ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: sigree ที่ 03-08-2008, 11:16



หัวข้อ: เมื่อคุณหญิงพจมานต้องเสียภาษีจากการโอนหุ้น.......ถามเอาความรู้
เริ่มหัวข้อโดย: sigree ที่ 03-08-2008, 11:16
ผมนั่งดูการพิจารณากับแฟน  แล้วแฟนแกถามผมว่า
"หากการโอนโดยเสน่หาต้องเสียภาษีแล้ว
นั้นหมายถึงการได้มาซึ่งทรัพย์ไม่ว่ากรณีใดก็ต้องเสียภาษี
คำถามคือ
หากผมไปหมันแฟนหรือแต่งงาน  ของหมันและสินสอด แฟนผมต้อสเียภาษีหรือไม่อย่างไร

ถามจากใจคนพยามจะแต่งงาน(มาหลายรอบแล้ว)
ขอบคุณล่วงหน้าครับ


หัวข้อ: Re: เมื่อคุณหญิงพจมานต้องเสียภาษีจากการโอนหุ้น.......ถามเอาความรู้
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 03-08-2008, 11:25
หากไปดูขั้นตอน และเส้นทางทางการโอนหุ้น การได้ผลประโยชน์จากหุ้น
จะรู้ว่ามันเป็นการซุกหุ้น เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ
ไม่ใช่การให้โดยเสห์หาอย่างที่อ้างครับ

ลองไปอ่านคำพิพากษาฉบับเต็มดูอีกหลายๆที
พิจารณาดูทีละประเด็นครับ


หัวข้อ: Re: เมื่อคุณหญิงพจมานต้องเสียภาษีจากการโอนหุ้น.......ถามเอาความรู้
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 03-08-2008, 14:46
ผมนั่งดูการพิจารณากับแฟน  แล้วแฟนแกถามผมว่า
"หากการโอนโดยเสน่หาต้องเสียภาษีแล้ว
นั้นหมายถึงการได้มาซึ่งทรัพย์ไม่ว่ากรณีใดก็ต้องเสียภาษี
คำถามคือ
หากผมไปหมันแฟนหรือแต่งงาน  ของหมันและสินสอด แฟนผมต้อสเียภาษีหรือไม่อย่างไร

ถามจากใจคนพยามจะแต่งงาน(มาหลายรอบแล้ว)
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ไม่เสียครับเพราะอยู่ในข้อยกเว้นเนื่องจากเป็นทรัพย์ที่ได้ตามจารีตประเพณี

มาตรา ๔๒๙๕ เงินได้พึงประเมินประเภทต่อไปนี้ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
(๑๐) เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะ โดยหน้าที่ธรรมจรรยา เงินได้ที่ได้รับจากการรับมรดก หรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี


แต่กรณีกะบังลมนั้นไม่ได้เป็นการอุปการะหรือตามประเพณีครับ อ่านคำพิพากษาเพิ่มเติมได้ครับ


หัวข้อ: Re: เมื่อคุณหญิงพจมานต้องเสียภาษีจากการโอนหุ้น.......ถามเอาความรู้
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 03-08-2008, 14:57
ผมนั่งดูการพิจารณากับแฟน  แล้วแฟนแกถามผมว่า
"หากการโอนโดยเสน่หาต้องเสียภาษีแล้ว
นั้นหมายถึงการได้มาซึ่งทรัพย์ไม่ว่ากรณีใดก็ต้องเสียภาษี
คำถามคือ
หากผมไปหมันแฟนหรือแต่งงาน  ของหมันและสินสอด แฟนผมต้อสเียภาษีหรือไม่อย่างไร

ถามจากใจคนพยามจะแต่งงาน(มาหลายรอบแล้ว)
ขอบคุณล่วงหน้าครับ

สำหรับเรื่องการโอนหุ้นระหว่าง คญ.พจมาน และ นายบรรณพจน์ ในคดีดังกล่าว..

ประเด็นสำคัญอยู่ตรงจุดนี้ครับ คือ การโอนให้ดังกล่าวไม่ได้โอนให้จากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา
หรือจาก การให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี

เพราะนายบรรณพจน์ไม่ได้มีสถานภาพ ต้องได้รับความช่วยเหลืออุปการะ คุณหญิงพจมานไม่มีหน้าที่อะไร
ตามธรรมจรรยาที่จะต้องอุปการะนายบรรณพจน์ที่เพียงรายได้ส่วนตัวก็ปาเข้าไปปีละ 20 กว่าล้านบาท

ข้ออ้างเป็นการให้ในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ก็อ้างไม่ขึ้นเพราะมาอ้างเพิ่มภายหลัง
และเหตุที่อ้างคือให้เนื่องจากการแต่งงานและมีลูก เหตุที่อ้างก็ล่วงเลยมานานเป็นปีกว่าจะมีการให้

ข้ออ้างที่ว่าให้ล่าช้าเนื่องจากคุณทักษิณกำลังยุ่งก็อ้างไม่ขึ้นเพราะ หุ้นเป็นของคุณหญิงพจมานที่ฝากไว้
กับคนใช้ซึ่งสามารถโอนได้โดยไม่เกี่ยวกับคุณทักษิณแต่อย่างใด

นอกจากนี้หากนายบรรณพจน์ และคุณหญิงพจมาน เชื่อจริงๆ มาแต่ต้นว่าเรื่องดังกล่าวไม่ต้องเสียภาษี
ก็สามารถโอนให้กันได้เลยตรงๆ ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่าย แต่กลับเลือกใช้วิธีทำเป็นซื้อขายกันเองหลอกๆ
ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งคุณหญิงพจมานต้องเสียค่าใช้จ่ายถึงกว่า 7 ล้านบาท

แสดงให้เห็นชัดเจนว่า นายบรรณพจน์และ คญ.พจมาน ทราบดีว่าหากโอนให้ตรงๆ แล้ว นายบรรณพจน์
จะต้องเสียภาษีเงินได้ 37% ของมูลค่าหุ้น เป็นเงินกว่า 2 ร้อยล้านบาท ซึ่งคญ.พจมานต้องเป็นคนจ่าย
จึงร่วมกันทำธุรกรรมอำพรางโดยทำเป็นซื้อขายกันหลอกๆ ผ่านตลาดหลักทรัพย์ ที่มีค่าใช้จ่ายแค่ 7 ล้าน

...

เรื่องการให้โดยการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยาหรือจาก การให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาส
แห่งขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นเรื่องที่คิดนำมาอ้างเอาภายหลังเมื่อเกิดเป็นคดีความ

แต่ในความเห็นของศาลการโอนหุ้นดังกล่าว คือการให้เป็นค่าตอบแทนแก่นายบรรณพจน์ที่ทำงานให้มานาน
ซึ่งต้องถือเป็นรายได้ของนายบรรณพจน์ (เหมือนกับการมีรายได้จากโบนัสพิเศษซึ่งต้องเสียภาษี)

หรืออีกทางหนึ่งในความคิดของผมอาจเป็นได้ว่า เป็นการโอนทรัพย์สินของคญ.พจมาน ที่ซุกไว้กับคนใช้
มาไว้กับพี่ชายแทน แต่อ้างว่าเป็นการยกหุ้นให้เหมือนกับที่ยกให้ลูกๆ ซึ่งในที่สุดก็เห็นแล้วว่ามีการนำมา
รวมขายให้สิงคโปร์ไปเมื่อต้นปี 2549

แต่ถึงจะเป็นในทางนี้ ธุรกรรมที่ทำขึ้นก็ต้องเกิดภาระภาษีที่นายบรรณพจน์ต้องจ่ายจากการได้รับหุ้นอยู่ดี
ซึ่งคนที่ต้องควักกระเป๋าจ่ายภาษี 2 ร้อยกว่าล้าน น่าจะเป็น คญ.พจมาน ที่เป็นคนโอนหุ้นให้

...

คำถามที่ว่าหากคุณไปหมั้นแฟนหรือแต่งงาน แฟนของคุณต้องเสียภาษีของหมั้นและสินสอดหรือไม่นั้น
คิดว่าการให้ของหมั้นและสินสอดน่าจะถือเป็น การให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบ-
ธรรมเนียมประเพณี อย่างชัดเจน  ซึ่งได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
แฟนของคุณจึงไม่ต้องเสียภาษีนะครับ


หัวข้อ: Re: เมื่อคุณหญิงพจมานต้องเสียภาษีจากการโอนหุ้น.......ถามเอาความรู้
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 03-08-2008, 15:15
จะลองอ่านแนวทางการพิจารณาของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่นำมาสู่การฟ้องคดีก็ได้นะครับ
แต่ต้องขอบอกก่อนว่ามันค่อนข้างจะยาวเหมือนกัน :slime_smile:

พลิกปูม ป.ป.ช.ฟัน5บิ๊กสรรพากรละเว้นเก็บภาษี'อ้อ-บรรณพจน์'ทำรัฐเสียหาย546ล้าน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=43594&catid=1


หัวข้อ: Re: เมื่อคุณหญิงพจมานต้องเสียภาษีจากการโอนหุ้น.......ถามเอาความรู้
เริ่มหัวข้อโดย: bangkaa ที่ 03-08-2008, 15:17
ชัดเจน ตามคำตอบของ คุณ jerasak



 :slime_fighto: :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: เมื่อคุณหญิงพจมานต้องเสียภาษีจากการโอนหุ้น.......ถามเอาความรู้
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา (ไร้สี ไร้กลิ่น ไร้ฝ่าย) ที่ 03-08-2008, 15:20
ประเด็นสำคัญอยู่ตรงจุดนี้ครับ คือ การโอนให้ดังกล่าวไม่ได้โอนให้จากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา
หรือจาก การให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี

เพราะนายบรรณพจน์ไม่ได้มีสถานภาพ ต้องได้รับความช่วยเหลืออุปการะ คุณหญิงพจมานไม่มีหน้าที่อะไร
ตามธรรมจรรยาที่จะต้องอุปการะนายบรรณพจน์ที่เพียงรายได้ส่วนตัวก็ปาเข้าไปปีละ 20 กว่าล้านบาท

ข้ออ้างเป็นการให้ในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ก็อ้างไม่ขึ้นเพราะมาอ้างเพิ่มภายหลัง
และเหตุที่อ้างคือให้เนื่องจากการแต่งงานและมีลูก เหตุที่อ้างก็ล่วงเลยมานานเป็นปีกว่าจะมีการให้

ข้ออ้างที่ว่าให้ล่าช้าเนื่องจากคุณทักษิณกำลังยุ่งก็อ้างไม่ขึ้นเพราะ หุ้นเป็นของคุณหญิงพจมานที่ฝากไว้
กับคนใช้ซึ่งสามารถโอนได้โดยไม่เกี่ยวกับคุณทักษิณแต่อย่างใด

นอกจากนี้หากนายบรรณพจน์ และคุณหญิงพจมาน เชื่อจริงๆ มาแต่ต้นว่าเรื่องดังกล่าวไม่ต้องเสียภาษี
ก็สามารถโอนให้กันได้เลยตรงๆ ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่าย แต่กลับเลือกใช้วิธีทำเป็นซื้อขายกันเองหลอกๆ
ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งคุณหญิงพจมานต้องเสียค่าใช้จ่ายถึงกว่า 7 ล้านบาท

แสดงให้เห็นชัดเจนว่า นายบรรณพจน์และ คญ.พจมาน ทราบดีว่าหากโอนให้ตรงๆ แล้ว นายบรรณพจน์
จะต้องเสียภาษีเงินได้ 37% ของมูลค่าหุ้น เป็นเงินกว่า 2 ร้อยล้านบาท ซึ่งคญ.พจมานต้องเป็นคนจ่าย
จึงร่วมกันทำธุรกรรมอำพรางโดยทำเป็นซื้อขายกันหลอกๆ ผ่านตลาดหลักทรัพย์ ที่มีค่าใช้จ่ายแค่ 7 ล้าน

...

เรื่องการให้โดยการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยาหรือจาก การให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาส
แห่งขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นเรื่องที่คิดนำมาอ้างเอาภายหลังเมื่อเกิดเป็นคดีความ

แต่ในความเห็นของศาลการโอนหุ้นดังกล่าว คือการให้เป็นค่าตอบแทนแก่นายบรรณพจน์ที่ทำงานให้มานาน
ซึ่งต้องถือเป็นรายได้ของนายบรรณพจน์ เหมือนกับการมีรายได้จากโบนัสพิเศษซึ่งต้องเสียภาษี

หรืออีกทางหนึ่งในความคิดของผมอาจเป็นได้ว่า เป็นการโอนทรัพย์สินของคญ.พจมาน ที่ซุกไว้กับคนใช้
มาไว้กับพี่ชายแทน แต่อ้างว่าเป็นการยกหุ้นให้เหมือนกับที่ยกให้ลูกๆ ซึ่งในที่สุดก็เห็นแล้วว่ามีการนำมา
รวมขายให้สิงคโปร์ไปเมื่อต้นปี 2549

แต่ถึงจะเป็นในทางนี้ ธุรกรรมที่ทำขึ้นก็ต้องเกิดภาระภาษีที่นายบรรณพจน์ต้องจ่ายจากการได้รับหุ้นอยู่ดี
ซึ่งคนที่ต้องควักกระเป๋าจ่ายภาษี 2 ร้อยกว่าล้าน น่าจะเป็น คญ.พจมาน ที่เป็นคนโอนหุ้นให้

...

คำถามที่ว่าหากคุณไปหมั้นแฟนหรือแต่งงาน แฟนของคุณต้องเสียภาษีของหมั้นและสินสอดหรือไม่นั้น
คิดว่าการให้ของหมั้นและสินสอดน่าจะถือเป็น การให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบ-
ธรรมเนียมประเพณี อย่างชัดเจน  ซึ่งได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
แฟนของคุณจึงไม่ต้องเสียภาษีนะครับ

แจ่มแจ้งเลย  :slime_fighto: