ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: พรรณชมพู ที่ 18-06-2008, 19:47



หัวข้อ: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 18-06-2008, 19:47
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000071774

อ้างถึง
เสร็จมันแล้วพี่น้อง! “นพดล” ลงนามมอบเขาพระวิหารให้เขมรแล้ว

“นพดล” ถือวิสาสะปิดห้องงุบงิบกับ “ทูตเขมร” ลงนามไฟเขียวให้ทางการกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร เป็นมรดกโลกแล้ว แถมยังมีหน้ามาทวงบุญคุณ อ้างเป็นผลงานที่ต้องบันทึกเป็นเกียรติประวัติไปชั่วลูกชั่วหลาน ระบุ สมควรได้ดอกไม้มากกว่าก้อนหิน ลั่นไม่ได้เสียดินแดนสักตารางนิ้วเดียว ด้วยการใช้กราฟฟิกแหกตาชาวบ้าน
       
       วันนี้ (18 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ได้ลงนามยินยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทวิหารเป็นมรดกโลก ร่วมกับ นายอึง เซียน เอกอัครราชทูตกัมพูชา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยมิให้สื่อมวลชนเข้าไปในห้องดังกล่าวเลย ซึ่ง นายนพดล อ้างว่า ทางกัมพูชาไม่สะดวกให้เข้าถ่ายภาพในส่วนของตนไม่มีปัญหาอะไรที่จะปิดบัง ไม่นั้นไม่มาเซ็นและแถลงข่าวที่นี้ เซ็นที่อื่นก็ได้ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายนพดล ได้บอกกับผู้สื่อข่าว ว่า ที่ไม่ลงนามที่กระทรวงต่างประเทศ เพราะมีกลุ่มพันธมิตรฯ ล้อมอยู่
       
       หลังจากนั้น ในเวลา 14.30 น.นายนพดล ได้แถลงข่าวร่วมกับ นายกฤต ไกรกิตติ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ พล.ท.แดน มีชูอรรถ เจ้ากรมแผนที่ทหาร โดยไม่ได้มีตัวแทนจากประเทศกัมพูชา ร่วมแถลงแต่อย่างใด ถึงกรณีการดำเนินการของฝ่ายไทยกรณีกัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยก่อนการแถลงข่าว นายนพดล ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่กรมแผนที่ทหาร เตรียมความพร้อมเรื่องแผนที่เพื่อใช้ในการแถลงข่าว
       
       นายนพดล กล่าวว่า สืบเนื่องจากความสับสนของข้อมูลในเรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2549 และ ปี 2550 ทางกัมพูชาได้ขึ้นทะเบียนตัวปราสาทโดยรวมตัวปราสาท และพื้นที่ทับซ้อน คือ 1+2 มันล้ำเข้ามาในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรของเรา ทางกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานของรัฐอื่นๆ ได้พยายามคัดค้านมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งการพิจารณาที่เมืองไครส์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2550 ทางคณะกรรมการมรดกโลก หรือ ยูเนสโก จึงเลื่อนมาพิจารณาในปีนี้ในเดือนกรกฎาคม ในสมัยที่ 32 เนื่องจากเวลาล่วงพ้นไปถ้าเราปล่อยเนิ่นช้าไป ประเทศไทยก็สุ่มเสี่ยงที่อาจถูกมองว่าเสียดินแดน ในส่วนที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนตนก็เลยเจรจากับ นายสก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่เกาะกง และเดินทางไปที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 22, 23 เดือนทีผ่านมา เจรจากันด้วยความยากลำบาก
       
       นายนพดล กล่าวว่า ท้ายที่สุดทางกัมพูชาได้ตกลงที่จะจำกัดการขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท คือ เอาเฉพาะ 1 ไม่เอา 2 เมื่อเป็นเช่นนี้ผลที่ตามมา คือ ทำให้เราไม่สุ่มเสี่ยงที่จะต้องเสียดินแดนใดๆ ในพื้นที่ทับซ้อน ตนอยากจะให้สื่อมวลชนได้ดูแผนที่ฉบับที่ 1 นายนพดล กล่าวพร้อมยกแผนที่ประกอบ ระบุว่า แผนที่ที่เห็นเป็นแผนที่ L7017 คือ แผนที่หน่วยงานของรัฐบาลไทย ใช้เป็นแผนที่ในการปฏิบัติงานในตอนแรกเมื่อปี 2505 ศาลโลกได้ตัดสินว่ากรรมสิทธิ์ของตัวปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา คณะรัฐมนตรีที่มี จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงมีมติคณะรัฐมนตรียกกรรมสิทธิ์ในตัวปราสาท ให้กับกัมพูชาตามคำวินิจฉัยของศาลโลก
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนี้ นายนพดล ได้ชี้แจงแผนที่ โดยชี้จุดของตัวปราสาท และเส้นเขตแดนของไทยในแผ่นที่ แผนที่ที่เราได้ใช้ทำงานมาตั้งแต่ปี 2505 จนกระทั่งปัจจุบัน 46 ปี เป็นเช่นนี้ถ้าให้ดูชัดเจนจากภาพถ่ายทางอากาศจะเห็นว่าตัวปราสาทอยู่นอกเส้นเขตแดนของเรา ตัวปราสาทอยู่ในพื้นที่ของเขา ประเด็นอยู่ที่ว่า หลังจากที่เราพูดคุยกับกัมพูชาให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทห้ามขึ้นรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ทับซ้อนของเรากัมพูชา จึงต้องไปทำแผนที่ขึ้นมาใหม่ ตามข้อตกลงที่กรุงปารีส
       
       “อันนี้ถือว่าเป็นความสำเร็จของกระทรวงการต่างประเทศที่เจรจาสำเร็จ ผมควรจะได้ดอกไม้ ไม่ใช่ได้ก้อนหิน เป็นการเจรจาทางการทูตที่ลูกหลานจะต้องโจษจัน ไปอีกนานว่าทำสำเร็จได้อย่างไร” นายนพดล กล่าว
       
       นายนพดล กล่าวว่า กัมพูชาเขียนแผนที่มาใหม่ (ยกแผนที่อันใหม่มาให้ดู) นี้คือ แผนที่ที่กัมพูชาที่ นายอลงกรณ์ บอกว่า หมกเม็ด ที่วุฒิสมาชิกบอกว่าล้ำเข้ามาในพื้นที่ไทย หรือพันธมิตรฯ ไปด่าตนที่หน้ากระทรวง แผนที่ที่กัมพูชาทำขึ้นมาใหม่ ไม่มีตอนใดเลยที่ตัวปราสาทรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ทับซ้อนของไทยแม้แต่ตารางมิลเดียว ใช้ตารางนิ้วเดียวอาจจะใหญ่ไป จุดที่แคบที่สุดห่างประมาณ 3 เมตร จุดที่ 10 และ 11 ของแผนที่ ห่างประมาณ 10 เมตร นี้คือ แผนผังที่ทางกัมพูชาได้แก้ไขเพื่อไม่ให้มีการรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของประเทศไทย นี้คือ แผนที่ฉบับล่าสุดที่เรามีการแนบในแถลงการณ์ร่วมไม่มีตอนใดรุกล้ำเข้ามาในประเทศไทย
       
       นายนพดล ได้ยกแผนที่ฉบับดั้งเดิมที่ขอขึ้นทะเบียนปี 2549 พร้อมกับกล่าวว่า เป็นแผนที่ที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งเป็นแผนที่ที่เรารับไม่ได้ จึงขอเจรจาแก้ไขมาเป็นแผนที่ใหม่ ซึ่งทุกอย่างไม่มีที่จะเป็นเขตอนุรักษ์ ในเขตพื้นที่ของเราตัวปราสาทในผังใหม่ อยู่ในพื้นที่เขาทั้งหมด ไม่มีตอนใดของปราสาทที่ล้ำเข้ามาในพื้นที่ทับซ้อน แม้แต่น้อย นี่คือ ความจริง ข้อเท็จจริงของประเทศไทยและกัมพูชาในขณะนี้ที่ประชาชนต้องรู้ และตนไม่เคยคิดที่จะปกปิดแผนที่นี้เลย เพียงแต่ว่าเราเพิ่งได้รับแผนที่และมีการเซ็นเอกสารจากทางกัมพูชาในวันนี้ ขอให้สื่อมวลชนกรุณาถ่ายรูปแผนที่ไว้แล้วไปลง นี้คือ ความสำเร็จของกระทรวงการต่างประเทศ
       
       ด้าน เจ้ากรมแผนที่ทหาร กล่าวว่า ขอยืนยันว่า สิ่งที่ทางกรมแผนที่ทำ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ของกรมแผนที่ทหารลงไปในพื้นที่ทำการสำรวจพื้นที่จริงๆ ซึ่งเป็นหนแรกในรอบหลายสิบปีที่เราได้มีโอกาสเข้าไปสำรวจในเขาพระวิหาร เพราะเป็นเขตแดนของกัมพูชาทางกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ติดต่อประสานงานให้ทางกรมแผนที่ทหารไปสำรวจเพียงฝ่ายเดียว เราใช้เวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 9-11 มิ.ย.เข้าไปทำการสำรวจด้วยเครื่องมือรังวัดพิกัด จีพีเอสดาวเทียม เข้าไปรังวัดตัวปราสาททั้งหมด และหาค่าพิกัดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องผลที่ออกมาเป็นแผนผัง 1 ต่อ 4000 ส่วนที่ใกล้เส้นเขตแดนที่สุด คือ 3 เมตร ซึ่งอยู่ทางด้านใต้ ด้านซ้ายของตัวปราสาทและสูงขึ้นมาจะห่างประมาณ 25 เมตร ช่วงห่างสูงสุด คือ 30 เมตร ช่วงบันไดหน้าสุดท้ายจนถึงเส้นเขตแดนทางเหนือของไทยห่างประมาณ 10 เมตร จากการสำรวจในพื้นที่และจากการรังวัดอย่างละเอียด ขอยืนยันว่า ไม่มีส่วนใดในขอบเขตที่กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทับซ้อน หรือเหลื่อมล้ำเข้ามา ในเขตแดนไทย
       
       นายนพดล กล่าวต่อว่า หลังจากที่เราได้ตรวจสอบแผนผังฉบับนี้ ทางประเทศไทยได้เสนอเนื่องให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ และเมื่อวาน คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติคำแถลงการณ์ร่วมและแผนผังของแผนที่ที่ยื่นเข้ามาใหม่ และได้มีการลงนามร่วมกันระหว่างตนและรองนายกรัฐมนตรี สก อาน จากนั้นขั้นตอนต่อไปเราจะส่งแผนที่และคำแถลงการณ์ร่วมไปให้ทางยูเนสโกได้ลงนามและยูเนสโกจะส่งเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลกในวันที่ 5-9 เดือนกรกฎาคมนี้ ที่เมืองควิเบก ประเทศแคนาดา สิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศไทยและกรมแผนที่ทหาร และสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานทุกหน่วยงานได้ปกป้องอธิปไตยเพื่อไม่ให้ไทยได้สุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน ไม่มีตารางนิ้วเดียวที่เราต้องสูญเสียให้ใคร และไม่มีใครได้ดินแดน
       
       “เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ที่ไปกล่าวหาผม บอกว่า ผมมีประโยชน์ทับซ้อนหรือไปเสียดินแดน จึงเป็นความเท็จทั้งสิ้น เราทำในสิ่งซึ่งเราสำนึกว่าเราเป็นข้าแผ่นดินเราต้องทำเพื่อปกป้องอธิปไตยของเราแล้วเราได้ทำสำเร็จจากการเจรจาที่กรุงปารีส และจากเอกสารหลักฐานที่สื่อมวลชนได้เห็นอย่างชัดเจน ไม่มีการหมกเม็ดมีความโปร่งใสทุกขั้นตอน เราทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพ จากทางกรมแผนที่ทหาร ได้ไปตรวจสอบนี้คือสิ่งที่ผมอยากจะกราบเรียน ให้เพื่อนสื่อมวลชนได้ทราบ” นายนพดล กล่าว
       
       นายนพดล กล่าวต่อว่า ถ้าถามว่า พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร จะทำอะไรต่อไป ซึ่งมีวัดมีตลาด มีบ้านคนอยู่นิดหน่อย ซึ่งเกิดมาตั้งแต่ปี 2543 เราต้องรักษาอธิปไตยของเราต่อไปเราจะไปเจรจาพูดคุยกันทำแผนบริหารจัดการร่วมกันในส่วนนี้ และยื่นให้องค์การยูเนสโกหรือคณะกรรมการมรดกโลกภายใน 2 ปี คือปี 2553 ฉะนั้น ที่ตรงนี้คงไม่ใช่ที่จะไปขายลูกชิ้นปิ้ง หรือเป็นที่ที่ประชาชนไปอยู่อย่างสกปรกไร้ระเบียบ เราจะต้องไปหารือร่วมกับกัมพูชาเพราะเราก็อ้างสิทธิ์ทับซ้อน เขาก็อ้างสิทธิ์ทับซ้อน วิธีที่จะทำคือต้องเจรจาทางช่องทางการทูตเพื่อพัฒนาพื้นที่เหล่านี้ ให้มีความสวยงามและเป็นการอนุรักษ์โบราณสถานของเรา
       
       นายนพดล กล่าวว่า ประเทศไทยมีกรอบความร่วมมือทวิภาคีกับประเทศกัมพูชา ประเทศไทยมีกรอบความร่วมมือสามเหลี่ยมมรกตกับลาว กับกัมพูชาในเรื่องการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวประเทศไทย มีข้อผูกพันในแง่ของการร่วมมือกันตามกรอบของแอคแมค ที่เราจะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกันเมื่อสถานที่แห่งนี้ตัวปราสาทได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกก็จะนำมาซึ่งการไหลมาของนักท่องเที่ยวที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองประเทศ นี้คือ ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวของ นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถึงการดำเนินการของฝ่ายไทยกรณีกัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยได้ทำสำเนาคำแปลอย่างไม่เป็นทางการ ของคำแถลงการณ์ร่วม ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2551 เวลา 23.35 น.แต่ไม่ได้ทำสำเนาแผนที่ที่ใช้เป็นหลักฐานในการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งเนื้อหาในคำแถลงมีดังนี้
       
       เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2551 ได้มีการประชุมระหว่าง นาย สก อาน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักรัฐมนตรีของราชอาณาจักรกัมพูชา กับ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศของราชอาณาจักรไทย เพื่อสานต่อการหารือเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก การประชุมดังกล่าวจัดขึ้น ณ สำนักงานใหญ่ยูเนสโก กรุงปารีส โดยมี นางฟรองซัวส์ ริวิแยร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายวัฒนธรรมของยูเนสโก เอกอัครราชทูตฟรานเชสโก คารูโซ นายอเซดีน เบส์ชาวุช นางปาโอลา ลีออนซินี บาร์โตลี และ นายจีโอวานนี้ บอคคาร์ดี เข้าร่วมการประชุมด้วย
       
       การประชุมเป็นไปอย่างฉันท์มิตรและด้วยความร่วมมืออันดี ในระหว่างการประชุมทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกัน ดังนี้
       
       1.ราชอาณาจักรไทยสนับสนุนการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งเสนอโดยกัมพูชา ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยที่ 32 (ณ เมื่องคิวเบก ประเทศแคนาดา ในเดือนกรกฎาคม 2551) ขอบเขตของปราสาทปรากฏตาม N.1 ในแผนที่ที่จัดทำโดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของกัมพูชาตามที่แนบมาพร้อมนี้ ทั้งนี้ แผนที่ดังกล่าวได้กำหนดเขตอนุรักษ์(buffer zone) ทางทิศตะวันออกและทิศใต้ของตัวปราสาทไว้ด้วยดังปรากฏตาม N.2
       
       2.ด้วยเจตนารมณ์แห่งไมตรีจิตและการประนีประนอม ราชอาณาจักรกัมพูชายอมรับว่าปราสาทพระวิหารจะได้รับการเสนอให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยในชั้นนี้ไม่มีเขตอนุรักษ์ในพื้นที่ทางทิศตะวันตกและทิศเหนือของตัวปราสาท
       
       3.ให้ใช้แผนที่ที่ระบุในย่อหน้าที่ 1 แทน แผนที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และรวมทั้ง “Schema Directeur pour la Zonage de Preah Vihear” ตลอดจนการอ้างอิงโดยรูปภาพต่างๆ ทั้งหมดที่แสดงให้เห็นถึงเขตคุ้มครอง (core zone) หรือการกำหนดเขตอื่นๆ (zonage) ในบริเวณปราสาทพระวิหารตามที่ระบุในเอกสารประกอบคำขอขึ้นทะเบียนของกัมพูชา
       
       4.ในระหว่างที่ยังไม่มีผลของการปฏิบัติงานของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ในพื้นที่รอบตัวปราสาทพระวิหารทางทิศตะวันตกและทางทิศเหนือดังปรากฏตาม N.3 ในแผนที่ที่ระบุในย่อหน้าที่ 1 ข้างต้น แผนบริหารจัดการในพื้นที่ดังกล่าวจะได้รับการจัดทำขึ้นร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของกัมพูชาและของไทย โดยสอดคล้องกับมาตรฐานการอนุรักษ์ระดับสากล เพื่อรักษาคุณค้าอันเป็นสากลที่โดดเด่นของปราสาท ทั้งนี้ ให้บรรจุแผนกาบริหารจัดการดังกล่าวไว้ในแผนบริหารจัดการฉบับสุดท้ายสำหรับตัวปราสาทและพื้นที่รอบๆ ตัวปราสาท ซึ่งจะต้องเสนอต่อศูนย์มรดกโลกภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 สำหรับการพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลกในสมัยที่ 34 ในปี2553
       
       5.การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกจะไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของราชอาณาจักรกัมพูชาและราชอาณาจักรไทยในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ของทั้งสองประเทศ
       
       6.ราชอาณาจักรกัมพูชาและราชอาณาจักรไทยขอแสดงความขอบคุณเป็นอย่างยิ่งต่อผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก นายโคอิชิโร มัตซุอุระ สำหรับความช่วยเหลือในการอำนวยความสะดวกในกระบวนการอันนำไปสู่การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

บันทึกไว้ในหน้าดำมืดของประวัติศาสตร์ ภายใต้ระบอบทักษิณ ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารไปโดยถาวรแล้ว ไม่อาจจะอ้างสิทธิ์เหนือตัวปราสาทได้อีก แม้จะมีการปักปันเขตแดนตามหลักสากลในภายหลัง อีกทั้งจะนำไปสู่การสูญเสียพื้นที่รอบปราสาท เท่าที่เป็นอาณาเขตของปราสาททั้งหมด

ของจารึกชื่อ

นาย สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
นาย นพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวการต่างประเทศ

คณะรัฐมนตรีทั้งหมด  พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด

และตระกูลชินวัตร

เป็นผู้รับผิดทั้งปวง


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: อิรวันชาห์ IrWanSyah ที่ 18-06-2008, 19:58
อ้าง MGR อีกแล้ว

อ้างถึง
ควายนั้นบริโภคหญ้าเกือบทุกชนิด

แต่วัวจะเลือกหญ้ามากกว่าควาย  หญ้าบางอย่างวัวไม่กินแต่ควายกิน เช่น หญ้านกเค้า หญ้าส้ม หญ้าขนหมู หญ้าบากควาย

ส่วนคน ซึ่งก็อยู่ในคลาสแมมมาเลีย จะเลือกบริโภคออย่างชาญฉลาดกว่ามาก

อย่างน้อยก็ในการบริโภคการข่าวสาร

ยิ่งถ้ารู้ว่าสื่อใดเป็นศัตรูกับอีกฝ่าย ข่าวสารที่ได้รับมาก็กรองแล้วกรองอีก ตรวจสอบข่าวที่จะบริโภคอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะเชื่อข่าวสารนั้นๆ


อะๆๆๆ  ..... ขอดักทางไว้ก่อนนะ  ทั้ง NBT, manager และ astv ก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ ต้องตรวจสอบกันให้ดี พี่น้อง จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 18-06-2008, 20:06
*  เอาข่าวมาแปะให้เพิ่ม ...............

    “ม.ล.วัลย์วิภา” ชี้ กลุ่มการเมืองใช้เขาพระวิหารบังหน้าแลกประโยชน์-เปลี่ยนเส้นแดนบก/ทะเลไทย

    “ม.ล.วัลย์วิภา” นักวิชาการไทยคดี มธ.จี้รัฐบาลไทย-รัฐบาลกัมพูชา แสดงความโปร่งใสในการยื่นจดทะเบียนประสาท
     เขาพระวิหารเป็นมรดกโลก เชื่อเรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เป็นสื่อบังหน้าความต้องการเปลี่ยนเส้นเขตแดน
     ทั้งทางบกและทางทะเลของไทย เพื่อหวังผลประโยชน์ทับซ้อนของกลุ่มการเมือง ชี้แผนที่กัมพูชาขีดเส้นแบ่งเขตแดน
     ทางทะเลกินเกาะกรูด และพื้นที่ทรัพยากรธรรมชาติ สอดคล้องข้อมูล “สนธิ” ที่ส่งให้ ผบ.ทบ.เมื่อปี 49 เร่งนักวิชาการ
     ร่วมกันเขียนข้อเสนอยูเนสโกชะลอขึ้นทะเบียนประสาทเขาพระวิหาร ..........................................................
     .........................................................................................................................................

    “เส้นเขตแดนทางทะเลมีเส้นเขตแดนเดิมตามสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส ที่เกาะกรูด จะต้องเป็นของไทย และ ในปี 2544
     รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้บรรลุข้อตกลงกับทางกัมพูชา ด้วยการทำบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ซึ่งน่าสงสัย
     ว่า ทำไมการปักปันเขตแดนซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นอธิปไตยของชาติ เหตุใดจึงไม่มีการเปิดเผยข้อมูลในวงกว้าง
     หรือผ่านกระบวนการรับรองการเปลี่ยนเส้นเขตแดนที่ไม่ใช่ฝ่ายบริหารรับรู้แต่เพียงฝ่ายเดียว ดังนั้น จึงเชื่อว่า เขาพระวิหาร
     เกี่ยวข้องกับการแบ่งเขตแดน และเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของพื้นที่ JDA ด้วย” ............................................
     ...........................................................................................................................................
     ...........................................................................................................................................

     ม.ล.วัลย์วิภา กล่าวเพิ่มเติมว่า หากไม่ยืนยันเขตอธิปไตยหรือเส้นเขตแดนตามมติคณะรัฐมนตรี พ.ศ.2505 ไทยจะเสียดินแดน
     ให้กัมพูชา ซึ่งแผนที่ใหม่ของกัมพูชามีนัยเป็นการยืนยันท่าทีของกัมพูชาที่ไม่ยึดถือเขตอธิปไตย หรือเส้นเขตแดนตามมติคณะ
     รัฐมนตรี พ.ศ.2505 เมื่อไม่มีการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนให้ชัดเจนเสียก่อน แต่เลือกแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ร่วม
     และออกแถลงการณ์ร่วม ไทยจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบและเสียดินแดนให้กัมพูชาในที่สุด ..............................................
     ..................................................................................................................................................
     ..................................................................................................................................................
       
     ทั้งนี้ รายละเอียดหนังสือที่นายสนธิทำถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมื่อปี 2549 ตอนหนึ่งได้ระบุว่า
       
     “พื้นที่ไหล่ทวีปทับซ้อนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาอันเป็นปมปัญหาที่ต้องเจรจากันดังกล่าวนี้มีพื้นที่
      ประมาณ 25,789 ตารางกิโลเมตร เป็นที่รับรู้กันทั่วว่าเป็นแหล่งที่คาดว่าจะมีทรัพยากรก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันที่อุดมสมบูรณ์
      ที่สุดแหล่งหนึ่งในเอเชียอาคเนย์
       
      พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร รักษาการณ์นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) มีความพยายามจะเจรจาเรื่องเขตแดนทางทะเลดังกล่าวมาแล้ว
      อย่างต่อเนื่อง พร้อมๆ กับการเตรียมการจะหาประโยชน์จากแหล่งทรัพยากรดังกล่าวพร้อมกันไป  ดังจะเห็นได้จากข่าวที่
      นายโมฮัมเหม็ด อันฟาเยด  มหาเศรษฐีชาวอียิปต์เจ้าของห้างสรรพสินค้าแฮร์รอดส์และสโมสรฟุตบอลฟุตบอลฟูแลมในประเทศ
      อังกฤษ เดินทางมาประเทศไทยในฐานะแขกส่วนตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2543 ในชั้นแรกก็อ้างว่าเพื่อสังเกตการณ์พัฒนาการ
      ฟุตบอลไทยโดยได้ร่วมมือกับโครงการของพรรคไทยรักไทย ส่งนักฟุตบอลเยาวชนไปฝึกที่ประเทศอังกฤษ แต่ในชั้นต่อมาก็
      มีข่าวว่า นายโมฮัมเหม็ดมีความสนใจที่จะร่วมลงทุนในกิจการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในอ่าวไทย และเขตทับซ้อนทาง
      ทะเลไทย-กัมพูชาด้วย
       
      รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาปัญหาเขตทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชาด้วยการมีบันทึกความเข้าใจ
      ระหว่างไทยกับกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ไทยกับกัมพูชา อ้างสิทธิ์ในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.44 ยังผลให้มีการจัดตั้ง
      คณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย-กัมพูชา ประชุมกันครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2544 นับจากนั้นมา การเจรจาด้านเขตแดนทาง
      ทะเลไทย-กัมพูชาได้รับการจับตาอย่างใกล้ชิด จากผู้ที่รักชาติรักแผ่นดิน เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายได้มีข้อเสนอที่ชัดเจนของตนเอง
      โดยเฉพาะฝ่ายไทยยืนยันที่จะดำรงสิทธิ์และอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะกูดซึ่งมีหลักฐานที่พิสูจน์ชัด ทั้งทางประวัติศาสตร์และ
      หลักฐานทางวัฒนธรรมว่า ดินแดนตรงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรไทยโดยสมบูรณ์ จนทำให้ต้องมีการกันพื้นที่ในการเจรจา”

      ตัดมาเฉพาะบางส่วนของข่าว .... http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000071752

      จะเห็นได้ว่าเรื่องนี้มีการพยายามมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล แม้ว ...........

      ส่วนคนเบื้องหลังกรณีนี้ คือใคร  ตัวหนังสือสีแดง  คงพอจะตอบคำถามบางอย่างได้บ้าง


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 18-06-2008, 20:09
อ้าง MGR อีกแล้ว

อ้างถึง
ควายนั้นบริโภคหญ้าเกือบทุกชนิด

แต่วัวจะเลือกหญ้ามากกว่าควาย  หญ้าบางอย่างวัวไม่กินแต่ควายกิน เช่น หญ้านกเค้า หญ้าส้ม หญ้าขนหมู หญ้าบากควาย

ส่วนคน ซึ่งก็อยู่ในคลาสแมมมาเลีย จะเลือกบริโภคออย่างชาญฉลาดกว่ามาก

อย่างน้อยก็ในการบริโภคการข่าวสาร

ยิ่งถ้ารู้ว่าสื่อใดเป็นศัตรูกับอีกฝ่าย ข่าวสารที่ได้รับมาก็กรองแล้วกรองอีก ตรวจสอบข่าวที่จะบริโภคอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะเชื่อข่าวสารนั้นๆ


อะๆๆๆ  ..... ขอดักทางไว้ก่อนนะ  ทั้ง NBT, manager และ astv ก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ ต้องตรวจสอบกันให้ดี พี่น้อง จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ


งั้นขอถามหน่อยว่า คุณได้ "กรอง" แล้วได้ความว่าไง ???


หัวข้อ: text
เริ่มหัวข้อโดย: Limmy ที่ 18-06-2008, 20:16
นพดลปิดดีลยก เขาพระ วิหาร ให้ เขมร

 แลกกับสัมปทานพัฒนา เกาะ กง 99 ปี ทั้งรีสอร์ ท คาสิ โน  และ สนามบิน ที่ทักษิณจับมือกับฮุน เซ็น ผ่าน  Okhna Kith Meng

ลอง ไปค้นข้อมูลกันนะ ครับ กิต  เม็ง  เดินตามรอย เท้าทักษิณทุกอย่าง ตอนนี้การลงทุน ใส เขมร ฮุน  เซ็น  ให้กิต  เม็ง ออกหน้า ตัดสิน ใจ แทนทั้งหมด

คนที่ดีลกับ เขมรตอนนี้จะ รู้ว่าทุกอย่างต้องผ่าน กิต  เม็ง  เท่านั้น จึงจะ ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล ตอนนี้กิต  เม็ง กว้านซื้อทุกอย่าง  โรง แรม Cambodiana  โรงกลั่นน้ำ มัน ล่าสุดสัมปทาน เกาะ กง 99 ปี ซึ่งท้ายที่สุดผลประ โยชน์ ก็กลับ ไปอยู่กับฮุน  เซ็น  และ ทักษิณ สองนายทุนตัวจริง เบื้องหลัง กิต  เม็ง



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: คนไทยคนหนึ่ง ที่ 18-06-2008, 20:18
ยังครับ ถ้าเราทุกคนเข้าไปคัดค้านกับ ยูเนสโก

อย่าไปยอมรับในการที่เขมรจะมาถือสิทธิในปราสาทวิหาร

เพราะมติรัฐมนตรี ขัดกับรัฐธรรมนูญ เพราะยังไม่ได้ทำประชาพิจารและยังไม่ได้การรับรองจากรัฐสภา

ดังนั้นมติคณะรัฐมนตีและการไปเซ็นสัญญาก็ถือว่าเป็นโมฆะ

แต่ถ้าเราไม่สนใจที่จะไปคัดค้าน ก้เป็นอันว่าเสร็จแม้ว

ยังเหลือโอกาศสุดท้ายที่เราจะไปทวงเขาพระวิหารคืนมา

ในเบ่ายวันศุกร์นี้ ออกมาทวงเขาวิหารของเราคือมา

อย่ายอมให้แม้วเอาไปแลกผลประโยชน์เข้าตัวมัน ครับ





หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: คนไทยคนหนึ่ง ที่ 18-06-2008, 20:19
ขอโทษครับ กระทู้ขึ้นซ้ำ

นพดลมาเชียร์แขกให้กับพันธมิตรอีกแล้ว

งานนี้จะมีคนที่ทนไม่ได้ออกมาอีกเพียบ




หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 18-06-2008, 20:20
เรื่องสำคัญแบบนี้ ถือเป็นเหตุให้ทหารสามารถทำ "อะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง" ได้ทันที เพื่อขัดขวางไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่แปลกมากที่ทหารนิ่ง จะมาอ้างว่าอยู่ใต้บังคับบัญชารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนี้ฟังไม่ขึ้น


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 18-06-2008, 20:30
เฮ้ย ทำไมมันรวบรัดตัดความขนาดนี้วะ รัฐมนตรีแมงยังตอบคำถามให้ประชาชนหายสงสัยไม่ได้เลย

แมงมีที่ไหนวะเซนต์กันก่อน แล้วค่อยมาแถลงบอกให้ประชาชนรู้ มันลุแก่อำนาจจริงๆ เลย

ไม่ฟังเสียงประชาชนคนไทยเลย หรือว่ามันเตรียมจะย้ายไปอยู่เขมรกันหมดแล้วแน่อนเลย

เลยต้องเคลียร์เส้นทางต่างๆ เอาไว้


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: sensei ที่ 18-06-2008, 20:36
ขอให้เวรกรรมสนองไอ้เหล่เร็วๆอย่างสาสม  :slime_worship:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-06-2008, 20:41
วันก่อน (17 มิถุนายน พ.ศ. 2551) กรรมาธิการต่างประเทศวุฒิสภา
เพิ่งจะยื่นกระทู้ด่วน ถามรัฐมนตรีต่างประเทศในเรื่องนี้

วันนี้ รมต.ต่างประเทศ ยังไม่ตอบก็ไปเซ็นตกลงกับเขาเสียแล้ว  :slime_smile:

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยื่นกระทู้ด่วน นพดล สงสัยวาระซ้อนเร้น เขาพระวิหาร
โดย มติชน วัน อังคาร ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551 00:00 น.

กมธ. ต่างประเทศ วุฒิสภา ยื่นกระทู้ด่วนถาม นพดล 4 ประเด็นหลัก เสนอเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก หากตอบไม่ชัด
อาจมีมติส่งหนังสือถึงก.ต่างประเทศและยูเนสโก ขอให้ชะลอการขึ้นทะเบียนออกไป ชี้รมว.ต่างประเทศอาจมี
ผลประโยชน์ส่วนตัว หรือ มีใครเกี่ยวข้อง วอนรักษาศักดิ์ศรีประเทศด้วย

ที่รัฐสภา ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ส.ว.สรรหา ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภา กล่าวว่า
หลังจากที่กมธ.ต่างประเทศ ร่วมกับ กมธ.ศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปและวัฒนธรรม วุฒิสภา จัดสัมมนาเรื่อง
การเสนอให้เขาพระวิหาร เป็นมรดกโลกร่วมกันระหว่างไทย-กัมพูชาในลักษณะข้ามพรมแดน เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน
ที่ผ่านมา จึงได้ยื่นกระทู้ด่วนถาม นายนพดล ปัมทะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต่อ กรณีดังกล่าว
เนื่องจากวันที่ 2-10 กรกฎาคม ที่ควิเบก ประเทศแคนนาดา จะมีการประชุมหาข้อสรุปเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียน
ปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดก โลก โดยจะถามใน 4 ประเด็น คือ

1.รัฐบาลมีการ เตรียมประเด็นที่จะนำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโกอย่างไร
   และจะพิจารณาในวาระไหน
2.ขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการที่รัฐบาลจะนำไปคัดค้านหรือสนับสนุนการขึ้น ทะเบียนประสาทเขาพระวิหาร
   เป็นมรดกโลกของรัฐบาลกัมพูชา
3.เมื่อยังมีปัญหาเรื่องทับซ้อนอยู่และการประท้วงของไทย เรื่องการก่อสร้างล่วงล้ำเข้ามาของฝ่ายกัมพูชาฝ่ายเดียว
   เชื่อได้อย่างไรว่า กัมพูชาจะไม่รื้อถอนสิ่งก่อสร้างที่รุกล้ำ และจะให้ไทยมีส่วนร่วมในการบริหารพื้นที่ทับซ้อนอื่นๆ และ
4. ถ้ารัฐบาลกัมพูชาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว คาดว่าจะมีผลกระทบอย่างไรและรัฐบาลได้เตรียมการเรื่องดังกล่าว
    ไว้เช่นใดบ้าง

ทั้งนี้ กมธ.ต่างประเทศ จะประชุมอีกครั้ง ซึ่งอาจมีมติส่งหนังสือถึงกระทรวงต่างประเทศและยูเนสโกขอให้ชะลอการขึ้น
ทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกออกไปก่อน

ม.ร.ว.ปรียนันทนา กล่าวต่อว่า ตนรู้สึกเศร้าสลดที่ไทยเสียเปรียบประเทศกัมพูชาที่จะจดทะเบียนมรดกโลกแต่ ฝ่ายเดียว
เพราะรู้สึกว่า การล็อบบี้ของกัมพูชามีอิทธิพลต่อยูเนสโกมาก และรับทราบว่า มีการบิดเบือนข้อมูล โดยใช้นักวิชาการ
ฝรั่งเศสซึ่งมีความเชี่ยวชาญประวัติศาสตร์โรมัน แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญมรดกโลก มีการระบุว่า บริเวณเขาพระวิหารควรเป็น
ของกัมพูชามาตลอด โดยเฉพาะผาเป้ยตา ที่มีชุมชนด้านล่างเขาพระวิหารซึ่งใช้บันไดด้านข้างและหัก เป็นข้อมูลในการอ้างอิง
ขณะที่บอกว่าบันไดทางขึ้นเขาพระวิหารที่อยู่ฝั่งไทยนั้นมีการสร้างขึ้นมา ใหม่ภายหลัง นอกจากไทยจะเสียเปรียบมากขึ้น
หากปล่อยให้กัมพูชาจดทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร ฝ่ายเดียว ขณะที่ไทยไม่มีข้อต่อรองและการเตรียมพร้อม โดยเฉพาะ
กรณีที่กัมพูชาดื้อรั้นตลอดโดยไม่ยอมรับการว่า บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ทับซ้อน โดยอ้างว่า ยึดถือแผนที่ของฝรั่งเศส
1 ต่อ 2 แสนตารางกิโลเมตร ขณะที่ไทยยึดแผนที่ของสหรัฐอเมริกา1 ต่อ 5 หมื่นตารางกิโลเมตร กระทั่ง นายนพดล
เดินทางไปที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา ไปเจรจากับรัฐบาลกัมพูชา และทราบว่า มีแผนที่อีกเล่มหนึ่ง รวมทั้งกัมพูชา
ยังยอมรับว่า พื้นที่ดังกล่าวทับซ้อนด้วย โดยครอบคลุมพื้นที่โดยรอบตัวปราสาท 4.6 ตารางกิโลเมตร

'รมว.ต่าง ประเทศอาจจะมีผลประโยชน์ส่วนตัว หรือของใครเกี่ยวข้องหรือเปล่าถึงต้องรีบเร่ง โดยเฉพาะการเดินทาง
ไปประชุมที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีการหารือเรื่องมรดกโลกอีก 61 แห่ง เพราะทราบมาว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ไปตีกอล์ฟกับ สมเด็จฮุนเซน นายกฯ กัมพูชา ที่กำลังใกล้เลือกตั้ง และยังมีเรื่องแก๊ซธรรมชาติด้วย
ทั้ง นี้ กระทรวงการต่างประเทศสนใจแต่เรื่องการเสียเขตแดนและความสัมพันธ์ระหว่าง2 ประเทศ แต่เมื่อมีการดำเนินการ
ไม่ถูกต้องเพราะไม่ยึดข้อเท็จจริงอาจจะทำให้เกิดความ บาดหมางตามมาอย่างเช่นในจ.ศรีสะเกษ ที่ขณะนี้ขับไล่คนกัมพูชาแล้ว
ดังนั้นนายนพดลควรรักษาและยึดถือศักดิ์ศรีของประเทศและมรดกทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ เป็นที่ตั้ง' ม.ร.ว.ปรียนันทนา กล่าว


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: บักหัวเถิก ที่ 18-06-2008, 20:42
ยุคนี้คงเหลือแต่ทหารของ ไอ่แม้ว ทหารกล้าตายไปหมดแล้วผมว่านะครับการที่เสียดินแดนครั้งนี้ ต้องร่วจาลึกชื่อ พล.อ อนุพงษ์  เผ่าจินดา
 พล.อ บุญสร้าง และ ผบ.เหล่าทัพ ทุกเหล่าทุกคนไว้เป็นที่จดจำชั่วลูกชั่วหลาน สันดานเลวเงินปิดปากพวกมิงไว้หมดแล้วมั้ง


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: อังศนา ที่ 18-06-2008, 20:42
..ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ในห้องรักเหลี่ยมตรงนู้น หาคนสะดุ้งสะเทือนเรื่องนี้ไม่มีเลย  :slime_hmm:
ต่างพากันเห็นพ้องต้องตาม พณฯ เหล่เนรคุณทุนหลวงกันหมด
http://pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6717277/P6717277.html
..อนิจจัง!  :slime_dizzy:

(http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/pink_flowers.gif)


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: sensei ที่ 18-06-2008, 20:45
ยุคนี้คงเหลือแต่ทหารของ ไอ่แม้ว ทหารกล้าตายไปหมดแล้วผมว่านะครับการที่เสียดินแดนครั้งนี้ ต้องร่วจาลึกชื่อ พล.อ อนุพงษ์  เผ่าจินดา
 พล.อ บุญสร้าง และ ผบ.เหล่าทัพ ทุกเหล่าทุกคนไว้เป็นที่จดจำชั่วลูกชั่วหลาน สันดานเลวเงินปิดปากพวกมิงไว้หมดแล้วมั้ง


เห็นด้วยครับ ไม่ยอมขยับทำอะไรเลย ไม่รู้จิตใจทำด้วยอะไร ยางอายมีกันบ้างไหม


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: บักหัวเถิก ที่ 18-06-2008, 20:50
เสียใจมากมายครับ ด้วยใจจริง


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 18-06-2008, 20:56
นี่แหละครับ รัฐบาลเผด็จการ ชัดมากเลย

อ้างว่าได้รับเลือกมาโดยประบอบประชาธิปไตย ประชาชนเป็นคนเลือกมา

แต่แมงไม่สนใจเสียงของประชาชนเลย เศร้าใจจริงๆ

เห็นด้วยกับคุณ คนไทยคนหนึ่ง ครับ เราประชาชนต้องช่วยกันคัดค้านทุกวิถีทาง ทุกรูปแบบ

ให้องค์การยูเนสโกเห็น ว่าประชาชนคนไทย ไม่เห็นด้วยกับการกระทำครั้งนี้ของมัน


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกหินฮะ๛ ที่ 18-06-2008, 20:58
..ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ในห้องรักเหลี่ยมตรงนู้น หาคนสะดุ้งสะเทือนเรื่องนี้ไม่มีเลย  :slime_hmm:
ต่างพากันเห็นพ้องต้องตาม พณฯ เหล่เนรคุณทุนหลวงกันหมด
http://pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6717277/P6717277.html
..อนิจจัง!  :slime_dizzy:

(http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/pink_flowers.gif)

 :slime_sentimental:  :slime_surrender:  :slime_dizzy:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 18-06-2008, 21:14
เท่าที่ดู เรื่องราว

นพดลไม่สามารถ กระทำได้


ที่ทำไปแล้วยก ครับ


ที่เหลือก็คือ เอาไอ้เหล่มาสับ ๆ ๆ ๆ ๆ


ไม่ต้องสนใจว่าข่าวจากที่ไหนอย่างไร ใครมีก็เอามาลง ใครขวางก็ เงียบ ๆ ไป



เว็บ http://www.mfa.go.th/  เชี่ยเถิกมันปิดหนีไป


ถุยมัน  :slime_hitted:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 18-06-2008, 21:17
พวกไม่ติดตาม คอยแขวะ ก็ฝากถุยซ้ำไปด้วยครับ


ผมเปิดเว็บเชี่ยที่โพสนี้ เข้าไม่ได้เลย


 :slime_hitted:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: KILL...ER ที่ 18-06-2008, 21:42
ตอนแรกนึกว่า แม่ไอ้ลิ้มตาย เห็นร้องห่มร้องไห้กันใหญ่โต

ที่แท้ก็เรื่องเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนี่เอง ก็มันเป็นของเขา เขาจะเอาไปทำฮวงซุ้ยแม่ไอ้ลิ้ม ก็ทำกันไปสิ ไปเสือกอะไรกับเค้าล่ะ

เรื่องระดับนี้ ทหารเห็นเค้าเฉยๆ ไม่ว่าอะไรนี่หว่า หรือว่า ไอ้ลิ้มกับเดรัจฉานนักวิชาการพวกนั้นมันรู้เรื่องนี้ดีกว่าทหาร หือออออ


----------------

เอาเรื่องที่เสียดินแดนแน่ๆ ดีกว่า บ้านร่มเกล้า อุตรดิตถ์ นี่ไงของจริง No mans land โดนลาวกลืนเรียบร้อยไปแล้ว ใบ้แดกกันไปเลย รบกันตายโหงเป็นร้อยเป็นพัน วีรบุรุษมัน ขับรถถังมายึดอำนาจอยู่นี่ เหอ เหอออ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 18-06-2008, 21:56
ตอนแรกนึกว่า แม่ไอ้ลิ้มตาย เห็นร้องห่มร้องไห้กันใหญ่โต

ที่แท้ก็เรื่องเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนี่เอง ก็มันเป็นของเขา เขาจะเอาไปทำฮวงซุ้ยแม่ไอ้ลิ้ม ก็ทำกันไปสิ ไปเสือกอะไรกับเค้าล่ะ

เรื่องระดับนี้ ทหารเห็นเค้าเฉยๆ ไม่ว่าอะไรนี่หว่า หรือว่า ไอ้ลิ้มกับเดรัจฉานนักวิชาการพวกนั้นมันรู้เรื่องนี้ดีกว่าทหาร หือออออ


----------------

เอาเรื่องที่เสียดินแดนแน่ๆ ดีกว่า บ้านร่มเกล้า อุตรดิตถ์ นี่ไงของจริง No mans land โดนลาวกลืนเรียบร้อยไปแล้ว ใบ้แดกกันไปเลย รบกันตายโหงเป็นร้อยเป็นพัน วีรบุรุษมัน ขับรถถังมายึดอำนาจอยู่นี่ เหอ เหอออ

กลับบ้านไปถามพ่อไป


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 18-06-2008, 21:59
ตอนแรกนึกว่า แม่ไอ้ลิ้มตาย เห็นร้องห่มร้องไห้กันใหญ่โต

ที่แท้ก็เรื่องเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนี่เอง ก็มันเป็นของเขา เขาจะเอาไปทำฮวงซุ้ยแม่ไอ้ลิ้ม ก็ทำกันไปสิ ไปเสือกอะไรกับเค้าล่ะ

เรื่องระดับนี้ ทหารเห็นเค้าเฉยๆ ไม่ว่าอะไรนี่หว่า หรือว่า ไอ้ลิ้มกับเดรัจฉานนักวิชาการพวกนั้นมันรู้เรื่องนี้ดีกว่าทหาร หือออออ


----------------

เอาเรื่องที่เสียดินแดนแน่ๆ ดีกว่า บ้านร่มเกล้า อุตรดิตถ์ นี่ไงของจริง No mans land โดนลาวกลืนเรียบร้อยไปแล้ว ใบ้แดกกันไปเลย รบกันตายโหงเป็นร้อยเป็นพัน วีรบุรุษมัน ขับรถถังมายึดอำนาจอยู่นี่ เหอ เหอออ

คนอย่างคิล มีความรู้แค่นี้

นี่คิลตัวจริงป่าววะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ป้าดาล้างสมองมาเหรอจ๊ะ จากฉลาดเลยกลายเป็นอย่างนี้


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: คนไทยคนหนึ่ง ที่ 18-06-2008, 22:02
                         รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
                ตราไว้ ณ. วันที่ 24 สิงหาคม พุทธศักราช 2550

    มาตรา 190     พระมหากษัตริย์ ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ
สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น กับนานาประเทศหรือกับองค์กรระหว่างประเทศ

    หนังสือสัญญาใดที่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย   หรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทย
มีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือจะต้องออก
พระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือ
สังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศ
อย่างมีนัยสำคัญ ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา  ในการนี้ รัฐสภาจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จ
ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องดังกล่าว

    ก่อนการดำเนินการเพื่อทำหนังสือสัญญากับนานาประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศตาม
วรรคสอง คณะรัฐมนตรีต้องให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และต้องชี้แจง
ต่อรัฐสภาเกี่ยวกับหนังสือสัญญานั้น ในการนี้ ให้คณะรัฐมนตรีเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อขอ
ความเห็นชอบด้วย
   เมื่อลงนามในหนังสือสัญญาตามวรรคสองแล้ว ก่อนที่จะแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน
คณะรัฐมนตรีต้องให้ประชาชนเข้าถึงรายละเอียดของหนังสือสัญญานั้น
และในกรณีที่
การปฎิบัติตามหนังสือสัญญาดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนหรือผู้ประกอบการขนาดกลาง
และขนาดย่อม คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบนั้นอย่างรวดเร็ว
เหมาะสม และเป็นธรรม

    ให้มีกฎหมายว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญาที่มีผลกระทบต่อ
ความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า หรือการลงทุน
อย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการปฎิบัติตามหนังสือสัญญา
ดังกล่าวโดยคำนึงถึงความเป็นธรรมระหว่างผู้ที่ได้ประโยชน์กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปฎิบัติ
ตามหนังสือสัญญานั้นและประชาชนทั่วไป

     ในกรณีที่มีปัญหาตามวรรคสอง ให้เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัยชี้ขาด โดยให้
นำบทบัญญัติ ตามมาตรา 155 (1) มาใช้บังคับกับการเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยอนุโลม



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-06-2008, 22:06
ตอนแรกนึกว่า แม่ไอ้ลิ้มตาย เห็นร้องห่มร้องไห้กันใหญ่โต

ที่แท้ก็เรื่องเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนี่เอง ก็มันเป็นของเขา เขาจะเอาไปทำฮวงซุ้ยแม่ไอ้ลิ้ม ก็ทำกันไปสิ ไปเสือกอะไรกับเค้าล่ะ

เรื่องระดับนี้ ทหารเห็นเค้าเฉยๆ ไม่ว่าอะไรนี่หว่า หรือว่า ไอ้ลิ้มกับเดรัจฉานนักวิชาการพวกนั้นมันรู้เรื่องนี้ดีกว่าทหาร หือออออ

----------------

เอาเรื่องที่เสียดินแดนแน่ๆ ดีกว่า บ้านร่มเกล้า อุตรดิตถ์ นี่ไงของจริง No mans land โดนลาวกลืนเรียบร้อยไปแล้ว ใบ้แดกกันไปเลย รบกันตายโหงเป็นร้อยเป็นพัน วีรบุรุษมัน ขับรถถังมายึดอำนาจอยู่นี่ เหอ เหอออ

ถ้าเรื่องเสียดินแดนบ้านร่มเกล้าเป็นความจริงอย่างที่คุณ KILL...ER บอก
แล้วตกลงเราจะเชื่อใจทหาร ให้ปกป้องดินแดนได้จริงหรือ?  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: สี่หามสามแห่ ที่ 18-06-2008, 22:44
ทำไมใช้ L7017 ว่ะ

ทำไมไม่ช่ L7018 ?????


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 18-06-2008, 22:50
1. เราเสียปราสาทเขาพระวิหารไปตั้งแต่ แพ้ ศาลโลกปี 2505 แล้วไม่มีทางจะได้คืนตั้งแต่วันนั้นแล้ว
        ทุกคนในโลกยอมรับแล้วว่ามันเป็นของเขมรแล้ว  และที่สำคัญเราเปลี่ยน เส้นกั้นพรหมแดนประเทศไปแล้ว
    ตลอดมาเวลาเรามีปัญหากัน เขมรจะปิดพรมแดน ปิดปราสาท ห้ามคนไทยขึ้น เราก็ยอมรับกันมา เกือบ 50 ปีแล้ว

2. พื้นที่บริเวณปราสาทหิน ส่วนหนึ่ง ยังทับซ้อนตกลงกันไม่ได้ว่าเป็นของใคร เพราะถือเขตแดนต่างกัน
    ส่วนนี้ไทยไม่ยอมเหมือนกัน ยังไม่มีใครตัดสินว่าจะเป็นของใคร หรือจะแบ่งกันอย่างไร

3. วันดีคืนดี เขมรจะขอเอาปราสาทเขาพระวิหารของเขา  ขึ้นทะเบียนมรดกโลก โดยจะจด ครอบคลุมพื้นที่ทับซ้อนที่มีปัญหา
    กันในข้อ 2. ด้วย ซึ่งไทยยอมไม่ได้  (  พื้นที่ยังตกลงกันไม่ได้ จะไปขอจด  จดได้มันก็ยึดที่ ที่มีปัญหาไปด้วยซิ ไทยเลยค้าน )

4.  เขมรยอมจดขึ้นทะเบียน  พื้นที่ แค่รอบๆปราสาทเขาพระวิหารจริง ไม่กินพื้นที่ที่มีปัญหา เราจึงยอม เพราะไม่รู้จะค้านเรื่องอะไร ( ใครรู้บอกที  )

5. ทหาร เห็นแล้วว่า ไม่เห็นมีอะไรยื่นมาวุ่นวาย เขตไทย   แผนที่ทหารที่ยึดเขตแดนประเทศ ก็ไม่มีใครล่วงล้ำมาจดอะไร ก็ธงเขียวไม่มีปัญหา
   เขมรมันจะทำอะไรในที่ของมัน ก็เรื่องของมัน



    สิ่งที่กระทรวงต่างประเทศกลัว คือ เขมรยึดเขตแดนที่มีปัญหาดึงดันจะยื่นขึ้นทะเบียนมรดกโลกให้ได้ และไทยคัดค้านไม่เป็นผล เกิดยูเนสโกมันอนุมัติขึ้นมา
             ดินแดนที่มีปัญหาจะตกเป็นของเขมรทันที   ( นี่แหละเสียดินแดนของแท้  )

    แต่ก็ดันมีพวกนึงคิดไปอีกแบบ  แกล้งลืม หรือหลอกตัวเองไปว่าเรายังไม่ได้เสียปราสาทเขาพระวิหาร อย่างถาวร
    โมเมว่าการได้รับขึ้นเป็นมรดกโลกของปราสาทเขาพระวิหาร พึ่งจะเป็นการประกาศสิทธิ์เหนือเขาพระวิหารของเขมร
    รับไม่ได้ เป็นเดือดเป็นแค้น


  ลองมาคุยดูครับ ตรงไหนที่ผมเขียนผิด   :slime_smile:

  
  


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: Register_AC ที่ 18-06-2008, 23:52
..ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ในห้องรักเหลี่ยมตรงนู้น หาคนสะดุ้งสะเทือนเรื่องนี้ไม่มีเลย  :slime_hmm:
ต่างพากันเห็นพ้องต้องตาม พณฯ เหล่เนรคุณทุนหลวงกันหมด
http://pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6717277/P6717277.html
..อนิจจัง!  :slime_dizzy:

(http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/pink_flowers.gif)

^
^

ไปตอบกระทู้นี้ไว้สองความเห็น ตอบไปไม่ถึง ครึ่งชั่วโมง กระทู้โดนลบเลยต้องกลับมานี่เลย ...
 :slime_dizzy: :slime_dizzy:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: เพื่อนร่วมชาติ ที่ 19-06-2008, 00:07
1. เราเสียปราสาทเขาพระวิหารไปตั้งแต่ แพ้ ศาลโลกปี 2505 แล้วไม่มีทางจะได้คืนตั้งแต่วันนั้นแล้ว
        ทุกคนในโลกยอมรับแล้วว่ามันเป็นของเขมรแล้ว  และที่สำคัญเราเปลี่ยน เส้นกั้นพรหมแดนประเทศไปแล้ว
    ตลอดมาเวลาเรามีปัญหากัน เขมรจะปิดพรมแดน ปิดปราสาท ห้ามคนไทยขึ้น เราก็ยอมรับกันมา เกือบ 50 ปีแล้ว

2. พื้นที่บริเวณปราสาทหิน ส่วนหนึ่ง ยังทับซ้อนตกลงกันไม่ได้ว่าเป็นของใคร เพราะถือเขตแดนต่างกัน
    ส่วนนี้ไทยไม่ยอมเหมือนกัน ยังไม่มีใครตัดสินว่าจะเป็นของใคร หรือจะแบ่งกันอย่างไร

3. วันดีคืนดี เขมรจะขอเอาปราสาทเขาพระวิหารของเขา  ขึ้นทะเบียนมรดกโลก โดยจะจด ครอบคลุมพื้นที่ทับซ้อนที่มีปัญหา
    กันในข้อ 2. ด้วย ซึ่งไทยยอมไม่ได้  (  พื้นที่ยังตกลงกันไม่ได้ จะไปขอจด  จดได้มันก็ยึดที่ ที่มีปัญหาไปด้วยซิ ไทยเลยค้าน )

4.  เขมรยอมจดขึ้นทะเบียน  พื้นที่ แค่รอบๆปราสาทเขาพระวิหารจริง ไม่กินพื้นที่ที่มีปัญหา เราจึงยอม เพราะไม่รู้จะค้านเรื่องอะไร ( ใครรู้บอกที  )

5. ทหาร เห็นแล้วว่า ไม่เห็นมีอะไรยื่นมาวุ่นวาย เขตไทย   แผนที่ทหารที่ยึดเขตแดนประเทศ ก็ไม่มีใครล่วงล้ำมาจดอะไร ก็ธงเขียวไม่มีปัญหา
   เขมรมันจะทำอะไรในที่ของมัน ก็เรื่องของมัน



    สิ่งที่กระทรวงต่างประเทศกลัว คือ เขมรยึดเขตแดนที่มีปัญหาดึงดันจะยื่นขึ้นทะเบียนมรดกโลกให้ได้ และไทยคัดค้านไม่เป็นผล เกิดยูเนสโกมันอนุมัติขึ้นมา
             ดินแดนที่มีปัญหาจะตกเป็นของเขมรทันที   ( นี่แหละเสียดินแดนของแท้  )

    แต่ก็ดันมีพวกนึงคิดไปอีกแบบ  แกล้งลืม หรือหลอกตัวเองไปว่าเรายังไม่ได้เสียปราสาทเขาพระวิหาร อย่างถาวร
    โมเมว่าการได้รับขึ้นเป็นมรดกโลกของปราสาทเขาพระวิหาร พึ่งจะเป็นการประกาศสิทธิ์เหนือเขาพระวิหารของเขมร
    รับไม่ได้ เป็นเดือดเป็นแค้น


  ลองมาคุยดูครับ ตรงไหนที่ผมเขียนผิด   :slime_smile:

  
  


รู้สึกจะผิดตั้งแต่ข้อ 1 แล้วนะ รัฐบาลไทยไม่เคยยอมรับอย่างเป็นทางการ และบรรพบุรุษสมัยนั้นก็กั๊กเอาไว้ โดยหวังว่าวันหนึ่งเราอาจมีโอกาสได้คืนมา

แล้วไอ้เหล่มันเป็นใคร มันเป็นลูกจ้างใคร มันถึงคิดจะเป็นรัฐมนตรีไทยคนแรกที่รับรองสิทธิ์ของเขมรอย่างเป็นทางการ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 19-06-2008, 00:15

พระยาละแวกคนที่ 2

ที่มาเกิดในแผ่นดินเขมรยุคปัจจุบันเมื่อครั้งเสียเขาพระวิหาร

คนไทยเคยเชื่อว่าคือ สมเด็จนโรดมสีหนุ ถึงนาทีนี้

ต้องสะกิดให้ท่านผู้อ่านไม่ลืมว่าราชวงศ์นโรดมถนัดอย่างยิ่งในการใช้ลัทธิชาตินิยม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งลัทธิชาตินิยมที่มีเป้าหมายอยู่ที่ประเทศไทย

เป็นเครื่องมือรณรงค์ทางการเมือง

 
ครั้งหนึ่ง สมเด็จนโรดมสีหนุขึ้นมาอยู่เหนือจิตใจคนเขมรได้

ก็เพราะชนะคดีความได้ปราสาทเขาพระวิหารไปอยู่ภายใต้อธิปไตยเขมร

 
ครั้งหนึ่ง สมเด็จนโรดมรณฤทธิ์โจมตีว่าฮุนเซ็นเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดให้เวียดนาม
 
จนสามารถเบียดแทรกการเลือกตั้งเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีร่วมกับฮุนเซ็นได้
 
ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นรณรงค์ทางการเมืองจากภายนอกประเทศแท้ๆ
 
ครั้งนี้ ราชวงศ์นโรดมเริ่มรณรงค์เรื่องปราสาทสด๊กก็อกธมและปราสาทตาเมียนธม

เมื่อไม่นานมานี่เอง
 

แต่ใครจะเป็นพระยาละแวก 2003
 
ระหว่างฮุนเซ็น, สม รังสี หรือเชื้อพระวงศ์ราชวงศ์นโรดมรายใด

ผู้อ่านต้องตัดสินใจเองครับ
 
แต่ขอเพียงอย่าได้มุ่งว่าเป็นเรื่องของบุคคลสถานเดียว

เรื่องราวมีนัยทางเศรษฐกิจและการเมืองซ้อนกันอยู่

สถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญที่เพิ่งสร้างเสร็จหมาดๆ

และตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตาด้วยมูลค่าไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท

มอดไหม้ไปกลางพระเพลิงเมื่อคืนวันที่ 29 มกราคม 2546

ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน
 

นั่นไม่ใช่แค่สิ่งปลูกสร้างหลังหนึ่ง
 
นั่นไม่ใช่แค่เพียงมีค่าเสมอแผ่นดินไทย
 
เพราะอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของประเทศไทย

ตามกฎหมายระหว่างประเทศที่นานาอารยประเทศในประชาคมโลกยอมรับ

แต่นั่นคือสัญลักษณ์ของความเป็นไทยที่ลงรากลึกในแผ่นดินเขมร
 
ความเป็นไทยที่เริ่มต้นตั้งแต่วัฒนธรรม ไปจนถึงการลงทุน

การค้าขาย และการครอบงำวิถีชีวิตของคนเขมรทุกระดับ
 
ที่ชนชั้นปกครองของเขมรไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านล้วนเป็นห่วง

และนำมาเป็นประเด็นหาเสียงในการเลือกตั้งทั่วไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า


เป็นเรื่องปกติครับที่แต่ละชาติจะต้องมีแนวคิดชาตินิยม

 
ทุกวันนี้ กลุ่มทุนชาติเขมรเติบโตลำบากหากไม่ร่วมมือกับทุนต่างชาติจากไทย
 
เราเองมีสิทธิต้านการรุกรานจากทุนนิยมโลกฉันใด
 
คนเขมรก็มีสิทธิต้านการรุกรานจากทุนไทยได้ฉันนั้น

เพียงแต่ต้องเป็นชาตินิยมอย่างมีวัฒนธรรมครับ
 
ผมเองก็ชาตินิยม

 
ตลอด 4 ปีมานี้ได้แสดงความคิดเห็นต่อต้านการครอบงำทางเศรษฐกิจ

จากสหรัฐอเมริกาและระบบทุนนิยมโลกมาโดยตลอด รวมถึงการรุกรานทางวัฒนธรรม
 
แต่ผมไม่เคยชักชวนให้คนไทยลุกขึ้นไปเผาสถานทูตอเมริกา
 
ไม่เคยชักชวนคนไทยให้เลิกดูหนังฮอลิวู้ด

ผมเพียงรณรงค์ทางปัญญาผ่านเสียงและตัวหนังสือให้คนไทยรู้เท่าทันตะวันตก

สถานทูตของประเทศใดถือเป็นดินแดนของประเทศนั้น

ต่อให้สงครามใหญ่กว่านี้ รบกันตายเป็นเบือ

ยังมีน้อยครั้งครับที่รบกวนสถานทูตของคู่สงคราม
 
พระยาละแวก 2003 ไม่ว่าจะเป็นใคร

กำลังทำให้เขมรกลายเป็นชนชาติที่ไร้วัฒนธรรม
 
สมควรถูกขับออกจากประชาคมโลกเสียด้วยซ้ำ
 
พระยาละแวก 2003 ใช้ประเทศไทยและคนไทยเป็นเหยื่อ


และ....

พระยาละแวก 2003

ขาดความเป็นลูกผู้ชายอย่างยิ่งที่ใช้ผู้หญิงไทยตัวเล็ก ๆ

ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เป็นเครื่องมืออย่างเลือดเย็นที่สุด...

พายัพ วนาสุวรรณ 30 ม.ค. 2546


http://www.saranair.com/article.php?sid=5375



พระยาละแวก....2008  ปัตตะนาขึ้นเยอะ เซ้งของเก่าจาก...เจ้านาย

แถมตายังไม่สามัคคีกันด้วย
:slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 19-06-2008, 01:02
1. เราเสียปราสาทเขาพระวิหารไปตั้งแต่ แพ้ ศาลโลกปี 2505 แล้วไม่มีทางจะได้คืนตั้งแต่วันนั้นแล้ว
        ทุกคนในโลกยอมรับแล้วว่ามันเป็นของเขมรแล้ว  และที่สำคัญเราเปลี่ยน เส้นกั้นพรหมแดนประเทศไปแล้ว
    ตลอดมาเวลาเรามีปัญหากัน เขมรจะปิดพรมแดน ปิดปราสาท ห้ามคนไทยขึ้น เราก็ยอมรับกันมา เกือบ 50 ปีแล้ว

2. พื้นที่บริเวณปราสาทหิน ส่วนหนึ่ง ยังทับซ้อนตกลงกันไม่ได้ว่าเป็นของใคร เพราะถือเขตแดนต่างกัน
    ส่วนนี้ไทยไม่ยอมเหมือนกัน ยังไม่มีใครตัดสินว่าจะเป็นของใคร หรือจะแบ่งกันอย่างไร

3. วันดีคืนดี เขมรจะขอเอาปราสาทเขาพระวิหารของเขา  ขึ้นทะเบียนมรดกโลก โดยจะจด ครอบคลุมพื้นที่ทับซ้อนที่มีปัญหา
    กันในข้อ 2. ด้วย ซึ่งไทยยอมไม่ได้  (  พื้นที่ยังตกลงกันไม่ได้ จะไปขอจด  จดได้มันก็ยึดที่ ที่มีปัญหาไปด้วยซิ ไทยเลยค้าน )

4.  เขมรยอมจดขึ้นทะเบียน  พื้นที่ แค่รอบๆปราสาทเขาพระวิหารจริง ไม่กินพื้นที่ที่มีปัญหา เราจึงยอม เพราะไม่รู้จะค้านเรื่องอะไร ( ใครรู้บอกที  )

5. ทหาร เห็นแล้วว่า ไม่เห็นมีอะไรยื่นมาวุ่นวาย เขตไทย   แผนที่ทหารที่ยึดเขตแดนประเทศ ก็ไม่มีใครล่วงล้ำมาจดอะไร ก็ธงเขียวไม่มีปัญหา
   เขมรมันจะทำอะไรในที่ของมัน ก็เรื่องของมัน



    สิ่งที่กระทรวงต่างประเทศกลัว คือ เขมรยึดเขตแดนที่มีปัญหาดึงดันจะยื่นขึ้นทะเบียนมรดกโลกให้ได้ และไทยคัดค้านไม่เป็นผล เกิดยูเนสโกมันอนุมัติขึ้นมา
             ดินแดนที่มีปัญหาจะตกเป็นของเขมรทันที   ( นี่แหละเสียดินแดนของแท้  )

    แต่ก็ดันมีพวกนึงคิดไปอีกแบบ  แกล้งลืม หรือหลอกตัวเองไปว่าเรายังไม่ได้เสียปราสาทเขาพระวิหาร อย่างถาวร
    โมเมว่าการได้รับขึ้นเป็นมรดกโลกของปราสาทเขาพระวิหาร พึ่งจะเป็นการประกาศสิทธิ์เหนือเขาพระวิหารของเขมร
    รับไม่ได้ เป็นเดือดเป็นแค้น


  ลองมาคุยดูครับ ตรงไหนที่ผมเขียนผิด   :slime_smile:

ครับคุณ mebeam  :slime_smile:

แนะนำให้อ่านข้อมูลในกระทู้ข้างล่างนี้เพิ่มเติมนะครับ
ไม่แปลกเลยถ้าหากคนไทยที่รู้รายละเอียดเรื่องนี้
จะพยายามดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของไทย

==ข้อพิพาทไทย-กัมพูชาในปราสาทพระวิหาร ข้อมูลจากอดีตเอกอัครราชทูตไทย==
http://forum.serithai.net/index.php?topic=28045.0


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 19-06-2008, 02:06
 1 ไทย ไม่มีวันดึงข้อพิพาท ปราสาทเขาพระวิหาร ขึ้นกลับเวทีศาลโลกแล้ว เพราะ...(เหตุผลเยอะแยะ)
 2. รัฐบาลไทย ยอมรับในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาเหนือปราสาทพระ วิหาร แล้วโดย
     - เขียนแผนที่ประเทศไทยใหม่ เอาเขาพระวิหารออกไปในเขตแดนกัมพูชา 
     - ถอนเจ้าหน้าที่ไทยออกหมด ดูทหารเขมร ปักธงชาติในปราสาท และบริหารจัดการปราสาท
     - ตลอดเกือบ 50 ปีมานี่ มีรัฐบาลไหนจะทวงปราสาทเขาพระวิหารคืนหรือเปล่า
     - เราอาจอ้างว่าเราสงวนคำตัดสิน ค้านคำตัดสิน  แต่เราก็ยอมทำตามคำตัดสิน ปากเราบอกไม่ยอมรับ
       แต่การปฏิบัติเรา ยอมรับมาตลอดตั้งแต่มีคำตัดสิน

  ถ้าไม่ยอมรับอธิปไตย ก็เช่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  ที่เราสู้สุดชีวิตไม่ยอมให้ใครมาแบ่งแยกออกไปได้
 แต่ถ้าวันใด เรายอมเขียนแผนที่ประเทศไทยใหม่ ตัด3จังหวัดไป เอาเจ้าหน้าที่รัฐออกมา ดูเขาปกครองกันเอง ยอมให้
ใช้ธงชาติอื่น ที่ไม่ใช่ธงไตรรงค์  ผ่านไป 50 ปีแล้วเรามาบอกว่ารัฐบาลไทยไม่เคยยอมรับอย่างเป็นทางการ เรื่องการแยกดินแดน
3 จังหวัดต้องเป็นของไทย เราจะเอาคืน มันใช่ที่มั๊ยเนี่ย 
 
   

    นอกเรื่องหน่อย  ครั้งนึงผมไปทัวร์เวียงจันทร์ ไกด์ลาว มีโปรแกรมเที่ยวชมวัดพระแก้วด้วย เห็นว่าเป็นวัดใหญ่นักท่องเที่ยวเยอะ
ผมและคณะไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับวัดนี้เลย ใจก็อยากเห็นพระแก้วเมืองลาวว่าจะเหมือนเมืองไทยมั๊ย พอจะไหว้เห็นแต่แท่นฐาน
หนึ่งในคณะทัวว์เลยถามไกด๊ "อ้าวพระไปไหนล่ะ " ไก๊ด์ลาวก็บอกว่า "ย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพไง"  คณะผมหน้าเจื่อนลงไปเลย ไม่นึกว่าจะองค์เดียวกัน
เข้าเรื่องแล้ว ว่ากันต่อเลย  :slime_smile:



 


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 19-06-2008, 02:44
(http://202.12.97.31/4941800036/upload/1213817879.jpg)

http://www.youtube.com/watch?v=9ImZk0FIbNY

เขาพระวิหาร การเสียดินแดนครั้งสุดท้าย ของประเทศไทย  



        ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งใหญ่ในกัมพูชาว่ากันว่า “กระแสรักชาติ” จะถูกปลุกขึ้นมาเพื่อผลทางการเมือง การเลือกตั้งทั่วไป ที่จะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ก็เช่นกัน เรื่องร้อนๆ “เขาพระวิหาร” ก็ถูกนำขึ้นมาเป็นประเด็นที่มีผลทางการเมืองในกัมพูชาอีกครั้ง

         อยู่ๆ กัมพูชาก็ยื่นเรื่องต่อ องค์การยูเนสโก ขอขึ้นทะเบียน “เขาพระวิหาร” เป็น “มรดกโลก” โดยไม่บอกกล่าวฝ่ายไทย เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว

          แต่ผู้แทนไทยในที่ประชุมประท้วง เพราะองค์ประกอบ ของเขาพระวิหารไม่ได้มีแต่ ปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งอยู่ในเขตกัมพูชา เท่านั้น แต่ยังมีโบราณสถานอีกหลายอย่าง ประกอบกันเป็นเขาพระวิหาร เช่น ภาพแกะสลักนูนต่ำ สระตราว สถูปคู่ เป็นต้น อยู่ในเขตไทย มรดกโลกที่สมบูรณ์จะต้องมีองค์ประกอบครบถ้วน

         เมื่อไทยท้วงด้วยเหตุผลเช่นนี้ ยูเนสโกก็เลื่อนการพิจารณาออกไป โดยให้ไทยกับกัมพูชาไปตกลงกันให้เรียบร้อยก่อน และนำเข้าพิจารณา ในที่ประชุมที่รัฐควีเบค ประเทศแคนาดา ในเดือนหน้านี้ศาลโลก พิพากษาให้ ปราสาทเขาพระวิหาร เป็นของกัมพูชาในปี 2505 โดยบอกแต่เพียงว่า “ปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอาณาเขต ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา” แต่ไม่ได้บอกว่ามีอาณาเขต กว้างยาวแค่ไหน กระทรวงมหาดไทยของไทยจึงกำหนดพื้นที่ไม่เกิน 150 ไร่ ให้เป็นเขตปราสาทเขาพระวิหาร โดยมีช่องบันไดหัก ให้ฝ่ายเขมรต่ำมีทางขึ้นปราสาท เขาพระวิหารได้

          ในหนังสือ เขาพระวิหาร ไทยเสียดินแดนครั้งสุดท้าย ของ โรม บุนนาค ได้บันทึกเหตุการณ์วันที่ พลเอกประภาส จารุเสถียร รัฐมนตรีมหาดไทย กล่าวปราศรัย ที่ลานปราสาทเขาพระวิหาร ในวันส่งมอบดินแดนเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2505 ไว้ดังนี้

         “ข้าพเจ้ามีความเสียใจมากที่ต้องมาทำหน้าที่เช่นนี้ แต่การปฏิบัตินี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจำต้องปฏิบัติ ตามพันธกรณีที่เรามีต่อศาลโลก

          วันนี้เป็นวันหนึ่งซึ่งประวัติศาสตร์จะต้องจารึกว่า ไทยจำต้อง สละอธิปไตยเหนือปราสาทเขาพระวิหาร ข้าพเจ้ากำหนดเวลาตั้งแต่ 12.00 น. ของวันที่ 15 กรกฎาคม 2505 เป็นวันที่เรา จะถอนทุกสิ่งทุกอย่างออกจากเขตแดนนี้

          ข้าพเจ้าขอซ้อมความเข้าใจกับท่านว่า เขตแดนนี้เริ่มจากจุดแรก ที่ช่องบันไดหัก โดยนับระยะห่างจากถนนหินโบราณลงมา 20 เมตร เราจะปักป้ายที่นี่ และแนวเขตจะเล็งเป็นเส้นตรงจากหลักที่ 1 มาสู่ปลายบันไดนาค ห่างจากจุดกึ่งกลางปลายบันได 20 เมตร เป็นเส้นที่ 2 แล้วจึงเล็งเป็นแนวตรง ไปเป็นหลักสุดท้าย ห่างจากแนวปราสาทในเส้นกึ่งกลาง 100 เมตร ตัดตรงไปจนทะลุหน้าผาเป้ยตาดี

         มีงานที่เราจะต้องปฏิบัติหลายอย่างในวันนี้ ก่อนอื่นคือ การเชิญธงไตรรงค์พร้อมด้วยเสา จากบริเวณปราสาทมาประดิษฐาน ในเขตของเรา และจะไม่มีการเชิญธงลงจากยอดเสา พร้อมด้วยเสานี้ จะเคลื่อนย้ายตั้งลงมาโดยไม่นอนด้วย เพราะวันหนึ่งข้างหน้า เราอาจจะต้องนำธงนี้ไปประดิษฐานที่เดิมเหนือเป้ยตาดีอีกครั้งหนึ่ง...”

         อ่านแล้วขนลุกครับ ทหารสมัยก่อนเขาถือธงชาติเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม้จะต้องเสียดินแดนตามคำพิพากษาของศาลโลก เมื่อจะเคลื่อนย้าย “ธงชาติไทย” ออกจากดินแดน พลเอกประภาส ยังให้ยกธงทั้งเสาแบบ ตั้งตรงออกมา ไม่ให้มีการลดธงลงจากยอดเสา หรือแบกเสาธง ออกมาอย่างผู้แพ้            พลเอกประภาสยังสั่งกำชับตำรวจตระเวนชายแดนด้วยว่า รั้วก็ดี ป้ายก็ดี ที่ปักไว้นั้น ถือเป็นสมบัติของชาติไทย หากมีผู้ใดล่วงล้ำ ผ่านแนวเข้ามา ให้ไล่ออกไป หากขัดขืนขอให้ใช้กำลังได ้โดยไม่ต้องรอขออนุญาตแต่อย่างใด

          เห็นความเด็ดขาดของชายชาติทหารสมัยก่อนแล้ว ต้องชื่นชมครับ

          ก็ต้องดูว่า รัฐบาลของ นายสมัคร สุนทรเวช ที่มี นายนพดล ปัทมะ เป็น รัฐมนตรีต่างประเทศ จะสามารถรักษาอธิปไตย เขาพระวิหารที่ประเทศไทย มีอยู่ตามคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อ 46 ปีก่อนได้หรือไม่ หรือจะต้องเสียดินแดนในยุคนี้อีกครั้ง ซึ่งไม่มีใครเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ในโลกยุคปัจจุบัน

โดย "ลมเปลี่ยนทิศ"                                                                    คอลัมน์ หมายเหตุประเทศไทย                                                             ที่มา ไทยรัฐ



 
 
 ระบุอยู่ในหลักสุตร การเรียนครับ เราเสียดินแดนไปแล้ว 14 ครั้งครับ
ถึงมันจะเป็นเรื่องที่เจ็บปวด แต่เราก็ต้องยอมรับมันครับ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 19-06-2008, 03:27
(http://202.12.97.31/4941800036/upload/1213817879.jpg)

http://www.youtube.com/watch?v=9ImZk0FIbNY

เขาพระวิหาร การเสียดินแดนครั้งสุดท้าย ของประเทศไทย  

...

          ในหนังสือ เขาพระวิหาร ไทยเสียดินแดนครั้งสุดท้าย ของ โรม บุนนาค ได้บันทึกเหตุการณ์วันที่ พลเอกประภาส จารุเสถียร รัฐมนตรีมหาดไทย กล่าวปราศรัย ที่ลานปราสาทเขาพระวิหาร ในวันส่งมอบดินแดนเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2505 ไว้ดังนี้

         “ข้าพเจ้ามีความเสียใจมากที่ต้องมาทำหน้าที่เช่นนี้ แต่การปฏิบัตินี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจำต้องปฏิบัติ ตามพันธกรณีที่เรามีต่อศาลโลก

          วันนี้เป็นวันหนึ่งซึ่งประวัติศาสตร์จะต้องจารึกว่า ไทยจำต้อง สละอธิปไตยเหนือปราสาทเขาพระวิหาร ข้าพเจ้ากำหนดเวลาตั้งแต่ 12.00 น. ของวันที่ 15 กรกฎาคม 2505 เป็นวันที่เรา จะถอนทุกสิ่งทุกอย่างออกจากเขตแดนนี้

          ข้าพเจ้าขอซ้อมความเข้าใจกับท่านว่า เขตแดนนี้เริ่มจากจุดแรก ที่ช่องบันไดหัก โดยนับระยะห่างจากถนนหินโบราณลงมา 20 เมตร เราจะปักป้ายที่นี่ และแนวเขตจะเล็งเป็นเส้นตรงจากหลักที่ 1 มาสู่ปลายบันไดนาค ห่างจากจุดกึ่งกลางปลายบันได 20 เมตร เป็นเส้นที่ 2 แล้วจึงเล็งเป็นแนวตรง ไปเป็นหลักสุดท้าย ห่างจากแนวปราสาทในเส้นกึ่งกลาง 100 เมตร ตัดตรงไปจนทะลุหน้าผาเป้ยตาดี

         มีงานที่เราจะต้องปฏิบัติหลายอย่างในวันนี้ ก่อนอื่นคือ การเชิญธงไตรรงค์พร้อมด้วยเสา จากบริเวณปราสาทมาประดิษฐาน ในเขตของเรา และจะไม่มีการเชิญธงลงจากยอดเสา พร้อมด้วยเสานี้ จะเคลื่อนย้ายตั้งลงมาโดยไม่นอนด้วย เพราะวันหนึ่งข้างหน้า เราอาจจะต้องนำธงนี้ไปประดิษฐานที่เดิมเหนือเป้ยตาดีอีกครั้งหนึ่ง...
 
 ระบุอยู่ในหลักสุตร การเรียนครับ เราเสียดินแดนไปแล้ว 14 ครั้งครับ
ถึงมันจะเป็นเรื่องที่เจ็บปวด แต่เราก็ต้องยอมรับมันครับ

ตัวคุณ mebeam เอาข้อความมาเองแล้วไม่เห็นหรือครับ ว่ามีการประกาศไว้อย่างไร
เมื่อรวมกับข้อมูลจากอดีตเอกอัครราชทูต ก็คือเราประกาศสงวนสิทธิ์เอาไว้แล้ว

เรื่องนี้ก็เหมือนกรณีเกาะไต้หวัน ผ่านมาถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาพอๆ กับประสาทพระวิหาร
จะเห็นว่าเกาะไต้หวันก็มีรัฐบาลของตัวเอง มีธงตัวเอง มีการเลือกตั้งเองอะไรทุกอย่าง

..แต่ประเทศจีนก็ยังสงวนสิทธิ์เหนือเกาะไต้หวันมาจนถึงปัจจุบันนี้..

ในเมื่อคนรุ่นก่อนได้ประกาศสงวนสิทธิ์เอาไว้ แล้วเราเป็นบ้าอะไรต้องไปลงนามล้างสิทธิ
ในทางการทูตเขามีแต่ may be ไม่มี yes/no เพราะเราเป็นประเทศไม่ได้เป็นบุคคล
ตกลงคุณได้อ่านข้อมูลจากเอกอัครราชทูตแล้วหรือเปล่าครับ  :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 19-06-2008, 03:41
1 ไทย ไม่มีวันดึงข้อพิพาท ปราสาทเขาพระวิหาร ขึ้นกลับเวทีศาลโลกแล้ว เพราะ...(เหตุผลเยอะแยะ)
 2. รัฐบาลไทย ยอมรับในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาเหนือปราสาทพระ วิหาร แล้วโดย
     - เขียนแผนที่ประเทศไทยใหม่ เอาเขาพระวิหารออกไปในเขตแดนกัมพูชา 
     - ถอนเจ้าหน้าที่ไทยออกหมด ดูทหารเขมร ปักธงชาติในปราสาท และบริหารจัดการปราสาท
     - ตลอดเกือบ 50 ปีมานี่ มีรัฐบาลไหนจะทวงปราสาทเขาพระวิหารคืนหรือเปล่า
     - เราอาจอ้างว่าเราสงวนคำตัดสิน ค้านคำตัดสิน  แต่เราก็ยอมทำตามคำตัดสิน ปากเราบอกไม่ยอมรับ
       แต่การปฏิบัติเรา ยอมรับมาตลอดตั้งแต่มีคำตัดสิน

  ถ้าไม่ยอมรับอธิปไตย ก็เช่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  ที่เราสู้สุดชีวิตไม่ยอมให้ใครมาแบ่งแยกออกไปได้
 แต่ถ้าวันใด เรายอมเขียนแผนที่ประเทศไทยใหม่ ตัด3จังหวัดไป เอาเจ้าหน้าที่รัฐออกมา ดูเขาปกครองกันเอง ยอมให้
ใช้ธงชาติอื่น ที่ไม่ใช่ธงไตรรงค์  ผ่านไป 50 ปีแล้วเรามาบอกว่ารัฐบาลไทยไม่เคยยอมรับอย่างเป็นทางการ เรื่องการแยกดินแดน
3 จังหวัดต้องเป็นของไทย เราจะเอาคืน มันใช่ที่มั๊ยเนี่ย 
 
    นอกเรื่องหน่อย  ครั้งนึงผมไปทัวร์เวียงจันทร์ ไกด์ลาว มีโปรแกรมเที่ยวชมวัดพระแก้วด้วย เห็นว่าเป็นวัดใหญ่นักท่องเที่ยวเยอะ
ผมและคณะไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับวัดนี้เลย ใจก็อยากเห็นพระแก้วเมืองลาวว่าจะเหมือนเมืองไทยมั๊ย พอจะไหว้เห็นแต่แท่นฐาน
หนึ่งในคณะทัวว์เลยถามไกด๊ "อ้าวพระไปไหนล่ะ " ไก๊ด์ลาวก็บอกว่า "ย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพไง"  คณะผมหน้าเจื่อนลงไปเลย ไม่นึกว่าจะองค์เดียวกัน
เข้าเรื่องแล้ว ว่ากันต่อเลย  :slime_smile:

ในโลกไม่มีอะไรแน่นอนหรอกครับ...

บรรพบุรุษรุ่นก่อนได้ประกาศสงวนสิทธิ์เอาไว้ให้เราแล้ว
ก็เท่ากับเรายังทรงสิทธิ์นั้นอยู่

ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ก่อนนี้สมัยฝรั่งเรืองอำนาจ
มีใครเคยคิดหรือว่าจะได้กลับคืนมา แต่เมื่อเวลาผ่านไป
กฎเกณฑ์กฎหมายต่างๆ เปลี่ยนแปลง เราก็เอาคืนมาได้

กรณีปราสาทพระวิหาร เห็นอยู่แต่ต้นว่า ฝรั่งเศสโกงเรา
เพราะตกลงแบ่งเขตกันไว้ที่สันปันน้ำ แต่กลับมาตั้งฐาน
อยู่ในปราสาทพระวิหาร แล้วอ้างมั่วๆ ว่าไทยไม่คัดค้าน

อ้างมั่วว่าไทยเอาแผนที่ไปใช้เท่ากับยอมรับความถูกต้อง
ทั้งที่การเอาเอกสารมาใช้ไม่ได้หมายถึงว่ายอมรับความ
ถูกต้องของเอกสารบางส่วนหรือทั้งหมด

ตราบใดที่เรายังสงวนสิทธิ์ มันก็คือแค่รอเวลาเท่านั้นเอง
ไม่มีจังหวะเราก็ไม่ทำอะไร หากมีโอกาสทำได้เราก็ทำ
แต่การดำเนินการสละสิทธิ์ทำเพื่ออะไร บ้าหรือโง่  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 19-06-2008, 08:41
ตราบใดที่เรายังสงวนสิทธิ์ มันก็คือแค่รอเวลาเท่านั้นเอง
ไม่มีจังหวะเราก็ไม่ทำอะไร หากมีโอกาสทำได้เราก็ทำ
แต่การดำเนินการสละสิทธิ์ทำเพื่ออะไร บ้าหรือโง่
:slime_smile:


คุณ jerasak คุณไปคุยกับไอ้พวกขายชาติ ไม่รู้เรื่องหรอก

พวกเหียกนี่ ถ้ากรณีเขาพระวิหารนี้ไปเกิดในจีนหรือเกาหลีใต้ แล้วมีไอ้พวกเลวนี่ออกมาเป็นกระบอกเสียงให้ต่างชาติ บั่นแผ่นดินตัวเอง ป่านนี้โดนกวาดล้างเข้าคุกไปหมดแล้ว


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 09:39
ศาลโลกเค้าตัดสินไปแล้ว...มติครม.ปี2505ของไทยมันแห้วน๊ะเพราะเวทีโลกเค้าไม่ยอมรับ ในเมื่อศาลโลกเค้าตัดสินไปแล้วว่าตัวประสาทเขาพระวิหารเป็นของเขมร แล้วคนไทยบางคนจะไม่ยอมรับ...ก็ลาออกจาก UN ไปซิ


เบื่อพวกไม่ยอมรับในกติกาจริงๆ เฮ้อ!! :slime_hitted:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 19-06-2008, 09:43
จงร้องไห้..ให้น้ำตาท่วมแผ่นดิน..เมื่อคนจั***ยกแผ่นดินไทยให้ต่างชาติ(http://img244.imageshack.us/img244/5580/26317912gj1.png)
นี่เป็นภาพแผนผังปราสาทพระวิหารซึ่งเป็นภาคผนวกท้ายคำร้องที่ฝ่ายกัมพูชายื่นต่อศาลโลก  
(http://img244.imageshack.us/img244/1220/36264996wf9.gif)
แผนผังใหม่ที่กัมพูชาทำขึ้นและนายนพดลฯบอกไทยไม่เสียดินแดน ลักษณะลากเส้นยาวจากเป้ยตาดีลงไปจนถึงเชิงเขาบริเวณร้านค้าและชุมชนชาวกัมพูชา
(http://img78.imageshack.us/img78/4024/58901055cp3.jpg)
ในขณะที่หลังศาลโลกมีคำพิพากษาเส้นเขตแดนจะถูกปิดกั้นอยู่ตรงบริเวณบันไดทางขึ้นกับลานนาคราช ซึ่งเป็นไปตามแผนผังภาพที่ 1 เพราะกัมพูชาแสดงภาพไปเท่านั้น ประตูนี้อยู่มาจนถึงปี 2542 เมื่อมีการเปิดเขาพระวิหารอย่างเป็นทางการจึงถูกรื้อลงมาอยู่ที่เชิงเขา
(http://img67.imageshack.us/img67/7899/vh07cx2.jpg)
การที่ฝ่ายกัมพูชาทำแผนผังขึ้นมาใหม่ ลากยาวลงไปจนถึงเชิงเขา แล้วนายนพดลฯมาบอกว่าไม่เสียแผ่นดินแม้แต่ตารางนิ้วเดียวนั้น ไม่รู้ว่า "โง่" หรือไม่รู้จริง ๆ หรือว่า "แกล้งโง่"


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 19-06-2008, 09:55
ใช่ครับ เราคงคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะยืนอยู่คนละพื้นฐาน

คุณ คิดว่าเรายังไม่เสียปราสาทหินเขาวิหาร ยังฝันว่ามันยังเป็นของเรา วันนี้เราโดนโกงไป สักวันมันต้องกลับมาเป็นของเรา
ผม คิดว่าเราเสียไปเรียบร้อยแล้ว  เหมือนกระทรวงต่างประเทศตั้งเป็นพื้นฐาน ก่อนที่จะดำเนินนโยบายต่างๆ

สำหรับผม การได้ยินว่าปราสาทเขาพระวิหารยังเป็นของไทย เพราะเราสงวนสิทธิ์ไว้  แล้ว มันไม่ต่างกับ
       ได้ยินว่าเหล่า รัฐกลันตัง ตรังกานู ไทรบุรี และปริศ  ยังเป็นของไทย เพราะตอนเราเสียดินแดนส่วนนี้
        ให้อังกฤษ คงมีใคร สักคนสงวนสิทธิ์ไว้ด้วย ไม่ยอมรับ เราคงยังรอดินแดนเหล่านี้ กลับมาเป็นของไทยอยู่ ขำดีมั๊ย


ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นรัฐบาล  อย่าลืม ใส่วาระแห่งชาติ ทวงคืนเขาพระวิหารลงไปในนโยบายด้วย  หรือเอาแค่
ต่อแต่นี้ เราจะ มีนโยบายทางต่างประเทศกับประเทศกัมพูชา บนพื้นฐาน ปราสาทหินเขาพระวิหารยังเป็นของไทยอยู่
ดูซิพรรคเขาจะทำมั๊ย

  ลำดับความการประท้วงเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก

    1 ยอมไม่ได้ที่กัมพูชาจะเอาไปยื่นขอมรดกโลก เพราะยังมีที่ไทยติดอยู่มากมาย กลัวจะเสียดินแดนเพิ่ม จากการขอจดของกัมพูชา
    2. ยอมไม่ได้ที่จะเสียดินแดนของไทยเพิ่มจากปี2505 เพราะทักษิณจะเอาพื้นที่ทับซ้อนไปแลกกับสัมปะทาน ( จุดชนวนประท้วง )
    3.  เร่งรัด กระทรวงต่างประเทศเปิดแผนที่เพื่อจะดูว่า ไทยเสียดินแดนเพิ่มหรือเปล่า เขมรขอจดในที่ทับซ้อนหรือเปล่า ( เริ่มเร่งเร้าใส่พิรุธให้กระทรวงต่างประเทศ )
    4. อ้าวเปิดมา เขมรขอจดทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทจริงๆ ไม่กินที่นอกบริเวณปราสาทเลย ( อ้าวแล้วจะประท้วงเรื่องอะไรดีล่ะ )
       ( อย่ากระนั้นเลย กลับมาเล่น ประเด็น ตัวปราสาทดีกว่า  ปราสาทยังเป็นของไทย แค่ขอจดก็ผิดแล้ว ว่าแล้วก็รีบไปหาข้อมูลดีฝ่า ว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้ปราสาทเป็นของไทยอยู่ )

 :slime_smile:


 





หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 19-06-2008, 10:04
ใช่ครับ เราคงคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะยืนอยู่คนละพื้นฐาน
ถูกแล้ว เรายืนอยู่คนละพื้นฐาน เพราะคุณอยู่บนพื้นฐานของการขายชาติ

คุณ คิดว่าเรายังไม่เสียปราสาทหินเขาวิหาร ยังฝันว่ามันยังเป็นของเรา วันนี้เราโดนโกงไป สักวันมันต้องกลับมาเป็นของเรา
ผม คิดว่าเราเสียไปเรียบร้อยแล้ว  เหมือนกระทรวงต่างประเทศตั้งเป็นพื้นฐาน ก่อนที่จะดำเนินนโยบายต่างๆ
นี่มันไม่ใช่เรื่องของความคิดความเชื่อ มันคือ "ข้อเท็จจริง" ข้อเท็จจริงที่ว่า กำลังมีคนยกดินแดนบางส่วนให้ต่างชาติไปผ่าน "นิติกรรมอำพราง" โดยอ้างว่าช่วยต่างชาติยกขึ้นเป็นมรดกโลก ทั้งๆที่ยังมีความเป็นไปได้ที่ไทยจะได้ดินแดนคืน แต่โคตรเหง้าพ่อแม่คุณบอกว่า ให้มันไปเหอะ ไม่ต่างจากโสเภณี




คุณ mebeam ครับ แม่คุณคือกระหรี่ชั้นต่ำ ย้ำ แม่คุณคือกระหรี่ชั้นต่ำ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 19-06-2008, 10:07
ขอต่ออีกนิดหนึ่ง หากดูจากภาพถ่ายทางอากาศแล้วเขตแดนของกัมพูชาบนปราสาทพระวิหารควรอยู่ ณ จุดใด
ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ตามภาพถ่าย ตามคำพิพากษาของศาลโลกกัมพูชาจะได้อธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารเฉพาะในกรอบสีดำตามภาพเท่านั้น
(http://img67.imageshack.us/img67/2466/02oz4.jpg)
ส่วนพื้นที่ต่อเนื่อง(กรอบสีแดง) ลงไปจนถึงเชิงเขารวมทั้งบริเวณบ้านเรือน ชุมชนชาวกัมพูชาล้วนเป็นของไทยทั้งสิ้น
(http://img145.imageshack.us/img145/4698/01ff0.jpg)
แล้วยังมีหน้ามาบอกอีกว่าไม่เสียดินแดน แบบนี้มันน่าเอาไปกุดหัวซะสักเจ็ดชั่วโคตร


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 19-06-2008, 10:09
ใช่ครับ เราคงคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะยืนอยู่คนละพื้นฐาน

คุณ คิดว่าเรายังไม่เสียปราสาทหินเขาวิหาร ยังฝันว่ามันยังเป็นของเรา วันนี้เราโดนโกงไป สักวันมันต้องกลับมาเป็นของเรา
ผม คิดว่าเราเสียไปเรียบร้อยแล้ว  เหมือนกระทรวงต่างประเทศตั้งเป็นพื้นฐาน ก่อนที่จะดำเนินนโยบายต่างๆ

สำหรับผม การได้ยินว่าปราสาทเขาพระวิหารยังเป็นของไทย เพราะเราสงวนสิทธิ์ไว้  แล้ว มันไม่ต่างกับ
       ได้ยินว่าเหล่า รัฐกลันตัง ตรังกานู ไทรบุรี และปริศ  ยังเป็นของไทย เพราะตอนเราเสียดินแดนส่วนนี้
        ให้อังกฤษ คงมีใคร สักคนสงวนสิทธิ์ไว้ด้วย ไม่ยอมรับ เราคงยังรอดินแดนเหล่านี้ กลับมาเป็นของไทยอยู่ ขำดีมั๊ย


ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นรัฐบาล  อย่าลืม ใส่วาระแห่งชาติ ทวงคืนเขาพระวิหารลงไปในนโยบายด้วย  หรือเอาแค่
ต่อแต่นี้ เราจะ มีนโยบายทางต่างประเทศกับประเทศกัมพูชา บนพื้นฐาน ปราสาทหินเขาพระวิหารยังเป็นของไทยอยู่
ดูซิพรรคเขาจะทำมั๊ย

  ลำดับความการประท้วงเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก

    1 ยอมไม่ได้ที่กัมพูชาจะเอาไปยื่นขอมรดกโลก เพราะยังมีที่ไทยติดอยู่มากมาย กลัวจะเสียดินแดนเพิ่ม จากการขอจดของกัมพูชา
    2. ยอมไม่ได้ที่จะเสียดินแดนของไทยเพิ่มจากปี2505 เพราะทักษิณจะเอาพื้นที่ทับซ้อนไปแลกกับสัมปะทาน ( จุดชนวนประท้วง )
    3.  เร่งรัด กระทรวงต่างประเทศเปิดแผนที่เพื่อจะดูว่า ไทยเสียดินแดนเพิ่มหรือเปล่า เขมรขอจดในที่ทับซ้อนหรือเปล่า ( เริ่มเร่งเร้าใส่พิรุธให้กระทรวงต่างประเทศ )
    4. อ้าวเปิดมา เขมรขอจดทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทจริงๆ ไม่กินที่นอกบริเวณปราสาทเลย ( อ้าวแล้วจะประท้วงเรื่องอะไรดีล่ะ )
       ( อย่ากระนั้นเลย กลับมาเล่น ประเด็น ตัวปราสาทดีกว่า  ปราสาทยังเป็นของไทย แค่ขอจดก็ผิดแล้ว ว่าแล้วก็รีบไปหาข้อมูลดีฝ่า ว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้ปราสาทเป็นของไทยอยู่ )

 :slime_smile:

คิดแบบ คนขายชาติ ย่อมคิดแตกต่างกับ คนรักชาติ

"ศาลโลกได้ตัดสินให้ "เฉพาะปราสาทพระวิหาร" เท่านั้นตกเป็นของกัมพูชา มิใช่ผืนดิน หรือ "เขาพระวิหาร" ทั้งอาณาบริเวณ
      
นั่นก็คือ "ปราสาทพระวิหาร" ของกัมพูชาตั้งอยู่บนผืนแผ่นดินในเขตสันปันน้ำของไทย"

เสมือน คุณมาสร้างบ้านบนที่ดินของฉัน  จำเป็นด้วยหรือ ที่ฉันจะต้องยกที่ดินผืนนั้นให้แก่คุณ  :slime_doubt:

ถ้าแยกเรื่องการเมืองและผลประโยชน์ของประเทศชาติไม่ออก คิดแต่จะเล่นการเมืองโดยไม่ดูผลประโยชน์ของประเทศชาติ  ก็เสียชาติเกิดจริงๆ  ลิ่วล้อลูกหาบทักษิณ ไร้สมองไร้สติปัญญาจริงๆ  อาศัยแผ่นดินไทยเกิด แต่สัญชาติชั่วนั้นแนบติดตัวไม่ยอมถอน

เวร


หัวข้อ: ดูชัดๆ ไทยยกแผ่นดินพระวิหารให้เขมร!!
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 19-06-2008, 10:13
http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9510000071917

(http://pics.manager.co.th/Images/551000007805601.JPEG)

แผนที่ A มาตราส่วน 1:10,000 เป็นแผนที่ที่เป็นทางการของไทย แสดงแนวเส้นเขตแดนฝรั่งเศส-สยามปี 1907 (Line 1) ซึ่งไทยได้โต้แย้งต่อศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2505 กับแนวเส้นเขตแดน (Line 2) ที่ไทยใช้หลักสากลยึดถือแนวสันปันน้ำเป็นหลักในการแบ่งเส้นเขตแดนและได้อ้างสิทธิอันชอบธรรมเหนืออาณาบริเวณพื้นที่สีเขียว การยกผืนดินที่ตั้งปราสาทพระวิหารให้แก่กัมพูชากำลังจะสร้างความยุ่งยากให้แก่การกล่าวอ้างอธิปไตยของไทย


ไม่ว่านายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยกับนายทหารบางคนจะพูดจะแถลงอย่างไรก็ตาม รัฐบาลกัมพูชายังคงเงียบกริบด้วยความพึงพอใจ และ สื่อในกัมพูชาได้หยุดวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างสิ้นเชิง ในกรณีปราสาทพระวิหาร
       
       สำหรับชาวไทยที่ได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับความขัดแย้งกรณีไทย-กัมพูชากรณีเขาพระวิหาร หรือ กระทั่งได้ไปเที่ยวชมปราสาทบนยอดผาแห่งนี้มาแล้วก็อาจจะมองไม่เห็นภาพว่าตรงไหนเป็นของไทย และตรงไหนตกเป็นของกัมพูชาโดยคำตัดสินของศาลระหว่างประเทศกรุงเฮกเมื่อ 46 ปีก่อน
       
       แผนที่ที่มีการตีพิมพ์เผยแพร่บนเว็บไซต์แห่งหนึ่งของกัมพูชาในตอนค่ำวันพุธ (18 มิ.ย.) ที่ผ่านมาอาจจะช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้น
       
       แม้ว่าไทยจะยอมรับคำตัดสินของศาลโลกว่า "ปราสาทพระวิหาร" ตกเป็นของกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.2505 เป็นต้นมาแต่จนกระทั่งถึงวันพฤหัสบดีที่ 19 มิ.ย.2551 นี้รวมเวลา 46 ปีกับอีก 4 วัน ประเทศไทยไม่เคยยอมรับแม้สักวันเดียวว่าผืนแผ่นดินบริเวณ "เขาพระวิหาร" รวมทั้งที่ตั้งของ "ปราสาทพระวิหาร" เป็นของประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้
       
       ประเทศไทยได้ยึดถือเอาแนว "สันปันน้ำ" อันเป็นหลักสากลที่ใช้ในการปักปันเขตแดน เป็นหลักในการโต้แย้ง
       
       อาจจะมีผู้คนจำนวนมากยังไม่เคยได้ทราบจุดยืนของไทยในเรื่องนี้ ทั้งๆ ผู้แทนของไทยได้แจ้งเรื่องนี้ต่อศาลโลกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และมีเอกสารหลักฐานปรากฏอยู่จำนวนมากในทุกวันนี้
       
       แนวสันปันน้ำหมายถึงแนวที่ลากเชื่อมโยงจุดสูงของภูเขาให้เป็นแนวแบ่งพรมแดน เส้นเขตแดนจึงออกมาตรงบ้าง คดเคี้ยวบ้างหรือกระทั่งบางประเทศออกมาเป็นรอยหยักเลยก็มี
       
       สภาพภูมิศาสตร์แนวชายแดนเขต "เขาพระวิหาร" นั้นเข้าข้างไทย เนื่องจาก "ประสาทพระวิหาร" ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงซึ่งเป็นจุด "สันปันน้ำ" เป็นจุดสูงยอดหนึ่งของแนวเขาพนมดงรัก โดยมีดินแดนกัมพูชาอยู่เบื้องล่าง
       
       เมื่อปี 2505 ศาลโลกได้ตัดสินให้ "เฉพาะปราสาทพระวิหาร" เท่านั้นตกเป็นของกัมพูชา มิใช่ผืนดิน หรือ "เขาพระวิหาร" ทั้งอาณาบริเวณ
       
       นั่นก็คือ "ปราสาทพระวิหาร" ของกัมพูชาตั้งอยู่บนผืนแผ่นดินในเขตสันปันน้ำของไทย (ดูแผนที่ A และ B)
       
       ตีความคำพิพากษาของศาลโลกแบบคำต่อคำก็คือ ปราสาทพระวิหารนั้นเป็นเสมือนศาลพระภูมิของเพื่อนบ้าน ที่ตั้งอยู่ในบนที่ดินของบ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งเจ้าของบ้านมีสิทธิ์ที่จะขออำนาจศาลสั่งให้รื้อถอนออกไป แต่ประเทศไทยก็มิได้ใช้ท่าที่เช่นนั้น เพราะมีอารยะมากกว่านั้น
       
       ด้วยข้อเท็จจริงดังกล่าว ไทยจึงสมควรมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องขอใช้ประโยชน์ "ศาลพระภูมิ" ร่วมกันได้ บนพื้นฐานที่เท่าเทียมกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ ไม่กระเทือนถึงอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของกันและกันในส่วนนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำและรัฐบาลนี้ก็เลือกที่จะไม่ทำ
       
       การเซ็นความตกลงยอมรับในเอกสาร แผนที่ และเปิดทางให้กัมพูชานำปราสาทพระวิหารเข้าจดทะเบียนเป็นมรดกโลกในวันพุธ (18 มิ.ย.) ที่ผ่านมา จึงเท่ากับเป็นการรับรองว่า เจ้าของศาลพระภูมินั้นมีสิทธิเหนือที่ดินผืนน้อยในบ้านของตัวเอง และให้สามารถนำไปจดจำนองทำประโยชน์แต่ฝ่ายเดียวได้
       
       ไม่มีใครทราบว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ซึ่ง 2-3 เดือนมานี้คอยแก้ต่างให้กับรัฐบาลกัมพูชามาตลอด มีความปรารถนาอะไรอยู่ลึกๆ ในใจ แต่ทางการกัมพูชาซึ่งโดยปรกติจะเอะอะโวยวาย ในทุกกรณีเกี่ยวกับพระวิหาร กำลังนิ่งเงียบอย่างผิดสังเกต

(http://pics.manager.co.th/Images/551000007805602.JPEG)
แผนที่ B มาตราส่วน 1:200,000 แสดงภาพรวมที่ตั้งปราสาทพระวิหารและแนวเส้นเขตแดนตามแผนที่ของฝรั่งเศสเมื่อ 100 ปีก่อน (Line 1) กับเส้นเขตแดนที่ไทยกล่าวอ้าง (Line 2) โดยยึดสันปันน้ำตามหลักสากล ไทยยืนยันการกล่าวอ้างในเรื่องนี้ตลอด 46 ปีที่ผ่านมา 
 
 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ สื่อต่างๆ ในกัมพูชาทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลยังคงฉับไวอยู่เช่นเดิม เว็บไซต์ต่างๆ จะนำข่าวคราวความเคลื่อนไหวในประเทศไทยขึ้นนำเสนอต่อผู้อ่านอย่างฉับพลันแบบเรียลไทม์ ทันทีที่พวกเขาสืบค้นเจอบนเวิลด์ไวด์เว็บ
       
       แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ ผู้อ่านพลันเงียบเสียงลงอย่างผิดสังเกต เสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลแทบจะไม่ปรากฏอีก ซึ่งสมเด็จฯ ฮุนเซน กับคณะต้องขอบคุณนายนพดล ปัทมะกับรัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายสมัคร สุนทรเวช
       
       แน่นอนรัฐบาลกัมพูชาพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของนายนพดล เพราะว่าแต่นี้เป็นต้นไปแผนการจดทะเบียนปราสาทพระวิหารไม่มีอุปสรรคขัดขวางอีกแล้ว เมื่อประเทศไทยที่เป็นคู่กรณีไม่มีข้อโต้แย้ง พวกเขายังสามารถใช้อ้างอิงได้อีกในอนาคต หากมีการนำข้อพิพาทพรมแดนกับไทยไปขึ้นศาลโลกอีกครั้ง
       
       เมื่อเดือนก่อนสื่อในกัมพูชาตีพิมพ์ข่าวกับรูปภาพอย่างใหญ่โต เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยกทีมไปตีกอล์ฟกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและผู้นำทางการเมืองกับธุรกิจอีกหลายคน ทีมของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จอมโปรเจ็ค CTX ที่อื้อฉาวรวมอยู่ด้วย
       
       สื่อในกัมพูชากล่าวว่า การไปครั้งนั้นมิใช่การไปเล่นกอล์ฟเพื่อความสนุกสนาน เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ หรือ ด้วยความคิดถึงกันระหว่างเพื่อนเก่าเท่านั้น หากแต่อดีตนายกรัฐมนตรีผู้อื้อฉาวของไทยมีแผนการ "ล่าทรัพยากร" ทั้งการเช่าที่ดิน 99 ปีกับการสูบน้ำมันในน่านน้ำอ่าวไทยอีกด้วย
       
       เป็นที่ทราบกันดีว่าสายสัมพันธ์ทางธุรกิจอันแน่นแฟ้นระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับกลุ่มธุรกิจในจีน เป็นกลไกอันสำคัญในการประสานผลประโยชน์กับกลุ่มของสมเด็จฯ ฮุนเซน ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชามาตั้งแต่ปี 2528 ทั้งฝ่ายจีนและฝ่ายไทยต่างก็มีคอนเน็คชั่นที่ดีกับคณะผู้นำในกัมพูชา
       
       เพราะฉะนั้นก็จึงเป็นเหตุอันสมควร ที่นายนพดลจะต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นที่พอใจของทางการกรุงพนมเปญ และจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อมิให้ความสัมพันธ์อันดีของสองฝ่ายถูกกระทบกระเทือน แม้กระทั่งจะต้องแลกด้วยอะไรบางอย่าง
       
       นายนพดลให้สัมภาษณ์รายการทางคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 97 เมกะเฮิรสในวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า "เวลาเป็นของกัมพูชามิใช่ของไทย" เนื่องจากฝ่ายนั้นได้ยื่นขอจดทะเบียนต่อองค์การยูเนสโกไปแล้ว ขอจึงต้องเร่งทำงานอย่างรีบด่วน

(http://pics.manager.co.th/Images/551000007805603.JPEG)
หลังจากศาลโลกได้ตัดสินให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชาในเดือน มิ.ย.2505 ในเดือนถัดมาไทยก็ได้ยื่นบันทึกต่อศาลโลกพร้อมแผนที่ฉบับนี้แสดงที่ตั้งของปราสาทพระวิหารกับบริเวณโดยรอบและเส้นเขตแดนตามแนวสันปันน้ำที่ไทยสงวนที่จะกล่าวอ้าง ภาพล่างซ้ายแสดงให้เห็นว่าไทยยอมรับให้พื้นที่แก่ปราสาทที่กว้างที่สุดเพียง 100 เมตรเท่านั้น อาณาบริเวณข้างนอกเส้นปรุเป็นพื้นที่เขตสันปันน้ำ

รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยคงจะลืมไปว่า รัฐบาลไทยซึ่งเป็นคู่กรณีมีสิทธิ์ที่จะโต้แย้งได้ทุกเมื่อ แม้กระทั่งหลังจากคณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาเสร็จสิ้น คู่กรณีก็ยังสามารถยกขึ้นมาโต้แย้งได้เช่นเดียวกัน
       
       และปราสาทพระวิหารมิใช่ศาลพระภูมิ ผืนดินที่ตั้งอยู่กับอาณาบริเวณโดยรอบก็มิใช่ที่ดินผืนเล็กมุมรั้วบ้าน
       
       ทั้งหมดเป็นผืนดินมีพื้นที่รวมกันหลายตารางกิโลเมตร และ แผ่นดิน "เขมรต่ำ" หรือ ดินแดนกัมพูชาตามหลักสากลนั้น ก็จะต้องอยู่ใต้ลงไปราว 500 เมตร ไม่ควรจะอยู่บนยอดผา
       
       ที่ตั้งของปราสาทพระวิหารทั้งอาณาบริเวณนั้นกินแนวยาวตั้งแต่หน้าผาชัน เป็นทางเดินลาดต่ำลึกเข้าไปในดินแดน "ในเขตสันปันน้ำ" ของไทยเป็นระยะทางกว่า 600 เมตร ขณะที่ประเทศไทยได้ขีดเส้นดินแดนโดยรอบปราสาทตั้งแต่บริเวณหน้าผาทั้งสองด้านให้เป็นดินแดนพิพาท (ดูแผนที่ A และ B) โดยยึดหลักสันปันน้ำ
       
       ไทยทำสิ่งนี้โดยโต้แย้งกับแนวเขตแดนที่พวกฝรั่งเศสขีดเอาไว้ให้สยามต้องยอมรับอย่างจำยอมเมื่อปี 2450 (1907) หรือ 101 ปีก่อน
       
       ถึงแม้ว่าศาลโลกในกรุงเฮกจะใช้แผนที่ฝรั่งเศส-สยามฉบับดังกล่าวอ้างอิงในการยกเขตปราสาทพระวิหารให้แก่กัมพูชา แต่ไทยก็ได้โต้แย้งเรื่องเส้นเขตแดนมาตั้งแต่ครั้งนั้น เรื่องนี้มีหลักฐานเป็นบันทึกอย่างชัดเจน
       
       กรณีปราสาทพระวิหารและดินแดนโดยรอบจึงเป็นกรณีพิพาทที่มิอาจแยกจากกันได้ และยังเป็นกรณีพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชามาตลอด 46 ปี ประเทศไทยยังคงยืนยันกรานในจุดยืนนี้มาตลอด และได้แสดงเจตนาที่พร้อมจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาเมื่อไรก็ได้
       
       น่าเสียดายอย่างยิ่งก็คือเกือบ 50 ปีที่ผ่านมาไทยยังไม่เคยมีโอกาสได้กระทำเช่นนั้น ด้วยสถานการณ์ที่ไม่อำนวย ทั้งภายในและภายนอก

(http://pics.manager.co.th/Images/551000007805604.JPEG)
แผนที่ฝรั่งเศสที่ศาลโลกกรุงเฮกใช้อ้างอิงในการตัดสินให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา แต่เป็นแผนที่ที่กำหนดเส้นพรมแดนโดยไม่ได้ยึดแนวสันปันน้ำ อันขัดต่อหลักสากลและไทยได้โต้แย้งเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2505 ประเทศไทยได้ยอมรับว่า "ปราสาทพระวิหาร" เป็นของกัมพูชา แต่ไม่เคยยอมรับอาณาบริเวณบนยอดผาและรอบๆ ว่าเป็นของประเทศนั้น ไทยได้ทำบันทึกยื่นต่อศาลระหว่างเทศยืนยันที่จะยึดแนวส้นเขตแดนตามหลักสากลโดยใช้สันปันน้ำเป็นเส้นแบ่ง

ช่วงปี 2508 จนถึงปี 2523 ภายในต้องเชิญกับการก่อการร้ายของฝ่ายคอมมิวนิสต์ และสิ่งที่แทรกซ้อนขึ้นมาในระหว่างนั้นก็คือสงครามในกัมพูชาที่มีทหารเวียดนามนับแสนอยู่ในประเทศนั้น
       
       บนเขาพระวิหารในช่วงปีนั้นเป็นที่ตั้งของกองกำลังเขมรแดงที่เป็นมิตรกับประเทศไทยทั้งทางยุทธศาสตร์และยุทธวิธี
       
       จากนั้นสถานการณ์ทางการเมืองในกัมพูชาก็เข้าสู่ความยุ่งยากมาตลอด ดังจะเห็นได้จากที่สองประเทศเพิ่งจะเริ่มเจรจาเกี่ยวกับการปักปันเขตแดนระหว่างกันเมื่อไม่กี่มานี้เอง
       
       แต่ทั้งหมดก็ไม่สามารถลบล้างจุดยืนของไทย ที่ยังคงสงวนสิทธิที่จะอ้างอธิปไตยเหนือดินแดนและโดยรอบพระวิหาร
       
       การยอมรับเอาแผนที่ที่ฝ่ายกัมพูชาร่างขึ้นมาเสนอ จึงไม่ต่างกับการยกผืนดินที่ตั้งของปราสาทให้แก่ประเทศกัมพูชาไปโดยปริยาย และกำลังจะสร้างปัญหาให้แก่การกล่าวอ้างอธิปไตยเหนือดินแดนโดยรอบตามแนวสันปันน้ำ ซึ่งเป็นสิทธิอันชอบธรรมของไทย
       
       รัฐบาลกัมพูชาสามารถนำกรณีที่ไทยยกดินแดนบนยอดผาให้ไปอ้างอิงหรือโต้แย้งกรณีพิพาทเหนือดินแดนแห่งอื่นๆ ได้เมื่อมีชาวไทยผู้รักชาติ หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นเสนอให้ศาลโลกอีกครั้งหนึ่งในวันข้างหน้า.

****************************************************







หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 19-06-2008, 10:17
ใช่ครับ เราคงคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะยืนอยู่คนละพื้นฐาน

คุณ คิดว่าเรายังไม่เสียปราสาทหินเขาวิหาร ยังฝันว่ามันยังเป็นของเรา วันนี้เราโดนโกงไป สักวันมันต้องกลับมาเป็นของเรา
ผม คิดว่าเราเสียไปเรียบร้อยแล้ว  เหมือนกระทรวงต่างประเทศตั้งเป็นพื้นฐาน ก่อนที่จะดำเนินนโยบายต่างๆ

สำหรับผม การได้ยินว่าปราสาทเขาพระวิหารยังเป็นของไทย เพราะเราสงวนสิทธิ์ไว้  แล้ว มันไม่ต่างกับ
       ได้ยินว่าเหล่า รัฐกลันตัง ตรังกานู ไทรบุรี และปริศ  ยังเป็นของไทย เพราะตอนเราเสียดินแดนส่วนนี้
        ให้อังกฤษ คงมีใคร สักคนสงวนสิทธิ์ไว้ด้วย ไม่ยอมรับ เราคงยังรอดินแดนเหล่านี้ กลับมาเป็นของไทยอยู่ ขำดีมั๊ย


ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นรัฐบาล  อย่าลืม ใส่วาระแห่งชาติ ทวงคืนเขาพระวิหารลงไปในนโยบายด้วย  หรือเอาแค่
ต่อแต่นี้ เราจะ มีนโยบายทางต่างประเทศกับประเทศกัมพูชา บนพื้นฐาน ปราสาทหินเขาพระวิหารยังเป็นของไทยอยู่
ดูซิพรรคเขาจะทำมั๊ย

  ลำดับความการประท้วงเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก

    1 ยอมไม่ได้ที่กัมพูชาจะเอาไปยื่นขอมรดกโลก เพราะยังมีที่ไทยติดอยู่มากมาย กลัวจะเสียดินแดนเพิ่ม จากการขอจดของกัมพูชา
    2. ยอมไม่ได้ที่จะเสียดินแดนของไทยเพิ่มจากปี2505 เพราะทักษิณจะเอาพื้นที่ทับซ้อนไปแลกกับสัมปะทาน ( จุดชนวนประท้วง )
    3.  เร่งรัด กระทรวงต่างประเทศเปิดแผนที่เพื่อจะดูว่า ไทยเสียดินแดนเพิ่มหรือเปล่า เขมรขอจดในที่ทับซ้อนหรือเปล่า ( เริ่มเร่งเร้าใส่พิรุธให้กระทรวงต่างประเทศ )
    4. อ้าวเปิดมา เขมรขอจดทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทจริงๆ ไม่กินที่นอกบริเวณปราสาทเลย ( อ้าวแล้วจะประท้วงเรื่องอะไรดีล่ะ )
       ( อย่ากระนั้นเลย กลับมาเล่น ประเด็น ตัวปราสาทดีกว่า  ปราสาทยังเป็นของไทย แค่ขอจดก็ผิดแล้ว ว่าแล้วก็รีบไปหาข้อมูลดีฝ่า ว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้ปราสาทเป็นของไทยอยู่ )

 :slime_smile:

ก็ดูเอาเองก็แล้วกันว่ามันน่าประท้วงไหม...ในเมื่อมีการลากเส้นยาวเหยียดกินแผ่นดินไทยไปโขหนึ่ง

เออ..แล้วไอ้ชุมชนที่ลงมาตั้งรกรากในแผ่นดินไทยก็ช่วย ๆ กันเอาออกไปด้วยนะ หรือไม่งั้นก็โอนสัญชาติมาเป็นไทยซะให้มันหมดเรื่องหมดราว


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 19-06-2008, 10:18
คุณไปยกข้อมูลอะไรมา มันก็ไม่สนหรอกครับ เพราะในใจมันมีอยู่ตัวเดียว "คุณพ่อทักษิณ"

ใครจะตายห่า ประเทศจะแตกเป็นเสี่ยง ยังไงมันก็ไม่สน มันสนอย่างเดียว เพื่อ "คุณพ่อทักษิณ"  คน***ๆพวกนี้ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงใช้กฎหมายจัดการไม่ได้หรอกครับ ไปดู อเมริกา จีน รัสเซีย เขาจัดการศัตรูต่อความมั่นคงของชาติสิ  เมืองไทยแปลกว่ะ ปล่อยพวกนี้ออกมาเพ่นพ่านไปทั่ว


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: paper punch ที่ 19-06-2008, 10:19
ที่คุณพรรณชมพูยกตัวอย่างมานี่แหละ ชัดเจนเลย

คุณmebeam ประสาทพระวิหาร กับเขาพระวิหาร นะครับ ไม่ใช่ ปราสาทเขาพระวิหาร ไม่งั้นคุณจะหลงประเด็น


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 19-06-2008, 10:22
ที่คุณพรรณชมพูยกตัวอย่างมานี่แหละ ชัดเจนเลย

คุณmebeam ประสาทพระวิหาร กับเขาพระวิหาร นะครับ ไม่ใช่ ปราสาทเขาพระวิหาร ไม่งั้นคุณจะหลงประเด็น

มันรู้ครับ มันไม่ได้โง่หรอก แต่มันแกล้งโง่ให้หลงประเด็น  ไม่ต้องไปสุภาพกับคนเลวๆพวกนี้ครับ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 10:25
คิดแบบ คนขายชาติ ย่อมคิดแตกต่างกับ คนรักชาติ

"ศาลโลกได้ตัดสินให้ "เฉพาะปราสาทพระวิหาร" เท่านั้นตกเป็นของกัมพูชา มิใช่ผืนดิน หรือ "เขาพระวิหาร" ทั้งอาณาบริเวณ
      
นั่นก็คือ "ปราสาทพระวิหาร" ของกัมพูชาตั้งอยู่บนผืนแผ่นดินในเขตสันปันน้ำของไทย"

เสมือน คุณมาสร้างบ้านบนที่ดินของฉัน  จำเป็นด้วยหรือ ที่ฉันจะต้องยกที่ดินผืนนั้นให้แก่คุณ  :slime_doubt:

ถ้าแยกเรื่องการเมืองและผลประโยชน์ของประเทศชาติไม่ออก คิดแต่จะเล่นการเมืองโดยไม่ดูผลประโยชน์ของประเทศชาติ  ก็เสียชาติเกิดจริงๆ  ลิ่วล้อลูกหาบทักษิณ ไร้สมองไร้สติปัญญาจริงๆ  อาศัยแผ่นดินไทยเกิด แต่สัญชาติชั่วนั้นแนบติดตัวไม่ยอมถอน

เวร



แล้วเวลาคุณซื้อบ้าน...คุณโอนแต่ตัวบ้านโดยไม่โอนที่ดินเหรอ? อย่ามาบิดเบือนข้อเท็จจริงหน่อยเลย ประสาทเขาพระวิหารตกเป็นของเขมรเมื่อหลายสิบปีก่อนหน้านี้แล้ว แล้วตอนนี้เขมรเค้าก็มีความชอบธรรมที่จะขอขึ้นปราสาทเป็นมรดกโลก  ไม่เห็นเกี่ยวว่าไทยเสียดินแดนใดๆเลย

และที่เอาแผนที่มากางกันน๊ะ...เป็นของจริงที่รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศเค้าเซ็นต์ตกลงไปแล้วหรือเปล่า? อย่ามาทำเนียนหาเหตุไล่รัฐบาลเลยบอกกงๆ :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: paper punch ที่ 19-06-2008, 10:26
เอาคำว่า ทักษิณ, พันธมิตร, ปชป, ลิ่วล้อการเมือง เก็บเข้าลิ้นชัก

แล้วท่องแต่คำว่า  ประเทศไทย ครับ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 19-06-2008, 10:33
คนบางจำพวก มันไม่เคยสนใจประเทศไทยหรอกค่ะ
มันคิดถึงแต่ขอให้เหลี่ยมได้ประโยชน์ก็พอ

เหล่มันยกดินแดนของไทยไปให้มันเต็ม ๆ เลยค่ะ
เป็นไปได้มั้ยคะ ที่เราจะปิดทางขึ้นลงไม่อนุญาตให้ใช้
ถอดถอนรื้อพวกบ้านเรือนของเขมรที่เข้ามาอยู่ในเขตแดนไทยออกให้หมด
ปิดทางที่จะเข้ามาถึงบันไดขึ้นลงปราสาท
ให้มันไปหาวิธีขึ้นเองเอง


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 19-06-2008, 10:36


แล้วเวลาคุณซื้อบ้าน...คุณโอนแต่ตัวบ้านโดยไม่โอนที่ดินเหรอ? อย่ามาบิดเบือนข้อเท็จจริงหน่อยเลย ประสาทเขาพระวิหารตกเป็นของเขมรเมื่อหลายสิบปีก่อนหน้านี้แล้ว แล้วตอนนี้เขมรเค้าก็มีความชอบธรรมที่จะขอขึ้นปราสาทเป็นมรดกโลก  ไม่เห็นเกี่ยวว่าไทยเสียดินแดนใดๆเลย

และที่เอาแผนที่มากางกันน๊ะ...เป็นของจริงที่รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศเค้าเซ็นต์ตกลงไปแล้วหรือเปล่า? อย่ามาทำเนียนหาเหตุไล่รัฐบาลเลยบอกกงๆ :slime_smile2:

อ้าววว มาโชว์โง่ปนงั่งอีกแล้ว  

งั้นถามมั่ง เวลาเราเช่าที่ดินเขาแล้วปลูกบ้านอยู่เอง หมายความว่าที่ดินนั้นจะตกเป็นของเราเลยหรือ  ถ้าโง่มากไปเล่นกระทู้การเมือง ไป  ตรงนี้เราคุยกันเรื่องชาติเรื่องแผ่นดิน

ขายตัวรับใช้ทักษิณ เพราะโคตรตระกูลไม่สั่งสอน ยังแค่ด่ากัน แต่ขายชาตินี่ มันต้องกระทืบกัน ไม่มีข้อยกเว้น

เด๋วโดน ๆ
 


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 10:38
คนบางจำพวก มันไม่เคยสนใจประเทศไทยหรอกค่ะ
มันคิดถึงแต่ขอให้เหลี่ยมได้ประโยชน์ก็พอ

เหล่มันยกดินแดนของไทยไปให้มันเต็ม ๆ เลยค่ะ
เป็นไปได้มั้ยคะ ที่เราจะปิดทางขึ้นลงไม่อนุญาตให้ใช้
ถอดถอนรื้อพวกบ้านเรือนของเขมรที่เข้ามาอยู่ในเขตแดนไทยออกให้หมด
ปิดทางที่จะเข้ามาถึงบันไดขึ้นลงปราสาท
ให้มันไปหาวิธีขึ้นเองเอง



ท่าทางกระหายสงครามเต็มที่...บอกไว้ก่อนเวลารบกันน๊ะ คนตจว.เค้าไปตายฟรีปล่อยให้คนกทมฯปอดแหกแบบพวกคุณเอาแต่พล่าม!!


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 19-06-2008, 10:40


"ศาลโลกได้ตัดสินให้ "เฉพาะปราสาทพระวิหาร" เท่านั้นตกเป็นของกัมพูชา มิใช่ผืนดิน หรือ "เขาพระวิหาร" ทั้งอาณาบริเวณ
      
นั่นก็คือ "ปราสาทพระวิหาร" ของกัมพูชาตั้งอยู่บนผืนแผ่นดินในเขตสันปันน้ำของไทย"
เสมือน คุณมาสร้างบ้านบนที่ดินของฉัน  จำเป็นด้วยหรือ ที่ฉันจะต้องยกที่ดินผืนนั้นให้แก่คุณ  :slime_doubt:

เวร

ผมเข้าใจแต่ว่า ประสาทพระวิหาร ตกเป็นของกัมพูชา เพราะศาลโลกเข้าใจว่ามันตั้งอยู่ในเขตแดนของประเทศกัมพูชา
ไหนคุณลองบอกซิว่าถ้าศาลโลกเชื่อว่าแผ่นดิน ที่ตั้งปราสาทเป็นของประเทศไทย แล้วเขาจะใช้เหตุผลอะไรที่ยกสิ่งก่อสร้างบนพื้นแผ่นดินนี้ให้ตกเป็นของเขมร



หัวข้อ: นพดล ปัทมะ : รมว.ต่างประเทศของไทยที่นั่งอยู่ในหัวใจคนเขมร
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 19-06-2008, 10:41
คนรุ่นพ่อ "โดนฝรั่งโกง" ได้แต่เก็บงำความโกรธแค้นไว้
พอมาถึงคนรุ่นลูก "หน้าใหญ่" ยกให้ไปหมด
มันยอมรับ "คำสั่งศาลโลก" แฝงด้วยสันดานทรยศ
แต่เมื่อถึงคราว "นายใหญ่" ของมัน กลับ "ยืนซดกับตุลาการไทย" อย่างดุเดือดเมามัน


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 19-06-2008, 10:41

ท่าทางกระหายสงครามเต็มที่...บอกไว้ก่อนเวลารบกันน๊ะ คนตจว.เค้าไปตายฟรีปล่อยให้คนกทมฯปอดแหกแบบพวกคุณเอาแต่พล่าม!!

กระหายสงครามที่ไหนไม่ทราบ
เราปิดกั้นไม่ให้เค้าเข้าแผ่นดินไทย
ผิดตรงไหน
เรามีสิทธิ์ของเราเหมือนกัน
อย่ามามั่ว



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 19-06-2008, 10:43
ผมเข้าใจแต่ว่า ประสาทพระวิหาร ตกเป็นของกัมพูชา เพราะศาลโลกเข้าใจว่ามันตั้งอยู่ในเขตแดนของประเทศกัมพูชา
ไหนคุณลองบอกซิว่าถ้าศาลโลกเชื่อว่าแผ่นดิน ที่ตั้งปราสาทเป็นของประเทศไทย แล้วเขาจะใช้เหตุผลอะไรที่ยกสิ่งก่อสร้างบนพื้นแผ่นดินนี้ให้ตกเป็นของเขมร

เขาจะใช้เหตุผลอะไร ก็ไปอ่านคำพิพากษา มาถามได้อย่างไร ถ้าไม่รู้เหตุผลว่าเขาใช้เหตุผลอะไร ก็หัดอ่านซะบ้าง ไม่ใช่เลียนายอย่างเดียว

ปราสาทเป็นของเขมร ที่ดินเป็นของไทย อยากได้ปราสาท ก็รื้อถอนไป จะเอาไปตั้งไว้ที่ไหน ก็เอาไป ที่ดินเป็นของไทย เอาคืนมา


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 10:44
อ้าววว มาโชว์โง่ปนงั่งอีกแล้ว  

งั้นถามมั่ง เวลาเราเช่าที่ดินเขาแล้วปลูกบ้านอยู่เอง หมายความว่าที่ดินนั้นจะตกเป็นของเราเลยหรือ  ถ้าโง่มากไปเล่นกระทู้การเมือง ไป  ตรงนี้เราคุยกันเรื่องชาติเรื่องแผ่นดิน

ขายตัวรับใช้ทักษิณ เพราะโคตรตระกูลไม่สั่งสอน ยังแค่ด่ากัน แต่ขายชาตินี่ มันต้องกระทืบกัน ไม่มีข้อยกเว้น

เด๋วโดน ๆ
 


ศาลโลกเค้าตัดสินไปแล้วเรื่องประสาทว่าทั้งตัวประสาทและที่ดินเป็นของเขมร...จะมามั่วว่าเฉพาะสิ่งปลูกสร้างเท่านั้นที่ตกเป็นของเขมรเหรอ!?! คุณจะมาอ้างมติครม.ปี2505เรื่อยเปื่อยที่มันไม่เป็นที่ยอมรับนานาชาติได้ไง? เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่ามาหาเรื่องเขมรแบบไร้สาระ

เวลาเค้ารบกัน...ญาติพี่น้องคุณกล้าไปตายในสนามรบไหมขอถาม!?! :slime_cool:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: เพื่อนร่วมชาติ ที่ 19-06-2008, 10:46
ใช่ครับ เราคงคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะยืนอยู่คนละพื้นฐาน

คุณ คิดว่าเรายังไม่เสียปราสาทหินเขาวิหาร ยังฝันว่ามันยังเป็นของเรา วันนี้เราโดนโกงไป สักวันมันต้องกลับมาเป็นของเรา
ผม คิดว่าเราเสียไปเรียบร้อยแล้ว  เหมือนกระทรวงต่างประเทศตั้งเป็นพื้นฐาน ก่อนที่จะดำเนินนโยบายต่างๆ

สำหรับผม การได้ยินว่าปราสาทเขาพระวิหารยังเป็นของไทย เพราะเราสงวนสิทธิ์ไว้  แล้ว มันไม่ต่างกับ
       ได้ยินว่าเหล่า รัฐกลันตัง ตรังกานู ไทรบุรี และปริศ  ยังเป็นของไทย เพราะตอนเราเสียดินแดนส่วนนี้
        ให้อังกฤษ คงมีใคร สักคนสงวนสิทธิ์ไว้ด้วย ไม่ยอมรับ เราคงยังรอดินแดนเหล่านี้ กลับมาเป็นของไทยอยู่ ขำดีมั๊ย


ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นรัฐบาล  อย่าลืม ใส่วาระแห่งชาติ ทวงคืนเขาพระวิหารลงไปในนโยบายด้วย  หรือเอาแค่
ต่อแต่นี้ เราจะ มีนโยบายทางต่างประเทศกับประเทศกัมพูชา บนพื้นฐาน ปราสาทหินเขาพระวิหารยังเป็นของไทยอยู่
ดูซิพรรคเขาจะทำมั๊ย

  ลำดับความการประท้วงเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก

    1 ยอมไม่ได้ที่กัมพูชาจะเอาไปยื่นขอมรดกโลก เพราะยังมีที่ไทยติดอยู่มากมาย กลัวจะเสียดินแดนเพิ่ม จากการขอจดของกัมพูชา
    2. ยอมไม่ได้ที่จะเสียดินแดนของไทยเพิ่มจากปี2505 เพราะทักษิณจะเอาพื้นที่ทับซ้อนไปแลกกับสัมปะทาน ( จุดชนวนประท้วง )
    3.  เร่งรัด กระทรวงต่างประเทศเปิดแผนที่เพื่อจะดูว่า ไทยเสียดินแดนเพิ่มหรือเปล่า เขมรขอจดในที่ทับซ้อนหรือเปล่า ( เริ่มเร่งเร้าใส่พิรุธให้กระทรวงต่างประเทศ )
    4. อ้าวเปิดมา เขมรขอจดทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทจริงๆ ไม่กินที่นอกบริเวณปราสาทเลย ( อ้าวแล้วจะประท้วงเรื่องอะไรดีล่ะ )
       ( อย่ากระนั้นเลย กลับมาเล่น ประเด็น ตัวปราสาทดีกว่า  ปราสาทยังเป็นของไทย แค่ขอจดก็ผิดแล้ว ว่าแล้วก็รีบไปหาข้อมูลดีฝ่า ว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้ปราสาทเป็นของไทยอยู่ )

 :slime_smile:


ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับการด่าทอคนที่เห็นต่างนะ (พวกป่วนกระทู้นั่นอีกเรื่อง)

แต่คุณนี่ทำตัวน่าโดนด่าจริง ๆ

บรรพบุรุษเรากั๊กสิทธิ์ตรงนี้ไว้ แล้วจะมีใครตายรึไง ถ้าเราจะกั๊กสิทธิ์ตรงนี้ไปอีกร้อยปีพันปี จะมีใครตายรึไง เราถึงต้องรีบสละสิทธิ์ตรงนี้


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 19-06-2008, 10:47
ผมเข้าใจแต่ว่า ประสาทพระวิหาร ตกเป็นของกัมพูชา เพราะศาลโลกเข้าใจว่ามันตั้งอยู่ในเขตแดนของประเทศกัมพูชา
ไหนคุณลองบอกซิว่าถ้าศาลโลกเชื่อว่าแผ่นดิน ที่ตั้งปราสาทเป็นของประเทศไทย แล้วเขาจะใช้เหตุผลอะไรที่ยกสิ่งก่อสร้างบนพื้นแผ่นดินนี้ให้ตกเป็นของเขมร



ใครเขายอมรับคำตัดสินกันละครับ เขาแทงกั๊กส่งจดหมายประท้วงไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
หากอ่านกระทู้นี้ซะบ้างจะรู้ว่าไทยยังมีโอกาสทวงเขาพระวิหารคืนทั้งหมด
แต่มรึงดันจะยกให้เขาไปทั้งปราสาท และบริเวณที่เขมรนั่นมันแอบขยายออกมาเอง

ไอ้ชั่ว ไอ้ขายชาติ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 10:47
กระหายสงครามที่ไหนไม่ทราบ
เราปิดกั้นไม่ให้เค้าเข้าแผ่นดินไทย
ผิดตรงไหน
เรามีสิทธิ์ของเราเหมือนกัน
อย่ามามั่ว


สิทธิแบบอันธพาลที่ต้องการรบกับเขมรไงหล่ะ....เวลาเค้ารบกันน๊ะใครตาย? คนในกทมฯหรือก็เปล่าทั้งสิ้น...โน่น รากหญ้าที่เค้าไม่รู้เรื่องรู้ราวก็มาตายแทนคนที่ยุให้รบกันเนี่ยน๊ะ!?! :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: เพื่อนร่วมชาติ ที่ 19-06-2008, 10:48

ศาลโลกเค้าตัดสินไปแล้วเรื่องประสาทว่าทั้งตัวประสาทและที่ดินเป็นของเขมร...จะมามั่วว่าเฉพาะสิ่งปลูกสร้างเท่านั้นที่ตกเป็นของเขมรเหรอ!?! คุณจะมาอ้างมติครม.ปี2505เรื่อยเปื่อยที่มันไม่เป็นที่ยอมรับนานาชาติได้ไง? เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่ามาหาเรื่องเขมรแบบไร้สาระ

เวลาเค้ารบกัน...ญาติพี่น้องคุณกล้าไปตายในสนามรบไหมขอถาม!?! :slime_cool:

ขี้ข้าคนขายชาติอย่างเอ็ง อย่าสะเออะเอาทหารที่เขารบเพื่อชาติมาอ้าง


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 19-06-2008, 10:48
 :slime_worship: :slime_worship: :slime_worship:

อนาจใจจริงๆ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 10:50
ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับการด่าทอคนที่เห็นต่างนะ (พวกป่วนกระทู้นั่นอีกเรื่อง)

แต่คุณนี่ทำตัวน่าโดนด่าจริง ๆ

บรรพบุรุษเรากั๊กสิทธิ์ตรงนี้ไว้ แล้วจะมีใครตายรึไง ถ้าเราจะกั๊กสิทธิ์ตรงนี้ไปอีกร้อยปีพันปี จะมีใครตายรึไง เราถึงต้องรีบสละสิทธิ์ตรงนี้

ก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าศาลเค้าตัดสินไปแล้ว...จะมากั๊กทำไม? กั๊กเพื่ออะไร? หรือว่าไม่ยอมรับในคำตัดสินของศาลโลก? ไม่มีใครตายหรอก..แต่ความน่าเชื่อถือของไทยมันจะหมดไปในสายตาประชาคมโลก ถ้าไทยเราไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย...ใครจะกล้าเข้ามาลงทุน!?!


เบื่อพวกกฏกูหว่ะ!!


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 19-06-2008, 10:53

สิทธิแบบอันธพาลที่ต้องการรบกับเขมรไงหล่ะ....เวลาเค้ารบกันน๊ะใครตาย? คนในกทมฯหรือก็เปล่าทั้งสิ้น...โน่น รากหญ้าที่เค้าไม่รู้เรื่องรู้ราวก็มาตายแทนคนที่ยุให้รบกันเนี่ยน๊ะ!?! :slime_doubt:

อ้าวมั่วแล้ว มั่วแล้ว
ไปไกล ๆ ไปเลย
ใครจะต้องการรบกับเขมร

แค่ต้องการปกป้องดินแดนของประเทศไทยเท่านั้นเอง

เวลามีใครมาบุกรุกบ้านคุณ คุณจะปล่อยให้เค้าเข้ามาอยู่ในบ้านคุณเฉย ๆ หรอ
มันก็ต้องไล่ออกไป ให้ไปอยู่นอกบ้านเราสิ
หรือบ้านคุณให้คนอื่นมาอยู่ในบ้านได้ด้วย

อย่าโง่ แถไปเืรื่องอื่น
อ่านไม่เข้าใจ ยังเสือกโ่ง่แถมั่วไปเรื่อย
ถ้าโง่แบบนี้อย่ามาคุยกันเลยดีกว่า ทุเรศเอ๊ยยยย

(ขออภัยพี่ ๆ เพื่อน ๆ ด้วยนะคะที่ทำให้เสียสายตา จะไม่คุยกับพวกควายแล้วค่ะ) :slime_v: :slime_v:



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 10:53
ขี้ข้าคนขายชาติอย่างเอ็ง อย่าสะเออะเอาทหารที่เขารบเพื่อชาติมาอ้าง


พวกผมเป็นฝ่ายเคารพกฏหมายทั้งในระดับประเทศและระดับโลก....พวกคุณนั่นแหล่ะที่ไม่เคารพกฏหมายใดๆแล้วยังมามั่วสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นที่เค้าปฏิบัติตามกฏหมายอีกเหรอ?


พวกทหารที่ออกรบก็เป็นพวกรากญ้าทั้งสิ้น...พวกปอดแหกที่อยู่ในกทมฯแล้วก่อเรื่องให้เกิดสงครามนี่ไม่ละอายแก่ใจบ้างเหรอครับ!?! :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 19-06-2008, 10:54

สิทธิแบบอันธพาลที่ต้องการรบกับเขมรไงหล่ะ....เวลาเค้ารบกันน๊ะใครตาย? คนในกทมฯหรือก็เปล่าทั้งสิ้น...โน่น รากหญ้าที่เค้าไม่รู้เรื่องรู้ราวก็มาตายแทนคนที่ยุให้รบกันเนี่ยน๊ะ!?! :slime_doubt:

แล้วเขมรมันเป็นลูกค้าอีันังแม่กะหรี่ของมรึงหรือ ?
จึงได้เป็นเดือดเป็นแค้นนัก


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 19-06-2008, 10:55
ก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าศาลเค้าตัดสินไปแล้ว...จะมากั๊กทำไม? กั๊กเพื่ออะไร? หรือว่าไม่ยอมรับในคำตัดสินของศาลโลก? ไม่มีใครตายหรอก..แต่ความน่าเชื่อถือของไทยมันจะหมดไปในสายตาประชาคมโลก ถ้าไทยเราไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย...ใครจะกล้าเข้ามาลงทุน!?!


เบื่อพวกกฏกูหว่ะ!!

ไอ้หัวดอเขมรเอ๊ย มึงบังอาจขนาดนี้มากล่าวหาไทยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย?  ที่ไทยส่งจดหมายประท้วง ไทยก็อยู่ในขอบเขตของกฎหมายระหว่างประเทศทุกอย่าง  ไทยไม่ได้อยู่ดีๆก็ส่งกำลังไปรุกรานเขมรไปทวงคืน  แต่มันมีคนเหียๆ อย่างไอ้เหลี่ยม ไอ้ตาเหล่ แล้วก็มึงนี่แหละที่พยายามจะพูดแทนเขมร แล้วเอาศาลโลกมาบังหน้า ไอ้หัวดอเขมร !


ปัญหานี้มันอยู่ภายในเมืองไทยเอง นั่นคือมีคนกำลังพยายามขายชาติ  จะเห็นว่าที่เขาประท้วงกัน เขาไม่ได้ไปประท้วงหน้าสถานทูตเขมร เขาไปประท้วงกันที่หน้าที่ทำงานของไอ้ตาเหล่ แล้วไอ้พวกเลวนี่มันเป็นเดือดเป็นร้อนแทนใครวะเนี่ย


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 10:57
อ้าวมั่วแล้ว มั่วแล้ว
ไปไกล ๆ ไปเลย
ใครจะต้องการรบกับเขมร

แค่ต้องการปกป้องดินแดนของประเทศไทยเท่านั้นเอง

เวลามีใครมาบุกรุกบ้านคุณ คุณจะปล่อยให้เค้าเข้ามาอยู่ในบ้านคุณเฉย ๆ หรอ
มันก็ต้องไล่ออกไป ให้ไปอยู่นอกบ้านเราสิ
หรือบ้านคุณให้คนอื่นมาอยู่ในบ้านได้ด้วย

อย่าโง่ แถไปเืรื่องอื่น
อ่านไม่เข้าใจ ยังเสือกโ่ง่แถมั่วไปเรื่อย
ถ้าโง่แบบนี้อย่ามาคุยกันเลยดีกว่า ทุเรศเอ๊ยยยย

(ขออภัยพี่ ๆ เพื่อน ๆ ด้วยนะคะที่ทำให้เสียสายตา จะไม่คุยกับพวกควายแล้วค่ะ) :slime_v: :slime_v:




ที่บอกว่าคนเขมรรุกล้ำน๊ะมันเป็นพื้นที่ที่ไทย-เขมรต่างฝ่ายต่างกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์...ซึ่งก็ต้องใช้หลักการฑูตในการเจรจา ไม่ใช่มามั่วนิ่มว่าเป็นของไทยแล้วจะใช้กำลังผลักดันคนเขมรให้ออกไป

อย่ามาใช้คำว่า 'บ้านตัวเอง' เด็ดขาดเพราะถ้าต่างฝ่ายต่างใช้คำดังกล่าวอ้าง...มันก็รบกันแน่นอน


ไปศึกษาหาความรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้ดีซะก่อน อย่าหาความเดือดร้อนให้คนส่วนใหญ่เค้าเลย กลัวบาปกลัวกรรมกันบ้างเถอะ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 10:59
แล้วเขมรมันเป็นลูกค้าอีันังแม่กะหรี่ของมรึงหรือ ?
จึงได้เป็นเดือดเป็นแค้นนัก

เห็นไหมว่าแพ้..ไม่มีเหตุผลมาโต้  ฮ่าๆ   :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: เพื่อนร่วมชาติ ที่ 19-06-2008, 10:59
ก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าศาลเค้าตัดสินไปแล้ว...จะมากั๊กทำไม? กั๊กเพื่ออะไร? หรือว่าไม่ยอมรับในคำตัดสินของศาลโลก? ไม่มีใครตายหรอก..แต่ความน่าเชื่อถือของไทยมันจะหมดไปในสายตาประชาคมโลก ถ้าไทยเราไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย...ใครจะกล้าเข้ามาลงทุน!?!


เบื่อพวกกฏกูหว่ะ!!

โชว์โง่เข้าทางตรีนอีกแล้ว ตลอดเวลาที่เรากั๊กสิทธิ์ตรงนี้ไว้ตั้งแต่ศาลโลกมีคำตัดสิน ต่างชาติไม่เข้ามาลงทุนค้าขายกับไทยเลยงั้นสิ

แล้วเรื่องรบกับเขมรน่ะ ในกระทู้นี้มีแต่เอ็งคนเดียวเท่านั้นแหละที่พูดเรื่องนี้

พวกปอดแหกใน กทม. นี่กรูไม่รู้จักว่ะ กรูรู้จักแต่ไอ้หน้าเหลี่ยมปอดแหกที่กลัวสามจังหวัดชายแดนใต้จนขี้ขึ้นหัว


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 19-06-2008, 10:59
ก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าศาลเค้าตัดสินไปแล้ว...จะมากั๊กทำไม? กั๊กเพื่ออะไร? หรือว่าไม่ยอมรับในคำตัดสินของศาลโลก? ไม่มีใครตายหรอก..แต่ความน่าเชื่อถือของไทยมันจะหมดไปในสายตาประชาคมโลก ถ้าไทยเราไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย...ใครจะกล้าเข้ามาลงทุน!?!


เบื่อพวกกฏกูหว่ะ!!

ไอ้นี่ก็มั่วโง่ๆอีกแล้ว

กั๊กไว้ก็เพราะจะเอาแผ่นดินเหลือไว้ให้ลูกหลาน
ไทยไม่ได้ใช้กำลังไปยึดมาเอาตามใจชอบ
ไทยปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่าง
ประท้วงไปแล้วก็มีสิทธิที่จะไปสู้กันในศาลอีก
มีโอกาสทวงคืนให้เป็นแผ่นดินไทยกลับมาอย่างสมภาคภูมิ

มรึงจะขายชาติก็อ้างแต่ต่างชาติไม่มาลงทุน
แล้วมือตีนมรึงไม่มีหรือไงว่ะ ถึุงต้องรอแต่ต่างชาติมาโกยเงินกลับบ้านมัน
ถ้าทำดีแล้วทำตามกฎหมายทุกอย่าง ต่างชาติไม่เข้ามาก็ช่างหัวมันสิ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 11:03
ไอ้หัวดอเขมรเอ๊ย มึงบังอาจขนาดนี้มากล่าวหาไทยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย?  ที่ไทยส่งจดหมายประท้วง ไทยก็อยู่ในขอบเขตของกฎหมายระหว่างประเทศทุกอย่าง  ไทยไม่ได้อยู่ดีๆก็ส่งกำลังไปรุกรานเขมรไปทวงคืน  แต่มันมีคนเหียๆ อย่างไอ้เหลี่ยม ไอ้ตาเหล่ แล้วก็มึงนี่แหละที่พยายามจะพูดแทนเขมร แล้วเอาศาลโลกมาบังหน้า ไอ้หัวดอเขมร !


ปัญหานี้มันอยู่ภายในเมืองไทยเอง นั่นคือมีคนกำลังพยายามขายชาติ  จะเห็นว่าที่เขาประท้วงกัน เขาไม่ได้ไปประท้วงหน้าสถานทูตเขมร เขาไปประท้วงกันที่หน้าที่ทำงานของไอ้ตาเหล่ แล้วไอ้พวกเลวนี่มันเป็นเดือดเป็นร้อนแทนใครวะเนี่ย



ที่ไทยส่งจม.ประท้วงก็เพราะเขมรเค้าจะประกาศพื้นที่ที่มันทับซ้อนกับพื้นที่ของไทยที่อ้างกรรมสิทธิ์ แต่ท้ายสุดแล้วไทย+เขมรต่างหาข้อสรุปได้ว่าเขมรจะประกาศขึ้นทะเบียนประสาทเขาพระวิหารไม่กินพื้นที่ทับซ้อน


ส่วนพื้นที่ทับซ้อนก็จะเจรจากันต่อไปว่าจะเอาอย่างไร


อย่ามามั่วข้อมูล....ขอร้องหว่ะไอ้หนู!!


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: sensei ที่ 19-06-2008, 11:03
เข้าข้างนักการเมืองชั่ว ชื่มชมยินดีกับการเสียดินแดน แล้วมาอ้างว่าเคารพกฎหมาย เหมือนไอ้นักการเมืองชั่วมันอ้างว่ามันชนะเลือกตั้งมันจะทำอะไรก็ได้

เพื่อนๆในนี้คิดว่าคนแบบนี้มันเป็นคนไทยอีกหรือเปล่าครับ ถ้าเป็นสมควรเป็นต่อไปไหม ?

คนพรรค์นี้ผมว่าแม่งน่าจะย้ายไปประเทศ เ ฮ ง ซ ว ย ที่ไม่มีอะไรเลยที่จะทำให้ภูมิใจได้ นอกจากมี อิฐหัก-กากปูนที่เอาไว้หลอก แ ด ก เงินนักท่องเที่ยว

ผมสงสัยว่าคนพรรค์นี้แม่ที่เป็นโสเภณีของมันคงรับลูกค้าต่างชาติเยอะ ความรักชาติเลยไม่มอยู่ีในสมองที่เล็กกว่าสเปิร์มสุนัขของมัน


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 11:08
โชว์โง่เข้าทางตรีนอีกแล้ว ตลอดเวลาที่เรากั๊กสิทธิ์ตรงนี้ไว้ตั้งแต่ศาลโลกมีคำตัดสิน ต่างชาติไม่เข้ามาลงทุนค้าขายกับไทยเลยงั้นสิ

แล้วเรื่องรบกับเขมรน่ะ ในกระทู้นี้มีแต่เอ็งคนเดียวเท่านั้นแหละที่พูดเรื่องนี้

พวกปอดแหกใน กทม. นี่กรูไม่รู้จักว่ะ กรูรู้จักแต่ไอ้หน้าเหลี่ยมปอดแหกที่กลัวสามจังหวัดชายแดนใต้จนขี้ขึ้นหัว


ถ้าความเชื่อของคนไทยบางคนมันถูกกฏหมายจริง...ทำไมไม่ส่งเรื่องให้ศาลโลกเค้าตัดสินหล่ะ?  หรือว่ากลัวหน้าแตกซ้ำซากก็เลยทำมาแทงกั๊กแบบไร้สติ!!  ที่ต่างชาติเค้ามาลงทุนตลอดช่วงที่ผ่านมากเพราะรัฐบาลไทยมีท่าทีปฏิบัติตามกฏหมายที่ศาลโลกเค้าตัดสินไปแล้ว หากลองรัฐบาลไทยประกาศตอนนี้ว่าไม่รับรองคำตัดสินของศาลโลกซิ...จะได้รู้ว่านรกมีจริงแค่ไหน


พูดถึงเรื่องสงคราม...ก็รู้อยู่แก่ใจว่ามีแต่รากหญ้าทั้งนั้นที่ไปตาย  พวกดีแต่เห่าแบบพวกคุณมันจะไปรู้เรื่องรู้ราวอะไรหว๊า :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: พบกันครึ่งทาง ที่ 19-06-2008, 11:10
เห็นกันยัง เอามาจากประชาไทย

โดยคุณเสรีชน

ต้องพูดตรงๆ กับคนพันธ์ร็อค ที่ว่าเรายกเขาพระวิหารให้เขมร

นี่โง่บัดซบแล้ว หัวหน้าพรรค ปชป คนเก่าไปแพ้คดีในศาลโลกกรณีพระวิหาร รายละเอียดถ้าผมเล่า คุณจะตกใจเพราะทำวิจัยเรื่องนี้มาเมื่อเกือบสามสิบปีก่อน ศาลให้เราแพ้เพราะกฎหมายปิดปาก เราจะสู้อย่างทื่อๆ เรื่องสันปันน้ำ เขมรเขารู้ทาง เขานำสืบหักล้างโยเฉพาะทางปฎิบัติของไทยที่ได้รับแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำ รวมปราสาทบนเขาพระวิหาร เราไม่ท้วง นิ่งเฉย (acquiescence) และกรมดำรงชอบ ปวศ เสด็จไปเขาพระวิหาร ฝรั่งเศสไปต้อนรับ ชักธงชาติฝรั่งเศส ร้องเพลงชาติ ฝรั่งเศส เรานิ่งอีก
ศาลโลกถือหลักว่า เรายอมรับมาตลอดว่าพระวิหารเป็นของฝรั่งเศส ซึ่งกัมพูชาได้สืบสิทธิมาจากฝรั่งเศส หลักกฎหมายปิดปาก เป็นหลัก equity หรือความยุติธรรมในคดี ตอนนั้น ไทยมีโอกาสสืบแก้ถึงอิทธิพลจักรวรรดินิยม นิ่งเพราะความกลัวเสียเอกราชไม่ถือเป็นการยอมรับได้ แต่หัวหน้าพรรค ปชป คนเก่า ไม่สืบ เพราะคิดจะเล่นทางเดียวคือ สนธิสัญญา และแผนที่ นี่คือ การสู้คดีตามแบบ ก็เข้าทางกัมพูชาเลย สรุปคือ คดีนี้ เขาใช้หลักความยุติธรรมมาหักล้างสนธิสัญญา ซึ่งเป็นข้อยกเว้น ไม่ใช่หลักในกฎหมายระหว่างประเทศ พูดง่ายๆ คือ ใช้หลักความสุจริตในกฎหมายแพ่งมาชี้ว่าเราไม่สุจริตในคดีนั่นเอง
พอแพ้ออกมาโวยว่า ไทยสงวนสิทธิร้อยปี พันปี อุย ฟังดูเข้าท่า แต่ทางกฎหมายตะติ้งโหน่ง

มันไม่มีในหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ศาลโลกไม่มีฎีกากลับคำพิพากษาศาลโลกนะครับ ถ้าเราไม่ยอมรับไม่ขึ้นศาลตั้งแต่ต้นก็ทำได้ แต่เราเลือกจะสู้คดีเอง เท่ากับยอมรับอำนาจของศาล จึงช่วยไม่ได้ สหรัฐ อิหร่านหรือหลายประเทศ แพ้คดีสืบฝ่ายเดียวในศาลโลก ก็บังคับไม่ได้ เพราะไม่มีมาตรการบังคับ อย่างมากก็ถูกตราหน้าจากประชาคมระหว่างประเทศว่าไม่เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ

แต่นี่ พรรค ปชป ร่วมกับทหารเผด็จการทำเสียเมืองแล้วมาโวยวายจะเอาปราสาทคืน ก็ตอนพลเอกเปรมเป็นนายกทำไมไม่บุกยึดคืนล่ะ สุรยุทธ์ เด็กปั้นเปรมก็ไม่สู้ ไม่แตะเลย
พอรัฐบาลพลเรือนมา กลัวเขาจะเก่งกว่าเปรม ทำงานสี่เดือน ไอเอมเอฟออกมาชม ก็เลยหาทางทำลายรัฐบาลประชาชนจากม็อบแค่ห้าพันคน มันไม่ง่ายไปหรือ
จะกุข่าวรักชาติ เสียอธิปไตยแบบเดียวกับตอนล้มทักษิณ กุข่าวว่าเสียทะเลให้เขมร คนที่เชื่อก็คงมีแต่คนโง่ครับ
จะยุให้สองประเทศรบกัน รัฐบาลอ่อนแอ ทหารเปรมออกมารัฐประหารหรือ ผมไม่โง่หรอก ถ้าเอาแบบนั้น เดี๋ยวให้อเมริกันตั้งฐานทัพในไทยเลยเป็นอันว่า ทหารจะได้ไม่กล้าออกมาล้มสมัคร ดีไหมนี่

แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2008-06-19 10:30:56


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 11:11
ไอ้นี่ก็มั่วโง่ๆอีกแล้ว

กั๊กไว้ก็เพราะจะเอาแผ่นดินเหลือไว้ให้ลูกหลาน
ไทยไม่ได้ใช้กำลังไปยึดมาเอาตามใจชอบ
ไทยปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่าง
ประท้วงไปแล้วก็มีสิทธิที่จะไปสู้กันในศาลอีก
มีโอกาสทวงคืนให้เป็นแผ่นดินไทยกลับมาอย่างสมภาคภูมิ

มรึงจะขายชาติก็อ้างแต่ต่างชาติไม่มาลงทุน
แล้วมือตีนมรึงไม่มีหรือไงว่ะ ถึุงต้องรอแต่ต่างชาติมาโกยเงินกลับบ้านมัน
ถ้าทำดีแล้วทำตามกฎหมายทุกอย่าง ต่างชาติไม่เข้ามาก็ช่างหัวมันสิ



กั๊กพ่อกั๊กแม่มึงซิไอ้ควาย...หนอยแน่    ถ้ามึงคิดว่าไทยถูกต้อง...ไม่ต้องกั๊กหรอกหว่ะ...ส่งศาลโลกให้ตัดสินเลยซิโว้ยเฮ้ย  อย่ามัวแต่เห่าส่งเดชว่ากั๊ก  กั๊กพ่อกั๊กแม่มึงซิ!! :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 19-06-2008, 11:15
ยังจำเหตุการณ์ช่วงที่คนไทยเดินประท้วงกรณีเขาพระวิหาร มีการเรี่ยไรให้คนไทย
ช่วยกันคนละบาท เพื่อที่จะได้สมทบทุนเป็นค่าทนาย ถ้าจำไม่ผิด หม่อมเสนีย์ ปราโมชเป็นทนายไปแก้ต่างที่ศาลโลก
ใชช่วงนั้นมีเพลงเขาพระวิหาร
   "ขี้ตู่กลางนา ขี้ตาตุ๊กแก เป็นของขะแมร์แล้วทำไมมาขึ้นทางไทย" ตอนนั้นผมยังเด็กและได้ไปร่วมขบวนกับเขาด้วย
เลยจำเพลงนี้ได้....เอิ้กกกกก
   พอโตขึ้นมาอีกหน่อย ถึงได้หันมาศึกษาประวัติศาสตร์ทางการเมืองของไทย ก็พอจะทราบว่า ที่เราแพ้ เพราะ
มันมีฝรั่งเศสหนุนหลังประเทศเขมรอยู่  เราแพ้เพราะนโยบายการต่างประเทศของเรายังอ่อนด้อยกว่าเขา
    แต่มาคราวนี้ นายนภดล ทนายหน้าหอ มันงุบงิบเอาไปทำเสียเอง เรื่องสำคัญแบบนี้ มันไม่มีสิทธิทำเองโดยพละการ
ถึงมันจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ตาม
    แล้วเป็นไง ไปๆมาๆก็หนีไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์ของพ่อมันอีกจนได้...........เอิ้กกกกกก


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 19-06-2008, 11:17
ก่อนหน้านี้ จะเล่นประเด็น กลัวจะเสียดินแดนเพิ่มเติมบริเวณรอบๆปราสาท

แต่วันนี้ทุกคน จะเล่นแต่ กรณีสิทธิ์ในปราสาท 
ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เห็นมีใคร ออกมาบอกเลย ว่าค้านเขมรขึ้นทะเบียนเพราะ เราหวังว่าจะได้ตัวปราสาทคืนในสักวัน
จุดให้เป็นประเด็นดังๆระดับประเทศไปเลย ว่าประเทศไทยค้าน เพราะเราหวังจะเอาปราสาทคืน

หรือเราอ้างเพื่อแค่ จุดกระแสใช้โจมตีกัน ไม่ได้หวังว่ามันจะกลับมาจริงๆ :slime_smile:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 11:18
เข้าข้างนักการเมืองชั่ว ชื่มชมยินดีกับการเสียดินแดน แล้วมาอ้างว่าเคารพกฎหมาย เหมือนไอ้นักการเมืองชั่วมันอ้างว่ามันชนะเลือกตั้งมันจะทำอะไรก็ได้

เพื่อนๆในนี้คิดว่าคนแบบนี้มันเป็นคนไทยอีกหรือเปล่าครับ ถ้าเป็นสมควรเป็นต่อไปไหม ?

คนพรรค์นี้ผมว่าแม่งน่าจะย้ายไปประเทศ เ ฮ ง ซ ว ย ที่ไม่มีอะไรเลยที่จะทำให้ภูมิใจได้ นอกจากมี อิฐหัก-กากปูนที่เอาไว้หลอก แ ด ก เงินนักท่องเที่ยว

ผมสงสัยว่าคนพรรค์นี้แม่ที่เป็นโสเภณีของมันคงรับลูกค้าต่างชาติเยอะ ความรักชาติเลยไม่มอยู่ีในสมองที่เล็กกว่าสเปิร์มสุนัขของมัน


เอาอีกแล้วพวกกฏเถื่อนเอ๊ย...จะหาทางลากไทยให้เป็นประเทศเถื่อนโดยไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาลโลก  ท่าจะบ้า!!  อยากเป็นเหมือนพม่าเหรอ? ถ้าไทยไม่ยอมรับในกติกาและผลตัดสินของศาลโลก ใครที่ไหนจะมาคบด้วย?

จะมาทำแอ๊คอ๊าทเล่นบทขี้แพ้ชวนตีน๊ะ...คนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ไม่ยอมอยู่แล้ว จะชุมนุมหาเรื่องไล่รัฐบาลก็น่าจะหาเรื่องการโกงกินมากกว่าจะหาเรื่องพาประเทศชาติเสี่ยงกับภาวะสงครามแบบนี้น๊ะ


เออ...ถ้ามีหลักประกันว่าญาติพี่น้องของคนที่คัดค้านการกระทำของรัฐบาลไทยพร้อมจะออกรบกับเขมร(หากเกิดสงครามจริง)...จะไม่ว่าอะไรเลยพับผ่าซิ!! :slime_mad:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 19-06-2008, 11:18

กั๊กพ่อกั๊กแม่มึงซิไอ้ควาย...หนอยแน่    ถ้ามึงคิดว่าไทยถูกต้อง...ไม่ต้องกั๊กหรอกหว่ะ...ส่งศาลโลกให้ตัดสินเลยซิโว้ยเฮ้ย  อย่ามัวแต่เห่าส่งเดชว่ากั๊ก  กั๊กพ่อกั๊กแม่มึงซิ!! :slime_smile2:

กรั๊กๆๆๆ ลูกไอ้ขอทาน ลูกอีกะหรี่
กระสันอยากขายชาติ อยากให้แผ่นดินไทยเป็นของชาติอื่น
ไม่เข้าใจว่าแทงกั๊กทำไม รีบๆเข้ามาดูกันเร๊วววววววววววววววว
 :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 19-06-2008, 11:21
ก่อนหน้านี้ จะเล่นประเด็น กลัวจะเสียดินแดนเพิ่มเติมบริเวณรอบๆปราสาท

แต่วันนี้ทุกคน จะเล่นแต่ กรณีสิทธิ์ในปราสาท 
ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เห็นมีใคร ออกมาบอกเลย ว่าค้านเขมรขึ้นทะเบียนเพราะ เราหวังว่าจะได้ตัวปราสาทคืนในสักวัน
จุดให้เป็นประเด็นดังๆระดับประเทศไปเลย ว่าประเทศไทยค้าน เพราะเราหวังจะเอาปราสาทคืน

หรือเราอ้างเพื่อแค่ จุดกระแสใช้โจมตีกัน ไม่ได้หวังว่ามันจะกลับมาจริงๆ :slime_smile:

ตกลงว่าไม่ได้อ่านเอาแต่เลีย หรืออ่านบ้างข้ามบ้างครับเลยไม่เห็นประเด็นข้างต้น
เขาพูดกันมาแต่แรก ขุดกันมาตั้งหลายรอบแล้ว
แต่ไอ้ทนายเหล่นั่น มีแต่กรอกหูชาวบ้านว่าไม่เสียดินแดนอยู่คนเดียว
 :slime_slapped: :slime_slapped: :slime_slapped:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: เพื่อนร่วมชาติ ที่ 19-06-2008, 11:24
เห็นกันยัง เอามาจากประชาไทย

โดยคุณเสรีชน

ต้องพูดตรงๆ กับคนพันธ์ร็อค ที่ว่าเรายกเขาพระวิหารให้เขมร

นี่โง่บัดซบแล้ว หัวหน้าพรรค ปชป คนเก่าไปแพ้คดีในศาลโลกกรณีพระวิหาร รายละเอียดถ้าผมเล่า คุณจะตกใจเพราะทำวิจัยเรื่องนี้มาเมื่อเกือบสามสิบปีก่อน ศาลให้เราแพ้เพราะกฎหมายปิดปาก เราจะสู้อย่างทื่อๆ เรื่องสันปันน้ำ เขมรเขารู้ทาง เขานำสืบหักล้างโยเฉพาะทางปฎิบัติของไทยที่ได้รับแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำ รวมปราสาทบนเขาพระวิหาร เราไม่ท้วง นิ่งเฉย (acquiescence) และกรมดำรงชอบ ปวศ เสด็จไปเขาพระวิหาร ฝรั่งเศสไปต้อนรับ ชักธงชาติฝรั่งเศส ร้องเพลงชาติ ฝรั่งเศส เรานิ่งอีก
ศาลโลกถือหลักว่า เรายอมรับมาตลอดว่าพระวิหารเป็นของฝรั่งเศส ซึ่งกัมพูชาได้สืบสิทธิมาจากฝรั่งเศส หลักกฎหมายปิดปาก เป็นหลัก equity หรือความยุติธรรมในคดี ตอนนั้น ไทยมีโอกาสสืบแก้ถึงอิทธิพลจักรวรรดินิยม นิ่งเพราะความกลัวเสียเอกราชไม่ถือเป็นการยอมรับได้ แต่หัวหน้าพรรค ปชป คนเก่า ไม่สืบ เพราะคิดจะเล่นทางเดียวคือ สนธิสัญญา และแผนที่ นี่คือ การสู้คดีตามแบบ ก็เข้าทางกัมพูชาเลย สรุปคือ คดีนี้ เขาใช้หลักความยุติธรรมมาหักล้างสนธิสัญญา ซึ่งเป็นข้อยกเว้น ไม่ใช่หลักในกฎหมายระหว่างประเทศ พูดง่ายๆ คือ ใช้หลักความสุจริตในกฎหมายแพ่งมาชี้ว่าเราไม่สุจริตในคดีนั่นเอง
พอแพ้ออกมาโวยว่า ไทยสงวนสิทธิร้อยปี พันปี อุย ฟังดูเข้าท่า แต่ทางกฎหมายตะติ้งโหน่ง

มันไม่มีในหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ศาลโลกไม่มีฎีกากลับคำพิพากษาศาลโลกนะครับ ถ้าเราไม่ยอมรับไม่ขึ้นศาลตั้งแต่ต้นก็ทำได้ แต่เราเลือกจะสู้คดีเอง เท่ากับยอมรับอำนาจของศาล จึงช่วยไม่ได้ สหรัฐ อิหร่านหรือหลายประเทศ แพ้คดีสืบฝ่ายเดียวในศาลโลก ก็บังคับไม่ได้ เพราะไม่มีมาตรการบังคับ อย่างมากก็ถูกตราหน้าจากประชาคมระหว่างประเทศว่าไม่เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ

แต่นี่ พรรค ปชป ร่วมกับทหารเผด็จการทำเสียเมืองแล้วมาโวยวายจะเอาปราสาทคืน ก็ตอนพลเอกเปรมเป็นนายกทำไมไม่บุกยึดคืนล่ะ สุรยุทธ์ เด็กปั้นเปรมก็ไม่สู้ ไม่แตะเลย
พอรัฐบาลพลเรือนมา กลัวเขาจะเก่งกว่าเปรม ทำงานสี่เดือน ไอเอมเอฟออกมาชม ก็เลยหาทางทำลายรัฐบาลประชาชนจากม็อบแค่ห้าพันคน มันไม่ง่ายไปหรือ
จะกุข่าวรักชาติ เสียอธิปไตยแบบเดียวกับตอนล้มทักษิณ กุข่าวว่าเสียทะเลให้เขมร คนที่เชื่อก็คงมีแต่คนโง่ครับ
จะยุให้สองประเทศรบกัน รัฐบาลอ่อนแอ ทหารเปรมออกมารัฐประหารหรือ ผมไม่โง่หรอก ถ้าเอาแบบนั้น เดี๋ยวให้อเมริกันตั้งฐานทัพในไทยเลยเป็นอันว่า ทหารจะได้ไม่กล้าออกมาล้มสมัคร ดีไหมนี่

แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2008-06-19 10:30:56


อ่านความเห็นนี้แล้วนึกถึงภาพที่เห็นในโต๊ะศุภชลาสัย ขอฝากให้เจ้าของความเห็นเป็นพิเศษ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: sensei ที่ 19-06-2008, 11:30
เห็นมีแต่ไอ้ลูกกระหรี่ชายแดนที่บ้าพูดแต่เรื่องสงคราม

ไทยมีสิทธิืที่จะไม่ยอมรับผลการตัดสินแบบนี้ และเรียกร้องให้พิจารณาใหม่ ไม่ใช่เอะอะก็รบ เอะอะก็ตีกัน คงมีแต่ในซ่องที่แม่ของไอ้ลูกกระหรี่นี่ทำงานเท่านั้นมั้งที่่ทำกัน

จำเป็นไหมว่าผลครั้งแรกออกมาเป็นอย่างไรแล้วต้องยอมรับตามนั้น ถ้าควรเป็นแบบนั้นการพิจารณาความในโลกนี้ไม่ว่าเรื่องอะไร มีศาลชั้นต้นอย่างเดียวก็พอสิ

และผลการตัดสินที่ออกมาก็ไม่ใช่ว่าเป็นเอกฉันท์ ( 7 ต่อ 5 ถ้าจำไม่ผิด)

ที่เราแพ้ก็น่าจะเป็นเพราะ "นายเก่า" ยังไงก็ต้องช่วย "ขี้ข้าเก่า" และช่วยให้ผลออกมาเป็นแบบนี้


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 11:35
เห็นมีแต่ไอ้ลูกกระหรี่ชายแดนที่บ้าพูดแต่เรื่องสงคราม

ไทยมีสิทธิืที่จะไม่ยอมรับผลการตัดสินแบบนี้ และเรียกร้องให้พิจารณาใหม่ ไม่ใช่เอะอะก็รบ เอะอะก็ตีกัน คงมีแต่ในซ่องที่แม่ของไอ้ลูกกระหรี่นี่ทำงานเท่านั้นมั้งที่่ทำกัน

จำเป็นไหมว่าผลครั้งแรกออกมาเป็นอย่างไรแล้วต้องยอมรับตามนั้น ถ้าควรเป็นแบบนั้นการพิจารณาความในโลกนี้ไม่ว่าเรื่องอะไร มีศาลชั้นต้นอย่างเดียวก็พอสิ

และผลการตัดสินที่ออกมาก็ไม่ใช่ว่าเป็นเอกฉันท์ ( 7 ต่อ 5 ถ้าจำไม่ผิด)

ที่เราแพ้ก็น่าจะเป็นเพราะ "นายเก่า" ยังไงก็ต้องช่วย "ขี้ข้าเก่า" และช่วยให้ผลออกมาเป็นแบบนี้


ตกลงกำลังจะบอกว่าไทยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลก?  เอาตรงนี้ให้ชัดซิ!!


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: sensei ที่ 19-06-2008, 11:39
อังคารหน้าค่อยรู้แล้วกัน  :slime_cool:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 11:40
มันส์มือมันเท้าจริงๆหว่ะ...นานๆจะได้ทีขยี้เหยื่อในเว๊บนี้แบบจั๋งหนั๊บ!!  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: sanskritshower ที่ 19-06-2008, 11:41

ตกลงกำลังจะบอกว่าไทยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลก?  เอาตรงนี้ให้ชัดซิ!!

สำหรับผมนะ  ผมไม่ยอมรับ แต่เมื่อเป็นคำสั่งศาลผมก็ต้องปฏิบัติตาม

แล้วคุณล่ะ TLE คุณดีใจกับคำสั่งศาลโลกในกรณีนี้หรือ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 19-06-2008, 11:43
เอ..มันกำลังจะกลายเป็นคนละเรื่องเดียวกันเข้าไปทุกทีแล้วนะ

ที่คนศรีสะเกษ..พูดกันอยู่ตอนนี่ คือ ตั้งแต่บันไดขั้นที่ 162(ลานนาคราช) ลงมาจนถึงเชิงเขาเป็นแผ่นดินของไทย

โดยมีพื้นฐานมาจากเมื่อปี 2505 หลังศาลโลกมีคำพิพากษาให้ปราสาทพระวิหาร(ยืนยันว่า..ปราสาทพระวิหาร ไม่ใช่ "เขาพระวิหาร")เป็นของกัมพูชา

"ขุนชัย ชโนปกิตต์" ตำแหน่งปลัดขวา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับคำสั่งจากผู้หลักผู้ใหญ่ใน กทม. ให้นำราษฎรในพื้นที่ไปทำการปักปันแนวเขตบนเขาพระวิหาร โดยใช้หลักไม้แก่นที่หาได้มาทำเป็นเสาและใช้ลวดหนามขึงกั้นตลอดแนว ทั้งนี้ทำแนวรั้วกั้นเฉพาะด้านขวามือของปราสาทพระวิหาร(หันหน้าขึ้นเขา)ห่างจากตัวปราสาทหลังที่ 1 - 4 ประมาณ 20 เมตร

แนวรั้วที่เป็นเส้นกั้นเขตแดนด้านหน้าปราสาทอยู่บริเวณเชิงลานนาคราช คือ บนบันไดขั้นที่ 162

ดังนั้นนับจากบันไดขั้นที่ 162 ลงมาจนถึงเชิงเขาจึงเป็นของไทยทั้งหมด ประตูนี้มีตั้งแต่ปี 2505 เป็นต้นมาจนถึงปี 2542 เมื่อมีการเปิดเขาพระวิหารเป็นแหล่งท่องเที่ยวร่วมระหว่างไทย - กัมพูชา ฝ่ายกัมพูชาได้รื้อถอนรั้วออกแล้วนำลงมาไว้ที่เชิงเขาใกล้กับบันไดทางขึ้นขั้นที่ 1 แล้วก็นำเอาราษฎรชาวกัมพูชาที่เดิมเคยอยู่บริเวณปราสาทหลังที่ 2 ลงมาสร้างชุมชนในบริเวณใกล้เคียงกันด้วย

เรื่องนี้ฝ่ายทหารรายงานให้รัฐบาลไทยทราบและทำการประท้วงให้รัฐบาลกัมพูชารื้อถอนชุมชนและย้ายราษฎรออกไปมาตลอด แต่ไม่เคยได้รับความสนใจทั้งจากรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา

หนำซ้ำพอมาในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณฯ ยังมีการไปทำข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลกัมพูชา ในความร่วมมือกันเพื่อพัฒนาปราสาทพระวิหารซะอีก

พอมีกระแสข่าวว่ากัมพูชาจะขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก คนศรีสะเกษจึงต้องการให้มีการอพยพชาวกัมพูชาและชุมชนชาวกัมพูชาออกไปเสียจากแผ่นดินไทย พร้อมกับรื้อประตูกั้นที่ฝ่ายกัมพูชายกลงมาไว้บริเวณเชิงเขากลับขึ้นไปไว้ที่เดิม

เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้เรามีโอกาสที่จะเสียดินแดนให้กับฝ่ายกัมพูชาเพิ่มเติมอีกนอกเหนือจากที่เสียไปแล้วก่อนหน้านี้

แต่แทนที่นายนพดลฯ จะฟังเสียงทัดทานคัดค้านกลับดันทุรังไปยอมรับแผนผังที่ฝ่ายกัมพูชานำเสนอ ซึ่งลากยาวลงมาจนถึงเชิงเขา ซึ่งเท่ากับว่าเรายินยอมยกดินแดนให้กัมพูชา

เรื่องการปักปันเขตแดนปราสาทพระวิหารหลังคำพิพากษาของศาลโลก ปัจจุบันคนที่ไปช่วยทำและยังมีชีวิตอยู่ คือ นายวินัย หรือเก๋ ไชยะเดชะ อายุ 76 ปี อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วน จ.ศรีสะเกษ ลูกชายขุนชัยฯ หลายวันก่อนเห็น NBT ไปสัมภาษณ์ ระหว่างที่ลุงเก๋กำลังจะชี้จุดที่ตั้งของประตูเก่า แม่ก็เล่นตัดภาพข่าวทิ้งไปดื้อ ๆ

"คนศรีสะเกษ"ไม่คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร แต่ต้องการให้กัมพูชาอพยพคนของตัวเองออกจากแผ่นดินไทยก่อนแล้วค่อยไปทำ ไม่ใช่คนกัมพูชายังเต็มพรืดอยู่ในแผ่นดินไทยอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

เอ้า..เข้าใจซะให้ตรงกัน

แต่ที่แน่ ๆ งานนี้นายพนพดลฯ เสียค่าโง่ยกแผ่นดินไทยให้กัมพูชาไปแล้วเรียบร้อย นับจากวันที่ยอมรับแผนผังของฝ่ายกัมพูชา


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: sensei ที่ 19-06-2008, 11:45
 :slime_bigsmile:

 :slime_v:

มันนอนหลับได้ไงน้อ ทุกวันนี้


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: saopao ที่ 19-06-2008, 11:46
อ้างถึง
ยังจำเหตุการณ์ช่วงที่คนไทยเดินประท้วงกรณีเขาพระวิหาร มีการเรี่ยไรให้คนไทย
ช่วยกันคนละบาท เพื่อที่จะได้สมทบทุนเป็นค่าทนาย ถ้าจำไม่ผิด หม่อมเสนีย์ ปราโมชเป็นทนายไปแก้ต่างที่ศาลโลก
ใชช่วงนั้นมีเพลงเขาพระวิหาร
   "ขี้ตู่กลางนา ขี้ตาตุ๊กแก เป็นของขะแมร์แล้วทำไมมาขึ้นทางไทย" ตอนนั้นผมยังเด็กและได้ไปร่วมขบวนกับเขาด้วย
เลยจำเพลงนี้ได้....เอิ้กกกกก
คนรุ่นก่อนเค้าพยายามกันจะรักษาดินแดนอธิปไตยไทยไว้ให้ได้

แต่คนรุ่นนี้กลับเห็นดีเห็นงามที่จะยกดินแดนให้คนอื่น เพียงเพราะว่า ... คนที่ตัวเองเชียร์เป็นคนดำเนินการ...  


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 19-06-2008, 11:49
ตกลงว่าไม่ได้อ่านเอาแต่เลีย หรืออ่านบ้างข้ามบ้างครับเลยไม่เห็นประเด็นข้างต้น
เขาพูดกันมาแต่แรก ขุดกันมาตั้งหลายรอบแล้ว
แต่ไอ้ทนายเหล่นั่น มีแต่กรอกหูชาวบ้านว่าไม่เสียดินแดนอยู่คนเดียว
 :slime_slapped: :slime_slapped: :slime_slapped:


แล้ว พวกไหนที่ขอแผนที่ดู  ที่บอกให้รีบเปิดแผนที่ที่เจรจาไว้ทั่งคนในบอร์ด  รวมทั้งพันธมิตร

ถ้ายึดในหลักการหวังในปราสาท ต้อง ค้านอย่างเดียว ห้ามจดทะเบียนเลย ปราสาทเราสงวนไว้แล้วเห็นมีแต่จะดูแผนที่ ว่าล้ำเราหรือเปล่า


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: BeastGuy ที่ 19-06-2008, 12:06
ขอดูแผนที่ของนายทนายหน้าหอหน่อยครับ
ใครใจดีแบ่งปันให้หน่อย
จะได้เอามาเปรียบเทียบกับของเก่า


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 19-06-2008, 12:12
ขอดูแผนที่ของนายทนายหน้าหอหน่อยครับ
ใครใจดีแบ่งปันให้หน่อย
จะได้เอามาเปรียบเทียบกับของเก่า
ผมเอาใส่ไว้ให้แล้วนี่นา ลองดูที่หน้าแรกนะครับ ไอ้แผนผังนั้นแหละของจริงเลย


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 19-06-2008, 12:15

แล้ว พวกไหนที่ขอแผนที่ดู  ที่บอกให้รีบเปิดแผนที่ที่เจรจาไว้ทั่งคนในบอร์ด  รวมทั้งพันธมิตร

ถ้ายึดในหลักการหวังในปราสาท ต้อง ค้านอย่างเดียว ห้ามจดทะเบียนเลย ปราสาทเราสงวนไว้แล้วเห็นมีแต่จะดูแผนที่ ว่าล้ำเราหรือเปล่า


เรื่องนี้มันมีสองส่วนไงครับ...

ส่วนแรก คือเราสงวนสิทธิ์ในเขตแดนไทยตามแนวสันปันน้ำ
ซึ่งเราต้องยืนยันให้มั่นคง

ผมยกตัวอย่างแล้วว่าเรื่องนี้ก็เหมือนกับกรณีเกาะไต้หวัน
ที่ผ่านมาถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาพอๆ กับคดีประสาทพระวิหาร
จะเห็นว่าเกาะไต้หวันก็มีรัฐบาลของตัวเอง มีธงตัวเอง
มีการเลือกตั้งเอง อะไรทุกอย่าง ซึ่งจีนก็ปล่อยให้ทำ

แต่จีนก็ยังสงวนสิทธิ์เหนือเกาะไต้หวันมาจนถึงปัจจุบันนี้
ซึ่งถ้าไต้หวันประกาศแข็งกร้าวเมื่อไหร่จีนก็จะคัดค้านเสมอ

เมื่อ 20 ปีก่อน ถามว่ามีใครเคยคิดบ้างว่าไต้หวันจะมีสิทธิ์
กลับไปรวมกับประเทศจีน แต่ตอนนี้มีคนมั่นใจว่าจะรวมกัน

ในทางการทูตถ้าตอบ yes จะหมายถึง may be
และถ้าตอบไว้ว่า may be จะหมายถึง no นะครับ
ไม่มีใครโง่ไปตอบ yes แล้วยืนยันว่าหมายถึง yes
ไม่ว่าจะเป็นกับคำสั่งศาลโลกหรืออะไรก็เหมือนกัน
เพราะเราเป็น "ประเทศ" ไม่ใช่ "บุคคล"

เพิ่งจะมีรัฐบาลระยะหลังมานี้ ไปยึดงานทูตมาทำเอง
จนนโยบายต่างประเทศที่ทำมาหลายปีเละเทะหมด

การที่ไทยประกาศสงวนสิทธิ์ไปเรื่อยๆ มันไม่มีปัญหาอะไร
ที่มีปัญหาคือ นโยบายต่างประเทศ ของรัฐบาลนี้ต่างหาก

..ไม่นับข้อกล่าวหาว่าโง่จริงหรือแกล้งโง่..

...

ส่วนที่ 2 คือที่เราอนุโลมให้เขมรหลังคำตัดสินของศาลโลก
ว่าเขมรได้รับการอนุโลมไว้อย่างไร ซึ่งก็คือการจำกัดพื้นที่
การใช้ประโยชน์ของเขมร และปัญหาที่ผ่านมาคือเขมรเอง
รุกล้ำเกินเลยมาตลอด มั่วนิ่มเหมือนกับกรณีฝรั่งเศสตั้งค่าย

ดังนั้นเราถึงต้องระวัง เพราะหากได้โอกาสก็คงอ้างมุกเดิม
ว่าทำแล้วไทยไม่คัดค้าน ตอนนี้ก็ยังมีปัญหาถูกรุกล้ำอยู่
และเราควรดำเนินการทักท้วงแก้ไขเสมอ
เรื่องนี้จึงมี 2 ส่วนเห็นชัดๆ อย่าแกล้งไม่เข้าใจสิครับ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 19-06-2008, 12:16
ผมเอาใส่ไว้ให้แล้วนี่นา ลองดูที่หน้าแรกนะครับ ไอ้แผนผังนั้นแหละของจริงเลย
ที่ผมยกมานี่แหละที่ทนายหน้าหอเอาไปแถลงข่าวเมื่อวาน(18 มิ.ย.51)
จงร้องไห้..ให้น้ำตาท่วมแผ่นดิน..เมื่อคนจั***ยกแผ่นดินไทยให้ต่างชาติ(http://img244.imageshack.us/img244/5580/26317912gj1.png)
นี่เป็นภาพแผนผังปราสาทพระวิหารซึ่งเป็นภาคผนวกท้ายคำร้องที่ฝ่ายกัมพูชายื่นต่อศาลโลก  
(http://img244.imageshack.us/img244/1220/36264996wf9.gif)
แผนผังใหม่ที่กัมพูชาทำขึ้นและนายนพดลฯบอกไทยไม่เสียดินแดน ลักษณะลากเส้นยาวจากเป้ยตาดีลงไปจนถึงเชิงเขาบริเวณร้านค้าและชุมชนชาวกัมพูชา
(http://img78.imageshack.us/img78/4024/58901055cp3.jpg)
ในขณะที่หลังศาลโลกมีคำพิพากษาเส้นเขตแดนจะถูกปิดกั้นอยู่ตรงบริเวณบันไดทางขึ้นกับลานนาคราช ซึ่งเป็นไปตามแผนผังภาพที่ 1 เพราะกัมพูชาแสดงภาพไปเท่านั้น ประตูนี้อยู่มาจนถึงปี 2542 เมื่อมีการเปิดเขาพระวิหารอย่างเป็นทางการจึงถูกรื้อลงมาอยู่ที่เชิงเขา
(http://img67.imageshack.us/img67/7899/vh07cx2.jpg)
การที่ฝ่ายกัมพูชาทำแผนผังขึ้นมาใหม่ ลากยาวลงไปจนถึงเชิงเขา แล้วนายนพดลฯมาบอกว่าไม่เสียแผ่นดินแม้แต่ตารางนิ้วเดียวนั้น ไม่รู้ว่า "โง่" หรือไม่รู้จริง ๆ หรือว่า "แกล้งโง่"



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: เบื่อไอ้เหลี่ยม ที่ 19-06-2008, 12:20
เห็นด้วยกับ พรรณชมพู ครับ
ผมว่าเราต้องปิดทางขึ้นลงเขาพระวิหารเสียที เป็นไงเป็นกัน ไม่ใช่ให้พวกเขมรมายึดสิทธิ์ และล่วงล้ำขนาดนี้  ประตูเก่า ทำไมถูกรื้อไป ทหารทำห่าอะไรอยู่


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 19-06-2008, 12:23
เห็นด้วยกับ พรรณชมพู ครับ
ผมว่าเราต้องปิดทางขึ้นลงเขาพระวิหารเสียที เป็นไงเป็นกัน ไม่ใช่ให้พวกเขมรมายึดสิทธิ์ และล่วงล้ำขนาดนี้  ประตูเก่า ทำไมถูกรื้อไป ทหารทำห่าอะไรอยู่
เรื่องประตูเก่า ทหารมีปัญหายื่นประท้วงต่อกัมพูชาในระดับพื้นที่และรายงานให้รัฐบาลไทยทราบตลอด แต่ไม่ได้รับการแก้ไข ก็อย่างที่รู้นั้นแหละไม่รู้อะไรมันไปจุกคอหอยรัฐบาลเอาไว้


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 19-06-2008, 12:33
การที่ฝ่ายกัมพูชาทำแผนผังขึ้นมาใหม่ ลากยาวลงไปจนถึงเชิงเขา แล้วนายนพดลฯมาบอกว่าไม่เสียแผ่นดินแม้แต่ตารางนิ้วเดียวนั้น ไม่รู้ว่า "โง่" หรือไม่รู้จริง ๆ หรือว่า "แกล้งโง่"

ถ้าโง่ ก็มีทหารเจ้ากรมแผนที่ด้วยครับ ที่โง่ เพราะมันก็บอกว่าไม่เสียดินแดน ด้วย ผมดูแผนที่ไม่ออกหรอกครับ ว่าถึงบันไดขั้นไหน


ผมว่ามันเป็นเรื่องของ มติคณะรมต 2505 ที่มันอาจเขียนเส้นแผนที่ประเทศขึ้นใหม่ ไม่ยอมอ้างพิกัดที่บันไดขั้นที่ 162  ดันอ้างต่ำกว่านั้น
วันนี้ พอดูแผนที่เขมร ที่ลากยันบันไดขั้นแรก( ถ้าจริงนะ)  มันเลยยังอยู่นอกเขตไทย


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 19-06-2008, 12:55
การที่ฝ่ายกัมพูชาทำแผนผังขึ้นมาใหม่ ลากยาวลงไปจนถึงเชิงเขา แล้วนายนพดลฯมาบอกว่าไม่เสียแผ่นดินแม้แต่ตารางนิ้วเดียวนั้น ไม่รู้ว่า "โง่" หรือไม่รู้จริง ๆ หรือว่า "แกล้งโง่"

ถ้าโง่ ก็มีทหารเจ้ากรมแผนที่ด้วยครับ ที่โง่ เพราะมันก็บอกว่าไม่เสียดินแดน ด้วย ผมดูแผนที่ไม่ออกหรอกครับ ว่าถึงบันไดขั้นไหน


ผมว่ามันเป็นเรื่องของ มติคณะรมต 2505 ที่มันอาจเขียนเส้นแผนที่ประเทศขึ้นใหม่ ไม่ยอมอ้างพิกัดที่บันไดขั้นที่ 162  ดันอ้างต่ำกว่านั้น
วันนี้ พอดูแผนที่เขมร ที่ลากยันบันไดขั้นแรก( ถ้าจริงนะ)  มันเลยยังอยู่นอกเขตไทย

รู้สึกว่าตอบอะไรไปคุณ mebeam ไม่ยอมคุยกับผมนะ  :slime_doubt:

เรื่องเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้เป็นไปได้ว่าอาจไม่มีอิสระ
เพราะรัฐบาลอาจมีวาระซ่อนเร้นตามที่คงรู้กัน...
เอากระทู้นี้ไปอ่านเพิ่มหน่อยก็แล้วกันนะครับ คุณคิดว่ายังไง  :slime_smile:

==การโยกย้ายอธิบดีกรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศ เกี่ยวกับกรณีเขาพระวิหารหรือไม่?==
http://forum.serithai.net/index.php?topic=28037.0


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 19-06-2008, 13:06
แถมด้วยเรื่องประตูทางเข้า ฝ่ายเขมรย้ายลงมาอยู่ที่ข้างล่างแล้วตามรูป...

(http://www.muangthai.com/images/news_demons/khaopviharn28-01-05.jpg)

ไทยมีการทักท้วงในระดับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เท่านั้น แต่รัฐบาลนิ่งเฉย!!!  :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 19-06-2008, 13:10
การที่ฝ่ายกัมพูชาทำแผนผังขึ้นมาใหม่ ลากยาวลงไปจนถึงเชิงเขา แล้วนายนพดลฯมาบอกว่าไม่เสียแผ่นดินแม้แต่ตารางนิ้วเดียวนั้น ไม่รู้ว่า "โง่" หรือไม่รู้จริง ๆ หรือว่า "แกล้งโง่"

ถ้าโง่ ก็มีทหารเจ้ากรมแผนที่ด้วยครับ ที่โง่ เพราะมันก็บอกว่าไม่เสียดินแดน ด้วย ผมดูแผนที่ไม่ออกหรอกครับ ว่าถึงบันไดขั้นไหน


ผมว่ามันเป็นเรื่องของ มติคณะรมต 2505 ที่มันอาจเขียนเส้นแผนที่ประเทศขึ้นใหม่ ไม่ยอมอ้างพิกัดที่บันไดขั้นที่ 162  ดันอ้างต่ำกว่านั้น
วันนี้ พอดูแผนที่เขมร ที่ลากยันบันไดขั้นแรก( ถ้าจริงนะ)  มันเลยยังอยู่นอกเขตไทย


ผมว่าอย่างโน้น อาจจะอย่างนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้น

ไม่รับข้อมูลใดๆ ที่ขัดแย้งกับในจินตนาการ มาเพิ่มเติมให้สมอง


น้ำแตกกระจาย :slime_sleeping:



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 19-06-2008, 13:11
บอกเพิ่มอีกหน่อยว่าการย้ายประตูเหล็กลงมาที่เชิงทางขึ้นเขาพระวิหาร
ทำกันตอน ปี พ.ศ. 2544 ในรัฐบาลทักษิณ 1

(http://www.muangthai.com/images/news_demons/khaopviharn28-01-05.jpg)

โดยเขมรอ้างอิงแนวร่องน้ำลึก (ที่ความจริงตื้นมาก) ตามแนวเขตแดน
ในแผนที่ฉบับฝรั่งเศสที่ไทยไม่ยอมรับ เพราะเรายึดแนวสันปันน้ำ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: TheBluECaT ที่ 19-06-2008, 13:16
แปลกใจจริง ๆ ...

อ่านมาทั้งหมดกระทู้  รู้สึกว่าจะมี คนไทย(รึเปล่า?)

ยินดีกลับการเสียดินแดนไทยให้เขมรไปจริง ๆ  


 :slime_mad:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: Familie ที่ 19-06-2008, 13:43
ผมก็เหลือเชื่อจริงๆ
ไม่เคยเห็นยุคใหนที่มีคนไทยบางคน
เห็นดีเห็นงามไปกับการเสียดินแดนให้ต่างชาติ
มันน่าอนาถใจ  :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 13:46
สำหรับผมนะ  ผมไม่ยอมรับ แต่เมื่อเป็นคำสั่งศาลผมก็ต้องปฏิบัติตาม

แล้วคุณล่ะ TLE คุณดีใจกับคำสั่งศาลโลกในกรณีนี้หรือ



คุณก็ทราบดีว่าคนดีย่อมปฏิบัติตามกฏหมาย...ถ้าไทยเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ก็ต้องนำเรื่องนี้ฟ้องศาลโลกอีกครั้งหนึ่งซิครับ แต่ละคนจะบอกว่าไม่ได้ฉันไม่ยอมรับ และฉันจะทำตามใจและความเชื่อของฉันเองเท่านั้น  สังคมในภูมิภาคนี้จะอยู่กันเป็นสุขได้อย่างไรกันเล่า!?! :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 13:53
เอ..มันกำลังจะกลายเป็นคนละเรื่องเดียวกันเข้าไปทุกทีแล้วนะ

ที่คนศรีสะเกษ..พูดกันอยู่ตอนนี่ คือ ตั้งแต่บันไดขั้นที่ 162(ลานนาคราช) ลงมาจนถึงเชิงเขาเป็นแผ่นดินของไทย

โดยมีพื้นฐานมาจากเมื่อปี 2505 หลังศาลโลกมีคำพิพากษาให้ปราสาทพระวิหาร(ยืนยันว่า..ปราสาทพระวิหาร ไม่ใช่ "เขาพระวิหาร")เป็นของกัมพูชา

"ขุนชัย ชโนปกิตต์" ตำแหน่งปลัดขวา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับคำสั่งจากผู้หลักผู้ใหญ่ใน กทม. ให้นำราษฎรในพื้นที่ไปทำการปักปันแนวเขตบนเขาพระวิหาร โดยใช้หลักไม้แก่นที่หาได้มาทำเป็นเสาและใช้ลวดหนามขึงกั้นตลอดแนว ทั้งนี้ทำแนวรั้วกั้นเฉพาะด้านขวามือของปราสาทพระวิหาร(หันหน้าขึ้นเขา)ห่างจากตัวปราสาทหลังที่ 1 - 4 ประมาณ 20 เมตร

แนวรั้วที่เป็นเส้นกั้นเขตแดนด้านหน้าปราสาทอยู่บริเวณเชิงลานนาคราช คือ บนบันไดขั้นที่ 162

ดังนั้นนับจากบันไดขั้นที่ 162 ลงมาจนถึงเชิงเขาจึงเป็นของไทยทั้งหมด ประตูนี้มีตั้งแต่ปี 2505 เป็นต้นมาจนถึงปี 2542 เมื่อมีการเปิดเขาพระวิหารเป็นแหล่งท่องเที่ยวร่วมระหว่างไทย - กัมพูชา ฝ่ายกัมพูชาได้รื้อถอนรั้วออกแล้วนำลงมาไว้ที่เชิงเขาใกล้กับบันไดทางขึ้นขั้นที่ 1 แล้วก็นำเอาราษฎรชาวกัมพูชาที่เดิมเคยอยู่บริเวณปราสาทหลังที่ 2 ลงมาสร้างชุมชนในบริเวณใกล้เคียงกันด้วย

เรื่องนี้ฝ่ายทหารรายงานให้รัฐบาลไทยทราบและทำการประท้วงให้รัฐบาลกัมพูชารื้อถอนชุมชนและย้ายราษฎรออกไปมาตลอด แต่ไม่เคยได้รับความสนใจทั้งจากรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา

หนำซ้ำพอมาในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณฯ ยังมีการไปทำข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลกัมพูชา ในความร่วมมือกันเพื่อพัฒนาปราสาทพระวิหารซะอีก

พอมีกระแสข่าวว่ากัมพูชาจะขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก คนศรีสะเกษจึงต้องการให้มีการอพยพชาวกัมพูชาและชุมชนชาวกัมพูชาออกไปเสียจากแผ่นดินไทย พร้อมกับรื้อประตูกั้นที่ฝ่ายกัมพูชายกลงมาไว้บริเวณเชิงเขากลับขึ้นไปไว้ที่เดิม

เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้เรามีโอกาสที่จะเสียดินแดนให้กับฝ่ายกัมพูชาเพิ่มเติมอีกนอกเหนือจากที่เสียไปแล้วก่อนหน้านี้

แต่แทนที่นายนพดลฯ จะฟังเสียงทัดทานคัดค้านกลับดันทุรังไปยอมรับแผนผังที่ฝ่ายกัมพูชานำเสนอ ซึ่งลากยาวลงมาจนถึงเชิงเขา ซึ่งเท่ากับว่าเรายินยอมยกดินแดนให้กัมพูชา

เรื่องการปักปันเขตแดนปราสาทพระวิหารหลังคำพิพากษาของศาลโลก ปัจจุบันคนที่ไปช่วยทำและยังมีชีวิตอยู่ คือ นายวินัย หรือเก๋ ไชยะเดชะ อายุ 76 ปี อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วน จ.ศรีสะเกษ ลูกชายขุนชัยฯ หลายวันก่อนเห็น NBT ไปสัมภาษณ์ ระหว่างที่ลุงเก๋กำลังจะชี้จุดที่ตั้งของประตูเก่า แม่ก็เล่นตัดภาพข่าวทิ้งไปดื้อ ๆ

"คนศรีสะเกษ"ไม่คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร แต่ต้องการให้กัมพูชาอพยพคนของตัวเองออกจากแผ่นดินไทยก่อนแล้วค่อยไปทำ ไม่ใช่คนกัมพูชายังเต็มพรืดอยู่ในแผ่นดินไทยอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

เอ้า..เข้าใจซะให้ตรงกัน

แต่ที่แน่ ๆ งานนี้นายพนพดลฯ เสียค่าโง่ยกแผ่นดินไทยให้กัมพูชาไปแล้วเรียบร้อย นับจากวันที่ยอมรับแผนผังของฝ่ายกัมพูชา


เขมรเค้าขอขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทเขาพระวิหารและพื้นดินที่ตัวปราสาทสร้าง...ส่วนพื้นที่บริเวณที่คนเขมรราว 500 คนพักอาศัยอยู่นั้นก็เป็นพื้นที่ทับซ้อนทางกรรมสิทธิ์ระหว่างไทย-เขมรที่ยังไม่มีข้อสรุป ดังนั้นการนำเรื่องพื้นที่ดังกล่าวมาเป็นข้ออ้างในการต่อต้านการขึ้นทะเบียนฯจึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง


ศาลโลกตัดสินไปแล้วว่าตัวปราสาท+ที่ดินที่ตัวปราสาทตั้งเป็นของเขมร ซึ่งเขมรเค้าก็ขอขึ้นทะเบียนในส่วนดังกล่าวที่ศาลตัดสินไปแล้วเท่านั้น...คนไทยบางคนพยายามเอาเรื่องที่ดินทับซ้อนมาปนเพื่อให้คนไทยส่วนใหญ่เข้าใจผิดคิดว่าเขมรฮุบที่ดินไทย ทั้งๆที่ความจริงแล้วข้อพิพาทดังกล่าวยังไม่มีบทสรุปใดๆขณะนี้


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: BeastGuy ที่ 19-06-2008, 13:58
อืม
ศาลโลกตัดสินไปแล้ว
พี่ไทยคัดค้านมาตลอด
แล้วพอมาพี่ทนายหน้าหอ
ไหงไม่คัดค้านล่ะเพ่

อีกอย่างคือ ทำไมไม่เปิดเผยข้อมูลก่อนที่จะเซ็น
เรื่องใหญ่ระดับนี้ทำอย่างกับเล่นขายของ

ปล. ขอบคุณสำหรับแผนที่ครับ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 14:18
อืม
ศาลโลกตัดสินไปแล้ว
พี่ไทยคัดค้านมาตลอด
แล้วพอมาพี่ทนายหน้าหอ
ไหงไม่คัดค้านล่ะเพ่

อีกอย่างคือ ทำไมไม่เปิดเผยข้อมูลก่อนที่จะเซ็น
เรื่องใหญ่ระดับนี้ทำอย่างกับเล่นขายของ

ปล. ขอบคุณสำหรับแผนที่ครับ


การคัดค้านที่ชอบธรรมและถูกกฏหมายก็คือต้องส่งเรื่องให้ศาลโลกเป็นผู้พิจารณา ไม่ใช่มาโมเมว่าคัดค้านเงียบๆแล้วไม่ยอมรับในผลการตัดสิน การเมืองระหว่างประเทศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรหรือจะพูดเรื่องอะไรก็ต้องมาป่าวประกาศรายวัน

บทบาทของผู้บริหารประเทศคือ ต้องดำเนินการในทุกเรื่องเพื่อผลประโยชน์และความถูกต้องของประเทศเป็นหลัก แต่ผลประโยชน์ที่มันไม่ถูกต้องและชอบธรรม...มันทำได้ แต่ประเทศอื่นเค้าไม่ยอมรับไง  การจะมาเปิดเผยข้อมูลใดๆที่ละเอียดอ่อนมันไม่มีผลดีต่อการเจรจา...นอกจากทำให้การเจรจาดังกล่าวล้มเหลว

ประเด็นก็คือ คนไทยเลือกพปช.ไปบริหารประเทศแล้ว คนส่วนใหญ่เค้าเชื่อใจ ดังนั้น...ถ้าพปช.พลาดในเรื่องนี้ก็ต้องรับผิดชอบแน่นอนมิใช่หรือ!?! :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: sanskritshower ที่ 19-06-2008, 14:37

คุณก็ทราบดีว่าคนดีย่อมปฏิบัติตามกฏหมาย...ถ้าไทยเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ก็ต้องนำเรื่องนี้ฟ้องศาลโลกอีกครั้งหนึ่งซิครับ แต่ละคนจะบอกว่าไม่ได้ฉันไม่ยอมรับ และฉันจะทำตามใจและความเชื่อของฉันเองเท่านั้น  สังคมในภูมิภาคนี้จะอยู่กันเป็นสุขได้อย่างไรกันเล่า!?! :slime_doubt:

ใช่ครับ  ส่วนตัวผมแล้วผมก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล ส่วนจะมีมาตรการอย่างไรก็เป็นเรื่องของกระบวนการต่อสู้กันไปตามกฎหมายครับ

แต่ ณ ตอนนี้  ผมถามความรู้สึกส่วนตัวของ TLE ครับ  ว่าโดยความรู้สึกส่วนตัว TLE ยินดีในคำตัดสินหรือครับ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 19-06-2008, 14:47


    ถ้าไทย ไม่ยอมรับแผนที่ ที่ของเค้าเขียนมาเฉพาะปราสาท อย่างที่ใจคุณต้องการ
    เดือนกรกฏาที่จะถึงนี้ กัมพูชา จะยื่นใหม่ มันจะผ่านไหม ไทยจะค้านไหม ถ้าค้าน ใช้เหตุผลอะไรค้าน
     คราวที่แล้วเราค้านโดยอ้างยังมีที่มันทับซ้อนกัน ยูเนสโกถึงฟังเรา  ถ้าไม่มีแล้วล่ะ

    ได้ยินมีแต่คนบอกอย่ารีบ ให้ยื่นเรื่องค้านไว้ก่อน  ก็ยังงงอยู่ว่าเราจะเอาอะไรมาบอก ยูเนสโก้
   
   

  เราสนับสนุน   กัมพูชาขึ้นทะเบียนได้   เราได้ประโยชน์อะไร เราเสียอะไร
  เราไม่สนับสนุน  กัมพูชาขึ้นทะเบียนได้  เราได้ประโยชน์อะไร เราเสียอะไร
  เรา ไม่สนับสนุน  กัมพูชาขึ้นทะเบียนไม่ได้   เราจะได้อะไร เราจะเสียอะไร 
   :slime_smile:
   

 


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 19-06-2008, 15:20

    ถ้าไทย ไม่ยอมรับแผนที่ ที่ของเค้าเขียนมาเฉพาะปราสาท อย่างที่ใจคุณต้องการ
    เดือนกรกฏาที่จะถึงนี้ กัมพูชา จะยื่นใหม่ มันจะผ่านไหม ไทยจะค้านไหม ถ้าค้าน ใช้เหตุผลอะไรค้าน
     คราวที่แล้วเราค้านโดยอ้างยังมีที่มันทับซ้อนกัน ยูเนสโกถึงฟังเรา  ถ้าไม่มีแล้วล่ะ

    ได้ยินมีแต่คนบอกอย่ารีบ ให้ยื่นเรื่องค้านไว้ก่อน  ก็ยังงงอยู่ว่าเราจะเอาอะไรมาบอก ยูเนสโก้
   
   

  เราสนับสนุน   กัมพูชาขึ้นทะเบียนได้   เราได้ประโยชน์อะไร เราเสียอะไร
  เราไม่สนับสนุน  กัมพูชาขึ้นทะเบียนได้  เราได้ประโยชน์อะไร เราเสียอะไร
  เรา ไม่สนับสนุน  กัมพูชาขึ้นทะเบียนไม่ได้   เราจะได้อะไร เราจะเสียอะไร 
   :slime_smile:
   

 


เหตุผลเขาชี้แจงมาตั้งแต่ 2505 แล้ว
และมันจะยังใช้ได้ตลอดไป เพราะคดีนี้ยังมีช่องให้ต่อสู้ได้อยู่
และยังไม่สิ้นสุดลงอย่างแท้จริง
ยิ่งเขมรมีประเด็นซ่อนเร้น รุกคืบเข้ามาเกินผลตัดสินเดิม
ทำให้ไทยยิ่งมีความชอบธรรมมากขึ้น
หากไอ้ทนายเหล่ยังมีความเป็นคนไทยมากกว่านี้
นี่เป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งที่จะทวงแผ่นดินไทยคืนมา

ถ้าถามว่าได้อะไร
ตอบว่าแค่ได้ค้านแสดงสิทธิ แสดงความไม่เห็นด้วย
เพื่อรักษาโอกาสทวงแผ่นดินไทยคืนมา
แค่นั้นก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: ชามู ที่ 19-06-2008, 15:27
สำหรับผมนะ  ผมไม่ยอมรับ แต่เมื่อเป็นคำสั่งศาลผมก็ต้องปฏิบัติตาม

แล้วคุณล่ะ TLE คุณดีใจกับคำสั่งศาลโลกในกรณีนี้หรือ


เดาว่ามันดีใจนะ เพราะคงฝันหวานว่าจะได้ไปนอนรีสอร์ทหนรูที่เกาะกงอยู่กับนายรับใช้ใกล้ชิดเลยไง

นายมันคงวางแผนเอาไว้อ่ะนะ เพราะอยากขึ้นเป็นเจ้าที่เมืองไทยแต่ทำไม่ได้ เพราะขี้กลากจะขึ้นหัว

ก็เลยไปเช่าเกาะกง จะได้ตั้งตนเองเป็นเจ้าได้เลยไง

ตอนแรกเล็งๆ พวก BVI ไว้ แต่เอ๊ะ เอาไว้ฟอกเงินดีกว่า



อิ อิ อิ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 19-06-2008, 15:29
ประตูเก่าที่ทหารเขมรทำไว้ ก็มีมาตั้งแต่ครั้งจอมพลประภาสไปเชิญเสาธงชาติลงมาไว้ที่ผามออีแดงนั่นแหละครับ

เข้าใจว่าจะตรงกับช่องบันไดหัก ซึ่งเป็นทางขึ้นจากฝั่งเขมร

ตอนที่มีการสู้รบของเขมร ไทยก็ถอยออกมาให้เขมรรบกันเอง ช่วงนั้นปราสาทพระวิหารก็เสียหายเพิ่มมากขึ้น

ช่วงที่เขมรยกครัวลงมาตั้งด้านล่าง น่าจะเป็นช่วงที่มีการสู้รบและมีผู้อพยพลงมา ไทยก็เอื้อเฟื้อเพราะเขมรแดงกับไทย มีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

แถมไทยยังส่งอาวุธไปเสริมกำลังให้เสียอีก...เฮ้อ...

ส่วนคนที่มาแย้ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร หากอ่านข้อมูล / เหตุผลทั้งหมด น่าจะเข้าใจได้ว่า

แผนที่ที่ใช้กันทั้งหมดนั้น เป็นการโต้แย้งในเรื่องเขตแดนซึ่งยังไม่มีการปักปันให้เป็นเรื่องเป็นราว

อย่าลืมว่าเรื่องแผนที่ชายแดนเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เราต้องรักษาประโยชน์ของเราให้มากที่สุด

ที่สำคัญ การขึ้นบัญชีมรดกโลกของเขมร ต้องถามว่าประเทศไทยไปได้ดิบได้ดีอะไรกับเขมรในกรณีนี้

เมื่อประชาชนมองว่า ผลประโยชน์ตกแก่เขมรแทบทั้งหมด จึงมีความจำเป็นอะไรที่รัฐบาลไทยต้องไปช่วยรับรอง

การเจรจานั้นต้องคิดถึงเรื่องที่คั่งค้างกันอยู่ในเรื่องเขตแดน เราต้องใช้ความได้เปรียบของเราให้มากที่สุด

การไปรับรองแผนที่แบบนั้น รังแต่จะทำให้ฝ่ายเขมรยกเป็นข้ออ้าง ยิ่งกว่าแผนที่ฝรั่งเศส เมื่อ 100 ปีที่แล้วเสียอีก



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 19-06-2008, 15:36
เหตุผลเขาชี้แจงมาตั้งแต่ 2505 แล้ว
และมันจะยังใช้ได้ตลอดไป เพราะคดีนี้ยังมีช่องให้ต่อสู้ได้อยู่
และยังไม่สิ้นสุดลงอย่างแท้จริง
ยิ่งเขมรมีประเด็นซ่อนเร้น รุกคืบเข้ามาเกินผลตัดสินเดิม
ทำให้ไทยยิ่งมีความชอบธรรมมากขึ้น
หากไอ้ทนายเหล่ยังมีความเป็นคนไทยมากกว่านี้
นี่เป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งที่จะทวงแผ่นดินไทยคืนมา

ถ้าถามว่าได้อะไร
ตอบว่าแค่ได้ค้านแสดงสิทธิ แสดงความไม่เห็นด้วย
เพื่อรักษาโอกาสทวงแผ่นดินไทยคืนมา
แค่นั้นก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว


งง ครับ จะอ้าง อะไรต้งแต่ 2505  :slime_doubt:


แต่รู้สึกว่า เค้าเตรียม รับมือกับไทยไว้แล้วนะครับ
อีกหน่อย ว่าแต่จะเอาคืนเลย  คนไทยอยากเที่ยวก็จะไม่ได้เข้า
อดขึ้นเขาพระวิหารจากฝั่งไทย แบบว่าปิดตายน่ะครับ



ผู้จัดการออนไลน์-- ทางการกัมพูชาได้เปิดเผยแผนการก่อสร้างสร้างรถกระเช้านำท่องเที่ยวขึ้นไปเขาพระวิหารบนยอดผา เพื่อลดการพึ่งพาทางขึ้นจากไทย  เชื่อตะวันตกแห่ไปเที่ยวกันจม พร้อมเปิดแผนสร้างสนามบินแห่งใหม่ ใกล้เพียง 30 กิโลเมตร
       
       เป็นที่คาดกันหมายกันมาก่อนว่า ทางการกัมพูชาอาจจะหาทางออกด้วยวิธีนี้หลังจากผู้นำรัฐบาลคือ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน (Samdach Aka Moha Sena Padei Decho) กล่าวหาประเทศไทยมาหลายครั้งว่ามักจะปิดๆ เปิดๆ ทางขึ้นในฝั่งไทยตามอำเภอใจ
       
       ศาสตราจารย์เฮงโซ้ท (Heng Sot) ผู้อำนวยการองค์การแห่งชาติพระวิหาร หรือ PVNA (Preah Vihear National Authority) เปิดเผยเรื่องนี้สัปดาห์ที่แล้ว โดยกล่าวว่าบริษัทจากอินเดียแห่งหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการสร้างรถกระเช้าลอยฟ้าในเวียดนาม กำลังเจรจาเข้าลงทุนในโครงการเขาพระวิหาร ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาได้ประกาศให้เป็นเขตการท่องเที่ยวแห่งใหม่
       
       ศ.เฮงโซ้ทกล่าวอีกว่า ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้โครงการนี้เรียบร้อยแล้ว และ กลุ่มผู้ลงทุนได้เข้าไปดูสถานที่เมื่อเดือนที่แล้วเพื่อกำหนดจุดสร้างสถานีรถกระเช้าลอยฟ้า ขึ้นสู่หน้าผาที่อยู่สูงจากพื้นไปราวครึ่ง กม. อันเป็นที่ตั้งของปราสาทพระวิหารอายุ 1,000 ปี
 
      บริษัทดังกล่าวยังจะลงทุนสร้างสนามบินบนพื้นที่ขนาดกว้าง 5 กม.และยาวอีก 5 กม. ห่างจากเขาพระวิหารออกไป 32 กม. และตัดถนนอีกสายหนึ่งขนาดกว้าง 10 เมตร ระยะทางราว 2,400 เมตรไปสู่สถานีรถกระเช้า ศ.โซ้ทเปิดเผยเรื่องนี้กับหนังสือพิมพ์แม่โขงไทมส์
       
       โครงการนี้จะเกิดขึ้นแน่นอน หากการเจรจาระหว่างกลุ่มผู้ลงทุนกับรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายโสกอาน (Sok An) มีผลออกมาทางบวก
       
       อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวที่ไม่ให้เปิดเผยชื่อบอกกับหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ว่า บริษัทจากอินเดียมีแผนการจะลงทุนในโครงการเขาพระวิหารถึง 600 ล้านดอลลาร์
       
       บรรดาบริษัทนำเที่ยว สมาคมการท่องเที่ยวในกัมพูชาต่างแสดงความยินดีปรีดา เพราะว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่กำลังเฟื่องฟู และไม่ต้องพึ่งพาทางขึ้นในประเทศไทยอีกต่อไป
 
         อย่างไรก็ตามในอนาคตเมื่อมีการก่อสร้างรถกระเช้าแล้ว "เราหวังว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะขึ้นไปชมพระวิหารจากทางฝั่งกัมพูชา"
       นายหอ วันดี (Ho Vandi) ผู้อำนวยการสมาคมบริษัทนำเที่ยวกัมพูชา (Cambodia Association of Travel Agents) กล่าวว่าปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมปราสาทพระวิหารเพียงวันละ 300-400 คนเท่านั้น ส่วนใหญ่ขึ้นไปจากฝั่งไทย       
       ส่วน ศ.เฮงโซ้ท กล่าวว่าจำนวนนักท่องเที่ยวอาจจะเพิ่มถึง 6 เท่าตัว เมื่อก่อสร้างถนนและรถกระเช้าเสร็จ ซึ่งทั้งหมดจะอยู่ในดินแดนกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับดินแดนพิพาทกับประเทศไทย
       
       กัมพูชาอยู่ระหว่างดำเนินการนำปราสาทพระวิหารเข้าจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยอ้างว่าเป็นการจดทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท ไม่ได้เกี่ยวกับกินแดนโดยรอบที่ยังมีกรณีพิพาทกับไทย

 
 


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 19-06-2008, 15:51
ถ้าปิดสงสัยเขมรนั่นแหละจะตาย ฮ่า ฮ่า

แถมตาเหล่/หน้าเหลี่ยม จะตายก่อนด้วย เชื่อดิ

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 มันโทษประหารชีวิตนะ อย่าลืม


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 19-06-2008, 15:54
กรณีนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้
เพราะการติดตั้งกระเช้า จำเป็นต้องมีทางสำหรับตั้งเสาและใช้บริเวณในการติดตั้งสถานี
ลำพังบริเวณปราสาทเฉยๆไม่น่าจะมีพื้นที่พอ หรือหากมีพื้นที่พอก็จะไปชิดกับตัวปราสาทมากๆ
จนอาจทำให้ตัวปราสาทเสียหาย รวมถึงเสียทัศนียภาพจนไม่สามารถขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้
ทางที่เป็นไปได้คือ สร้างล้ำเข้ามาในแดนไทย
และนี่เองยิ่งเป็นสาเหตุให้เราต้องรีบดำเนินการอะไรบางอย่าง
เพื่อไม่ให้แผ่นดินไทยสูญเสียแม้แต่ตารางนิ้วเดียว



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 19-06-2008, 15:59
ใช่ครับ  ส่วนตัวผมแล้วผมก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล ส่วนจะมีมาตรการอย่างไรก็เป็นเรื่องของกระบวนการต่อสู้กันไปตามกฎหมายครับ

แต่ ณ ตอนนี้  ผมถามความรู้สึกส่วนตัวของ TLE ครับ  ว่าโดยความรู้สึกส่วนตัว TLE ยินดีในคำตัดสินหรือครับ


ถ้าถามถึงเฉพาะเรื่องความรู้สึกส่วนตัว ผมรู้สึกเสียใจและเสียดายที่ประเทศไทยเสียประสาทเขาพระวิหารไปให้เขมร แต่ก็ต้องจำใจน้อมรับคำพิพากษาของศาลโลกเพราะถ้าเราไม่เชื่อในคำตัดสิน...ประเทศไทยก็ไม่สมควรไปต่อสู้ในศาลโลกตั้งแต่แรก

จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตามแต่...วันนี้ประเทศไทยต้องสังวรณ์ว่าเราต้องมีเพื่อนบ้านและไม่สามารถย้ายประเทศหนีไปไหนได้ การอยู่ร่วมกันเพื่อพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้จึงสำคัญกว่าการนำเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ในอดีตมาเป็นอุปสรรคในการพัฒนามิใช่หรือ!?! :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 19-06-2008, 16:07
เอาไปอีก คนนี้พูดได้ใจผมมาก นับถือจริง  แต่สงสัยจะโดนด่าอีก


ผบทบ. บอก จบได้แล้ว เรื่องเขตแดนเขาพระวิหาร  
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาเสนอปราสาทเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกว่า ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และจากการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ผ่านมา ก็เห็นว่าเพื่อป้องกันความเข้าใจที่สับสน จึงมอบหมายให้นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเพียงผู้เดียว

ส่วน ข้อห่วงใยของประชาชนที่ว่าไทยอาจ เสียดินแดนนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คนไทยทุกคนต้องยอมรับว่า หลังปี 2505 ศาลโลกได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นกรรมสิทธิ์ของกัมพูชา และการที่กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกเฉพาะองค์ปราสาทนั้น จุดดังกล่าวไม่ได้ใกล้กับเส้นเขตแดนที่ไทยยึดถือ จึงไม่ทราบว่าประชาชนจะไม่พอใจเรื่องอะไร และไม่แน่ใจว่า การที่เราจะขึ้นทะเบียนมรดกโลก เราต้องให้ประเทศเพื่อนบ้านพอใจด้วยหรือไม่  ส่วนที่เกรงกันว่ามีการเอื้อประโยชน์เกิดขึ้นนั้น ตนไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาได้ เข้า มาสร้างสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ทับซ้อน ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า เป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างชั่วคราว ไม่ใช่ถาวร ซึ่งไทยและกัมพูชาต่างยึดถือแผนที่ที่ไม่ตรงกัน โดยเฉพาะในจุดที่เป็นพื้นที่ทับซ้อน และเป็นเรื่องที่ไม่สามารถรื้อฟื้นได้เลย ขณะที่นโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้า และที่ผ่านมามีการรายงานปัญหานี้มาตลอด แต่เราใช้นโยบายละมุนละม่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน

ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวด้วยว่า ข้อยุติเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลทั้ง 2 ฝ่าย ต้องร่วมกันแก้ไขปัญหา และหาข้อยุติให้เป็นผลประโยชน์ร่วมทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งคงต้องมีวิธีบริหารจัดการร่วมกันต่อไปในอนาคต และไม่สามารถจะบอกได้ว่าใครจะเสียดินแดน


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 19-06-2008, 16:17
เป็นความตั้งใจที่จะขายชาติแน่นอนไม่มีข้อสงสัย

ยังไงก็ต้องเช็คบิลพวกมันให้ถึงที่สุด :slime_mad:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 19-06-2008, 16:26
ดูเบื้องหลังก่อนดีกว่า  เบื้องหลังคือ ไอ้ตาเหล่มีเจตนาขายแผ่นดินชัดเจน

กองทัพกดดัน"นพดล"บี้เขมรปรับแผนที่กินแดนไทย

เผยเบื้องลึกปมเปิดเผยแผนที่เขาพระวิหาร หลังกองทัพไม่สบายใจแผนที่ของกัมพูชารุกล้ำเขตพื้นที่ทับซ้อน 10 เมตร หวั่นเสียดินแดน แต่ต้อง "เจรจาลับ" หลายรอบจน "นพดล" ยอมบินไปคุยกัมพูชา โดยยึดแผนที่ปี 2505 ตามคำพิพากษาศาลโลก

ความพยายามของประเทศกัมพูชาในการยื่นขอขึ้นทะเบียนต่อองค์การยูเนสโก เพื่อพิจารณาให้ "เขาพระวิหาร" เป็น "มรดกโลก" กระทบกระเทือนอย่างรุนแรงต่อความรู้สึกของคนไทย เพราะถึงแม้ตัวปราสาทจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกัมพูชาตามคำพิพากษาศาลโลก ทว่า พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีโบราณวัตถุต่างๆ เช่น สระตราว สถูปนูนต่ำ บันไดทางขึ้นเขาพระวิหาร ฯลฯ ก็ยังเป็นข้อพิพาทที่ยังไม่ได้ข้อสรุป ทำให้เกิดกระแสชาตินิยม เพราะเกรงว่าไทยจะ "เสียดินแดน" ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง

 ดังนั้น จึงช่วยไม่ได้ที่ นายนพดล ปัทมะ รมว.การต่างประเทศ จะถูกโจมตีอย่างรุนแรง หลังจากพยายามสานต่อความพยายามของรัฐบาลกัมพูชา ที่จะขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกอย่างขมีขมันจนผิดสังเกต

 ท่ามกลางข้อครหาว่า อาการรีบเร่งของนายนพดลเกี่ยวพันอะไรกับข่าวการลงทุนเช่าเกาะกงไปทำเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่

แถมยังมีข่าวเรื่องพื้นที่ทับซ้อนในทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งมีพื้นที่กว่า 3 หมื่นตารางกิโลเมตร และคาดว่าจะมีขุมทรัพย์ทางพลังงาน ทั้งก๊าซธรรมชาติ หรือน้ำมัน ซุกอยู่ใต้ผืนทะเลอย่างมหาศาล

 ด้วยเหตุนี้ การเจรจาเรื่องเขาพระวิหารของนายนพดล จึงถูกจับตามองทุกฝีก้าวว่ามี "วาระซ่อนเร้น" อะไรอีกหรือไม่

ยิ่งนายนพดลมีท่าทีเกรี้ยวกราดต่อคนศรีสะเกษ ที่ออกมาเรียกร้องให้เปิดเผยผลการเจรจาและแผนที่ฉบับที่ไปตกลงกับรัฐบาลกัมพูชา และการไม่ยอมเปิดเผยแผนที่ฉบับดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ยิ่งทำให้เป็นที่สงสัยทวีคูณ

 นั่นจึงทำให้นักวิชาการด้านต่างๆ ออกมาตั้งข้อสงสัยถึงท่าทีของนายนพดล และรายละเอียดที่ซุกซ่อนอยู่ในแผนที่ปริศนากันอย่างกว้างขวาง

 ส่วนพรรคฝ่ายค้านก็จี้ให้เปิดเผยแผนที่ฉบับนี้เสียที ขณะที่กลุ่มพันธมิตรก็เคลื่อนพลไปกดดันหน้ากระทรวงการต่างประเทศมาแล้ว โดยตั้งข้อหาฉกรรจ์แก่นายนพดล ถึงขั้น "ขายชาติ" เลยทีเดียว

ฝ่ายทหารก็มีท่าทีไม่พอใจอย่างมาก ที่นายนพดลไม่ยอมให้ดูแผนที่ แถมยังมาชี้แจงรายละเอียดสั้นๆ และกำชับให้กรมแผนที่ทหารห้ามเผยแพร่แผนอย่างเด็ดขาดอีกด้วย

 เมื่อแรงกดดันถาโถมเข้าใส่จากทุกสารทิศ จึงทำให้นายนพดลตัดสินใจนำรายละเอียดของแผนที่ฉบับที่ไปตกลงกับกัมพูชามาเผยแพร่ เพื่อลดแรงกดดัน แต่กว่าจะเอาแผนที่ออกมาโชว์ได้ก็ต้องผ่านการงัดข้อประลองกำลังกับฝ่ายทหารมาชนิดเหงื่อตกเลยทีเดียว

มีรายงานว่า แผนที่ที่นายนพดลถือมาจากฝ่ายกัมพูชา มีพื้นที่ "รุกล้ำ" เข้ามาในเขตพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา 10 เมตร คือ มีการขีดเส้นออกมาจากบันไดหินขั้นที่ 162 วัดได้ระยะ 30 เมตร ซึ่งโฆษกรัฐบาลกัมพูชาระบุว่า เป็นกฎหมายภายในของกัมพูชาที่ใช้กับโบราณสถานทุกแห่ง

 ปมปัญหา คือ ตามข้อตกลงเมื่อปี 2505 อาณาเขตกัมพูชาจะสามารถขีดออกมาจากบันไดหินขั้นที่ 162 ได้เพียง 20 เมตรเท่านั้น ฉะนั้นพื้นที่ที่เกินมาอีก 10 เมตร จึงทำให้ฝ่ายทหารไม่สบายใจ

 เพราะนี่มันเสียดินแดนชัดๆ


 ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายทหารจึงพยายามชี้แจงให้นายนพดลเข้าใจว่า หากยึดถือแผนที่ฉบับที่กัมพูชาส่งมาอาจจะมีการรุกล้ำพื้นที่ทับซ้อนที่เป็นปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา ประมาณ 4.6 ตารางกิโลเมตร จึงขอให้นายนพดลไปเจรจาให้รัฐบาลกัมพูชายึดแผนที่ฉบับเดิมที่ตกลงกันไว้

 การเจรจาหารือเรื่องนี้มีขึ้นระหว่างตัวแทนสามฝ่าย ได้แก่ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และ พล.ท.แดน มีชูอรรถ เจ้ากรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย

กรมแผนที่ทหารที่ไปสำรวจพื้นที่บริเวณปราสาทเขาพระวิหาร ได้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศว่า ต้องมีการเจรจาให้ดี มิเช่นนั้นฝ่ายไทยอาจจะต้องเสียดินแดน

 แต่กว่าจะได้ข้อสรุปก็ต้องมีการ "เจรจาลับ" อยู่หลายรอบ โดยนายนพดลรับเป็นผู้เจรจากับประเทศกัมพูชา และถือแผนที่กัมพูชามาเปรียบเทียบกับแผนที่ไทย เพราะแผนที่ที่แต่ละฝ่ายถือไว้เป็นแผนที่ "คนละฉบับ" มาตั้งแต่ก่อนมีคำพิพากษาศาลโลกเมื่อปี 2505 แล้ว

 โดยกัมพูชาต้องการให้ใช้แผนที่อัตราส่วน 1:200,000 ที่ทำขึ้นโดยประเทศฝรั่งเศส ในช่วงที่มีการล่าอาณานิคม

 ส่วนฝ่ายไทยใช้แผ่นที่อัตราส่วน 1:50,000 ตามมติ ครม.ปี 2505 ในสมัยรัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

ฝ่ายทหารมองว่า หากยึดตามแผนที่ฉบับของกัมพูชาจะทำให้พื้นที่ของตัวปราสาทรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ทับซ้อน จึงขอให้นายนพดลไปเจรจาขอให้รัฐบาลกัมพูชาทำแผนที่ฉบับใหม่ขึ้นมา โดยยึดตามข้อตกลงปี 2505

 นายนพดลยินยอมตามข้อเสนอของฝ่ายทหาร จึงเดินทางไปเจรจากับตัวแทนรัฐบาลกัมพูชา ทั้งที่เกาะกง และกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ 22-23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

 ในที่สุดแผนที่กัมพูชาเสนอมาให้ใหม่ ก็ให้ความยินยอมตามที่ไทยร้องขอไป โดยใช้เขตแดนนับจากตัวปราสาทเขาพระวิหารไปทางตะวันตก 100 เมตร และขึ้นไปทางเหนือ 20 เมตร ตามแผนที่ แอล 7017

 ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จึงมีมติยอมรับ และเสนอเข้าที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2551 ซึ่งมีมติเห็นพ้องตาม สมช. เพราะเห็นว่าแผนที่ฉบับที่กัมพูชาส่งมาให้พิจารณาไม่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ทับซ้อนที่เป็นปัญหามานาน

 ครม.จึงมอบหมายให้นายนพดลเป็นผู้ลงนามตามข้อเสนอกัมพูชา ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยมาร่วมเป็นสักขีพยาน

 หลังจากนั้นฝ่ายกัมพูชาจะส่งให้ยูเนสโกพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในการประชุมดับเบิลยูเอชซี ครั้งที่ 32 ณ เมืองควิเบก ประเทศแคนาดา ในกลางเดือนกรกฎาคมนี้

แต่ข้อตกลงครั้งนี้จะ "แฮปปี้เอ็นดิ้ง" ไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่ ก็ต้องรอดูต่อไป เพราะยังมีนักวิชาการบางส่วนท้วงติงว่า ไทยยัง "มีสิทธิ์" ในการเรียกร้องกรรมสิทธิ์เขาพระวิหารคืนได้ทุกเมื่อ เพราะรัฐบาลไทยเคยร้องขอที่จะ "สงวนสิทธิ์" ในการทวงคืนเอาไว้ตั้งแต่ปี 2505

การยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ก็เท่ากับ "ตัดสิทธิ์" ในการทวงคืนเขาพระวิหารไปโดยปริยาย

 นั่นคือข้อท้วงติงที่แหลมคม และต้องพิสูจน์กันต่อไป แต่การแถลงข่าวเพื่อชี้แจงของนายนพดลครั้งล่าสุด ก็ช่วยลดกระแสโจมตีรัฐบาลไปได้พอสมควร

 ขืนแบกข้อหาขายชาติ โดยไม่ยอมชี้แจง ย่อมถูกฝ่ายตรงข้าม "ล่อเป้า" และ "ขยายผล" จนมีสิทธิ์หล่นเก้าอี้ได้ไม่ยาก !!!

ทีมข่าวความมั่นคง

http://www.komchadluek.net/2008/06/19/x_scoo_p001_207715.php?news_id=207715


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 19-06-2008, 16:32
เอาไปอีก คนนี้พูดได้ใจผมมาก นับถือจริง  แต่สงสัยจะโดนด่าอีก


ผบทบ. บอก จบได้แล้ว เรื่องเขตแดนเขาพระวิหาร  
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ....
.....
..
.[/color]


กรุณากลับไปอ่านข้อโต้แย้งกรณีเขาพระวิหารอีกหลายๆรอบ


ปล. พล.อ.คนนี้ พวกใคร ได้มาเป็นผบทบ.เพราะใคร ก็รู้กันอยู่
เลือดทหาร เกียรติของทหารที่ปลูกฝังกันมา
มันโดนเงินโดนอำนาจสูบไปหมดแล้ว


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 19-06-2008, 16:54

ค่ายเนชั่นมันไม่มีความน่าเชื่อถือเพราะเต้าข่าวเก่ง ที่อ้างแหล่งข่าวทางทหารลอยๆน๊ะเหรอที่จะเชื่อถือได้!?! :slime_smile2:

นั่นสิ ขนาดผมอ้าง ผบทบ. ตัวเป็นๆ ยังไม่ได้รับความเชื่อถือเลย :slime_smile:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 19-06-2008, 17:06

ในความเห็นชองชาวราชดำเนินส่วนหนึ่ง ซึ่งคนพูดหาได้รู้ความจริงไม่ ผมขอตอบตรงนี้แทนก็แล้วกัน

เขาบอกว่า..เป็นศิลปะของขอม  ไม่ใช่ของไทย เลยไม่คิดหวงแหน

ตอบว่า..ถ้างั้นปราสาทพนมรุ้ง ก็ไม่ใช่ของไทยงั้นสิ  รูปแบบของศิลปะเป็นวัฒนธรรมเฉพาะของท้องถิ่นนั้นๆ บ่งบอกความเป็นชนชาติไม่ได้หรอกครับ  อย่าง ไทย กับ พม่า นี่แทบแยกกันไม่ออก

เขาบอกว่า..ศาลโลกตัดสินแล้ว ขอให้ยุติ

ตอบว่า..ศาลโลกเป็นฝรั่งทั้งนั้น ตัดสินตามหลักกฎหมายสากล ไม่ได้ตัดสินตามข้อเท้๗จริงว่า เป็นของใคร  ประเด็นที่ศาลตัดสินก็แค่บอกว่า ทำไมตอนนั้น ไทยไม่คัดค้านเป็นเรื่องเป็นราว

เฉพาะประเด็นนี้ ไม่ได้ตัดสิทธิการเป็นผุ้ครอบครองที่แท้จริงของไทยนะครับ  และต้องอย่าลืมด้วยว่า ศาลโลกเป็นศาลของฝรั่ง  ซึ่งแผนที่ที่ยึดถือเป็นแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำขึ้นมา  ไทยไม่ได้ยอมรับหรอก แต่ฝรั่งเศสซึ่งขณะนั้นหลังสงครามโลกมีอำนาจและบทบาทสูงในเวทีโลก และในองค์การสหประชาชาติ จึงเป็นไปได้อย่างยิ่งที่ศาลโลกจะให้ความเกรงใจมากกว่าไทย (เขมรเคยเป็นเมืองขึ้นฝรั่งเศส)

เมื่อมีการตัดสินแล้ว ไทยก็ส่งเรื่องคัดค้าน แต่ตอนหลังไทยยอมเอง เพราะต้องการเข้าเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติซึ่งฝรั่งเศสจะคอยวีโต้ได้
ตอนนี้ไทยไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเกรงใจฝรั่งเศสอีกแล้ว จึงคิดว่า ถึงเวลาแสดงหลักฐานกันเสียทีว่า เขาพระวิหารและพื้นที่โดยรอบควรเป็นของใคร


เขาบอกว่า..เขมรสร้างควรยกให้เขมร

ตอบว่า..คงไม่มีเขมรที่ไหนสร้างทางขึ้นมาไว้ที่ประเทศไทยแล้วให้ชาวเขมรเดินอ้อมมาขึ้นหรอก จริงไหม

เขาบอกว่า..เป็นของเขมรมาตั้งแต่โบราณกาล

ตอบว่า..ถ้าดูแผนที่ในประวัติศาสตร์ ดินแดนส่วนนี้รวมถึงที่ยกให้ฝรั่งเศส ล้วนเป็นของไทยมาก่อนจนถึงตอนที่ทำสงครามแย่งดินแดนกับฝรั่งเศส  ซึ่งไทยเราชนะและได้ดินแดนส่วนนี้คืน


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: Rule of Law ที่ 19-06-2008, 17:49
mebeam + อีจ๊ะ

สรุปว่าที่ออกมาแก้ต่าง พูดจาให้เกิดประโยชน์กับเขมรนั้น  ทำไปเพื่ออะไร?
ถ้าพวกคุณบอกซักนิดว่า  คุณไม่เห็นด้วยที่พันธมิตรจะนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นการเมือง แค่นี้จะไม่ว่าเลย
เพราะ ไม่เห็นด้วยกับพันธมิตร ก็ไม่จำเป็นพูดจาเข้าข้างเขมร หรือสนับสนุนท่าทีของนพดล ปัทมะ

แต่นี่ ดูเหมือนว่า อยากจะเข้าข้างนพดล/รัฐบาล ก็พยายามหาเหตุต่างๆมาอ้าง
เช่น ต้องเคารพกติกาศาลโลก  ไทยไม่เคยทำเรื่องอ้างสิทธิ์เขาพระวิหารมา 46 ปีแล้ว
แต่ละเรื่อง เป็นการสนับสนุนผลประโยชน์ของเขมรทั้งสิ้น..... รู้ตัวหรือเปล่ากำลังทำอะไรอยู่


ขอถามย้ำอีกครั้ง  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้  คุณ 2 คนคิดว่า ไทยควรแสดงท่าทีอย่างไร

ยกคำพูด mebeam มาก็ได้

ได้ยินมีแต่คนบอกอย่ารีบ ให้ยื่นเรื่องค้านไว้ก่อน  ก็ยังงงอยู่ว่าเราจะเอาอะไรมาบอก ยูเนสโก้

เดิมทีสันดานเขมรมันยื่นจดทะเบียนล้ำเขตแดนไทย ก็ค้านกันมานาน
ถามว่า จำเป็นต้องไปเจรจามั้ย ไม่จำเป็น สิ่งที่ต้องทำอย่างเดียวคือ ค้าน..
ถึงแม้จะขอจดแค่ตัวปราสาท + แผ่นดินที่ตั้ง เราก็ค้านได้ เพื่อยืนยันในท่าทีว่า เราไม่ยอมรับอธิปไตยส่วนนั้น
แค่นี้เขมรก็ขึ้นทะเบียนไม่ได้แล้ว เพราะ UNESCO มันจะไม่จดทะเบียนสิ่งที่เป็นข้อขัดแย้ง

อีจ๊ะถามว่า จะไม่ปฏิบัติตามศาลโลกหรือ
แค่ถามก็ผิดแล้ว เพราะเราปฏิบัติตามไปแล้ว แต่มีจุดยืนคือไม่เห็นด้วย และต้องมั่นคงในจุดยืนนี้ตลอดไป

จีนมันแสดงจุดยืนไม่ยอมรับอธิปไตยไต้หวัน  ไม่เห็นมีหมาตัวไหนมาบอกว่าจะไม่ค้าขายกับจีนเลยนี่



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: BeastGuy ที่ 19-06-2008, 18:12
คำถามครับ
ทำไมพี่ทนายหน้าหอต้องรีบดำเนินการรับรองให้เขมรด้วยครับ
กรณีนี้มีเป็นข้อพิพาทกันมานานแล้ว
อยู่ดี ๆ ทำไมพี่ทนายต้องรีบดำเนินการขนาดนั้น ไม่คัดค้านแถมรับรองอีกต่างหาก
ช้าอีกสักปีสองปี เป็นไรเปล่า
ก็แค่สงสัยอ่ะนะ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: Rule of Law ที่ 19-06-2008, 18:16
   
  เราสนับสนุน   กัมพูชาขึ้นทะเบียนได้   เราได้ประโยชน์อะไร เราเสียอะไร
  เราไม่สนับสนุน  กัมพูชาขึ้นทะเบียนได้  เราได้ประโยชน์อะไร เราเสียอะไร
  เรา ไม่สนับสนุน  กัมพูชาขึ้นทะเบียนไม่ได้   เราจะได้อะไร เราจะเสียอะไร 
   :slime_smile:


ท่าทีที่ฝ่ายไทยควรแสดงออกคือ ค้านเท่านั้น
ต่อให้เป็นแผนที่เฉพาะที่ตั้งตัวปราสาทจริงๆ  ก็ต้องค้าน
โดยแสดงจุดยืนว่า  เราไม่เคยยอมรับอธิปไตยของเขมรตรงนี้  แต่เรารักษามารยาทกับศาลโลก


การที่นายนพดล + ครม. ดันไปเปลี่ยนท่าทีในประเด็นนี้ โดยไม่เคยแม้แต่ถามความเห็นจากสภา
ทำหมาๆแบบนี้ต่างหาก ที่อยากจะถามว่า แล้วไทยได้อะไร

เราสนับสนุน   กัมพูชาขึ้นทะเบียนได้   เราได้ประโยชน์อะไร เราเสียอะไร

เราไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย
เท่ากับว่า เรายอมรับการเสียอธิปไตยเขาพระวิหาร
(ซึ่งถ้าเราหนักแน่นว่าเราไม่ยอมรับ  มันจะตายไหม)

เราไม่สนับสนุน  กัมพูชาขึ้นทะเบียนได้  เราได้ประโยชน์อะไร เราเสียอะไร

ไม่เสียหายตรงไหนเลย  เป็นมรดกโลกบนแผ่นดินอธิปไตยไทย  so what

กระทบความสัมพันธ์กับเขมร กระทบแน่  ดีสิมันจะได้อดดูละครน้ำเน่านะ น่ากลัวมากๆเลยน่ะ
แล้วตอนมันยื่นแผนที่ล้ำดินแดนไทย  มันเกรงใจเราเหรอ  นพดลมีปัญญาประท้วงรัฐบาลเขมรมั้ย.... ไม่เห็นทำอะไรเลย

เรา ไม่สนับสนุน  กัมพูชาขึ้นทะเบียนไม่ได้   เราจะได้อะไร เราจะเสียอะไร  

เงื่อนไขนี้  ไม่มีทางก่อสงครามได้ เพราะวัตถุประสงค์ของสงครามมันอ่อน
รบกัน เพื่อให้ไทยสนับสนุนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก  บ้า แค่นี้รบกันทำบ้าอะไร

เราก็ยืนยันจุดยืนของเรา  คิดว่าที่จีนมันไม่ยอมรับไต้หวันทุกวันนี้  มันได้อะไรล่ะ



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 19-06-2008, 19:01
ดูกันจะจะแผนที่เขาพระวิหารสองฉบับ....ใครได้ใครเสีย
มติชน วันที่ 19 มิถุนายน 2551 เวลา 16:14:20 น.

แผนที่รอบอาณาบริเวณ 'ปราสาทเขาพระวิหาร' เป็นที่ถกเถียงกันอยู่ และกำลังถูกปลูกสำนึก 'ความเป็นชาตินิยม' ขึ้นมาทั้งสองฝ่าย ระหว่างไทยและกัมพูชา ภาคประชาชน นักวิชาการทั้งหลายยังมีความข้องใจว่า ข้อตกลงที่รัฐทำ จะนำไปสู่การเสียดินแดนใช่หรือไม่

หมายเหตุ :  แผนที่อันแรกซึ่งมีสีแดงและสีเขียว คือแผนที่แนบท้ายที่รัฐบาลกัมพูชา ยื่นเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2549 ซึ่งกินบริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร เกินกว่าที่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ. 2505 ได้มอบให้ ในส่วนที่เป็นตัวปราสาทซึ่งใช้สีแดง และพื้นที่ทางตอนบนด้านซ้ายของแผนที่

ส่วนแผนที่อันที่สอง คือแผนที่ล่าสุดที่รัฐบาลกัมพูชา กำลังจะนำเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลกในการประชุมเดือนกรกฎาคม 2551 ที่จะถึงนี้ ซึ่งมีการขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท

(http://www.matichon.co.th/newspic//19-06-08-16-27-28.jpg)

แผนที่เขาพระวิหาร เสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลก ปี 2549

(http://www.matichon.co.th/newspic//19-06-08-16-28-11.jpg)

แผนที่เขาพระวิหาร ที่จะเสนอใหม่ ในเดือนกรกฎาคม 2551


อย่าลืมเปรียบเทียบกับแผนที่เดิมเมื่อปี 2505 ด้วยนะครับ

เรายังยืนยันว่าเขตไทยอยู่ที่ บันไดขั้นที่ 162 ตามที่จอมพลประภาส ได้ส่งมอบไปเฉพาะตัวปราสาท


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 19-06-2008, 19:03
โทษที...มัวแต่ออกไปทำงาน

กลับเข้ามาอีกที ... รู้สึกโดน 2 อมนุษย์ถล่มซะแทบจมดิน

ขอบคุณเพื่อนสมาชิก พี่ น้องและพ้องเพื่อนที่ช่วยยันไว้

พูดก็พูดเหอะ...ผมให้ไปขนาดนั้นแล้ว แต่ลูกกะ***พี่แม้วยังไม่เชื่อ ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วเหมือนกัน

ที่อยากทำตอนนี้คือเชิญ 2 ท่านที่ว่า มาศรีสะเกษหน่อยปะไร เดี๋ยวจะพาไปเที่ยวเขาพระวิหาร แล้วจะได้รู้ว่าอะไรคือเท็จอะไรคือหลอก

แต่ขอโทษ ถ้าผมกับเพื่อนพ้องน้องพี่แถวศรีสะเกษไม่ให้เหาะลงจากผามออีแดง..สาบานก็ได้..ให้ฟ้าผ่ากลางแดดซิ..


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 19-06-2008, 19:11
แผนที่เดิมของไทยปี 2505 มันไม่เป็นที่ยอมรับในศาลโลกไง...ปราสาทจึงถูกตัดสินว่าเป็นของเขมร  ตรกกะง่ายๆแค่นี้อ่ะท่าน  หุ หุ :slime_smile2:
ขอโทษนะจารย์จ๊ะ.. ผมไม่อยากเถียงคุณหรอก แต่บอกไว้นะตรงนี้ คุณอยู่ตรงไหนผมอยู่ตรงนั้นแหละ

อย่าลืมว่าชื่อพวกผมมันโดนลบจากทะเบียนราษฎร์ไปนานแล้ว...

บอกให้อีกนิด..แผนที่ที่ผมเอามาน่ะ..ได้มาก่อนที่ไอ้คุณนพดลจะเอามาเปิดซะอีก แต่เราไม่พูดกัน เพราะคำว่า "วินัย" มันค้ำคออยู่..เอวัง


หัวข้อ: ปธ.มรดกโลกชี้ไทยเสียดินแดนให้เขมรครั้งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 19-06-2008, 19:17
http://www.komchadluek.net/2008/06/19/x_main_a001_207842.php?news_id=207842

อ้างถึง
แฉรัฐบาลปลดคณะกรรมการมรดกโลกไทยทั้งชุดก่อนลงนามหนุนกัมพูชาส่งเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนมรดโลก อดีตประธานคณะกรรมการมรดกโลกเผยไทยเสียประโยชน์ เสียอำนาจอธิปไตย ถือเป็นยกแผ่นดินให้กัมพูชาครั้งแรก เชื่อท่าทีรีบร้อน "นพดล" มีผลประโยชน์แลกเปลี่ยนส่งผลให้ชาติเสียประโยชน์

(19มิ.ย.)  ดร.อดุลย์  วิเชียรเจริญ  อดีตประธานคณะกรรมการมรดกโลก เปิดเผยครั้งแรกหลังรัฐบาลลงนามสนับสนุนให้ กัมพูชา เสนอเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกว่า  ที่ผ่านมาได้มีการหารือกัมาตลอดระหว่างคณะกรรมการมรดกโลก และกรมอนุสนธิสัญญา กรมเอชีย ของกระทรวงต่างประเทศ กรณีที่ กัมพูชาจะขอเสนอ ปราสาทเขาพระวิหารเป็นพื้นที่มรดกโลก ตั้งแต่ปี 2548 ซึ่ง คณะกรรมการมรดกโลกเสนอไปว่า ควรจะต้องเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกันระหว่างไทยและกัมพูชา  เพราะไม่อย่างนั้นประเทศไทยจะเสียดินแดนและอธิปไตย และได้ยึดถือตามแนวทางข้อตกลงร่วมกันมาตลอดตั้งแต่ปี 2548

    ดร. อดุลย์ กล่าวอีกว่า  ไทยไม่สามารถจะสนับสนุนให้ประเทศกัมพูชา เสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลกเพียงประเทศไทยเดียวอย่างที่ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศไปลงนามนั้นไม่ได้ เพราะการขึ้นทะเบียนตัวเขาพระวิหารนั้น ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสท แต่จะต้องมีการประกาศเขตพื้นที่อนุรักษ์รอบตัวโบราณสถาน  ซึ่งการออกประกาศก่อสร้าง ในเขตอนุรักษืพื้นที่ทำในเขตไทยเพราะฉะนั้น ถือเป็นการรุกล้ำดินแดนไทย  เนื่องจากคำตัดสินของศาลโลกที่ยึดถือกันมาตลอดคือ ปราสาทเขาพระวิหาร เป็นของกัมพูชา แต่แผ่นดินเป็นของประเทศไทย ทำให้ที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐบาล ชุดไหนไปลงนามเซ็นสัญญาลักษณะนี้  โดยจะเจรจา ตามแนวทางการเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกันเท่านั้น





   นอกจากนี้การขึ้นทะเบียนปราทาทเขาพระวิหารไม่ได้ขึ้นทะเบียนเพียงตัวปราสาท หากรวมถึงโบราณสถานอื่นๆที่อยู่ในดินแดนไทย เพราะ ลักษณะโบราณสถานที่เรียกว่า ปราสาทเมืองต่ำที่บูชาพระศิวะนั้นจะต้องมีบาลายที่เป็นทะเลสาป ก่อนที่จะเข้าสู่ตัวพระวิหาร เช่นเดียวกับปราสาทเขาพนมรุ้งที่จะมี แอ่งน้ำบาลายสี่เหลี่ยมผืนก่าอนที่จะเข้าสู่ตัวปราสาท  และปราสาทเขาพระวิหารไม่มีตัว"บาลาย"  จึงได้มีการสำรวจบริเวณรอบๆแล้วพบตัว "บาลาย"ฝั่งทิศเหนือจากบันไดปราสาท ในเขตดินแดนของประเทศไทย แต่ถูกกิ่งไม้ทับถมจึงหาไม่พบซึ่งหลังจากค้นพบ ทำให้คณะกรรมการมรดกโลกยืนยันว่า การเสนอขึ้นทะเบียนเขามรดกโลกต้องเสนอร่วมกันเท่านั้น

  "เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศ โดยมีอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายคนเก่าได้เดินทางมาหารือกับผมอีกครั้งขณะที่ผมยังอยู่ที่โรงพยาบาล ในเรื่องการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเขาพระวิหาร แต่ก้ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ยึดแนวทางตามข้อตกลงในปี 2548 โดย ให้เสนอร่วมกันระหว่างประเทศ  เพราะหากเราไปสนับสนุนให้ กัมพูชาขึ้นทะเบียนเราจะเสียอธิปไตยเพราะแผนการจัดการพื้นที่จะตกไปอยู่ที่กัมพูชา ทันทีซึ่ง อธิบดีกรมสนธิสัญญาก็ยึดถือตามนั้น จนอาจจะเป็นสาเหตุของคำสั่งย้าย" นายอดุลย์ กล่าว

 อย่างไรก็ตาม นายอดุลย์ กล่าวว่า หลังจากนั้นไม่ถึงสัปดาห์ ผมก็ทราบว่า อธิบดีคนนี้ได้ถูกสั่งย้ายซึ่งไม่ทราบว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุใด และเมื่อสัปดาห์ทีผ่านมา เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศ จาก กรมเอเซีย และกรมสนธิสัญญา ได้มาหารือกับผมอีกครั้ง  โดยนำเอาวีดีโอ มาบันทึก ซึ่งผมก็เสนอไปเช่นเดิมว่าไม่เห็นด้วยที่จะลงนาม สนับสนุนกัมพูชา  และเห็นว่าควรจะต้องเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกันเท่านั้น

 " หลังจากที่ เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศมาหารือและผมยืนยันไปตามมติตามแนวทางปี2548 จากนั้นผมก็ทราบว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยไปตกลงลงนามเพื่อสนับสนุนให้กัมพูชา ไปเสนอขึ้นทะเบียนมรกดโลกที่ยูเนสโกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ประเทศชาติเสียหายมากเพราะอำนาจการบริหารจัดการทั้งหมดอยู่ที่กัมพูชา"

 นายอดุลย์ กล่าวอีกว่า  สิ่งที่เกิดขึ้น การรีบร้อนในการลงนาม เพื่อสนับสนุนกัมพูชาของ นาย นพดล  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ทั้งๆที่มีเวลาในการพิจารณา ถึง 2 ปี ทำให้ผมมั่นใจว่า ข่าวคราวที่ออกมาว่าการเสนอขึ้นทะเบียนเขาพระวิการกับการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์บางอย่าง น่าจะเป็นจริง อีกทั้ง การให้สัมภาษณ์ของ เตียบันที่ เกาะกง ก็ชัดเจนว่า น่าจะมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เกิดขึ้น

 " ครั้งแรกที่ผมได้ข่าวว่ามีการเจรจาแบ่งผลประโยชน์ผมแค่ฟังหูไว้หู ไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น แต่หลังจากที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ของไทยไปลงนาทกับกัมพูชาและเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี พร้อมทั้ง รีบนำข้อเสนอดังกล่าวต่อ ที่ทำการยูเนสโก้ ทำให้มั่นใจว่า สิ่งที่เคยฟังหูไว้หูในเรื่องผลประโยชน์น่าจะเป็นเรื่องจริง และคงจะมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เกิดขึ้นแล้ว" นายอดุลย์ กล่าว

 นายอดุลย์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่นายนพดล ดำเนินการจึงเป็นเรื่องที่ประเทศเสียประโยชน์อย่างมาก  และการเนินการยังปกปิดข้อมูลการเซ้นสัญญาร่วมไม่ได้เปิดเผยให้กับสาธารณะชนรับรู้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถือว่ายอมรับกันได้ยากมาก และน่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์มากกว่า เพราะท่าที่รีบร้อนของ รัฐมนตรีต่างประเทศที่รีบเซ็นลงนามโดยที่ไทยไม่ได้ประโยชน์เลย

 ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลกกับยูเนสโก้ ไทยสามารถคัดค้านได้หรือไม่  นายอดุลบอกว่า หลังจากนี้ แล้ว อาจจะเป็นเรื่องยากเนื่องจากรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ไปเซ็นรับรองแผนที่ของกัมพูชา ถือเป็นการตกลงร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลไปแล้ว ซึ่งคณะกรรมการมรดกโลก อาจจะไม่รับพิจารณา

  นอกจากนี้ นายอดุลย์ กล่าวอีกว่า เมื่อ2สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีหนังสือ แต่งตั้งคณะกรรมการมรดกโลกชุดใหม่ เดิมมีชื่อผมเป็นที่ปรึกษา แต่ล่าสุดพบว่า ไม่มี ซึ่งก็ไม่เป็นไหรเชื่อว่าคณะกรรมการชุดใหม่ น่าจะสามารถเรียนรู้งานได้

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทางสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการมรดกโลกของไทย ได้ มีคำสั่งการเปลี่ยนแปลงประธานคณะกรรมการมรดกโลกคนใหม่แล้ว จากเดิมที่มีศ. ดร.อดุล วิเชียรเจริญ เป็นประธาน มาเป็นนายปองพล อดิเรกสาร อดีต รมว.ศึกษาธิการ พร้อมกับผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการชุดนี้กว่า 10 คน อาทิ ดร.มานิตย์ ศิริวรรณ ออกจากการเป็นกรรมการมรดกโลกในประเทศไทย  โดยคณะกรรมการชุดใหม่ ทั้งหมดจะเป็นผู้เดินทางเข้าร่วมการประชุมมรดกโลกที่เมืองคิวเบก ประเทศแคนาดา ระหว่างวันที่ 2-10 ก.ค. นี้

  อย่างไรก็ตามแหล่งข่าว จากคณะกรรมการมรดกโลกประเทศไทยคนหนึ่ง กล่าวว่า การลงนามรับรองแผนที่ของกัมพูชาของ นายนพดล ถือเป็นครั้งแรกในการตกลงยกดินแดนให้กัมพูชาอย่างเป็นทางการ หรือเรียกว่าเป็นการเสียดินแดนครั้งแรก เนื่องจากที่ผ่านมา หลังจากที่ ศาลโลกในปี 2505 ตัดสินให้ตัวปราสาทเป็นของกัมพูชา แต่ดินแดนเป็นของไทยนั้น ได้มี มติครม.สมัย จอมพลสฤษดิ์   ธนะรัชต์ ออกมาเพียงเรื่องของเขตแดนในประเทศไทยเท่านั้น ไม่ได้มีข้อตกลงร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชาครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรก

 "การที่รัฐมนตรีต่างประเทศไปเซ็นรับรองถือเป็นครั้งแรกของการยอมรับกรณีที่พิพาทที่ดินระหว่างไทยกับกัมพูชาเพราะที่ผ่านมา ไทยไม่เคยยอมรับในเรื่องนี้เลยเพราะศาลโลกตัดสินแล้วว่า ดินแดนเป็นของไทย การที่ตัวอาคารของเขมรมาตั้งในดินแดนไทยก็ไม่มีปัญหา และเรายังมีอำนาจบริหารแผ่นดินของเรา แต่การรัฐมนตรีต่างประเทศไปเซ้นรับรองแผนที่กัมพูชาเท่ากับยอมรับยกพื้นที่ให้กัมพูชาเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์"

 นอกจากนี้แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า อีกประเด็นที่น่าห่วงคือการที่ไทยยอมรับในเรื่องพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ทั้งๆที่เขมรเองไม่เคยอ้างสิทธิ์ดังกล่าว เท่ากับ เป็นการเสีบยประโยชน์ด้วยเช่นกัน ทำให้น่าจะตั้งข้อสังเกตว่า อาการรีบร้อนและการตกลงแบบนี้ น่าจะมีปัญหาการเมืองเกี่ยวข้องด้วย

   " การที่รัฐมนตรีต่างประเทศเซ็นลงนามรับรอง แผนที่กัมพูชาและแผนที่ฉบันนั้นจะถูกส่งไปยัง ยูเนสโก้ ซึ่งเป็นงองค์กระระหว่างประเทศ ถือเป็นการยอมรับยกดินแดนให้กับกัมพูชาครั้งแรก หรือเรียกว่าไทยเสียดินแดนครั้งแรกด้วย"

ทุกภาคส่วน ออกมาคัดค้านการขายชาติของไอ้เหล่และไอ้เหลี่ยมแล้ว ลิ่วล้อลูกหาบคนขายชาติ มาด่าด่วน หน้าที่ขายชาติของพวกมรึง ทำเข้าไป  :slime_v:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 19-06-2008, 19:24
อิ อิ กำลังจะถามหาความเห็น ศ. ดร. อดุลย์ วิเชียรเจริญอยู่พอดี

ที่จริงมีกลุ่มอาจารย์ วิถีไทย ( ไม่แน่ใจ ) อีกกลุ่มครับ ใครมีก็นำมาโพสท์ด้วย

ผมขออนุญาตเก็บข้อมูลนี้ไปไว้ในห้องสมุด ด้วยนะครับ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 19-06-2008, 19:28
ศาลโลกเปลี่ยนคำตัดสินออกจะบ่อยไป
โดยเฉพาะคดีความ - ความขัดแย้งอันเกิดจากการกระทำในลักษณะแสวงหาอาณานิคม

คณะตุลาการศาลโลกสมัยปี 2505 ก็ตายห่าตายโหงไปหมดแล้ว
เวลานั้นเทคโนโลยี่ยังไม่ก้าวหน้า  พิสูจน์อะไรก็ว่าไปตามหลักฐานแกน ๆ ที่แต่้ละฝ่ายหามาได้
ฝ่ายไหนหามาได้มากกว่า  มีความเชี่ยวชาญมากกว่า  หรือเข้าหลัก "ข้อกฎหมาย" มากกว่า ก็ได้เปรียบไป

ในขณะที่ปัจจุบันนี้ไม่ใช่ 
เทคโนโลยี่ก้าวหน้าขึ้นมาก  จนสามารถตรวจสอบดูอาณาบริเวณหรือภูมิประเทศที่แท้จริงได้จากภาพถ่ายดาวเทียม
หรือแม้แต่ถ่ายทอดข้อเท็จจริงผ่านทางอินเตอร์เน็ต
ศาลหรือคณะตุลาการปัจจุบันนี้ก็รอบรู้ ไม่ใช่เพียงแต่เป็นผู้พิพากษาแก่ ๆ ที่ผ่านงานเพียงด้านรัฐศาสตร์ - กม.

ดังนั้นการรักษาสิทธิไว้ก่อน  เพื่อการพิสูจน์ทราบในสิ่งที่เรียกว่า "ข้อเท็จจริง" ย่อมเป็นการฉลาดกว่าและรับผิดชอบมากกว่า

เทียบได้กับงานโบราณคดี
นักโบราณคดีก็จะไม่ทำลายวัตถุหรือสถานที่อันเป็นของเก่า - ของโบราณ เสียจนยับเยิน - เปลี่ยนสภาพไป
เพราะคนรุ่นพ่อแม่ตระหนักดีว่า "สติปัญญา" ของตนย่อมสู้คนรุ่นลูกหลานไม่ได้
ด้วยคนรุ่นลูกหลาน  ย่อมพัฒนาและสั่งสมไว้ซึ่งประสบการณ์มากกว่า
ในการตัดสินใจหรือวิเคราะห์ผลใด ๆ  ย่อมต้องเป็นไปอย่างรอบคอบและรอบรู้ยิ่งกว่า
จึงพยายาม "รักษา" ไว้ซึ่งโบราณวัตถุสิ่งนั้น - โบราณสถานนั้น ๆ
เพื่อการประโยชน์อันลึกซึ้งและเที่ยงธรรมยิ่งกว่า  ในวันข้างหน้า


อ่านถึงตรงนี้แล้วคงเข้าใจว่าทำไมจึงต้องรักษา "สิทธิ" เอาไว้ก่อน


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: boyk ที่ 19-06-2008, 19:29
ถามง่ายๆ

การจะมีหรือทำพันธสัญญาที่เกี่ยวข้องกับเขตแดนกับต่างชาติ

จะเสียหรือไม่เสียดินแดนก็อีกประเด็นหนึ่ง

ประชาชนโดยผ่านรัฐสภามีสิทธิรับรู้ก่อนหรือไม่

เป็นเรื่องเร่งด่วนหรือไม่ เมื่อเทียบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ การแก้ ไม่แก้รธน.
ดูเหมือนรัฐบาลนี้จะไม่เรียงลำดับความสำคัญของปัญหาว่า
อะไรควรทำก่อน อะไรเร่งด่วน อะไรทำทีหลังก็ได้ ไม่ต้องรีบไปผูกมัด

มันสมควรมั้ยที่จะทำให้ผู้คนเขาสงสัยเรื่องวาระซ่อนเร้น แม้จะมีหรือไม่มีวาระนั้นก็ตาม


หัวข้อ: คณาจารย์-นศ.นิด้าสุดทนงุบงิบเขาพระวิหาร ร้องสังคมต้าน รบ.ลุแก่อำนาจ
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 19-06-2008, 19:32
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000072249

อ้างถึง
คณาจารย์ ข้าราชการ และนักศึกษานิด้าสุดทน ออกแถลงการณ์ค้านการกระทำของรัฐบาลต่อ “ปราสาทพระวิหาร” เผยปิดกั้นการรับรู้ของส่วนร่วม สุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดน-อธิปไตยของชาติ เรียกร้องทุกภาคส่วนปฏิเสธทุกการดำเนินงานอย่างกว้างขวางและพร้อมเพรียง
       
       วันนี้ (19 มิ.ย.) เวลา 16.00 น.ที่หอประชุมใหญ่ ชั้น 9 อาคารวิทยบริการ สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า บรรดาคณาจารย์ ข้าราชการและนักศึกษานิด้า ได้ออกแถลงการณ์ต่อกรณี “ปราสาทพระวิหาร” โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
       
       ในฐานะที่เราอยู่ในสถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐมีภาระหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารการพัฒนาประเทศ เรามีมุมมองต่อประเด็นปัญหาของสังคมในขณะนี้ โดยเฉพาะการที่ฝ่ายการเมืองไปทำข้อตกลงเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร โดยปิดกั้นหรือหลีกเลี่ยงการมีส่วนร่วมของสังคมไม่ให้รับรู้รายละเอียด เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดนและอธิปไตยต่อประเทศ ประกอบกับรัฐบาลแสดงท่าที และมีเจตนาปิดกั้นการอภิปรายในรูปแบบใดๆ ในรัฐสภา ทำให้ประเด็นนี้ไม่สามารถได้รับการพิจารณาร่วมกันในระหว่างฝ่ายต่างๆ ได้
       
       ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้สังคมทุกภาคส่วนร่วมกันปฏิเสธการดำเนินการใดๆ ที่รัฐบาลทำกับประเทศกัมพูชา เราขาให้สถาบันการศึกษา สถาบันต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ออกมาปฏิเสธการดำเนินการครั้งนี้ของรัฐบาลอย่างกว้างขวางและพร้อมเพรียงกัน
       
       
       ดร.สมพจน์ กรรณนุช อาจารย์ประจำคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้(20 มิ.ย.) คณาจารย์ และนักศึกษาของนิด้าจะร่วมเคลื่อนไหวกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วย เนื่องจากการกระทำของนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ และรัฐบาลไทย เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ที่ไปลงนามความร่วมมือเกี่ยวกับเขาพระวิหารกับรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งเป็นหลักฐานที่เห็นได้ชัดเจนว่าพฤติกรรมของรัฐบาล เป็นการกระทำที่ค่อนข้างที่ปกปิด และหลีกเลี่ยงที่จะให้ประชาชน และทุกภาคส่วนของไทยได้รับรู้ว่าทำอะไรกันอยู่
       
       นอกจากนี้ยังมีข้อมูลบางอย่างที่ทำให้สงสัยได้ว่ารัฐบาลมีผลประโยชน์แลกเปลี่ยนกับเรื่องอื่นๆซึ่งเป็นข้อสงสัยที่เป็นการสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทย อีกทั้งรัฐบาลหลีกเลี่ยงไม่ให้ประชาชนรับรู้ ไม่มีส่วนร่วมใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่ช่องทางที่รัฐสภาจะอภิปรายก็เปิดไม่ได้ รัฐบาลปิดช่องทางที่จะให้ทุกฝ่ายจะมีส่วนร่วมและตรวจสอบ
       
       "ดังนั้น รัฐบาลที่ดำเนินการโดยไม่มีความชอบธรรมเป็นการผิดต่อรัฐธรรมนูญประชาชนมีสิทธิที่จะปฏิเสธรัฐบาลได้ และหากรัฐบาลชุดนี้ไม่อยู่ พวกเราจะมีหลักฐานว่าประชาชนไทยมีการยื่นประท้วงเรื่องดังกล่าวแล้ว เป็นการขอปฏิเสธข้อตกลงต่างๆ ที่รัฐบาลไปทำไว้ ลักษณะคล้ายๆ เสรีไทย ที่ปฏิเสธความตกลงระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2”ดร.สมพจน์กล่าว
       
       รศ.ทวีศักดิ์ สูทกวาทิน กล่าวว่า นับแต่ปี 2505 ที่ศาลโลกพิพากษาให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชาจนถึงวันนี้เป็นเวลา 47 ปีผ่านมาแล้ว ซึ่งหลังจากที่ศาลโลกได้มีคำตัดสินดังกล่าว จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีไทยขณะนั้น ได้มีแถลงการณ์ออกมาโดยมีใจความสรุปว่า รัฐบาลต้องการให้ประชาชนได้รับรู้ในเรื่องดังกล่าวและมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาต่อไป ซึ่งรัฐบาลขอสงวนสิทธิ์ในทางอธิปไตยที่จะดำเนินการในแนวทางอื่นที่ดำเนินการได้ แต่ก็จะเคารพในคำตัดสินของศาลโลก ซึ่งนัยยะแถลงการณ์ของรัฐบาลไทยในขณะนั้นคือ ไม่ยอมรับในคำตัดสินของศาลโลกและขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการทางอื่นที่ทำได้ แต่รัฐบาลชุดนี้ได้ไปลงนามข้อตกลงกับรัฐบาลกัมพูชา โดยที่ประชาชนไม่มีส่วนรับรู้ความชัดเจนของเนื้อหาสาระข้อตกลงที่รัฐบาลไทยไปทำกับต่างประเทศเลยแม้แต่น้อย
       
       “วิธีการที่รัฐบาลไทยทำโดยสังคมไม่ได้รับรู้อะไรเลย และขอให้คนในสังคมเชื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบบราชการที่เกี่ยวข้อง และกรมแผนที่ทหารว่าดำเนินการทุกอย่างอย่างดีที่สุดแล้วไม่เพียงพอ การดำเนินการเรื่องนี้สังคมต้องรับรู้ และการที่รัฐบาลอ้างว่ารายละเอียดข้อตกลงกับกัมพูชาไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากขณะนี้ทางกัมพูชาอยู่ระหว่างการเลือกตั้งนั้น ก็ต้องถามว่าแล้วประชาชนไทยไม่มีความจำเป็นต้องรับรู้รายละเอียดข้อตกลงหรือ ซึ่งหากมีเงื่อนไขว่ากัมพูชาอยู่ในช่วงเลือกตั้ง เหตุใดจะต้องรีบเร่งลงนามความร่วมมือในช่วงนี้ ทำไมไม่รอให้กัมพูชาเลือกตั้งเสร็จก่อนแล้วค่อยมาพิจารณาร่วมกัน ดังนั้น เราจึงขอปฏิเสธการลงนามของรัฐบาล และขอให้สังคมได้มาส่วนในการตัดสินเรื่องนี้ด้วย”
       
       รศ.ทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทางคณาจารย์นิด้าคงจะได้พูดคุยกับนักวิชาการสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.)ในเร็วๆ นี้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และขอให้รัฐบาลฟังเสียงของสังคมอย่างน้อยขณะนี้ก็มีนักวิชาการออกมาคัดค้านทั้งที่ มธ. และ นิด้า อย่าคิดว่าเป็นประเด็นที่พันธมิตรฯ นำมาพูดแล้วจะอคติไม่ใส่ใจควรรับฟัง และทำเรื่องนี้อย่างเปิดเผยเพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ และเข้าใจความเป็นมาเป็นไปของเขาพระวิหาร เพราะเด็กรุ่นปัจจุบันจำนวนมากยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้
       
       ขณะที่รศ.ดร.ธวัชชัย ศุภประดิษฐ์ รองประธานสภาคณาจารย์ สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์(นิด้า) กล่าวว่า นิด้าไม่เห็นด้วยกับการที่ฝ่ายการเมืองไปทำข้อตกลงเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเปิดเผยและแสดงจุดยืนนี้ต่อประชาชนเพื่อแสดงการคัดค้านและร่วมตั้งคำถามกับรัฐบาลในกรณีดังกล่าว
       
       “ในความคิดของประชาชนนั้น นักการเมืองคือบุคคลที่ไม่น่าไว้ใจมากที่สุด แล้วเราจะเอาผืนแผ่นดินไทยไปผูกติดกับนักการเมืองเพียงไม่กี่คนหรือ ผมว่าน่าจะเป็นคำถามที่ประชาชนต้องเอากลับไปคิด”
       
       รศ.ดร.ธวัชชัย กล่าวอีกว่า ข้อหมกเม็ดของนักการเมืองไทยที่ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลของแถลงการณ์ข้อตกลงระหว่างไทยกับกัมพูชานั้นบ่งชี้ชัดเจนว่ามีผลประโยชน์ต่อกลุ่มการเมืองซุกซ่อนอยู่ เพราะหากโปร่งใสจริงรัฐบาลไทยต้องสามารถเปิดเผยข้อมูลหรือข้อสัญญาให้ประชาชนเจ้าของแผ่นดินรับทราบก่อนตัดสินใจ แต่การตัดสินใจร่วมสัญญาเพียง 2-3 คนและเวลากระชั้นชิดนั้นแสดงถึงความไม่โปร่งใสอย่างยิ่ง
       
       “จนขณะนี้เราก็ไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วในวงสนทนาการทำสัญญาเขาพูดอะไรกันบ้าง ซึ่งมันน่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลจึงรีบด่วนตัดสินใจทำข้อสัญญาดังกล่าว” รองปธ.สภาคณาจารย์นิด้าตั้งข้อสังเกต
       
       ทั้งนี้ ในการแถลงข่าวดังกล่าวคณาจารย์ และบุคลากรนิด้า ได้ลงนามร่วมกันคัดค้านการทำความร่วมมือของรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาไว้ด้วย
       
       อนึ่ง นอกจากจะมีแถลงการณ์คัดค้านรัฐบาลแล้ว ในวันพรุ่งนี้(20 มิ.ย.) นักศึกษาและคณาจารย์จำนวนหนึ่งจะเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อขอคำชี้แจงจากคณะรัฐมนตรี และสมทบกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วย

สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า  ออกมาต่อต้านอีกหนึ่งแห่ง

ไอ้เหล่ ไอ้เหลี่ยม ไอ้ลิ่วล้อลูกหาบ มีอะไรจะด่า เชิญ


หัวข้อ: เซ้งเขาพระวิหารเป็นโมฆะ!
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 19-06-2008, 19:41
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000072213

อ้างถึง
เซ้งเขาพระวิหารเป็นโมฆะ!
 
โดย สิริอัญญา  19 มิถุนายน 2551 17:11 น.
 
 
 
การตั้งข้อสงสัยของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อรัฐบาลหุ่นเชิดเกี่ยวกับกรณีเขาพระวิหารว่าเป็นการขายชาติ ยกอธิปไตยเหนือดินแดนเขาพระวิหารให้แก่เขมร เป็นความจริงขึ้นมาแล้ว! และทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนแก่กัมพูชาไปแล้ว
       
       หลังจากปกปิดมุบมิบเล่นเล่ห์กลมาพักใหญ่ ก็ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ เดินขบวนใหญ่ทวงถามรัฐบาลให้เปิดเผยข้อเท็จจริง และเป็นผลให้นายนพดล ปัทมะ เปิดการแถลงข่าวเรื่องนี้ในตอนบ่ายวันที่ 18 มิถุนายน 2551
       
       และจากการแถลงข่าวนั่นเอง ข้อเท็จจริงก็เปิดเผยออกมาชัดเจนยิ่งขึ้นว่ากรณีเป็นการขายชาติยกอธิปไตยเหนือดินแดนเขาพระวิหารให้แก่เขมรจริง ๆ สมดังที่กลุ่มพันธมิตรฯ เขากล่าวหา
       
       แต่จากคำแถลงและเอกสารแผนที่ ตลอดจนแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา นั้นใช้ทั้งภาษาการทูต ภาษากฎหมาย และมีความซับซ้อนในเรื่องวิชาการแผนที่ จึงทำให้เข้าใจได้ยาก
       
       ทั้ง ๆ ที่เนื้อแท้และความจริงแล้วก็คือการขายชาติ โดยยกอธิปไตยเหนือดินแดนเขาพระวิหารให้แก่กัมพูชาไปอย่างหน้าตาเฉยนั่นเอง
       
       ดังนั้นมาทำความเข้าใจถึงถ้อยคำภาษากฎหมายภาษาการทูตและความซับซ้อนเรื่องวิชาการแผนที่ ตลอดจนการใช้เล่ห์กลซับซ้อนซ่อนเงื่อนในเรื่องนี้กันให้ชัดเจน ซึ่งมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
       
       เรื่องที่หนึ่ง สิ่งที่เรียกว่าแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ซึ่งมีแผนที่ประกอบตามที่นายนพดล ปัทมะ แถลงนั้น เนื้อหาที่แท้จริงก็คือข้อตกลงชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ และมีผลต่อดินแดนของราชอาณาจักรไทย
       
       ข้อตกลงประเภทนี้รัฐธรรมนูญปัจจุบันบัญญัติว่าจะต้องดำเนินการสองประการก่อนจึงจะลงนามในเอกสารนั้นได้ คือ ประการแรก จะต้องนำกรอบข้อตกลงขออนุมัติต่อรัฐสภาเสียก่อน และประการที่สอง จะต้องให้ประชาชนในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาออกความเห็นด้วย หากไม่ปฏิบัติตามนี้รัฐบาลก็ทำข้อตกลงนั้นไม่ได้
       
       การที่รัฐบาลลงนามในข้อตกลงตามเอกสารที่เรียกว่าแถลงการณ์ร่วมจึงขัดต่อรัฐธรรมนูญ ประชาชนชาวไทยจึงมีสิทธิ์ประกาศว่าแถลงการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นโมฆะ ไม่มีผลผูกพันประเทศไทยและรัฐบาลไทย ตลอดจนประชาชนไทย ทำนองเดียวกับที่ขบวนการเสรีไทยเคยประกาศโมฆะกรรมที่รัฐบาลเผด็จการ ป.พิบูลสงคราม ได้ทำสนธิสัญญาเข้าร่วมวงศ์ไพบูลย์เอเชียบูรพากับญี่ปุ่นทำสงครามกับพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สองมาแล้ว
       
       เรื่องที่สอง แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวเป็นข้อตกลงประเภทที่เรียกว่าสัญญาประนีประนอมยอมความ คือระงับข้อพิพาทที่มีต่อกันในเรื่องเขตแดน
       
       ขอให้สาธุชนผู้รักชาติทั้งปวงได้สังเกตถ้อยคำในแถลงการณ์ร่วมนั้นให้ดี ก็จะพบว่ามีถ้อยคำว่าเพื่อการประนีประนอม และถ้อยคำนี้อยู่ภายหลังข้อความที่ว่าเพื่อความเป็นไมตรีระหว่างกัน
       
       เป็นการใช้ภาษากฎหมายผสมกับภาษาการทูตด้วยเล่ห์กลอุบายขายชาติ ซึ่งถ้าหากอธิบดีกรมสนธิสัญญาและเลขาธิการ สมช. คนก่อนไม่ถูกย้ายอย่างฉุกเฉินแล้ว ข้อตกลงขายชาติแบบนี้ก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้
       
       เห็นหรือยังว่าการย้ายอดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและเลขาธิการ สมช. อย่างฉุกเฉินก็เพราะมีนัยที่จะผลักดันข้อตกลงอันเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวนี้ไม่ใช่หรือ?
       
       อันสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างประเทศ เมื่อทำโดยถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศแล้วก็ใช้บังคับระหว่างกันได้ มีผลเป็นการระงับข้อพิพาทอื่น ๆ หรือปัญหาที่เคยมีต่อกันก่อนหน้านี้ทั้งหมด
       
       นี่คือการมัดตราสังข์ประเทศไทยและรัฐบาลไทยในภายภาคหน้าไม่ให้มีโอกาสทวงคืนปราสาทพระวิหารและดินแดนแถบนั้นได้อีกต่อไป!
       
       เรื่องที่สาม ข้อตกลงดังกล่าวนี้ไม่มีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยเลย หากเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์แก่เขมรฝ่ายเดียวเท่านั้น และเป็นประโยชน์หลายสถาน คือ
       
       (1) เขมรได้ไปซึ่งปราสาทพระวิหารอย่างถาวรอย่างหนึ่ง
       (2) เขมรได้ไปซึ่งปราสาทในบริเวณใกล้เคียงอีก 3 หลัง รวมทั้งทางขึ้นอย่างหนึ่ง
       (3) เขมรได้ไปซึ่งพื้นที่อันเป็นดินแดนของประเทศไทยซึ่งเป็นที่ตั้งของบริเวณปราสาททั้งหมดเป็นเนื้อที่ประมาณ 2.5 ตารางกิโลเมตรอย่างหนึ่ง และ
       (4) เขมรได้ไปซึ่งสิทธิ์ที่รัฐบาลไทยยอมรับว่าดินแดนประเทศไทยในพื้นที่ข้างเคียงรวมตลอดไปถึงอุทยานแห่งชาติพระวิหารเนื้อที่ประมาณ 8 ตารางกิโลเมตรเป็นพื้นที่ทับซ้อน และอยู่ในข้อตกลงที่จะต้องจัดการผลประโยชน์ร่วมกันอีกอย่างหนึ่ง
       
       ทั้ง 4 ประการนี่แหละเป็นเรื่องอุบาทว์ชาติชั่ว เป็นเรื่องการขายชาติ เป็นเรื่องการปล้นชาติ เป็นเรื่องปล้นอธิปไตยของประเทศที่บรรพบุรุษไทยและกองทัพไทยได้พิทักษ์รักษามาตั้งแต่บรรพกาลให้กับเขมรไปอย่างหน้าตาเฉย
       
       มาเข้าใจเรื่องนี้กันให้ลึกซึ้งสักหน่อย ซึ่งสามารถพูดให้เข้าใจได้โดยง่ายดังนี้
       
       (1) ในเรื่องตัวปราสาทพระวิหาร ซึ่งศาลโลกเคยตัดสินให้เป็นของเขมรนั้น รัฐบาลไทยในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้สงวนสิทธิ์และโต้แย้งไว้ต่อสหประชาชาติว่าปราสาทพระวิหารนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศไทย แต่จะปฏิบัติตามคำพิพากษาไปก่อนตามพันธะแห่งกฎบัตรสหประชาชาติ โดยสงวนสิทธิ์ที่จะเอาคืนหรือพิสูจน์ใหม่ในอนาคต
       
       ข้อตกลงหรือแถลงการณ์ร่วมของรัฐบาลหุ่นเชิดคือการสละสิทธิ์ดังกล่าวทั้งหมดและยกปราสาทพระวิหารให้เป็นของเขมรอย่างถาวรตลอดกัลปาวสาน
       
       (2) ปราสาทอื่นในบริเวณนั้นอีก 3 หลัง รวมทั้งทางเดินขึ้นปราสาทพระวิหารทั้งหมด ศาลโลกไม่ได้ตัดสินให้เป็นของเขมร และประเทศไทยก็ถือว่าเป็นทรัพย์สมบัติของประเทศไทยตลอดมา
       
       แต่รัฐบาลหุ่นเชิดได้ตกลงในแถลงการณ์ร่วมแบบมุบมิบโมเมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเขมรไปทั้งหมด
       
       (3) พื้นที่อันเป็นที่ตั้งปราสาทพระวิหารและปราสาทอีก 3 หลัง รวมทั้งทางขึ้นเป็นดินแดนของประเทศไทย เป็นอธิปไตยของประเทศไทย และศาลโลกก็มิได้ตัดสินให้เป็นของเขมร แต่เขมรเขียนแผนที่ใหม่ฝ่ายเดียว ระบุว่าเป็นดินแดนของเขมร
       
       ดังนั้นการที่รัฐบาลหุ่นเชิดยอมรับแผนที่ดังกล่าว จึงเท่ากับเป็นการยกดินแดนหรืออธิปไตยของประเทศไทยอันเป็นพื้นที่ตั้งปราสาทพระวิหาร ปราสาทอื่นอีก 3 หลัง และทางขึ้นเป็นเนื้อที่ประมาณ 2.5 ตารางกิโลเมตร ให้เป็นของกัมพูชาไปทั้งหมด ซึ่งถือเป็นข้อตกลงประนีประนอมยอมความดังที่ได้จั่วหัวไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว
       
       (4) พื้นที่นอกบริเวณพื้นที่อันเป็นที่ตั้งตัวปราสาทและทางขึ้น มีอาณาเขตประมาณ 8 ตารางกิโลเมตร ซึ่งกินพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติพระวิหารและมีชาวเขมรมาตั้งร้านค้า ตั้งวัดอยู่แล้ว และเป็นดินแดนของประเทศไทย เป็นอธิปไตยของประเทศไทย โดยในแผนที่ของประเทศไทยก็ระบุชัดว่าเป็นดินแดนของประเทศไทย
       
       แต่รัฐบาลหุ่นเชิดได้ทำความตกลงให้ถือเอาพื้นที่ดังกล่าวเป็น “เขตทับซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชา” และ “จะดำเนินการบริหารจัดการหาประโยชน์ร่วมกัน”
       
       นี่คือการสละดินแดนและอธิปไตยซึ่งเป็นของประเทศไทยโดยสมบูรณ์ให้กลายเป็น “เขตทับซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชา” เป็นเนื้อที่ถึงประมาณ 8 ตารางกิโลเมตร
       
       แล้วข้อตกลงอันเป็นแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวก็ได้วางกรอบเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าวว่าทั้งไทยและกัมพูชาจะบริหารจัดการร่วมกัน ซึ่งจะเปรียบก็เหมือนๆ กับการทำความตกลงว่าให้สนามหลวงเป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชา แล้วยอมให้ไทยและกัมพูชาบริหารจัดการแล้วหาประโยชน์ร่วมกันนั่นเอง มันจึงเป็นเรื่องโกงอธิปไตยของชาติอย่างหน้าด้าน ๆ
       
       ที่แถลงแก้ตัวว่าการบุกรุกของชาวกัมพูชาในพื้นที่ดังกล่าวจะเจรจากันในภายหลังนั้น เมื่อประกอบกับข้อตกลงดังกล่าวแล้วก็เห็นได้ชัดว่าได้วางเงื่อนไขที่เสียเปรียบซ้ำเข้าไปอีก เพราะเท่ากับเป็นการไม่โต้แย้งคัดค้านการที่ชาวเขมรมาตั้งถิ่นฐานและวัดวาอารามในพื้นที่นั้น
       
       ด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผลดังกล่าวมานี้จึงเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าข้อตกลงซึ่งกระทำการในแถลงการณ์ร่วมของรัฐบาลหุ่นเชิดทำให้ราชอาณาจักรไทยเสียหายดังต่อไปนี้
       
       1. ปราสาทพระวิหารซึ่งรัฐบาลไทยสงวนสิทธิ์ไว้ว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศไทย จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเขมรอย่างถาวรตลอดกาลด้วยการสละสิทธิ์ของรัฐบาลหุ่นเชิด โดยประเทศไทยหมดสิทธิ์ทวงคืนตลอดไป
       
       2. ปราสาทอีก 3 หลัง รวมทั้งทางขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียงกันนั้นถูกยกให้แก่กัมพูชาไปดื้อ ๆ
       
       3. ยกดินแดนอันเป็นพื้นที่ตั้งปราสาทพระวิหารและปราสาท 3 หลัง กับทั้งพื้นที่ทางขึ้นเป็นเนื้อที่ประมาณ 2.5 ตารางกิโลเมตร ให้แก่เขมร ทั้ง ๆ ที่เป็นดินแดนของประเทศไทยอย่างสมบูรณ์ และศาลโลกก็ไม่เคยตัดสินให้เป็นของเขมร
       
       4. ตกลงให้ดินแดนของประเทศไทยในพื้นที่ข้างเคียงกับพื้นที่ตั้งปราสาทซึ่งกินพื้นที่อุทยานแห่งชาติพระวิหารเนื้อที่ประมาณ 8 ตารางกิโลเมตร เป็น “พื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชา”
       
       5. ตกลงให้เขมรมีสิทธิ์มีส่วนเท่ากับประเทศไทยในการจัดการและแสวงหาประโยชน์จากพื้นที่ประมาณ 8 ตารางกิโลเมตรของประเทศไทยได้ตลอดไป
       
       นี่คือการขายชาติ ปล้นชาติ ปล้นอธิปไตยอย่างโจ่งแจ้งที่สุด!
       
        แต่ข้อตกลงนี้กระทำขึ้นโดยฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ โดยการทรยศชาติ ประชาชนไทยและองค์กรต่าง ๆ ของประเทศไทยจึงมีสิทธิ์ประกาศให้ข้อตกลงเป็นโมฆะโดยแจ้งไปยังสหประชาชาติหรือยูเนสโกได้ และสามารถฟ้องต่อศาลปกครองให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรี และแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวได้อีกด้วย
       
       เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของประเทศชาติ จะเป็นเหตุการณ์อัปยศเสื่อมเสียถึงพระบรมเดชานุภาพเพราะเกิดเหตุเสียดินแดนเป็นครั้งแรกในรัชกาลนี้ ทั้งจะเป็นความอัปยศอดสูของเหล่าทหารทั้งกองทัพไทยที่อาจถูกดูหมิ่นหรือถูกก่นด่าประชดให้เปลี่ยนเครื่องแบบไปนุ่งผ้าถุงหรือผ้าซิ่นของผู้หญิงแทนหากว่ายอมให้เรื่องนี้ผ่านไปแบบนี้.


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 19-06-2008, 19:43
สงสัยจังว่าขอบเขตอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าสามารถทำได้หรือไม่ :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: THE THIRD WAY ที่ 19-06-2008, 19:54
ผมฟังอาจารย์อดุลย์
ให้สัมภาษณ์สดเนชั่นเดี๋ยวนี้เอง
สรุปว่า เราโง่ไปแล้วครับ

เสียดาย
 :slime_worship:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: Limmy ที่ 19-06-2008, 20:00
นายหน้าดันไปรังวัดที่ดินงุบ ๆ งิบ ๆ กับคนข้างบ้าน

เสร็จแล้วเอาแผนที่รังวัดมาให้เจ้าของบ้าน

เจ้าของบ้านก็สงสัย ว่าไอ้นายหน้ามันมีสิทธิอะไรวะ ก็เลยต้องเอา รัฐธรรมนูญมาเปิดดูกัน

ปรากฏว่าไอ้นายหน้า มันทำผิดมาตรา 190 ไปแบบเต็ม ๆ

เพราะเรื่องแบบนี้มันต้องหารือกับเจ้าของบ้านก่อน แล้วค่อยไปตกลงกับคนข้างบ้าน

ไอ้นายหน้า เลยต้องไปขึ้นศาลครับ เร็ว ๆ นี้


ส่วนเรื่องสิทธิในส่วนขององค์ปราสาท ยอมรับได้ครับ

ก็ขอเชิญเขมรช่วยมารื้อปราสาทไปปลูกใหม่นอกเขตประเทศไทยด้วยครับ




หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: boyk ที่ 19-06-2008, 20:18
ที่แท้มันไม่คิดว่ามันทำผิดรธน..

นพดลยืนยันไม่ผิดมาตรา 190

ข่าวภาคค่ำคับ..


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: อิรวันชาห์ IrWanSyah ที่ 19-06-2008, 20:33
จะเสียดินแดน ....ทำผิดรัฐธรรมนูญ ....เอื้อประโยชน์สัปมทานและกดินแดน สารพัด ฯลฯ

แน่จริงอ้ายที่เย้วๆอยู่บนเทวี ไปฟ้องศาลเลยครับ จะได้รู้ความจริง เอาให้นพดลถูกปประหารเดชั่วโคตรไปเลย

กลัวว่าจะเป็นเพียงคำพูดที่เหมือนผายลมออกมา.....


เหมือนที่แป๊ะนรก ออกมากล่าวร้ายทักษิณตั้งแต่ก่อนปฏิวัติ เรื่องหมิ่นสถาบัน  แต่สุดท้าย คมช.ก็ไม่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้ ทั้งๆที่มีอำนาจอยู่ในมือ แถมแป๊ะนรกเองกลับโดนพิพากษาคดีหมิ่นฯแทน  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

หรือเหมือนที่วีระออกมาเย้วๆ บนเวที เรื่องเจ๊สด พอเขาเอาของจริงออกมา โกยแน็บลงรู้แย้ ไม่โผล่หัวออกมาจนถึงบัดนี้  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:  


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 19-06-2008, 20:38
คนไทยไม่โง่หรอกครับ ที่สำคัญได้คัดค้านกันมตลอด

ฝ่ายที่แสดงความหวังดี ก็เสนอให้ทั้งไทยและเขมร เสนอให้เป็นมรดกโลกร่วมกัน

ปี 47 รัฐบาลทักษิณก็รู้เรื่องนี้ดี...ความเห็นต้นๆ ที่เล่าจาก "คมชัลึก" นั่นแหละครับ

แต่ปี 49 เขมรแอบไปยื่นฝ่ายเดียว ตอนหลังก็มีรัฐมนตรีโง่ๆ ไปงาบอะไรเข้าไปเซ็นต์รับรองให้เขมร

ตลอดปี 2550 ไทยก็คัดค้านมาตลอดครับ

เพิ่งจะมาเสียค่าโง่ก้เมื่อนายนพดล ไปเซ็นต์รับรองให้เค้าฝ่ายเดียวนั่นแหละครับ

ที่จริงเพื่อไม่ให้เสียเปรียบ กรณีมรดกโลก ก็อ้างว่าต้องจดทะเบียนร่วมกัน ก็มีแต่ได้ทั้งสองฝ่าย


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 19-06-2008, 20:54
จะเสียดินแดน ....ทำผิดรัฐธรรมนูญ ....เอื้อประโยชน์สัปมทานและกดินแดน สารพัด ฯลฯ

แน่จริงอ้ายที่เย้วๆอยู่บนเทวี ไปฟ้องศาลเลยครับ จะได้รู้ความจริง เอาให้นพดลถูกปประหารเดชั่วโคตรไปเลย

กลัวว่าจะเป็นเพียงคำพูดที่เหมือนผายลมออกมา.....


เหมือนที่แป๊ะนรก ออกมากล่าวร้ายทักษิณตั้งแต่ก่อนปฏิวัติ เรื่องหมิ่นสถาบัน  แต่สุดท้าย คมช.ก็ไม่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้ ทั้งๆที่มีอำนาจอยู่ในมือ แถมแป๊ะนรกเองกลับโดนพิพากษาคดีหมิ่นฯแทน  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

หรือเหมือนที่วีระออกมาเย้วๆ บนเวที เรื่องเจ๊สด พอเขาเอาของจริงออกมา โกยแน็บลงรู้แย้ ไม่โผล่หัวออกมาจนถึงบัดนี้  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:  




ออกตัวก่อนว่าไม่เคยชอบไอ้แป๊ะลิ้ม - ไม่ได้เข้ามาเถียงแทน
เพียงแค่รำคาญนัยน์ตาเมื่อเห็นการแสดง คคห.อย่างสั่ว ๆ ของผู้ใช้นามแฝงที่เข้าใจว่าเคยรู้จักมาก่อน
ว่าตรง ๆ ก็คือผมไม่น่าเชื่อว่าเป็นบังโม ฯ ตัวจริงจากราชดำเนิน
เพราะลากประเด็นมั่ว  แถมแสดงความเห็นสั่ว ๆ ไม่มีจุดยืน

เช่น
1. เรื่องหมิ่น ฯ ของแป๊ะลิ้ม  เกี่ยวอะไรด้วย ...ลากมาทำไม ?
...หรือ "รู้อยู่แค่นั้น"
เอานะ...ถ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ กม.จะช่วยขยายรอยหยักในสมองให้
ว่าคดีหมิ่นประมาท  เป็นคดีความ "ระหว่างบุคคล"
บุคคลที่ 3 ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายอะไรกับเข้าด้วย
โดย "มารยาท" แล้ว  เขาไม่ "เสือก" หรอก

เพราะจะไปรู้ได้ไงว่าวันดีคืนดี คู่กรณีเขาอาจจะกลับมาจู๋จี๋จูบปากกันอีกก็ได้
หรือในที่สุดคดีอาจพลิกกลับ 
กลายเป็นว่า "ต่างฝ่ายต่างเคยมีความขัดแย้งกันมาก่อน" จนกลายเป็น "การทะเลาะกัน" ไป
ก็เป็นได้

...ไม่ได้เป็นพ่อเป็นผัวหรือเป็นชู้กัีบคู่กรณีเขา
...อย่าสาระแน "ยกคดีหมิ่นประมาท" ขึ้นมาดิสเครดิตใครเขาดีกว่า
ว่างั้นไหม ?

2. เรียกร้องให้เขาไปฟ้องไอ้เหล่  แล้วทำไมไม่เรียกร้องเจ๊สด ( ที่กลับข้างไปเป็นฝ่ายแม้ว ) ให้ไปฟ้องบ้างล่ะ ?
...ดับเบิลสแตนดาร์ดวุ้ย

3. แป๊ะนรกออกมากล่าวร้ายทักษิณตั้งแต่ก่อนปฏิวัติ เรื่องหมิ่นสถาบัน  แต่สุดท้าย คมช.ก็ไม่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้ <<
...อ้าว  เฮ้ย
แป๊ะนรกมันอยู่ใน คมช.หรอกหรือ ?
แล้ว คมช.มันเคยให้มีการพิสูจน์เรื่องหมิ่นสถาบันกับทักษิณตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ??


วร้า...เมาเข้ามาโพสในเว็บบอร์ดแบบนี้  ม่ายหวาย ๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 19-06-2008, 21:00
ทนความชั่วร้ายของรัฐบาลนี้ไม่ไหวแล้วโว้ย

ต้องจัดการกับไอ้พวกขายชาติให้ถึงที่สุด :slime_mad:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: boyk ที่ 19-06-2008, 21:08
ถามง่ายๆ

การจะมีหรือทำพันธสัญญาที่เกี่ยวข้องกับเขตแดนกับต่างชาติ

จะเสียหรือไม่เสียดินแดนก็อีกประเด็นหนึ่ง

ประชาชนโดยผ่านรัฐสภามีสิทธิรับรู้ก่อนหรือไม่

เป็นเรื่องเร่งด่วนหรือไม่ เมื่อเทียบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ การแก้ ไม่แก้รธน.
ดูเหมือนรัฐบาลนี้จะไม่เรียงลำดับความสำคัญของปัญหาว่า
อะไรควรทำก่อน อะไรเร่งด่วน อะไรทำทีหลังก็ได้ ไม่ต้องรีบไปผูกมัด

มันสมควรมั้ยที่จะทำให้ผู้คนเขาสงสัยเรื่องวาระซ่อนเร้น แม้จะมีหรือไม่มีวาระนั้นก็ตาม

ผมพบคำตอบของคำถามบางส่วนแล้วคับ
ขอโควตมาทั้งหมดเลยจะได้ร่วมกันต่อยอด
ถ้าซ้ำก็ทักท้วงได้เลยคับ

อ้างถึง
วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน 2551
นพดลผิดมั้ยในเรื่อง เขาพระวิหาร
Posted by พิไชยอินทรา , ผู้อ่าน : 306 , 14:10:19 น.   
 พิมพ์หน้านี้

จริงๆแล้วเนี่ยนะครับ ไอ้ผมเนี่ยไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับไอ้เรื่องการเมืองเท่า

ไหร่หรอกแต่ก็จนใจที่ดันทำให้มันมีเรื่องที่จะเอามาเขียนเพื่ออธิบายการคิดเชิงกฎหมาย

ให้พวกคุณๆ ได้อ่าน (แบบน่ารำคาญ) ไม่ได้


เอางี้ครับ เรื่อง"พี่นพดล" ของผมเนี่ย (ที่เรียกกันอย่างงี้ ก็เพราะไอ้ผมนะไปรู้จักแก

ตั้งแต่สมัยไปทำงานที่บริษัททนายความฝรั่งแห่งนึงในเมืองไทย ตั้งแต่ ๒๕ ปีที่แล้วแน่ะ

ซึ่งสมัยนั้น แกก็เพิ่งจะเข้ามาทำได้ไม่นานเท่าไหร่หรอก ก็เลยได้ทำงานร่วมกัน แต่แก

จะทำงานดีหรือไม่ดีละก็ ไม่ขอบอกครับ) หลังจากได้รู้จักเพราะทำงานที่เดียวกันมาสักพัก

พอผมออกมาแล้วก็ไปเรียนต่างประเทศ กลับมาก็เห็นหน้าแกมาลอยแถวๆหน้าทีวีเป็น

สส. พรรคประชาธิปัตย์แล้ว แต่ไปๆมาๆ ไหงไปอยู่พรรคพลังประชาชนได้ยังไงเมื่อไหร่

ผมก็ไม่อาจจะทราบได้เหมือนกัน เอาเป็นว่าที่เกริ่นมาเนี่ย ก็เผื่อพรรคพวกเพื่อนฝูงที่รู้

จักกัน (หลังจากคุยกับกิ๊กใน MSN แล้ว) เกิดมาอ่านเรื่องของผมจะได้ไม่ด่าเอาว่า มา

เขียนด่า "พี่นพ" แกทำไม ซึ่งก็ต้องขอออกตัวก่อนว่า ไม่ได้รู้จักมักคุ้นอะไรกันมากมายนัก

และก็เรื่องของประเทศชาติคงจะมาก่อนเรื่องส่วนตัว (แหม๋ เขียนไปได้ไงเนี่ย)

เอาว่า เรามาเข้าเรื่องของเราต่อดีกว่าครับ ผมยังไม่มีความเห็นอะไรกับเขตแดน

ไทยกับเขมร (หรือแบบบางคนบอกว่า ให้รบกับเขมรไปเลยเนี่ย ผมก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วย

นะครับ เพราะมันจะเป็นท่าตีท่าต่อยไป ถึงแม้อีตานายพลที่ชื่อเหมือนตำรวจอวกาศคนนั้น

จะแสดงท่าทีดุดันก็เหอะ) แต่มีความเห็นอันสำคัญของในเรื่องที่เกี่ยวกับ "อำนาจ"

ของทั่นรัฐมนตรี"นพดล"ที่ไปเที่ยวตกลงกับคนนั้นคนนี้ที่"อาจจะ"มีผลผูกพันกับ

ประเทศไทย ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ฝ่ายคดีเมืองในเรื่อง "สนธิสัญญา"

ที่ใช้หลักกฎหมายแพ่งเข้ามาปรับใช้

เป็นตามกฎกติกามารยาท (ที่ผมตั้งเอง) ในการเขียนบทความทางกฎหมายของ

ผมที่จะต้องอ้างหลักกฎหมายเสียก่อนแล้วกันครับ (คนอื่นเค้าจะได้ไม่หาว่าผมโมเมเอา

เหมือนทั่นคณะรัฐบาลปัจจุบัน) ซึ่งหลักกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจในการทำ "ข้อตกลง"

ระหว่างประเทศก็บัญญัติเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ (ที่อยากแก้กันเหลือเกินนี่แหละ)

มาตรา ๑๙๐ (ผมขอยกมาทั้งหมดเลยแล้วกัน)



"มาตรา ๑๙๐ พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ

สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่นกับนานาประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ

หนังสือสัญญาใดมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือเขตพื้นที่นอกอาณา

เขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมาย

ระหว่างประเทศ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา หรือ

มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวางหรือมีผล

ผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ต้องได้รับ

ความเห็นชอบของรัฐสภา ในการนี้ รัฐสภาจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วันนับ

แต่วันที่ได้รับเรื่องดังกล่าว

ก่อนการดำเนินการเพื่อทำหนังสือสัญญากับนานาประเทศหรือองค์การ

ระหว่างประเทศตามวรรคสอง คณะรัฐมนตรีต้องให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟัง

ความคิดเห็นของประชาชน และต้องชี้แจงต่อรัฐสภาเกี่ยวกับหนังสือสัญญานั้น ในการนี้

ให้คณะรัฐมนตรีเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบด้วย

เมื่อลงนามในหนังสือสัญญาตามวรรคสองแล้ว ก่อนที่จะแสดงเจตนาให้มี

ผลผูกพัน คณะรัฐมนตรีต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรายละเอียดของหนังสือสัญญานั้น

และในกรณีที่การปฏิบัติตามหนังสือดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนหรือผู้ประกอบ

การขนาดกลางและขนาดย่อม คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผล

กระทบนั้นอย่างรวดเร็ว เหมาะสม และเป็นธรรม

ให้มีกฏหมายว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญาที่มี

ผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผล

ผูกพันด้านการค้า หรือการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับ

ผลกระทบจากการปฏิบัติตามหนังสือสัญญาดังกล่าว โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมระหว่าง

ผู้ที่ได้ประโยชน์กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามหนังสือสัญญานั้นและประชาชน

ทั่วไป

ในกรณีที่มีปัญหาตามวรรคสอง ให้เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะ

วินิฉัยชี้ขาด โดยให้นำบทบัญญัติตามมาตรา ๑๕๔(๑) มาใช้บังคับกับการเสนอเรื่อง

ต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยอนุโลม"



(โอ้ย เฉพาะพิมพ์ตัวบทก็เหนื่อยแย้ว) ผมเคยได้อ่านบทความบางบทใน

เว็บผู้จัดการเกี่ยวกับการอ้างรัฐธรรมนูญข้อนี้เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง ซึ่งผม

เห็นว่า หากเรา "เชื่อ" กันว่า ประเทศของเราปกครองด้วย "กฎหมาย"  แล้วหละก็ เราก็

ควรจะยกเอากฎหมายมาเป็นตัวตั้งในการแก้ปัญหาข้อขัดแย้งซะ (ดีกว่าทั่นรัฐมนตรีบาง

คนที่จบทางกฎหมายแต่ดันอ้างกฎหมายผิดเรื่องผิดมาตราจนมหาวิทยาลัยที่ตัวเองจบมา

เพื่อนเค้าจะทำเรื่องถอนชื่อออกแล้วนะ)




อธิบายตัวบท (กันหน่อย)
บทกฎหมายมาตรานี้มันยาวไปมั้ง พวกที่อยากแก้รัฐธรรมนูญเลยอยากจะแก้ซะ

(เพราะว่าอ่านไม่รู้เรื่อง) เอาเป็นว่า ผมจะพยายามอธิบายออกเป็นข้อๆแล้วกันนะครับ

มันจะได้สมตามความมุ่งหมายของผมที่ให้คุณๆเข้าใจกฎหมายและใช้กฎหมายได้เป็น

บทบัญญัติมาตรา ๑๙๐ นี้แบ่งอธิบายกันได้แบบนี้ครับ




(๑) เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์โดยส่วนพระองค์เองที่สามารถทำ

สัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก รวมทั้งสัญญาอื่นกับนานาชาติได้ นอกจากนั้นยังแปล

ความหมายได้ว่า สัญญาระหว่างประเทศทั้งหลาย นอกจากจะต้องได้รับความเห็นชอบ

จากรัฐสภาแล้ว สิ่งสำคัญก็จะต้องได้รับการเห็นชอบจากพระมหากษัตริย์อีกด้วย

(๒) มาตรานี้ได้กำหนดว่าการกระทำระหว่างประเทศอะไรก็แล้วแต่ของรัฐบาล

เนี่ยทำไปเหอะ ขอแต่เรื่องระหว่างประเทศที่ไปทำเป็น "หนังสือสัญญา"ตามที่มาตรา

นี้กำหนดเนี่ย ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภานะ ซึ่งมันก็มีอยู่ ๕ ประเภทละครับ


(ก) หนังสือนั้นมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือ

(ข) หนังสือที่มีการเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่นอกอาณาเขตของไทย แต่เป็น

อาณาเขตที่ประเทศไทยมีอธิปไตยหรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือ

ตามกฎหมายระหว่างประเทศ

(ค) หนังสือที่จะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือ

สัญญา

(ง) หนังสือที่ในข้อตกลงเหล่านั้นมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

ของประเทศไทยหรือสังคมของประเทศไทยอย่างกว้างขวาง

(จ) หนังสือที่มีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศ

อย่างมีนัยสำคัญ

(๓) มาตรานี้ได้กำหนดขั้นตอนและหลักเกณฑ์สำหรับปฏิบัติต่อการทำหนังสือ

สัญญาระหว่างประเทศของรัฐบาลเอาไว้อย่างชัดเจนและกระจ่างแจ้ง โดยแบ่งออกเป็น

๒ ช่วงของการปฏบัติ คือ

ช่วงที่ ๑ เป็นช่วงของการกระทำ "ก่อน" ที่จะไปลงนามในหนังสือนั้น มาตรา

นี้ได้กำหนดเอาไว้ในววรค ๓ ที่เป็หน้าที่ของ "รัฐบาล" ที่จะต้อง "ให้ข้อมูล" และ "จัดให้มี

การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน" พร้อมทั้งต้อง "ชี้แจง" เกี่ยวกับหนังสือสัญญาอันนั้น

ต่อรัฐสภา แถมยังกำหนดเอาไว้ว่า รัฐบาลจะสุ่มสี่สุ่มห้าไปเจรจาในกรอบใดกรอบหนึ่ง

ไม่ได้ ต้องให้ "รัฐสภา" เป็นผู้เห็นชอบในกรอบการเจรจาด้วยนะ

ช่วงที่สอง เป็นช่วงที่ตกลงไปแล้ว แต่ต้องให้คำยืนยัน (หรือที่จะเรียกให้แลดู

เป็นนักกฏหมายที่ฉลาดหน่อยก็จะเรียกว่า "ให้สัตยาบัน") เพื่อให้มีผลผูกพันกับต่าง

ประเทศที่เราได้ไปลงนามมาแล้ว ก็เป็หน้าที่ของ "คณะรัฐมนตรี" อีกนะแหละครับ ที่จะ

ต้องทำให้ละเอียดขึ้นไปกว่าเดิม คือ ไม่ต้องทะลึ่งลงทุนทำ "ประชาพิจารณ์" อะไรหรอก

ให้ต้องใช้งบประมาณเยอะแยะตาแป๊ะแก่ แค่ "เตรียม" รายละเอียดของการตกลงที่ว่านั่น

นะเอาไว้ให้ประชาชนผู้ที่สนใจสามารถที่จะ "เข้าถึงรายละเอียด" ของหนังสือนั้นทีเดียว




สำหรับในส่วนอื่นเนี่ย ถ้าจะเขียนถึงสงสัยจะยาว แล้วอาจจะไม่เข้าประเด็นของ

เรื่องที่เขียนไปซะ เลยขออนุญาตคุณๆ...อุบ...เอาไว้ก่อนแล้วกัน เอาไอ้ส่วนที่เกี่ยวกับ

"อำนาจ" ของพี่นพของผมก่อนดีกว่าว่า แกนะจะสามารถไปตกลงกับชาวบ้านเพื่อนบ้าน

(ที่ไม่ค่อยจะมีมารยาทเท่าไหร่นัก) ของไทยแบบที่แกทำอยู่ได้รึเปล่า




เอากฎหมายมาใช้กับข้อเท็จจริง (ซะที)

ถ้าจะว่ากันตามข่าวละก็นะครับ (ซึ่งความจริงผมก็ไม่รู้มาก่อนว่าจะเป็นยังไง ซึ่ง

อาจจะต้อรอให้ผมไปฟ้องพี่แกซะก่อนแหละ ถึงจะรู้) ผมก็ไม่เคยเห็น "พี่นพ" ของผม

มาลอยหน้าลอยตาบอกในสภา (ซึ่งกำลังเปิดประชุมวิสามัญกันอยู่เนี่ย) ถึงไอ้เรื่องนี้เลยอะ

หรือไม่เคยเห็นข่าวอ้างถึงเรื่องนี้เลย แต่ยังไงๆก็เถอะ สิ่งสำคัญคือ "คณะรัฐมนตรี"

ต่างหากที่มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการที่จะต้อง "ให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟังความ

คิดเห็นของประชาชน" ซึ่งมาตรานี้ไม่ได้บอกให้นำเอากฎหมายที่เกี่ยวกับการออกเสียง

ประชามติ (ที่อ้างว่ายังไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้) มาใช้ในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นขั้นตอนก่อนที่

"พี่นพ" ของผมในฐานะ "แค่" รัฐมนตรีเท่านั้นที่เป็น "ตัวแทน" ไปเจรจา "ความเมือง"

ไม่ได้มีอำนาจอะไรมากไปกว่านั้น (ว่างๆผมจะไปขอกินกาแฟกับแกที่กระทรวง ไม่รู้แก

จะว่างเจอผมมั้ย)


เอาเป็นว่า โดยข้อสรุปแล้ว ในเรื่องปัญหาเขาพระวิหารเนี่ย แค่เรื่องอำนาจในการ

เจรจาความเมืองระหว่างประเทศของ "พี่นพ" ยังเป็นปัญหาเลยว่า ที่ไปตกปากรับคำอีตา

นายพลชื่อเหมือนตำรวจอวกาศของเขมรมาเนี่ยว่าจะใช้แผนที่อันไหน ทันจะถือว่าเป็น

ส่วนหนึ่งของหนังสือสัญญาระหว่างประเทศที่มีผลเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยอย่างแน่

นอนครับ..พ่อแม่พี่น้อง.......ผมจึงขอ...ฟันธง (แบบหมอลักษณ์) ไปเลยว่า "พี่นพ" ไม่มี

อำนาจอะไรที่จะไปเจรจาความเมืองในการที่จะยอมรับหรือปฏิเสธแผนที่อาณาเขต

ประเทศไทยได้อย่างแน่นอนครับ ซึ่งถ้าไปทำมาแล้ว "พี่นพ" ก็อาจจะต้องไปนอนดูรูป

น้องอะไรของแกนะ (ตามที่แกเคยมาออกอากาศว่า เห็นรูปติดป้ายหาเสียงก็หลงรักแล้ว

แต่ไม่นานทางฝ่ายหญิงเค้าออกมาให้สัมภาษณ์ว่าไม่เกี่ยว ไม่รู้ ไม่เห็น..หน้าแตกไปเลย

ครับ..พี่น้อง) ในคุกกันก่อน

คราวหน้าผมจะมาว่ากันเรื่อง เขาพระวิหารต่อ ขอเวลาไปศึกษาก่อน เพราะวันนี้

ขับรถไปฟังสัมภาษณ์คุณสมาน ศรีงาม เรื่องที่แกไปศึกษาเกี่ยวกับข้อพิพาทเขาพระวิหาร

มาที่เกี่ยวกับอนุสัญญาระหว่างประเทศ ก็เลยคิดว่าจะเอามาเขียนซักหน่อยจะได้เข้าใจกัน

แล้วก็จะสอดคล้องกับคุณสุทธิชัยไงว่า....เรื่องต่างประเทศ..ไม่ได้ไกลตัว...ฮ่าๆๆๆ







---------------------------------จบแค่นี้ก่อนครับ------------------------------------------------------

http://www.oknation.net/blog/sorrawud/2008/06/19/entry-3
 
 


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 19-06-2008, 21:22
ทำไมไอ้พวก "จบกฎหมาย" ถึงต้องโพสแสดงความคิดเห็นตามเว็บบอร์ด
ด้วยสำนวนเหมือน ๆ กันวะ ?


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: แมวร้องแง้วๆ ที่ 19-06-2008, 21:45
คิดแบบ คนขายชาติ ย่อมคิดแตกต่างกับ คนรักชาติ

"ศาลโลกได้ตัดสินให้ "เฉพาะปราสาทพระวิหาร" เท่านั้นตกเป็นของกัมพูชา มิใช่ผืนดิน หรือ "เขาพระวิหาร" ทั้งอาณาบริเวณ
      
นั่นก็คือ "ปราสาทพระวิหาร" ของกัมพูชาตั้งอยู่บนผืนแผ่นดินในเขตสันปันน้ำของไทย"

เสมือน คุณมาสร้างบ้านบนที่ดินของฉัน  จำเป็นด้วยหรือ ที่ฉันจะต้องยกที่ดินผืนนั้นให้แก่คุณ  :slime_doubt:

ถ้าแยกเรื่องการเมืองและผลประโยชน์ของประเทศชาติไม่ออก คิดแต่จะเล่นการเมืองโดยไม่ดูผลประโยชน์ของประเทศชาติ  ก็เสียชาติเกิดจริงๆ  ลิ่วล้อลูกหาบทักษิณ ไร้สมองไร้สติปัญญาจริงๆ  อาศัยแผ่นดินไทยเกิด แต่สัญชาติชั่วนั้นแนบติดตัวไม่ยอมถอน

เวร

เห็นด้วยกับคุณพรรณชมพูที่สุดในโลกเลย  :slime_sentimental:

เขมรอยากได้ปราสาทนักก็เอาไปเลย แต่แผ่นดินที่ปราสาทตั้งอยู่ยังไงก็ยังเป็นของไทย เรื่องอะไรจะยอมให้เค้าเอาทั้งปราสาทและแผ่นดินไปจดเป็นมรดกโลกเพื่ออ้างสิทธิว่าเป็นของเค้าทั้งหมด เราไม่ยอมหรอกค่ะ
:slime_agreed:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 19-06-2008, 21:48
ถ้านักการเมืองไม่มีสำนึก ก็ต้องไปจบที่ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ

หรือ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ที่สำคัญ ครม. ไม่ได้นำเอามติครม.สมัย จอมพลผ้าขะม้าแดงมาดูซะด้วยนี่สิ...

สงสัยจะกินข้าวแดงกันทั้งคณะ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 19-06-2008, 21:55
นพดล ยังหลง

หลงคิดว่าตัวเองเป็นพระเอก

ไม่น่าเลย...


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 19-06-2008, 22:18
...


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 19-06-2008, 22:23
โอกาสไทยทวงคืน “ประสาทพระวิหาร” ย้อนดูคำประท้วงคำตัดสินของศาลโลก

และ

เพลงต้องห้ามในยุค 2505 แต่งและร้องโดย คำรณ สัมบุญณานนท์ถูกรัฐบาล สั่งห้ามเปิดออกอากาศ ณ ช่วงเวลานั้น

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000072311


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: อิรวันชาห์ IrWanSyah ที่ 19-06-2008, 22:35
อ้างถึง
ว่าตรง ๆ ก็คือผมไม่น่าเชื่อว่าเป็นบังโม ฯ ตัวจริงจากราชดำเนิน
เพราะลากประเด็นมั่ว  แถมแสดงความเห็นสั่ว ๆ ไม่มีจุดยืน

จะเป็นใครไม่สำคัญ ขอเพียงคำพูดที่บางคนคิดว่าแดกดัน ไปเพิ่มรอยหยักในสมองบางคนเป็นพอ

อ้างถึง
เรื่องหมิ่น ฯ ของแป๊ะลิ้ม  เกี่ยวอะไรด้วย ...ลากมาทำไม ?
...หรือ "รู้อยู่แค่นั้น"

อ้าว....ก็เรื่องเขาพระวิหารนี่ พธม.ของแป๊ะนรกไม่ใช่หรือที่ปลุกปั่นยุยงแต่แรก และที่อ้างๆมาใช้โจมตีในกระทู้นี้ก็จากเว็บแป๊ะนรกทั้งนั้น อย่าทำเป็นไขสือเลยครับ

ก็เลยอยากให้คิดซักหน่อยว่าเรื่องนี้ สุดท้ายแล้วมันจะเข้าอีหรอบเดียวกับเรื่อง "คดีหมิ่นฯ" หรือเปล่า ที่สุดท้ายแล้วก็โดนพิพากษาจำคุกข้อหาหมิ่น"ทักษิณ" และอ้างสถาบันฯสร้างความแตกแยกในชาติ


อ้างถึง
2. เรียกร้องให้เขาไปฟ้องไอ้เหล่  แล้วทำไมไม่เรียกร้องเจ๊สด ( ที่กลับข้างไปเป็นฝ่ายแม้ว ) ให้ไปฟ้องบ้างล่ะ ?

5555 ขำ ไม่ฟ้องนั่นแหละดีแล้ว รายนั้นสภาพสตรีแต่เป็นสุภาพบุรุษพอ ไม่จำเป็นต้องฟ้องหรอก มีอย่างที่ใหน กล่าวร้ายเขาก่อนโดยไม่มีหลักฐานอะไร พวกข้างเวทีก็เย้วๆ โห่ร้องสะใจ  พอเจ๊เอาของจริงมาเปิด  หลบหน้าหลบตาไม่โผล่มายืนยัน กะจะให้สังคมลืมเรื่องนี้ไปซะงั้น(เหมือนเรื่องอื่นๆที่แล้วๆมา)  ทำเอาแฟนๆ ที่เย้วๆคิดว่าวีระของจริง อ้าปากค้างคาสะพานมัฆวานไปเลย 5555555  

อ้างถึง
แป๊ะนรกออกมากล่าวร้ายทักษิณตั้งแต่ก่อนปฏิวัติ เรื่องหมิ่นสถาบัน  แต่สุดท้าย คมช.ก็ไม่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้ <<
...อ้าว  เฮ้ย
แป๊ะนรกมันอยู่ใน คมช.หรอกหรือ ?
แล้ว คมช.มันเคยให้มีการพิสูจน์เรื่องหมิ่นสถาบันกับทักษิณตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ??

เข็กหัวซักหนึ่งทีซิ เผื่อจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง !!!!!!

เรื่องหมิ่นสถาบันของทักษิณ ที่พธม.โจมตีกล่าวร้ายตั้งแต่ต้น ไม่ใช่หนึ่งในสี่ข้อที่ คมช.ยกมาอ้างเพื่อปฏิวัติหรอกหรือ ?????

แล้ว คมช. มันก็ไม่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้ซักที

ตรงกันข้าม เมื่อวันที่ 25 ธค. 2550 ศาลได้พิพากษาว่า  

"ทางนำสืบจำเลยที่ 1 และพฤติการณ์การกล่าวปราศรับของจำเลยที่ 1 ตามวัตถุพยานของจำเลยที่ 1 ก็ดี การแต่งกายของจำเลยที่ 1 ไม่ว่าสีของเสื้อที่ใช้สีเหลือง อันเป็นสีประจำพระองค์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และตัวอักษรที่หน้าอกเสื้อคำว่า“เราจะสู้เพื่อในหลวง” ก็ดี ล้วนพยายามสร้างภาพของโจทก์ และผู้สนับสนุนโจทก์ ให้มีภาพยืนอยู่ตรงข้ามกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และพยายามสร้างภาพของจำเลยกับพวกให้อิงแอบแนบชิดกับสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันสูงสุดที่ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่าต้องเทิดทูน เพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์กับพวก ไม่จงรักภักดี ทำตัวเสมอพระมหากษัตริย์ หรือไม่ถวายพระเกียรติพระมหากษัตริย์ เป็นการแยกประชาชนคนไทยที่จงรักภักดีบางส่วน ให้เป็นฝ่ายตรงข้ามสถาบันพระมหากษัตริย์ นับเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อประเทศชาติ"

จำเลยที่หนึ่งในที่นี้ ไม่ใช่ทักษิณ หากแต่เป็น แป๊ะนรกต่างหาก  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:  


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 19-06-2008, 22:37
เท่าที่ อ่านช่วงหลัง นี่ เชื่อแล้วครับ ว่านายนพดล ซวยแน่
เพราะต้องยอมรับมีนักวิชาการ คิดอย่างพวกท่านทั้งหลายในบอร์ดนี้ อยู่พอสมควร
นายนพดล คงต้านกระแสไม่อยู่ เพราะเหล่านักวิชาการกลุ่มต่างๆออกมาต้านแล้ว

        ทุกอย่างจะเปิดออกและจุดกระแสโลกให้โด่งดังไปเลย  ว่าจนถึงวันนี้ผ่านไป 46 ปีมาแล้ว
คนไทยยังไม่ยอมแพ้ ยังจ้อง ที่จะเอาปราสาทเขาพระวิหารที่โดนโกงไป คืนกลับสู่ประเทศไทยให้จงได้
ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศ  ก็จะยืนอยู่บนพื้นฐานนี้ด้วย  
     คนกัมพูชา โปรดรู้ไว้ด้วยว่า รูปเขาพระวิหาร ที่อยู่บนธนบัติท่านนั้น
เราไม่เคยยอมรับว่ามันเป็นของท่าน เรายังคิดว่ามันคือของเรา
เราได้สงวนสิทธิ์ ที่จะไม่ยอมรับ คำตัดสินของศาลโลกไว้แล้ว

งานนี้มีเขมรแตกแน่  :slime_smile:


 




หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: boyk ที่ 19-06-2008, 22:43
เหน็บแนมเหรอคับ

ผมไม่คิดว่าจะได้ประโยชน์อะไรนะ..

งั้นก็เป็นอันจบประเด็นที่สงสัยกันแล้วใช่มั้ยคับ


ที่ผมสนใจก็เกี่ยวกับการกระทำของรัฐมนตรีที่ไปผูกมัดพันธสัญญาใดๆกับต่างชาติโดยที่รัฐสภาไม่ทราบเรื่อง ไม่มีโอกาสเสนอแนะนี่แหละคับ..


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: Iona ที่ 19-06-2008, 22:56
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ การทำงานแบบไม่โปร่งใสของรัฐบาล แล้วประชาชนจะเชื่อถือได้อย่างไร
ว่าวันไหน รัฐบาลมันจะไปเซ็นต์ ตกลงอะไรกับใคร แบบปกปิดข้อมูลต่อประชาชนอีก
ต้องให้เสียไปแล้วใช้ไหมถึงจะถือมีใบเสร็จ ตลก (ฝ่ายเชียร์เหลี่ยมก็เลิกบ้ามันบ้าง หันมารักประเทศหน่อย)

ศาลโลกเวลานั้นจะว่ายังไง หรือใครจะว่าล๊อบบี้หรืออะไร มันก็คืออดีตที่หลายสิ่งความจริงบไม่กระจ่างชัดเจน แต่ยังไงเราต้องรอวันข้างหน้า
(ถ้าใช้ใจให้เป็นธรรม แล้วมองภาพกว้าง สมควรหรอ ที่ตัดสินให้มีติ่งเล็กๆของอีกประเทศบนหน้าผาอีกประเทศ >>> มันหมายถึง การรบด้วยปากและอาวุธ ไม่มีที่สิ้นสุด ของ2ประเทศ)

ใครจะรู้วันข้างหน้า โลกของเราอาจมี ศาลที่มีอำนาจหน้าที่ แก้ไขปัญหาเรื่องพรมแดนโดยตรง เพื่อลดปัญหาความพิพาทต่างๆโดยตรง ที่มีอำนาจเหนือคำพิพากษานั้น หรือหลักเกณ หลักฐานใหม่ๆ ?


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: อิรวันชาห์ IrWanSyah ที่ 19-06-2008, 23:05
อ้างถึง
ฝ่ายเชียร์เหลี่ยมก็เลิกบ้ามันบ้าง หันมารักประเทศหน่อย

ไม่ได้บ้าเหลี่ยมนะ  แต่ขอขำหน่อย พวกที่บ้าเหลี่ยมนี่แปลว่าไม่ได้รักประเทศหรือครับ ???? อีกความหมายหนึ่ง จะรักประเทศได้ ต้องบ้าพันธมิตรใช่ใหมครับ  :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: อิรวันชาห์ IrWanSyah ที่ 19-06-2008, 23:07
แนะนำนะ ถ้าเห็นว่านพดลทำผิดจริง ฟ้องแมร่งเลยครับ ไม่ใช่แค่ออกมาเย้วๆบนเวที    :slime_agreed: :slime_agreed: :slime_agreed:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 19-06-2008, 23:16
แนะนำนะ ถ้าเห็นว่านพดลทำผิดจริง ฟ้องแมร่งเลยครับ ไม่ใช่แค่ออกมาเย้วๆบนเวที    :slime_agreed: :slime_agreed: :slime_agreed:

ฟ้องแน่นอนอยู่แล้วครับ คุณรอดูไปเถอะ อย่าหวังจะรอดเลยครับ



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 19-06-2008, 23:28
จะเป็นใครไม่สำคัญ ขอเพียงคำพูดที่บางคนคิดว่าแดกดัน ไปเพิ่มรอยหยักในสมองบางคนเป็นพอ

อ้าว....ก็เรื่องเขาพระวิหารนี่ พธม.ของแป๊ะนรกไม่ใช่หรือที่ปลุกปั่นยุยงแต่แรก และที่อ้างๆมาใช้โจมตีในกระทู้นี้ก็จากเว็บแป๊ะนรกทั้งนั้น อย่าทำเป็นไขสือเลยครับ

ก็เลยอยากให้คิดซักหน่อยว่าเรื่องนี้ สุดท้ายแล้วมันจะเข้าอีหรอบเดียวกับเรื่อง "คดีหมิ่นฯ" หรือเปล่า ที่สุดท้ายแล้วก็โดนพิพากษาจำคุกข้อหาหมิ่น"ทักษิณ" และอ้างสถาบันฯสร้างความแตกแยกในชาติ



โง่แล้วดันทุรังเฟว้ย
สงสัยอ่านภาษาไทยไม่ออก
เอ้า ๆๆ แหกตาดูกระทู้สักหน่้อยว่าเขากำลังคุยกันเรื่องอะไร
แล้วพิจารณาสิว่า เรื่องที่คุณ "ลาก" มาเกี่ยวข้องมัน "เกี่ยวอะไรกันไหม

ไปลาก "คดี่ความส่วนตัว - เรื่องของเขา" มาอ้างข้าง ๆ คู ๆ
อุตส่้าห์อธิบายเรื่องมารยาทแล้วยังไม่สำนึก
ยังลากต่อ - แถเอาให้ได้
...น่าสมเพชเวทนา



5555 ขำ ไม่ฟ้องนั่นแหละดีแล้ว รายนั้นสภาพสตรีแต่เป็นสุภาพบุรุษพอ ไม่จำเป็นต้องฟ้องหรอก มีอย่างที่ใหน กล่าวร้ายเขาก่อนโดยไม่มีหลักฐานอะไร พวกข้างเวทีก็เย้วๆ โห่ร้องสะใจ  พอเจ๊เอาของจริงมาเปิด  หลบหน้าหลบตาไม่โผล่มายืนยัน กะจะให้สังคมลืมเรื่องนี้ไปซะงั้น(เหมือนเรื่องอื่นๆที่แล้วๆมา)  ทำเอาแฟนๆ ที่เย้วๆคิดว่าวีระของจริง อ้าปากค้างคาสะพานมัฆวานไปเลย 5555555  

...แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกระทู้นี้ ( อีกแล้ว ) ?
...ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหรือคู่กรณีที่ยกมา  มันเกี่ยวข้องอะไรด้วย ??
แถกคราวนี้ "มุดกระโปรงผู้หญิง" มาด้วยอีกต่างหาก !!
...อะไรเนี่ย !
...ไร้สาระ - ไร้ยางอาย เป็นที่สุด

เข็กหัวซักหนึ่งทีซิ เผื่อจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง !!!!!!

เรื่องหมิ่นสถาบันของทักษิณ ที่พธม.โจมตีกล่าวร้ายตั้งแต่ต้น ไม่ใช่หนึ่งในสี่ข้อที่ คมช.ยกมาอ้างเพื่อปฏิวัติหรอกหรือ ?????

แล้ว คมช. มันก็ไม่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้ซักที

ตรงกันข้าม เมื่อวันที่ 25 ธค. 2550 ศาลได้พิพากษาว่า  

"ทางนำสืบจำเลยที่ 1 และพฤติการณ์การกล่าวปราศรับของจำเลยที่ 1 ตามวัตถุพยานของจำเลยที่ 1 ก็ดี การแต่งกายของจำเลยที่ 1 ไม่ว่าสีของเสื้อที่ใช้สีเหลือง อันเป็นสีประจำพระองค์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และตัวอักษรที่หน้าอกเสื้อคำว่า“เราจะสู้เพื่อในหลวง” ก็ดี ล้วนพยายามสร้างภาพของโจทก์ และผู้สนับสนุนโจทก์ ให้มีภาพยืนอยู่ตรงข้ามกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และพยายามสร้างภาพของจำเลยกับพวกให้อิงแอบแนบชิดกับสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันสูงสุดที่ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่าต้องเทิดทูน เพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์กับพวก ไม่จงรักภักดี ทำตัวเสมอพระมหากษัตริย์ หรือไม่ถวายพระเกียรติพระมหากษัตริย์ เป็นการแยกประชาชนคนไทยที่จงรักภักดีบางส่วน ให้เป็นฝ่ายตรงข้ามสถาบันพระมหากษัตริย์ นับเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อประเทศชาติ"

จำเลยที่หนึ่งในที่นี้ ไม่ใช่ทักษิณ หากแต่เป็น แป๊ะนรกต่างหาก  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:  


แล้วไง ?
มันเกี่ยวอะไรกับกระทู้นี้ ( อีกตามเคย ) ?
หือม์ ??
( อันที่จริงจะโต้แย้งเรื่องที่คุณหยิบยกมาก็ได้  แต่เห็นว่าไม่ใช่สาระของกระทู้  และไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะต้องไปปกป้องไอ้แป๊ะ )



เอ้า...อันนี้ "สอน" นะ
การที่บุคคลหนึ่ง ๆ ถูกกล่าวหาหรือตัดสินว่ามีความผิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง  ไม่ได้แปลว่าเรื่องอื่น ๆ ที่เขาทำจะต้องผิดไปหมด หรือ "น่าจะผิด" ไปหมด
เช่น
ถ้าคุณโมเสส ( ตัวปลอม...อย่างน้อยก็ทางสมอง ) เป็นพวกวิปริตผิดปกติทางเพศ  ชอบชำเราเอากับหมูเป็นประจำ
...แล้วหากวันหนึ่ง  คุณโมเสส  ( ตัวปลอม...อย่างน้อยก็ทางสมอง ) เกิดจะต้องต่อสู้กับโจรกระจอกของทักษิณเพื่อปกป้องอธิปไตยของแผ่นดิน
...ก็ไม่มีวิญญูชนคนปกติที่ไหนเขาตั้งข้อรังเกียจรังงอน  ปฏิเสธที่จะให้คุณโมเสส  ( ตัวปลอม...อย่างน้อยก็ทางสมอง ) ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาหรอก

...หวังว่าตัวอย่างง่าย ๆ แบบนี้
คงพอจะทำความเข้าใจได้

 :slime_cool:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: สี่หามสามแห่ ที่ 19-06-2008, 23:32
เบื่อฉิบหาย ตรรกะ ไอ้พวก ชาติหมา

มีอะไรให้ฟ้อง ...

ฟ้องห่าไร พวกมึงก็เอาแต่เลื่อนไป เลื่อนมา ฆวย..

บอกมีอะไรให้เล่นในสภา

พอเขาจะอภิปราย ก็บอกว่า ไม่มีเวลา ตอนแรกบอกจะปิดประชุม วันที 30 พอเขาจะอภิปราย ก็ชิงปิด 28 ฆวย..


คนอย่างพวกมรึงนี่ นรกไล่มาเกิดจริงๆ ว่ะ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 19-06-2008, 23:36
เท่าที่ อ่านช่วงหลัง นี่ เชื่อแล้วครับ ว่านายนพดล ซวยแน่
เพราะต้องยอมรับมีนักวิชาการ คิดอย่างพวกท่านทั้งหลายในบอร์ดนี้ อยู่พอสมควร
นายนพดล คงต้านกระแสไม่อยู่ เพราะเหล่านักวิชาการกลุ่มต่างๆออกมาต้านแล้ว

        ทุกอย่างจะเปิดออกและจุดกระแสโลกให้โด่งดังไปเลย  ว่าจนถึงวันนี้ผ่านไป 46 ปีมาแล้ว
คนไทยยังไม่ยอมแพ้ ยังจ้อง ที่จะเอาปราสาทเขาพระวิหารที่โดนโกงไป คืนกลับสู่ประเทศไทยให้จงได้
ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศ  ก็จะยืนอยู่บนพื้นฐานนี้ด้วย  
     คนกัมพูชา โปรดรู้ไว้ด้วยว่า รูปเขาพระวิหาร ที่อยู่บนธนบัติท่านนั้น
เราไม่เคยยอมรับว่ามันเป็นของท่าน เรายังคิดว่ามันคือของเรา
เราได้สงวนสิทธิ์ ที่จะไม่ยอมรับ คำตัดสินของศาลโลกไว้แล้ว

งานนี้มีเขมรแตกแน่  :slime_smile:

ก็ใช่สิครับ.. เขาไม่ได้ค้านกันลอยๆ แต่มีข้อมูลอ้างอิงจริว
ลองเอาเรื่องนี้ไปอ่านเพิ่มเติมสักหน่อย จะยิ่งชัดเจนนะครับ  :slime_smile:

==คำประท้วงของรัฐบาลไทยต่อคำตัดสินศาลโลกกรณีปราสาทพระวิหาร==
http://forum.serithai.net/index.php?topic=28088.0


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: อิรวันชาห์ IrWanSyah ที่ 19-06-2008, 23:51
อ้างถึง
โง่แล้วดันทุรังเฟว้ย
สงสัยอ่านภาษาไทยไม่ออก
เอ้า ๆๆ แหกตาดูกระทู้สักหน่้อยว่าเขากำลังคุยกันเรื่องอะไร
แล้วพิจารณาสิว่า เรื่องที่คุณ "ลาก" มาเกี่ยวข้องมัน "เกี่ยวอะไรกันไหม

ตกลงไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยวครับ แป๊ะนรกไม่เกี่ยวเลยกับการปลุกปั่นข่าวเขาพระวิหาร
(บอกเด็ก ป. 6 มันจะเชื่อมั้ยเนี้ย....)


อ้างถึง
ไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะต้องไปปกป้องไอ้แป๊ะ

ไม่ปกป้องเลยครับ แม้กำลังเสพข่าวของไอ้แป๊ะอยู่ก็ตาม

อ้างถึง
มีอะไรให้ฟ้อง ...
ฟ้องห่าไร พวกมึงก็เอาแต่เลื่อนไป เลื่อนมา ฆวย..

ฟ้องศาลครับ ไม่ใช่ฟ้องสภา หมักเขาเปิดสมัยวิสามัญเพื่อออกฏหมายลูกกับพิณาร่างงบประมาณครับ

ข้อกล่าวหานภดลทำผิดกฏหมายรัฐธรรมนูญ ถ้าผิดจริง ประหารเจ็ดชั่วโคตรเลยครับ


อ้างถึง
ลองเอาเรื่องนี้ไปอ่านเพิ่มเติมสักหน่อย จะยิ่งชัดเจนนะครับ 

==คำประท้วงของรัฐบาลไทยต่อคำตัดสินศาลโลกกรณีปราสาทพระวิหาร==

ประกาศสงครามกับเขมรเลยดีใหมครับ จริงๆ น่าจะประกาศตั้งแต่สมัยชวนเป็นนายกแล้วนะครับ เพราะเรื่องนี้มันเกิดตั้งแต่ 46 ปีที่แล้ว

แล้วอย่าลืมไปทวงเขมรทางประเทศ ลาวทั้งประเทศจากฝรั่งเศษมันด้วย





หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 20-06-2008, 00:23
ตกลงไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยวครับ แป๊ะนรกไม่เกี่ยวเลยกับการปลุกปั่นข่าวเขาพระวิหาร
(บอกเด็ก ป. 6 มันจะเชื่อมั้ยเนี้ย....)


ก็ "ยกตัวอย่าง" ที่มันเกี่ยวข้องกันสิ
ถ้าเขาเอาเรื่องปราสาทเขาพนมรุ้งมาเล่น - มาปั่นกระแส แล้วคุณไม่พึงใจ
คุณก็ควรเอาเรื่องปราสาทเขาพนมรุ้งมาแก้
หรืออย่างน้อยก็เอาเรื่องคดีความระหว่างประเทศที่ใกล้เคียงกันมาแก้
จะยกตัวอย่างเรื่องคูเวตที่อิรัคมันต้องยาตราทัพเข้าไปยึดเอาเอง เพราะไอ้กันเคยรับปากกับมันไว้แล้วไม่ทำให้มาเทียบก็ได้
 ( ส่วนจะเทียบเคียงยังไงค่อยแถก ๆ เอา...ก็ยังดูดี )

วุ้ย...นี่ตั้งใจจะโต้เถียงหักล้างกันในประเด็นปราสาทเขาพนมรุ้ง  ด้วยคดีหมิ่นประมาทระหว่างบุคคลจริง ๆ เหรอ ?
 

 :slime_smile2:


ไม่ปกป้องเลยครับ แม้กำลังเสพข่าวของไอ้แป๊ะอยู่ก็ตาม

ผมไม่ใช่เดรัจฉานจำพวกวัวอย่างที่คุณโมเสส  ( ตัวปลอม...อย่างน้อยก็ทางสมอง ) ภาคภูมิใจนี่ครับ
จะได้เลือกเสพย์เอาเฉพาะข่าวที่มา์จาก Pantip  ThaiEnews  Prachathai
ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นข้อมูลชิ้นเดียวกันที่ "ปั่นต่อ ๆ กันมา" จากต้นตอเดียวกันนั่นเอง

ผมเสพย์ข่าวทั้งหมดแหละ 
แม้แต่เรื่องโง่ ๆ ที่มั่วหรือแถกแถ ดันดุน ลากถูโดยคนรักทักษิณ



ข้อกล่าวหานภดลทำผิดกฏหมายรัฐธรรมนูญ ถ้าผิดจริง ประหารเจ็ดชั่วโคตรเลยครับ [/size]
 
ประกาศสงครามกับเขมรเลยดีใหมครับ จริงๆ น่าจะประกาศตั้งแต่สมัยชวนเป็นนายกแล้วนะครับ เพราะเรื่องนี้มันเกิดตั้งแต่ 46 ปีที่แล้ว

แล้วอย่าลืมไปทวงเขมรทางประเทศ ลาวทั้งประเทศจากฝรั่งเศษมันด้วย


ลาก กกก.กกกก....ไปเรื่องทำสงครามบ้าบอห่อหมกอะไรอีก
เขากำลังพิจารณา "ประเด็น" อะไรอยู่ก็กรุณา "อ่าน" ด้วยนะครับ
อย่าเอาแต่ "ดม ๆ" แล้วใช้สัญชาติญาณและความรู้สึกตอบกระทู้
โดยไม่ยอมดู  ไม่รับรู้ อะไรที่คนอื่นเขาแสดงไว้บ้างเลย






หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 20-06-2008, 00:50
ก็ใช่สิครับ.. เขาไม่ได้ค้านกันลอยๆ แต่มีข้อมูลอ้างอิงจริว
ลองเอาเรื่องนี้ไปอ่านเพิ่มเติมสักหน่อย จะยิ่งชัดเจนนะครับ  :slime_smile:

==คำประท้วงของรัฐบาลไทยต่อคำตัดสินศาลโลกกรณีปราสาทพระวิหาร==
http://forum.serithai.net/index.php?topic=28088.0

ไม่รู้ว่า คุณจี ให้ไปอ่านอะไรกี่ครั้ง แล้ววันนี้ ก็เข้าไปอ่านทุกครั้ง
พออ่านจบ  มันก็เป็นส่วนเติมเต็มในสิ่งที่เราพอจะรู้แล้ว ไม่ได้ก่อให้เกิดความรู้สึก ว่ามันใหม่ แปลกใจ เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยอะไรได้
ตอนนี้ก็อ่านหมดแล้ว ว่าเสียเพราะอะไร แพ้คดีเพราะอะไร เรายื่นประท้วงเรื่องอะไร  มีคนบอกว่าเราได้ทำอะไรไว้

ก็อย่างที่บอก ผมกับคุณจี คิดอยู่คนละพื้นฐาน
คุณจียังหวัง ในคำประท้วง ยังคิดว่าเรายังไม่ได้เสียไปโดยสมบูรณ์แบบ ยังหวังว่าเราจะเอาคืนมาได้ ซึ่งก็ตอบไม่ได้ว่ายังไงและเมื่อไหร่
แต่ผมๆ เชื่อเรื่อง เราได้เสียปราสาทเขาพระวิหารไปตั้งแต่ปี 2505 ( อย่างน้อยก็มี คนที่เชื่อเหมือนผมอีกคนคือ ผบทบ.)

แล้วกระทรวงต่างประเทศ ก็ตัดสินใจดำเนินนโยบายต่างประเทศไปแล้ว โดยพื้นฐานแนวความคิดผม
ถามคุณจี ว่าผิดไหม คำตอบย่อมออกมาผิดอยู่แล้ว
ถามผม ผมก็ว่าไม่ผิด ถ้าจะผิด ก็ผิดเรื่อง ระเบียบปฏิบัติการบริหารงานและการปฏิบัติงานของนักการเมือง ซึ่งก็ไปว่ากันอีกที
 :slime_smile:






หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: Iona ที่ 20-06-2008, 01:12
ไม่รู้ว่า คุณจี ให้ไปอ่านอะไรกี่ครั้ง แล้ววันนี้ ก็เข้าไปอ่านทุกครั้ง
พออ่านจบ  มันก็เป็นส่วนเติมเต็มในสิ่งที่เราพอจะรู้แล้ว ไม่ได้ก่อให้เกิดความรู้สึก ว่ามันใหม่ แปลกใจ เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยอะไรได้
ตอนนี้ก็อ่านหมดแล้ว ว่าเสียเพราะอะไร แพ้คดีเพราะอะไร เรายื่นประท้วงเรื่องอะไร  มีคนบอกว่าเราได้ทำอะไรไว้

ก็อย่างที่บอก ผมกับคุณจี คิดอยู่คนละพื้นฐาน
คุณจียังหวัง ในคำประท้วง ยังคิดว่าเรายังไม่ได้เสียไปโดยสมบูรณ์แบบ ยังหวังว่าเราจะเอาคืนมาได้ ซึ่งก็ตอบไม่ได้ว่ายังไงและเมื่อไหร่
แต่ผมๆ เชื่อเรื่อง เราได้เสียปราสาทเขาพระวิหารไปตั้งแต่ปี 2505 ( อย่างน้อยก็มี คนที่เชื่อเหมือนผมอีกคนคือ ผบทบ.)

แล้วกระทรวงต่างประเทศ ก็ตัดสินใจดำเนินนโยบายต่างประเทศไปแล้ว โดยพื้นฐานแนวความคิดผม
ถามคุณจี ว่าผิดไหม คำตอบย่อมออกมาผิดอยู่แล้ว
ถามผม ผมก็ว่าไม่ผิด ถ้าจะผิด ก็ผิดเรื่อง ระเบียบปฏิบัติการบริหารงานและการปฏิบัติงานของนักการเมือง ซึ่งก็ไปว่ากันอีกที
 :slime_smile:






เค้าค้านจริง แล้วคุณละ คิดอย่างไร ไม่ใช่แค่......(ค้นจากเวปได้แค่บางส่วนมาอย่างไร แล้วนำมันมาอ้างอิงว่ามันคือคำตอบของเรื่องนี้ คำตอบมันเปลี่ยนแปลงได้เมื่อได้ข้อมูลใหม่ที่พิสูจนย์)

เราควรมาแสดงทัศนคติ ความเชื่อด้วยเหตุผล เพื่อแก้ปัญหา หรือไม่ .....คนอ่านพิจารณาเอง ด้วยเหตุผล

ขออนุญาติตอกย้ำเพราะ แสดงความเห็นเพิ่ม แต่ไม่อยากรบกวน เข็นกระทู้ขึ้นด้านบน
ศาลโลกเวลานั้นจะว่ายังไง หรือใครจะว่าล๊อบบี้หรืออะไร มันก็คืออดีตที่หลายสิ่งความจริงไม่กระจ่างชัดเจน แต่ยังไงเราต้องรอวันข้างหน้า
(ถ้าใช้ใจให้เป็นธรรม แล้วมองภาพกว้าง สมควรหรอ ที่ตัดสินให้มีติ่งเล็กๆของอีกประเทศบนหน้าผาอีกประเทศ >>> มันหมายถึง การรบด้วยปากและอาวุธ ไม่มีที่สิ้นสุด ของ2ประเทศ)

ใครจะรู้วันข้างหน้า โลกของเราอาจมี ศาลที่มีอำนาจหน้าที่ แก้ไขปัญหาเรื่องพรมแดนโดยตรง เพื่อลดปัญหาความพิพาทต่างๆโดยตรง ที่มีอำนาจเหนือคำพิพากษานั้น หรือหลักเกณ หลักฐานใหม่ๆ ?

ส่วนเรื่องกระทรวงต่างประเทศ ตอบได้คำเดียว เลือกสส.มาไม่ใช่ว่า มันอยากจะทำอะไรก็ทำได้ ได้ยินไหม นี้คือความรู้สึก (ปกติไม่ค่อยเขียน แต่ขอเขียน เพราะมันรู้สึกอึดอัดกับรัฐบาลเฮงซวย)





หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 20-06-2008, 01:29
เดาว่า ไอ้คนขายชาตินัดเล่นกอล์ฟกับฮุนเซ็นเมื่อเดือนเมษายน

คงจะเจรจาแลกเขาพระวิหารกับการได้สัมปทานเปิดบ่อนที่เกาะกง

 :slime_cool:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 20-06-2008, 02:52
ไม่รู้ว่า คุณจี ให้ไปอ่านอะไรกี่ครั้ง แล้ววันนี้ ก็เข้าไปอ่านทุกครั้ง
พออ่านจบ  มันก็เป็นส่วนเติมเต็มในสิ่งที่เราพอจะรู้แล้ว ไม่ได้ก่อให้เกิดความรู้สึก ว่ามันใหม่ แปลกใจ เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยอะไรได้
ตอนนี้ก็อ่านหมดแล้ว ว่าเสียเพราะอะไร แพ้คดีเพราะอะไร เรายื่นประท้วงเรื่องอะไร  มีคนบอกว่าเราได้ทำอะไรไว้

ก็อย่างที่บอก ผมกับคุณจี คิดอยู่คนละพื้นฐาน
คุณจียังหวัง ในคำประท้วง ยังคิดว่าเรายังไม่ได้เสียไปโดยสมบูรณ์แบบ ยังหวังว่าเราจะเอาคืนมาได้ ซึ่งก็ตอบไม่ได้ว่ายังไงและเมื่อไหร่
แต่ผมๆ เชื่อเรื่อง เราได้เสียปราสาทเขาพระวิหารไปตั้งแต่ปี 2505 ( อย่างน้อยก็มี คนที่เชื่อเหมือนผมอีกคนคือ ผบทบ.)

แล้วกระทรวงต่างประเทศ ก็ตัดสินใจดำเนินนโยบายต่างประเทศไปแล้ว โดยพื้นฐานแนวความคิดผม
ถามคุณจี ว่าผิดไหม คำตอบย่อมออกมาผิดอยู่แล้ว
ถามผม ผมก็ว่าไม่ผิด ถ้าจะผิด ก็ผิดเรื่อง ระเบียบปฏิบัติการบริหารงานและการปฏิบัติงานของนักการเมือง ซึ่งก็ไปว่ากันอีกที
 :slime_smile:

ยังมีเรื่องที่คุณ mebeam ควรทราบแต่อาจไม่ทราบ หรือเข้าใจผิด
อย่างน้อย 2 ข้อ ที่ทำให้ฐานความคิดของคุณไม่ตรงกับผม

ข้อแรก.. คุณ mebeam คิดว่าการประกาศสงวนสิทธิ์ของรัฐบาลไทยไม่มีผลในทางปฏิบัติ
ข้อ 2 .. คุณ mebeam คิดว่าคำตัดสินของศาลโลกไม่สามารถทบทวนใหม่ได้

...

ในความเป็นจริงและสำคัญที่สุดก็คือ ...

แม้ว่าคำพิพากษาศาลโลกจะมีผลผูกพันคู่พิพาทในส่วนที่เกี่ยวกับคดีที่พิพาทนั้น
โดยเป็นที่สุดไม่มีการอุทธรณ์

แต่คู่พิพาทก็ทรงสิทธิ์ที่จะขอให้ทบทวนคำพิพากษาได้ เมื่อมีการค้นพบข้อเท็จจริง
อันเป็นปัจจัยให้อาจเปลี่ยนแปลงคำตัดสิน โดยเป็นข้อเท็จจริงที่ขณะมีคำพิพากษา
ออกมา ทั้งศาลโลกและคู่พิพาทฝ่ายที่ขอให้มีการทบทวนคำพิพากษายังไม่รู้ว่ามีอยู่
โดยมีเงื่อนไขว่าความไม่รู้เช่นว่านั้น ต้องมิได้มาจากความประมาทเลินเล่อ

...

เมื่อคุณ mebeam ทราบแบบนี้แล้ว ผมคิดว่าฐานคิดเราน่าจะกลับมาใกล้เคียงกัน

ข้อแรก.. การประกาศสงวนสิทธิ์ของรัฐบาลไทยมีผลในทางปฏิบัติได้จริง
ข้อ 2 .. คำตัดสินของศาลโลก คู่พิพาทสามารถขอให้ศาลทบทวนใหม่ได้
หวังว่าที่ผมกวนคุณให้อ่านอะไรมากมาย น่าจะพอได้ประโยชน์บ้างนะครับ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 20-06-2008, 03:34
นอกจากนี้ในคดีปราสาทพระวิหาร กัมพูชายังได้เสนอให้ศาลโลกวินิจฉัยสถานะทางกฎหมาย
ของแผนที่ภาคผนวก 1 (ที่กัมพูชาได้เปรียบ) และเส้นเขตแดนในอาณาบริเวณพิพาท

แต่ศาลโลกไม่รับพิจารณาในประเด็นสถานะทางกฎหมายของแผนที่ และเส้นเขตแดนพิพาท

เรื่องนี้มีความสำคัญมาก เพราะหากไทยยอมรับเสียเองว่า พื้นที่บริเวณที่ตั้งปราสาทพระวิหาร
อยู่ในอำนาจของกัมพูชา ก็เท่ากับยอมรับเกินคำตัดสินของศาลที่ปฏิเสธไม่รับพิจารณาตั้งแต่ต้น

ดังนั้นเราจึงอนุโลมแค่ให้กัมพูชามีสิทธิในตัวปราสาทพระวิหาร แต่ไม่ยอมรับว่ากัมพูชามีอำนาจ
เหนือพื้นที่ตั้งปราสาทพระวิหาร เป็นประเด็นที่ต้องระลึกไว้ตลอดเวลา

เพราะหากเรายอมรับอำนาจของกัมพูชา อาจเท่ากับไปยอมรับแผนที่ที่กินเขตแดนประเทศไทย
ตลอดแนวพรมแดนลาวและกัมพูชาที่ยังไม่ได้ปักปันเขตแดนแน่ชัด ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก

ส่วนในอนาคตเราสามารถนำปราสาทพระวิหารกลับมาได้หรือไม่คงไม่มีใครทราบ

ความจริงการถือปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลโลก ไทยเราก็ปฏิเสธไม่ยอมรับคำพิพากษาตั้งแต่ต้น
ปัจจุบันเขมรก็รุกล้ำเข้ามาในเขตไทยเกินกว่าคำพิพากษา เราต่างหากที่เป็นผู้เสียหาย  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: boyk ที่ 20-06-2008, 04:18
ผมอธิบายยาวไม่ถนัด ฝากลิงค์ที่อาจเป็นข้อมูลเสริมให้ก็แล้วกันคับ...

'ขายชาติ-ขายแผ่นดิน' จริงหรือ?

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=20/Jun/2551&news_id=160126&cat_id=500


46 ปีของคดีปราสาทพระวิหาร ความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act01200651&day=2008-06-20&sectionid=0130


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 20-06-2008, 04:40
ล่าสุดรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ทำหน้าที่เหมือนทนายเขมรไปเรียบร้อยแล้วครับ  :slime_smile:

==ไปกันใหญ่! นพดลอ้างธรรมนูญศาลโลก เกิน10ปีไทยรื้อฟื้นคดีปราสาทพระวิหารไม่ได้==
http://forum.serithai.net/index.php?topic=28095.0


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: อิรวันชาห์ IrWanSyah ที่ 20-06-2008, 13:07
555555

ใครที่หลงกลิ่นอันหอมหวนของหญ้าที่ astv แจกให้ อย่ารีบ ถอนตัวกลับมา

ทหารออกมายืนยันแล้ว  และเรื่องนี้ก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องมุสาที่เป็นอาจิณของเว็บแป๊ะนรก MGR


http://www.livevideo.com/video/embedLink/36312DF01E9440719BB03DC381D2E31A/680333/map1.aspx


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: อิรวันชาห์ IrWanSyah ที่ 20-06-2008, 13:09
กองทัพการันตีไม่เสียดินแดน ขึ้นทะเบียนเขาวิหารมรดกโลก [19 มิ.ย. 51 - 23:21]

ที่ กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ  เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (19 มิ.ย.) พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ เสนาธิการทหาร พร้อมด้วย นายกฤต ไกรจิตติ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศ  กระทรวงการต่างประเทศ พล.ท.แดน มีชูอรรถ เจ้ากรมแผนที่ทหาร แถลงกรณีรัฐบาลกัมพูชาเสนอปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก โดย พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า กองทัพไทยได้ตรวจสอบพื้นที่ โดยกรมแผนที่ทหารได้นำแผนผังไปตรวจสอบ เพื่อยืนยันความถูกต้อง เมื่อวันที่ 9-11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้สรุปยืนยันว่า  แผนผังที่ทางการกัมพูชาจะนำเสนอต่อยูเนสโกเพื่อประกอบการขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก  มิได้กระทบหรือล่วงล้ำอธิปไตยของไทย หรือไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งที่รัฐบาลกัมพูชาจะนำพื้นที่ของประเทศไทยไปใช้

 

"กองทัพไม่ยินยอมให้ประเทศใดประเทศหนึ่ง ใช้ดินแดนของเรา กองทัพได้ตรวจสอบทั้งอากาศและทางภาคพื้นดิน ยืนยันจะรักษาอธิปไตยของเราไว้" เสนาธิการทหาร  กล่าวและว่า กองทัพไม่ได้ปกป้องใคร แต่การแถลงครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงความถูกต้อง

 

ด้าน พล.ท.แดน กล่าวว่า จุดพิกัดทางยุทธศาสตร์ 26 จุด และเส้นเขตแดน ในแผนที่ฉบับใหม่ ไม่มีส่วนใดล้ำเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทย  โดยจุดที่ใกล้ปราสาทเขาพระวิหารมากที่สุด คือ 1 เมตร และจุดที่ไกลที่สุด คือ 30 เมตร

 

ขณะที่ นายกฤต กล่าวว่า  การดำเนินการทำแผนที่ฉบับใหม่ไม่มีส่วนใดล้ำเข้ามาในประเทศไทย และในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ข้อ 4 ก็ระบุชัดเจนว่า การเสนอให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดก ไม่กระทบต่อสิทธิเหนือดินแดนของทั้งสองฝ่าย


 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดไม่มีการเจรจาแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนให้เสร็จสิ้น ก่อนมีการเสนอให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ตามที่ได้เคยมีการตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ นายกฤต กล่าวว่า เป็นสิทธิของรัฐบาลกัมพูชาที่จะขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร รัฐบาลไทยเคยเจรจาเรื่องดังกล่าวแล้ว ต่อข้อถามว่า จะกระทบต่อการเจรจาในอนาคต หลังปราสาทเขาพระวิหารได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกแล้วหรือไม่ นายกฤต กล่าวว่าเกินขอบเขตที่จะตอบได้  ขณะที่ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ประเทศไทยจะไม่เสียดินแดนซ้ำรอยกับปี 2505 อย่างแน่นอน และการชี้แจงดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้ประชาชนสับสน จึงต้องการชี้แจงให้ประชาชนทราบ ไม่เกี่ยวกับประเด็นการเมือง


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 20-06-2008, 13:18
เท่าที่ อ่านช่วงหลัง นี่ เชื่อแล้วครับ ว่านายนพดล ซวยแน่
เพราะต้องยอมรับมีนักวิชาการ คิดอย่างพวกท่านทั้งหลายในบอร์ดนี้ อยู่พอสมควร
นายนพดล คงต้านกระแสไม่อยู่ เพราะเหล่านักวิชาการกลุ่มต่างๆออกมาต้านแล้ว

        ทุกอย่างจะเปิดออกและจุดกระแสโลกให้โด่งดังไปเลย  ว่าจนถึงวันนี้ผ่านไป 46 ปีมาแล้ว
คนไทยยังไม่ยอมแพ้ ยังจ้อง ที่จะเอาปราสาทเขาพระวิหารที่โดนโกงไป คืนกลับสู่ประเทศไทยให้จงได้
ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศ  ก็จะยืนอยู่บนพื้นฐานนี้ด้วย 
     คนกัมพูชา โปรดรู้ไว้ด้วยว่า รูปเขาพระวิหาร ที่อยู่บนธนบัติท่านนั้น
เราไม่เคยยอมรับว่ามันเป็นของท่าน เรายังคิดว่ามันคือของเรา
เราได้สงวนสิทธิ์ ที่จะไม่ยอมรับ คำตัดสินของศาลโลกไว้แล้ว

งานนี้มีเขมรแตกแน่  :slime_smile:


 




ที่อยู่บนธนบัตรใช่เขาพระวิหารแน่เหรอ

เขาพระวิหาร กับ นครวัด เป็นคนละอันกันนะครับ
ตกลงคุยเรื่องเดียวกันอยู่รึเปล่าเนี่ย :slime_bigsmile:



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: อิรวันชาห์ IrWanSyah ที่ 20-06-2008, 13:27
อ้างถึง
เขาพระวิหาร กับ นครวัด เป็นคนละอันกันนะครับ
ตกลงคุยเรื่องเดียวกันอยู่รึเปล่าเนี่ย  


จับพลัดจับพลู จริงเท็จแค่ใหน เหล่าสาวกไม่สนหรอก ไม่ต้องตรวจสอบด้วย ขอให้เป็น MGR ก็พอ  .....พอใจจะแดก   :slime_v: :slime_v: :slime_v: :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: อิรวันชาห์ IrWanSyah ที่ 20-06-2008, 14:01
ไม่อยากให้ประเด็นนี้ตกไปจริงๆ พับผ่า

สองสามวันมานี้ พธม.ใช่ประเด็นนี้ปลุกปั่นยุยงมาตลอด เพื่อปลุกระดมคนมาบุกทำเนียบ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 20-06-2008, 14:14
ที่อยู่บนธนบัตรใช่เขาพระวิหารแน่เหรอ

เขาพระวิหาร กับ นครวัด เป็นคนละอันกันนะครับ
ตกลงคุยเรื่องเดียวกันอยู่รึเปล่าเนี่ย :slime_bigsmile:


นั่นสิ ตกลงเป็นอย่างไหนกันแน่

ว่าแต่ตัวเลขนี้เป็นของไทยหรือกัมพูชา  :slime_smile2:
(http://www.mekong.net/cambodia/images/khmernum.jpg)


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 20-06-2008, 14:52


จับพลัดจับพลู จริงเท็จแค่ใหน เหล่าสาวกไม่สนหรอก ไม่ต้องตรวจสอบด้วย ขอให้เป็น MGR ก็พอ  .....พอใจจะแดก   :slime_v: :slime_v: :slime_v: :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove:


ง่า ไปว่าคุณ mebeam เป็นสาวกเมเนเจอร์ ได้ไง :slime_doubt: :slime_bigsmile:



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: paper punch ที่ 20-06-2008, 15:04
555  เ๋ป๋ไปเป๋มา ด่าพวกเดียวกันซะแล้ว


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: kingkong059 ที่ 20-06-2008, 15:08
อย่ห่วาไอรถโรงเรียนของคุณว่งผ่านบ้านทุกวันเพือนKUก็สอนอยู่ที่นั้นทำไม่จะไม่รู้แหมดึงฟ้าตำทุเรศหนาอย่าเอาKUไปเทียบกับพวกมรงดีกว่ารู้เปล่าไอวิชาอาหรับที่มรึงสอนวันละ6คาบทำไมKUจะไม่รู้แหมปิดเรียนวันสุขไม่ไประหมาดหรอโดเห็นใส่ทุกขดแหละแต่น่าสงสารเนอะยังไงพวกมรึงก็กำจัดตระกูลพิพิสพักดี(เจ้าเมื่องเกาพวกสุไลมาลและพวกแบ่งแยกดินแดนไม่ค่อยชอบตระกูลนี้)ไม่ได้แล้วอีกอย่างหนึ่งไอที่ไปตกลงไว้กับมาเลก็ไม่เป็นผลน่าสงสารแล้วอย่าถ้าจริงพวกมรึงไม่เคยอ่านมนุษยดอคอมหรอKUพวกมรึงปรินแจกกันชิบหายวายปวงขอบอกเลยนะKUรู้จักเด็ฏอาซิสอย่างมรึงดีนี้ยังไม่อยากคุดบรรบุรุสมรึงมาแฉนะไอพวกขายซาติมรึงก็รู้นิว่าทำไมสามจังหวัดไม่เป็นอย่างมรึงต้องการ55555555555ขอให้ทรงมีมายุยิงยืนานอยู่เป็นรมโพรมไทรให้สามจังหวัดชายแดนด้วยเถิน


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 20-06-2008, 15:09
ปราสาทเขาพระวิหารมีรูปบนธนบัตรกัมพูชา แต่เป็นฉบับที่ผลิตหลังศาลโลกตัดสิน จะยกมาก็ควรรายละเอียดมาให้ครบ ว่าธนบัตรฉบับไหน ผลิตเมื่อไหร่ เนื่องในโอกาสอะไร  :slime_bigsmile:
(http://www.banknotes.com/KH12.JPG)


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: อิรวันชาห์ IrWanSyah ที่ 20-06-2008, 15:13
อ้างถึง
555  เ๋ป๋ไปเป๋มา ด่าพวกเดียวกันซะแล้ว
พลาดกันได้ครับพี่น้อง ไม่ใช่พวกอดีต 2.4 นี่ครับ ที่นัดแนะกันมาอย่างดี   :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:

ส่วน kingkong059  ไปด่าไอ้ไกรศากที่มันเปิด vcd ตากใบบนเวทีพันธมิตรโน่น นั่นแหละ แนวร่วมพวกแบ่งแยกดินแดนของจริง



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: kingkong059 ที่ 20-06-2008, 15:28
ผมไม่เอาตัวเข้าแรกกับลูกที่ถูกพ่อทิ้งไปมีเมียน้อยหรอกไอคุณไกรสักมันเหี............สุดๆแล้วแต่นะผมก็เข้าใจคุณหละไอเด็กอาซิสได้เงินเดือนจากตะวันออกกลางก็ต้องทำงานให้คุ้มหน่อยไม่นั้นเดียวจะไม่คุมค่าเงินออแต่เห็นลูกพี่คุณกับเจ้านายคุณจะมาปลูกข้าวด้วยกันผมก็เข้าใจนะช่วงนี้เลยต้องทำงานหนักหน่อยออแล้วถ้าแบ่งแยกดินแดนแล้วคุณจองตำแหน่งยังอะแถวบ้านผมได้เป็นนายอำเภอกับลองผู้ว่าแล้วนะแต่คุณก็คงเป็นแค่ลูกเบ้หละเพราะรัฐมนตรีก็คงเป็นอาจารมอปัตตานีแน่ๆเค้าม่เอาครูกระจอกจากโรงเรียนศาสนาหรอก555555555555555 โอยผมขอโทษทีบางี่คุณอาจจบเมืองนอกก็ได้นะเช่นเอกศาสนาจากปากีหรืออียิบดีนะหรืออาจได้ทุนเจ้านายไปซาอุ(ขอบอกพวกที่ไม่รู้จักโรงเรียนอาซิสซักหน่อยครูมักจบศาสนาจากตะวันออกกลางแต่รับเงินเดือนน้อยเลยเก็บกดถ้าเปลียนเป็นรัฐปัตตานีพวกนี้จะเป็นคนทีชาวบ้านนับน่าถือตาแต่ถ้าไม่มีการแบ่งแยกก็แค่...........ตัวหนึ่งเท่านั้นเพราะ กพ ไม่ยอมรับทำงานดีๆไม่ได้เลยเก็บกดไง55555555555555555555เก็นไหมKUรู้จักมรึงดีกว่าที่มึงคิด)


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 20-06-2008, 15:38
พลาดกันได้ครับพี่น้อง ไม่ใช่พวกอดีต 2.4 นี่ครับ ที่นัดแนะกันมาอย่างดี   :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:

ส่วน kingkong059  ไปด่าไอ้ไกรศากที่มันเปิด vcd ตากใบบนเวทีพันธมิตรโน่น นั่นแหละ แนวร่วมพวกแบ่งแยกดินแดนของจริง



 
ไม่ต้องเป็นพวกรับจ้าง หรือนัดแนะอะไรกันหรอกครับ ถึงจะรู้ได้ว่าใครมีความคิดเห็นอย่างไร อยู่ฝ่ายไหน

แค่อ่านให้มากขึ้น ฟังมากขึ้น ก็รู้แล้ว

ควายมันฟังดนตรีไม่เป็น ถึงจะสีซอยังไงมันก็ไม่รู้เรื่อง
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังร้องมอๆๆๆ ไม่เลิก ให้เราฟังอยู่ดี :slime_sleeping:




หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: อิรวันชาห์ IrWanSyah ที่ 20-06-2008, 15:43
ยิ่งพูดมาก ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าทำไมปัญหาภาคใต้มันถึงเกิดขึ้นมา มีคนอย่าง kingkong059 อยู่ในพื้นที่นี่เอง  


บังไม่ได้จบตะวันออกกลาง จบจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่ ป.ตรีจากเมืองไทย มอ.หาดใหญ่

สงสัยจะไม่รู้จักบังโม เจ้าเก่าห้องราชฯซะแล้ว  พึ่งเล่นบอร์ดหรือไอ้น้อง



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 20-06-2008, 16:00
ไอ้คนที่ใช้ชื่อโมเสสเนี่ยใครครับ น่าทุเรศ

บังโม ห้องราชที่ผมรู้จักเป็นคนน่ารัก มีความรู้ สุภาพ
ไม่ได้หยาบคายไร้สติแบบไอ้นี่

โขมยชื่อคนอื่นเค้ามาใช้ก็อุบาทว์พออยู่แล้ว
ยังโชว์สันดานถ่***อีก

สมกับเป็นลิ่วล้อเหลี่ยมจริงๆ

 :slime_mad: :slime_mad: :slime_mad:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: kingkong059 ที่ 20-06-2008, 16:07
หรอผมก็จบมอหาดใหญ่เหมือนกันไม่ต้องรู้ว่าคณะไหนหรอกตังแต่ยังไม่สร้างความแตกแยกโดยการคลุมผ้าเรียนอยูเรียนปัตตานีตลอดผ่านอาซิส่บอยผ่านตังแต่มีตึกแค่ตึกเดียวรถรับส่งไม่มีทำไมจะไม่สมัยก่อนเด็ก มอ ปายยังไม่คลุมผมผู้ชายใส่ขาสั้นไปเรียนชาตินี้คงไม่เห็นแบบนั้นอีกแล้วเสียใจมากเรียนมาเลหรอแย่ กพ รับรองเปล่าแต่นะเคยไปอยู่มาเลมาก็เห็นดิว่าเด็กมาเลร้อยละ50ไม่คลุมผมแล้วไม่เรียนศาสนาแล้วจะมาเปิดในไทยทำมวะไอแหลงเพาะพันเชื้อโรคไม่เข้าใจ


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: อิรวันชาห์ IrWanSyah ที่ 20-06-2008, 16:09
บอกแล้วว่าเป็นใครไม่สำคัญ พิจารณาความคิดเห็นเป็นพอว่าจริงหรือเปล่าที่ว่ามา

ขอสรุปกระทู้นี้ ก่อนที่เรื่องมันจะไปไกลกว่านี้นะครับว่าเหมือนที่กล่าวก่อนหน้านี้แหละ
 

อ้างถึง
ควายนั้นบริโภคหญ้าเกือบทุกชนิด

แต่วัวจะเลือกหญ้ามากกว่าควาย  หญ้าบางอย่างวัวไม่กินแต่ควายกิน เช่น หญ้านกเค้า หญ้าส้ม หญ้าขนหมู หญ้าบากควาย

ส่วนคน ซึ่งก็อยู่ในคลาสแมมมาเลีย จะเลือกบริโภคออย่างชาญฉลาดกว่ามาก

อย่างน้อยก็ในการบริโภคการข่าวสาร

ยิ่งถ้ารู้ว่าสื่อใดเป็นศัตรูกับอีกฝ่าย ข่าวสารที่ได้รับมาก็กรองแล้วกรองอีก ตรวจสอบข่าวที่จะบริโภคอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะเชื่อข่าวสารนั้นๆ

เรื่องเขมรนี่ก็เช่นเดียวกัน เพราะทหารก็ออกมาบอกแล้ว

http://www.livevideo.com/video/embedLink/36312DF01E9440719BB03DC381D2E31A/680333/map1.aspx

สาวกแป๊ะนรกตาสว่างได้แล้ว


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: อิรวันชาห์ IrWanSyah ที่ 20-06-2008, 16:12
อ้างถึง
หรอผมก็จบมอหาดใหญ่เหมือนกันไม่ต้องรู้ว่าคณะไหนหรอกตังแต่ยังไม่สร้างความแตกแยกโดยการคลุมผ้าเรียนอยูเรียนปัตตานีตลอดผ่านอาซิส่บอยผ่านตังแต่มีตึกแค่ตึกเดียวรถรับส่งไม่มีทำไมจะไม่สมัยก่อนเด็ก มอ ปายยังไม่คลุมผมผู้ชายใส่ขาสั้นไปเรียนชาตินี้คงไม่เห็นแบบนั้นอีกแล้วเสียใจมากเรียนมาเลหรอแย่ กพ รับรองเปล่าแต่นะเคยไปอยู่มาเลมาก็เห็นดิว่าเด็กมาเลร้อยละ50ไม่คลุมผมแล้วไม่เรียนศาสนาแล้วจะมาเปิดในไทยทำมวะไอแหลงเพาะพันเชื้อโรคไม่เข้าใจ

ความแตกต่างไม่ใช่ความแตกแยก ปัญหามี เพราะต่างคนอยากให้คนอื่นๆต้องเหมือนเราต่างหาก  


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: kingkong059 ที่ 20-06-2008, 16:23
ยังงั้นหรอแปลว่าตุรโลกีหามคลุมผมในมหาลัย ฟรังเศสห้ามคลุมผมไปเรียนหรือไปห้องสมุดแล้วน่าจำไม่ได้ แต่ตรุกีนี้เร็วๆนี้เองความแตกต่างไม่ใช่ความแตกแยก ปัญหามี เพราะต่างคนอยากให้คนอื่นๆต้องเหมือนเราต่างหากหรออย่าให้ผมพูดยาวลงไปใน..........ที่สับสนของคุณดีกว่าเพราะคุณยังแยกไออกเลยว่าอะไรเป็นวัตนะทำอะไรเป็น.............แต่นะโรงเรียนที่อนประวัติอาหรับไม่สอนประวัติไทยก็อย่างนี้แหละแล้วยังเรียนวัตนะทำอาหรับอีกไม่เรียนในวัตะทำตัวเองแย่วะโรงเรียนที่เพาะพันเชื่อชัวก็อย่างนีแหละ ใกล้5โมงแล้วไปละหมาดได้แล้วแล้วทุมหนึงก็อยาลืมละหมาดละมัวแต่เชียลูกพี่อยู่ได้


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: อิรวันชาห์ IrWanSyah ที่ 20-06-2008, 16:32
บังว่าคุณเองต้องเรียนภาษาไทยอีกเยอะนะ  วัตนะทำ(วัฒนธรรม) เพาะพัน(เพาะพันธุ์) !!!!!!!! 

พูดถึงเรื่องรัฐธรรมนูญเซคคิวลาร์ตูรกีที่กำลังจะถูกพรรค AKP เปลี่ยนแปลง(พรรคพลังประชาชนของชาวตูรกี) จนพวกตุลาการรัฐธรรมนูญ(ที่มีทหารหนุน)ออกมายันเรื่องกฏหมายคลุมผ้านั่นหรือครับ............  ไปศึกษาการเมืองภายในของเขาก่อนว่าอะไรเป็นอะไร

ส่วนที่ฝรั่งเศส ถ้าคุณยกประเด็นเชื้อชาติ เพื่อเหยียดหยามพวกอาหรับและอัฟริกา คุณจะได้คะแนนจากพวกชาตินิยมอย่างล้นเหลือ

เหมื่อนที่แป๊ะนรกกำลังหยิบยกเอาประเด็นเขาพระวิหารมาใช้เพื่อโค่นล้มรัฐบาลนี่แหละ เรื่องการเมืองไม่ต่างกันเลย


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 20-06-2008, 16:38
นอกจากนี้ในคดีปราสาทพระวิหาร กัมพูชายังได้เสนอให้ศาลโลกวินิจฉัยสถานะทางกฎหมาย
ของแผนที่ภาคผนวก 1 (ที่กัมพูชาได้เปรียบ) และเส้นเขตแดนในอาณาบริเวณพิพาท

แต่ศาลโลกไม่รับพิจารณาในประเด็นสถานะทางกฎหมายของแผนที่ และเส้นเขตแดนพิพาท

เรื่องนี้มีความสำคัญมาก เพราะหากไทยยอมรับเสียเองว่า พื้นที่บริเวณที่ตั้งปราสาทพระวิหาร
อยู่ในอำนาจของกัมพูชา ก็เท่ากับยอมรับเกินคำตัดสินของศาลที่ปฏิเสธไม่รับพิจารณาตั้งแต่ต้น

ดังนั้นเราจึงอนุโลมแค่ให้กัมพูชามีสิทธิในตัวปราสาทพระวิหาร แต่ไม่ยอมรับว่ากัมพูชามีอำนาจ
เหนือพื้นที่ตั้งปราสาทพระวิหาร เป็นประเด็นที่ต้องระลึกไว้ตลอดเวลา

เพราะหากเรายอมรับอำนาจของกัมพูชา อาจเท่ากับไปยอมรับแผนที่ที่กินเขตแดนประเทศไทย
ตลอดแนวพรมแดนลาวและกัมพูชาที่ยังไม่ได้ปักปันเขตแดนแน่ชัด ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก

ส่วนในอนาคตเราสามารถนำปราสาทพระวิหารกลับมาได้หรือไม่คงไม่มีใครทราบ

ความจริงการถือปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลโลก ไทยเราก็ปฏิเสธไม่ยอมรับคำพิพากษาตั้งแต่ต้น
ปัจจุบันเขมรก็รุกล้ำเข้ามาในเขตไทยเกินกว่าคำพิพากษา เราต่างหากที่เป็นผู้เสียหาย  :slime_smile:







"สรุปกรณีพระวิหารอย่างย่อ ไทยได้ดินแดนทับซ้อน-เขมรได้จดทะเบียนมรดกโลก


20 มิถุนายน 2551


สรุปกรณีเขาพระวิหารอย่างย่อ ด้วยคำอธิบายจากคุณ X-Phone



"สรุปผลการเจรจาก็คือ ไทยได้เปรียบเรื่องพื้นที่ทับซ้อน ส่วนเขมรได้ประโยชน์คือการจดทะเบียนเป็นมรดกโลก ตามนั้นครับไม่ต้องคิดมาก ส่วนแผนที่ใหม่ที่นพดลยังไม่ได้มาเปิดเผย เพราะมีข้อตกลงกับทางรัฐบาลกัมพูชาไว้ เนื่องจากจะทำให้พรรคการเมืองฝ่ายค้านโจมตีได้ เพราะจะไปกระทบการเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชา

สำหรับนักวิชาการที่ออกมาพูดว่าเรายอมรับ เรื่องแผนที่กัมพูชา ก็หยุดได้แล้วนะครับ รอหลังจากเดือนกรกฎาคม หลังการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว รัฐบาลไทยจะออกมาแถลงอีกทีหนึ่ง

อ้อ.. และใครคิดว่าหลังจากกัมพูชาได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว จะทำให้ไทยเสียเขาพระวิหารทั้งลูกน่ะ สัญญายูเนสโกว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลก ค.ศ. 1972 ระบุว่าการขึ้นทะเบียนไม่กระทบต่อการอ้างสิทธิในดินแดน ดังนั้นไทยได้ประโยชน์ตรงพื้นที่ทับซ้อนแน่นอน หากกัมพูชาสามารถขึ้นทะเบียนเอาเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกได้จริง"


ส่วนคำอธิบายของอีกท่านหนึ่ง คือ "คุณหมอแว่น" ได้พยายามจะเล่าเรื่องราว สาเหตุที่ทำให้ไทยต้องเสียเขาพระวิหารให้กับฝรั่งเศส ซึ่งปกครองประเทศกัมพูชาอยู่ในช่วงรัฐกาลที่ 5 ของไทย

"ความจริงต้องเท้าความไปที่สมัยรัชกาลที่ 5ฝรั่งเศส นำเรือรบมาปิดอ่าวไทย ทำให้สยามต้องเสียกัมพูชา เพื่อรักษา อธิปไตยของประเทศ สยามเอาไว้ โดยเมื่อทำสนธิสัญญายกดินแดนกัมพูชาให้ฝรั่งเศส ในครั้งนั้น เขาพระวิหารยังอยู่ในเขตแดนของประเทศสยาม

แต่หลังจากนั้น ฝรั่งจอมโกง ได้ทำแผนที่ขึ้นมาใหม่ (ที่แอบเอาเขาพระวิหารไปไว้ในเขตของประเทศกัมพูชา)รูปแบบสวยหรูระดับมาตรฐานโลกมาให้รัฐบาลสยามในสมัยนั้น

รัฐมนตรีมหาดไทยคนแรกของสยาม(ขออภัยที่ไม่เอ่ยนาม) ได้ส่งหนังสือขอบคุณ ไปให้ฝรั่งเศสในจดหมายตอนหนึ่งมีข้อความว่า ขอขอบคุณที่ท่านได้ส่งแผนที่ "ที่ดีและถูกต้อง" มาให้จำนวน 5 ชุด โดยไม่ได้ตรวจสอบว่าฝรั่งเศสแอบเอาเขาพระวิหารไปแล้ว

และเมื่อท่านรัฐมนตรีท่านนี้ไปเที่ยวที่ เขาพระวิหาร ก็มีกองทหารเกียรติยศของฝรั่งเศส มาเข้าแถวให้การต้อนรับ(เขาถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานเลยนะ) ท่านรัฐมนตรีท่านนี้คงดีใจ ที่ทางฝรั่งเศสเอาทหารมาให้เกียรติ แต่ที่จริงนั่นเป็นการยอมรับว่าฝรั่งเศส มีอธิปไตยเหนือบริเวณ เขาพระวิหาร

ในประเทศไทยไปไหนมีกองทหารเกียรติยศต้องใช้ทหารไทยไม่ใช่ทหารฝรั่งเศส

นี่คือหลักฐานที่ศาลโลกใช้ตัดสินว่าเราได้ยกเขาพระวิหารให้กับฝรั่งเศสไปเรียบร้อยแล้ว

ทางประเทศไทยไม่ทราบว่าประเทศกัมพูชามีหลักฐานเหล่านี้จึงมั่นใจว่าจะชนะคดี (ถ้าคิดว่าแพ้คดีแน่คงไม่ยินยอมแน่ๆ)จึงยอมให้ศาลโลกตัดสินคดี(ศาลโลกจะตัดสินคดีระหว่างประเทศได้ต่อเมื่อประเทศคู่พิพาทยินยอมที่จะให้ศาลโลกตัดสิน เมื่อตัดสินแล้วต้องทำตาม)

ศาลโลกตัดสินในปี 2505 เขาพระวิหารก็ตกเป็นของกัมพูชาตั้งแต่นั้น แม้ไทยจะสงวนสิทธิ์อะไรก็เป็นการแก้ขวยไปอย่างนั้นแหละ ไม่มีผลอะไรทางกฎหมายระหว่างประเทศ"


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 20-06-2008, 17:12
แปะมั่ง

ไทยอาจเสียดินแดนครั้งที่ 15  
ไทยรัฐ[20 มิ.ย. 51 - 17:16]
 
ในที่สุด นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีต่างประเทศ ก็ผลักดันให้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ และ คณะรัฐมนตรี ลงมติรับรอง “แผนที่เขาพระวิหาร” ที่ “รัฐบาลกัมพูชา” เป็น “ฝ่ายจัดทำ” ได้สำเร็จ และ เตรียมนำไปแนบท้ายทะเบียนการขึ้นมรดกโลกของ ปราสาทเขาพระวิหาร ตามที่ ฝ่ายกัมพูชา ชงมาให้เรียบร้อยโรงเรียนฮุนเซน

นายนพดล ที่มีตำแหน่งเป็น รัฐมนตรีต่างประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ นักข่าวอย่างปลาบปลื้มก่อนเข้าประชุม ครม.ว่า

เดิมกัมพูชาเสนอแผนที่มา 2 แบบ แผนที่แบบที่ 2 รุกล้ำเข้ามาใน ดินแดนไทย แต่กระทรวงต่างประเทศสามารถเจรจาให้ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารตามแบบที่ 1 ที่ไม่รุกล้ำดินแดนไทยได้ หากปล่อยไปจนถึง เดือนกรกฎาคมกัมพูชาจะขึ้นทะเบียนลักษณะ 1+2 คือมีพื้นที่ทับซ้อนของไทยด้วย

นายนพดลโอ้อวดด้วยว่า ถ้าผมไม่ได้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ผมเรียนโดยตรงว่า เขาอาจจะขึ้นทะเบียนทั้งแบบที่ 1 และ 2 แต่เมื่อผมเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ก็ช่วยให้ขึ้นทะเบียนเพียงแบบที่ 1 ไม่มี 2

ฟังดูเหมือนนายนพดลจะขอความดีความชอบในการเจรจาครั้งนี้เสียด้วย

แต่ในเวทีการพูด สิ่งที่ นายนพดล ทำไปอย่างที่ให้สัมภาษณ์ กลับเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงยิ่งในเวทีการเจรจาดินแดนระหว่างประเทศ เพราะนายนพดลยอมรับว่า กำลังเล่นตามเกมที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้กำหนด โดนฝ่าย ไทยไม่มีไพ่ในมือเลย แม้แต่ แผนที่แบ่งแยกดินแดนทั้ง 2 ฉบับ ฝ่ายกัมพูชาก็เป็นฝ่ายเขียนขึ้นแต่ฝ่ายเดียว แล้วให้ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายเลือก นายนพดลก็เลือกแผนที่แบบที่ 1

เมื่อเลือกแล้ว นายนพดลก็ปกปิดคนไทยทั้งประเทศ ไม่ยอมเปิดเผยแผนที่ของกัมพูชาที่ตัวเองเลือกให้ดู โดยอ้างว่าเป็นความลับ ทั้งๆที่ไม่ใช่ความลับ เพราะการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ต้องประกาศอย่างเปิดเผยไปทั่วโลก

แค่ยกแรก นายนพดล ตัวแทนประเทศไทย ก็ แพ้กัมพูชา ไปแล้ว

ในเกมการเมืองระหว่างประเทศ แม้แต่เงื่อนไขการค้าทั่วไป สองฝ่ายก็ต้องมีข้อเสนอของฝ่ายตนอยู่ในมือ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ฝ่ายตนจะได้ประโยชน์ เพื่อใช้เป็นข้อต่อรองในการเจรจา เพื่อให้ฝ่ายตนได้ประโยชน์มากที่สุด

แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ “การเสียดินแดน” ที่อาจจะเกิดขึ้นได้

นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีต่างประเทศไทย กลับไปเจรจากับเขมรด้วยมือเปล่า ไม่มีแผนที่ที่เป็นข้อเสนอของฝ่ายไทยนำไปขึ้นโต๊ะเจรจา แต่กลับยอมรับเอา “แผนที่ฝ่ายกัมพูชากำหนดทั้ง 2 ฉบับ” เป็นเงื่อนไขเจรจา ซึ่งในทางการทูตถือว่าแพ้ตั้งแต่ยังไม่เจรจาแล้ว เพราะแผนที่กัมพูชาเขียนทั้ง 2 ฉบับ ย่อมเป็นแผนที่ที่ฝ่ายกัมพูชาได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฉบับ เพียงแต่ได้มากและได้น้อยเท่านั้นเอง

ฝ่ายที่จะเสียและเสียอย่างเดียวก็คือ ฝ่ายไทย เพราะไม่มีแผนที่ไปต่อรอง

ผมไม่อยากมองว่า การเอาดินแดนประเทศไทยไปเป็นเดิมพันครั้งนี้ จะมี ผลประโยชน์ส่วนบุคคล เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างที่มีการลือและกล่าวหากันในเวลานี้หรือไม่

แต่มีข้อมูลเชิงลึกบอกว่า หลังจากที่ปราสาทเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของโลกแล้ว ที่เชิงเขาพระวิหารฝั่งกัมพูชา ก็จะมีโครงการ “กาสิโน เอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์” เกิดขึ้น เพื่อเป็นแหล่งการพนัน บันเทิง และท่องเที่ยวที่ สำคัญของกัมพูชาติดชายแดนไทยอีกแห่ง ซึ่งเป็น โครงการในความฝัน อีกโครงการของ นายกฯสมเด็จฮุนเซน แห่งกัมพูชาที่คิดมานานแล้ว

หากยอมปล่อยให้ นพดล ปัทมะ เล่นไปตามเกมที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้กำหนดอย่างนี้ ผมเชื่อว่าโอกาสที่ไทยจะเพลี่ยงพล้ำเสียดินแดนครั้งที่ 15 เป็น ไปได้สูงยิ่ง

ในยุครัตนโกสินทร์สองร้อยกว่าปีมานี้ ไทยเสียดินแดนไปแล้ว 14 ครั้ง ครั้งสุดท้ายคือเขาพระวิหาร เสียดินแดนไปแล้ว 782,877 ตารางกิโลเมตร จากพื้นที่ประเทศไทยอันยิ่งใหญ่ไพศาล 1,294,992 ตารางกิโลเมตร ในอดีต เหลือแค่ 512,115 ตารางกิโลเมตรในปัจจุบัน หรือจะต้องเสียดินแดนอีกครั้งในยุคนี้.

"ลม เปลี่ยนทิศ"
 
 


หัวข้อ: เปิดจม.เสนีย์ มติครม.2505 ชี้ชัดปราสาทพระวิหารของ'เขมร' อยู่บนแผ่นดิน'ไทย' (ดูจม
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 20-06-2008, 18:42
http://www.matichon.co.th/news_title.php?id=2308

อ้างถึง
เปิดมติคณะรัฐมนตรี พ.ศ.2505 พร้อมจดหมายโต้ตอบ และการแสดงข้อคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ภายหลังศาลโลกตัดสิน ให้ 'ปราสาทเขาพระวิหาร' ตกเป็นของกัมพูชา นัยยะชี้ชัด ไทยยอมรับคำตัดสิน แต่ยืนยันหนักแน่น ตัวปราสาทอยู่ในดินแดนไทยมาแต่ดั้งเดิม   เช่นนั้น มติครม.

 ทั้งหมด เป็นเอกสารทางราชการ จากสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศ  'เขาพระวิหาร' รวมทั้งจดหมายของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช มีถึงจอมพลสฤษฎิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ยืนยันว่า คำพิพากษาของศาลโลก ผิดทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและความเป็นธรรม

1.ลับที่สุด ด่วนที่สุด
ที่ ๕๔๙/๒๕๐๕

๒๑ มิถุนายน ๒๕๐๕

เรื่อง คำพิพากษาคดีเขาพระวิหาร
เรียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
อ้างถึง โทรเลขของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ 39/2505 และโทรเลขของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ที่ 40/2505

สิ่งที่ส่งมาด้วย สำเนารูปถ่ายบันทึกแสดงความเห็นในชั้นต้นของศาสตราจารย์อังรี โรแลง ตามโทรเลขของกระทรวงฯ ที่อ้างถึงข้างต้น ขอให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ส่งสำเนาคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในคดีเขาพระวิหารให้ทนายของเราทุกคน และให้รายงานความรู้สึกและความคิดเห็นของศาสตราจารย์อังรี โรแลง ถ้าหากมีเกี่ยวกับคำพิพากษาฯ ให้กระทรวงฯ ทราบความแจ้งอยู่แล้ว นั้น

ขอเรียนว่า สำหรับเรื่องการส่งคำพิพากษาของศาลฯ ไปให้ทนายนั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ดำเนินการแล้ว โดยชั้นต้นได้ส่งคำพิพากษาไปให้ศาสตราจารย์โรแลง, เซอร์แฟรงค์ ซอสคิส และนายเจมส์ เนวิน ไฮด์ คนละ 1 เล่มเมื่อวันที่ 18 เดือนนี้ ทั้งนี้เพราะคำพิพากษาที่ศาลฯ พิมพ์สำหรับใช้ชั้นแรกมีจำนวนจำกัด สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รีบติดต่อกับสำนักจ่าศาลฯ ขอคำพิพากษาเพิ่มเติมเพิ่งได้วันนี้อีก 3 ชุด และจะได้รีบจัดการส่งให้นาย เจ.จี. เลอเคนส์, นายเดวิด ดาวส์น และนายมาร์เซล สลูสนี โดยด่วนที่สุดในวันนี้

สำหรับเรื่องต่อมาคือ เรื่องความรู้สึกและความคิดเห็นของศาสตราจารย์โรแลง เกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลฯ นั้น ทันทีที่ได้รับโทรเลขกระทรวงฯ ข้าพเจ้าได้โทรศัพท์นัดหมายและได้เดินทางไปพบศาสตราจารย์โรแลง ณ กรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันที่ 20 เดือนนี้ ศาสตราจารย์โรแลงได้ให้ความเห็นชั้นต้นโดยย่อ ดังปรากฏในสำเนาบันทึกที่ได้แนบมาเพื่อกระทรวงฯ ได้โปรดทราบ ณ ที่นี้ เรื่องนี้สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รายงานให้กระทรวงฯ ทราบแล้ว โดยทางโทรเลขที่อ้างถึงข้างต้น จึงขอเรียนมาเพื่อเป็นการยืนยันอีกครั้งหนึ่ง
 ข้าพเจ้าขอถือโอกาสนี้รายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ในระหว่างการสนทนา ข้าพเจ้าได้สอบถามความรู้สึกและความคิดเห็นของศาสตราจารย์โรแลง ในเรื่องต่างๆ ดังต่อไปนี้ด้วย คือ

1.ความถูกต้องยุติธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ของศาลฯ
 ข้าพเจ้าได้ถามความเห็นของศาสตราจารย์โรแลงว่า โดยที่ในปัจจุบันมีผู้พิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศอย่างน้อย 2 คน ที่เป็นคนสัญชาติของประเทศคอมมิวนิสต์โดยแท้จริง คือ นาย ปี.วินิอาสกี้ (โปแลนด์) ซึ่งเป็นประธานของศาลฯ และนาย วี. เอม.คอเรทสกี้ (สหภาพโซเวียต) ฉะนั้นจะเป็นไปได้หรือไม่ที่บุคคลเหล่านี้จะเอนเอียงเข้าข้างกัมพูชา ทั้งนี้เพราะกัมพูชาอ้างว่าเป็นกลาง แต่เป็นที่ทราบกันว่ามีความฝักใฝ่กับคอมมิวนิสต์มาก ส่วนประเทศไทยนั้นดำเนินนโยบายสนับสนุนประเทศฝ่ายตะวันตกอย่างชัดแจ้ง

ศาสตราจารย์โรแลงแจ้งว่า จากประสบการณ์ที่เคยว่าความในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมาช้านาน มีความรู้สึกอยู่ประการหนึ่งว่า ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่คอมมิวนิสต์แผ่อิทธิพลเข้าไปได้ยากแห่งหนึ่ง เพราะเหตุผลประการแรกคือ ผู้พิพากษาจากประเทศคอมมิวนิสต์มีจำนวนน้อย และประการต่อมา ลักษณะงานของศาลฯ หนักไปในทางวิชาการอยู่มาก

อย่างไรก็ดี ศาสตราจารย์โรแลงเห็นว่า สำหรับคดีเขาพระวิหารนี้ ผู้พิพากษาบางคน เช่น นายบาเดวังห์ (สัญชาติฝรั่งเศส) และนายคอเรทสกี้ (สหภาพโซเวียต) อาจมีความเอนเอียงเข้าข้างกัมพูชาก็เป็นได้ แต่ส่วนนายวินิอาสกี้ (โปแลนด์) นั้น เท่าที่รู้จักกันมา ศาสตราจารย์โรแลงเห็นว่า จะเป็นคอมมิวนิสต์ในนามมากกว่า เพราะมีท่าทีเป็นคนโปแลนด์สมัยก่อนคอมมิวนิสต์อยู่มาก เป็นนักกฎหมายและอายุมากแล้ว เข้าใจว่าจะไม่สนใจกับลัทธิคอมมิวนิสต์ในการปฏิบัติหน้าที่มากนัก

ศาสตราจารย์โรแลงแจ้งต่อไปว่า คำพิพากษาคดีเขาพระวิหารได้เขียนขึ้นด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ อาจกล่าวได้ว่ามากกว่าคำพิพากษาคดีอื่นๆ ส่วนมากถ้อยคำที่เขียนไม่แสดงให้เห็นร่องรอยของความลำเอียงหรือความไม่ยุติธรรม นอกจากนั้น ศาสตราจารย์โรแลงมีความเห็นว่าผู้พิพากษาบางคน อาทิ เช่น เซอร์เจอรัลล์ ฟิตสมอริซ (สัญชาติอังกฤษ) เป็นต้น มีท่าทีอยากจะช่วยประเทศไทยอยู่มาก แต่คงไม่อาจทำได้ ดังจะเห็นได้จากความเห็นเอกเทศแนบท้ายคำพิพากษาในคดีนี้

2.การดำเนินการขั้นต่อไปในด้านคดีความ
 ข้าพเจ้าได้สอบถามความเห็นของศาสตราจารย์โรแลงว่า ประเทศไทยจะควรดำเนินในอย่างใดต่อไปในด้านคดีความ กล่าวคือจะสมควรฟ้องร้องขอให้ศาลฯ พิจารณาเกี่ยวกับแนวเขตในส่วนอื่นๆ ในบริเวณเทือกเขาดงรักซึ่งยังไม่ชัดแจ้งในขณะนี้หรือไม่? หรือจะควรดำเนินการอย่างอื่นใด?

ศาสตราจารย์โรแลงแจ้งว่า สำหรับเรื่องเขาพระวิหารนั้นเป็นอันหมดปัญหา เพราะศาลฯ ได้วินิจฉัยแล้ว แต่ก็เป็นการดีอย่างหนึ่งที่ผู้พิพากษาหลายคนเห็นว่า เอกสารแนบท้ายหมายเลข 1 ของกัมพูชาไม่สมบูรณ์ในขณะที่ทำซึ่งนับว่าผู้พิพากษาเหล่านี้เชื่อหลักฐานและข้อพิสูจน์ของฝ่ายไทย นอกจากนั้นในคำพิพากษาของศาลฯ ศาลฯ ก็มิได้วินิจฉัยให้ประโยชน์แก่ฝ่ายกัมพูชาตามข้อเสนอสุดท้ายของฝ่ายนั้นในข้อ 1 และ 2 สำหรับปัญหาเรื่องการจะฟ้องร้องขอให้ศาลฯ วินิจฉัยแนวเส้นเขตแดนโดยทั่วไปนั้น คิดว่าถ้ารอดูให้เรื่องคลี่คลายอีกสักเล็กน้อย จึงค่อยพิจารณาจะเหมาะสมกว่า

ศาสตราจารย์โรแลงได้แจ้งด้วยว่า ขณะนี้กำลังศึกษคำพิพากษาอย่างละเอียด และจะได้ทำบันทึกความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรส่งมายังข้าพเจ้าโดยด่วนต่อไป


จึงขอเรียนรายงานมาเพื่อกระทรวงฯ ได้โปรดทราบและพิจารณา
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
ลงพระนาม  วงษ์มหิป
(หม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกูร)


(http://www.matichon.co.th/htmleditcode/upload/pages/images4/02-Senee.jpg)


2.ด่วนมาก
ที่ สร. (๐๖๐๑) ๒๑๕๗๖/ ๒๕๐๕      กระทรวงการต่างประเทศ
๒๗ มิถุนายน  ๒๕๐๕

เรื่อง การปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลในคดีปราสาทพระวิหาร
กราบเรียน นายกรัฐมนตรี
อ้างถึง หนังสือกระทรวงการต่างประเทศที่ สร. (0601) 21136/2505 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2505

อนุสนธิหนังสือกระทรวงการต่างประเทศที่อ้างถึงข้างต้น กราบเรียนเรื่องบันทึกความเห็นของศาสตราจารย์ โรแลง พร้อมด้วยคำแปลภาษาไทย และสำเนาหนังสือรายงานของเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ความละเอียดแจ้งอยู่แล้ว นั้น

บัดนี้ กระทรวงการต่างประเทศขอประทานเสนอแนวทางเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลในคดีปราสาทพระวิหาร เพื่อประกอบการพิจารณาของ ฯพณฯ ดังต่อไปนี้

1.ในคดีปราสาทพระวิหาร กัมพูชาและประเทศไทยได้รับพันธะที่จะปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล แต่กฎเกณฑ์เกี่ยวกับวีธีปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลนั้น กฎบัตรสหประชาชาติก็ดี ธรรมนูญศาลและข้อบังคับของศาลก็ดี มิได้วางหลักเกณฑ์ในเรื่องนี้ไว้ ดังนั้น การปฏิบัติจึงเป็นเรื่องของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย

ในคดีที่พิพาทเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารนี้ ศาลได้มีคำพิพากษา และชี้ขาดในส่วนที่จะต้องปฏิบัติไว้ว่าก.อำนาจอธิปไตยเหนือซากปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา

ข.ให้ประเทศไทยถอนกำลังทหาร ตำรวจ คนเฝ้า หรือยามรักษาการที่ได้ส่งไปประจำ ณ ปราสาทพระวิหาร ออกจากปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นดินแดนของกัมพูชา

2.สำหรับ ข้อ ก. คำพิพากษามิได้กำหนดหน้าที่ให้ประเทศไทยต้องปฏิบัติ แต่มีหน้าที่จะต้องงดเว้นการปฏิบัติ กล่าวคือ ไทยจะไม่รุกล้ำเข้าไปในบริเวณซากปราสาทพระวิหาร ซึ่งศาลได้พิพากษาให้อยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งถ้าหากมีการกระทำเช่นนั้น กัมพูชาก็อาจจะอ้างได้ว่าเป็นละเมิดต่ออธิปไตยของกัมพูชาเหนือซากปราสาทพระวิหาร

3.สำหรับ ข้อ ข. ประเทศไทยมีพันธะจะต้องถอนกำลังทหาร ตำรวจ คนเฝ้าหรือยามรักษาการ จากซากปราสาทพระวิหาร ซึ่งในคำพิพากษาของศาลก็มิได้มีการห้ามมิให้ประเทศไทยมีกำลังทหาร หรือตำรวจ อยู่นอกบริเวณซากพระวิหาร ซึ่งเป็นอาณาเขตของไทยแต่เรื่องที่ยากแก่การปฏิบัติก็คือ คำพิพากษามิได้ชี้ขาดอย่างชัดแจ้งว่า ซากพระวิหารมีอาณาเขตกว้างขวางเพียงใด ดังนั้น อาจจะมีปัญหาเรื่องการปักหลักเขตแดนใหม่ ซึ่งตามคำพิพากษาของศาลก็มิได้ถือตามแผนที่ภาคผนวก แต่อาจถือตามสันปันน้ำ เว้นแต่บริเวณซากปราสาทเท่านั้น

4.สำหรับ ข้อ ค. ประเทศไทยมีพันธะจะต้องคืนวัตถุจำนวน 1 ชิ้น ที่นักเรียนจากกรมศิลปากร ได้นำเอามาจากปราสาทพระวิหาร วัตถุชิ้นนี้เป็นศิลามีคำจารึกที่อ่านไม่ออกแผ่นศิลาชิ้นนี้กัมพูชาอ้างว่าได้โยกย้ายมาจากปราสาทพระวิหาร โดยอ้างหนังสือของกรมศิลปากรเป็นพยานหลักฐานในคดี

5.การปฏิบัติตาม ข้อ ข. นี้ ไทยอาจปฏิบัติได้เองในบางส่วน แต่การปักหลักเขตแดนเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาเกี่ยวกับบริเวณพระวิหารนั้น น่าจะได้กระทำเมื่อกัมพูชาขอมา และด้วยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย

เรื่องนี้ ปรากฏในบันทึกความเห็นของศาสตราจารย์ โรแลง ฉบับลงวันที่ 21 มิถุนายน 2505 ซึ่งให้ความเห็นว่า ถ้ารัฐบาลไทยเห็นชอบและเห็นเป็นโอกาสอันควรศาสตราจารย์ โรแลง ก็จะรับเป็นผู้ไปทาบทามนาย ปินโต และนาย เรอแตร์ ทนายความของกัมพูชา อย่างไม่เป็นทางการให้

6.ส่วนการปฏิบัติตาม ข้อ ค. นั้น จะต้องคืนให้แก่ผู้มีอำนาจรับมอบแทนรัฐบาลกัมพูชา และควรจะรอไว้ให้กัมพูชาขอมาเสียก่อน เพื่อจะได้ทราบว่าผู้ใดเป็นผู้ที่มีอำนาจรับมอบ

ฉะนั้น จึงขอกราบเรียนมาเพื่อพิจารณา ณ ที่นี้
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง

(นายถนัด คอมันตร์)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย


(http://www.matichon.co.th/htmleditcode/upload/pages/images4/04-Senee.jpg[iimg]3.ที่ กต. ๗๖๗๘/๒๕๐๕     สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี๒๘ มิถุนายน ๒๕๐๕เรื่อง ความเห็นของทนายความฝ่ายไทยเกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในคดีเขาพระวิหารเรียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอ้างถึง หนังสือกระทรวงการต่างประเทศที่ สร. (0601) 30613/2505 ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2505 และที่ สร. (0601) 20687/2505 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2505ตามที่ได้รายงานความเห็นของศาสตราจารย์อังรี โรแลง เซอร์ แฟรงก์ ซอสคิส และนาย เจ. จี. เลอเลนส์ ทนายความฝ่ายไทยเกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในคดีเขาพระวิหาร ไปเพื่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีทราบ ความแจ้งอยู่แล้วนั้นได้นำเสนอ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทราบแล้วด้วยความขอบคุณขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง(นายมนูญ บริสุทธิ์)เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกองนิติธรรม[img]http://www.matichon.co.th/htmleditcode/upload/pages/images4/11-Senee%2028June.jpg)


4.ด่วนมาก
ที่ สร. (๐๖๐๑) ๒๒๗๐๙๘/๒๕๐๕    กระทรวงการต่างประเทศ
๑๗ สิงหาคม ๒๕๐๕
เรื่อง นำส่งบันทึกข้อสังเกตเกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในคดีปราสาทพระวิหาร
กราบเรียน นายกรัฐมนตรี
อ้างถึง

1. หนังสือกระทรวงการต่างประเทศที่ สร.(0201) 21771/2505 ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2505 และ
2. หนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ กต.7964/2505 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2505
สิ่งที่ส่งมาด้วย บันทึกข้อสังเกตเกี่ยวกับคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) ลงวันที่ 12 สิงหาคม 2505 รวม 30 ชุด

อนุสนธิหนังสือกระทรวงการต่างประเทศที่อ้างถึง นำเสนอบันทึกข้อสังเกตเกี่ยวกับคำพิพากษาในคดีปราสาทพระวิหาร ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2505 ไปเพื่อ ฯพณฯ พิจารณา และหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่อ้างถึงแจ้งมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2505 อนุมัติให้พิมพ์บันทึกข้อสังเกตดังกล่าวแล้วได้ นั้น

ขอกราบเรียนว่า ก่อนที่จะเปิดเผยบันทึกฉบับนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ให้นักกฎหมายของกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติม บันทึกดังกล่าวแล้วอีกครั้งหนึ่ง ดังบันทึกข้อสังเกตเกี่ยวกับคำพิพากษาในคดีปราสาทพระวิหาร ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2505 ที่ขอประทานเสนอมาพร้อมกับหนังสือนี้ รวม 30 ชุด

ขอแสดงความนับถือ

(นายถนัด คอมันตร์)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

5.ส่วนตัว      สำนักงานทนายความ
เสนีย์ ปราโมช
๒๗ สิงหาคม ๒๕๐๕
 
เรียน ท่านนายกรัฐมนตรี ที่นับถือ


ตามที่รัฐบาลได้แต่งตั้งกรรมการขึ้นเพื่อตรวจพิจารณาและทำคำติชมคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ในคดีเขาพระวิหารนั้น กรรมการได้ตรวจพิจารณาทำคำวิจารณ์เสร็จแล้ว ผมจึงได้ส่งวิจารณ์ไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตามทางการ ปัญหาที่กรรมการได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณามีว่า ถ้ารัฐบาลเห็นชอบด้วยกับวิจารณ์คำพิพากษาของกรรมการแล้ว จะเป็นการสมควรหือไม่ที่รัฐบาลจะเผยแพร่วิจารณ์ออกไปในเวลานี้ กรรมการได้เสนอเหตุผลต่างๆ เกี่ยวกับข้อนี้มาในบันทึกประกอบวิจารณ์

ถ้ารัฐบาลเห็นว่า เป็นการสมควรที่จะเผยแพร่วิจารณ์พิพากษาในเวลานี้ ผมมีความยินดีจะช่วยเผยแพร่ในทางแสดงปาฐกถาต่อนักศึกษาและผู้สนใจในเรื่องนี้ทั่วไป เพราะตั้งแต่ได้ข่าวว่าศาลตัดสินให้ไทยแพ้คดี นักศึกษามหาวิทยาลัยรวมทั้งประชาชนผู้สนใจได้มารบเร้าให้ผมไปชี้แจงแสดงความจริงในเรื่องนี้เสนอมา

เมื่อได้อ่านวิจารณ์คำพิพากษาแล้ว จะปรากฏในตอนท้ายว่า มีหลักวิชาการแผนที่เกี่ยวข้องอยู่ด้วยเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งกรรมการได้เรียนคำวิจารณ์ไปตามแนวความคิดเห็นของ พ.ท.พูนพล อาสนะจินดา ผู้เชี่ยวชาญที่ท่านนายกฯ ได้กรุณาอนุมัติให้มาช่วยงานนี้ แต่เท่าที่ได้พยายามเขียนออกมาเป็นคำพูด จะฟังได้สนิทเพียงไรยังเป็นปัญหาอยู่ วิจารณ์ส่วนนี้จะเร้าใจได้ดีเมื่อมีผู้เชี่ยวชาญนำแผนที่มาแสดงให้ดู เช่นที่กล่าวถึงการปูเส้นกระด้างเป็นเส้นเขตแดน ซึ่งจะทำให้เขตแดนเคลื่อนที่จากความจริงปั่นป่วนกันไปขนาดนั้น เมื่อ พ.ท.พูนพล อาสนะจินดา นำแผนที่มาแสดงให้ดู กรรมการจึงเห็นความจริงตามหลักวิชาได้อย่างชัดแจ้ง กรรมการจึงได้ปรารภกันว่า ถ้ารัฐบาลเห็นเป็นการสมควรที่จะให้มีการเผยแพร่วิจารณ์คำพิพากษาแล้ว หากจะอนุมัติให้มีการแสดงทางโทรทัศน์โดยให้ พ.ท.พูนพล อาสนะจินดา นำแผนที่ไปแสดงให้เห็นเป็นจริงเป็นจังตามหลักวิชาการด้วย อาจได้ผลดี และเมื่อปรารภกันดังนี้แล้ว กรรมการจึงได้มอบหมายให้ผมพิจารณาหาทางเรียนมาให้ท่านนายกฯ ทราบ

ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า วิจารณ์คำพิพากษานี้จะเป็นเครื่องมือช่วยให้รัฐบาลแสดงความชอบธรรมของไทย และจะแสดงให้คนทั้งหลายได้ทราบว่า ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินคดีนี้ผิดทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ตลอดจนความเป็นธรรม สมดังที่รัฐบาลได้วิจารณ์ไว้แต่เบื้องต้น

     ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง 
         (ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช)

6.ที่ ๑๗๖๓๔/๒๕๐๕    สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

๑๓ กันยายน ๒๕๐๕

เรื่อง บันทึกวิจารณ์คำพิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในกรณีปราสาทเขาพระวิหาร
เรียน หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ประธานคณะกรรมการพิจารณาคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในกรณีเขาพระวิหาร
อ้างถึง หนังสือที่ 368/2505 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2505 และหนังสือลงวันที่ 27 สิงหาคม 2505

ตามที่ได้ส่งบันทึกของคณะกรรมการฯ เกี่ยวกับคำวิจารณ์คำพิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในกรณีปราสาทเขาพระวิหาร และขอเผยแพร่คำวิจารณ์ไปเพื่อพิจารณา นั้น
 ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาด่วน
 คณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2505 ลงมติให้กระทรวงการต่างประเทศรับไว้ประกอบการพิจารณา เมื่อมีเรื่องที่จะต้องดำเนินการต่อไป
 จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

(นายมนูญ บริสุทธิ์)
เลขาธิการคณะรัฐมนตรี

(http://www.matichon.co.th/htmleditcode/upload/pages/images4/15-Senee%2013Sep.jpg)


บรรพบุรุษของเรา สู้เพื่อนแผ่นดินไทยกันมาตลอด ตราบจนไอ้เหลี่ยมไอ้เหล่มามีอำนาจ ก็ยอมขายชาติเอาดื้อๆ เวรกรรม  :slime_worship:



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: thana-2006 ที่ 21-06-2008, 09:51
ใครพอจะทราบไหมครับว่า ประเทศมหาอำนาจเคยขึ้นศาลโลกบ้างไหม แล้วเคยตัดสินให้ประเทศมหาอำนาจแพ้บ้างไหม แล้วเวลาแพ้ประเทศมหาอำนาจเคยปฏิบัติตามบ้างไหม  อยากรุ้นะครับ :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 21-06-2008, 21:49

"สรุปกรณีพระวิหารอย่างย่อ ไทยได้ดินแดนทับซ้อน-เขมรได้จดทะเบียนมรดกโลก

20 มิถุนายน 2551

สรุปกรณีเขาพระวิหารอย่างย่อ ด้วยคำอธิบายจากคุณ X-Phone

"สรุปผลการเจรจาก็คือ ไทยได้เปรียบเรื่องพื้นที่ทับซ้อน ส่วนเขมรได้ประโยชน์คือการจดทะเบียนเป็นมรดกโลก ตามนั้นครับไม่ต้องคิดมาก ส่วนแผนที่ใหม่ที่นพดลยังไม่ได้มาเปิดเผย เพราะมีข้อตกลงกับทางรัฐบาลกัมพูชาไว้ เนื่องจากจะทำให้พรรคการเมืองฝ่ายค้านโจมตีได้ เพราะจะไปกระทบการเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชา

ไม่ทราบว่าคุณ X-Phone เป็นใคร ที่สรุปมามีข้อมูลอะไรยืนยัน?

ถ้าปัญหาที่กัมพูชามากมายขนาดนั้น ก็ควรรอให้เลือกตั้งเสร็จก่อน
แล้วค่อยมาคุยกัน เพราะมันไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วนของประเทศไทย

ไม่ทราบว่าคุณนพดลจะต้องไปสนใจ ปกป้องผลประโยชน์ของ
นักการเมืองในพรรครัฐบาลกัมพูชาทำไม?
หรือคุณนพดลเผลอคิดว่าตัวเองเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลกัมพูชา?  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 21-06-2008, 22:00
ใครพอจะทราบไหมครับว่า ประเทศมหาอำนาจเคยขึ้นศาลโลกบ้างไหม แล้วเคยตัดสินให้ประเทศมหาอำนาจแพ้บ้างไหม แล้วเวลาแพ้ประเทศมหาอำนาจเคยปฏิบัติตามบ้างไหม  อยากรุ้นะครับ :slime_sentimental:

ลองดูพฤติกรรมของรัฐบาลสหรัฐฯ และธนาคารโลก ต่อกรณีศาลโลกตัดสินเมื่อ 4 ปีก่อน
ให้อิสราเอลรื้อกำแพงกั้นอิสราเอล-ปาเลสไตน์

นอกจากอิสราเอลจะไม่สนใจปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลโลกแล้ว
ปรากฎว่าทั้งสหรัฐฯ และธนาคารโลกยังให้เงินสนับสนุนการสร้างกำแพงต่ออีกด้วย  :slime_smile:

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ธนาคารโลกสนับสนุนทางการเงินแก่การสร้างกำแพงกั้นอิสราเอล-ปาเลสไตน์

อเมริกันซ่อนหา: ข่าวที่ไม่เป็นข่าว ประจำปี พ.ศ. ๒๕๔๙
(ข่าวการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม)
ภัควดี วีระภาสพงษ์ : นักวิชาการ และ นักแปลอิสระ

ทั้งๆ ที่ศาลโลกมีมติออกมาในปี ค.ศ. 2004 เรียกร้องให้รื้อกำแพงกั้นอิสราเอล-ปาเลสไตน์
และชดเชยค่าเสียหายให้ชุมชนที่ได้รับผลกระทบ แต่การก่อสร้างกำแพงกลับเร่งมือยิ่งขึ้น
แนวกำแพงกั้นนี้รุกลึกเข้าไปในดินแดนของปาเลสไตน์ ช่วยให้อิสราเอลผนวกดินแดนไปเป็นของตน
ได้มากขึ้นและแบ่งแยกดินแดนของ ปาเลสไตน์ออกเป็นส่วนๆ

ในรายงานของธนาคารโลกที่ออกมาในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2004 ได้แสดงวิสัยทัศน์ถึง "การพัฒนาเศรษฐกิจ"
ของปาเลสไตน์ โดยไม่เอ่ยถึงการสร้างกำแพงที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

พร้อมกันนั้น ธนาคารโลกวางเค้าโครงนโยบาย "เขตการค้าเสรีตะวันออกกลาง" (Middle East Free Trade Area
-MEFTA) ให้แก่ปาเลสไตน์ โดยธนาคารโลกเสนอให้การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อสร้างเขตอุตสาหกรรม
ขนาดใหญ่เพื่อการส่งออก และอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังยึดครองอิสราเอล เขตอุตสาหกรรมนี้จะก่อสร้าง
บนที่ดินรอบกำแพง ชาวปาเลสไตน์ที่ถูกกักขังอยู่หลังกำแพงและไร้ที่ดินทำกิน สามารถทำงานเพื่อรายได้ต่ำมายังชีพ

ธนาคารโลกยังเสนอให้สร้างประตูและด่านตรวจไฮเทค ที่ควบคุมโดยกองทัพอิสราเอลตลอดแนวกำแพง เพื่อให้
สามารถควบคุมชาวปาเลสไตน์และขนถ่ายสินค้าได้โดยสะดวก นอกจากนี้ยังมีระบบถนนกั้นกำแพงและอุโมงค์
สำหรับให้คนงานชาวปาเลสไตน์เดินทางไปทำงานได้ แต่เดินทางไปที่อื่นไม่ได้ โรงงานนรกจะกลายเป็นช่องทาง
ยังชีพที่ไม่มีทางเลือกอื่นมากนักสำหรับชาวปาเลสไตน์ ที่ถูกจองจำอยู่ในชุมชนที่ถูกตัดขาดออกจากกันในเขตเวสต์แบงก์

ธนาคารโลกระบุชัดเจนว่า ค่าแรงในปัจจุบันของชาวปาเลสไตน์สูงเกินไปสำหรับภูมิภาคนี้ ทำให้ไม่สามารถแข่งขัน
กับประเทศอื่น ทั้งๆ ที่ค่าแรงของชาวปาเลสไตน์ต่ำกว่าค่าแรงเฉลี่ยในอิสราเอลถึงสามส่วนสี่ ดังนั้น นอกเหนือจาก
การถูกยึดครองและถูกบังคับขับไล่แล้ว ชาวปาเลสไตน์กำลังจะตกเป็นอาณานิคมทางเศรษฐกิจอีกด้วย เขตอุตสาหกรรมนี้
ย่อมเป็นผลประโยชน์ของอิสราเอลในการผลิตสินค้าราคาถูกเพื่อส่งออก

ธนาคารโลกมีแผนที่จะให้ปาเลสไตน์กู้ยืมเงิน เพื่อนำมาสร้างโครงสร้างพื้นฐานตามนโยบาย MEFTA สาเหตุเบื้องหลัง
ไม่ใช่เพราะความใจดีของธนาคารโลก แต่เป็นเพราะอิสราเอลไม่สามารถกู้ยืมเงินจากธนาคารโลก เพราะมีรายได้ต่อหัว
ประชากรสูงเกินไป นั่นหมายความว่า ชาวปาเลสไตน์จะต้องแบกหนี้ เพื่อนำเงินมาสร้างด่านตรวจไฮเทคเพื่อกักขังตัวเอง
ทั้งๆ ที่พวกเขาต่อต้านการสร้างกำแพงกั้นนี้ด้วยซ้ำ

นี่เป็นครั้งแรกที่ธนาคารโลกแสดงอาการกระ***นกระหือรือที่จะเข้าไปหนุนหลังอิสราเอลในการยึดครองดินแดนของ
ปาเลสไตน์ อดีตประธานธนาคารโลกคนก่อนคือ นายเจมส์ วูล์ฟเฟนโซน เคยปฏิเสธโครงการนี้มาแล้ว แต่ประธาน
ธนาคารโลกคนปัจจุบันคือ นายพอล วูล์ฟโฟวิทซ์ ซึ่งมีแนวคิดอยู่ในสายอนุรักษ์นิยมใหม่ตกขอบ คงต้องการมีผลงาน
ชิ้นโบดำระหว่างดำรงตำแหน่ง

ส่วนสหรัฐอเมริกาก็ฝ่าฝืนคำวินิจฉัยของศาลโลก และสนับสนุนเงินจำนวน 50 ล้านดอลลาร์ในการก่อสร้างประตูตาม
แนวกำแพง โดยอ้างว่าเพื่อ "ช่วยตอบสนองความจำเป็นของชาวปาเลสไตน์" สหรัฐอเมริกากำลังผลักดันการเจรจา
เขตการค้าเสรีแบบทวิภาคีกับหลายประเทศในอาหรับ กระทั่งเจ้าชายซาอุด อัล-ไฟซาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
การต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย ก็เคยออกมาแสดงความวิตกในเรื่องนี้


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: นักปฏิวัติ ที่ 21-06-2008, 22:36
ผมเพิ่งมาใหม่ ไม่ทราบมีผู้รู้ท่านใด ฟันธงว่า นายนพดล ผิด รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 หรือไม่ ครับ ?

เพราะผมตีความเอง(ไม่ใช่นักกฏหมาย) ว่าผิด เนื่องจาก ข้อตกลงดังกล่าว โดยพฤตินัย คือสัญญาว่าไทยยอมรับ ให้กัมพูชามีอธิปไตย เหนือปราสาทพระวิหาร แต่ข้อสงวนสิทธิ์ที่ทนายชุด ม.ร.ว.เสนีย์/ดร.สมปอง บอกว่า เราไม่เคยยอมรับโดยสิ้นเชิง และมีความเห็นว่า คำพิพากษาผิดทั้ง กฏหมาย ข้อเท็จจริง และไม่เป็นธรรม

นอกจากนี้ ถ้าถูกตีความทางกฏหมาย ว่า เสียอธิปไตย (อย่างน้อย พื้นที่ใต้ปราสาทล้วนๆ ก็นับเป็นอธิปไตย) นายนพดล ยังโดน มาตรา 119 ประมวลกฏหมายอาญา ซึ่งโทษแรงสุดๆ ถึงประหารหรือจำคุกตลอดชีวิตด้วย


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยน้ำตา 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2551 ไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารอย่างถาวร
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 22-06-2008, 00:10
ศาลโลก
ตอนนั้น เรายึดอยู่ ไม่ขึ้นศาลโลก ก็ไม่เห้นเป้นไร ศาลโลกทำอะไรไม่ได้คดีพิพาทแนวชายแดน ใช้กำลังป้องกันไว้ ยิ่งเป็นผา ไม่ลำบากเหมือนที่ราบ
ตอนแพ้ ถ้าดื้อไม่ยอมออก ก็คงไม่เสีย  แต่ไปเสียหายด้านอื่นแทน

ตอนนี้เขาครอบครองแล้ว ชวนขึ้นศาลโลก ใครเขาจะขึ้นด้วย หมดอายุค้าน มา36 ปีแล้ว
ถึงไม่หมดเขาก็ไม่เล่นด้วยหรอก  ถึงศาลโลกตัดสินให้เรา เขมรก็ไม่ยอมคืนอีกใครจะทำไม :slime_smile: