ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: เล่าปี๋ ที่ 25-06-2008, 17:43



หัวข้อ: คตส. แฉตรวจสอบ21เดือน รัฐเสียหาย 1.8 แสนล้าน
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 25-06-2008, 17:43
คตส. แฉตรวจสอบ21เดือน รัฐเสียหาย 1.8 แสนล้าน

                                (http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/main/1_69.jpg)

คตส. แฉก่อนหมดวาระ ตรวจสอบ21เดือนเจอรัฐเสียหาย
1.8แสนล้าน อายัด 6หมื่นล้าน 


เปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ของ คตส. ที่มีชื่อว่า ''ปัจฉิมบทพันธกิจการตรวจสอบแทนประชาชน'' ตลอด 21 เดือน ตรวจสอบโครงการต่างๆ รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พบว่า รัฐได้รับความเสียหายเป็นเงินกว่า 1.8 แสนล้านบาท ได้อายัดทรัพย์ไว้ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท มีผู้พยายามขัดขวาง รบกวนระบบการตรวจสอบตลอด




ปัจฉิมบท "คตส."
กลไกตรวจสอบใหม่ในประวัติศาสตร์ไทย




คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐหรือ คตส. ถือฤกษ์ 30 มิถุนายนเป็นวันสิ้นสุดวาระ เปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ของ คตส. ที่มีชื่อว่า ''ปัจฉิมบทพันธกิจการตรวจสอบแทนประชาชน'' ในงานที่จะจัดขึ้นเพื่อส่งท้าย ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยรวบรวมรายละเอียดการทำงานของ คตส. ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2549 จนถึงเดือนมิถุนายน 2551 หนังสือเล่มนี้บอกเล่าหลายเรื่องราวของ คตส


นับตั้งแต่ความเป็นมา อำนาจหน้าที่ รายงานผลและขั้นตอนการตรวจสอบคดีต่างๆ รวมถึงการให้สัมภาษณ์เปิดใจกรรมการ คตส.ทุกคน นอกจากนี้ยังระบุถึงปัญหาและอุปสรรคในการทำงานตลอดจนวิธีแก้ไขด้วย เป็นต้นว่า การไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งการส่งเอกสารถ้อยคำและการร้องทุกข์ เนื่องจากหน่วยงานเหล่านี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นคนในรัฐบาลเดิมและบุคคลเหล่านี้รวมถึงลูกน้องในบังคับบัญชาก็ถูกตั้งข้อกล่าวหาเอง จึงมักบ่ายเบี่ยง ขอเลื่อน ขอผลัด ส่งเอกสารล่าช้า หรือส่งไม่ครบ เช่น ส่งเอกสารมาแต่ขาดหน้าในส่วนที่เป็นการพิจารณาสั่งการของผู้เกี่ยวข้อง



สำหรับตัวอย่างเช่น กรณีหวยบนดินที่ไม่ได้ส่งเงินเข้ากระทรวงการคลัง สร้างความเสียหายกว่าสองหมื่นล้านบาท แต่กลับไม่ยอมมาร้องทุกข์ ถึงขนาดที่นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. ต้องเอ่ยในที่ประชุมว่า กระทรวงการคลังกับ คตส. ก็อยู่ติดกันแค่นี้เพียงมุดรั้วมาก็ได้แล้ว ในคดีอื่นๆ เช่น ซีทีเอ็กซ์ ยังมีปัญหาการแปลเอกสารภาษาต่างประเทศ แม้จะแจ้งเรื่องไปให้นายกรัฐมนตรี (พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์) รับทราบแต่ก็ติดปัญหาทุกครั้ง รวมถึงปัญหาจากตัวบุคคลที่จะมาให้ถ้อยคำ ที่มีลักษณะเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ประวิงแล้วประวิงอีก ติดธุระไปต่างประเทศบ้าง ป่วยบ้าง บางรายอ้างว่าป่วยอยู่โรงพยาบาล พอ คตส.อนุญาตให้เลื่อนเวลาก็สามารถออกจากโรงพยาบาลเลยในวันรุ่งขึ้น
บางรายอ้างว่าจะมาชี้แจงด้วยตนเอง เลื่อน 3 ครั้ง 5 ครั้ง ในที่สุดก็ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ ไม่ได้มาด้วยตนเอง เราเสียเวลาไปกับขั้นตอน วิธีการต่างๆ เหล่านี้มากมาย ทั้งหมดทำให้การทำงานของ คตส. ไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้



หนังสือ ''ปัจฉิมบทพันธกิจการตรวจสอบแทนประชาชน'' ยังระบุถึงปัญหาเรื่องประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 ที่ตั้ง คตส.ขึ้นมาจะขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ไว้ด้วย เช่น มาตรา 3 ที่บัญญัติว่า ''อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญและหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม'' กล่าวคือ ประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 จะไม่มีผลใช้บังคับในทันที ที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ปี 2550 เพราะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรค 2 ไม่ได้ให้อำนาจแก่องค์กรที่แต่งตั้งโดยคณะปฏิวัติเป็นผู้ใช้อำนาจเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม



นอกจากนี้ประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 ยังขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 6 ที่บัญญัติว่า ''รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้ บทบัญญัตินั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้'' เกี่ยวกับประเด็นนี้ คตส. มีความเห็นว่า ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2549 มีการรับรองประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 ไว้ในมาตรา 36 และการต่ออายุ คตส. ก็มีการรับรองไว้ในมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 ให้การทำหน้าที่ของ คตส. และประกาศ คปค. ไม่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ





หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 และการดำเนินงานของ คตส.ขัดต่อรัฐธรรมนูญตามที่อดีตนายกรัฐมนตรีต่อสู้ คดีทุจริตต่างๆ ที่ คตส.ตรวจสอบทั้งหมด จะมีผลเป็นโมฆะทันที ผลที่ตามมาคือ นอกจากอดีตนายกรัฐมนตรีจะชนะคดี โดยไม่ต้องออกแรงต่อสู้ในรายละเอียดของคดีต่างๆ แล้ว เงินจำนวน 7.3 หมื่นล้านบาท ที่ถูก คตส. อายัดย่อมจะต้องถูกถ่ายโอนกลับคืนมา ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญอันดับต้นๆ ของการดำเนินการ ขณะที่บุคคลต่างๆ ที่ถูก คตส. ตั้งข้อหา ก็จะได้รับประโยชน์จากการดำเนินการครั้งนี้ด้วย โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ที่ถูกดำเนินคดีกรณีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร ก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วยเช่นเดียวกัน

         


คตส.ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การสร้างและสถาปนาระบบตรวจสอบและกลไกทางการเมือง มิใช่ว่าจะถือกำเนิดและทำได้โดยง่าย เนื่องด้วยเหตุปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในระบบกฎหมาย วัฒนธรรม และความเข้าใจของคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ''ผู้นำ''  ซึ่งทุกประเทศจะมีลักษณะเหมือนๆ กันคือ ไม่ต้องการให้ใครมาตรวจสอบการกระทำของตนและพยายามทุกวิถีทางที่จะให้หลุดพ้นจากการถูกตรวจสอบ โดยการขยายพลังอำนาจเข้าควบคุมกลไกอำนาจรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนดุลอำนาจในกองทัพรัฐมาเป็นเพื่อนร่วมรุ่น เปลี่ยนองค์กรตำรวจตั้งแต่ผู้บังคับบัญชาลงมา จัดการกับศัตรูทางการเมือง แทรกแซงองค์กรอิสระ ยึดกลไกรัฐที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการศาล ขจัดหรือขัดขวางการฟ้องร้องใดๆ หรือทำให้มูลความผิดนั้นลดน้อยลง ควบคู่กับการยึดกลไกข้าราชการเอาไว้ในอำนาจ
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้บ่งชี้ถึงแนวโน้มในการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในอนาคต รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยไม่เข้าใจปรัชญาอำนาจประชาธิปไตยที่แท้จริง มีแต่สำนึกในด้านความคิดควบคุมกลไกอำนาจรัฐ จึงสร้างปัญหาวิกฤตทางการเมือง การโกงกินคอร์รัปชั่นและเป็นเหตุให้การก่อรัฐประหารปรากฏอยู่หน้าประวัติศาสตร์ของไทยเรื่อยมา

         


เพราะฉะนั้น คตส. จึงเป็นเสมือนกลไกระบบตรวจสอบหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ไทย ที่ถือกำเนิดมาจากวิกฤตของระบบรัฐบาลตัวแทน ที่พยายามสร้างความชอบธรรมให้ตนเอง กล่าวอ้างคำว่า การบริหารการจัดการที่ดี และแสวงหาผลประโยชน์ตอบแทนในรูปแบบต่างๆ 



คตส.ระบุด้วยว่า ที่ผ่านมามักจะได้รับคำถามเสมอว่าประเทศชาติได้อะไรจากการตรวจสอบ จึงขอชี้แจงว่าตลอด 21 เดือนที่ผ่านมา ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบโครงการต่างๆ ที่ดำเนินการภายใต้รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จากการตรวจสอบการกระทำทุจริต 13 เรื่อง พบว่า รัฐได้รับความเสียหายเป็นเงินกว่า 1.8 แสนล้านบาท ได้อายัดทรัพย์ไว้ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ในระหว่างการทำงาน คตส.พบปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่มีผู้พยายามขัดขวาง รบกวนระบบการตรวจสอบ แต่ คตส.ก็มุ่งมั่นที่จะดำเนินการอย่างเป็นธรรมและเที่ยงตรง เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชน ถึงแม้จะถูกฟ้องทั้งอาญาและแพ่ง 16 คดี เรียกค่าเสียหายจาก คตส. กว่า 1 แสนล้านบาท



ดังนั้นการตรวจสอบของ คตส. ขอฝากไว้เป็นกรณีศึกษาถึงการทุจริตเชิงนโยบายซึ่งเป็นการคอร์รัปชั่นแนวใหม่ ที่มาจากการจัดทำโครงการประชานิยม การจัดทำนโยบายสาธารณะ ก่อความเสียหายแก่รัฐในด้านการเงิน ทำลายวัฒนธรรม ทำลายโครงสร้างสังคม ทำลายระบบเศรษฐกิจพอเพียง มุ่งสู่การเป็นบริโภคนิยมและความฟุ่มเฟือย แต่เมื่อครบวาระและสิ้นสุดการทำงานอย่างเป็นทางการ คตส. ยังต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมโดยลำพังด้วยตนเอง แต่สิ่งสำคัญที่ คตส.ต้องการฝากไว้ให้คิด คือ ระบบตรวจสอบผู้ที่พยายามควบคุมกลไกอำนาจรัฐ ยังคงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับบ้านเมืองเรา





          ดังนั้นการตรวจสอบของ คตส. ขอฝากไว้เป็นกรณีศึกษาถึงการทุจริตเชิงนโยบายซึ่งเป็นการคอร์รัปชั่นแนวใหม่ ที่มาจากการจัดทำโครงการประชานิยม การจัดทำนโยบายสาธารณะ ก่อความเสียหายแก่รัฐในด้านการเงิน ทำลายวัฒนธรรม ทำลายโครงสร้างสังคม ทำลายระบบเศรษฐกิจพอเพียง มุ่งสู่การเป็นบริโภคนิยมและความฟุ่มเฟือย แต่เมื่อครบวาระและสิ้นสุดการทำงานอย่างเป็นทางการ คตส. ยังต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมโดยลำพังด้วยตนเอง แต่สิ่งสำคัญที่ คตส.ต้องการฝากไว้ให้คิด คือ ระบบตรวจสอบผู้ที่พยายามควบคุมกลไกอำนาจรัฐ ยังคงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับบ้านเมืองเรา






ข้อมูลจาก
 (http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/logo/matichononline.jpg)
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

http://hilight.kapook.com/view/25633




หัวข้อ: Re: คตส. แฉตรวจสอบ21เดือน รัฐเสียหาย 1.8 แสนล้าน
เริ่มหัวข้อโดย: KILL...ER ที่ 25-06-2008, 17:48
ทุเรศฉิบหาย ก่อนรัฐประหาร บอกว่ามีหลักฐานเด็ด มีทีเด็ด ถ้าได้มีอำนาจตรวจสอบเต็มที่รับรอง ลากคอเข้าคุกได้แน่นอน

ผ่านมา 2 ปี แดกเงินภาษี ยัดทะนานเงินหลวงกัน สบายแฮ

แถมยังได้รับอภิสิทธิ์ ฝากพวกฝากพ้องฝากกิ๊ก เข้าไปนั่งหน้าสลอนในสภาสูงได้อีก ถุยยย


หัวข้อ: Re: คตส. แฉตรวจสอบ21เดือน รัฐเสียหาย 1.8 แสนล้าน
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emporer ที่ 25-06-2008, 18:17
ยึดคืนได้สักสิบเปอร์เซนต์ก็คุ้มค่าจ้างแล้ว

เพราะสามารถยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดกับประเทศ

ที่เกิดจากความโลภอย่างไร้สติของคนบางกลุ่มได้ชะงัดนัก

ถึงตอนนี้ศาลท่านจำคุกทีมทนาย

ป่านนี้คงรู้แล้วว่าร้อนเหมือนอยู่ในนรกนั้นเป็นอย่างไร