หัวข้อ: ==ข้อพิพาทไทย-กัมพูชาในปราสาทพระวิหาร ข้อมูลจากอดีตเอกอัครราชทูตไทย== เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-06-2008, 23:08 อ่านดูแล้วคิดว่าเป็นเอกสารที่มีเนื้อหาน่าสนใจนะครับ ท่านผู้เขียนก็เป็นถึงอดีตเอกอัครราชทูตไทย
และอดีตปลัดกระทรวงต่างประเทศ ที่มีส่วนใกล้ชิดและอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรกเริ่มปัญหาเรื่องนี้ ก่อนเรื่องจะไปถึงศาลที่เนเธอร์แลนด์ นำมาฝากให้สมาชิกเสรีไทยได้ศึกษาร่วมกันนะครับ :slime_smile: ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาในคดีปราสาทพระวิหาร โดย ศาสตราจารย์ ดร. สมปอง สุจริตกุล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง ผมขอแสดงความห่วงใยเกี่ยวกับข่าวสารและคำวิพากษ์วิจารณ์ในหน้าหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง และโทรทัศน์ ที่พาดพิงถึงคดีปราสาทพระวิหารอย่างคลุมเครือ และโดยที่ผมบังเอิญมีส่วนใกล้ชิด และอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรกเริ่มมีปัญหา ขัดแย้งอันส่งผลไปถึงข้อพิพาทซึ่งเป็นคดีความในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนอื่น ผมขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายพื้นฐานบางประการที่อาจอำนวยความ กระจ่างแจ้งแก่ประชาชนชาวไทย เกี่ยวกับสถานภาพและผลทางกฎหมายของคำพิพากษาศาล ยุติธรรมระหว่างประเทศเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ.1962 ในคดี ปราสาทพระวิหาร ตลอดจนปฏิบัติการและท่าทีของไทยรวมทั้งการคัดค้านคำพิพากษาและข้อสงวนซึ่ง ไทยได้แถลงต่อคณะ กรรมการที่ 6 (กฎหมาย) ในที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญที่ 17 ในปีเดียวกัน 1. ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศต่างกับศาลภายในในข้อที่ศาลระหว่างประเทศไม่มี อำนาจพิจารณาพิพากษาคดีความใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากจะได้รับความยินยอมจากรัฐคู่กรณี ในคดีปราสาทพระวิหาร ไทยได้คัดค้านอำนาจศาลแล้วแต่แรกเริ่ม แต่ศาลได้มี คำพิพากษาเบื้องต้นเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ.1961 ยืนยันอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทั้งๆ ที่ได้เคยมีการกล่าวอ้าง ในศาลในคดีอื่นก่อนหน้านั้นว่าคำรับอำนาจศาลถาวรของ ไทยฉบับแรกมิได้โอนย้ายมาใช้ในศาลยุติธรรมปัจจุบันซึ่งรับช่วงปฏิญญา รับ อำนาจศาลจากศาลถาวรภายใต้องค์การสันนิบาตชาติตามความในข้อ 36 วรรค 5 แห่งธรรมนูญศาลปัจจุบัน ทั้งนี้ เนื่องจาก ไทยมิได้เป็นสมาชิกที่ร่วมก่อตั้งสหประชาชาติมาแต่แรกเริ่มเมื่อ ค.ศ.1945 2.คำฟ้องของกัมพูชาระบุเฉพาะอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ที่ปราสาทพระวิหารตั้ง อยู่ มิอาจขยายให้กว้างออกไปนอกพื้นที่ จนครอบคลุมเขาพระวิหารซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ของทิวเขาดงรัก ฉะนั้น การกล่าวถึงข้อพิพาทในคดีว่าเป็น ‘คดีเขาพระวิหาร’ หรือ ‘คดีปราสาทเขาพระวิหาร’ จึงคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ที่ถูกต้องคือ ‘คดีปราสาทพระวิหาร’ โดยจำกัดพื้นที่เฉพาะบริเวณ ที่ตั้งของปราสาท 3.คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจึงจำกัดเฉพาะภายในกรอบคำร้องที่ กัมพูชายื่นฟ้องโดยไม่อาจขยายพื้นที่ นอกเหนือจากบริเวณที่ตั้งของปราสาท 4.ข้อ 59 แห่งธรรมนูญศาลกำหนดไว้ว่า คำพิพากษาของศาลไม่มีผลผูกมัดผู้หนึ่งผู้ใดยกเว้นคู่กรณี ได้แก่ไทยและกัมพูชา และเฉพาะส่วนที่เป็นประเด็นในข้อพิพาทเท่านั้น ฉะนั้น คำพิพากษาจึงไม่อาจขยายไปถึงคำขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และไม่ผูกพันองค์การยูเนสโกหรือทบวงการชำนัญพิเศษอื่นๆ รวมทั้งศาลซึ่งเป็นองค์กรของสหประชาชาติและศาลระหว่างประเทศอื่นๆ อาทิ ศาลกฎหมายทะเล 5.คำพิพากษาของศาลไม่มีกลไกบังคับคดี ในทางปฏิบัติจึงไม่อาจนำมาบังคับคดีได้ แต่ไทยก็ได้ปฏิบัติตามโดยไม่ขัดขืน หรือละเมิดคำพิพากษา ไทยได้ถอนบุคคลากรไทยผู้ทำหน้าที่ดูแลรักษาปราสาทพระวิหาร ย้ายเสาธงชาติไทยออกมา นอกพื้นที่ปราสาทพระวิหารและสร้างรั้วล้อมตัวปราสาท ไว้ เป็นการถอนการครอบครองปราสาทพระวิหารตามคำพิพากษา 6.เนื่องจากไทยไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษา จึงไม่ยอมรับอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาและยื่นประท้วงคัดค้านคำพิพากษาดังกล่าว และตั้งข้อสงวนไว้ โดยไทยถือว่าปราสาทพระวิหารยังอยู่ในอำนาจอธิปไตยของไทย และจะกลับไปครอบครองปราสาทพระวิหารอีก เมื่อคำพิพากษาได้รับการพิจารณาทบทวน แก้ไขอีกครั้ง 7.ด้วยเหตุผลดังกล่าว ไทยจึงไม่สมควรเปลี่ยนท่าทีหรือยอมรับอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาเหนือปราสาทพระ วิหาร ซึ่งจะทำได้ ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบในระดับรัฐบาลและประชามติ 6.หากพิจารณาตามความเป็นจริงทางภูมิศาสตร์ กัมพูชาไม่อาจเข้ามาครอบครองปราสาทพระวิหารได้โดยง่าย เพราะทางขึ้น เป็นหน้าผาสูงชัน การเดินทางไปปราสาทพระวิหารของชาวกัมพูชาจึงจำเป็นต้องใช้เส้นทางที่ผ่าน ประเทศไทย อย่างไรตาม ปัจจุบันปรากฏว่าไทยได้ปล่อยปละละเลยและไม่เข้มงวดในการสงวนเส้นทางซึ่งเป็น ของไทย และปล่อยให้ชาวกัมพูชา ผ่านไปมาได้โดยเสรี ไม่มีการตั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองหรือเก็บค่าผ่านทางแต่ประการใด ฉะนั้น จึงสมควรที่จะนำมาตรการที่ถูกต้อง และเหมาะสมในการเข้าออกประเทศมาใช้อย่าง เข้มงวด เพื่อป้องกันมิให้เกิดการเข้าใจผิดและถือสิทธิ์อันมิชอบ ทั้งนี้ โดยยึดหลัก การปักปันเขตแดนดั้งเดิมตามเส้นสันปันน้ำซึ่งไม่มีการทับซ้อนโดย เด็ดขาด 7.คำพิพากษาของศาลในคดีนี้มิได้เป็นคำพิพากษาเอกฉันท์ เนื่องจากมีเสียงข้างมากเพียง 9 ต่อ 3 และ 7 ต่อ 5 ในบางประเด็น จึงถือได้ว่าเกือบครึ่งหนึ่งของศาลยังมีความเห็นว่าไทยสมควรมีอำนาจอธิปไตย เหนือปราสาทพระวิหาร ทั้งนี้ โดยที่กฎหมาย ระหว่างประเทศมีการพัฒนาก้าวหน้าต่อเนื่อง จึงเป็นไปได้ที่ความเห็นจะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต ซึ่งหมายถึงคำพิพากษาแย้ง ที่มีเหตุผลอาจเป็นที่ยอมรับนับถือและปฏิบัติตาม 8.หากพิจารณาในภาพรวมจะเห็นได้ว่าศาลเชื่อในหลักการว่าเส้นสันปันน้ำยังคง เป็นเส้นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาในบริเวณ เทือกเขาดงรัก เส้นสันปันน้ำที่เขาพระวิหารอยู่ที่ขอบหน้าผา ฉะนั้น ถ้าจะมีการสำรวจใหม่ เส้นแบ่งเขตน่าจะเป็นเช่นเดิมโดยใช้ สันปันน้ำเป็นหลัก ปราสาทพระวิหารจึงยังอยู่ในเขตแดนไทย 9.เพื่อความเข้าใจในคำพิพากษาอย่างแจ่มแจ้ง จำเป็นต้องศึกษาโดยอ่านอย่างละเอียดเริ่มแต่หน้าแรกถึงหน้าสุดท้าย ในกรณีพิพาท คดีปราสาทพระวิหาร ตั้งแต่หน้า 1 ถึงหน้า 146 เป็นคำพิพากษาโดยรวม ประกอบด้วยคำพิพากษาของศาล คำพิพากษาแย้งและ คำพิพากษาเอกเทศ จึงจำเป็นต้องอ่านโดยตลอดจึงจะเห็นภาพรวมที่สมบูรณ์ ผมได้ตั้งข้อสังเกตข้างต้นเพื่อให้ประชาชนชาวไทยเข้าใจภูมิหลัง จุดยืนและข้อเท็จจริงตลอดจนหลักกฎหมายที่ถูกต้องในส่วนของไทย ก่อนที่จะชี้แจงหรือโต้แย้งกับฝ่ายกัมพูชาซึ่งต้องดำเนินตามข้อเท็จจริงและ หลักฐานที่ปรากฏอย่างชัดเจนว่าปราสาทพระวิหาร เป็นของไทยและอยู่ในเขตอำนาจ อธิปไตยของไทย โดยที่กัมพูชาเป็นสมาชิกใหม่ของสมาคมอาเซียน จึงควรที่จะเปิดการเจรจา อย่างสันติวิธีและเที่ยงธรรมโดยอาศัยกฎหมายและข้อ เท็จจริงเป็นหลัก อนึ่ง ผมขอเรียนย้ำอีกครั้งว่า ข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาเป็นคดี ‘ปราสาทพระวิหาร’ ทั้งในภาษาไทย อังกฤษและฝรั่งเศส หาใช่คดี ‘เขาพระวิหาร’ หรือ ‘ปราสาทเขาพระวิหาร’ ไม่ หัวข้อ: Re: ==ข้อพิพาทไทย-กัมพูชาในปราสาทพระวิหาร โดย อดีตเอกอัครราชทูตไทย== เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-06-2008, 23:15 วันนี้ นพ.ชูชัย อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้อ้างอิงถึงข้อมูล
จาก อดีตเอกอัครราชทูต สมปอง สุจริตกุล เอาไว้ด้วยครับ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 'นพ.ชูชัย'ชี้ข้อตกลงเขาพระวิหารขัดรธน. http://www.bangkokbiznews.com/2008/06/18/thumb/268252_1thumb3bkk.gif นายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์: " หมอชูชัย"เตือนการลงนามสนธิสัญญาเขาพระวิหาร กระทบสิทธิอธิปไตยเหนือดินแดน ขัดรัฐธรรมนูญ ม.190 ต้องนำเข้าสภา เสนอ63ส.ว.เข้าชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด่วน กรุงเทพ ธุรกิจ ออนไลน์ : นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณี ปราสาทเขาพระวิหารว่า นายนพดล ปัทมะ รวม.การต่างประเทศ และครม.เห็นชอบกับแผนที่การขอขึ้นทะเบียน ปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ของประเทศกัมพูชา เป็นการกระทำที่กระทบสิทธิอธิปไตยของประเทศ ตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ไม่ใช่การตัดสินใจของคนๆ เดียว หรือคนกลุ่มเดียว จะใช้ความเคยชิน ทำกับประเทศไทย เหมือนกับรัฐบาลทักษิณไม่ได้ เพราะทำลายหลักการที่บัญญัติไว้อย่างชัดเจนในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ซึ่งไม่อาจตีความเป็นอื่นได้ นพ.ชูชัย กล่าวอีกว่า เรื่องปราสาทพระวิหารนั้นจำกัดเฉพาะพื้นที่ตั้ง แตกต่างจากเขาพระวิหาร เรื่องนี้สลับซับซ้อน เพราะมีพัฒนาการความเป็นมาค่อนศตวรรษ ควรนำข้อมูลทั้งหมดมาเปิดเผยและอภิปรายในรัฐสภา ให้ประชาชน คนไทยทั้งประเทศได้มีส่วนร่วมตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ตามมาตรา 87 แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 "ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคือ อดีตเอกอัครราชทูต สมปอง สุจริตกุล ได้ให้ข้อมูลต่อสาธารณะว่า ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ได้ทำการพิพากษาตัดสิน โดยที่ไทยในฐานะคู่กรณีได้คัดค้านอำนาจศาลในการพิจารณาเรื่องตั้งแต่แรก ก่อนที่จะมี คำพิพากษา และเมื่อพิพากษาแล้ว ก็ยังยื่นประท้วงคัดค้านคำพิพากษาและตั้งข้อสงวนไว้ ซึ่งศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ไม่มีกลไกในการบังคับคดี ดังนั้นไทยจึงไม่เคยยอมรับอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาเหนือปราสาทพระวิหารแต่ อย่างใด" นพ.ชูชัย กล่าว นพ.ชูชัย กล่าวอีกว่าจึงมีคำถามที่ต้องพิจารณา ให้เกิดความกระจ่างชัดในรัฐสภา ดังนี้ 1.เมื่อพิจารณาแนวปฏิบัติของรัฐบาลไทยตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา ที่ไม่ยอมรับคำพิพากษา และตั้งข้อสงวนไว้ ถือว่า ปราสาทพระวิหารยังอยู่ในเขตอำนาจอธิปไตยของไทย ใช่หรือไม่ 2.ในระหว่างการเจรจาทำความตกลงกับ กัมพูชา ได้มีการหยิบยกข้อสงวนของไทย ขึ้นมาพิจารณาด้วยหรือไม่ 3.กรณีที่ไทยยังถือว่าปราสาทพระวิหาร ยังอยู่ในอำนาจอธิปไตยของไทย การที่รัฐบาลของนายสมัคร เร่งรีบยอมรับ ให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่าย เดียว รวมถึงการไปยอมรับแผนที่ของกัมพูชา ถือเป็นการยอมรับอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาเหนือปราสาทพระวิหารใช่หรือไม่ "เรื่องนี้มีนัยอย่างสำคัญเกี่ยวกับ สิทธิอธิปไตยของประเทศ การที่นายนพดล อ้างว่าไทยไม่ได้เสียดินแดนให้กัมพูชาเลย ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่กระทบต่อสิทธิอธิปไตย เพราะอาจสูญเสียสิทธิที่จะอ้างอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร ในอนาคตเลยก็ได้ และการที่นายนพดล อ้างว่าพร้อมจะลาออกจากตำแหน่ง ก็เทียบไม่ได้เลยกับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น ต่ออธิปไตยของประเทศไทยใน อนาคต" นพ.ชูชัย กล่าวด้วยว่าการพิจารณาเรื่องนี้ควรให้วุฒิสมาชิก 63 คน ซึ่งเป็นจำนวนหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมด ของทั้งสองสภา เสนอเรื่องนี้ต่อประธานวุฒิสภาโดยตรง แล้วให้ประธานวุฒิสภาเสนอความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัย และแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยไม่ชักช้า ตามมาตรา 154 (1) ทั้งนี้ เหตุที่เสนอให้วุฒิสภาเสนอ ความเห็นต่อประธานวุฒิสภาก็เพราะท่านเป็นบุคคลที่ น่าเชื่อถือและไว้วางใจได้ หัวข้อ: Re: ==ข้อพิพาทไทย-กัมพูชาในปราสาทพระวิหาร ข้อมูลจากอดีตเอกอัครราชทูตไทย== เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 18-06-2008, 23:44 ตุลาการเพิ่งเริ่มเข้ารับงาน มีเรื่องค้างอยู่เกือบๆ 100 เรื่อง
หนักใจแทนศาลรัฐธรรมนูญจริง ๆ หัวข้อ: Re: ==ข้อพิพาทไทย-กัมพูชาในปราสาทพระวิหาร ข้อมูลจากอดีตเอกอัครราชทูตไทย== เริ่มหัวข้อโดย: เพื่อนร่วมชาติ ที่ 18-06-2008, 23:50 ชัดเจนครับ
บรรพบุรุษเราแค่ยอมระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้ยอมทั้งหมด ยังกั๊กไว้เผื่อว่าจะมีโอกาสในอนาคต ไอ้เหล่มันเป็นใคร มันเป็นลูกจ้างใคร มันถึงอยากเป็นคนไทยคนแรกที่รับรองสิทธิ์ของเขมร หัวข้อ: Re: ==ข้อพิพาทไทย-กัมพูชาในปราสาทพระวิหาร ข้อมูลจากอดีตเอกอัครราชทูตไทย== เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 18-06-2008, 23:57 เรื่องแบบนี้หากภาคประชาชน ยอมให้ไอ้บ้าที่ไหน...เตะหมาเข้าปากหมูไปง่ายๆ
ก็ไม่สมควร ที่เกิดมาใช้บัตรประชาชนระบุ ว่า สัญชาติไทย หัวข้อ: Re: ==ข้อพิพาทไทย-กัมพูชาในปราสาทพระวิหาร ข้อมูลจากอดีตเอกอัครราชทูตไทย== เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 19-06-2008, 07:21 น่ากลัวที่สุด คือ ไอ้เหล่มันแม่นกฏหมาย (หมายถึง พยายามหาทางเลี่ยงกฏหมาย)
มันจะต้องหาข้ออ้างจากมาตราอื่นๆ เช่น มาตรานี้ให้อำนาจรัฐมนตรีไว้ หรืออะไรประมาณนี้ แล้วก็แถไปเรื่อยว่าไม่ผิด ใช้ช่องโหว่ของกฏหมายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อประโยชน์ของตัวเอง :slime_mad: หัวข้อ: Re: ==ข้อพิพาทไทย-กัมพูชาในปราสาทพระวิหาร ข้อมูลจากอดีตเอกอัครราชทูตไทย== เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 19-06-2008, 08:10 เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากคุณจีระศักดิ์ :slime_agreed:
ผมเพิ่งรู้ว่า มันเกี่ยวโยงกับผลประโยชน์เรื่องบ่อก๊าซด้วย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเขตแดน ต้องนำมาขยายให้ละเอียดครับ และให้คนเข้าใจง่ายกว่าการอ่านตัวบท งานนี้..อาจต้องลงทุนลงแรงพร้อมใจกันทั้งประเทศแล้วล่ะ หัวข้อ: Re: ==ข้อพิพาทไทย-กัมพูชาในปราสาทพระวิหาร ข้อมูลจากอดีตเอกอัครราชทูตไทย== เริ่มหัวข้อโดย: Scorpio6 ที่ 19-06-2008, 08:47 ขอนำข้อมูลมาเรื่องเกี่ยวข้องพร้อมภาพประกอบครับ
จากโอเคเนชั่น บล็อกครับมาให้เราได้แลกเปลี่ยนกันครับ จากนักวิชาการนอกกรอบ คุณวรณัย http://www.oknation.net/blog/voranai/2008/06/13/entry-1 และบล็อกคุณอาคม http://www.oknation.net/blog/akom/2008/06/18/entry-1 รวมถึงบล็อกคุณเมธา http://www.oknation.net/blog/talkwithMetha/2008/06/18/entry-1 หัวข้อ: Re: ==ข้อพิพาทไทย-กัมพูชาในปราสาทพระวิหาร ข้อมูลจากอดีตเอกอัครราชทูตไทย== เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 19-06-2008, 13:28 ขอนำข้อมูลมาเรื่องเกี่ยวข้องพร้อมภาพประกอบครับ จากโอเคเนชั่น บล็อกครับมาให้เราได้แลกเปลี่ยนกันครับ จากนักวิชาการนอกกรอบ คุณวรณัย http://www.oknation.net/blog/voranai/2008/06/13/entry-1 และบล็อกคุณอาคม http://www.oknation.net/blog/akom/2008/06/18/entry-1 รวมถึงบล็อกคุณเมธา http://www.oknation.net/blog/talkwithMetha/2008/06/18/entry-1 ขอบคุณมากครับ ทั้ง 3 entry เป็นข้อมูลที่มีเนื้อหาน่าสนใจมาก จะหาทางติดต่อเจ้าของบล็อกนำสำเนามาลงที่นี่นะครับ :slime_smile: |