ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: snowflake ที่ 28-07-2008, 19:25



หัวข้อ: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 28-07-2008, 19:25
จดหมายเปิดผนึก นักวิชาการด้านอุษาคเนย์

คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

กรุงเทพฯ สยาม/ประเทศไทย

กรกฎาคม 2551

เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”

เรียน คณาจารย์ ผู้ปกครอง สื่อมวลชน นักศึกษา และพี่น้องประชาชนทั้งชาวไทย
       และชาวกัมพูชา

      อนุสนธิจากการปะทุขึ้นของความขัดแย้งในกรณีการขอจดทะเบียน “ปราสาท
พระวิหาร” เป็นมรดกโลกโดยทางการประเทศกัมพูชา ซึ่งนำไปสู่การประท้วงคัดค้าน
จากกลุ่มการเมืองและประชาชนไทย กระทั่งนำไปสู่การสร้างอารมณ์ความรู้สึกอัน
รุนแรงขึ้นทั่วไปในหมู่ประชาชนไทยวงการต่างๆ

      นักวิชาการด้านอุษาคเนย์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นกลุ่ม
ของอาจารย์และนักวิชาการ ที่ดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนและทำงานศึกษาวิจัย
เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออุษาคเนย์ เห็นว่า
ประเด็นที่กลุ่มการเมืองและประชาชน ที่ต่อต้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็น
มรดกโลกของกัมพูชานั้น เกี่ยวพันกับความเป็นมาทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของ
ภูมิภาคสุวรรณภูมินี้ ความรับรู้ในข้อเท็จจริงและการตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์
ทั้งหลายนั้นควรมีการกระทำอย่างเคารพต่อความจริง และเพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่
และสังคมได้มีโอกาสศึกษา และใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจของตนเอง ว่าจะ
สนับสนุนนโยบายและปฏิบัติการอะไร โดยไม่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่ม
การเมืองใดๆ ด้วยเหตุผลดังกล่าว นักวิชาการด้านอุษาคเนย์ จึงตระหนักถึงความ
จำเป็นที่ต้องแสดงจุดยืนทางวิชาการ 4 ข้อ ดังนี้

1. ต่อกรณีของ “ปราสาทพระวิหาร” นั้น นักวิชาการด้านอุษาคเนย์ เคารพต่อคำตัดสิน
ของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ  ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 15 มิถุนา-
ยน พ.ศ.2505 กล่าวคืออำนาจอธิปไตยเหนือ “ปราสาทพระวิหาร” เป็นของประเทศ
กัมพูชา

2. นักวิชาการด้านอุษาคเนย์ สนับสนุนการศึกษาประวัติศาสตร์ของภูมิภาคสุวรรณภูมิ
อย่างวิพากษ์และรอบด้านเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง แต่ไม่ใช้องค์ความรู้ทางวิชาการ
เพื่อเป็นไปในการปลุกปั่นสร้างกระแส และสร้างความชิงชังรังเกียจต่อประเทศเพื่อน
บ้าน ซึ่งก่อให้เกิดความดูถูกทางเชื้อชาติระหว่างกันขึ้นอันเป็นมรดกของลัทธิอาณา-
นิคมตะวันตก ทั้งอาจเป็นชนวนของความรุนแรงกระทั่งสงครามระหว่างรัฐชาติได้

3. นักวิชาการด้านอุษาคเนย์ เห็นด้วยและสนับสนุน ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์
ของสุวรรณภูมิ ว่ามีมรดกทางวัฒนธรรมร่วมกัน มาอย่างยาวนาน จึงควรร่วมมือกัน
สร้างและปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และภราดรภาพของประเทศและประชาชน
ที่เป็นเพื่อนบ้านกันในสังคมโลกาภิวัตน์ที่ไร้พรมแดนยิ่งขึ้นทุกวัน

4. นักวิชาการด้านอุษาคเนย์ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมเจรจากัน เพื่อหาแนวทาง
แก้ไขปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้น โดยขอเสนอให้ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ หรือ องค์กรอาเซียน เข้ามาเป็นองค์กรกลางในการไกล่เกลี่ยและ
สร้างหนทางในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาท ดังกล่าว

จึงเรียนมาเพื่อแจ้งให้คณาจารย์ ผู้ปกครอง สื่อมวลชน นักศึกษา และพี่น้องประชา-
ชนทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชา ได้ทราบจุดยืนทางวิชาการของ นักวิชาการด้าน
อุษาคเนย์ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ปัญหาดังกล่าวจะยุติลงได้ เพื่อการอยู่ร่วมกัน
ของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอย่าง สงบสันติและเคารพซึ่งกันและกัน

ขอแสดงความนับถือ

ลงชื่อ (รายนามแนบท้าย)


An Open Letter from Scholars of Southeast Asian Studies
Concerning the Preah Vihear Case


Faculty of Liberal Arts,
Thammasat University
Siam/Thailand
July 2008

To Teachers, Parents, Mass Media, Students, and the People of Thailand
and Cambodia,

The recent border dispute over the “Preah Vihear” World Heritage site
has led to a series of highly emotional protests from some organizations
and individuals in Thailand, leading to a situation of unwarranted hostility
among them and between people of the two countries.

Scholars of Southeast Asian Studies, whose purpose is to contribute
to knowledge about the Southeast Asian region, wish to emphasize
that the root of this border dispute is in the historical and cultural lega-
cies of Thailand and Cambodia. Facts and interpretations of historical
evidences should be conducted with respect to the truth, and not to
serve partsan political interests. Accordingly, we would like to propose
the following:

1. In the case of ‘Preah Vihear’, we fully support the ruling of the Inter-
national Court of Justice  on 15 June 1962 at The Hague, Netherlands;
that the sovereignty over the “Preah Vihear” belongs to Cambodia.

2. We support and promote the vigorous debates over contentious
issues, providing that the knowledge should not be used to cause
prejudice and antagonism between neighboring countries that may
even lead to warfare.

3. We recognize that various countries in the region share a common
history and culture. These commonalities should serve as the foundation
of international cooperation to protect human dignity and for fraternity
among nations, particularly in the face of increasing challenges to all
countries in the region posed by globalization.

4. We recommend that the necessary steps should be taken to resolve
this dispute through organizational mediation. The Association of South-
east Asian Nations (ASEAN) should initiate this process to achieve this
goal.

We urge teachers, parents, mass media, students, and the people of
Thailand and Cambodia to call for a peaceful solution to this dispute,
based on respect for the integrity of all Southeast Asian nations.

Yours sincerely,

Signed (enclosed)

รายชื่อผู้ร่วมลงนาม/The Signed/Khmer Language

ดร. ชาญวิทย์ เกษตรศิริ
อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Dr.Charnvit Kasetsiri
Former Rector, Thammasat University

รองศาสตราจารย์ ดร. ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ
คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Associate Professor Dr.Thanet Aphornsuvan
Faculty of Liberal Arts, Thammasat University

ศาสตราจารย์ ดร. ธงชัย วินิจกุล
มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน เมดิสัน
Professor Dr.Thongchai Winichakul
Southeast Asian Studies Program, University of Wisconsin Madison

ดร.ศรีประภา เพชรมีศรี
โครงการสิทธิมนุษยชนศึกษาและการพัฒนาสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
Dr.Sriprapha Petcharamesree
Office of Human Rights Studies and Social Development, Mahidol
University

อาจารย์กฤษณา พรพิบูลย์
นักวิชาการ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา
Miss Kridsanah Pornpibul
Scholar, Southeast Asian Studies

ดร. เคย์ โมห์แมน
นักวิชาการ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา
Dr.Kay Mohlman
Scholar, Southeast Asian Studies


อาจารย์อัครพงษ์ ค่ำคูณ
โครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา
Mr.Akkharaphong Khamkhun
Southeast Asian Studies Program

อาจารย์เม็ง วง
นักวิชาการ สถาบันภาษาแห่งชาติ ราชบัณฑิตสถานแห่งกัมพูชา
Mr.Meng Vong
Institute of National Language, Royal Academy of Cambodia

อาจารย์ สมฤทธิ์ ลือชัย
นักวิชาการ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา
Mr.Somrit Luechai
Scholar, Southeast Asian Studies


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 28-07-2008, 19:29
อธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร

อ่าน10รอบไป ไม่ใช่อธิปไตยเหนือเขาพนมดงเร็ก


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: meriwa ที่ 28-07-2008, 19:42
อะไรของเจ๊น้ำแข็งไสย์  หาเรื่องถูกใจมาตัดแปะได้ยากหรือไง หายไปนานเชียว

จุดยงจุดยืนอะไร ตอนนี้เค้าเล่นกันเรื่องพื้นที่รอบตัวปราสาทแล้ว มัวฝันกลางวันกันอยู่หรือไง


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: นักปฏิวัติ ที่ 28-07-2008, 19:52
ความเห็นต่อผู้ลงชื่อ

่เป็นกลุ่มนักวิชาการ ที่เป็นคลังสมองในเว็บ ประชาไท (คนต่างชาติ อาจเป็นแนวร่วม)
อ.ชาญวิทย์ แกค่อนข้างมีอคติต่อ พันธมิตร ผมสังเกตจากหลายบทความ

ความเห็นต่อเนื้อหา


ไม่มีอะไรใหม่
น่าจะแสดงจุดยืนที่เฉพาะเจาะจงและชัดเจน ต่อประเด็นข้อพิพาท เช่น สนับสนุน หรือไม่สนับสนุนอธิปไตย รอบปราสาทพระวิหารเป็นของไทย เป็นต้น



หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 28-07-2008, 20:38
เพิ่งมาแปะอะไรเอาตอนนี้ครับ ผมแนะนำให้ไปตามอ่านจากกระทู้ด้านล่างที่ตกไปแล้วมีมากมายและเข้าใจถ่องแท้กันหมดแล้ว

ตอนนี้ไทยกำลังจะเสียพื้นที่4.6ตารางกิโลเมตรไปแล้ว และพื้นที่เกาะกูดและทะเลอ่าวไทยด้วย

คุณเฟลคคงไม่รู้เรื่องเลยสินะครับ สักแต่ก็อปแปะอย่างเดียว

 :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: 1ktip ที่ 28-07-2008, 21:12
หายไปนาน คิดถึงนะเนี่ย :slime_smile:


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 28-07-2008, 21:23
 
นักประวัติศาสตร์น่าจะไปดูการเขียนประวัติศาสตร์ของเขมรมากกว่า

น่าเป็นห่วงกว่าเยอะ :?



หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: samepong(ยุ่งแฮะ) ที่ 28-07-2008, 21:26
เรื่องตัวประสาท เค้ายอมรับไปนานแล้วว่า มันเป้ฯของกัมพูชา แต่ท่เค้ากำลังปกปักษ์รักษาคือพื้นที่4.6ตร.กม. ที่เขมรมันไล่คนไทยแต่เรากับมาด่ากันว่าเป็นของเขมรๆๆ อยู่เนี่ยแหละ

หรือวาการเสีย4.6ตร.กม.ในความคิดุณมันเหมาะสมแล้ว ทำไมคนรักทักษินถึงยอมและพร้อมจะเสียดินแดน4.6ตร.กม.กันจัง


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 28-07-2008, 22:12
อีบ้านี่ โผล่มาแต่ละที
ดัดจริตเป็นอยู่อย่างเดียว "เขาพระวิหารเป็นของเขมรๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"

อย่างที่คุณ samepong พูดแหละ
เขาพูดถึงเรื่องพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรที่เขมรพ่อเธอจะมา่เอาไป

หนีไปเสพสังวาส เสพเมถุนที่ไหนก็ไปซะไป อีบ้า



หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: eAT ที่ 28-07-2008, 23:08
ผมสงสัยว่า ในกรณี
1. 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาจะสนับสนุนให้แยกตัวเป็นอิสระตามประวัติศาสตร์หรือไม่
2. ถ้าหัวเมืองฝ่ายเหนืออ้างประวัติศาสตร์ของแยกตัวเป็นอิสระ ก็ถือว่าชอบธรรมหรือไม่
3. ราชอาณาจักรสุโขทัย ขอไม่ขึ้ตรงกับกรุงเทพ จะได้ไหม
4. ถ้าอยุธยาขอแยกตัวเป็นอิสระจะดีไหม


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: Rule of Law ที่ 28-07-2008, 23:16
ฮ่าๆๆๆ     

เล่นกันเอ๋อไปเลยทีเดียว   :slime_dizzy:
จั่วหัวกระทู้มาซะ โคตรอภิมหาอลังการงานสร้าง
จดหมายเปิดผนึก นักวิชาการ บลาๆๆๆๆ
นึกว่าจะมีมุมมองอะไรใหม่เกี่ยวกับเรื่องนี้............


 :slime_sleeping: :slime_sleeping: :slime_sleeping:


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ล้างโคตรทักษิณ ที่ 28-07-2008, 23:38
ทำไมคนรักทักษินถึงยอมและกระ***นกระหือรือจะเสียดินแดน4.6ตร.กม.กันจัง


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 28-07-2008, 23:41
มีจุดยืนทางวิชาการ แต่ละทิ้งจุดยืนในความเป็นคนไทยไปแล้วเหรอ  :slime_worship:


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: บักหัวเถิก ที่ 28-07-2008, 23:42
แฮ่ๆๆๆ เฉพาะตัวปราสาทไม่ใช่หรอ อย่าเหมาดิ

เขรมไม่ใช่พ่อ ง้อมันทำไม ไม่ได้ขอข้าวมันแดก


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 29-07-2008, 00:27
จดหมายเปิดผนึก นักวิชาการด้านอุษาคเนย์

คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

กรุงเทพฯ สยาม/ประเทศไทย

กรกฎาคม 2551

เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”

เรียน คณาจารย์ ผู้ปกครอง สื่อมวลชน นักศึกษา และพี่น้องประชาชนทั้งชาวไทย
       และชาวกัมพูชา

      อนุสนธิจากการปะทุขึ้นของความขัดแย้งในกรณีการขอจดทะเบียน “ปราสาท
พระวิหาร” เป็นมรดกโลกโดยทางการประเทศกัมพูชา ซึ่งนำไปสู่การประท้วงคัดค้าน
จากกลุ่มการเมืองและประชาชนไทย กระทั่งนำไปสู่การสร้างอารมณ์ความรู้สึกอัน
รุนแรงขึ้นทั่วไปในหมู่ประชาชนไทยวงการต่างๆ

      นักวิชาการด้านอุษาคเนย์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นกลุ่ม
ของอาจารย์และนักวิชาการ ที่ดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนและทำงานศึกษาวิจัย
เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออุษาคเนย์ เห็นว่า
ประเด็นที่กลุ่มการเมืองและประชาชน ที่ต่อต้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็น
มรดกโลกของกัมพูชานั้น เกี่ยวพันกับความเป็นมาทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของ
ภูมิภาคสุวรรณภูมินี้ ความรับรู้ในข้อเท็จจริงและการตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์
ทั้งหลายนั้นควรมีการกระทำอย่างเคารพต่อความจริง และเพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่
และสังคมได้มีโอกาสศึกษา และใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจของตนเอง ว่าจะ
สนับสนุนนโยบายและปฏิบัติการอะไร โดยไม่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่ม
การเมืองใดๆ ด้วยเหตุผลดังกล่าว นักวิชาการด้านอุษาคเนย์ จึงตระหนักถึงความ
จำเป็นที่ต้องแสดงจุดยืนทางวิชาการ 4 ข้อ ดังนี้

1. ต่อกรณีของ “ปราสาทพระวิหาร” นั้น นักวิชาการด้านอุษาคเนย์ เคารพต่อคำตัดสิน
ของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ  ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 15 มิถุนา-
ยน พ.ศ.2505 กล่าวคืออำนาจอธิปไตยเหนือ “ปราสาทพระวิหาร” เป็นของประเทศ
กัมพูชา
................................................................................................................



1. ผมเชื่อว่าสมาชิกเวบเสรีไทย เข้าใจและติดตาม ยอมรับว่าเขมรมี'อธิปไตย'เหนือ'ปราสาทพระวิหาร'....!!!


2. คุณsnowflake ต้องไปอ่านคำให้สัมภาษณ์ของสมเด็จฮุนเซน รองนายกฯ/รัฐมนตรีต่างประเทศเขมร ยืนยันว่าที่ดินรอบ'ปราสาทพระวิหาร' รวมทั้งวัดแก้วสิขเรศวร  เป็นของเขมรด้วย...!!!

นายธฤตกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไทยยืนยันว่าพื้นที่บริเวณวัดแก้วสิขเรศวร ที่กล่าวถึงใน หนังสือของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาอยู่ในดินแดนของไทย การที่ได้มีชาวกัมพูชาขึ้นไปสร้างวัด สิ่งปลูกสร้างต่างๆ รวมทั้งที่อยู่อาศัย กับทั้งมีทหารอยู่ในพื้นที่นั้น ถือว่าได้ละเมิดอธิปไตยและดินแดนของไทย ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลไทยได้ทำการประท้วงเป็นลายลักษณ์อักษรมาแล้ว 4 ครั้งตั้งแต่ปี 2547 2548 2550 และครั้งหลังสุดเมื่อเดือนเมษายน 2551
.....


 กัมพูชายังอ้างว่า พื้นที่ทับซ้อนเป็นของกัมพูชา
เนชั่นทันข่าว 10:15 น.

หลังจากที่เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ได้ส่งจดหมายตอบกลับนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน ของกัมพูชา โดยยืนยันว่าพื้นที่ทับซ้อนปราสาทพระวิหารเป็นดินแดนไทย และสิ่งปลูกสร้างรวมถึงทหารกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่ละเมิดอธิปไตยของไทยนั้น พลตรีเจีย เคียว ผู้บัญชาการกองทัพบกจังหวัดพระวิหาร กล่าวว่า หากดูตามแผนที่แล้ว พื้นที่ดังกล่าวเป็นของกัมพูชา 

แม้สถานการณ์ในพื้นที่วันนี้จะยังสงบเรียบร้อย แต่พลตรีเจียเปิดเผยว่าทั้งสองฝ่ายยังคงเสริมกำลังพลเข้าไปในพื้นที่ โดยกัมพูชาได้ส่งทหารเข้าประจำการกว่า 1,000 นาย ส่วนฝ่ายไทยนั้น มีทหารเกือบ 400 นายบริเวณเชิงเขาและไม่แน่ใจว่ายังมีอีกกี่นายที่อยู่ตามป่า

ก่อนหน้านี้ ทางการกัมพูชาปฏิเสธที่จะเปิดตัวเลขกำลังทหารของตนที่ประจำการบริเวณพรมแดน แต่สื่อต่างชาติรายงานว่ามีการเคลื่อนกำลังพลหลายร้อยนายเข้าไปเสริมทหาร 1,000 นายฝั่งกัมพูชา ส่วนไทยเอง มีการส่งทหาร 100 นายไปเพิ่มจากที่ประจำการอยู่ในพื้นที่แล้วตอนนี้ 400 นาย ก่อนที่สองฝ่ายจะเปิดการประชุมเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดในวันจันทร์นี้ 
 




นักวิชาการ อดีต รมต.กต.นพดลบอกว่าเขมรต้องการ'ปราสาทพระวิหาร'เท่านั้น
แต่นายกรัฐมนตรีเขมร รัฐมนตรีต่างประเทศเขมร และนายพลเขมรบอกว่าดินแดนรอบข้างปราสาท เป็นของเขมรด้วย....!!!

นายกฯสมัคร เปลี่ยนท่าทีหลังจากได้รู้ว่านายกฯเขมรประกาศว่าที่ดินรอบข้าง
รวมทั้งวัดนั้นเป็นของเขมร และหลังจากทราบเจตนาซ่อนเร้นของคณะกรรมการ 7 ชาติ....!!!


คุณ snowflake จะนิ่งเฉย ไม่พูดถึง หรือไม่ต้องการที่ดินรอบ'ปราสาทพระวิหาร'... :?:





หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 29-07-2008, 01:19
 นายโบ เนียะ พ่อค้าชาวกัมพูชา กล่าวว่า ไม่มีใครสนใจเรื่องผลการเลือกตั้งในกัมพูชา เพราะมั่นใจว่าสมเด็จฮุน เซน จะได้ชัยชนะอย่างแน่นอน จึงให้ความสนใจกรณีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร ส่วนใหญ่เกรงว่าอาจไม่สามารถตกลงกันได้  เนื่องจากโทรทัศน์ของกัมพูชาเสนอข่าวมาโดยตลอดว่า ปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นแผ่นดินกัมพูชา กำลังจะถูกประเทศไทยแย่งไป พร้อมทั้งเสนอข่าวในทำนองที่ว่าชาวกัมพูชาจะไม่ยอมเสียดินแดนส่วนนี้ให้ไทย

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โทรทัศน์ของกัมพูชานำเสนอข่าวโดยใช้ถ้อยคำที่แข็งกร้าว ระบุว่าการประชุมจะไม่บรรลุผล หรือตกลงกันได้ อาจทำให้เหตุการณ์บานปลาย จนต้องมีการปิดพรมแดน เมื่อบวกกับการพยายามปลุกระดมของบุคคลบางกลุ่มในฝั่งปอยเปตให้ชาวเขมรต่อต้านประเทศไทย ส่งผลให้ชาวเขมรที่มาค้าขายในตลาดโรงเกลือหลายพันคนเกิดความหวาดกลัวว่าสถานการณ์อาจบานปลาย



http://www.komchadluek.net/2008/07/29/x_main_a001_213494.php?news_id=213494


นักวิชาการไทยและคุณ snowflake ต้องก้าวออกจากห้องทำงาน เดินไปดูว่าที่ดินรอบปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร หรือ ของไทย....!!!





หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 29-07-2008, 01:37
อย่าไปใส่ใจอีบ้าตัวตัดแปะอย่างนังนี่เลยครับ
สังเกตแม่งมานานจนอดรนทนไม่ไหว ขอสำรอกใส่แม่งสักครั้งเถอะ

มันไม่อยากได้ดินแดนที่เรามีปัญหากับเขมร ก็ช่างโคตรมารดาของมัน
แต่โคตรบิดาของผมอยากได้ อยากปกป้อง เพราะผมเชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ตามกฏหมายทุกประการ

และเรื่องของอีนี่
อีนี่วันๆมันสนแค่รูขี้ของมันเองเท่านั้นแหละั ทำอะไรเพื่้อส่วนรวมมันคงทำไม่เป็นหรอก
อีนี่มันเลวบัดซบขนาดที่ว่าเสี้่ยมชาวบ้านเขาให้มีปัญหาข้ามบอร์ด พอเกิดเรื่องละหนีไปมุดรังไข่ไหนก็ไม่รู้
อีนี่มันเลวบัดซบขนาดที่ว่าแยกการเมืองกับสิทธิที่เราควรต้องปกป้องอย่างแผ่นดินก็ไม่ออก
อีนี่วันๆมันหาแต่เรื่องมาบอกว่านั่นก็ของเขมร นี่ก็ของเขมร เขมรเป็นพ่อมึงรึไงอีห่า

ถึงผมจะไม่รู้จักอีบ้านี่
แต่ผมก็พอเดาได้ ว่าอีนี่อายุมันไม่ได้น้อยแล้ว


สรุปก็คือ ถ้ามันแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นานก็ช่างศรีษะของมันเถอะ

ไม่ได้ใส่ใจเลย ที่ผมต้องสำรอกคำหยาบๆใส่อีนี่
เพราะโลกใบจริงของผม ผมคงไม่ได้สมาคมกะคนที่มีความคิดอัปปรี-ย์อย่างอีนี่
และแน่นอน คนอย่างมันก็คงไม่ได้สมาคมกะคนที่มีความคิดแบบผมเช่นกัน

ดัดจริตเหลือเกินอีนี่
ไม่อยากได้แผ่นดินก็ช่างหัวเอ็ง ไปสุมหัวอัปปรี-ย์ๆ อยู่กะพวกของเอ็งเถอะไป
ไปเสพสังวาสกะพวกเดียวกันไปเว็บสกปรกๆอย่างประชาไทเถอะ
นั่นเป็นที่ๆเหมาะสมกะคนอย่างเอ็ง


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 29-07-2008, 07:35
เท่ แต่กินไม่ได้


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ชามู ที่ 29-07-2008, 08:34
ทำไมเพื่อนๆถึงเรียนเจ้าของกระทู้เต็มยศว่า "อีบ้าตัวตัดแปะ" อย่างนั้นเล่าครับ

ผมว่าเรียกแค่สั้นๆ ก็พอครับ

"อีแปะ"


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชากา$
เริ่มหัวข้อโดย: ahu ที่ 29-07-2008, 08:40
เจ้าของกระทู้อย่าเอาแต่แปะอย่างเดียว เข้ามาอ่านแล้วเข้ามาตอบแสดงควางคิดเห็นมั่งสิครับ


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 29-07-2008, 14:15
เรื่องตัวประสาท เค้ายอมรับไปนานแล้วว่า มันเป้ฯของกัมพูชา แต่ท่เค้ากำลังปกปักษ์รักษาคือพื้นที่4.6ตร.กม. ที่เขมรมันไล่คนไทยแต่เรากับมาด่ากันว่าเป็นของเขมรๆๆ อยู่เนี่ยแหละ

หรือวาการเสีย4.6ตร.กม.ในความคิดุณมันเหมาะสมแล้ว ทำไมคนรักทักษินถึงยอมและพร้อมจะเสียดินแดน4.6ตร.กม.กันจัง

อีบ้านี่ โผล่มาแต่ละที
ดัดจริตเป็นอยู่อย่างเดียว "เขาพระวิหารเป็นของเขมรๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"

อย่างที่คุณ samepong พูดแหละ
เขาพูดถึงเรื่องพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรที่เขมรพ่อเธอจะมา่เอาไป

หนีไปเสพสังวาส เสพเมถุนที่ไหนก็ไปซะไป อีบ้า





[1. ผมเชื่อว่าสมาชิกเวบเสรีไทย เข้าใจและติดตาม ยอมรับว่าเขมรมี'อธิปไตย'เหนือ'ปราสาทพระวิหาร'....!!!





ไทยไม่เคยกระ***นกระหือ รับมติอัปยศ

ด้วยหลักฐานง่ายๆ คือเขตสันปันน้ำ
 

ถึงเราจะไม่รบ ถึงเราให้เค้าอยู่ของเค้าในพื้นที่ที่โดนตัดสิน

แต่เราก็ไม่เคยยอมรับ แม้แต่เชิญธงมาประจำก็แบกทั้งเสา

สมัยนั้นตัดสินตามคำพูด และ กระดาษแบนๆเท่านั้น


http://forum.serithai.net/index.php?topic=29366.0


ส่วนกระทู้นี้ก็เล่นกัน แต่อธิปไตยของไทยเหนือ ปราสาทเขาพระวิหารกันล้วนๆเลย

บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร   
http://forum.serithai.net/index.php?topic=27966.0

"ปัญหาอยู่ที่ว่า ไทยเราสงวนสิทธิ์ไม่ยอมรับคำตัดสิน จะสงวนไปนานเท่าไหร่ ไม่ใช่ปัญหา จะอุธรณ์ได้หรือไม่ ระยะเวลาตามกฎหมายหมดไปหรือยัง ไม่ใช่ประเด็น
ตราบใดที่เรายังประท้วงกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ไม่ยอมรับการยึดครองของเขมร เมื่อมีการแก้กฎหมายระหว่างประเทศ แล้วมีช่องทางให้เราสู้คดีใหม่ เราก็ได้สู้ แต่หากเขมรยึดครองไปแล้ว ถึงมีการแก้กฎหมายระหว่างประเทศ เราก็สูไม่ได้แล้ว"

http://forum.serithai.net/index.php?topic=28300.0




 :slime_smile:
 
   

 



หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ssa ที่ 29-07-2008, 14:51
รบกวนสมาชิกสองเรื่อง
1.ใส่รูปไม่เป็น ช่วยเหลือหน่อยครับ
2.ข้อความยังพิมพ์ไม่เสร็จ แต่เห็นความกระ***นกระหือรือของบางคนให้ร้ายประเทศแผ่นดินเกิดของตนเองไม่ไหว จึงนำมาลงเท่าที่พิมพ์เสร็จ แต่พิมพ์ช้าต้องขอโทษด้วย ที่ส่วนหลังอาจรออีกหลายวัน
3.ส่วนท้ายจะได้เห็นกันว่าเสียดินแดนหรือไม่ อย่างไร และเข้าม.190 ว.2 หรือไม่ โดยที่วรเจตน์นำคำวินิจฉัยมาเล่นคำตามตัวอักษร คือคำว่า "อาจ"
4.ความผิดทางอาญาของผู้เกี่ยวข้อง





หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ssa ที่ 29-07-2008, 14:57
ผลกระทบจากการสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนโบราณสถานพระวิหารเป็นมรดกโลกฝ่ายเดียว

ประเด็นการขึ้นทะเบียนมรดกโลกโบราณสถานพระวิหารเป็นประเด็นร้อนแรงในห้วงกว่าเดือนที่ผ่านมา ข้อมูลข่าวสารจากฝ่ายต่างๆ ไหลพรั่งพรูออกมา ซึ่งมีทั้งข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ข้อมูลที่แต่งเติมสีสรร ใส่ไข่ ก่อให้เกิดความสับสนและผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง

เกี่ยวแก่เรื่องโบราณสถานพระวิหาร สังคมตั้งประเด็นคำถามที่กล่าวได้ว่าร้อนแรงที่สุด คือ “ไทยเสียดินแดนหรือไม่”
 
สังคมไทยชอบตั้งคำถามเช่นที่กล่าวนี้  อันเป็นคำถามที่ต้องการผลสรุปสุดท้าย มากกว่าต้องการที่มาที่ไปของข้อเท็จจริง หลักและเหตุผลเกี่ยวแก่การนั้นๆ   
 

คำถามดังกล่าว หากจะตอบสั้นๆคงได้คำตอบที่ไม่ถูกต้องตรงต่อความเป็นจริง เนื่องจาก การสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนโบราณสถานพระวิหารเพียงฝ่ายเดียว จะทำให้ไทยเสียดินแดนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหลายประการ  อันเป็นเหตุการณ์ในอนาคตที่ไม่แน่นอน จึงมีผู้นำคำตอบที่ไม่ถูกต้องตรงต่อความเป็นจริงเช่นนี้ไปอ้างอิง ขยายความ บิดเบือนเพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายตน ฝ่ายหนึ่งก็อ้างว่า “ไม่เสียดินแดน” อีกฝ่ายก็อ้างว่า “เสียดินแดน” 

ทั้งนี้และทั้งนั้น ไม่ว่าฝ่ายใดล้วนตั้งเป้าหมายไว้  แล้วดึงเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าสู่ข้อสรุปตามที่ฝ่ายตนเองต้องการ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหาย  ความจริง หรือองค์ความรู้ใดๆ  อาจด้วยการสร้างวาทกรรม ให้ข้อมูลเท็จ  บิดเบือนข้อเท็จจริง  ปกปิดข้อเท็จจริง หรือด้วยการกระทำอย่างใดๆ เพียงเพื่อหวังผลประโยชน์ฝ่ายตนแต่ถ่ายเดียว โดยไม่คำนึงถึงส่วนรวม สังคม แม้กระทั่งประเทศชาติ

การขึ้นทะเบียนโบราณสถานพระวิหารเป็นมรดกโลกที่ผ่านมา มีทั้งฝ่ายที่สนับสนุน และฝ่ายที่คัดค้าน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ สุดท้าย โบราณสถานพระวิหารก็ได้รับการอนุมัติจาก Unesco ให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยกัมพูชาแต่ฝ่ายเดียว ด้วยการสนับสนุนของรัฐบาลไทย   ภายใต้การคัดค้านจากสังคมไทยทุกภาคส่วน

เช่นนี้แล้ว ผลที่ตามมาจากการณ์นี้จะส่งผลกระทบกับประเทศไทยหรือไม่ อย่างไร  ต้องพิเคราะห์โดยแบ่งออกเป็นสามช่วงเวลา ดังต่อไปนี้

--ช่วงแรกขึ้นทะเบียนโบราณสถานพระวิหาร และองคาพยพต่างๆ เช่น บันได ตามแผนที่โซน 1 (ดูแผนที่ในเขาพระวิหาร 12) รวมทั้งพื้นที่โซน 2 ซึ่งถือเป็นเขตอนุรักษ์ฝั่งตะวันออกและฝั่งใต้ของโบราณสถานพระวิหาร

--ช่วงที่สอง พื้นที่โซน 3 คือฝั่งตะวันตกและฝั่งเหนือของโบราณสถานพระวิหารจะตกอยู่ในเขตอนุรักษ์มรดกโลกแห่งนี้ด้วย อย่างช้าที่สุดภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2010

--ช่วงที่สาม หลังจากพื้นที่ทั้งโซน 1+2+3 ตกอยู่ในเขตอนุรักษ์มรดกโลกโบราณสถานพระวิหารทั้งหมดแล้ว


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ssa ที่ 29-07-2008, 14:58
1.ช่วงแรกขึ้นทะเบียนโบราณสถานพระวิหาร และองคาพยพต่างๆ เช่น บันได ตามแผนที่โซน 1 (ดูแผนที่ในเขาพระวิหาร 12) รวมทั้งพื้นที่โซน 2 ซึ่งถือเป็นเขตอนุรักษ์ฝั่งตะวันออกและฝั่งใต้ของโบราณสถานพระวิหาร
 
ในชั้นนี้ เป็นการขึ้นทะเบียนโบราณสถานมรดกโลกพระวิหารส่วนแรก (ส่วนพื้นที่โซน 3 จะมีผลหลังวันที่ 1 กพ. ค.ศ.2010)  พื้นที่ส่วนนี้ยังคงมีปัญหาบางส่วน ซึ่งตามการกำหนด “แนวปฏิบัติ”(มิใช่เส้นเขตแดน) โดยมติครม.ปี พ.ศ.2505 ได้ล้อมรั้วที่บันไดขั้นที่ 161-162 และพื้นที่บางส่วนรอบตัวปราสาท (ดูแผนที่ประกอบ)
 
แต่ช่วงประมาณปี พ.ศ.2540 ทางกัมพูชาได้ทำการทำรั้วและแนวขึ้นมาใหม่ โดยรื้อรั้วที่เคยมีอยู่ที่บันไดขั้นที่ 161-162 รวมทั้งส่วนอื่นๆออก และใช้แนวลำห้วยลึกเข้ามาทางด้านประเทศไทย  รวมทั้งได้ปล่อยให้ชาวกัมพูชาเข้ามาตั้งร้านค้า ปลูกเพิงพักถึงเชิงบันได ซึ่งทางประเทศไทยได้ทำการประท้วงเป็นลายลักษณ์อักษรมาแล้ว 4 ครั้งตั้งแต่ปี 2547 2548 2550 และครั้งหลังสุดเมื่อเดือนเมษายน 2551
 
พื้นที่ดังกล่าวนี้ จึงยังคงมีปัญหาที่ต่างฝ่ายอ้างอธิปไตยเหนือดินแดน และต่างฝ่ายอ้างความเป็นเจ้าของดินแดน (ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวแก่อธิปไตยเหนือดินแดนจะยกไปกล่าวในข้อ 2 ถัดไป)
 
แต่เอาล่ะ หากจะมองอย่างกลืนเลือดชาวไทยด้วยกันเอง มองในแง่ร้ายแก่ประเทศไทยเอง พื้นที่ทั้งโซน 1 และโซน 2 ว่ากัมพูชามีอธิปไตยเหนือดินแดน (แต่ผมเชื่อว่า คนไทยที่มีจิตสำนึกความเป็นคนไทยอยู่ในตัวทุกคนคงไม่ยอม และผมเองก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง)   ก็จะยกไว้ไม่กล่าวถึงในข้อนี้ ทั้งนี้เพื่อจะได้เห็นชัดๆในพื้นที่โซน 3 ว่าการที่รัฐบาลไปยอมรับและสนับสนุน รวมทั้งลงนามแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชา จนกัมพูชาสามารถขึ้นทะเบียนโบราณสถานพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียวก่อให้เกิดผลร้ายแรง เสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศไทยอย่างไร


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: hilander ที่ 29-07-2008, 14:59
เป็นของเขมร ก็คือของเขมร
ตัวปราสาท และพื้นที่ที่ไทยอ้างว่าทับซ้อน จริง ๆ แล้วมันเป็นของเขมรตั้งแต่ศาลโลกตัดสินแล้ว

ตะแบงไปทำไม ตะแบงเพื่ออะไร ไม่เข้าใจ   


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ssa ที่ 29-07-2008, 15:00
2. ช่วงที่สอง พื้นที่โซน 3 คือฝั่งตะวันตกและฝั่งเหนือของโบราณสถานพระวิหารจะตกอยู่ในเขตอนุรักษ์มรดกโลกแห่งนี้ด้วย (นอกเหนือจากพื้นที่โซน 1 และโซน 2 ข้างต้น) อย่างช้าที่สุดภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2010 ไม่ว่าการปักปันเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาจะสำเร็จลุล่วงหรือไม่ก็ตาม

กรณีเช่นนี้ จะเห็นได้ชัดเจนถึงวาทกรรมที่ถูกสร้างขึ้นว่า “ขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท” นั้น  จึงไม่เป็นความจริง เป็นการจงใจสร้างวาทกรรมขึ้นเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง  ก่อให้ประชาชนคนไทยเกิดความเข้าใจผิด และยังเป็นการจงใจปกปิดไม่ให้ประชาชนรู้ความจริงอีกด้วย

การที่พื้นที่โซน 3 ซึ่งทั้งประเทศไทยและกัมพูชาต่างอ้างความเป็นเจ้าของดินแดนอันก่อให้เกิดเป็นพื้นที่ที่เรียกกันว่า “พื้นที่ทับซ้อน” นั้น จะต้องตกอยู่ภายใต้เขตอนุรักษ์มรดกโลกโบราณสถานพระวิหาร จะเห็นกันได้อย่างชัดๆ ถึงความเสียหายที่เกิดกับประเทศไทยอย่างรุนแรง และยากเกินกว่าที่จะเยียวยาได้ง่ายๆ (ข้อเท็จจริงพื้นที่โซน 1 และโซน 2 ก็เสียหายในลักษณะเดียวกัน) จากการที่รัฐบาลนี้ได้ยอมรับสนับสนุนและไปทำความตกลงให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนโบราณสถานพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว

หากแต่การจะพิเคราะห์ถึงผลร้ายที่เกิดขึ้นต่อประเทศไทยในกรณีนี้ จะต้องทำความเข้าใจประเด็นเนื้อหาสองประเด็นควบคู่ไปด้วย กล่าวคือ อำนาจอธิปไตยกับดินแดน และ ความเป็นเจ้าของมรดกโลกกับการบริหารจัดการพื้นที่เขตอนุรักษ์

ความเป็นเจ้าของดินแดนย่อมหมายความรวมถึงความมีอธิปไตยเหนือดินแดนแห่งนั้นๆด้วย ในทางกลับกัน การมีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนไม่จำต้องเป็นเจ้าของดินแดน เช่น กรณีเกาะฮ่องกงที่อังกฤษเช่าจากจีนแผ่นดินใหญ่เป็นเวลา 99 ปี การใช้อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนเกาะฮ่องกงทั้งทางนิติบัญญัติบริหาร และตุลาการย่อมเป็นการใช้โดยทางประเทศอังกฤษ แต่เกาะฮ่องกงก็ยังคงเป็นดินแดนของจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อสิ้นระยะเวลาดังกล่าว อังกฤษย่อมต้องส่งคืนเกาะฮ่องกงแก่เจ้าของ เมื่อเกาะฮ่องกงคืนสู้เจ้าของแล้ว การใช้อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนเกาะฮ่องกงก็กลับไปสู่จีนแผ่นดินใหญ่


ส่วนความเป็นเจ้าของมรดกโลกกับการบริหารจัดการพื้นที่เขตอนุรักษ์นั้นเป็นคนละเรื่อง สถานะและความสำคัญของประเทศที่เป็นเจ้าของมรดกโลกกับประเทศที่ทำการบริหารจัดการพื้นที่เขตอนุรักษ์แตกต่างกันมาก  ทั้งในแง่สิทธิ  อำนาจ การแสดงออกถึงอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน จนกระทั่งมีความสำคัญสำหรับการเป็นพยานหลักฐานชิ้นสำคัญต่อการอ้างกฎหมายปิดปาก (Estoppel) ซึ่งล่อแหลมต่อการเสียดินแดนของประเทศไทย


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ssa ที่ 29-07-2008, 15:01
การที่โบราณสถานแห่งหนึ่งๆได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จะต้องมีการประกาศกำหนดพื้นที่เป็นเขตอนุรักษ์ ซึ่งตามแผนที่มรดกโลกโบราณสถานพระวิหารก็ครอบคลุมพื้นที่โดยรอบทั้งโซน 1 โซน 2 และโซน 3  การประกาศกำหนดเขตพื้นที่เช่นนี้จะต้องตราเป็นกฎหมาย และประเทศเจ้าของมรดกโลกเท่านั้นที่มีสิทธิมีอำนาจเช่นนั้น ซึ่งก็คือ ประเทศกัมพูชา ส่วนประเทศที่มีส่วนร่วมบริหารจัดการไม่มีอำนาจเช่นว่านี้

เมื่อประเทศเจ้าของมรดกโลกเท่านั้นที่มีอำนาจตรากฎหมายกำหนดเขตพื้นที่อนุรักษ์ นั่นย่อมหมายความว่า ประเทศกัมพูชามีอำนาจแต่เพียงฝ่ายเดียวที่สามารถตรากฎหมายขึ้นบังคับใช้บนเขตพื้นที่ทั้งโซน 1 โซน 2 และโซน 3 นอกจากนี้ ยังรวมถึงกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับโบราณสถาน โบราณวัตถุ (ในประเทศไทยก็คือ พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ) กฎหมายเหล่านี้ของประเทศเจ้าของมรดกโลกเท่านั้นที่มีผลบังคับใช้เหนือเขตพื้นที่อนุรักษ์   ซึ่งนั่นคือการใช้อำนาจอธิปไตยในทางนิติบัญญัติที่กัมพูชาเท่านั้นมีเหนือเขตพื้นที่ทั้งสามโซน   ตัวอย่างเช่น อุทยานมรดกโลกต่างๆในประเทศไทย สุโขทัย ศรีสัชณาลัย เขาใหญ่ ห้วยขาแข้งหรือทุ่งใหญ่นเรศวร ล้วนต้องตรากฎหมายประกาศกำหนดเขตพื้นที่อนุรักษ์ทั้งสิ้น รวมถึงอุทยานมรดกโลกของต่างประเทศทุกแห่ง

นอกจากนี้ ความเป็นเจ้าของมรดกโลกโดยกัมพูชาฝ่ายเดียว ยังรวมไปถึงการบังคับใช้กฎหมาย บทบัญญัติของกฎหมายที่ตราโดยกัมพูชา ฝ่ายบริหารของกัมพูชาจึงเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายที่ตราขึ้น และหากมีผู้ละเมิดกฎหมายทั้งหลายข้างต้น ใครทำความเสียหายแก่โบราณสถาน โบราณวัตถุ ปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆบนเขตพื้นที่หรือประชิดมรดกโลกแห่งนี้โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากเจ้าของมรดกโลก ฝ่ายปกครองของกัมพูชาเท่านั้นที่จะเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย จับ ปรับ สั่งให้รื้อถอน หรืออาจเข้าดำเนินการรื้อถอนเอง นี้คือการใช้อำนาจอธิปไตยในทางบริหารที่กัมพูชาเท่านั้นมีเหนือเขตพื้นที่ทั้งสามโซน 

เหนืออื่นใด หากการฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายเกี่ยวแก่มรดกโลกโบราณสถานพระวิหาร เกินอำนาจฝ่ายบริหารหรือฝ่ายปกครอง เช่นมีโทษถึงจำคุก ก็ต้องเสนอคดีขึ้นสู่ศาล แน่นอนเมื่อกฎหมายตราออกใช้บังคับโดยประเทศเจ้าของมรดกโลกซึ่งคือกัมพูชา ศาลที่มีเขตอำนาจเหนือคดีก็คือ ศาลของประเทศกัมพูชา และนี่ก็คือการใช้อำนาจอธิปไตยในทางตุลาการที่กัมพูชาเท่านั้นมีเหนือเขตพื้นที่ทั้งสามโซน 

เขตพื้นที่ทั้งสามโซน โดยเฉพาะโซน 3 ที่ประเทศไทยและกัมพูชาต่างอ้างความเป็นเจ้าของดินแดนนั้น แน่นอนความเป็นเจ้าของดินแดนย่อมต้องหมายความรวมถึงอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนด้วย แต่การที่รัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน ไปแสดงออกชัดแจ้งสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลกเพียงประเทศเดียว ย่อมหมายความถึงเป็นการยกอำนาจอธิปไตยที่แสดงออกทั้งทางนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการเหนือดินแดนที่ประเทศไทยอ้างความเป็นเจ้าของให้ต่างชาติไปแล้ว

อำนาจอธิปไตยตามรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับที่ผ่านมากำหนดไว้เป็นของปวงชนชาวไทย รัฐบาลไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือไม่ ไม่ว่าจะชนะการเลือกตั้งอย่างไร ไม่ว่าจะชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นแค่ไหนก็ไม่มีสิทธิยกอำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชนชาวไทยทุกๆคนให้ต่างชาติไป อย่ามาอ้างเสียงส่วนใหญ่เลือกรัฐบาลมา ไม่ว่าเสียงสนับสนุนมากแค่ไหนก็ไม่มีอำนาจยกอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยให้ประเทศอื่น


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ssa ที่ 29-07-2008, 15:03
แต่เริ่มแรกรัฐบาลและกลุ่มผู้สนับสนุนถึงได้สร้างวาทกรรมว่า “ขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท” เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าการขึ้นทะเบียนโบราณสถานแห่งหนึ่งๆไม่สามารถขึ้นทะเบียนเฉพาะส่วนได้ ต้องรวมองคาพยพอื่นๆ รวมทั้งต้องมีพื้นที่เขตอนุรักษ์โดยรอบด้วย ซึ่งย่อมต้องกระทบอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยทุกๆคนทั้งประเทศ เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง นำความเท็จมาบอกเล่าแก่ประชาชน สร้างความเข้าใจผิด

ต่อเมื่อเอกสารต่างๆถูกเปิดเผยออกมา ความจริงปรากฏต่อสาธารณชน จึงบิดเบือนสร้างข้อมูลเท็จ ทึกทักเอาคำวินิจฉัยของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศครั้งเมื่อชี้ขาดกรณีปราสาทพระวิหารมาบิดเบือนอีกว่าเขตพื้นที่ทั้งหมดเป็นของกัมพูชาที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้วินิจฉัยแล้ว ทั้งๆที่คำวินิจฉัยคดีระหว่างไทยกับกัมพูชาดังกล่าว กัมพูชาได้ขอให้ชี้ขาดเรื่องเขตแดนไปด้วย แต่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไม่วินิจฉัยให้ นี่เป็นการจงใจเหมาตีขลุมอ้างคำวินิจฉัยนี้ให้ร้ายกับประเทศไทย กลุ่มบุคคลที่กระทำการเช่นนี้มีพฤติกรรมประหนึ่งกระทำตนเป็นไส้ศึกให้แก่ต่างชาติ

ส่วนกรณีการมีส่วนร่วมบริหารจัดการพื้นที่เขตอนุรักษ์ เป็นเพียงการรวบรวม ค้นคว้าองค์ความรู้เกี่ยวแก่มรดกโลกแห่งนั้นๆ และดำเนินการวางแผนบริหารจัดการต่างๆ เช่น จัดสวนปลูกต้นไม้ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ บูรณะซ่อมแซม เป็นต้น ประเทศที่มีส่วนร่วมบริหารจัดการไม่มีสิทธิ ไม่มีอำนาจใดๆที่จะแสดงออกถึงการใช้อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน แม้ประเทศนั้นๆจะได้กล่าวอ้างหรือแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของดินแดนก็ตาม นี่คือข้อแตกต่างที่สำคัญประการหนึ่งระหว่างความเป็นเจ้าของมรดกโลกกับการมีส่วนร่วมบริหารจัดการ

เมื่อพิเคราะห์จากข้อแตกต่างข้างต้น การที่รัฐบาลไทยชุดปัจจุบันดำเนินการสนับสนุนและยอมรับให้กัมพูชาขึ้นมรดกโลกโบราณสถานพระวิหารด้วยการเป็นเจ้าของมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว จึงก่อความเสียหายอย่างร้ายแรง รุนแรงยากเกินกว่าที่จะเยียวยา กล่าวคือ เท่ากับเป็นการสนับสนุนและยินยอมยกอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนที่ประเทศไทยอ้างความเป็นเจ้าของพื้นที่โซน 3 (ข้อเท็จจริงรวมพื้นที่โซน 1 และโซน 2 บางส่วน) ให้แก่ต่างชาติไป

ปัญหาเกี่ยวแก่อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนนี้ เห็นได้ชัดว่าทาง Unesco ก็ตระหนักดี ถึงพื้นที่เขตอนุรักษ์ว่ามีปัญหาพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งทั้งประเทศไทยและกัมพูชาต่างอ้างความเป็นเจ้าของดินแดน การบริหารจัดการพื้นที่โซน 3 จึงต้องมีประเทศไทยและกัมพูชาสองประเทศร่วมกันดำเนินงาน (โดยหลักหากรัฐบาลไทยไม่ไปแสดงออกชัดแจ้งว่ายอมรับและให้ความสนับสนุนกัมพูชาขึ้นมรดกโลกฝ่ายเดียว กัมพูชาไม่มีทางขึ้นทะเบียนมรดกโลกแห่งนี้โดยลำพังได้ แม้ต่อมา Unesco อ้างว่าจำต้องเพิกเฉยต่อแถลงการณ์ร่วมก็ตาม หากแต่ยังมีเอกสาร และพฤติการณ์อื่นๆที่แสดงออกทางกายภาพให้เห็นถึงเจตนาของรัฐบาลไทยชุดปัจจุบันอย่างต่อเนื่องเป็นขั้นตอน เช่น การที่มีคนดำรงตำแหน่งระดับสูงของรัฐบาลทั้งสองประเทศพบปะกัน แสดงพฤติการณ์ให้เห็นว่าสนับสนุน เป็นต้น) ทั้งนี้เพื่อให้สามารถขึ้นทะเบียนโบราณสถานพระวิหารเป็นมรดกโลกได้

แต่ภายหลังเอกสารและข้อมูลข่าวสารที่แท้จริงถูกงัดล้วงจนเปิดเผยออก ความจริงปรากฏต่อสาธารณชน ประชาชนคนไทยล่วงรู้ความจริงเข้าและคัดค้านรัฐบาลไทยอย่างรุนแรง รวมถึงคัดค้านไปที่ Unesco  ก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคมไทยอย่างรุนแรง ทาง Unesco จึงเปลี่ยนแปลงความตกลงที่แต่แรกมีประเทศไทยและกัมพูชาสองประเทศร่วมบริหารจัดการเป็น 7 ประเทศมีส่วนร่วมบริหารจัดการ ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับการบริหารจัดการระหว่างไทยกับกัมพูชา ด้วยการนำอีก 5 ประเทศเข้ามาเป็นกันชน (ข้อเท็จจริงการที่อีก 5 ประเทศเข้ามาร่วมบริหารจัดการมีเรื่องเศรษฐกิจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่จะงดไม่กล่าวถึงเนื่องจากจะทำให้เนื้อหาแตกประเด็นออกไป และยาวมาก)

วิธีการขจัดปัญหาเกี่ยวแก่พื้นที่ทับซ้อนด้วยการใช้การบริหารจัดการพื้นที่เขตอนุรักษ์ของ Unesco ดังกล่าว เป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกับประเด็นปัญหาเลย ประเด็นปัญหาอยู่ที่อำนาจอธิปไตยและดินแดน ส่วนการบริหารจัดการเป็นเรื่องบูรณะซ่อมแซม ประชาสัมพันธ์ จัดสวนปลูกต้นไม้ กรณีเช่นนี้วิธีการแก้ปัญหาของ Unesco จึงเป็นการแก้ปัญหาให้แก่ Unesco เอง เพื่อให้การขึ้นทะเบียนมรดกโลกแห่งนี้สำเร็จลง เป็นการแก้ปัญหาให้แก่กัมพูชาสามารถขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้ และมีรัฐอีก 5 รัฐเข้ามาเป็นกันชน แต่ปัญหาความเสื่อมเสียอำนาจอธิปไตยและความล่อแหลมต่อการสูญเสียดินแดนของประเทศไทย(ดูข้อ 3)กลับไม่ได้รับการเหลียวแลเลย


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 29-07-2008, 15:18
เป็นของเขมร ก็คือของเขมร
ตัวปราสาท และพื้นที่ที่ไทยอ้างว่าทับซ้อน จริง ๆ แล้วมันเป็นของเขมรตั้งแต่ศาลโลกตัดสินแล้ว

ตะแบงไปทำไม ตะแบงเพื่ออะไร ไม่เข้าใจ   

กรุณากลับไปอ่านกระทู้เก่าๆครับ
เขาชี้แจงหมดแล้วว่าศาลโลกตัดสินให้เป็นของเขมรแค่ไหน ไทยคัดค้านอย่างไร
และพื้นที่ที่อ้างถึงทั้งหมดล้วนเป็นของไทยไม่ใช่ของเขมร
คำตัดสินของศาลโลกก็ไม่ได้ระบุให้เป็นของเขมร
มีแต่เขมรมายึดเอาแผ่นดินไทยไปตามใจชอบ

กรุณาศึกษาให้มากกว่านี้ อย่าฟังแต่รัฐบาลขายชาติแล้วเอามาโพส


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: mastseri ที่ 29-07-2008, 15:26
พวกเขมรยืนยัน นั่งยัน  นอนยัน  ว่า พื้นที่รอบปราสาท ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน   แต่มันเป็นของเขมร


ส่วนเราคนไทย ก็ต้องยืนยัน  ตีลังกายันให้เหมือนพวกมันบ้างสิว่า   

ที่นั่นก็ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน  แต่มันคือผืนแผ่นดินไทยโว้ยยยยยยยย!!!!! :slime_evil:


......มีแต่  คนไทยหัวใจหมา  เท่านั้น ที่บอกว่า...... อย่ารบกัน อย่าไปแย่งเค้าเลย  มันเป็นของเค้า เป็นของเขมรเค้า.........ถุยยยยยยยยยยยย


พวกเนี้ย มีพ่อมีแม่เป็นคนไทยจริงหรือเปล่าวะเนี่ย :slime_mad:


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: hilander ที่ 29-07-2008, 15:39
กรุณากลับไปอ่านกระทู้เก่าๆครับ
เขาชี้แจงหมดแล้วว่าศาลโลกตัดสินให้เป็นของเขมรแค่ไหน ไทยคัดค้านอย่างไร
และพื้นที่ที่อ้างถึงทั้งหมดล้วนเป็นของไทยไม่ใช่ของเขมร
คำตัดสินของศาลโลกก็ไม่ได้ระบุให้เป็นของเขมร
มีแต่เขมรมายึดเอาแผ่นดินไทยไปตามใจชอบ

กรุณาศึกษาให้มากกว่านี้ อย่าฟังแต่รัฐบาลขายชาติแล้วเอามาโพส


ไม่ได้ฟังจากรัฐบาลขายชาติ แต่ฟังจากข้อเท็จจริงที่เห็นและเป็นอยู่
ไทยกับเขมรถือแผนที่กันคนละฉบับ ต่างก็ว่าของตัวเองถูก ต่างก็อ้างสิทธิ์ในดินแดนทับซ้อนนั้น
กรณีการฟ้องศาลโลก เขมรได้ยื่นเรื่องตัวปราสาทพร้อมกับแผนที่ฉบับที่เขาถืออยู่
เมื่อศาลโลกรับรองว่าปราสาทเป็นของเขา เท่ากับรับรองแผนที่ฉบับนั้นโดยปริยาย
ไทยคัดค้าน ไทยไม่เห็นด้วย นั่นก็เป็นเรื่องของไทย แต่ในเมื่อคดีมันจบลงแล้ว
เขาได้ตัดสินไปแล้ว

จะมารื้อฟื้นหาประโยชน์อันใดอีก นี่รังแต่สร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศขึ้นมา
เกิดความหวาดระแวง การค้าขายเศรษกิจระหว่างประเทศหยุดชงัก
ย้อนอดีตกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน มีแต่เสียกับเสีย
อ้อ ได้อย่างหนึ่ง ทหารได้งบประมาณเพิ่มขึ้น

 


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: hilander ที่ 29-07-2008, 15:47
ว่ากันตามตรง เรื่องนี้ถูกปลุกขึ้นมาเพื่อสร้างกระแสความ "คลั่งชาติ" อันเป็นอาวุธหนึ่งเดียวที่จะล้มระบอบทักษิณ
สาระของการปลุกกระแสปราสาทพระวิหาร ย่อมเทียบเคียงได้กับ มหาจำลองล่ารายชื่อเพื่อยื่นถอดถอนผู้พิพากษา

มีหรือไม่มีสาระก็ลองใช้สมองตรึกตรองกันเอาเอง  


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: เซนเบ้ ที่ 29-07-2008, 15:57
กรณีการฟ้องศาลโลก เขมรได้ยื่นเรื่องตัวปราสาทพร้อมกับแผนที่ฉบับที่เขาถืออยู่
เมื่อศาลโลกรับรองว่าปราสาทเป็นของเขา เท่ากับรับรองแผนที่ฉบับนั้นโดยปริยาย

๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

อย่ามั่วครับ  ศาลโลกไม่มีอำนาจตัดสินในเรื่องของเขตแดน

เป็นเรื่องของคู่กรณี

ไอ้คำว่า "โดยปริยาย"  นี่   ตู่เอานะครับ

หัดศึกษาให้มาก  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: drop ที่ 29-07-2008, 16:10
เป็นของเขมร ก็คือของเขมร
ตัวปราสาท และพื้นที่ที่ไทยอ้างว่าทับซ้อน จริง ๆ แล้วมันเป็นของเขมรตั้งแต่ศาลโลกตัดสินแล้ว

ตะแบงไปทำไม ตะแบงเพื่ออะไร ไม่เข้าใจ   


ถ้าปราสาทกับบริเวณ ๔.๖ ตารางกิโลเมตร มันเป็นของเขมรแล้ว

จะต้องมาขอให้ โดยนพดลขายชาติ เซ็นยินยอม ไปเลย  ไม่เห็นต้องขอคำรับรองจากไทยให้เสียเวลา

ถ้าทั้งปราสาทและบริเวณโดยรอบมันเป็นของเขมรจริง ๆ 

แต่การที่เขมรต้องคำรับรองจากไทย  ก็เท่ากับว่า เขมรเอง มันยังยอมรับว่า  พื้นที่โดยรอบไม่ใช่ของมัน
ไอ้คนไทยโง่ ขายชาติ เห็นแก่ตัว ไปเซ้ยยกให้มัน  มันก็หัวเราะกันจนฟันหัก
ยังมีนักวิชาการ กบในกะลา ออกแถลงการณ์ห่วย ๆ ออกมาอีก

สังคมไทยเลยจุดเรื่องเขาพระวิหารแล้ว ข้อมูลที่ออกมา มันเลยไปถึงหลักเขตแดนสระแก้ว สุรินทร์ อุบล ฯลฯ แล้ว



หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: drop ที่ 29-07-2008, 16:13
มีจุดยืนทางวิชาการ แต่ละทิ้งจุดยืนในความเป็นคนไทยไปแล้วเหรอ  :slime_worship:

ข้อเท็จจริงคือ ไม่มีทั้งจุดยืนทางวิชาการและจุดยืนของความเป็นไทย
ไม่รุ้เหมือนกันว่าเป็นมนุษย์พันธ์ไหน

วิชาการ ที่สนับสนุนการขายชาติ และเรียกคนไทยที่ออกมาให้ข้อมูล ปกป้องดินแดนไทยว่า
พวกคลั่งชาติ  และอย่าทำให้เป็นประเด็นการเมือง

วิชาการที่ไม่ยอมรับรู้ว่า  การเมืองคือปัยหาของสังคม เศรษฐกิจ การศึกษา

จึงไม่มีทั้งจุดยืนทางวิชาการและความเป็นคนไทย


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ssa ที่ 29-07-2008, 16:14
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศรับรองแผนที่ฝรั่งเศสโดยปริยาย
นี่คือการตีขลุมให้ร้ายประเทศไทยแผ่นดินเกิดของคนคนนี้

ข้อมูลมีอยู่ เขมรขอไป ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไม่วินิจฉัยให้
แต่ไม่มีปัญญาโต้แย้ง เพราะตนไม่รู้เรื่อง
รับจ้าง รับคำสั่งมา เขาจ้างมาให้โพสแค่นี้ ก็วนเวียนโพสแค่นี้
ไม่มีความรู้พอจะหามาโต้ได้
รอรับคำสั่งใหม่อยู่

ไม่ตะแบงแล้วหรือว่าขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทไม่รวมพื้นที่ทับซ้อน
เพราะถูกจับโกหกได้และคนจ้างเปลี่ยนประเด็นให้แล้ว

นี่คือพฤติกรรมของคนที่กระทำการเป็นไส้ศึกให้ร้ายแผ่นดินเกิดตนเอง
ไม่มีปัญญาหักล้าง จึงต้องใช้วิธีชวนทะเลาะ

 ขายชาติอย่างชัดแจ้ง ยังไม่สำนึก แค่เห็นแก่ผลประโยชน์เศษเงินค่าจ้าง
ผู้จ้างให้ทำชั่วช้าต่ำทรามเพียงไรไม่สนใจ ขอให้ได้เงิน
พวกนี้หนักแผ่นดิน ทรยศหักหลังแผ่นดินเกิด


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 29-07-2008, 16:15
เป็นของเขมร ก็คือของเขมร
ตัวปราสาท  และพื้นที่ที่ไทยอ้างว่าทับซ้อน จริง ๆ แล้วมันเป็นของเขมรตั้งแต่ศาลโลกตัดสินแล้ว

ตะแบงไปทำไม ตะแบงเพื่ออะไร ไม่เข้าใจ   


นายกฯไร้วุฒิภาวะและอดีต รมต.กต. ยังยืนว่าประเทศจะไม่เสียดินแดนให้เขมร จนถึงวันที่ทหารเขมรจับสามคนไทย....!!!

รองนายกฯ รมว.ต่างประเทศเขมร ก็ยืนยันว่าเขมรต้องการจดทะเบียน'ปราสาทพระวิหาร' เท่านั้น ประเทศไทยจะเสียดินแดนใดๆให้เขมร....!!!

นายกฯเขมร รมว.กต.เขมร พลิกลิ้น เมื่อทหารเขมรจับ 3 คนไทย เพราะร่วมกับนายกฯไทย อดีต รมต.กต.ปิดบังไม่ได้แล้ว!!!






หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: big j ที่ 29-07-2008, 16:19
ในการเจรจาต่อรอง
ไม่มีใครเขาบอกว่าอันนั้นของคุณ อันนี้ของผม
แต่เขาจะบอกว่าทั้งหมดเป็นของผม
ที่คุณอ้างว่าอันนั้นป็นของคุณ
ขอให้เอาหลักฐานหรือบอกเหตุผลมา
ถ้าคุณเริ่มต้นบอกไต๋เสียหมด
คุณก็แพ้ตั้งแต่ในมุ้งแล้วครับ


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: drop ที่ 29-07-2008, 16:36
ถ้าทั้งหมดเป็นของคุณ ตามที่คุรอ้างแล้ว
จะต้องมาเจรจาต่อรองทำไม

เพราะคุณก็รู้ว่าทั้งหมดไม่ใช่ของคุณ

ฉันใดฉันนั้น

เขมรมันก็รู้ว่า ศาลโลกตัดสินแค่ ตัวปราสาทพระวิหาร  ไม่รวมพื้นที่ ๔.๖ ตารางกิโลเมตร
ซึ่งกรรมการมรดกโลก ก็รับเงื่อนไขนี้

การเจรจาจึงต้องการให้ไทยเซ็นยินยอม  แล้วคนไทยก็ขายชาติ

หลักการจดทะเบียนมรดกโลกต้องมีองค์ประกอบ ๓ เงื่อนไข  แต่นี่ไม่ครบเงือนไขทั้งสามประการ
ก็ยอมให้จด  ซึ่งในแถลงการณ์นี้ นักวิชาการก็ไม่ตอบคำถามนี้

จะบูรณะอย่างไรเฉพาะตัวปราสาท  โดยไม่รวมพื้นที่รอบ ๆ ตัวปราสาท
นักวิชาการก็ไม่ตอบคำถามนี้

ดังนั้นเท่ากับว่า จะให้ไทยยอมรับว่า  ตัวปราสาทและพื้นที่รอบ ๆ เป็นของเขมร
แล้วมาออกแถลงการณ์ว่า  ยอมรับคำตัดสินของศาลโลก เรื่องเฉพาะตัวปราสาท

จะแถลงไปทำหาอะไรไม่ทราบ

ทั้ง ๆ ที่เมื่อพิจารณาจากแนวสันปันน้ำแล้ว  ปราสาทก็เป็นของไทย
นักวิชาการก็ไม่ตอบประเด็นนี้ว่า  ยอมรับหรือไม่
เพราะศาลโลกตัดสินแล้ว  ส่วนคนไทยไม่เห็นด้วย  ไม่เกี่ยวกับ นักวิชาการกลุ่มนี้

ถ้าถามว่า  แล้วถ้า ตัวปราสาทเป็นของเขมร  พื้นที่รอบ ๆ ไม่ใช่ของเขมร แต่เป็นของไทย
ทำไมคนไทยสามคนเข้าไปในเขตของไทยไม่ได้  ทำไมเขมรต้องออกข่าวว่า คนไทยบุกรุกเข้าไปในเขตเขมร

นักวิชาการก็ไม่ตอบ

ตอบให้ก็ได้ว่า เพราะมันเกี่ยวกับการเมือง ไงล่ะ

แล้วนักวิชาการก็มีจุดยืนว่า ยอมรับคำตัดสินของศลาโลกเรื่อง ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร เท่านั้น

นักวิชาการพันธ์ไหนกัน


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ssa ที่ 29-07-2008, 16:39
รัฐบาลมาทำเปลี่ยนท่าทีหลังจากเขมรขึ้นทะเบียนสำเร็จแล้ว
ก่อนหน้าดันทุรังโกหกว่าขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท จนเมื่อทำชั่วสำเร็จแล้ว
ค่อยเสแสร้งเปลี่ยนท่าที แต่ในขณะเดียวกันปล่อยประเด็นใหม่ว่าพื้นที่เป็นของเขมรทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องต่อก้าวย่างของเขมร พวกนี้ทำตัวสมคบต่างชาติให้ร้ายประเทศไทยที่ตนถือกำเนิดมา
รวมถึงสมคบกับทางเขมรให้ฮึ่มใส่กันกับทหารไทย
ทำให้เสมือนหนึ่งเรื่องบานปลาย เพื่อข่มขู่ประชาชนคนไทย
นี่คือการเล่นละครของรัฐบาลไทยและผู้เกี่ยวข้อง ซูเอี๋ยตบตาคนไทย
เพราะทุกอย่างลุล่วง ขายชาติยกอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยให้ต่างชาติไปเรียบร้อยแล้ว
การกระทำเพียงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เบี่ยงเบนประเด็น และข่มขู่คนไทยเท่านั้น
การจัดคนตั้งโต๊ะเจรจาเป็นละครอีกฉากหนึ่ง ซึ่งความเป็นจริงเป็นการหาช่องทางเข้าสู่การตั้งคณะกรรมการ JBC ปักปั้นเขตแดนในพื้นที่ทับซ้อนตามข้อตกลงในแถลงการณ์ร่วม
การมีกำลังทางทหารอยู่ในพื้นที่ที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลกเป็นความเสียหายต่อประเทศเจ้าของมรดกโลก เพราะมรดกโลกต้องไม่เกิดความขัดแย้ง ต้องไม่มีกำลังรบตรึงพื้นที่ประจันหน้ากัน การตรึงกำลังทางทหารในบริเวณนี้เป็นเพียงชั่วคราวสร้างเรื่องให้น่ากลัว เขมรเองไม่อยากให้มีกำลังทางทหารอยู่เป็นแน่ ถ้าไม่มีการถอนกำลังทางทหาร มรดกโลกแห่งนี้มีแนวโน้มสูงมากที่จะถูกเพิกถอนการขึ้นทะเบียนได้ เขมรน่ะกลัวแทบเยี่ยวเล็ดที่มีกำลังทหารอยู่ในพื้นที่ แน่จริงอยู่ต่อเลยครับ โดนเพิกถอนทะเบียนแน่
ถ้าหากรัฐบาลจริงใจแก้ปัญหาการเสื่อมเสียอธิปไตยของประเทศก็ไม่ต้องถอนกำลังทางทหาร ตรึงไว้อย่างนั้น ไม่ต้องถึงขั้นรบ ขี้คร้านเขมรต้องเป็นฝ่ายมาอ้อนวอนขอร้องประเทศไทย หาไม่แล้ว เพิกถอนเป็นคำตอบสุดท้าย

การเจรจาทำท่าเคร่งเครียดเอาจริงเอาจังเมื่อแรกที่ผบ.สส.ไปเอง
แต่อยู่ๆเมื่อรมต.คนใหม่มาเจรจาก็จะถอนทหารออกแทบจะทันที
เห็นได้นะครับว่านี่คือละครตบตาคนไทย
เนื้อแท้คือการเดินหน้าสนับสนุนเขมรดำเนินการเกี่ยวแก่เขาพระวิหารให้เป็นมรดกโลกโดยสมบูรณ์(ตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์ ยังแก้ไขได้ แม้จะริบหรี่ แต่ปัญหาอยู่ที่นักการเมืองและคนไทยบางพวกที่กระทำตนเป็นไส้ศึกขายชาติ)



หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 29-07-2008, 16:50

เป็นพักๆ บริวาร ลิ่วล้อนักประชาธิปไตยแม๊วๆ
จะนำคำถามเก่า ๆ มาถามซ้ำๆ คงอยากได้'บัตรเติมเงิน'มาก ๆ.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า





หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 29-07-2008, 17:07
ในการเจรจาต่อรอง
ไม่มีใครเขาบอกว่าอันนั้นของคุณ อันนี้ของผม
แต่เขาจะบอกว่าทั้งหมดเป็นของผม
ที่คุณอ้างว่าอันนั้นป็นของคุณ
ขอให้เอาหลักฐานหรือบอกเหตุผลมา
ถ้าคุณเริ่มต้นบอกไต๋เสียหมด
คุณก็แพ้ตั้งแต่ในมุ้งแล้วครับ


ขอค้านนิดนึง กั๊กไว้ไม่แบไต๋นั่นก็ถูกครับ
แต่รัฐบาลนอกจากจะไม่กั๊ก ยังบอกว่านั่นของเขมร
แล้วจะไปเจรจาอะไรอีก แพ้ตั้งแต่ยังไม่เข้ามุ้งแล้ว

ไม่ได้ฟังจากรัฐบาลขายชาติ แต่ฟังจากข้อเท็จจริงที่เห็นและเป็นอยู่
ไทยกับเขมรถือแผนที่กันคนละฉบับ ต่างก็ว่าของตัวเองถูก ต่างก็อ้างสิทธิ์ในดินแดนทับซ้อนนั้น
กรณีการฟ้องศาลโลก เขมรได้ยื่นเรื่องตัวปราสาทพร้อมกับแผนที่ฉบับที่เขาถืออยู่
เมื่อศาลโลกรับรองว่าปราสาทเป็นของเขา เท่ากับรับรองแผนที่ฉบับนั้นโดยปริยาย
ไทยคัดค้าน ไทยไม่เห็นด้วย นั่นก็เป็นเรื่องของไทย แต่ในเมื่อคดีมันจบลงแล้ว
เขาได้ตัดสินไปแล้ว

จะมารื้อฟื้นหาประโยชน์อันใดอีก นี่รังแต่สร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศขึ้นมา
เกิดความหวาดระแวง การค้าขายเศรษกิจระหว่างประเทศหยุดชงัก
ย้อนอดีตกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน มีแต่เสียกับเสีย
อ้อ ได้อย่างหนึ่ง ทหารได้งบประมาณเพิ่มขึ้น

 

แปลว่าข้อมูลที่คุณฟังมานั่นก็เป็นข้อมูลบิดเบือน ขาดๆแห่วงๆ
ตามประสาการนำเสนอข้อมูลของบางฝ่ายเพื่อให้คนเห็นดีด้วยกับการขายชาติของมัน
ตามข้อตกลง และตามที่ศาลโลก ไม่มีอะไรตัดสินว่า"เขา"ประวิหารเป็นของเขมร
แม้ในแผนที่ที่ยื่นให้ศาลโลก ก็เขียนเพียงแต่ตัวปราสาทและที่ดินรองรับปราสาท
ไม่ใช่เขาทั้งลูกอย่างที่เขมรอ้างและอย่างที่คุณเข้าใจ
ไม่ว่าจะอ้างว่าอย่างไร การยอมรับว่าเขาทั้งลูกก็ถือว่าไม่มีเหตุผลทั้งสิ้น

การอ้างความสัมพันธ์ นั่นก็ควรอยู่ในกรอบที่หากยอมก็จะได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
เช่นกรณีการค้าต่างตอบแทน กรณีการส่งเสริมความรู้ ความสามารถร่วมกัน
การช่วยเหลือทางมนุษยธรรม
ไม่ใช่กรณีที่เขาอยากได้ดินแดนของเราทั้งทางบกทางทะเล
หากยอมนอกจากจะเสียอธิปไตยแล้วยังเสียผลประโยชน์นับล้านๆๆ โดยที่ไม่ได้อะไรซักนิด
กรณีนี้จะอ้างความสัมพันธ์ ก็โง่เกินไปแล้ว


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: hilander ที่ 29-07-2008, 18:24
กรณีการฟ้องศาลโลก เขมรได้ยื่นเรื่องตัวปราสาทพร้อมกับแผนที่ฉบับที่เขาถืออยู่
เมื่อศาลโลกรับรองว่าปราสาทเป็นของเขา เท่ากับรับรองแผนที่ฉบับนั้นโดยปริยาย

๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

อย่ามั่วครับ  ศาลโลกไม่มีอำนาจตัดสินในเรื่องของเขตแดน

เป็นเรื่องของคู่กรณี

ไอ้คำว่า "โดยปริยาย"  นี่   ตู่เอานะครับ


หัดศึกษาให้มาก  :slime_smile2:

จะต้องศึกษาอะไรอีก ในเมื่อปราสาทเป็นของเขมรมันก็ต้องอยู่ในที่ของเขมรสิ
ถ้าอย่างที่คุณว่า ปราสาทเป็นของเขมรแต่ที่ดันเป็นของไทย นั่นมันบ้าแล้ว

อย่างเช่น เขมรจะฟ้องศาลโลกว่าปราสาทเขาพนมรุ้งเป็นของเขมรมันย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะปราสาทนี้อยู่ในเขตไทย
เขมรฟ้องศาลโลกว่าปราสาทพระวิหารเป็นของเขา เพราะมันอยู่ในเขตของเขา
ในเมื่อศาลโลกวินิจฉัยแล้วว่าปราสาทเป็นของเขมร ดังนั้นมันก็ต้องประกอบกันไปว่าบริเวณที่ตั้งของปราสาทมันก็ต้องเป็นของเขมรด้วย

ถ้าไม่เข้าใจจะสรุปชัด ๆ อีกครั้ง ว่าปราสาทของเขมรก็ต้องตั้งอยู่ในที่ของเขมร 
คุณจะไปทึกทักว่าปราสาทเป็นของเขมรจริง แต่ที่ตั้งของของปราสาทนั่นเป็นที่ของไทย
นี่เป็นเรื่องบ้าที่ไม่มีประชาคมโลกที่ไหนยอมรับได้หรอก ไปพูดที่ไหนก็มีแต่เขาจะหัวร่อใส่หน้าคุณเท่านั้นแหล่ะ  


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 29-07-2008, 18:43
เห็นด้วยกับข้อมูลและความเห็นของคุณ ssa ครับ

เนื้อหาและแนวคิด ผมไม่จำเป็นต้องเสริมตรงไหนเลย....เยี่ยมครับ

การใส่รูปในเว็บบอร์ด ก็ก้อบที่อยูภาพ  ( URL )  มาวางลง ลากดดำ แล้วกดตรองรอบภาพ ใต้ตัว "I"

หากต้องการเปลี่ยนสีตัวอักษร ก็ลากดำ แล้วกดเปลี่ยนสีเลือกตามใจชอบ หากไม่ชอบกด "แก้ไข" ได้ครับ



หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 29-07-2008, 19:06
จะต้องศึกษาอะไรอีก ในเมื่อปราสาทเป็นของเขมรมันก็ต้องอยู่ในที่ของเขมรสิ
ถ้าอย่างที่คุณว่า ปราสาทเป็นของเขมรแต่ที่ดันเป็นของไทย นั่นมันบ้าแล้ว

อย่างเช่น เขมรจะฟ้องศาลโลกว่าปราสาทเขาพนมรุ้งเป็นของเขมรมันย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะปราสาทนี้อยู่ในเขตไทย
เขมรฟ้องศาลโลกว่าปราสาทพระวิหารเป็นของเขา เพราะมันอยู่ในเขตของเขา
ในเมื่อศาลโลกวินิจฉัยแล้วว่าปราสาทเป็นของเขมร ดังนั้นมันก็ต้องประกอบกันไปว่าบริเวณที่ตั้งของปราสาทมันก็ต้องเป็นของเขมรด้วย

ถ้าไม่เข้าใจจะสรุปชัด ๆ อีกครั้ง ว่าปราสาทของเขมรก็ต้องตั้งอยู่ในที่ของเขมร 
คุณจะไปทึกทักว่าปราสาทเป็นของเขมรจริง แต่ที่ตั้งของของปราสาทนั่นเป็นที่ของไทย
นี่เป็นเรื่องบ้าที่ไม่มีประชาคมโลกที่ไหนยอมรับได้หรอก ไปพูดที่ไหนก็มีแต่เขาจะหัวร่อใส่หน้าคุณเท่านั้นแหล่ะ  

ผมถามคุณนิดเดียว
3คนไทยที่ข้ามรั้วไป แล้วโดนทหารเขมรจับ
ตรงนั้นอยู่ในปราสาทหรือเปล่า ที่ตรงนั้นเป็นของเขมรหรือของไทย
แล้วคุณคิดว่า"ที่เขมรของคุณ" มันจากไหนถึงไหนบ้าง



ปล. คุณคงยังไม่รู้ว่าปราสาทที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทย เขมรอ้างว่าเป็นของเขมรอีก 3ปราสาทแล้ว
ปล.2 ข้อมูลที่คุณใช้เถียงมันเก่าเกินไปแล้ว ศึกษาให้มากกว่านี้แล้วค่อยโพสดีกว่าครับ ไม่งั้นเขาจะหาว่าคุณตะแบง แถ โง่ เอาง่ายๆ


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: hilander ที่ 30-07-2008, 11:20
ผมถามคุณนิดเดียว
3คนไทยที่ข้ามรั้วไป แล้วโดนทหารเขมรจับ
ตรงนั้นอยู่ในปราสาทหรือเปล่า ที่ตรงนั้นเป็นของเขมรหรือของไทย
แล้วคุณคิดว่า"ที่เขมรของคุณ" มันจากไหนถึงไหนบ้าง



ปล. คุณคงยังไม่รู้ว่าปราสาทที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทย เขมรอ้างว่าเป็นของเขมรอีก 3ปราสาทแล้ว
ปล.2 ข้อมูลที่คุณใช้เถียงมันเก่าเกินไปแล้ว ศึกษาให้มากกว่านี้แล้วค่อยโพสดีกว่าครับ ไม่งั้นเขาจะหาว่าคุณตะแบง แถ โง่ เอาง่ายๆ

ผมได้บอกไปแล้วว่ามันไม่มีอะไรที่ต้องศึกษาอีกหรอก
ปราสาทพระวิหารนั้นเป็นของเขมร พื้นที่โดยรอบก็เป็นของเขา ตามมติของศาลโลก และตามมติของ ครม.ปี2505
คุณจะไปตะแบงเอาอะไรอีก

หรือคุณยังติดใจในประเด็นไหน  


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 30-07-2008, 11:38
ผมได้บอกไปแล้วว่ามันไม่มีอะไรที่ต้องศึกษาอีกหรอก
ปราสาทพระวิหารนั้นเป็นของเขมร พื้นที่โดยรอบก็เป็นของเขา ตามมติของศาลโลก และตามมติของ ครม.ปี2505
คุณจะไปตะแบงเอาอะไรอีก

หรือคุณยังติดใจในประเด็นไหน  

เอ๊า.....ตอบก่อนซิครับ
ถ้ามาเถียงเอาแค่นี้ คุณนั่นแหละที่ตะแบง
หรือว่าคุณอ่านภาษาไทยไม่ออกครับ


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 30-07-2008, 11:44
ผมได้บอกไปแล้วว่ามันไม่มีอะไรที่ต้องศึกษาอีกหรอก
ปราสาทพระวิหารนั้นเป็นของเขมร พื้นที่โดยรอบก็เป็นของเขา ตามมติของศาลโลก และตามมติของ ครม.ปี2505
คุณจะไปตะแบงเอาอะไรอีก

หรือคุณยังติดใจในประเด็นไหน  

ตรงไหน ครับ...ทีศาลตัดสิน ว่า พื้นที่ โดยรอบ ตัวปราสาท เป็นของเขมร...

อ่านคำพิพากษาหรือยังครับ...ไม่เอาน่า อย่าปล่อยไก่แถวนี้สิ...


 :slime_dizzy:


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: hilander ที่ 30-07-2008, 12:52
เอ๊า.....ตอบก่อนซิครับ
ถ้ามาเถียงเอาแค่นี้ คุณนั่นแหละที่ตะแบง
หรือว่าคุณอ่านภาษาไทยไม่ออกครับ


ผมไม่ได้ติดตามข่าวนี้ ไม่รู้ว่าใครขึ้นไปตรงไหนอย่างไร ดังนั้นผมจึงตอบคุณไม่ได้

เอาง่าย ๆ อย่างนี้ดีกว่า คุณคิดว่าประเด็นไหนที่มันยังไม่ถูกต้อง มาว่าเป็นข้อ ๆ ไปเลย 
เชิญคุณก่อน  


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: hilander ที่ 30-07-2008, 12:55
ตรงไหน ครับ...ทีศาลตัดสิน ว่า พื้นที่ โดยรอบ ตัวปราสาท เป็นของเขมร...

อ่านคำพิพากษาหรือยังครับ...ไม่เอาน่า อย่าปล่อยไก่แถวนี้สิ...


 :slime_dizzy:

คำพิพากษาของศาลโลก เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505(คศ. 1962) ที่ว่า “ศาลนี้ โดยคะแนน 9 ต่อ 3 เห็นว่า ปราสาทพระวิหาร ตั้งอยู่บนดินแดน ที่อยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของประเทศกัมพูชา” (THE COURT,By nine votes to three,FINDS THAT THE TEMPLE OF PREAH VIHEAR IS SITUATED IN TERRITORY UNDER THE SOVEREIGNTY OF CAMBODIA.) ซึ่งประเทศไทยโดยคณะรัฐมนตรีในยุคนั้น ได้ลงมติและประกาศว่า ไทยยอมรับคำพิพากษาของศาลโลก ตามพันธกรณีในฐานะที่เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 30-07-2008, 13:00
คำพิพากษาของศาลโลก เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505(คศ. 1962) ที่ว่า “ศาลนี้ โดยคะแนน 9 ต่อ 3 เห็นว่า ปราสาทพระวิหาร ตั้งอยู่บนดินแดน ที่อยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของประเทศกัมพูชา” (THE COURT,By nine votes to three,FINDS THAT THE TEMPLE OF PREAH VIHEAR IS SITUATED IN TERRITORY UNDER THE SOVEREIGNTY OF CAMBODIA.) ซึ่งประเทศไทยโดยคณะรัฐมนตรีในยุคนั้น ได้ลงมติและประกาศว่า ไทยยอมรับคำพิพากษาของศาลโลก ตามพันธกรณีในฐานะที่เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ

นี่ไม่ใช่คำพิพากษา นี่คือการสรุปข่าว เอาคำพิพากษาทั้งหมดมากางกันดีกว่านะ


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: hilander ที่ 30-07-2008, 13:30
นี่ไม่ใช่คำพิพากษา นี่คือการสรุปข่าว เอาคำพิพากษาทั้งหมดมากางกันดีกว่านะ

จะเอาอะไรมากาง ก็ได้ข้อสรุปเหมือนกันหมด คือ ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร
มันไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้หรอกคุณ


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 30-07-2008, 13:34
เฮ้อ....เกินเยียวยา
กระทู้เก่าๆก็มีไว้ครบทุกประเด็นแล้ว ขยันหน่อยครับ
อย่าใช้วิธีไม่มีข้อมูลแล้วจะมาเถียงข้างๆคูๆ รอให้คนอื่นยัดข้อมูลให้
วิธีแบบนี้เลิกเถอะ สมเพช

v
v


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: hilander ที่ 30-07-2008, 13:38
เฮ้อ....เกินเยียวยา
ไม่มีข้อมูลแล้วจะมาเถียงข้างๆคูๆ
เลิกเถอะครับ สมเพช


ไม่กล้ามากกว่ามั๊ง


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 30-07-2008, 13:52
จะเอาอะไรมากาง ก็ได้ข้อสรุปเหมือนกันหมด คือ ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร
มันไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้หรอกคุณ

ที่นี่คือประเทศไทย ซึ่งมีประชากรประมาณ 64 ล้านคน ซึ่งถ้าแบ่งแบบหยาบๆ จะแบ่งได้ 4 พวก

1. สรุปได้ว่า ปราสาทพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนเป็นของเขมรเรียบร้อยแล้ว
2. สรุปได้ว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ ไม่เคยติดตามข่าว
3. สรุปได้ว่า ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร แต่พื้นที่ทับซ้อนเป็นของไทย
4. สรุปได้ว่า ทั้งปราสาทพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนยังเป็นของไทยอยู่

ผมคือคนไทยคนหนึ่งซึ่งด้อยสติปัญญา แต่มีความเห็นตรงกับข้อ 4 ซึ่งตั้งอยู่บนทัศนคติที่ว่า
ไม่ว่าคำพิพากษาของศาลโลกจะเป็นเช่นไร เราจะต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด และทุกวิถีทางโดยชอบธรรม
เพื่อให้ได้มาซึ่งปราสาทพระวิหาร และพื้นที่ทับซ้อน ต่อเมื่อเราได้ต่อสู้จนถึงที่สุด และทุกวิถีทางโดยชอบธรรมแล้ว
เราจะต้องเสียทั้งสองส่วนไปก็ไม่เป็นไร จงยอมรับในสิ่งที่มันเกิด

แต่จนถึงเวลานี้ ยังไม่เห็นผู้มีอำนาจในการปกครองบ้านเมืองได้พยายามลุกขึ้นสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งทั้งสองสิ่ง
ได้แต่บอกว่ามันได้เป็นของเขมรแล้วโดยสิ้นเชิง จนกระทั่งมีปัญหาบานปลายนั่นแหละ ถึงได้ขยับเขยื้อน
ทำในสิ่งที่ผู้ปกครองบ้านเมืองที่ดีควรจะทำ ซึ่งควรจะทำมานานแล้ว


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 30-07-2008, 14:03
คำพิพากษาของศาลโลก เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505(คศ. 1962) ที่ว่า “ศาลนี้ โดยคะแนน 9 ต่อ 3 เห็นว่า ปราสาทพระวิหาร ตั้งอยู่บนดินแดน ที่อยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของประเทศกัมพูชา” (THE COURT,By nine votes to three,FINDS THAT THE TEMPLE OF PREAH VIHEAR  IS SITUATED IN TERRITORY UNDER THE SOVEREIGNTY OF CAMBODIA.) ซึ่งประเทศไทยโดยคณะรัฐมนตรีในยุคนั้น ได้ลงมติและประกาศว่า ไทยยอมรับคำพิพากษาของศาลโลก ตามพันธกรณีในฐานะที่เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ

ประสาทพระวิหารนี่ มันมีขนาดหลายตารางกิโลเมตร เลยเน๊อะ....เอา จะเอาไงก็เอา...

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: hilander ที่ 30-07-2008, 14:24
ที่นี่คือประเทศไทย ซึ่งมีประชากรประมาณ 64 ล้านคน ซึ่งถ้าแบ่งแบบหยาบๆ จะแบ่งได้ 4 พวก

1. สรุปได้ว่า ปราสาทพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนเป็นของเขมรเรียบร้อยแล้ว
2. สรุปได้ว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ ไม่เคยติดตามข่าว
3. สรุปได้ว่า ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร แต่พื้นที่ทับซ้อนเป็นของไทย
4. สรุปได้ว่า ทั้งปราสาทพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนยังเป็นของไทยอยู่

ผมคือคนไทยคนหนึ่งซึ่งด้อยสติปัญญา แต่มีความเห็นตรงกับข้อ 4 ซึ่งตั้งอยู่บนทัศนคติที่ว่า
ไม่ว่าคำพิพากษาของศาลโลกจะเป็นเช่นไร เราจะต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด และทุกวิถีทางโดยชอบธรรม
เพื่อให้ได้มาซึ่งปราสาทพระวิหาร และพื้นที่ทับซ้อน ต่อเมื่อเราได้ต่อสู้จนถึงที่สุด และทุกวิถีทางโดยชอบธรรมแล้ว
เราจะต้องเสียทั้งสองส่วนไปก็ไม่เป็นไร จงยอมรับในสิ่งที่มันเกิด

แต่จนถึงเวลานี้ ยังไม่เห็นผู้มีอำนาจในการปกครองบ้านเมืองได้พยายามลุกขึ้นสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งทั้งสองสิ่ง
ได้แต่บอกว่ามันได้เป็นของเขมรแล้วโดยสิ้นเชิง จนกระทั่งมีปัญหาบานปลายนั่นแหละ ถึงได้ขยับเขยื้อน
ทำในสิ่งที่ผู้ปกครองบ้านเมืองที่ดีควรจะทำ ซึ่งควรจะทำมานานแล้ว

คุณจะไปต่อสู้กับอะไรอีก ทุกอย่างมันยุติลงไปหมดแล้ว ไทยได้ร้องค้าน ไทยได้สงวนสิทธิ์ ไทยได้ทำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว
แต่ท้ายที่สุดปราสาทก็คงเป็นของเขมรอยู่วันยังค่ำ

แล้วที่พากันประท้วงอยู่นี่ มันเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ได้ปราสาทคืนมาหรือ ก็เปล่า
มันมีแต่ไปสะกิดแผลเก่าของความแตกแยกให้มันลุกลามขึ้นมาอีก เพื่อผลทางการเมือง เพื่อล้มกลุ่มคนบางกลุ่ม เท่านั้น
เรื่องไม่เป็นเรื่องก็กุกันขึ้นมา ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวเท็จ ก็พากันสร้างขึ้นมา
แผนที่ก็วาดกันเอาเองตามใจชอบ ตรงนั้นของเขมรตรงนี้ของไทย พูดเอง เออเอง
บางพวกลามปามไปกว่านั้น จะทวงดินแดนกลับคืนมา
นี่ไม่เรียกว่าบ้าแล้วจะเรียกอะไร 
 


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 30-07-2008, 14:31
คุณจะไปต่อสู้กับอะไรอีก ทุกอย่างมันยุติลงไปหมดแล้ว ไทยได้ร้องค้าน ไทยได้สงวนสิทธิ์ ไทยได้ทำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว
แต่ท้ายที่สุดปราสาทก็คงเป็นของเขมรอยู่วันยังค่ำ

แล้วที่พากันประท้วงอยู่นี่ มันเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ได้ปราสาทคืนมาหรือ ก็เปล่า
มันมีแต่ไปสะกิดแผลเก่าของความแตกแยกให้มันลุกลามขึ้นมาอีก เพื่อผลทางการเมือง เพื่อล้มกลุ่มคนบางกลุ่ม เท่านั้น
เรื่องไม่เป็นเรื่องก็กุกันขึ้นมา ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวเท็จ ก็พากันสร้างขึ้นมา
แผนที่ก็วาดกันเอาเองตามใจชอบ ตรงนั้นของเขมรตรงนี้ของไทย พูดเอง เออเอง
บางพวกลามปามไปกว่านั้น จะทวงดินแดนกลับคืนมา
นี่ไม่เรียกว่าบ้าแล้วจะเรียกอะไร 
 

ไปอยู่ไหนมาครับ....ช่วงนี้ เค้ากำลังพูดถึงเรื่องการเสียดินแดน 4.6 ตร.กม. ไม่ใช่ปราสาท พระวิหาร

เรื่องศาลโลกตัดสินอย่างไร คนในเว็ป เค้ารู้กันหมดแล้ว....ออกมาที่สว่าง ๆ สิครับ...

หายใจลึก ๆ แล้ว อ่านข่าวเยอะหน่อย....อ่านเสร็จ แล้ว ก็คิดว่า อะไร จริง หรือไม่จริง...


 :slime_bigsmile:



หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: hilander ที่ 30-07-2008, 14:41
ไปอยู่ไหนมาครับ....ช่วงนี้ เค้ากำลังพูดถึงเรื่องการเสียดินแดน 4.6 ตร.กม. ไม่ใช่ปราสาท พระวิหาร

เรื่องศาลโลกตัดสินอย่างไร คนในเว็ป เค้ารู้กันหมดแล้ว....ออกมาที่สว่าง ๆ สิครับ...

หายใจลึก ๆ แล้ว อ่านข่าวเยอะหน่อย....อ่านเสร็จ แล้ว ก็คิดว่า อะไร จริง หรือไม่จริง...


 :slime_bigsmile:



เอ้า เขมรเอาดินแดนตรงนี้ไปแล้วหรือครับ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
โอ ตกข่าว ตกข่าว
เสียดินแดนจริง ๆ แล้วสิเรา
 


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 30-07-2008, 14:52
คุณจะไปต่อสู้กับอะไรอีก ทุกอย่างมันยุติลงไปหมดแล้ว ไทยได้ร้องค้าน ไทยได้สงวนสิทธิ์ ไทยได้ทำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว
แต่ท้ายที่สุดปราสาทก็คงเป็นของเขมรอยู่วันยังค่ำ

แล้วที่พากันประท้วงอยู่นี่ มันเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ได้ปราสาทคืนมาหรือ ก็เปล่า
มันมีแต่ไปสะกิดแผลเก่าของความแตกแยกให้มันลุกลามขึ้นมาอีก เพื่อผลทางการเมือง เพื่อล้มกลุ่มคนบางกลุ่ม เท่านั้น
เรื่องไม่เป็นเรื่องก็กุกันขึ้นมา ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวเท็จ ก็พากันสร้างขึ้นมา
แผนที่ก็วาดกันเอาเองตามใจชอบ ตรงนั้นของเขมรตรงนี้ของไทย พูดเอง เออเอง
บางพวกลามปามไปกว่านั้น จะทวงดินแดนกลับคืนมา
นี่ไม่เรียกว่าบ้าแล้วจะเรียกอะไร 
 


'คนที่ราบสูง'.......
นายกฯหมัก เมถุน อดีตรมต.กต.ที่ขายชาติยืนยันและทวงบุญกับพวกรากหญ้า บัตรเติมเงิน ว่า พวกเขาสองตนได้ปกป้องแผ่นดินไทยไม่ให้สูญเสียให้เขมรแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ขยายความนายกฯเขมร รมว.กต.เขมรต้องการเพียงปราสาทพระวิหาร เท่านั้น บริเวณอื่นๆยังเป็นของคนไทยอยู่.....!!!

คนไทยที่ไม่ได้เป็นพวกรากหญ้า บัตรเติมเงิน ได้ฟัง ได้รู้แล้ว ก็คิดว่ามนุษย์ขายชาติสองตนนั้นโกหกพวกรากหญ้า บัตรเติมเงินที่รัก ศรัทธาพวกเขา อย่างไร้ยางอายที่สุด.....

น่าสงสาร น่าสังเวชสติปัญญาของพวกรากหญ้า บัตรเติมเงินที่ไม่รู้ว่าปราสาทพระวิหารอยู่บนยอดเขา ชะง้อนเขา ตามคำวินิจฉัยของศาลโลก(?)นั้น ไม่มีทางเท้าเดินขึ้น นอกจากจะเดินขึ้นจากฝั่งไทย ดินแดนไทย....

ดังนั้นสมเด็จฮุนเซน รมว.กต.เขมรได้สมคบคิดกับนักธุรกิจการเมืองแม๊ว นายกฯนอมินี และ รมว.กต.ในขณะนั้นว่าที่ดินรอบบริเวณหลายตารางกี่โลเมตร(4.6 ตรม.กม.)ก็เป็นของเขมรด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่นักธุรกิจการเมืองแม๊วจะได้รับจากบ่อพลังงานในอ่าวไทยที่ทับซ้อนกับเขมร ที่สมเด็จฮุนเซน มีอำนาจชี้นิ้วจะให้เป็นของผู้ใด...

ถ้าแผนการนี้สำเร็จเรียบร้อยโรงเรียนสมเด็จฮุนเซน ผู้ที่จะได้ประโยชน์คือ นักธุรกิจการเมืองแม๊ว สมเด็จฮุนเซน เหลือเศษๆ ให้นายกฯนอมินีและอดีตรมต.กต.ที่ยอมสมรู้สมคบคิดยกดินแดนไทยให้เขมรด้วย.....



ชาวที่ราบสูง....
ต้องพูดอะไรนอกเหนือจาก'ใบบอก'พิมพ์ไว้บ้าง ไม่ใช่หน้าด้าน ไร้ยางอาย พูดตาม'ใบบอก'เกี่ยวกับ'ปราสาทพระวิหาร' เท่านั้น :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:




หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: hilander ที่ 30-07-2008, 15:09

'คนที่ราบสูง'.......
นายกฯหมัก เมถุน อดีตรมต.กต.ที่ขายชาติยืนยันและทวงบุญกับพวกรากหญ้า บัตรเติมเงิน ว่า พวกเขาสองตนได้ปกป้องแผ่นดินไทยไม่ให้สูญเสียให้เขมรแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ขยายความนายกฯเขมร รมว.กต.เขมรต้องการเพียงปราสาทพระวิหาร เท่านั้น บริเวณอื่นๆยังเป็นของคนไทยอยู่.....!!!

คนไทยที่ไม่ได้เป็นพวกรากหญ้า บัตรเติมเงิน ได้ฟัง ได้รู้แล้ว ก็คิดว่ามนุษย์ขายชาติสองตนนั้นโกหกพวกรากหญ้า บัตรเติมเงินที่รัก ศรัทธาพวกเขา อย่างไร้ยางอายที่สุด.....

น่าสงสาร น่าสังเวชสติปัญญาของพวกรากหญ้า บัตรเติมเงินที่ไม่รู้ว่าปราสาทพระวิหารอยู่บนยอดเขา ชะง้อนเขา ตามคำวินิจฉัยของศาลโลก(?)นั้น ไม่มีทางเท้าเดินขึ้น นอกจากจะเดินขึ้นจากฝั่งไทย ดินแดนไทย....

ดังนั้นสมเด็จฮุนเซน รมว.กต.เขมรได้สมคบคิดกับนักธุรกิจการเมืองแม๊ว นายกฯนอมินี และ รมว.กต.ในขณะนั้นว่าที่ดินรอบบริเวณหลายตารางกี่โลเมตร(4.6 ตรม.กม.)ก็เป็นของเขมรด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่นักธุรกิจการเมืองแม๊วจะได้รับจากบ่อพลังงานในอ่าวไทยที่ทับซ้อนกับเขมร ที่สมเด็จฮุนเซน มีอำนาจชี้นิ้วจะให้เป็นของผู้ใด...

ถ้าแผนการนี้สำเร็จเรียบร้อยโรงเรียนสมเด็จฮุนเซน ผู้ที่จะได้ประโยชน์คือ นักธุรกิจการเมืองแม๊ว สมเด็จฮุนเซน เหลือเศษๆ ให้นายกฯนอมินีและอดีตรมต.กต.ที่ยอมสมรู้สมคบคิดยกดินแดนไทยให้เขมรด้วย.....



ชาวที่ราบสูง....
ต้องพูดอะไรนอกเหนือจาก'ใบบอก'พิมพ์ไว้บ้าง ไม่ใช่หน้าด้าน ไร้ยางอาย พูดตาม'ใบบอก'เกี่ยวกับ'ปราสาทพระวิหาร' เท่านั้น :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:



คุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ผีพอลพตเข้าฝันบอกคุณ หรือนายฮุนเซนสายตรงจากเขมรเข้ามารายงานเรื่องนี้ต่อคุณ
นายทักษิณ นายสมัคร หรือใครต่อใครที่คุณว่า เป็นเจ้าของประเทศนี้หรือ ถึงจะมีสิทธิ์ยกดินแดนส่วนนั้นส่วนนี้ให้เขมร

พื้นที่ทับซ้อนก็คือพื้นที่ทับซ้อน มันมีเป็นสิบ ๆ จุด เดี๋ยวนี้ก็ยังตกลงกันไม่ได้ว่าเป็นของใครกันแน่
แล้วเรื่องอะไรถึงพากันมาโวยวายว่า มันจะตกเป็นของเขมร


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 30-07-2008, 15:22
ผมได้บอกไปแล้วว่ามันไม่มีอะไรที่ต้องศึกษาอีกหรอก
ปราสาทพระวิหารนั้นเป็นของเขมร พื้นที่โดยรอบก็เป็นของเขา ตามมติของศาลโลก และตามมติของ ครม.ปี2505
คุณจะไปตะแบงเอาอะไรอีก

หรือคุณยังติดใจในประเด็นไหน  

พื้นที่ทับซ้อนก็คือพื้นที่ทับซ้อน มันมีเป็นสิบ ๆ จุด เดี๋ยวนี้ก็ยังตกลงกันไม่ได้ว่าเป็นของใครกันแน่
แล้วเรื่องอะไรถึงพากันมาโวยวายว่า มันจะตกเป็นของเขมร

 :mrgreen:


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: hilander ที่ 30-07-2008, 15:28
:mrgreen:


แล้วไง


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 30-07-2008, 15:48
ผมได้บอกไปแล้วว่ามันไม่มีอะไรที่ต้องศึกษาอีกหรอก
ปราสาทพระวิหารนั้นเป็นของเขมร พื้นที่โดยรอบก็เป็นของเขา ตามมติของศาลโลก และตามมติของ ครม.ปี2505
คุณจะไปตะแบงเอาอะไรอีก

หรือคุณยังติดใจในประเด็นไหน  


พื้นที่ทับซ้อนก็คือพื้นที่ทับซ้อน มันมีเป็นสิบ ๆ จุด เดี๋ยวนี้ก็ยังตกลงกันไม่ได้ว่าเป็นของใครกันแน่
แล้วเรื่องอะไรถึงพากันมาโวยวายว่า มันจะตกเป็นของเขมร

:mrgreen:


พวกได้หน้า ลืมหลัง.....!!!
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


ปล. ไม่ขอขี้แจงเพิ่มเติม...
ขอให้ถือว่าต่างสำนึกในความเป็นไทย
และมีที่มาที่ไป แตกต่างกันเถอะครับ...ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า





หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: hilander ที่ 30-07-2008, 16:06
พวกได้หน้า ลืมหลัง.....!!!
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:




เหรอ
แล้วไง

หลังศาลโลกมีมติ ไม่ใช่ไทยหรอกหรือที่ไปขีดพื้นที่ให้เขาว่า ตรงนี้ของไทย ตรงนั้นของเขมร
พอเขาจะขึ้นทะเบียนปราสาท เขาก็ส่งแผนที่ที่ไทยกำหนดให้นั้นมาให้ตรวจสอบ
เมื่อปี 2505 คุณเคยว่าอย่างนี้ ปี 2551 ผมก็จะว่าตามคุณ

พวกบ้าจี้ก็เต้นผาง จะเรียกร้องปราสาทคืน เป็นของไทย เป็นของไทยมา 600 ปีแล้ว เขมรขี้โกง ฝรั่งเศสขี้โกง ศาลโลกก็ขี้โกงตามเขาไปด้วย ( ข้อมูลจากกระทู้ในเสรีไทย )   ไป ๆ มา ๆ กลับมาเปลี่ยนแนว กลายไปว่าเราจะเสียพื้นที่ในส่วนที่เป็นพื้นที่ทับซ้อน ทักษิณเอาไปแลกกับพื้นที่ทับซ้อนในทะเลบริเวณที่เป็นแหล่งน้ำมันซะแล้ว

พื้นที่โดยรอบปราสาทที่ผมว่าคือบริเวณที่ตัวปราสาทตั้งอยู่ ( ซึ่งไทยไปกำหนดให้เขาเองว่าจากตรงไหนถึงตรงไหน ) ไม่ได้หมายถึงพื้นที่ทับซ้อนที่มีปัญหากันอยู่

อย่า อย่า อย่าเล่นทีเผลอ ไม่กระจอกขนาดนั้นหรอกน่า


   


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 30-07-2008, 16:10
เหรอ
แล้วไง

หลังศาลโลกมีมติ ไม่ใช่ไทยหรอกหรือที่ไปขีดพื้นที่ให้เขาว่า ตรงนี้ของไทย ตรงนั้นของเขมร
พอเขาจะขึ้นทะเบียนปราสาท เขาก็ส่งแผนที่ที่ไทยกำหนดให้นั้นมาให้ตรวจสอบ
เมื่อปี 2505 คุณเคยว่าอย่างนี้ ปี 2551 ผมก็จะว่าตามคุณ

พวกบ้าจี้ก็เต้นผาง จะเรียกร้องปราสาทคืน เป็นของไทย เป็นของไทยมา 600 ปีแล้ว เขมรขี้โกง ฝรั่งเศสขี้โกง ศาลโลกก็ขี้โกงตามเขาไปด้วย ( ข้อมูลจากกระทู้ในเสรีไทย )   ไป ๆ มา ๆ กลับมาเปลี่ยนแนว กลายไปว่าเราจะเสียพื้นที่ในส่วนที่เป็นพื้นที่ทับซ้อน ทักษิณเอาไปแลกกับพื้นที่ทับซ้อนในทะเลบริเวณที่เป็นแหล่งน้ำมันซะแล้ว  
พื้นที่โดยรอบปราสาทที่ผมว่าคือบริเวณที่ตัวปราสาทตั้งอยู่ ( ซึ่งไทยไปกำหนดให้เขาเองว่าจากตรงไหนถึงตรงไหน ) ไม่ได้หมายถึงพื้นที่ทับซ้อนที่มีปัญหากันอยู่

อย่า อย่า อย่าเล่นทีเผลอ ไม่กระจอกขนาดนั้นหรอกน่า


   

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: วาโย ที่ 30-07-2008, 16:35
 :slime_bigsmile:ไม่ศึกษาก็ไม่รู้จริงสิครับเข้ามาแถตามใบบอกหรือ ขนาดนาย-กหน้าด้านแล้วยังยอมกลับลำส่ง รมต เตชไปเจรจาเลย สงสัยหน้าคุญไฮนี่คอนกรีตเสริมเหล็กตราหัวควายเลยนะนี่ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: mastseri ที่ 30-07-2008, 16:44
เค้าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วคุ๊ณณณณณ   ..... เฮ้อ  

ไม่ต้องการโต้นะครับ  คุณไปหาอ่านข้อมูลเอาเองก็ได้ เรื่องแผนที่น่ะ

ว่าไอ้ที่คุณเข้าใจมาตลอด  มันผิดหรือถูก  กับสถานการณ์ปัจจุบันที่เรากำลังเจรจากับเขมร แบบชุลมุนฝุ่นตลบกันอยู่เนี่ย

 

..........ยกเว้นแต่เพียงว่า  คุณ hilander  คิดว่า 4.6 ตร.ม.   มันเป็นของเขมรมาตั้งนานแล้วและคิดแบบนั้นตลอดมา     :slime_dizzy:




ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น  ก็ป่วยการที่จะคุยกันแล้วว่ะ  

.............เฮ้ยยยยยยย!!!!!!! เจอคนเขมรในเว็บนี้อีกคนแล้วเว้ยยยยยยย :slime_surrender:





หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 30-07-2008, 17:04
ใครที่ยังสนใจเรื่องนี้ น่าจะไปดูว่า รัฐบาลทำไมต้องกลับลำ เข้าไปเจรจาเพื่อรักษา 4.6 ตารางกิโลเมตรไว้

ผลเป็นยังไงก็น่าจะรู้ แผนที่ ในเสรีไทย ก็มีที่มาที่ไป มีการอ้างอิง ไม่ใช่เขียนขึ้นเอง

แผนที่ฝรั่งเศส แผนที่ไทย แผนที่เขมร มีให้ดูกันหมดแล้ว

ถ้าจะตะแบง น่าจะศึกษาเรื่องราวให้มากกว่า สงสัยไม่ได้ฟังอภิปรายในสภา ที่ใช้เวลาอธิบายถึง 15 ชั่วโมง

ถามจริงๆ ไปอยู่ที่ไหนมาครับ


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 30-07-2008, 17:14
ใครอยากอ่านเนื้อความกระทู้นี้จริงๆ กลับไปหน้าแรกนะครับ
นี่เขาพาออกทะเลไปไกลแล้ว (ตัวเขาก็ยังไม่รู้ด้วยมั๊งว่าหลงถึงทะเลไหน)

โปรดสังเกต คนเขมรในเว็บไม่ว่าจะ จ๊ะ แก๊ส หมู ไม่โผล่มาในกระทู้นี้ซักนิด
แม้แต่คนเขมรตั้งกระทู้ก็หายจ้อย เหลือเขมรเบลอบางคนยังไม่รู้ตัว

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: paper punch ที่ 30-07-2008, 18:12
คิดอยู่เหมือนกัน จขกท.มาตั้งไว้แล้วก็หายจ้อย

ปล่อยให้ใครก็ไม่รู้ มาแบบมวยวัดเลย ชกมั่ว สะเปะสะปะไปหมด


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: Rule of Law ที่ 30-07-2008, 18:13
จะต้องศึกษาอะไรอีก ในเมื่อปราสาทเป็นของเขมรมันก็ต้องอยู่ในที่ของเขมรสิ
ถ้าอย่างที่คุณว่า ปราสาทเป็นของเขมรแต่ที่ดันเป็นของไทย นั่นมันบ้าแล้ว

อย่างเช่น เขมรจะฟ้องศาลโลกว่าปราสาทเขาพนมรุ้งเป็นของเขมรมันย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะปราสาทนี้อยู่ในเขตไทย
เขมรฟ้องศาลโลกว่าปราสาทพระวิหารเป็นของเขา เพราะมันอยู่ในเขตของเขา
ในเมื่อศาลโลกวินิจฉัยแล้วว่าปราสาทเป็นของเขมร ดังนั้นมันก็ต้องประกอบกันไปว่าบริเวณที่ตั้งของปราสาทมันก็ต้องเป็นของเขมรด้วย

ถ้าไม่เข้าใจจะสรุปชัด ๆ อีกครั้ง ว่าปราสาทของเขมรก็ต้องตั้งอยู่ในที่ของเขมร 
คุณจะไปทึกทักว่าปราสาทเป็นของเขมรจริง แต่ที่ตั้งของของปราสาทนั่นเป็นที่ของไทย
นี่เป็นเรื่องบ้าที่ไม่มีประชาคมโลกที่ไหนยอมรับได้หรอก ไปพูดที่ไหนก็มีแต่เขาจะหัวร่อใส่หน้าคุณเท่านั้นแหล่ะ  

อยากโพสต์กระทู้สร้างผลงาน ก็หัดแม่นข้อมูลหน่อย
ทำตัวเป็นขยะป่วนน่ารำคาญ

ไม่มีประชาคมโลกที่ไหนเขายอมรับหรอก  ยกเว้น ไอ้หน้าเมถุน


http://www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=149831

"สมัคร"กร้าวเฉ่งกลับเขมร ตอก"ฮุนเซ็น" ยันพื้นที่พิพาทดินแดนไทย

อ่านซะตัวโตๆ จะได้หายง่าว
เป็นไงล่ะ  พ่อลูกกรอกมันบอกว่าเป็นดินแดนไทยว่ะ

เชื่อได้เลย น้ำหน้าอย่างนี้ไม่มีทางอยู่ในบอร์ดนาน เห็นมาหลาย log in แล้ว




หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: hilander ที่ 30-07-2008, 18:22
ใครอยากอ่านเนื้อความกระทู้นี้จริงๆ กลับไปหน้าแรกนะครับ
นี่เขาพาออกทะเลไปไกลแล้ว (ตัวเขาก็ยังไม่รู้ด้วยมั๊งว่าหลงถึงทะเลไหน)

โปรดสังเกต คนเขมรในเว็บไม่ว่าจะ จ๊ะ แก๊ส หมู ไม่โผล่มาในกระทู้นี้ซักนิด
แม้แต่คนเขมรตั้งกระทู้ก็หายจ้อย เหลือเขมรเบลอบางคนยังไม่รู้ตัว

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

เอ้า นี่ออกทะเลไปแล้วเหรอ ว้า

แล้วที่ทวงเหยง ๆ ก่อนหน้านี้ ที่คุณแนะนำให้ผมไปอ่าน สรุปว่าตอนนี้เป็นอย่างไร หรือว่าเสร่อหน้าแตกแล้วก็หายจ้อย

เช่น http://forum.serithai.net/index.php?topic=28392.0 (http://forum.serithai.net/index.php?topic=28392.0)


จากกรณีรัฐบาลสมัคร กับปราสาทพระวิหาร ทำให้มีข้อมูลหลั่งไหลออกมามากมาย
แต่อาจไม่สะดวกในการจัดทำเป็นเอกสารเผยแพร่ ผมก็เลยลองสรุปข้อมูลที่พอหาได้
จัดทำเป็นบทความขนาดไม่ยาวนัก ที่พอจะพิมพ์ได้ใน 2 หน้ากระดาษ A4 (1 แผ่น)

คุณพระพายได้กรุณาช่วยทำเป็นไฟล์ PDF และ MsWord ที่สะดวกในการเผยแพร่
ซึ่งผู้สนใจสามารถ Download ได้จากลิงค์นี้ครับ

http://www.savefile.com/files/1626944

เป็น zip ไฟล์ขนาดเพียง 86 kb (เล็กมาก) มีทั้งไฟล์ doc และ pdf
ถ้าเห็นว่าพอมีประโยชน์จะนำไปพิมพ์แจก หรือส่งต่อกันทางอีเมล์ก็เชิญได้นะครับ  :slime_smile:
------------------------------------------------------------------------------------------------------------

==สรุปประเด็นกรณีรัฐบาลสมัครกับปราสาทพระวิหาร==

เรื่องปราสาทพระวิหาร สรุปง่ายๆ ก็คือ "ไทยถูกฝรั่งเศสโกง" โดยการทำแผนที่ผิดสนธิสัญญา
ระหว่างไทยฝรั่งเศส พ.ศ. 2447 ที่ระบุเอาไว้ตั้งแต่มาตรา 1 ว่ากำหนดเส้นเขตแดนที่ "สันปันน้ำ"
และการทำแผนที่นั้นไม่อยู่ในข้อกำหนดใดๆ ของสนธิสัญญา  ศาลโลกวินิจฉัยว่าแผนที่ดังกล่าว
ไม่มีผลผูกพันมาแต่ต้น ..แผนที่ดังกล่าวจึงไม่เคยได้รับการรับรองจากประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน..

พื้นที่ปราสาทพระวิหารอยู่ในความครอบครองของไทยมาเกือบ 600 ปี นับแต่สมัยเจ้าสามพระยา
ที่เขมรถูกไทยตีนครธมแตก เมื่อปี พ.ศ. 1974 และเสียหายหนักจนย้ายเมืองหลวงไปพนมเปญ
ทิ้งปราสาทพระวิหารให้รกร้างอยู่ร่วม 500 ปี กระทั่งกรมหลวงสรรพสิทธิฯ พระเจ้าน้องยาเธอ
ในรัชกาลที่ 5 ขณะเป็น ข้าหลวงต่างพระองค์ มณฑลอีสาน ทรงค้นพบอีกครั้งในปี พ.ศ. 2442
ขณะนั้นปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตแดนไทย เช่นเดียวกับบางส่วนของลาวและเขมร มีหลักฐาน
ทรงจารึกปี ร.ศ. ที่พบและพระนาม ไว้ที่ชะง่อนผาเป้ยตาดี ข้อความว่า "๑๑๘ สรรพสิทธิ"

หลังฝรั่งเศสเข้ายึดครองอินโดจีน ไทยและฝรั่งเศสมีการทำสนธิสัญญา พ.ศ. 2447 ซึ่งต่อมา
ฝรั่งเศสได้จัดทำแผนที่ผิดๆ ที่ไม่มีการระบุในสนธิสัญญาให้ต้องจัดทำ มามอบให้ไทย 50 ชุด
ในแผนที่ไม่ใช้สันปันน้ำเป็นเส้นเขตแดน และทำให้ปราสาทพระวิหารไปอยู่ในเขตของกัมพูชา
ไทยไม่ได้รับรองหรือคัดค้านความถูกต้องของแผนที่แต่อย่างใด และต่อมาฝรั่งเศสได้ส่งทหาร
เข้าประจำการที่ปราสาทพระวิหารโดยไม่มีสนธิสัญญาใดๆ รองรับ

ต่อมาฝรั่งเศสอ่อนแอลงหลังรบแพ้เยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 และรบแพ้ไทยใน สงคราม-
พิพาทอินโดจีน เมื่อ พ.ศ. 2484 ทำให้ต้องคืนดินแดนให้ไทย ครอบคลุมถึงปราสาทพระวิหาร
ซึ่งไทยได้สร้าง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นอนุสรณ์แด่ผู้พลีชีพในสงครามที่มีชัยเหนือฝรั่งเศส
แต่หลังสงครามโลก ไทยต้องคืนดินแดนที่ยึดคืนได้ให้ฝรั่งเศส แลกกับการไม่เป็นผู้แพ้สงคราม
และได้เข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ

พ.ศ. 2502 ภายหลังกัมพูชาได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส มีการฟ้องร้องไทยต่อศาลโลก โดยอ้างอิง
แผนที่ ที่ฝรั่งเศสทำไว้โกงๆ แล้วส่งมาให้ไทยใช้ กัมพูชาอ้างต่อศาลว่าฝรั่งเศสโกงแล้วไทยไม่ค้าน
แสดงว่ายอมยกปราสาทพระวิหารให้ฝรั่งเศส  ดังนั้นกัมพูชาก็ควรได้รับสิทธิโกงปราสาทสืบต่อด้วย

คำตัดสินของศาลโลกเห็นได้ชัดว่าลำเอียงเข้าข้างเขมรมากๆ เพราะไม่มีหลักฐานเป็นทางการใดๆ
ว่าผู้มีอำนาจฝ่ายไทยให้การรับรองแผนที่ขี้โกงนั้น แม้แต่ศาลโลกเองก็ยังยอมรับว่าฝรั่งเศสโกง
แต่อ้างหลักว่าไทย "นิ่งเฉย" แล้วศาลเหมาเอาว่าไทยให้การรับรอง

นอกจากนี้ศาลโลกยังให้ความสำคัญกับการกระทำต่างๆ ของบุคคลที่ไม่ได้เป็นผู้แทนประเทศไทย
โดยตีความการกระทำต่างๆ ว่าสามารถรับรองความถูกต้องของแผนที่ขี้โกง และรับรองอธิปไตย
ของฝรั่งเศสเหนือปราสาทพระวิหาร เช่น การเยือนปราสาทพระวิหารของกรมพระยาดำรงฯ

ในขณะที่สนธิสัญญาเท่านั้นที่ทำโดยผู้มีอำนาจจริง และได้ระบุการแบ่งเขตแดนด้วยสันปันน้ำ
ไว้ตั้งแต่มาตราแรกอย่างชัดเจนแต่ศาลกลับอ้างว่าสนธิสัญญาถูกลบล้างโดยการนิ่งเฉยของไทย
ต่อแผนที่ขี้โกง ที่ทำขึ้นโดยไม่มีอะไรรองรับ

ฝรั่งเศสเองมีโอกาสหลายครั้งที่จะเสนอให้ไทยรับรองแผนที่นี้แต่ไม่เคยเสนอ หากจะถือเกณฑ์
เดียวกันก็จะได้ว่าฝรั่งเศสเองก็นิ่งเฉยที่จะให้ไทยรับรองแผนที่เช่นกัน มีหลักฐานคือสนธิสัญญา
ที่ทำใหม่ใน ปี พ.ศ. 2468 และ พ.ศ. 2480 ต่างมีข้อความยืนยันเส้นเขตแดนตาม สนธิสัญญา
ปี พ.ศ. 2447 ที่ถือตามสันปันน้ำ และไม่มีการอ้างอิงแผนที่ขี้โกงแต่อย่างใด

สรุปว่าหลังถูกฝรั่งเศสโกงและเขมรโกงตามน้ำ รัฐบาลไทยยังรู้สึกว่าถูกศาลโลกโกงซ้ำอีกด้วย

หลังคำตัดสินศาลโลก รัฐบาลไทยจึงมีหนังสือคัดค้านคำตัดสินและประกาศสงวนสิทธิโดยชัดแจ้ง
ที่จะเรียกร้องปราสาทพระวิหารกลับคืนหากมีสิทธิประการใดเกิดขึ้นในอนาคต
(เช่น มีการจัดตั้ง
องค์กรระหว่างประเทศใหม่ๆ เช่น ศาลคดีพิพาทเขตแดนระหว่างประเทศ หรือมีกฎหมายใหม่ๆ
เช่น กฎหมายสนธิสัญญาไม่เป็นธรรม ฯลฯ) โดยมีเนื้อความบางส่วนดังนี้

"รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปรารถนาที่จะตั้งข้อสงวนอันชัดแจ้งเกี่ยวกับสิทธิใดๆ
ที่ประเทศไทยมีหรืออาจมีในอนาคต เพื่อเอาปราสาทพระวิหารกลับคืนมา โดยอาศัยกระบวนการ
กฎหมายที่มีอยู่หรือที่จะพึงนำมาใช้ได้ในภายหลัง และตั้งข้อประท้วงต่อคำพิพากษาของ
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ที่ตัดสินให้ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา"


การที่รัฐบาลสมัคร รับรองสิทธิของกัมพูชาตามคำตัดสินศาลโลกจึงเท่ากับลบล้างคำประกาศ
สงวนสิทธิที่รัฐบาลไทยได้เคยทำไว้ กลายเป็นการประกาศสละสิทธิเหนือปราสาทพระวิหาร
อย่างเป็นทางการโดยรัฐบาลไทย


ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือ อาจเท่ากับประกาศยอมรับความถูกต้องของแผนที่ซึ่งฝรั่งเศสทำโกงไทยไว้
และมีพื้นที่ครอบคลุมแนวชายแดนอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่จำกัดเฉพาะพื้นที่ไม่กี่ตารางกิโลเมตร
บริเวณปราสาทพระวิหารเท่านั้น

รัฐมนตรีนพดล และรัฐบาลสมัคร ไม่มีความจำเป็นใดๆ เลยที่จะต้องเร่งรีบสนองประโยชน์เขมร
เพราะไม่ได้เป็นรัฐมนตรีเขมรหรือรัฐบาลเขมร ที่กำลังจะมีเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 27 กรกฎาคม นี้
เรื่องปราสาทพระวิหารจะสร้างคะแนนให้พรรครัฐบาลของสมเด็จฮุนเซ็นที่เป็นเพื่อน พตท.ทักษิณ
ในขณะที่ไทยยังไม่ได้ประโยชน์จากกรณีปราสาทพระวิหารเลย ทั้งที่รัฐบาลได้เปรียบในการต่อรอง

สรุปว่ารัฐบาลสมัครและรัฐมนตรีนพดลกระทำผิดพลาดร้ายแรงกรณีปราสาทพระวิหาร  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชากา$
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 30-07-2008, 19:33
เอ้า เขมรเอาดินแดนตรงนี้ไปแล้วหรือครับ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
โอ ตกข่าว ตกข่าว
เสียดินแดนจริง ๆ แล้วสิเรา
 

โห ไม่น่าเชื่อ หลังจากความเห็นนี้ แล้วยังมีคนมาคุยด้วยอีก...

ฮ่า ๆ มนุษย์ หลายชื่อ...เดี๋ยวเป็นผู้หญิง เดี่ยว เป็นผู้ชาย....เดี๋ยว เป็นกระเทย...


 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 30-07-2008, 19:45
เหรอ
แล้วไง

หลังศาลโลกมีมติ ไม่ใช่ไทยหรอกหรือที่ไปขีดพื้นที่ให้เขาว่า ตรงนี้ของไทย ตรงนั้นของเขมร
พอเขาจะขึ้นทะเบียนปราสาท เขาก็ส่งแผนที่ที่ไทยกำหนดให้นั้นมาให้ตรวจสอบ
เมื่อปี 2505 คุณเคยว่าอย่างนี้ ปี 2551 ผมก็จะว่าตามคุณ

พวกบ้าจี้ก็เต้นผาง จะเรียกร้องปราสาทคืน เป็นของไทย เป็นของไทยมา 600 ปีแล้ว เขมรขี้โกง ฝรั่งเศสขี้โกง ศาลโลกก็ขี้โกงตามเขาไปด้วย ( ข้อมูลจากกระทู้ในเสรีไทย )   ไป ๆ มา ๆ กลับมาเปลี่ยนแนว กลายไปว่าเราจะเสียพื้นที่ในส่วนที่เป็นพื้นที่ทับซ้อน ทักษิณเอาไปแลกกับพื้นที่ทับซ้อนในทะเลบริเวณที่เป็นแหล่งน้ำมันซะแล้ว

พื้นที่โดยรอบปราสาทที่ผมว่าคือบริเวณที่ตัวปราสาทตั้งอยู่ ( ซึ่งไทยไปกำหนดให้เขาเองว่าจากตรงไหนถึงตรงไหน ) ไม่ได้หมายถึงพื้นที่ทับซ้อนที่มีปัญหากันอยู่  

อย่า อย่า อย่าเล่นทีเผลอ ไม่กระจอกขนาดนั้นหรอกน่า


   

55  ตัวปราสาท มันคงมี รากแขนง เหมือนต้นปีบ....ที่ขยาย ไปกว้าง ได้เป็นร้อยเมตรเลยเชียว....

ศาลโลกเค้าเลยตัดสินบริเวณพื้นที่รอบ ๆ ปราสาท ให้เขมรไปด้วย...

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ว่าแต่ล็อคอินเก่าโดนไปแล้วเหรอ


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: 西施无情 ที่ 30-07-2008, 19:57
คุณจะไปต่อสู้กับอะไรอีก ทุกอย่างมันยุติลงไปหมดแล้ว ไทยได้ร้องค้าน ไทยได้สงวนสิทธิ์ ไทยได้ทำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว
แต่ท้ายที่สุดปราสาทก็คงเป็นของเขมรอยู่วันยังค่ำ

แล้วที่พากันประท้วงอยู่นี่ มันเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ได้ปราสาทคืนมาหรือ ก็เปล่า
มันมีแต่ไปสะกิดแผลเก่าของความแตกแยกให้มันลุกลามขึ้นมาอีก เพื่อผลทางการเมือง เพื่อล้มกลุ่มคนบางกลุ่ม เท่านั้น
เรื่องไม่เป็นเรื่องก็กุกันขึ้นมา ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวเท็จ ก็พากันสร้างขึ้นมา
แผนที่ก็วาดกันเอาเองตามใจชอบ ตรงนั้นของเขมรตรงนี้ของไทย พูดเอง เออเอง
บางพวกลามปามไปกว่านั้น จะทวงดินแดนกลับคืนมา
นี่ไม่เรียกว่าบ้าแล้วจะเรียกอะไร 
 

แน่ใจเหรอ ?? ไทยเนี่ยนะ ได้ทำอะไร ?? ไหนสมัครบอกว่ายังไงไทยก็ไม่เสียแดนไทยไง ?? แล้วปราสาทที่ตั้งอยู่บนแดนไทย ต้องกลายเป็นของเขมรไปเนี่ยนะไม่เสียดินแดน ?? แล้วกุข่าวบ้าบออะไร ?? สมองไม่รับข่าวสารมากกว่ามั้ง?? เฮ่อ .. ไม่มีความรักชาติเลย คนไทยรึเปล่าเนี่ย ?? แผนที่วาดเองบ้านเอ็งดิ!!


หัวข้อ: Re: จดหมายเปิดผนึก เรื่อง จุดยืนทางวิชาการต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร”
เริ่มหัวข้อโดย: นักปฏิวัติ ที่ 03-08-2008, 12:45
คำพิพากษาของศาลโลก เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505(คศ. 1962) ที่ว่า “ศาลนี้ โดยคะแนน 9 ต่อ 3 เห็นว่า ปราสาทพระวิหาร ตั้งอยู่บนดินแดน ที่อยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของประเทศกัมพูชา” (THE COURT,By nine votes to three,FINDS THAT THE TEMPLE OF PREAH VIHEAR IS SITUATED IN TERRITORY UNDER THE SOVEREIGNTY OF CAMBODIA.) ซึ่งประเทศไทยโดยคณะรัฐมนตรีในยุคนั้น ได้ลงมติและประกาศว่า ไทยยอมรับคำพิพากษาของศาลโลก ตามพันธกรณีในฐานะที่เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ

คำตอบ ตัวสีแดง ไม่มีคำพูดว่าพื้นที่รอบตัวปราสาทเป็นของเขมร แต่อย่างใดครับ