ: Re: วิกฤตที่สุดในโลกที่จะทำให้สิ้นแผ่นดินสิ้นชาติหรือไม่?
เริ่มหัวข้อโดย: จงเจริญ ที่ 12-08-2008, 23:44
เห็นด้วยค่ะคุณลุงอู๊ด

แต่วิกฤตแต่ละอย่างมันดูยิ่งใหญ่

เกินกำลังที่ประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่งอย่างหนู

จะเข้าไปช่วยแก้ไข หรือทำอะไรให้มันบางเบาลงได้

เฮ้อ .... คิดแล้วกลุ้ม
 :slime_hmm:


ขอบคุณมากครับ ที่มาร่วมแสดงความคิดเห็น ......ประชาชนทุกคนช่วยแก้ไขปัญหาได้ครับ...วิธีการแก้ไข..คือ...ใช้ปัญญาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ครับ